ท่ามกลางบรรยากาศรอบตัวที่พลุกพล่านไปด้วยผู้คน กับสายลมหนาวที่พัดโชยเอื่อยๆ ไม่ว่าจะตึกราม บ้านช่องแปลกตาจนลอออรอดไม่ได้ที่จะเหลียวหน้าเหลียวหลัง อารยะธรรมที่แตกต่างจากถิ่นเกิดของตัวเองแบบสิ้นเชิง ความเป็นอยู่ที่ลอออรไม่ชินตา ไม่แปลกหรอก ลอออรคือสาวน้อยที่เสี่ยงดวงมาแสวงโชคในเมืองใหญ่อย่างปารีส เธอไม่ใช่นักตกทองที่อาศัยรูปร่างหน้าตาเป็นใบเบิกทาง ลอออรมีความฝันยิ่งใหญ่ นับตั้งแต่เด็กจนถึงปัจจุบัน ลอออรชอบออกแบบเสื้อผ้าเป็นงานอดิเรก ความฝันของเธอคือการเป็นดีไซเนอร์นั่นเอง ความฝันของลอออรใหญ่เกินกว่าจะเอื้อมถึง ทุกครั้งที่พูดให้เพื่อนหรือคนรู้จักฟัง สิ่งที่ได้คือเสียงหัวเราะ ลอออรไม่โกรธ เธอใช้แรงดูถูกจากคนรอบตัวเป็นแรงผลักดัน ใครจะรู้ล่ะ ไม่แน่ในอนาคต ลอออรอาจเป็นดีไซเนอร์ชื่อเสียงโด่งดังก็ได้ แค่วันนี้ วันที่ลอออรเหยียบเท้าลงบนถนนในมหานครแห่งแฟชั่น มันก็เป็นเรื่องเหลือเชื่อแล้วนี่นา ความฝันของเธอขยับเข้ามาใกล้อีกก้าว แม้หนทางยังอีกยาวไกล แต่แค่นี้ก็ถือว่ามาไกลแล้วสำหรับเธอ
บทที่1.มหานครแห่งแฟชั่น
ลอออรหลุบเปลือกตาลง พยายามข่มความตื่นเต้นที่พลุ่งพล่านขึ้นมาให้สงบลง เพียงแค่ได้ยินเสียงแอร์โฮสเตสประกาศการแลนดิ้ง หัวใจที่สงบมากว่า10ชั่วโมงก็ยิ่งเต้นแรง ใครจะไปคิดล่ะ ผู้หญิงบ้านนอกคนนี้จะโชคดีได้มีโอกาสมาเหยียบเมืองใหญ่ ถึงจะเป็นแค่ชั่วระยะเวลาสั้นๆ แต่มันก็เกินฝันสำหรับลอออรแล้ว
‘โครงการตามฝันกับดีไซเนอร์ชื่อดัง’ ลอออรมาอยู่ตรงจุดนี้ได้ก็เพราะโอกาสที่เธอตะเกียกตะกายคว้ามา เป็นโครงการที่เมืองไทยกับการร่วมมือกับแบรนด์ดังระดับโลก เป็นเด็กฝึกงานที่จะได้ดูการทำงานแบบใกล้ชิดกับแบรนด์หรูแห่งนี้ แบรนด์เสื้อผ้าที่ผู้หญิงส่วนใหญ่ต้องมีสักชิ้น แม้จะราคาแพงจนแทบไม่กล้าจับจอง แต่เชื่อเถอะ หาก ‘SALUT’ ออกคอลเลคชั่นใหม่ สาวๆ จะพากันแห่แหนไปจับจอง
