/0/15700/coverbig.jpg?v=eb00eb4ed6ca17957f7b626065eb3498)
ในชีวิตชาติที่แล้ว เพื่อช่วยรักแรกของตัวเอง คนชั่วสามคนได้ทำลายพลังการต่อสู้ของนาง ตัดแขนขาของนางออก ตัดเส้นเลือดของนางและปล่อยเลือดของนางไหลออกมาทั้งอย่างนั้น และทรมานนางจนตาย เมื่อเกิดใหม่ครั้งนี้ นางวางแผนอย่างรอบคอบ โดยสาบานว่าจะให้พวกเขาได้สัมผัสกับความทุกข์ทรมานที่นางเคยประสบมา! รักแรกที่ไร้เดียงสาอะไรกัน ที่จริงก็เป็นเพียงผู้หญิงที่ตีสองหน้าเก่ง อยากจะไต่ขึ้นไปสูงเหรอ งั้นก็จะให้เจ้าปีนขึ้นไป ยิ่งปีนขึ้นสูงมากเท่าไร ตอนตกลงมาก็จะยิ่งเจ็บมากเท่านั้น! พวกสวะสมควรได้รับบาปกรรมของพวกสวะ พวกมันทำชั่วกับนางไปชั่วชีวิตหนึ่ง นางจะทำให้พวกมันไม่ตายดี พวกคนที่เจ้าเล่ห์ ตีสองหน้าเก่ง นางจะจัดการกับทุกคน! แต่นางไม่เคยคิดเลยว่าในการแก้แค้นของนาง นางจะไปมีเรื่องกับเสด็จอาที่เป็นเจ้าแผนการเข้า ที่วัน ๆ ต้องการให้นางจูบและกอดเขาตลอดทั้งวัน ในขณะที่นางแก้แค้นคนชั่วนั้นยังสามารถสนิทสนมกับเสด็จอาด้วย ในความจริงแล้ว การที่เป็นผู้หญิงชั่วๆ ก็มีความสุขมาทีเดียวกว่าที่คิดเลย!
ในคุกใต้ดินที่ทั้งมืดและชื้น ตะขอเหล็กหนาสองอันเจาะเข้าไปในเนื้ออย่างรวดเร็ว จากนั้นก็มีเลือดสาดกระเซ็นออกมา มันเจาะเข้าไปในกระดูกไหล่ของเซียวหยี่เกออย่างไร้ความปรานี
“อ้า!”
นางกรีดร้องด้วยความเจ็บปวด และสะดุ้งทั้งตัวด้วยความหวาดกลัว ความเจ็บปวดอย่างรุนแรงทำให้ตัวของนางสั่นไม่หยุด ดวงตาข้างซ้ายที่บวมเป่งกับรอยแผลเป็นที่คล้ายกับไส้เดือนบนหน้าของนาง เหมือนว่าจะทำให้นางดูน่าสยดสยองน่าหวาดกลัวมากขึ้น และเลือดก็ไหลออกมาตามตะขอจนแดงเต็มพื้น
ผู้ชายสามคนที่ยืนอยู่ตรงหน้าของนาง เมื่อเห็นสภาพน่าอนาถของนาง เหมือนกับว่าพวกเขาก็ไม่ได้รู้สึกอะไร
“ทำไม? ทำไมถึงทำกับข้าแบบนี้?” เซียวหยี่เกออดทนกับความเจ็บปวดที่แทบจะขาดใจตาย เงยหน้าขึ้นมองไปทางพวกเขาด้วยความยากลำบาก พวกเขาคนหนึ่งคือผู้ชายที่นางรักอย่างสุดใจ คนหนึ่งคือท่านพี่ของนาง คนหนึ่งคือเพื่อนที่รักกันมาตั้งแต่วัยเด็ก นางไม่อยากเชื่อว่า พวกเขาจะทำกับนางอย่างโหดร้ายขนาดนี้
