เพราะเคยเสียลูกสาวไปแล้วคนหนึ่งเขาจึงไม่อยากจะเสียหลานสาวไปอีกคน มาเฟียหนุ่มจึงต้องจับตามองคุณหมอราวกับเธอเป็นตัวประกัน แต่พอได้อยู่ใกล้ หัวใจของมาเฟียกลับกลายมาเป็นตัวประกันเสียเอง
เพราะเคยเสียลูกสาวไปแล้วคนหนึ่งเขาจึงไม่อยากจะเสียหลานสาวไปอีกคน มาเฟียหนุ่มจึงต้องจับตามองคุณหมอราวกับเธอเป็นตัวประกัน แต่พอได้อยู่ใกล้ หัวใจของมาเฟียกลับกลายมาเป็นตัวประกันเสียเอง
สัญญาณไฟเหนือประตูห้องผ่าตัดยังเปิดอยู่แม้ตอนนี้จะเป็นเวลาตีสามแต่ทุกคนด้านหลังประตูก็ทำงานกันอย่างเต็มที่เพื่อให้ผู้ป่วยและลูกน้อยในครรภ์รอดชีวิต
หลังเกิดอุบัติเหตุรถบรรทุกแหกโค้งชนกับรถเก๋งเมื่อสองชั่วโมงก่อนคารินาก็ถูกส่งมายังโรงพยาบาลที่อยู่ใกล้ที่สุด เมื่อมาถึงโรงพยาบาลก็พบว่าหญิงสาวมีอาการที่น่าเป็นห่วงเพราะถูกหน้าท้องถูกสายเข็มขัดนิรภัยกระชากอย่างแรงจนทำให้ทารกในครรภ์ดิ้นน้อยลง
ทางโรงพยาบาลจึงต้องตามหมอเฉพาะทางเพื่อมาทำการเด็กออกก่อนแม้ว่าจะยังไม่ถึงกำหนดคลอดเพราะพิจารณาแล้วว่าอัตราการรอดชีวิตจะมากกว่าปล่อยให้อยู่ในท้องมารดา
อรรถวุฒิผู้เป็นสามีรีบเซ็นชื่อให้ความยินยอมให้รับการผ่าตัดอย่างรวดเร็ว เขารู้ดีว่าถ้าหากตนเองตัดสินใจช้าเพียงเสี้ยววินาทีก็อาจจะต้องเสียคนรักทั้งสองคนไปอย่างไม่มีวันกลับ
หลังจากทำแผลตามร่างกายของตนเองแล้วเขาก็รีบตามมาที่หน้าห้องผ่าตัดซึ่งตอนนี้พี่ชายของภรรยามารออยู่ก่อนแล้ว
“พี่นิค ผมขอโทษนะครับ”
“ไม่ใช่ความผิดขอบนายหรอก รถบรรทุกนั่นต่างหากที่ขับมาเร็ว” ก่อนมาโรงพยาบาลชายหนุ่มที่ที่โรงพักมาแล้วจึงได้รู้ว่าทุกอย่างเกิดขึ้นเพราะอะไร
“อือ นายไม่เป็นไรมากใช่ไหม แล้วหมอว่ายังไงบ้าง”
“ผมมีแผลแค่นิดหน่อยครับ แต่เคทกับลูกนี่สิ ลูกผมยังตัวเล็กนิดเดียวเองนะพี่ ยังไม่ครบกำหนดคลอดด้วยซ้ำ แต่หมอก็ยืนยันว่าจะต้องรีบผ่าเอาเด็กออก”
อรรถวุฒิรู้สึกบีบหัวใจอย่างหนักเพราะห่วงทั้งลูกและภรรยา เขากับคารินานับวันที่จะได้เจอลูกสาวตัวน้อยแต่ไม่คิดว่าเวลานั้นจะมาถึงเร็วขนาดนี้
ทั้งสองคนเดินวนอยู่หน้าห้องผ่าตัดจนกระทั่งประตูห้องเปิดออกออกอีกครั้ง