ลอออรยกมือวางบนหว่างอก พริ้มเปลือกตาหลุบลงเมื่อนึกถึง...เควิน ดิดิเย่ร์ ผู้ชายที่ผู้หญิงเกือบทั้งโลกฝันถึง และลอออรก็เป็นอีกคนหนึ่งที่หลงใหลได้ปลื้มชายผู้นี้ เควินไม่ได้มีดีแค่หน้าตา ผู้ชายคนนี้สมองระดับหัวกะทิ เขาคือ CEO ของ ‘SALUT’ ผู้ชายที่เข็นแบรนด์โนเนมมาสู้กับแบรนด์ดังอื่นๆ จนกระทั่งสามารถครองใจผู้หญิงเกือบทั้งโลกได้ในเวลานี้
ผู้ชายวัยกลางคนที่ยังหล่อเฟี้ยว อายุเป็นเพียงตัวเลขเท่านั้นจริงๆ สำหรับเควิน กาลเวลาไม่สามารถลดถอนความสง่างามของเควินได้เลย ใครจะคิดล่ะ ชายผู้นี้แตะเลขสี่มาสองปีแล้ว ริ้วรอยแห่งกาลเวลาไม่สามารถทำให้เควินดูโทรมลงได้เลย เขายังเป็นผู้ชายโสดคนเดียวที่เรียกเสียงกรี๊ดจากปากผู้หญิงได้ทุกครั้งที่ปรากฏตัว และเบื้องหลังความสำเร็จของเขา ก็มีข่าวฉาวไม่น้อย เรื่อง...ความเสเพลของเขานั่นเอง
แต่จะแปลกอะไรล่ะ ผู้ชายโสดสามารถทำเช่นนั้นได้ เขาไม่ได้ทำผิดนี่ แค่เขายังไม่เจอคนที่ใช่สำหรับตัวเอง
ดังนั้นข่าวฉาวของเควิน เลยตีคู่มากับความสำเร็จของเขา
“อรๆ ไม่ลงเหรอ?” ปานแขสะกิดลอออรพร้อมกับรีบดึงกระเป๋าลงมาจากชั้นวางเหนือศีรษะ
ลอออรกะพริบเปลือกตาปริบๆ เธอมัวแต่ฝันหวานจนเครื่องบินลำโตแล่นลงจอดที่ท่าอากาศยานเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
“สาวๆ มารวมกันทางนี้จ้า...ระวังพลัดหลงจากคนอื่นๆ ด้วยนะ” เสียงเจ้ปลาตะโกนเรียก ลอออรรีบลากกระเป๋าเดินทางไปรวมกลุ่มกับคนอื่นๆ แต่ไม่วายเหลียวหน้าเหลียวหลังเพราะความตื่นตากับทุกสิ่งรอบตัว
“อย่าทำท่าเลิ่กลั่กนักสิจ๊ะ กลัวเขาไม่รู้หรือไงว่าเพิ่งมาปารีสครั้งแรก” เสียงแดกดันจากเจ้ปลา ลอออรเลยรีบเก็บอาการเธอเดินตามเพื่อนๆ ไป หัวใจเต้นโครมคราม ลอออรอยากตะโกนดังๆ แต่เกรงว่าผู้คนรอบตัวจะแตกตื่น
....ฉันมาถึงแล้วนะ มหานครแห่งแฟชั่น ปารีสจ๋า....
