ภูตะวัน นายหัวแห่งอาณาจักรยางพาราทางปักษ์ใต้ที่จู่ๆ ก็ถูกมารดาเข้าใจผิดคิดว่าเป็นเกย์ ถึงขนาดไหว้วานลูกน้องของชายหนุ่มให้ตามสืบข่าวแต่ก็ถูกจับได้เสมอๆ เมื่อคนใกล้ตัวถูกจับได้จึงต้องส่งคนไกลตัวเข้าไปทำหน้าที่แทน นั่นจึงทำให้ภูตะวันได้พบกับสาวน้อยที่ชื่อว่านับพันดาว หญิงสาวตัวเล็กผมประบ่าแววตาซุกซนและอยากรู้อยากเห็น ที่จู่ๆ ก็ทำให้หัวใจของนายหัวหนุ่มเต้นด้วยจังหวะแปลกๆ เธอมาเพื่อจับผิดเขา แต่ไปๆ มาๆ กลับเป็นมีใจให้กันอย่างไม่รู้ตัว เพราะมีใจจึงปกป้องได้แม้กระทั่งชีวิต "จูบของนับพอจะทำให้พี่ลืมจูบคุณไมค์ได้ไหมคะ" น้ำเสียงกระเส่าเอ่ยถาม "เหมือนจะยังไม่ได้" คนเจ้าเล่ห์ยิ้มตอบแล้วจูบปากอิ่มอย่างดุดันอีกครั้ง เรียวลิ้นของทั้งคู่ตะหวัดหยอกเย้าสลับดูดเม้มอย่างเป็นจังหวะ ทุกอย่างเกิดขึ้นเนิ่นนานก่อนที่ภูตะวันจะถอนจูบออกอย่างอ้อยอิ่ง ทั้งคู่สบตากันและกันและนั่นก็คือคำตอบโดยไม่จำเป็นต้องเอ่ยอะไร "นับดีใจจังที่ได้รักพี่" นับพันดาวเอ่ยรับพร้อมกับซุกตัวเข้าหาภูตะวันมากขึ้น ชายหนุ่มปัดปอยผมที่ชื้นด้วยเหงื่อออกจากหน้าผากเธอแล้วจุมพิตหนักๆ อย่างเอาใจ แต่ดูเหมือนเขาจะไม่หยุดแค่นั้น "อย่ารุ่มร่ามนะคะ พอแล้ว" นับพันดาวตีมือที่เริ่มซุกซนของภูตะวันเบาๆ นอกจากบ้ากามแล้วเขายังบ้าพลังอีกด้วย เธอยังไม่ทันหายเหนื่อยเขาก็จะเริ่มใหม่อีกแล้ว "ยังไม่พอ" เขาว่าอย่างติดตลกพลอยทำให้คนฟังค้อน เขาสูบพลังไปจากเธอจนหมดยังจะบอกว่าไม่พออีกหรือไง สำหรับภูตะวันแล้วเซ็กซ์แต่ล่ะวันแต่ล่ะคืนไม่เคยมีคำว่าครั้งเดียว "คนบ้ากาม" คำพูดของนับพันดาวทำให้คนฟังหัวเราะออกมาอย่างชอบใจ "มีเมียน่ารักแบบนี้ใครที่ไหนจะอดใจไหว" เพราะเขินอายทำให้นับพันดาวทุบแผงอกของภูตะวันไปแรงๆ ก่อนที่เขาจะทำให้เธอครางกระเส่าออกมาอีกครั้ง ซึ่งนับพันดาวก็ไม่ได้คัดค้านแต่อย่างใด จูบที่อ่อนหวานกลายเป็นเร่าร้อนดุดันชนิดที่ไม่มีใครยอมใคร
ขอต้อนรับนักอ่านทุกท่านเข้าสู่ ‘ซีรีส์เมียข้าใครอย่าแตะ’ ค่ะ โดยเป็นซีรีส์สามพี่น้องที่เป็นแฝดกันนะคะ
เริ่มแรกจะเป็นของพี่ใหญ่อย่างภูเมฆ(สวาทรักพ่อเลี้ยงภูเมฆ) ตามด้วยคนกลางอย่างภูตะวัน (สวาทรักนายหัวภูตะวัน) และคนสุดท้ายน้องเล็กอย่างภูภูมิ(สวาทรักนายเหมืองภูภูมิ) โดยเนื้อหาทั้งสามเรื่องสามารถแยกอ่านกันได้ไม่มีความสับสนใดๆ ค่ะแต่ถ้าอ่านด้วยกันความฟินคือไม่ต้องพูดถึง
แม้จะดีใจที่รู้ว่าลูกชายคนโตกำลังจะแต่งงานในเร็วๆ นี้ แต่สิ่งหนึ่งที่ยังคงติดอยู่ในใจของมารดาอย่างอำพรคือเรื่องลูกชายคนกลางอย่างภูตะวัน เพราะเธอระแคะระคายอะไรมาบางอย่างซึ่งเป็นสิ่งที่เธอเองก็รู้สึกมาตลอดแต่ยังไม่มีหลักฐานมัดตัวมากพอให้เจ้าตัวยอมรับก็เท่านั้นเอง