“ลูก” อรรถวุฒิมองเด็กทารกที่ถูกเข็นออกมาจากห้องผ่าตัดซึ่งมีลำตัวมีแดงจัดลำตัวเหี่ยวย่นอีกทั้งยังต้องใส่เครื่องช่วยหายใจทำให้เขามองด้วยความรู้สึกเจ็บปวด
ทั้งสองคนเดินตามไปอย่างอัตโนมัติจนกระทั้งเด็กถูกเข็นเข้าไปในห้อง NICU ซึ่งเป็นห้องกระจกที่มองเห็นว่าด้านในนั้นมีทารกอีกหลายคนที่นอนอยู่ในตู้อบ
หลังจากหมอและพยาบาลช่วยกันนำร่างเล็กๆ เขาไปในตู้อบและจัดการต่อเครื่องช่วยหานใจและสายน้ำเกลือจนเรียบร้อยแล้วคุณหมอก็เดินออกมานอกห้อง
“ก่อนผ่าตัดพวกคุณบอกว่าลูกผมจะปลอดภัย”
“ค่ะ ตอนนี้น้องก็ถือว่าอยู่ในขั้นที่ปลอดภัย”
“ถ้าปลอดภัยทำไมเขาจะต้องเข้าไปอยู่ในตู้นั่นล่ะ”
“คุณพ่อใจเย็นๆ นะคะน้องคลอดก่อนกำหนดทำให้น้ำหนักตัวน้อยอีกทั้งปอดก็ยังไม่สามารถทำงานได้อย่างเต็ม”
“แต่พวกคุณก็ยังยืนยันจะผ่าตัด”
“เราต้องรีบผ่าตัดเพราะน้องเริ่มดิ้นน้อยลงและรกเริ่มลอกตัวถ้าปล่อยไว้จะเป็นอันตรายทั้งเด็กและแม่นะคะ ที่เราให้น้องนอนในตู้อบก็เพื่อรักษาอุณหภูมิ เราจะรอจนกระทั่งน้องน้ำหนักตัวเพิ่มขึ้นและหายใจเองได้ดีก็จะกลับบ้านได้ค่ะ”
“นานแค่ไหนครับ”
“เท่าที่หมอประเมินก็ไม่น่าจะเกินสองเดือนค่ะ”
“แล้วถ้าหลานผมไม่ดีขึ้นหรือต้องอยู่ในนั้นตลอดใครจะรับผิดชอบ”
“ฉันรับผิดชอบเองค่ะ” เสียงที่พูดดังมาจากด้านหลังทำให้คนถามหันกลับไปมอง
หญิงสาวใบหน้ารูปไข่ดวงตากลมโตที่เดินเข้ามานั้นทำให้มาเฟียหนุ่มชื่อนิโคไลรู้สึกเหมือนตัวเองกำลังถูกเธอสะกด
“คุณเป็นใคร”
“ฉันชื่อพัณณ์ชิตาเป็นคนผ่าตัดค่ะ”
“พูดผิดหรือเปล่าคุณ เด็กอย่างคุณจะมาผ่าตัดได้ยังไง”
“แต่ฉันก็ผ่าตัดไปแล้วนี่คะ”
“เมียผมเป็นยังไงบ้างครับ”
“เธอปลอดภัยค่ะ คุณไปรอเธอที่ห้องพักได้เลยไม่เกินหนึ่งชั่วโมงพยาบาลจะไปส่งที่นั่น”
“ขอบคุณครับหมอ”
“เป็นไรค่ะ ฉันทำตามหน้าที่”
“แล้วคุณล่ะคะ ไม่ตามไปด้วยเหรอ” หมอพัณณ์ชิตาถามเมื่อเห็นว่าเขายังไม่ยอมเดินออกไป
“คุณใช่ไหมที่เป็นคนตัดสินใจผ่าตัดน้องสาวผม”
“ใช่ค่ะ”
“คุณผ่าตัดทั้งที่หลานของผมตัวเล็กนิดเดียวถ้าหลานสาวผมเป็นอะไรไปผมจะฟ้องพวกคุณทุกคน”