ขึ้นรถลงเรือลอออรไม่เคยหวั่น เพราะความฝันอันยิ่งใหญ่เรื่องภาษาลออแปร่งๆเลยฝึกหนักเป็นพิเศษ สำเนียงอาจจะไม่ชัดเปลี้ยะ แต่สามารถอ่านออก สื่อสารได้ การเรียนภาษาอย่างหนักทำให้เธอมาถึงจุดนี้ได้นั่นเอง
“วันนี้เจ้จะให้ทุกคนพักกันให้สบาย พรุ่งนี้ถึงจะเริ่มงานกันจริงจัง เจ้จับคู่ให้แล้วนะ ขอย้ำนะจ๊ะ ห้ามลืม ห้ามหนีออกไปเที่ยวคนเดียว ข้างนอกนั่นอันตรายเกินไป”
เสียงเจ้ปลาตะโกนบอก ตอนที่ทุกคนขึ้นนั่งบนรถยนต์คันใหญ่ ลอออรท่องจำไว้ในใจ เธอคงไม่กล้าขนาดนั้น แต่คงมีสักวันล่ะที่เจ้ปลาอนุญาต ไหนๆ ก็ท่อสังขารมาถึงปารีสทั้งที คงไม่มีใครยอมอุดอู้อยู่แต่ในโรงแรม หรือไม่ก็ที่ซาลู
“อรๆ เธอเก่งภาษาฝรั่งเศสใช่ไหม?” ปานแขกระซิบถาม
ลอออรพยักหน้ารับ พร้อมกับตอบกลับเสียงแผ่วๆ “พอได้น่ะแข สะกดคำได้ ฟังพอออก แต่ยังไม่เคยพูดกับคนฝรั่งเศสแท้ๆ เลยสักที”
“ก็ดีกว่าแขแหละ อังกฤษพอได้ ฝรั่งเศสนี่ไม่กระดิกเลย”
“มันก็ค่อนไปทางยากพอสมควรแหละ แต่เพราะอรชอบเลยพยายาม” ความฝันอันยิ่งใหญ่อยู่ตรงหน้า ลอออรเลยไม่เคยย่อท้อ
“ว่าแต่...พวกเราจะได้เจอกับคุณเควินไหมนะ?” ปานแขพูดลอยๆ เชื่อเถอะหากเป็นเพศหญิง ทุกคนย่อมคิดแบบเธอทั้งนั้น
“ไม่รู้สิ” เควินเข้าถึงยาก เขาคงไม่สนใจเด็กฝึกงานอย่างพวกเธอหรอก
แต่หากสวยๆ อึ๋มนั่นไม่แน่ เพราะในบรรดาผู้หญิงรอบตัวของเขาทุกคนสวยไม่มีที่ติ โดยเฉพาะ เวโรนิก้า มอริซ ดีไซเนอร์คนดังที่เคียงคู่กับเควินมาตั้งแต่เริ่มต้นบนถนนเส้นนี้ มีข่าวซุบซิบว่าเขาสองคนเป็นมากกว่าเพื่อนร่วมงานหรือหุ้นส่วนในซาลู เวโรนิก้าแบะท่าชัดเจน หากเควินต้องการแบบนั้นเธอไม่คิดจะขัด แต่สำหรับชายผู้นั้น เขากลับมีท่าทางปกติ ไม่มีใครรู้เรื่องลับๆ ของเขาสองคนดีเท่ากับเจ้าตัว
ยี่หวาไม่เคยคิดว่าปลายทางชีวิตของเธอจะจบลงแบบนี้ ก่อนที่เธอจะทิ้งอนาคตที่เหลือไปอย่างไร้ค่า เนื่องจากสุดที่จะทนกับความชอกช้ำที่ได้รับมาจากสามีคนเดียว เธอตัดสินใจฝากดวงใจของตัวเองไว้กับน้องสาวฝาแฝด น้องสาวที่ไม่มีคนรอบตัวรู้จัก มันคือความลับที่เธอปิดบังพวกเขาไว้ สมัยเด็กๆ พ่อกับแม่แยกทางกัน ทั้งสองท่านเลยแบ่งลูกไปเลี้ยงดูคนละคน ยี่หวาอยู่กับแม่ ส่วนญาดาไปอยู่กับบิดา สองสาวที่เหมือนกันทุกกระบิ แตกต่างที่นิสัย คนหนึ่งเรียบร้อย พูดน้อย น่ารัก ส่วนอีกคนตรงข้ามทุกอย่าง แกร่ง และกล้าท้าชน… และเพราะแค้นใจแทนพี่สาว ญาดาเลยรับปากก่อนยี่หวาสิ้นลม เธอจะเอาคืนทั้งสองคนนั้นให้สาสม ไม่ว่าจะเป็นปกป้องสามีสุดที่รักของยี่หวา หรือแม้แต่...ฉันทา ว่าที่ภรรยาคนใหม่แสนผยองคนนั้น สองคนนี้ต้องหาความสุขไม่ได้ เธอจะรังควานพวกเขา ให้เหมือนตกนรกทั้งเป็น...การจองเวรคืองานที่เธอควรทำ…ถ้าเป็นดั่งที่ตั้งใจไว้ ญาดาคงไม่กลุ้มใจหนัก ‘ความรัก’ บทจะมาก็มาประชิด เธออยากแก้แค้น แต่ดันไปหลงรัก ผู้ชายเลวคนนั้นเสียอีก หลังจากเฉดหัวฉันทา คงต้องหาทางมัดใจปกป้อง อย่างน้อยก็ทำเพื่อหลาน ถ้าเธอตกนรก เธอจะลากปกป้องตามไปด้วย...