เชียนซือเฉินเดินเข้ามาตรงหน้านาง “เกอเอ๋อร์ เจ้าไม่ควรหนี ฝูเอ๋อร์เป็นพี่สาวของเจ้า นางร่างกายอ่อนแอมาตั้งแต่เด็ก แต่เลือดของเจ้ามียาวิเศษปะปนอยู่กว่าร้อยชนิด พิษทั้งปวงไม่สามารถทำอะไรเจ้าได้ แล้วยังสามารถทำให้คนฟื้นคืนชีพได้ หมอหลวงได้บอกแล้วว่า ใช้เลือดในตัวของเจ้าแลกให้กับฝูเอ๋อร์ นางก็จะสามารถมีอายุยืนยาวได้ เจ้าครอบครองตัวตนของฝูเอ๋อร์มานานหลายปี นางไม่เคยตำหนิอะไรเจ้า แล้วยังดีกับเจ้าเป็นอย่างมากด้วย เจ้าเองก็ไม่อยากให้นางเป็นอะไรไป ถูกต้องหรือไหม? ”
“นางสามารถมีอายุยืนยาว แล้วข้าล่ะ? ข้าก็ต้องตายอย่างนั้นหรือ?” เซียวหยี่เกอมองผู้ชายที่ตัวเองรักอย่างสุดหัวใจตรงหน้า แต่ในเวลานี้กลับดูแปลกหน้าเป็นอย่างมาก “ท่านพี่ซือเฉิน ท่านบอกเองว่าจะไม่ทำให้ข้าเสียใจ!” นางลองพิษทุกชนิดเพื่อเขาจนเกือบเอาชีวิตไม่รอด ถึงได้สามารถฝึกตัวเองให้พิษทั้งปวงมิอาจเข้ามากล้ำกลายนางได้ แต่ตอนนี้กลับกลายเป็นข้ออ้างที่เขาจะนำมาใช้ทำร้ายนาง
“ตั้งแต่ต้น คนที่ข้ารักก็คือฝูเอ๋อร์ เป็นเพราะฝูเอ๋อร์จิตใจดี ไม่อยากทำร้ายเจ้า เลยบีบให้ข้ารับปากกับเจ้า”
“แต่ข้าต่างหากที่เป็นคู่หมั้นของท่าน!” เซียวหยี่เกอเจ็บปวดหัวใจเป็นอย่างมาก เพื่อให้ได้ครองรักกับเขา นางถึงขนาดรับปากข้อเสนอที่เหลวไหลของเขา สองพี่น้องใช้สามีคนเดียวกัน นางยอมถอยให้ครั้งแล้วครั้งเล่า แต่สิ่งที่ได้กลับมากลับเป็นจุดจบแบบนี้
“แต่ข้าไม่ได้รักเจ้าเลย! แคว้นหลานจ้าวเองก็ไม่มีทางยอมรับพระชายาเอกที่ดวงตาข้างหนึ่งมีแผลเป็น!” ความไร้หัวใจถูกเขียนไว้เต็มใบหน้าที่ครั้งหนึ่งนางเคยคลั่งไคล้
“แต่ดวงตาของข้าพวกท่านเป็นคนบังคับให้ข้ามอบให้กับท่านพี่ และรอยแผลที่หลงเหลืออยู่นี้ก็เป็นเพราะข้าช่วยท่าน!” คำพูดของเขาบาดหัวใจดวงนั้นที่เต็มไปด้วยรูพรุนของเซียวหยี่เกออีกครั้ง
เชียนซือเฉินบ่ายหน้าหนี ไม่มองนางอีก “เกอเอ๋อร์ ทั้งหมดก็เป็นข้าที่ผิดต่อเจ้า เจ้าวางใจได้ รอวันหน้าหลังจากที่ข้าได้ขึ้นครองบัลลังก์แล้ว ก็จะมีคำสั่งให้แต่งตั้งเจ้าเป็นพระชายาเอก ฝังศพของเจ้าไว้ในสุสานเชื้อพระวงศ์ อีกร้อยปีข้างหน้า ข้ากับฝูเอ๋อร์ก็จะฝังที่เดียวกับเจ้า ถึงตอนนั้นพวกเราก็จะสามารถอยู่ด้วยกันอีกครั้ง” เขาช่างแสดงความไร้ยางอายออกมาจนถึงขีดสุดจริง ๆ !