“ฉันผ่าตัดตามข้อบ่งชี้ คุณอยากจะฟ้องก็ฟ้องไปสิคะ” คุณหมอสาวกล่าวอย่างมั่นใจ จากนั้นเธอก็เดินเข้าไปยังห้องด้านในที่มีเด็กตัวน้อยนอนอยู่ในตู้อบ
“พี่อัยย์คะ เด็กเป็นยังไงบ้าง”
“น้ำหนักตัว 1200 กรัมเอง ปอดก็ยังทำงานได้ไม่เต็มที่เลยคงต้องอยู่ในตู้อบอีกยาว แต่พั้นช์ไม่ต้องห่วงนะ เคสแบบนี้พี่เจอมาเยอะแล้ว”
“ชอบคุณนะคะพี่อัยย์ และก็ขอโทษด้วยที่โทรตามกลางดึก”
“ไม่เป็นไร จริงๆ แล้วพี่ต้องขอโทษพั้นช์มากกว่าคืนนี้เวรหมอชาน์แท้ๆ แต่เจ้าตัวดันไม่สบายเลยทำให้พั้นช์ต้องมาเจอเคสที่ตัดสินใจยากแบบนี้ แล้วดูท่าผู้ชายคนนั้นจะเอาเรื่องมากกว่าสามีเขาอีกนะ”
“ถ้าเขาไม่บอกว่าเด็กเป็นหลานพั้นช์ก็คงคิดว่าเขาเป็นพ่อของลูก คนอะไรก็ไม่รู้หน้าดุชะมัด”
“นั่นสิคะ เสียดายหน้าหล่อๆ ถ้าเขายิ้มอีกนิดนี่คงดูดีกว่านี้เยอะเลย” หมอไอรดาออกความเห็น
“ไม่รู้ว่าจะเครียดอะไรกัน”
“เขาก็คงไม่เคยเจอเหตุการณ์แบบนี้ละมั้ง”
“เหมือนเขาไม่ค่อยไว้ใจเราเลยนะคะ พี่อัยย์คิดเหมือนพั้นช์ไหม”
“ก็คงอย่างนั้น แต่เราทำหน้าที่ของเราเต็มที่แล้ว ที่เหลือก็แค่รอเวลาให้ยัยหนูตัวเล็กแข็งแรงไวๆ”
“พั้นช์ก็หวังอย่างนั้น แล้วพี่อัยย์จะกลับบ้านเลยไหมคะ”
“ไม่จ้ะ พี่ว่าจะอยู่ยาวเลยเดี๋ยวให้หมอชาน์เอาชุดมาให้เปลี่ยนแล้วพั้นช์ล่ะ”
“พั้นช์ก็ว่าจะไปตรวจคนไข้อีกรอบแล้วค่อยกลับไปอาบน้ำพรุ่งนี้พั้นช์ไม่มีตรวจ OPD ค่ะ”
ความผิดพลาดในคืนนั้นทำให้ชีวิตของวิรัลพัชรเปลี่ยนไปเมื่อรู้ว่าตัวเองตั้งท้อง เธอจำไม่ได้ด้วยซ้ำใครคือผู้ชายคนนั้นเป็นใคร แต่เขาจำได้และเมื่อรู้ว่าเธอกำลังท้องลูกของเขาชายหนุ่มก็ก้าวเข้ามาในชีวิตเพียงเพื่อต้องการลูกของเธอเท่านั้น
นานนับปีแล้วที่อรณิชาไม่ได้รับความสุขจากสามี เขาอ้างว่าเพราะงานแต่จริงๆ แล้วเขามีคนอื่นโดยที่อรณิชาไม่รู้ หญิงสาวจึงให้เวลาเขาและเธอหนึ่งเดือนเพื่อจัดสินใจว่าจะเอายังไงต่อกับชีวิตคู่ หญิงสาวจึงกลับมาที่เมืองไทย และได้เจอกับอดีตคน รักความสุขความผูกพัน ทางใจในอดีตกับกลายเป็นความสัมพันธ์ทางกายในปัจจุบัน ความใกล้ชิดในช่วงเวลาสั้นๆ ทำให้ทั้งสองเผลอใจก้าวข้ามเส้นที่ขีดไว้ไม่สนใจทถูกผิดมองแค่บนเตียงเพียงอย่างเดียว
