หนึ่งคนเสียสละเพื่อให้อีกคนพบสิ่งที่ดีกว่า
“ฟ้า เย็นนี้ไปดูหนังกันไหม” อิงอรถามเพื่อนของเธอ
“ไม่ไป ฟ้าจะรีบกลับไปอ่านหนังสือ” พราวฟ้าตอบเพื่อนสนิท
“โอเค งั้นเจอกันพรุ่งนี้นะ” อิงอรตอบแล้วเดินไปกับกลุ่มเพื่อนๆ ที่รออยู่
พราวฟ้า กิตติวรกุลและอิงอร เมธาวัลย์ เรียนอยู่ชั้นมัธยมศึกษาตอนปลายปีที่ห้า ทั้งคู่เป็นเพื่อนสนิทกันมาตั้งแต่ตอนเรียนมัธยมต้น พราวฟ้ามีชื่อเล่นว่าฟ้าส่วนอิงอรมีชื่อเล่นว่าอร ทั้งสองคนกำลังคร่ำเคร่งกับการอ่านหนังสือเพื่อเตรียมสอบเข้ามหาวิทยาลัย
อิงอรเกิดในครอบครัวชั้นกลาง เธอมีพี่น้องสามคนตัวเธอเป็นคนโตและมีน้องชายกับน้องสาว บ้านของอิงอรไม่ได้กวดขันอะไรกับลูกมากนักเพราะพ่อแม่ของเธอยินดีและเต็มใจกับทุกสิ่งที่ลูกจะมีความสุข อิงอรจึงเตรียมตัวเข้ามหาวิทยาลัยแบบสบายๆ ถ้าไม่ได้ตามที่ตั้งใจเธอก็แค่ไปเรียนมหาวิทยาลัยเปิดก็เท่านั้นเอง
อิงอรอยากเป็นดีไซเนอร์ เธอรักการแต่งตัว รักสวยรักงาม เธอคิดว่าถ้าเรียนด้านการออกแบบมันจะต่อยอดไปทำอะไรได้อีกหลายอย่างมากเพราะการออกแบบไม่ได้หยุดอยู่แค่เสื้อผ้า เธอชอบดูคลิปที่บล็อกเกอร์สาวๆ สาธิตการแต่งหน้าเพราะหลงใหลแพ็คเกจเครื่องสำอางเหลือเกิน หลายครั้งที่เธอซื้อก็เพื่อดูรายละเอียดของสินค้าว่ามันทำมาจากอะไร
พราวฟ้าเป็นลูกสาวคนเดียวของบิดาที่เป็นทันตแพทย์หรือหมอฟันส่วนมารดาเป็นกุมารแพทย์หรือที่ใครๆ เรียกว่าหมอเด็ก ไม่บอกก็น่าจะเดากันออกว่าครอบครัวของพราวฟ้าอยู่ในระดับสูง ทุกอย่างในชีวิตของเด็กสาวโปรยไปด้วยกลีบกุหลาบเธอไม่เคยผิดหวังและไม่เคยพบกับความพ่ายแพ้ ผลการเรียนของเธอเป็นที่หนึ่งมาตลอดผิดกับอิงอรเพื่อนสนิทที่สอบได้เลขสองตัวเสมอแต่เพื่อนเธอกลับไม่รู้สึกอะไร
พราวฟ้าไม่ได้เสพติดความสมบูรณ์แบบ เธอไม่ได้อยากแข่งขันเอาเป็นเอาตายกับลำดับตัวเลขและเกรดเฉลี่ยแต่พ่อกับแม่ตั้งความหวังไว้กับเธอสูงเหลือเกินเพราะเธอคือลูกสาวคนเดียวของแพทย์มือดีเบอร์ต้นๆ ของประเทศไทย
สองบ่าเล็กๆ ของพราวฟ้าจึงแบกความหวังอันยิ่งใหญ่ของบิดามารดาเอาไว้