“ท่านพี่ซือเฉิน มีวิธีที่จะช่วยพี่สาวของข้าตั้งมากมาย ข้าไม่อยากตายจริง ๆ ...” เซียวหยี่เกอไม่คาดคิดมาก่อนเลยว่า ผู้ชายที่ตัวเองรักด้วยชีวิตจะทำกับนางเช่นนี้ สัญชาตญาณของการร้องขอชีวิต ทำให้นางรู้สึกกลัวขึ้นมา
ฉู่เทียนฉีที่อยู่ข้าง ๆ กลัวว่าเชียนซือเฉินจะใจอ่อน ก็เร่งเร้าขึ้นอย่างรีบร้อน “องค์รัชทายาท ตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่จะมาลังเล เราสามารถรอได้ แต่ฝูเอ๋อร์รอไม่ไหวอีกแล้ว”
“ท่านพี่ ข้าก็เป็นน้องสาวของท่านพี่ ตอนนั้นท่านพี่ให้ข้าควักดวงตาของข้ามอบให้กับพี่สาว ท่านพี่บอกว่าจะดูแลข้าตลอดไป ทำไมท่านพี่ถึงทนทำร้ายข้าได้ถึงเพียงนี้?” เซียวหยี่เกอมองผู้ชายที่เคยรักและห่วงใยนางมาโดยตลอดแล้วรู้สึกเจ็บปวดหัวใจเป็นอย่างยิ่ง
ฉู่เทียนฉีทำเสียงฮึดฮัดออกมา แล้วพูดขึ้นด้วยสายตาที่เย็นชาว่า “ถ้าไม่ใช่เพราะฝูเอ๋อร์ เด็กนอกคอกอย่างเจ้าที่ไม่รู้ว่าโผล่มาจากที่ไหน ก็คู่ควรเรียกข้าว่าท่านพี่ด้วยหรือ เจ้าขโมยชีวิตของฝูเอ๋อร์ไปสิบกว่าปี ก็ถึงเวลาที่ต้องคืนให้นางแล้ว!”
“พวกท่านแต่ละคนพูดว่าข้าขโมยชีวิตของนาง แต่นั่นเป็นความผิดของข้าด้วยหรือ? ทำไมพวกท่านถึงเอาความผิดทั้งหมดมาให้ข้า?” ที่แท้ ที่พวกเขาดีกับนางทุกอย่าง ก็เพื่อเซียวหยี่ฝูเท่านั้น นางเอาสายตาที่เป็นความหวังสุดท้ายมองไปทางผู้ชายอีกคนหนึ่ง “ท่านพี่เฟิง แล้วท่านล่ะ? ท่านก็คิดแบบนี้เหมือนกันใช่หรือไม่? ” นี่เป็นความหวังสุดท้ายของนาง นางภาวนาในใจ
แต่คำพูดของหนิงเฟิงต่อจากนี้กลับทำให้หัวใจของนางตกลงไปในหุบเหวลึกอีกครั้ง :“เซียวหยี่เกอ ฝูเอ๋อร์มีบุญคุณช่วยชีวิตข้า เจ้ากับข้ามีอะไรหรือ? ถ้าไม่เพราะรู้ว่าเลือดในตัวของเจ้ายังมีประโยชน์กับฝูเอ๋อร์อยู่บ้าง ข้าคงไม่มีทางชายตามองเจ้าด้วยซ้ำ!”
คำพูดของชายทั้งสามคนราวกับมีดแหลมคมสามเล่ม แทงลึกเข้าไปในหัวใจของเซียวหยี่เกอ ในเวลานี้ นางได้ลิ้มลองรสชาติของความรู้สึกเจ็บปวดทั้งทางร่างกายและจิตใจแล้ว จากที่เคยมีความหวังในตอนแรกจนกลายเป็นความผิดหวังและสิ้นหวัง...
“แต่ก็เห็น ๆ กันอยู่ว่าคนที่ช่วยท่านพี่ไว้คือ...” ทั้ง ๆ ที่คือนาง!
พวกเขาสามคนต่างเคยเป็นแสงสว่างในชีวิตของนาง แต่จนถึงตอนนี้ นางถึงได้รู้ว่า ทั้งหมดนั่นคือสิ่งจอมปลอม ที่แท้...ชีวิตของนางไม่เคยมีแสงสว่างเลย!