ความสัมพันธ์ระหว่างนายหัวหนุ่มและนักศึกษาสาว ที่ห่างกันทั้งอายุและระยะทางนายหัวหนุ่มจะทำให้เธอรักเขาได้อย่างที่เขารักเธอหรือไม่คงต้องให้เวลาเป็นเครื่องพิสูจน์
ในคืนที่โดนแฟนเอายาปลุกเซ็กซ์ใส่เครื่องดื่ม เธอขอให้ชายคนหนึ่งช่วย พอเช้ามาถึงได้รู้ว่าเขาคือเพื่อนสมัยเรียนเขาขู่ให้เธอยอมเป็นคู่นอนของเขาโดยบอกว่ามีคลิปในคืนนั้นเธอยอมเพราะคำขู่แต่เมื่อรู้ว่าเขาไม่มีคลิปทุกอย่างระหว่างเขากับเธอก็จบแต่เขาไม่ยอมจบเพราะตอนนี้คิดกับเธอมากไปกว่าคู่นอนไปแล้ว
สายตาที่ประสานกันมันบอกอย่างชัดเจนว่าตอนนี้ชายหนุ่มนั้นลืมคำว่าผู้ปกครองกับเด็กในปกครองไปแล้ว **************** หญิงชายสมัยนี้มันเท่าเทียมกันนะบัว เธอคิดว่าจะนอนกับฉันและทิ้งฉันไปง่ายๆ แบบนั้นเหรอ ไม่มีทางหรอก เธอต้องรับผิดชอบทั้งตัวฉันและความรู้สึกของฉัน
เพราะคู่หมั้นของเธอเป็นต้นเหตุทำให้น้องสาวของเขาเสียชีวิต เธอจึงเป็นหมากตัวสำคัญในการแก้แค้นของเขา แต่ทุกอย่างไม่เป็นอย่างที่คิด กลายเป็นเขาที่รู้สึกผิดและทำทุกอย่างให้หมากตัวนี้เป็นของตนเอง
จือหลินเธอเป็นเด็กกำพร้า ที่ถูกมารดาทอดทิ้งไว้ที่โรงพยาบาลตั้งแต่วันแรกที่ลืมตามาดูโลก ต่อมาทางโรงพยาบาลจึงส่งตัวเธอให้กับสถานสงเคราะห์ พออายุได้สามปี ก็มีองค์กรหนึ่งมารับเลี้ยงตัวเธอ แต่พวกเขาเลี้ยงเธอและเด็กคนอื่นๆ ไว้เพื่อเป็นหนูทดลองเท่านั้น ครั้งแรกที่ถูกนำตัวมา ต่างก็โดนจับฉีดยาเข้าสู่ร่างกาย เพื่อหาเด็กที่เลือดต้านเชื้อที่ฉีดเข้าไปได้เท่านั้น หากร่างกายทนรับไม่ไว้สิ่งที่ทางองค์กรมอบให้คือความตาย จือหลินอาจเป็นเพราะเลือดของเธอพิเศษกว่าเด็กคนอื่น ไม่ว่าฉีดยาตัวไหนเข้าสู่ร่างกายเธอก็ทนรับได้ทั้งนั้น นับจากนั้นมาเธอจึงถูกเลี้ยงดูจากองค์กรมาอย่างดี เรื่องการศึกษาเธอก็สามารถเรียนรู้ทุกสิ่งได้อย่างเต็มที่ แต่เพราะความฉลาดของเธอจึงถูกส่งให้เรียนวิทยาศาสตร์การแพทย์และเรียนแพทย์ควบคู่ไปด้วย เมื่อเรียนจบมาแล้ว จือหลินยังคงทำการให้องค์กรเช่นเดิม แม้จะไม่ได้เป็นนักฆ่าเช่นเพื่อนคนอื่นที่มาพร้อมกัน แต่เธอก็ต้องฝึกไม่ต่างจากพวกเขา