“สวัสดีค่ะป้านิ่ม” พราวฟ้ายกมือไหว้ป้าแม่บ้านจริงๆ คือแม่คนที่สองของเธอมากกว่า เธอเจอหน้าป้านิ่มมากกว่าพ่อกับแม่ของตัวเองซะอีก
พราวฟ้าโตมากับคำว่า “เสียสละ” และ “หน้าที่” เธอเข้าใจดีว่าพ่อกับแม่ต้องช่วยชีวิตคนไข้ ทั้งสองคนสอนให้เธอคิดถึงคนอื่นให้มากและที่ทั้งคู่เข้มงวดกวดขันกับเธอเรื่องเรียนก็เพราะท่านทั้งสองอยากให้เธอเป็นหมอเพื่อช่วยเหลือชีวิตเพื่อนมนุษย์
“หนูฟ้าจะทานข้าวเลยไหมคะ”
“ทานเลยค่ะป้านิ่ม หนูขอไปเปลี่ยนชุดแปบเดียวค่ะ”
ป้านิ่มมาเริ่มงานที่บ้านด้วยหน้าที่แม่บ้านคอยดูแลทำความสะอาดและทำอาหารด้วยพอคุณแม่ตั้งท้องและคลอดเธอออกมา ป้านิ่มก็กลายเป็นแม่เลี้ยงเพิ่มขึ้นมาอีกหนึ่งตำแหน่งด้วยความเต็มใจ นิ่มเป็นสาวโสดถึนทึกไม่ได้แต่งงานและไม่มีญาติที่ไหนมีก็แต่ครอบครัวกิตติวรกุลที่เธอรับใช้มาร่วมสามสิบปีเท่านั้น
บ้านของพราวฟ้าเป็นบ้านขนาดสามห้องนอนและมีสวนเขียวขจีแถมยังมีน้ำตกจำลองอยู่ด้านหลังตัวบ้านด้วย วันหยุดเด็กสาวมักจะหอบหนังสือไปอ่านที่ศาลาไม้ใกล้กับน้ำตก เธอชอบเสียงน้ำไหลเบาๆ มันทำให้เธอมีสมาธิในการอ่านหนังสือ
“ว่าไงเบลล์คนสวย หวัดดีจ้ะอดัมสุดหล่อ” เบลล์คือแมวสาวขนสีขาวสะอาดตา ส่วนอดัมคือแมวหนุ่มรูปหล่อสีส้มขนฟู เจ้าเหมียวทั้งสองอยู่ๆ ก็มานอนซุกกันตรงถังขยะหน้าบ้านเมื่อสามปีก่อนเธอเลยขออนุญาตพ่อกับแม่เลี้ยงทั้งคู่ไว้
ชื่อของแมวทั้งสองตัวมาจากการ์ตูนเรื่องโปรด “โฉมงามกับเจ้าชายอสูร” หรือ “Beauty and the Beast” เธอสามารถเปิดการ์ตูนเรื่องนี้ฉายซ้ำวนไปทั้งวันโดยไม่มีความเบื่อเลย
พราวฟ้าเข้าไปเปลี่ยนเสื้อผ้าในห้องนอนของตัวเอง แวะเติมข้าวให้เจ้าแมวทั้งสองแล้วจึงเดินลงไปทานมื้อเย็น
“ป้านิ่มคะ ตอนเข้ามหาวิทยาลัยถ้าหนูไปอยู่หอพักป้านิ่มจะเหงาไหมคะ” พราวฟ้าถามระหว่างที่ช่วยกันล้างจานชามหลังจากทานอิ่มแล้ว
“เหงาสิคะหนูฟ้าแต่ถ้าหนูฟ้าต้องลำบากไปๆ กลับๆ ป้าก็จะอดทนค่ะ รถรามันติดขนาดนั้นหนูฟ้าจะเหนื่อยเกินไป”
“หนูเหงากว่าป้านิ่มแน่ๆ” พราวฟ้าตอบแล้วครุ่นคิดว่าเธอจะมีชีวิตอยู่เพียงลำพังได้ยังไง จริงอยู่ว่าพ่อกับแม่ห่วงและหวงเธอมากแต่เรื่องไปอยู่หอพักทั้งคู่กลับสนับสนุน