ที่แท้...พวกเขาทำดีกับนางทุกอย่าง ก็ต่างเพื่อวันนี้ เพื่อช่วยชีวิต เซียวหยี่ฝู พี่สาวของนาง นางฟ้าในใจของพวกเขาเท่านั้น
“องค์รัชทายาท แย่แล้วเพคะ คุณหนูของพวกข้าน้อยหมดสติไปแล้วเพคะ!” ในเวลานี้ อันหลิง สาวใช้ข้างกายของเซียวหยี่ฝูก็เข้ามารายงานด้วยความรีบร้อน
“ฝ่าพระบาท รอต่อไปไม่ได้แล้วพ่ะย่ะค่ะ! ลงมือเถอะ!” ฉู่เทียนฉีกับหนิงเฟิงเร่งเร้าขึ้นอย่างรีบร้อน
“เกอเอ๋อร์ ข้าขอโทษ...” เชียนซือเฉินหยิบมีดสั้นแหลมคมออกมา และกรีดลงไปลึก ๆ บนข้อมือขวาของนาง ทันใดนั้น เลือดสด ๆ ก็ไหลพุ่งออกมา และไหลลงไปตามมือน้อย ๆ ซีดเซียวของนางเข้าไปในภาชนะที่ได้เตรียมไว้แล้ว
เซียวหยี่เกอคิดจะดิ้นรน แต่มือที่ถูกทำลายไปนานแล้วทั้งสองข้างนั้น ยังยกไม่ขึ้นเลยด้วยซ้ำ นางรู้สึกว่าเลือดในตัวของนางทั้งหมดต่างไหลมารวมกันที่ข้อมือด้านขวา ชีวิตของนางกำลังจะจากไปในไม่ช้า นางรู้สึกว่าตัวนางทั้งเจ็บทั้งหนาว นางพยายามอย่างสุดชีวิตให้พวกเขาปล่อยนางไป แต่เสียงของนางอ่อนแรงลงเรื่อย ๆ สติก็ค่อย ๆ เลือนราง...
จะตายไปแบบนี้หรือ? นางไม่อยากยอม!
ถ้านางสามารถมีชีวิตกลับมาได้อีกครั้ง นางจะไม่มีวันปล่อยพวกคนที่ทำร้ายนางไปเด็ดขาด!
“อ้าย!”
เซียวหยี่เกอสะบัดมือ ตะโกนเสียงดังแล้วลุกขึ้นนั่ง
“คุณหนู! คุณหนู!” ในเวลานี้ ก็มีเสียงทั้งตื่นตกใจและดีใจดังเข้ามาจากข้าง ๆ
“ชิงลั่ว?” เซียวหยี่เกอมองสาวใช้ตรงหน้า ชั่วขณะหนึ่งก็เหม่อลอยไป ชิงลั่วถูกตีจนตายไปแล้วไม่ใช่หรือ? เป็นไปได้อย่างไร?
นางดูมือของตัวเอง ไม่มีรอยแผลเป็นที่หยาบน่าเกลียด ยังคงเรียวยาวขาวเนียนอยู่ นางพุ่งไปที่หน้ากระจกทันที ลูบหน้าของตัวเอง ดวงตาข้างซ้ายยังอยู่ บนใบหน้าก็ไม่มีรอยแผลเป็นที่น่าเกลียดนั่น ทั้งหมดเหมือนกับอยู่อีกโลกหนึ่ง
สวรรค์เมตตา นางมีชีวิตใหม่อีกครั้งจริง ๆ ! มีชีวิตใหม่กลับมาตอนนางอายุสิบห้าปีกำลังจะเข้าพิธีปักปิ่น และในเวลานี้ นางยังเป็นบุตรสาวของฮูหยินเอกของตระกูลเซียว!
“คุณหนู ในที่สุดคุณหนูก็ฟื้นแล้ว!” ชิงลั่วตาแดง และวิ่งออกไปข้างนอกตะโกนเสียงดังขึ้นด้วยตื่นตกใจและดีใจ “ท่านผู้เฒ่า ฮูหยิน คุณหนูใหญ่ คุณหนูฟื้นแล้วเจ้าค่ะ! คุณหนูฟื้นแล้ว!”
ทันใดนั้น ด้านนอกก็เริ่มวุ่นวายขึ้นทันที จากนั้นเซียวหยี่ฝูก็วิ่งเข้ามาเป็นคนแรก กอดเซียวหยี่เกอไว้ทันที ไม่ทันพูดอะไรออกมา น้ำตาก็ไหลออกมาแล้ว “เกอเอ๋อร์ พี่ขอโทษ ทั้งหมดมันเป็นความผิดของพี่ พี่เองที่ปกป้องเจ้าไม่ดี ถ้ารู้แบบนี้ ถึงตายพี่ก็จะห้ามเจ้าอย่างสุดชีวิต ถ้าเกิดอะไรขึ้นกับเจ้า พี่จะบอกกับท่านพ่อท่านแม่ยังไง พี่อยากให้คนที่ตกลงมาเป็นพี่จริง ๆ ...”