ยิ่งเมื่อต้องนำเด็กเข้ามาเป็นหนูทดลองเช่นเดียวกับเธอในตอนเล็ก ต่อให้ไม่อยากทำก็ต้องทำ หากฝ่าฝืนไม่ทำการชิปที่ถูกฝังอยู่ในตัวจะถูกกระตุ้นให้ได้รับความทรมานทันที นานวันเข้า ความดำมืดก็ก่อเกิดในใจ ไม่ว่าจะฉีดยาให้เด็กร้ายแรงเพียงใดจือหลินก็เลิกรู้สึกผิดไปเสียแล้ว เพราะการทำงานของเธอตลอดหลายปีที่ผ่านมาทำให้ทางองค์กรยกย่องและมักจะให้สิ่งดีๆ กับเธอเสมอ เมื่อมีชิปตัวหนึ่งที่ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อฝังมิติอีกห้วงหนึ่งไว้ภายในร่างกาย จือหลินนางก็ได้รับเลือกให้ทดลองใช้สิ่งนี้ด้วยเช่นกัน จือหลินถูกฝังชิปมิติเข้าที่แกนสมองของเธอ ความเจ็บปวดที่ได้รับทำให้เธอแทบสิ้นสติ เมื่อชิปถูกฝังลงไปแล้ว เพียงไม่นานก็มีเสียงจากระบบให้เธอยืนยันตัวตน ก่อนที่จะปรากฏภาพต่างๆ ภายในหัวของเธอ ของจากภายนอกล้วนแต่ถูกส่งเข้าไปเก็บไว้ด้านในได้ทั้งสิ้น หากเป็นเนื้อสด ผักผลไม้ ยังคงความสดอยู่เช่นเดิมแม้จะเก็บไว้นานมากเพียงใด ห้วงมิติของจือหลินเหมือนเป็นห้องสูทในคอนโดของเธอเองที่มีทุกอย่างพร้อมใช้อยู่ภายใน แม้แต่ห้องทดลอง ห้องทำงานของเธอก็ปรากฏอยู่ในนั้นเช่นกัน นับจากนั้นจือหลินจึงซื้อของเขาเก็บภายในมิติของเธอเป็นจำนวนมาก ตัวเธอเพียงผู้เดียวที่สามารถเข้าออกในห้วงมิติได้ วันเวลาผ่านไปจนจือหลินล่วงเข้าวัยสามสิบปี เธอสามารถผลิตยาที่ทำให้ทั่วโลกจับตามองออกมาได้ ยายื้อชีวิตจากความตาย แต่การทดลองของเธอที่ผ่านมาต้องใช้คนจำนวนมากในการเข้าทดลอง จือหลินสามารถยื้อชีวิตของชายชราที่กำลังจะหมดลมหายใจให้กลับมามีชีวิตปกติได้ เมื่อเธอกักตัวเขาไว้ได้หกเดือนเห็นว่าไม่มีสิ่งใดที่ผิดปกติจึงคิดจะปล่อยเขาออกไปใช้ชีวิตเช่นเดิม แต่แล้วสิ่งที่ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น เมื่อชายชราที่กำลังจะเดินออกจากห้องทดลองล้มลงต่อหน้าทุกคนที่เข้าร่วมชื่นชมผลงานของเธอ จือหลินรีบเข้าไปตรวจดูความผิดปกติทันที ก็พบว่าเขาหยุดหายใจเสียแล้ว เจ้าหน้าที่ทั้งหมดจึงต้องพาชายชราคนนั้นกลับเข้าไปในห้องทดลองเพื่อหาสาเหตุ ผ่านไปเพียงสองครึ่งชั่วโมงเขากลับลืมตาขึ้นมาอย่างไม่น่าเชื่อ แต่แววตาที่มองมาทางทุกคนได้เปลี่ยนไป ในดวงตาของชายชราผู้นั้นมีเพียงตาขาวไม่มีตาดำเช่นคนมีชีวิต “เกิดเรื่องอะไรขึ้น” ผู้อำนวยการองค์กรเดินเข้ามาหาจือหลินแล้วเอ่ยถามอย่างตื่นตระหนก เพราะนักข่าวที่ข่าวเชิญมายังอยู่ที่ด้านนอกเพื่อรอฟังคำตอบ “ขอดิฉันตรวจสอบก่อนค่ะ” จือหลินกุมหน้าผากอย่างมึนงง เธอก็ไม่เข้าใจเช่นกันว่าเป็นแบบนี้ไปได้อย่างไร คนทั้งหมดยืนมองชายชราที่เดินท่าทางประหลาดอยู่ในห้องทดลอง ในตอนนี้เขาเริ่มหยิบสิ่งของทำร้ายตัวเองอย่างบ้าคลั่ง เจ้าหน้าที่คนหนึ่งรีบวิ่งเข้าไปในห้องทดลองเพื่อห้ามไม่ให้เขาทำร้ายตัวเอง ชายชราเมื่อได้ยินเสียงคนเดินเข้ามาก็พุ่งเข้ามาหาอย่างรวดเร็ว และเริ่มกัดกินเนื้อตัวของเขาอย่างโหดร้าย คนที่เห็นเหตุการณ์ทั้งหมดต่างยกมือขึ้นปิดปากอย่างตกใจ เพราะกลัวข่าวเรื่องนี้จะรั่วไหล ผู้อำนวยการสั่งให้คนไปแจ้งนักข่าวให้กลับไปก่อน ทางองค์กรจะแถลงการณ์เรื่องนี้ในภายหลัง เจ้าหน้าที่ที่ถูกทำร้ายล้มลงเสียชีวิตไม่นานก็มีสภาพไม่ต่างจากชายชราคนนั้น เสียงวุ่นวายไม่ได้จบลงที่ห้องทดลองของจือหลินเพียงแห่งเดียว เพราะห้องทดลองอื่นก็ล้วนพบเหตุการณ์เช่นนี้ไม่ต่างกัน ผู้อำนวยการจำต้องส่งสัญญาณเคลื่อนย้ายเจ้าหน้าที่ออกจากตึกทดลองให้เร็วที่สุด จือหลินไม่รู้ว่ายาของนางจะสร้างผลเสียมากถึงเพียงนี้ เพราะเจ้าหน้าที่หลายคนล้วนจบชีวิตจนกลายเป็นซอมบี้ไปเสียแล้ว ตึกทดลองถูกปิดตาย เพื่อไม่ให้ซอมบี้ที่อยู่ด้านในออกมาสร้างความเสียหายภายนอกได้ “เรื่องนี้ดิฉันขอจัดการด้วยตนเองค่ะ” จือหลินเดินเข้าไปหาผู้อำนวยการที่ห้องทำงานของเขา เพื่อบอกสิ่งที่เธอคิดว่าอย่างดีแล้วในหลายวันที่ผ่านมา เมื่อเห็นว่าผู้อำนวยการไม่ห้ามในสิ่งที่เธอจะทำจือหลินจึงเดินไปที่หน้าตึกทดลองพร้อมระเบิดเวลาในมือ เธอคิดจะทำลายสิ่งของทุกอย่างที่เธอสร้างขึ้นมาลงด้วยมือของเธอเอง จือหลินเปิดประตูตึกทดลองแล้วรีบปิดลงทันที เธอเดินเข้าไปที่กลางตึกให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ เพราะระหว่างทางเธอต้องคอยต่อสู้กับซอมบี้ที่จะเข้ามาทำร้ายเธอไปด้วย เสียงสัญญาณระเบิดดังขึ้น จือหลินหลับตาลง พร้อมทั้งถอนหายใจให้กับเรื่องราวในชีวิตที่ผ่านมา เสียงระเบิดดังไปทั่วบริเวณพร้อมทั้งตึกทดลองที่ถล่มลงมาจนแทบไม่เหลือซาก “เจ็บชะมัด” จือหลินร้องครางออกมาเบาๆ แต่เมื่อรู้สึกตัวได้เธอก็รีบพยุงตัวขึ้นนั่งอย่างรวดเร็วพร้อมมองไปรอบๆ อย่างไม่อยากเชื่อ เธอคิดว่าตายไปแล้วเสียอีก แต่ทำไมถึงได้มีความรู้สึกเจ็บได้ “นี้มันเรื่องบ้าอะไรอีกว่ะเนี่ย” จือหลินเบิกตากว้างอย่างไม่อยากเชื่อ รอบๆ ตัวเธอในตอนนี้เป็นป่าทึบ มือของเธอก็ไม่ใช่ของเธออย่างแน่นอนเพราะมีขนาดเล็กราวกับเป็นเด็กน้อยคนหนึ่งเท่านั้น ตอนที่เธอมึนงงสับสน เรื่องราวความทรงจำของเจ้าของร่างก็ไหลเข้าสู่หัวของเธอจนต้องลงไปนอนดิ้นกับพื้น
ในระยะเวลาสองปีที่แต่งงานกัน เนี่ยเหยียนเซินจู่ๆ ก็เสนอขอหย่า เขาพูดว่า "เธอกลับมาแล้ว เราหย่ากันเถอะ คุณอยากได้อะไรบอกมาได้เลย" ชีวิตการแต่งงานสองปีสู้อีกคนที่หันหลังกลับมาไม่ได้ ตามอย่างที่คนเขาว่ากัน "คนรักเก่าแค่ร้องไห้สักหน่อย คนรักปัจจุบันก็ย่อมแพ้แน่นอน" เหยียนซีไม่ได้โวยวายอะไร เลือกที่จะตอบตกลงและเสนอเงื่อนไขว่า "ฉันต้องการรถซูเปอร์คาร์ที่แพงที่สุดของคุณ" "ได้" "วิลล่าสุดหรูชานเมือง" "ตกลง" "กำไรหลายพันล้านที่หามาในช่วงสองปีนี้ แบ่งคนละครึ่ง" "อะไรนะ"
หลังจากที่แต่งงานเข้ามาในตระกูลมู่ หลินซีได้ทำหน้าที่เป็นคุณนายมู่ที่ยอมอดทนกับทุกอย่างโดยไม่ปริปากเป็นเวลาสามปี เธอรักมู่จิ่วเซียว จึงยอมอดทนดูแลเขาอย่างเต็มใจ แม้ว่าเขาจะมีคนอื่นอยู่ข้างนอกก็ตามแต่เขากลับไม่เคยเห็นค่าของเธอ เหยียบย่ำความรักของเธอให้แหลกสลาย และถึงขั้นปล่อยให้น้องสาวของเขามอมเหล้าเธอแล้วส่งไปยังเตียงของลูกค้า หลินซีนั้นถึงเพิ่งจะตาสว่างเมื่อรู้ว่าความรักที่มีมานานนั้นช่างน่าขันและน่าเศร้าในใจของเขา เธอไม่ต่างอะไรกับผู้หญิงคนอื่นๆ ที่เข้ามาเกาะเขา เธอจึงทิ้งข้อตกลงการหย่าไว้แล้วจากไปโดยไม่ลังเล มู่จิ่วเซียวมองดูเธอประสบความสำเร็จ กลายเป็นดวงดาวที่ส่องแสงในสายตาของผู้คนเมื่อได้เจอกันอีกครั้ง