ไผ่หลิว.. ผู้หญิงตัวเล็กๆที่ไร้พิษสง ดูไม่มีพิษมีภัยอะไร แต่เหตุไฉนถึงต้องมาขึ้นเวทีมวยด้วยเล่า!!! ก็นึกอยู่ว่ามันต้องมีเรื่องแย่ๆเกิดขึ้น เพียงแต่ไม่คาดฝันว่าตัวเองจะได้ขึ้น เวทีมวย! ย้ำนะว่ามันคือ เวทีมวย! สรุป! โทษทัณฑ์ที่จะต้องได้รับคือการได้มาเป็นกระสอบทรายของไอ้เสี่ยเวร!
เคยไหม.. มันจะมีเพื่อนอยู่คนหนึ่งที่ชอบเอาความเดือนร้อนมาให้ตลอด..
ฟังจากเสียงเคาะประตูที่รัวขนาดนี้ มีเรื่องมาอีกแน่แบบไม่ต้องฟันธงด้วย
“เออๆๆ รู้แล้วๆ มึงจะเคาะทำไมนักหนา กูได้ยินแล้ว เดี๋ยวข้างห้องเขาก็ออกมาด่าหน้ากูอีกหรอก”
ไผ่หลิว สาวร่างเล็กที่เพื่อนสนิทและคนรู้จักมักจะเรียกว่า ไอ้เตี้ย! เปิดประตูห้องด้วยความหงุดหงิดใจ นึกรู้ทันทีเลยว่าคนที่มาเคาะประตูห้องแบบนี้มีอยู่แค่คนเดียวเท่านั้น และทันทีที่เปิดออกก็ต่อว่าอีกฝ่ายทันที
“เออออ.. ขอโทษๆ ก็กูรีบ หลบหน่อยๆ”
น้ำหวาน เพื่อนสนิทที่ไม่ค่อยอยากสนิทด้วยสักเท่าไหร่ เพราะแม่งชอบสร้างแต่ปัญหาให้ แต่อย่างว่า ถ้าไม่คบมัน ตัวมันก็ไม่รู้จะไปคบใครเขาได้แล้ว แต่ข้อดีของมันก็คือความสวยแซ่บ ส่วนข้อเสียน่ะหรอ.. ก็คือทุกอย่างที่มันมีนั่นล่ะ!
ความสวยของมัน ก็คือภัยธรรมชาติดีๆนี่แหล่ะ
“อะไรของมึง อย่าบอกนะ ว่ามีเรื่องมาอีกแล้วอ่ะ”
ไผ่หลิวทำหน้าเครียด เมื่อเห็นเพื่อนสาวทำท่าลุกลี้ลุกลน จนคาดเดาได้ว่าอีกฝ่ายไปมีเรื่องราวมาแน่ๆเพราะทุกครั้งที่เป็นแบบนี้มันก็เป็นแบบนั้นมาตลอดไง!
“กูขอโทษ กูขอหลบอยู่กับมึงสักพักนะ”
“อีกและ คราวนี้ไปสร้างเรื่องกับใครมาอีกล่ะ”
“เสี่ยวอน!”