เพิ่งหย่ากับอดีตสามีไปไม่นานแต่ปรากฏว่าตัวเองท้อง จะทำอย่างไรดี? หรือจะให้อดีตสามีรับผิดชอบ แต่ก็ไม่คิดว่าอดีตสามีมีคนรักใหม่ไปแล้ว ชีวิตของถังชีชีนั้นช่างสับสน ช่างน่าวิตกกังวลและไม่รู้จะอธิบายยังไงดี เธอต้องคอยระวังไม่ให้คุณเฟิงรู้เรื่องการตั้งครรภ์จนกระทั่งคลอดลูกออกมาอย่างปลอดภัย แต่ไม่คิดว่าจะถูกเขาบังคับถึงเพียงนี้ "เราหย่ากันแค่สี่เดือน แต่เธอกลับตั้งครรภ์ได้เจ็ดเดือนแล้ว บอกมาดี ๆ ว่า ลูกเป็นของใคร!"
ทะลุมิติมาในนิยายยุค 80 ว่ายากลำบากแล้วเธอยังต้องมาเลี้ยงลูกแฝดและวางแผนหนีชะตาชีวิตที่นักเขียนระบุให้ตายอย่างทรมานภายใต้เงื้อมมือของพ่อตัวร้ายอีก สวรรค์!ยังจะมีตัวละครทะลุมิติใดบัดซบเท่าเธออีกหรือไม่
หลังผ่าตัดนักพรตเฒ่าผู้หนึ่งนั้น นางวูบหมดสติและเสียชีวิตลงไป ลืมตาตื่นขึ้นมาอีกที ก็อยู่ในร่างของคุณหนูปัญญาอ่อนที่มีชื่อเดียวกันผู้นี้เสียแล้วทั้งยังจำอดีตชาติยามเป็นปรมาจารย์เต๋าได้อีกด้วย +++ 1 : ไล่ออกจากอารามไท่ผิงกวน แคว้นจิ้น ราชวงศ์เซวียน อารามไท่ผิงกวน “ไป ๆ อาจารย์ขับไล่พวกท่านออกจากอารามแล้ว อย่าได้มาเหยียบที่นี่อีก” “ศิษย์พี่รองรีบปิดประตูเร็วเข้า !” ตุบ ! ห่อผ้าสองห่อถูกโยนออกมาจากประตูอาราม ปัง ! ตามด้วยเสียงปิดประตูลงสลักอย่างหนาแน่น สตรีนางหนึ่งยืนตัวตรงเป็นสง่า เสื้อผ้ากับเส้นผมของนางปลิวไสวดั่งไผ่ลู่ลม หลินซือเยว่เงยหน้าขึ้นมองป้ายชื่ออารามไท่ผิงกวนด้วยสายตาเลื่อนลอย อาศัยอยู่ที่นี่มานานเท่าใดแล้วนะ บางครั้งนางเองก็ลืมเลือนวันเวลาไปเหมือนกัน “คุณหนูเจ้าคะ ศิษย์น้องทั้งสองของท่านทำเกินไปแล้วนะเจ้าคะ เหตุใดถึงไล่พวกเราสองคนออกจากอารามได้เล่า” เผิงฉือกระทืบเท้าเบา ๆ ตรงไปฉวยห่อผ้าทั้งสองบนพื้น ขึ้นมาคล้องแขนตัวเองไว้ “หากไม่ได้รับคำสั่งจากอาจารย์ ศิษย์น้องทั้งสองคงไม่กล้าขับไล่ข้าออกจากอารามหรอก” น้ำเสียงของนางสงบนิ่งฟังแล้วสบายหูยิ่งนัก หาได้มีความโกรธเกลียดแต่อย่างใด “นั่นรถม้า” นิ้วเรียวสวยชี้ไปยังรถม้าคันที่มีคนนั่งเฝ้าอยู่ “ป้าเผิงไปถามดูว่าใช่รถม้าของเราหรือไม่” เผิงฉือไม่รอช้ารีบตรงไปหาคนเฝ้ารถม้าที่อยู่ใต้ต้นไผ่ในทันที ไม่ช้านางก็กลับมาพร้อมกับรอยยิ้มนิด ๆ “เป็นรถม้าของเราจริง ๆ เจ้าคะคุณหนู คนขับบอกว่าเป็นคนของตระกูลหลินเจ้าค่ะ ได้รับคำสั่งจากท่านพ่อของคุณหนู ให้มารับคุณหนูกลับตระกูลหลินเพื่อไปแต่งงานเจ้าค่ะ” “กลับไปแต่งงานนี่เอง” นางเอ่ยเหมือนไม่ใช่เรื่องใหญ่ หันหลังกลับไปทางประตูอาราม ประสานมือค้อมตัวคำนับลาอาจารย์ เผิงฉือเห็นเช่นนั้นก็อดที่จะคำนับตามนางไม่ได้ ภายในอารามไท่ผิงกวน “อาจารย์เหตุใดถึงไม่บอกลากับศิษย์พี่ใหญ่ไปตรง ๆ ล่ะ ทำเช่นนี้นางไม่โกรธท่านไปจนวันตายเลยรึ” เหอกุ้ยแม้มีอายุยี่สิบแปดปีแล้ว ทว่าเขากราบเป็นศิษย์เจ้าอาวาสชุนหวังเหล่ยหลังสตรีผู้นั้น จึงได้เป็นเพียงแค่ศิษย์พี่รองเท่านั้น “นั่นสิอาจารย์ ศิษย์พี่ใหญ่นางไม่เคยออกจากอารามไปไหนไกล ท่านทำเช่นนี้ไม่ใช่ขับไล่นางไปสู่ความตายหรอกรึ” จางเจียเฟิ่งเห็นด้วยกับศิษย์พี่รองของเขา “ให้มันน้อย ๆ หน่อยเจ้าศิษย์โง่ทั้งสอง พวกเจ้าคิดว่าอารามไท่ผิงกวนแห่งนี้ สามารถอยู่รอดมาได้เพราะใครกัน หากไม่ใช่เพราะฝีมือของศิษย์พี่ใหญ่ของพวกเจ้า เห็นนางเงียบ ๆ แบบนั้น ความคิดนางกว้างไกลยิ่งนัก อาจารย์อย่างข้ายังเทียบนางไม่ติดด้วยซ้ำไป” เจ้าอาวาสชุนปีนี้อายุอานามปาเข้าไปหกสิบห้าปีแล้ว ทว่าร่างกายยังแข็งแรง อารามเต๋าแห่งนี้มีวิถีแบบไม่เคร่งครัด ใช้ชีวิตเยี่ยงฆราวาสผู้หนึ่ง สามารถแต่งงานมีครอบครัวได้ “อาจารย์นางอยู่ในอารามวาดยันต์กันภัยให้ชาวบ้านที่มากราบไหว้ ตั้งโต๊ะรักษาโรคภัยให้ผู้คนในตัวอำเภอฝู แต่หนนี้นางต้องกลับบ้านไปเพื่อแต่งงาน นางบริสุทธิ์ถึงเพียงนั้นมิถูกสามีจับกลืนกินจนไม่เหลือกระดูกหรอกรึ” เหอกุ้ยนึกภาพเทพเซียนผู้สูงส่งอย่างหลินซือเยว่ หากต้องร่วมเตียงกับบุรุษหยาบกระด้าง เพียงเท่านั้นเขาก็ทำใจไม่ได้จริง ๆ แทบอยากจะไปแย่งตัวศิษย์พี่ใหญ่ของตัวเองกลับคืนมา “เลิกคร่ำครวญได้แล้ว กลับไปกวาดลานอารามกับตรวจดูน้ำมันตะเกียงให้เรียบร้อย ศิษย์พี่ใหญ่ของพวกเจ้าไม่อยู่ เจ้าทั้งสองต้องรีบร่ำเรียนศึกษาหาความรู้ อารามไท่ผิงกวนจะได้เจริญรุ่งเรืองในภายภาคหน้าต่อไปได้” เจ้าอาวาสชุนทำเสียงดังใส่ลูกศิษย์ทั้งสอง “ไป ๆ ข้าจะสวดมนต์” โบกมือไล่ทั้งคู่ให้ออกจากห้องสวดมนต์ไป เจ้าอาวาสชุนรีบลุกไปปิดประตูลั่นกลอน ท่าทางลุกลี้ลุกลนจนผิดปกติ ย่องเบา