คงไม่มีความซวยไหนเลวร้ายเท่ากับการถูกตราหน้าว่าเป็น ‘เด็กดริ้ง’ ความตั้งใจของณิรินคือไปจับผิดว่าที่พี่เขย แต่กลับกลายเป็นว่าเธอถูกเข้าใจผิดเสียเอง แถมผู้ชายคนนั้นดันเป็นคนสำคัญที่เธอต้องคอยดูแลระหว่างที่เขามาเจรจา เพื่อเป็นคู่ค้ากับบริษัทของลุงกับป้า หน้าที่นั้นเลยถูกโยนมาให้ณิรินรับผิดชอบ ผู้ชายปากร้ายเอาแต่ใจตัวเอง ค่อนข้างงี่เง่าคนนั้น เขาคิดว่าเธอมีอาชีพเสริม และพยายามเกาะแกะจนณิรินโมโห บางครั้งณิรินก็อดคิดไม่ได้ มันเป็นเพราะช่วงเบญจเพศของเธอหรือเปล่า เรื่องซวยๆ เลยเกิดขึ้นกับเธอไม่หยุดหย่อน
เสียงของเขาดังก้องอยู่ในหู ฉันไม่สามารถสลัดเสียงแหบๆ ของเขาออกไปจากความทรงจำได้เลย นี่เกิดอะไรขึ้นกับฉันนะ สิ่งที่ฉันคิดอยู่นี่คือ...ความผิด แม้จะเป็นแค่ความคิด แต่มันเป็นก้าวแรกที่ฉันตั้งใจทำผิดศีลธรรม กับผู้ชายที่มีภรรยาแล้ว!! ฉันกำลังเป็นคนเลว และอีกไม่ช้า ฉันคงโดนคนทั้งโลกประณามหากฉันไม่หยุดความคิดทุเรศๆ นั่นเสียตั้งแต่ตอนนี้ จะทำยังไงดีล่ะ? ฉันคิดอะไรไม่ออกเลย มีเพียงเสียงแหบๆ ของคน คนนั้นดังก้องอยู่ในหูเท่านั้น “สามีของเธอเดินทางไปทำธุรกิจ” “เธอบอกว่าสามีของเธอจะไม่อยู่ประมาณหนึ่งอาทิตย์!!” “มันจะดีแค่ไหนนะ หากฉันเปลี่ยนสิ่งที่ได้ยินได้ เขาน่าจะไปซัก7ปี” ผมพยายามข่มใจให้รู้สึกเศร้าตาม แต่หัวใจของผมกลับเต้นระรัวเกินกว่าจะควบคุมได้ “คุณอยู่ที่ไหน?