“ห๊ะ! อีเวร มีเรื่องกับผัวมา แล้วมาหลบอยู่กับกูเนี่ยนะ มึงคิดอะไรของมึงกันแน่เนี่ย ก็รู้อยู่ว่าผัวมึงเป็นคนยังไง แล้วที่สำคัญคือกูเกลียดขี้หน้าผัวมึงแค่ไหน”
ไผ่หลิวโวยลั่น เพราะคนที่เพื่อนมีปัญหาด้วยดันเป็นไอ้เสี่ยหน้าตายจอมกวนบาทานั่น เธอล่ะอยากจะหยุมหัวอีเพื่อนเวรนี่จริงๆ หาแต่เรื่องมาให้ แล้วเป็นใครใครก็ไม่เป็นด้วยนะ ดันมาเป็นไอ้เสี่ยเวรนี่ และแม่งก็ชอบมึนใส่ด้วยนะ
“ก็กูไม่รู้จะไปไหนนี่หว่า อีกอย่างมึงเป็นเพื่อนรักกูอ่ะ ไม่มาหามึงแล้วจะให้กูไปหาใคร”
“อย่ามา.. อย่าบอกว่ากูเป็นเพื่อนรักมึง เวลามึงแฮปปี้ ชีวิตดี๊ดีไม่เห็นจะนึกถึงกู ทีเอาตัวไม่รอดก็แรดมาหากูแบบด่วนทันใจเลยนะมึง”
“โห่ เลิกด่ากูสักทีเถอะ กูสำนึกไม่ทันหรอก”
“ใช่! กูก็นึกคำด่ามึงไม่ทันเหมือนกัน”
“ไผ่.. กูขอโทษ กูขออยู่กับมึงสักพักนะ นะเพื่อนรัก”
“เออๆ แต่อย่าเอาเรื่องเดือดร้อนมาให้กูเด็ดขาดเลยนะ กูบอกไว้ซะก่อน ไม่อย่างนั้นกูเนี่ยแหล่ะจะไปบอกผัวมึงเอง ว่ามึงหนีมาอยู่กับกู”
“อีโหดร้าย”
“ร้ายๆ อย่างมึงก็ต้องโดนซะบ้าง กูไม่เข้าข้างหรอก”
“แล้ววันนี้ ไม่ไปทำงานหรอ มึงไปไหนไหมอ่ะ” น้ำหวานถามเสียงอ่อย
“วันนี้หยุด แต่กูต้องไปซื้อของเข้าห้อง มึงจะเอาอะไรไหมล่ะ”
“เอา แหะๆ”
“ไม่ต้องมาแหะๆกับกู จะฝากซื้อก็เอาตังค์มา”
ไผ่หลิวยื่นมือออกไป มาอยู่กับเธอและหวังจะให้เธอเลี้ยง.. ไม่มีทางเสียหรอก ยิ่งใจดีกับมัน เดี๋ยวมันยิ่งได้ใจ
“ใจร้าย” น้ำหวานแกล้งบ่น
“เออ คราวหลังจะได้ไม่มาอยู่กับกูไง แล้วอยู่นี่ก็ทำตัวดีๆ ไม่ต้องเปิดต้อนรับแขกล่ะ”
“จ้า ไปดีมาดีนะเพื่อนรัก”
น้ำหวานยิ้มทะเล้น ถึงไผ่หลิวจะปากร้ายและชอบพูดตรงๆ แต่ก็ไม่เคยนิ่งเฉยใส่เธอเวลาที่เดือดร้อนมาเลยสักครั้ง
“กูขอโทษนะไผ่”
น้ำหวานเอ่ยออกมาในขณะที่มองตามหลังเพื่อนที่กำลังเดินออกไป เพราะมีความจริงบางอย่างที่เธอไม่กล้าบอกกับไผ่หลิว เพราะถ้าบอกตรงๆ อีกฝ่ายก็จะต้องโกรธเธอมากแน่ๆ เธอยอมให้เพื่อนด่าดีกว่าให้เพื่อนโกรธจนเลิกคบ
แต่ก็ยอมรับว่าเธอหนักใจเรื่องเสี่ยวอนไม่น้อย เพราะอีกฝ่ายไม่หยุดตามล่าหาตัวเธอแน่ๆ ทางที่ดีจะต้องรีบหาหนทางไปจากที่นี่ให้เร็วที่สุด ก่อนที่เสี่ยวอนจะหาตัวเธอเจอ และจะทำให้ไผ่หลิวก็ต้องพลอยเดือนร้อนไปด้วย
ไผ่หลิวกลับมาจากซื้อของเข้าห้อง ในขณะที่กำลังจะเดินเข้าหอพัก จู่ๆก็มีผู้ชายสองคนท่าทางนักเลงเดินเข้ามาดักข้างหน้า ไม่พอยังจะมีอีกสองที่มาประกบข้างหลังอีกด้วย
ทีแรกเธอก็นึกกลัว แต่พอเห็นผู้ชายอีกคนเดินหน้านิ่งเข้ามา ก็นึกรู้ทันทีว่าตัวเองจะต้องเจอกับอะไร
“ชิบหายแล้วไหมล่ะ” บ่นพึมพำออกมาเบาๆกับตัวเอง ในขณะที่ดวงตากลมโตก็จ้องมองผู้ชายหน้านิ่งมาดเยอะคนนั้นแบบไม่กล้ากระพริบตาเลยล่ะ
ไอ้เสี่ยวอน หรือ ไอ้คุณวรยศ ลูกท่านหลานเธอคนดีคนดังแห่งเมืองบางแสน ผู้ที่ชอบทำตัวเป็นมาเฟียในท้องถิ่น ที่ใครๆก็ไม่อยากจะมีเรื่องด้วย
ถึงมันจะหล่อ ทรงอย่างแบด แต่มันก็เถื่อนค่ะ!