ๆ ไปที่ใต้เตียงนอน ดึงหีบไม้เก่าเก็บออกมา ครั้นกดสลักเปิดออก ก็พบตั๋วเงินจำนวนสามพันตำลึงอยู่ในนั้น ตระกูลหลินที่ไม่ได้บริจาคน้ำมันตะเกียงมาหลายปี จู่ ๆ ก็ส่งตั๋วเงินมาให้ พร้อมกับขอรับคนกลับไปเพื่อแต่งงาน ช่วงนี้ชาวบ้านมาทำบุญที่อารามน้อยลง หลินซือเยว่ก็ไม่รู้ว่าเกิดอันใดขึ้นกับนาง ถึงไม่ยอมลงจากอารามไปรักษาผู้คน รายได้เลยหายหดแทบจ่ายอาหารการกิน(สุรานารี)ไม่พอ ตั๋วเงินสามพันตำลึงนี่มาได้ทันเวลาพอดี ! แครก ๆ ๆ ๆ เสียงกวาดลานหน้าอารามดังขึ้นพร้อมกับเสียงบ่นของเหอกุ้ย “ข้ารู้ว่านางเก่งเอาตัวรอดได้ ข้าเพียงไม่อยากให้นางไปก็เท่านั้น” “ศิษย์พี่รองท่านอย่าได้เสียใจไปเลย ไม่ใช่ว่ามีแต่นางที่ต้องแต่งงานมีครอบครัว ท่านเองก็เถอะที่บ้านส่งคนมารับทุกปีไม่ใช่รึ” จางเจียเฟิ่งรู้ดีว่าตนและเหอกุ้ย ถูกครอบครัวลงโทษด้วยการส่งมาอยู่ยังอารามแห่งนี้ ทว่าเพียงชั่วคราวเท่านั้น “ตัวข้านั้นไม่เป็นไรหรอก เจ้านั่นแหละศิษย์น้องสาม ข้าได้ยินว่าที่บ้านของเจ้า เพิ่งหาคู่หมั้นหมายคนใหม่ให้เจ้าอีกคนแล้วไม่ใช่รึ” สองศิษย์พี่น้องหยุดกวาดลานอาราม แล้วหันหน้าไปมองตากัน จากนั้นพวกเขาก็ถอนหายใจดัง ๆ พร้อมกัน ไม่มีศิษย์พี่ใหญ่อยู่ด้วย นับจากนี้ไปยามทำความผิดใครจะออกหน้าคอยช่วยเหลือ ยามเงินหมดใครจะให้หยิบยืม ยิ่งคิดพวกเขาก็ยิ่งไม่สบายใจเป็นอย่างมาก บนถนนมุ่งหน้าสู่เมืองหลวง รถม้าไม้ธรรมดาไม่เล็กไม่ใหญ่ ไร้ป้ายชื่อตระกูลบอกกล่าว คล้ายไม่อยากให้ผู้อื่นล่วงรู้ว่าคนที่นั่งอยู่ด้านในเป็นใคร เผิงฉือพยายามหลอกถามคนขับรถม้าอยู่หลายหน ถึงสถานการณ์ของตระกูลหลินในยามนี้ นางไม่เคยไปที่นั่นมาก่อนไม่รู้จักใครสักคน คนขับรถม้าตอบว่า เขามีหน้าที่มารับคุณหนูรองกลับบ้านเท่านั้น เรื่องอื่นนั้นเขาไม่รู้จริง ๆ “ได้ถามหรือไม่ ใช้เวลากี่วันในการเดินทาง” หลินซือเยว่เอ่ยเสียงเนิบ ๆ “ถามแล้วเจ้าค่ะ เขาบอกว่าราว ๆ สิบวันก็ถึงเมืองหลวงแล้ว” “สิบวันเชียวรึ” หลินซือเยว่มองห่อผ้าที่วางอยู่ด้านข้าง มีเพียงของใช้จำเป็นของนางไม่กี่ชิ้น พร้อมกับก้อนเงินจำนวนห้าสิบตำลึง “คงต้องแวะซื้อของในอำเภอฝูเสียก่อน” เผิงฉือรีบเปิดม่านบอกกับคนขับรถม้า แต่เขากลับทำเสียงฮึดฮัดคล้ายไม่พอใจ “เสียเวลาเดินทางเปล่า ๆ” น้ำเสียงเขากระด้างกระเดื่อง