เธอเต็มไปด้วยความมั่นใจและสงบเสงี่ยม โดยมีผู้ชายที่มีฐานะสูงส่งอยู่เคียงข้าง มู่จิ่วเซียวมองดูใบหน้าของคู่แข่งหัวใจที่ดูคล้ายกับของเขามาก จากนั้นเขาก็ตระหนักได้ว่าในสายตาเธอ เขาเป็นเพียงตัวแทนของคนอื่นในมุมแห่งหนึ่ง เขาขวางทางเธอไว้ “หลินซี คุณเล่นตลกกับผมใช่ไหม”
เซียวหลิ่นตาบอดจากอุบัติเหตุทางรถยนต์ ลูกสาวคนรวยทุกคนต่างหลีกเลี่ยงเขา มีแต่สวี่โยวหรานยอมแต่งงานกับเขาโดยไม่ลังเล สามปีต่อมา เซียวหลิ่นกลับมามองเห็นได้อีกครั้ง จากนั้รเขา็ยื่นข้อตกลงการหย่าเพื่อยุติการแต่งงานนี้ เขากล่าวอย่างเย็นชาว่า "ฉันพลาดกับชิงชิงมานนานมากพอแล้ว ฉันไม่อยากให้เธอต้องรอนานกว่านี้!" สวี่โยวหรานลงนามในข้อตกลงการหย่าโดยไม่ลังเล ทุกคนต่างก็หัวเราะเยาะเธอตลอด - หัวเราะเยาะว่าที่เธอแต่งเข้าตระกูลเซียวถือว่าเกาะผู้มีอิทธิพลเข้า จากนั้นก็มาหัวเราะเยาะเธอที่ถูกทอดทิ้ง เป็นหญิงที่ไร้ค่า แต่ทุกคนกลับไม่รู้ว่า เธอคือหมออัศจรรย์ที่รักษาดวงตาของเซียวหลิ่นให้หายดี เป็นผู้ออกแบบเครื่องประดับมูลค่าหลักร้อยล้าน ผู้เป็นมือหนึ่งแห่งหุ้นที่ครองตลาดหุ้น และแม้แต่แฮกเกอร์ระดับแนวหน้าและลูกสาวแท้ๆ ของผู้มีอิทธิพล อดีตสามีมาขอร้องขอคืนดี ซีอีโอผู้เผด็จการก็โยนเซียวหลิ่นออกไปนอกประตูอย่างเย็นชา "ดูดีๆ นี่ภรรยาของผม"
มีข่าวลือว่า ลูกเลี้ยงของตระกูลเสิ่นทำทุกอย่างเพื่อเข้าวงการแต่งงานกับตระกูลหลิน หลังจากถูกหลินอี้ฟานทิ้ง เธอก็เล็งไปที่หลินเหยียนเซิง แต่ไม่มีใครรู้ว่า ก่อนแต่งงาน เบ่ยหลินถูกหลินเหยียนเซิงวางแผนอย่างไร้ปรานี เมื่อเป็นคุณนายหลินในขณะตั้งครรภ์ เบ่ยหลินเพียงหวังว่าจะได้คลอดลูกอย่างปลอดภัย แม้วันแต่งงานวันแรกหลังจากนั้น จะมีข่าวลือกับรักเก่าของเขาเป็นที่พูดถึงกันทั่วเมือง เธอก็ยังคงเฉยเมย และยังส่งข้อความไปเตือนให้เขาระวังเรื่องปิดม่านครั้งหน้า แต่คืนนั้น เบ่ยหลินก็ถูกเขาดักไว้ที่มุมกำแพง “ภรรยาที่รัก ผมผิดไปแล้ว...” หลังแต่งงาน หลินเหยียนเซิงถึงได้รู้ว่า ที่แท้เมียของเขานั้นยากที่จะเอาอกเอาใจขนาดไหน
© 2018-now MeghaBook
บนสุด