พ่อกับแม่บอกว่าการออกไปอยู่ด้วยตัวเองจะทำให้เป็นผู้ใหญ่ขึ้น รู้จักรับผิดชอบมากขึ้นและก็เป็นการวัดใจด้วยว่าเวลาห่างหูห่างตาพ่อแม่ เธอจะทำตัวยังไงจะปล่อยตัวปล่อยใจจนเหลวแหลกเสียคนไหม
“ถ้าป้านิ่มง่วงก็นอนเลยนะคะไม่ต้องเอานมขึ้นไปให้หนูหรอก”
เมื่อทานมื้อเย็นเสร็จพราวฟ้าก็จะขึ้นไปอ่านหนังสือจนดึกดื่นทุกคืน ส่วนมากป้านิ่มจะเอานมอุ่นๆ มาให้เธอตอนสี่ทุ่มกว่า ป้านิ่มพักอยู่ในบ้านหลังเล็กติดกับบ้านใหญ่ของเธอ
“เจ้าเหมียวน่ารักจริง” สามทุ่มกว่าพราวฟ้าพักสายตาด้วยการเข้าไปดูเพจแมวต่างๆ ที่เธอตามไว้ในเฟสบุ๊ค เธอเป็นทาสแมวตัวจริงเสียงจริง ดูได้จากของทุกอย่างในห้องมีแมวเกลื่อนไปหมดทั้งที่นอน หมอน ผ้าม่าน เสื้อผ้า ของใช้ทุกสิ่งทุกอย่างจะมีแมวอยู่ในนั้นเสมอ เจ้าเหมียวทั้งสองนอนกับเธอบนเตียงแต่เจ้าขนฟูก็สามารถเดินไปไหนต่อไหนได้สะดวกสบายเพราะประตูห้องเธอติดประตูแมวบานเล็กไว้ด้านล่าง
“เหมียวชายแดน” พราวฟ้าตามเพจแมวอยู่หลายสิบเพจแต่มีแค่เพจเหมียวชายแดนเท่านั้นที่เธอกดติดดาวไว้เพื่อที่จะไม่พลาดทุกความเคลื่อนไหว
แอดมินเพจคือทหารชายแดนที่จังหวัดปัตตานี ทุกสองสามวันพี่ทหารก็จะอัพรูปแมวในฐานพร้อมข้อความน่ารักๆ ที่เรียกว่าภาษาแมวให้แฟนเพจได้อ่าน เธอใจหายใจคว่ำทุกครั้งเวลาที่เพจไม่มีอะไรอัพเดทติดกันหลายๆ วัน เพราะกลัวแอดมินจะเป็นอะไร
ที่ฐานมีแมวอยู่ห้าสิบกว่าตัวตามคำบอกเล่าของแอดมินและก็เพิ่มจำนวนขึ้นเรื่อยๆ เพราะแมวเหล่านั้นไม่ได้ทำหมัน การจะเดินทางลงไปพื้นที่อันตรายแบบนั้นเป็นเรื่องลำบากมาก ต้องใช้กำลังคนในการคุ้มกันไหนจะต้องหาที่พักให้สัตวแพทย์อีก พี่ทหารทุกคนจึงทำเท่าที่จะทำได้
นอกจากเพจจะอัพรูปแมวแล้วแอดมินก็ยังเล่าเรื่องราวชีวิตความเป็นอยู่ของทหารชายแดนให้แฟนเพจอ่านด้วย เธอคิดไม่ออกเลยว่าการต้องใส่เสื้อเกราะหนักกว่าสิบกิโล ถือปืนอันใหญ่มหึมา นอนกลางดินกินกลางทราย มันจะลำบากและทรมานขนาดไหน เวลาฝนตกพวกพี่ทหารๆ ก็วิ่งหลบฝนไม่ได้ถ้ายังอยู่ในหน้าที่พวกเขาต้องยืนตากฝนอยู่แบบนั้นจนกว่าจะออกเวร