รัชศกปีที่สิบ มันเป็นช่วงเวลาแสนสุขที่ลืมไม่ลง แม้เวลาจะผ่านมาเนิ่นนาน ครั้งหนึ่ง ข้าเคยเป็น ‘สาวงาม’ ที่ผู้คนทั้งเมืองหลงใหล เมืองหลวงกว้างใหญ่ใต้แผ่นฟ้าเดียว ข้าผู้มาก่อนกาล เดิมทีข้าคิดว่าเป็นแค่ความฝันหนึ่งตื่น แต่ที่ไหนได้ ทุกเหตุการณ์ที่ข้าพบเจอ คือเรื่องราวที่เกิดขึ้นจริง ความสุขที่ท่วมท้นอยู่ในใจ เป็นความทรงจำเดียวที่ทำให้ข้าอยากมีชีวิตอยู่ต่อ เพื่อ...รอ...ใครบางคน
เมื่อสามีตะโกนใส่หน้า “ผมต้องการหย่ากับเธอ!! คนที่ผมรักเขากลับมาหาผมแล้ว” เมษาเซ็นจำใจชื่อบนใบหย่าพร้อมทั้งน้ำตาที่ไหลพรู เธอตัดสินใจเก็บงำความลับไว้กับตัว พร้อมกับจากไปโดยไม่ปริปากบอกคีรินเลยสักคำ ผ่านไป 5 ปี เด็กชายคนหนึ่งมาตามหาพ่อ... “ผมจะไปหาพ่อผม ปล่อยผมนะ!!” เสียงแผดก้องบริเวณหน้า ล็อบบี้ แม้แต่คีรินเองยังอดสนใจไม่ได้ เด็กชายคนหนึ่งถูก รปภ. รั้งตัวไว้ เขาดิ้นกระแด๋วๆ ตะโกนลั่น ผิวทั้งหน้าแดงก่ำ มีเม็ดเหงื่อผุดเต็มไปหน้า และเมื่อเด็กชายวิ่งตรงมาหาเขา “พ่อคร๊าฟฟฟฟฟ” คิรินเข่าอ่อน สัญชาตญาณบางอย่างเตือน เด็กชายตรงหน้าเขานี่ เป็นเลือดเนื้อส่วนหนึ่งของเขาร้อยเปอร์เซ็นต์
เป็นข้อเสนอที่น่าสนใจไม่หยอก หากสามารถปราบพยศผู้ชายเจ้าอารมณ์ได้ ดานันจะเป็นอิสระจากข้อผูกมัดของบิดา ทว่า...ในความโชคร้าย มีความโชคดีแอบแฝงอยู่ ว่าที่สามีของเธอ เป็นบุตรชายผู้มั่งคั่งของตระกูลใหญ่ แต่เขาเพิ่งสูญเสียดวงตาไปจากอุบัติเหตุ ดานันต้องรองรับความเกรี้ยวกราดเช่นนี้ จนกว่าจะเปลี่ยนความคิดของเขาได้ ครามไม่ได้พิกลพิการมาตั้งแต่กำเนิด เขามีหนทางรักษาได้ ขึ้นอยู่กับว่า...ดานันจะโน้มน้าวว่าที่สามีของเธอได้หรือเปล่า
กู้ชิงเฉิงเชื่อมั่นมาตลอดว่าตราบใดที่เธอประพฤติตัวดี สักวันหนึ่ง เธอก็จะสามารถชนะใจมู่ถิงเซียวให้ได้ อย่างไรก็ตาม เมื่อเสิ่นถัง รักแรกที่เขาคิดถึงมาตลอดกลับมา ทุกอย่างก็เปลี่ยนไป กู้ชิงเฉิงเป็นคนว่าง่ายสอนง่ายจริงๆ เธอจัดงานแต่งงานด้วยคนเดียว และนอนคนเดียวในห้องผ่าตัดเพื่อรับการรักษาฉุกเฉิน มีข่าวลือว่าเธอบ้าไปแล้ว อันที่จริงเธอบ้าไปแล้วจริงๆ ที่รักใครสักคนอย่างไม่ละอายขนาดนี้ ต่อมา ทุกคนลือกันว่า กู้ชิงเฉิงป่วยหนักและกำลังจะเสียชีวิต มู่ถิงเซียวถึงสูญเสียการควบคุมอย่างสิ้นเชิง "ฉันไม่ปล่อยให้เธอตาย" แต่เธอกลับยิ้มอย่างนิ่งๆ ว่า "ดีจังเลย ฉันเป็นอิสระแล้ว" ใช่แล้ว ไม่ต้องการกู้ชิงเฉิงอีกแล้ว"