ธุรกิจที่ทำก็มีทั้งร้านเหล้าและค่ายมวย ใครๆก็รู้ ว่าวันดีคืนดีมันก็ชอบหิ้วคนที่มันไม่ชอบหน้าขึ้นไปชกบนสังเวียน ทั้งที่อีกฝ่ายไม่ได้เต็มใจไปกับมันเลยสักนิด ทำนองว่าอยากชกคนแต่ทำให้มันถูกกฎหมาย เลยจับขึ้นสังเวียนแบบเนียนๆไป
แล้วไหนจะเรื่องผู้หญิงอีก เปลี่ยนเป็นว่าเล่น แต่มันก็เปย์ไม่อั้นเหมือนกัน อย่างน้ำหวานเพื่อนเธอไง ทั้งสวย ทั้งขี้อ้อนและเอาใจเก่ง ก็ยังจับมันอยู่หมัด แต่จากตอนนี้ที่มันหนีหัวซุกหัวซุนมาหาเธอ ดูท่าว่าคงไปทำให้มันโกรธมาก หรือไม่ก็ละเมิดไปทำผิดอะไรสักอย่างแน่ๆ
“เสี่ย..” เธอเรียกเขาเสียงอ่อนแล้วยิ้มบางๆให้ ในใจก็ตื่นเต้นระทึกไปหมด กลัวว่าอีกฝ่ายจะจับพิรุธของเธอได้
“อีหวานอยู่ไหน?”
ไผ่หลิวยิ้มค้างแบบสะดุดทันที เมื่อเจอคำถามที่ตัวเองก็เดาออกได้ตั้งแต่แรกกระแทกใส่หน้า
ทว่าด้วยความที่มีไหวพริบดี เธอเลยแสร้งทำเป็นตกใจ พร้อมทั้งถามกลับราวกับไม่เข้าใจในสิ่งที่เขาถาม
“ห๊ะ! อยู่ๆ เสี่ยมาถามหามันกับหนู แล้วหนูจะรู้ไหมอ่ะ”
“มึงอย่ามาตอแหล กูรู้ว่ามันมามุดหัวอยู่กับมึง”
“อ้าวเสี่ย พูดดีๆดิ หนูอุตส่าห์พูดดีๆกับเสี่ยนะ”
ลองพูดไม่ดีกับมันสิ โดนมันตบคว่ำเหมือนครั้งแรกที่เจอกันแน่ เพราะตอนนั้นเธอพูดจามึงๆกูๆกับมันเนี่ยล่ะ ผลปรากฎว่ามันไม่ชอบ เลยโดนมันตบหัวซะหน้าเกือบทิ่ม
ไผ่หลิวหุบปากหลังจากที่อิเสี่ยมันไม่ตอบกลับอะไรเลย.. ดูท่ามันคงจะไม่เล่นด้วยแน่ๆ
แต่คือมันก็เอาแต่จ้องมอง จนไม่รู้ว่ามันจะมองอะไรนักหนา แต่ท้ายที่สุดด้วยความอึดอัดที่อีกฝ่ายเอาแต่เงียบเธอก็เลยพูดออกไป
“จริงๆเสี่ย วันนี้หนูยังไม่เจอมันเลย แล้วก็ไม่อยากเจอมันด้วย เพราะเจอมันทีไรก็มีแต่เรื่องทุกที”
“กูถามมึงหรอ”
ไผ่หลิวรีบหุบปากทันทีที่ไอ้เสี่ยมันพูดแบบนั้น
หนอยยย.. ไอ้เสี่ยเวร! เดี๋ยวมึงได้เจอกูปั่นแน่
ลับหลังเธอไม่เคยเรียกมันดีๆสักครั้ง จากไอ้วอนก็เป็นไอ้เวรเนี่ยล่ะ เหมาะกับมันที่สุดแล้ว
“กูจะขึ้นไปดูที่ห้องมึง”
เพราะเธอรัก และทุ่มเททุกอย่างให้กับคนที่เธอรัก แต่สุดท้าย.. เธอก็กลับถูกทรยศหักหลัง ที่มาพร้อมกับตราบาป ที่ยากจะลืม..