“ง่วนแล้ว ตัวแนวไปนอนก่อนเนะ” นี่คือภาษาแมวที่แสนจะน่ารักคิขุที่ออกมาจากปลายนิ้วของทหารหาญ เธออ่านแล้วก็ได้แต่อมยิ้มให้กับความอารมณ์ดีของแอดมิน
“ฟ้า พ่อกับแม่กลับมาแล้วลูก” สี่ทุ่มนิดๆ ทั้งคู่ก็เดินเข้ามาหาเธอในห้อง
“ทานข้าวกันรึยังคะ”
“ทานแล้วลูก เหนื่อยเหลือเกินขอไปนอนก่อนนะหนูก็อย่านอนดึกมาก” แม่หอมแก้มเธอส่วนพ่อก็ลูบหัวเบาๆ แล้วก็เดินออกไป เด็กสาวกลับมาตั้งหน้าตั้งตาอ่านหนังสืออีกครั้งเป้าหมายวันนี้คือนอนเที่ยงคืน
“หนูฟ้า จะเที่ยงคืนแล้วนอนเถอะค่ะ” นิ่มเห็นไฟในห้องนอนของหนูฟ้ายังไม่ปิดจึงอุ่นนมขึ้นมาให้
“ค่ะป้า หนูก็ว่าจะนอนแล้ว” ห้าทุ่มห้าสิบห้านาที พราวฟ้าลุกไปอาบน้ำแล้วกลับมาดื่นนมอุ่นๆ และเมื่อหัวถึงหมอนเธอก็หลับสนิททันที
“เชิญจ้ะ ตามสบายนะ” กอบสุขบอกด้วยเสียงสั่นๆ เพราะดำรงไม่ได้มาคนเดียวแต่พาเพื่อนมาอีกสองคน “คุณกอบจำเรื่องที่เคยบอกผมได้ไหมครับ” ดำรงถาม “จำได้จ้ะ เรื่องนั้นใช่ไหม” “คุณกอบต้องพูดให้ชัดเจนนะครับ กระซิบบอกผมคนเดียวก็ได้เพราะทุกอย่างจะเกิดขึ้นเพียงทางเดียวเท่านั้นคือคุณกอบยินยอม” “ฉันอยาก xxx” กอบสุขสูดลมหายใจเข้าปอดแล้วเชิดหน้าบอกอย่างมั่นใจ เธอต้องการมันและไม่ใช่เรื่องผิดบาปใดๆ ที่ผู้หญิงอยากทำแบบนี้ หากมันไม่เดือดร้อนใคร ทำไมจะทำไม่ได้ เพื่อนๆ ของดำรงไม่รีรอเมื่อคนชวนมาพยักหน้าเป็นเชิงอนุญาต
♡ แรกๆ ก็เอ็นดู หลังๆ ก็อยากให้ดูเอ็น ♡ บางส่วนจากนิยาย: กิตตินอนมองเอมิลี่แต่งตัวอย่างเพลิดเพลินแล้วความคิดซุกซนก็เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ไม่อยากให้เธอใส่เสื้อผ้าเลยให้ตายสิ อยากถอดเสื้อจัง อยากถอดกางเกงด้วย ชุดชั้นในก็ไม่ต้องใส่หรอกบดบังของสวยๆ ทำไม “แล้วพี่โก้ไม่แต่งตัวเหรอคะ” “แต่ง … แต่งครับ รอเดี๋ยวเดียวนะ” กิตติต้องหยุดความคิดฟุ้งซ่านลงก่อน “พี่โก้ไม่อยากไปใช่ไหมคะ” เอมิลี่เดินกลับไปหาคนที่ยังไม่ลงจากเตียง “อยากครับ ไปสิไปกันเลย พี่แต่งตัวอึดใจเดียวก็เสร็จแล้ว” “ไม่จริงหรอกค่ะ ทำอยู่ตั้งนานกว่าพี่โก้จะเสร็จ” คำเตือน: มีการสูญเสีย มีเหตุการณ์สะเทือนใจ