คุณท่านเสียว คุณชายยอดเยี่ยมที่โด่งดังในเมือง B ได้แต่งงาน แต่มีข่าวลือว่าเจ้าสาวมีรูปร่างหน้าตาที่น่าเกลียดและมีฐานะต่ำต้อย สามปีมานี้ เขาปฏิบัติกับเธออย่างเย็นชาและทำเหมือนเป็นคนแปลกหน้า เจียงซิงซิงอดทนกับความเย็นชาอย่างเงียบ ๆ เธอยังคงรักเขาอย่างสุดหัวใจ เสียสละความนับถือตนเองและยอมละทิ้งตัวตนของเธอเอง จนกระทั่งวันหนึ่ง สุดที่รักของเขากลับประเทศ เขได้สารภาพว่าเขาแต่งงานกับเธอเพียงเพื่อช่วยชีวิตคนรักในใจของเขาเท่านั้น เจียงซิงซิงเสียใจและผิดหวังมาก เธอจึงเซ็นเอกสารหย่าและจากไปด้วยความเศร้าใจ สามปีต่อมา เจียงซิงซิงผู้สวยงามจนน่าทึ่งกลับมาอีกครั้ง ได้กลายมาเป็นศัลยแพทย์ที่ดีที่สุดและเป็นยอดฝีมือด้านเปียโน อดีตสามีรู้สึกเสียใจ และกอดเธอแน่นท่ามกลางสายฝน เสียงของเขาสั่นเครือ "ที่รัก คุณเป็นของผม..."
ว่าที่ลูกสะใภ้ไฟแรงสูงเธอต้องเข้ามาอยู่ร่วมบ้านกับว่าที่พ่อผัวหม้ายร้างเมียมานายอรมปี
หลินตงหยาง อายุ 27 ปี เติบโตมากับแม่เพียงสองคน ในวัยเด็กหลินตงหยางเคยมีพ่อผู้ให้กำเนิดแต่หลังจากที่พ่อได้งานใหม่ในเมืองหลวงพ่อที่เคยมีก็ไม่มีอีกแล้ว พ่อกลับมาหย่าขาดกับแม่ทันทีที่ไปทำงานในเมืองหลวงได้เพียง 2 เดือน ด้วยให้เหตุผลในการหย่าว่า แม่กับและเขาคือตัวถ่วงความเจริญในชีวิตพ่อ สาเหตุก็ไม่มีอะไรมากแค่พ่อหน้าตาหล่อเหลาและเป็นที่ถูกใจของลูกสาวหัวหน้างาน เพื่อตำแหน่งงานและความเป็นอยู่ที่สบายขึ้น พ่อเลือกที่จะทิ้งภรรยาคู่ทุกข์คู่ยากที่ผ่านเรื่องยากลำบากมาด้วยกัน หย่าขาดกับภรรยาเพื่อไปแต่งงานใหม่ มีชีวิตใหม่ในเมืองหลวง โดยทิ้งคนข้างหลัง ทิ้งภรรยาที่เคยสาบานว่าจะอยู่ครองคู่กันตลอดไป ในปีที่เขาเรียนจบมหาวิทยาลัย แม่ก็ล้มป่วยและจากเขาไปในที่สุด สาเหตุที่หลินตงหยางเสียชีวิต เพราะทำงานหนัก อาชีพโปรแกรมเมอร์ตัวเล็กๆ อย่างเขา ต้องพยายามทำงานให้ได้ตามที่หัวหน้าสั่งมา