เพราะความเห็นแก่ตัวของใครบางคน ก่อเกิดการแยกจากของคนทั้งสอง วันเวลาผ่านไป.. หัวใจของเขาหวนคืนกลับมาอีกครั้ง พร้อมกับอีกหนึ่งความลับที่ทำให้เขาแทบคลั่ง! แผนการทวงคืนทุกอย่างค่อยๆเริ่มขึ้น เขา.. ผู้ไม่สนใจใครหน้าไหน และแม้แต่วิธีการเขาก็ไม่เลือก ขอแค่ทวงคืนเธอได้ ต่อให้เลวแค่ไหน.. ใครจะสน!
ตลอดระยะเวลาสามปีที่หยุยเอินแต่งงานกับฝู้ถิงหย่วน เธอพยายามทำหน้าที่ภรรยาให้ดีที่สุด เธอคิดว่าความอ่อนโยนของตนจะสามารถละลายใจที่เย็นชาของฝู้ถิงหย่วนได้ แต่ต่อมาเธอก็รู้ตัวว่าไม่ว่าเธอจะพยายามแค่ไหน ผู้ชายคนนี้ก็ไม่มีวันจะตกหลุมรักเธอได้ ด้วยความสิ้นหวังของเธอ สุดท้ายเธอตัดสินใจที่จะยุติการแต่งงานครั้งนี้ ในสายตาของฝู้ถิงหย่วน หยุยเอิน ภรรยาของเขาเป็นผู้หญิงที่โง่ ไม่มีอะไรดีเลยสักอย่าง แต่เขาก็คิดไม่ถึงว่าภรรยาของเขาจะกล้าโยนใบหย่าใส่เขาต่อหน้าคนมากมายในงานเลี้ยงวันครบรอบฝู้ซื่อ กรุ๊ป หลังจากหย่าร้าง ทุกคนต่างคิดว่าพวกเขาจะไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกันอีกต่อไป แต่เรื่องราวระหว่างทั้งสองคงไม่ได้จบลงอย่างง่าย ๆ แบบนี้ หยุยเอินได้รับรางวัลบทภาพยนตร์ยอดเยี่ยม และคนที่เป็นผู้มอบถ้วยรางวัลให้กับเธอก็คือฝู้ถิงหย่วน หยุยเอินคิดไม่ถึงว่าผู้ชายที่สูงส่งและแสนเย็นชาคนนี้จะลดตัวลงอ้อนวอนเธอต่อหน้าผู้ชมทั้งหมด"หยุยเอิน ก่อนหน้านี้คือผมผิดเอง ขอโอกาสให้ผมอีกครั้งได้ไหม"หยุยเอินยิ้มด้วยความมั่นใจ"ขอโทษนะคุณฝู้ ตอนนี้ฉันสนใจแต่เรื่องงาน"ชายหนุ่มคว้ามือเธอไว้ ดวยตานั้นเต็มไปด้วยความผิดหวัง หยุยเอินสบัดมือเขาและเดินจากไปโดยปราศจากความลังเลใด ๆ
เซิ่งหนานหยินเกิดใหม่แล้ว ชาติที่แล้ว เธอถูกชายชั่วหักหลัง ถูกชายเสแสร้งใส่ร้าย โดนครอบครัวสามีเล่นงาน จนทำให้เธอล้มละลายและเป็นบ้าไป ในท้ายที่สุด เธอเสียชีวิตอย่างน่าสลดใจด้วยอุบัติเหตุทางรถยนต์เมื่อเธอตั้งครรภ์ได้ 9 เดือน แต่คนร้ายกลับทำเงินได้มากมาย และใช้ชีวิตทั้งครอบครัวอย่างมีความสุข เกิดใหม่ครั้งนี้ เซิ่งหนานหยินคิดตกอล้ว อะไรที่ว่าพระคุณช่วยชีวิต คนรักในใจอะไรกัน ล้วนไม่ต้องไปสน เธอจะจัดการชายชั่วหญิงร้าย สร้างชื่อเสียงให้กับตระกูลเก่าของตนเองขึ้นมาใหม่อีกครั้งและนำตระกูลเซิ่งไปสู่จุดสูงสุดของชีวิต สิ่งที่แตกต่างออกไปก็คือ คนที่หยิ่งมาตลอดในชาติที่แล้ว กลับเป็นฝ่ายริเริ่มมาหาเธอ "เซิ่งหนานหยิน การแต่งงานครั้งแรกผมไม่ทัน การแต่งงานครั้งที่สองก็ต้องถึงคิวผมแล้วสินะ"
ในสายตาของเขา เธอเป็นคนขี้โกหก ในสายตาของเธอ เขาเป็นคนไร้หัวใจ เดิมทีถังหว่านคิดว่าเธอคือคนพิเศษหลังจากอยู่กับเสิ่นติงหลานมาสองปี แต่สุดท้ายก็พบว่าตัวเองเป็นแค่ของเล่นที่สามารถทิ้งได้อย่างตามใจเมื่อไม่มีค่าอีกต่อไป จนกระทั่งถังหว่านเห็นว่าเสิ่นติงหลานพาคนรักของเขาไปตรวจครรภ์ เธอจึงยอมแพ้แล้ว เธอหยุดติดตามเขาอีก แต่จู่ๆ เขากลับไม่ยอมปล่อยเธอไป "ถ้าคุณไม่เชื่อฉัน ทำไมคุณไม่ปล่อยฉันไปล่ะ?" ชายผู้เคยหยิ่งยะโสขนาดนั้น ตอนนี้ก้มหัวลงและขอร้องว่า "หวานหว่าน ฉันผิดไปแล้ว โปรดอย่าทิ้งฉันไป"
"นางเป็นบุตรีผู้สูงศักดิ์ของฮูหยินเอกของจวนเสนาบดี นางมีหน้าตาโดดเด่น ทั้งอ่อนโอนและมีน้ำใจไมตรีต่อผู้อื่น แต่... นางทำดีต่อป้าของนาง นางกลับฆ่าแม่ของนางตาย นางรักเอ็นดูน้องสาวของนาง แต่น้องสาวกลับแย่งสามีของนางไป นางคอยสนับสนุนและดูแลสามีของนางอย่างสุดหัวใจ แต่สามีกลับทำให้นางตายทั้งกลม...ตระกูลฝ่ายมารดาของนางก็ถูกประหารชีวิตทั้งตระกูลด้วย นางตายตาไม่หลับและสาบานว่าหากมีชาติหน้า นางจะไม่เมตาตาต่อใครอีก ใครก็ตาม กล้ามาทำร้ายข้า ข้าจะล้างแค้นด้วยชีวิตทั้งตระกูลของพวกเจ้า เมื่อเกิดใหม่อีกครั้ง นางอายุได้สิบสี่ปี นางสาบานว่าจะต้องเปลี่ยนชะตากรรมและแก้แค้นชาติก่อน ป้านางใจ้ร้าย นางจะใจร้ายกลับยิ่งกว่านาง นางคิดจะได้ครองตำแหน่งฮูหยินงั้นเหรอ บอกเลยไม่มีทาง! ส่วนน้องสาวชอบผู้ชายชั่ว ๆ นักไม่ใช่หรือ ได้!ข้าจะยกให้เลย ส่วนชายชั่วนั่น ข้าจะทำให้เจ้าไม่สามารถมีทายาทได้อีกตลอดทั้งชาติ!แต่ข้าจะแก้แค้น เหตุใดเจ้าต้องมาช่วยข้าด้วย?"