คุณท่านเสียว คุณชายยอดเยี่ยมที่โด่งดังในเมือง B ได้แต่งงาน แต่มีข่าวลือว่าเจ้าสาวมีรูปร่างหน้าตาที่น่าเกลียดและมีฐานะต่ำต้อย สามปีมานี้ เขาปฏิบัติกับเธออย่างเย็นชาและทำเหมือนเป็นคนแปลกหน้า เจียงซิงซิงอดทนกับความเย็นชาอย่างเงียบ ๆ เธอยังคงรักเขาอย่างสุดหัวใจ เสียสละความนับถือตนเองและยอมละทิ้งตัวตนของเธอเอง จนกระทั่งวันหนึ่ง สุดที่รักของเขากลับประเทศ เขได้สารภาพว่าเขาแต่งงานกับเธอเพียงเพื่อช่วยชีวิตคนรักในใจของเขาเท่านั้น เจียงซิงซิงเสียใจและผิดหวังมาก เธอจึงเซ็นเอกสารหย่าและจากไปด้วยความเศร้าใจ สามปีต่อมา เจียงซิงซิงผู้สวยงามจนน่าทึ่งกลับมาอีกครั้ง ได้กลายมาเป็นศัลยแพทย์ที่ดีที่สุดและเป็นยอดฝีมือด้านเปียโน อดีตสามีรู้สึกเสียใจ และกอดเธอแน่นท่ามกลางสายฝน เสียงของเขาสั่นเครือ "ที่รัก คุณเป็นของผม..."
หลังจากแต่งงานกันสามปี เจียงหยุนถังพยายามสุดความสามารถเพื่อช่วยชีวิตสามีที่ได้รับบาดเจ็บสาหัสจากอุบัติเหตุทางรถยนต์ โดยไม่คาดคิด ว่าเขาได้ละทิ้งเธอเหมือนกับขยะ รับรักแรกของเขากลับประเทศและตามใจเธอทุกอย่าง เจียงหยุนถังที่ท้อใจตัดสินใจหย่า และทุกคนต่างก็หัวเราะเยาะเธอที่กลายเป็นภรรยาที่ถูกทอดทิ้งจากตระกูลเศรษฐี อย่างไรก็ตาม เธอกลับเปลี่ยนแปลงตัวเองอย่างกะทันหันเป็นหมอเทวดาที่พบเจอยาก "Lillian"แชมป์แข่งรถที่มีฐานแฟนคลับจำนวนมาก และยังเป็นนักออกแบบสถาปัตยกรรมระดับโลกอีกด้วย ชายร้ายหญิงชั่วคู่นั้นเยาะเย้ยเธอว่า เธอจะไม่มีวันหาคู่รักได้ใ แต่ไม่คาดคิดว่าลุงของอดีตสามีของเธอ ซึ่งเป็นผู้บัญชาการทหารสูงสุดทำกแงทัพกลับมาเพียงเพื่อขอแต่งงานกับเธอ
ว่าที่ลูกสะใภ้ไฟแรงสูงเธอต้องเข้ามาอยู่ร่วมบ้านกับว่าที่พ่อผัวหม้ายร้างเมียมานายอรมปี
ผมต้องทำงานนอกเวลาทุกวันเพื่อหารายได้ประคองชีวิตและจ่ายค่าเรียนมหาวิทยาลัยด้วยตัวเอง เนื่องจากฐานะครอบครัวยากจนและไม่สามารถส่งเสียผมเข้ามหาวิทยาลัยได้ และตอนเรียนที่มหาวิทยาลัย ผมก็ได้พบกับเธอ-สาวแสนสวยที่หนุ่มๆ ทุกคนในชั้นเรียนต่างก็ใฝ่ฝันถึง ไม่เว้นแม้แต่ผมเอง แต่ผมก็รู้ตัวดีว่าตัวเองไม่คู่ควรกับเธอ ถึงอย่างนั้นก็ตาม