“หยุดทำบ้าๆ นะพี่สิงห์...อ๊อย...” น้ำผึ้งขนลุกซู่ เขาจูบไซ้ซอกคอของหล่อน ขณะหญิงสาวกำลังยืนส่องกระจกอยู่หน้าอ่างล้างหน้า “พี่ขออีกนิด แค่ภายนอกเท่านั้นนะจ๊ะ ไม่เสียหายอะไรนี่นา...นะครับ” พี่เขยปะเหลาะปะแหละอย่างคนเอาแต่ได้ เสียงออดอ้อนอ่อนหวานเริ่มทำให้น้องเมียใจอ่อนหวามไหว ปล่อยให้มือของเขาเคล้นคลึงสะโพกของหล่อนอย่างนึกมันเขี้ยว สอดท่อนแขนเข้ามาระหว่างง่ามก้น หงายฝ่ามือลูบไล้เข้ามาถึงหนอกเนื้ออุ่นจัดอีกครั้ง ตะล่อมล้วงเข้ามาโอบเนินนูนเหมือนหลังเต่า บีบขยำเบาๆ เหมือนจะประมาณความอวบใหญ่ล้นอุ้งมือ “ของผึ้งใหญ่จัง” มือสัมผัสกลีบเนื้อเป็นพูแน่น โหนกนูนและใหญ่กว่าของเจนนี่มากมาย “อ๊าย...” น้ำผึ้งเสียว กระดกก้นขึ้นโดยอัตโนมัติ สิงหาบีบขยำความเป็นผู้หญิงของหล่อนเป็นจังหวะ หัวใจเต้นแรงกับความอวบใหญ่ที่อัดแน่นอยู่ในอุ้งมือของตน “อย่า...พี่สิงห์...หยุดเดี๋ยวนี้นะ เดี๋ยวพี่เจนนี่มาเห็นผึ้งซวยแน่ๆ” น้องเมียร้องห้ามอย่างสับสนใจ ส่ายก้นทำท่าว่าจะดิ้นหนี แต่ช้ากว่ามือใหญ่ของสิงหาอีกข้างที่กดลงบนแผ่นหลังของหล่อนเหมือนจะล็อกกายไม่ให้ขยับหนี
เมื่อพวกเขาพบกันอีกครั้ง ฟู่หนานเซียวก็ขจัดความหวาดระแวงและความเย่อหยิ่งให้หมดแล้ว และกอดเมิ่งชิงหนิงอย่างแน่น "กลับมาอยู่กับผมดีมั้ย?" เธอเคยเป็นเลขาของเขา และเป็นคู่นอนของเขาในตอนกลางคืนด้วย ใช้ชีวิตแบบนี้กินเวลาสามปี เมิ่งชิงหนิงทำตามที่เขาบอกโดยตลอด ราวกับสัตว์เลี้ยงที่ว่าง่าย จนกระทั่งฟู่หนานเซียวประกาศว่าเขากำลังจะแต่งงานกับคนอื่น เธอจึงตัดสินใจให้พ้นจากความรักที่ไร้ค่าของตนเองและเตรียมจะจากไป แต่ใครจะไปรู้ว่า มีเหตุไม่คาดคิดเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง ความพัวพันของเขา การตั้งครรภ์ของเธอ และความโลภของแม่เธอค่อยๆ ผลักเธอลงสู่นรก สุดท้ายก็โดนทรมานอย่างหนัก เมื่อเธอกลับมาในอีกห้าปีต่อมา เธอก็ไม่ใช่คนเดิมอีกต่อไป แต่เขาตกอยู่ในความบ้าคลั่งห้าปี
สำหรับเขาผู้หญิงก็เป็นได้แค่ที่ระบายความใคร่ เขาไม่เคยมีความรักไม่เคยรักใคร แต่พอได้มาเจอเธอ เพื่อนของน้องสาวเขา ใจที่ด้านชากลับเต้นแรงขึ้นมาอีกครั้ง…