กู้ชิงเฉิงเชื่อมั่นมาตลอดว่าตราบใดที่เธอประพฤติตัวดี สักวันหนึ่ง เธอก็จะสามารถชนะใจมู่ถิงเซียวให้ได้ อย่างไรก็ตาม เมื่อเสิ่นถัง รักแรกที่เขาคิดถึงมาตลอดกลับมา ทุกอย่างก็เปลี่ยนไป กู้ชิงเฉิงเป็นคนว่าง่ายสอนง่ายจริงๆ เธอจัดงานแต่งงานด้วยคนเดียว และนอนคนเดียวในห้องผ่าตัดเพื่อรับการรักษาฉุกเฉิน มีข่าวลือว่าเธอบ้าไปแล้ว อันที่จริงเธอบ้าไปแล้วจริงๆ ที่รักใครสักคนอย่างไม่ละอายขนาดนี้ ต่อมา ทุกคนลือกันว่า กู้ชิงเฉิงป่วยหนักและกำลังจะเสียชีวิต มู่ถิงเซียวถึงสูญเสียการควบคุมอย่างสิ้นเชิง "ฉันไม่ปล่อยให้เธอตาย" แต่เธอกลับยิ้มอย่างนิ่งๆ ว่า "ดีจังเลย ฉันเป็นอิสระแล้ว" ใช่แล้ว ไม่ต้องการกู้ชิงเฉิงอีกแล้ว"
ตลอดสิบปีที่ฉู่จินเหอรักเหลิ่งมู่หยวนฝ่ายเดียว เอาใจใส่กับเขาอย่างเต็มที่ แต่เธอไม่เคยคิดว่าที่แท้เธอเป็นแค่ตัวตลกคนหนึ่งเท่านั้น ที่สำนักงานเขตเพื่อทำการหย่า เหลิ่งมู่หยวนมองดูฉู่จินเหอด้วยความเย็นชาและพูดอย่างเหยียดหยามว่า "ถ้าเธอคุกเข่าลงและขอร้องฉัน ฉันอาจจะให้โอกาสเธอกอีกครั้ง ฉู่จินเหอเซ็นอย่างไม่ลังเลและออกจากตระกูลเหลิ่ง สามเดือนต่อมา ฉู่จินเหอปรากฏตัวอย่างเปิดเผย ในเวลานั้น เธอเป็นประธานเบื้องหลังของ LX นักออกแบบลับที่ล้ำค่าที่สุดในโลก และเจ้าของเหมืองที่มีมูลค่าหลายร้อยล้าน ทางตระกูลเหลิ่งคุกเข่าลงและขอร้องให้คืนดีและขอการให้อภัย ฉู่จินเหอแยู่ในโอบกอดของซีอีโอโจว ซึ่งเป็นคนใหญ่คนโตในโลกธุรกิจอย่างมีความุข เธอเลิกคิ้วพลางเยาะเย้ย "ฉันในตอนนี้ไม่ใช่คนที่พวกคุณมาเกี่ยวข้องได้"