ผมก็รวบรวมความกล้าสารภาพกับเธอจนได้ สุดท้ายผมนึกไม่ถึงว่าเธอจะยอมตกลงเป็นแฟนกับผม เธอบอกกับผมว่าอยากได้ของขวัญเป็นไอโฟนรุ่นล่าสุด ผมก็ไปรับงานซักเสื้อผ้าให้เพื่อนร่วมชั้นเรียนเพื่อพยายามเก็บเงินซื้อให้เธอจนได้ และในที่สุดหนึ่งเดือนต่อมา ผมก็ซื้อมาได้จริง ๆ แต่ขณะที่ผมกำลังห่อของขวัญเพื่อนำไปมอบให้เธอ ก็พบว่าเธอกำลังมีอะไรกับหัวหน้าทีมฟุตบอลในห้องล็อกเกอร์ เธอเหมือนเปลี่ยนเป็นอีกคนหนึ่งซึ่งผมไม่เคยรู้จักเลย เธอหัวเราะเยาะความโง่เขลาของผม เหยียดหยามศักดิ์ศรีของผม ปล่อยให้เขาซึ่งตอนนี้ได้กลายเป็นแฟนใหม่ของเธอไปแล้ว ทุบตีผม ผมนอนเจ็บอยู่บนพื้นอย่างสิ้นหวัง ต่อมา จู่ ๆ ผมก็ได้รับโทรศัพท์จากพ่อ ตั้งแต่วันนั้น ชีวิตของผมก็ได้เปลี่ยนแปลงไปอย่างกับหนัามือเป็นหลังมือ ใครจะไปรู้ว่า ผมเป็นลูกชายของมหาเศรษฐี
กู้ชิงเฉิงเชื่อมั่นมาตลอดว่าตราบใดที่เธอประพฤติตัวดี สักวันหนึ่ง เธอก็จะสามารถชนะใจมู่ถิงเซียวให้ได้ อย่างไรก็ตาม เมื่อเสิ่นถัง รักแรกที่เขาคิดถึงมาตลอดกลับมา ทุกอย่างก็เปลี่ยนไป กู้ชิงเฉิงเป็นคนว่าง่ายสอนง่ายจริงๆ เธอจัดงานแต่งงานด้วยคนเดียว และนอนคนเดียวในห้องผ่าตัดเพื่อรับการรักษาฉุกเฉิน มีข่าวลือว่าเธอบ้าไปแล้ว อันที่จริงเธอบ้าไปแล้วจริงๆ ที่รักใครสักคนอย่างไม่ละอายขนาดนี้ ต่อมา ทุกคนลือกันว่า กู้ชิงเฉิงป่วยหนักและกำลังจะเสียชีวิต มู่ถิงเซียวถึงสูญเสียการควบคุมอย่างสิ้นเชิง "ฉันไม่ปล่อยให้เธอตาย" แต่เธอกลับยิ้มอย่างนิ่งๆ ว่า "ดีจังเลย ฉันเป็นอิสระแล้ว" ใช่แล้ว ไม่ต้องการกู้ชิงเฉิงอีกแล้ว"
"ไล่ผู้หญิงคนนี้ออกไปซะ" "โยนผู้หญิงคนนี้ลงทะเลซะ" ขณะที่ไม่รู้จักตัวตนที่แท้จริงของเหนียนหย่าเสวียน โฮว่หลิงเฉินได้ปฏิบัติต่อเธออย่างไม่เป็นมิตร "คุณหลิงเฉินครับ เธอคือภรรยาของท่านครับ" ผู้ช่วยของหลิงเฉินกล่าวเตือนเขา เมื่อได้ยินเช่นนั้น หลิงเฉินหยุดเพ่งมองไปที่เขาอย่างเย็นชาและบ่นขึ้นมาว่า "ทำไมไม่บอกผมให้เร็วกว่านี้?" นับจากนั้นเป็นต้นมา หลิงเฉินได้ตามใจและรักใคร่ทะนุถนอมหย่าเสวียนมาตลอด โดยไม่มีใครคาดคิดว่าพวกเขาจะหย่าร้างกัน