ในที่สุดเขาก็พัฒนาเกมกำลังภายในของบริษัทได้สำเร็จ หลินตงหยางนอนหลับไปด้วยความสบายใจ แต่ทว่าพอเขาลืมตาตื่นขึ้นมาอีกที นี่ไม่ใช่คอนโดหรูย่านใจกลางเมืองปักกิ่ง หลังคามุงหญ้านี่คืออะไร มันควรจะเป็นเพดานสีขาวสิ เมื่อมองไปรอบๆ ห้องนี่คืออะไร นี่มันไม่ใช่ผนังที่ทำมาจากคอนกรีต มันคือดินเหนียว หลินตงหยางคิดว่าตัวเองฝันไป เขาหลับตาลงอีกครั้งแล้วลืมตาขึ้น ทุกอย่างยังเหมือนเดิม มารดามันเถอะ เขามาอยู่ที่นี่ได้ยังไง หลังจากแน่ใจแล้วว่าไมไ่ด้ฝัน ตอนนั้นเองเขารู้สึกปวดหัวขึ้นมาอย่างรุนแรง และในหัวของเขามีภาพเหตุการณ์ของเด็กชายที่ชื่อเดียวกับเขา หลินตงหยาง อายุ 10 ขวบ เรื่องราวชีวิตตั้งแต่เกิดจนตายไปของเด็กชาย ทำเอาหลินตงหยางกำมือแน่น ก่อนจะสบถออกมา “พ่อสารเลว เฉินซื่อเหม่ยชัดๆ” และตามมาด้วยเสียงร้องไห้ของน้องสาว สาเหตุที่เด็กชายหลินตงหยางเสียชีวิต เพราะถูกผู้ที่ได้ขึ้นชื่อว่าเป็นย่าแย่งผักป่าและทุบตี ทั้งๆ ที่คนพวกนั้นได้ตัดขาดพับพวกเขาสามแม่ลูกแล้ว แต่ยังมิวายข่มเหงรังแก
ในวันครบรอบแต่งงาน เหวินซือถูกเมียน้อยของสามีวางยาและไปมีอะไรกับคนแปลกหน้า เธอสูญเสียความบริสุทธิ์ไป แต่เมียน้อยคนนั้นกลับตั้งท้องลูกของสามี ภายใต้ความกดดันต่างๆ เหวินซื่อสูญรู้สึกสิ้นหวังและตัดสินใจหย่า แต่สามีของเธอกลับไม่แยแสโดยคิดว่าเธอกำลังเล่นลูกไม้อยู่ หลังจากการหย่ากัน เหวินซือกลายเป็นจิตรกรที่มีชื่อเสียงและมีผู้ชายนับไม่ถ้วนที่ตามจีบเธอ อดีตสามีไม่ยอมและขอคืนดีไปถึงที่ จากนั้นก็ว่า เธออยู่ในอ้อมแขนของคนใหญคนโตคนหนึ่ง และชายคนนั้นก็พูดอย่างสงบว่า "ดูให้ดี นี่คือพี่สะใภ้ของนาย"
หลังจากแต่งงานได้ 2 ปี ในที่สุดเจียงเนี่ยนอันก็ตั้งครรภ์สักที ความดีอกดีใจของเธอแต่กลับแลกกับคำขอหย่าของสามี หลังจากการสมคบคิด เธอนอนในกองเลือด และต้องการขอร้องเขาให้ช่วยเด็กเอาไว้ แต่กลับไม่สามารถติดต่อกับอีกฝ่ายได้ ด้วยความสิ้นหวังเธอจึงออกจากประเทศไป ต่อมาในงานแต่งงานของเจียงเหนียนอัน คุณกู้เสียการควบคุมและคุกเข่าลง ดวงตาของเขาแดงก่ำ "มีลูกของฉัน แล้วเธออยากจะแต่งงานกับใครกัน?"