โลกใบนี้พัฒนาไปไกลมากรวมถึงเรื่องรสนิยมอะไรพวกนี้ แม้จะพยายามทำใจมาบ้างแต่พอคิดจริงๆ ก็กังวลไปสารพัด เธอคลอดลูกชายมาก็อยากได้สะใภ้ที่เป็นผู้หญิงไม่ใช่ผู้ชาย เพราะถ้าภูตะวันเบี่ยงเบนไปในทิศทางที่เธอไม่เห็นด้วยก็จะรีบหาทางแก้เกิดเรื่องถึงหูสามีเข้ามีหวังบ้านต้องแตกแน่นอน
“เป็นอะไร ตั้งแต่มาก็นั่งหน้าเครียดเชียว” รำไพเอ่ยถามเพื่อนสนิทที่นัดกันออกมากินข้าวแท้ๆ แต่กลับเอาแต่เขี่ยไปเขี่ยมาราวกับมีเรื่องหนักใจ
“เรื่องตาเบสนะ”
“ลูกชายฝาแฝดคนกลางของเธอที่ไปเป็นนายหัวที่ภาคใต้นะเหรอ ทำไม เกิดอะไรขึ้น” น้ำเสียงของรำไพแสดงออกว่าเป็นห่วง แม้นานๆ เพื่อนสนิทจะมีเรื่องกลุ้มใจทำนองนี้ก็ตาม
“ก็ฉันสงสัยว่าเบสจะเป็นเกย์”
“ไม่หรอกมั้ง คิดมาก” รำไพโบกไม้โบกมือปฏิเสธความคิดนั้นของอำพร
“แต่ฉันก็อดคิดไม่ได้จริงๆ นะ อย่างลูกคนโตกับคนเล็กฉันพอรู้ว่ามีคนคบอยู่แต่คนกลางนี่ฉันแทบไม่เคยได้ข่าว ถามกี่ทีก็เอาแต่บ่ายเบี่ยงแล้วบอกว่าอยากโฟกัสเรื่องงานมากกว่า อายุก็ไม่ใช่น้อยๆ สามสิบห้าเข้าไปแล้วหน้าที่การงานก็มั่นคง ยังจะห่วงอะไรกันอีก”
“เธอก็ให้คนแถวนั้นสืบให้สิ”
“ฉันทำแล้ว แต่ก็ถูกเบสจับได้ตลอดจนคนงานพากันขยาดเพราะถูกจับได้เมื่อไหร่เบสก็จะคาดโทษเอาไว้หนัก”
“งั้นก็ส่งคนของเธอไปเองสิ คนที่ลูกชายเธอไม่กล้าแตะ”
“จะไปหาที่ไหน ฉันก็มีแต่หลานชายทั้งนั้น”
“ฉันพอมี” รำไพยิ้มกริ่มออกมานั่นเพราะเธอมีแผนบางอย่างในใจแล้วเช่นกัน ก่อนจะเล่าแผนที่ว่าให้อำพรฟังถึงแผนการที่ว่า
“จะดีเหรอรำไพ”
“ต้องดีสิ เพราะนอกจากวิธีนี้แล้วฉันก็คิดวิธีอื่นไม่ออกจริงๆ แต่ก่อนที่หลานสาวฉันจะไปที่นั่นเธอก็บอกลูกชายให้รู้เสียหน่อยว่านับคือคนของเธอ”
“แล้วเหตุผลที่จะให้นับไปที่นั่นละคืออะไร”
“ฝึกงาน ไปฝึกงานเพราะหลานสาวฉันพึ่งเรียนจบ
“อะไรนะคะคุณป้า จะให้นับไปเป็นสายสืบเหรอคะ” นับพันดาวกะพริบตาปริบๆ นั่นเพราะไม่คิดว่าธุระด่วนที่ผู้เป็นป้าบอกว่าจะมาขอคุยด้วยคือเรื่องอยากให้เธอไปสืบข่าวของลูกชายเพื่อนสนิทว่ามีรสนิยมทางเพศแบบไหน งานเผือกชีวิตคนอื่นแบบนั้นเธอคิดว่ามันไม่ค่อยเหมาะกับตัวเองเท่าไหร่
“ใช่”
“แต่นับจบบริหารมานะคะ ไม่น่าจะมีความถนัดเรื่องทำนองนั้นเท่าไหร่” เอ่ยจบก็ส่งยิ้มแห้งให้รำไพ เธอพึ่งเรียนจบจากอังกฤษและพึ่งบินกลับมาเมืองไทยเมื่อสองสามอาทิตย์ก่อน โดยหลังจากนี้จะเข้าไปทำงานที่บริษัทครอบครัว
“ป้ารู้ แต่ป้าก็อยากช่วยเพื่อนจริงๆ”
“คือว่านับ”
“ช่วยป้าหน่อยนะนับ ได้หลักฐานแล้วค่อยกลับตอนนั้นก็ได้ ป้าเห็นเพื่อนทุกข์ใจด้วยนี้ก็กินไม่ได้นอนไม่หลับเหมือนกัน อะไรที่ช่วยได้ก็อยากช่วย”
“นับก็อยากช่วยจริงๆ ค่ะ แต่อาทิตย์หน้านับต้องเข้าไปช่วยงานที่บริษัทแล้ว เกรงว่าจะไม่…” ยังไม่ทันที่ นับพันดาวจะได้พูดคำว่าไม่สะดวกออกไปรำไพก็ชิงพูดขึ้นเสียก่อน
“เรื่องนั้นนับไม่ต้องเป็นห่วง ป้าคุยกับพ่อแม่ให้แล้ว” ดูจากสีหน้าของผู้เป็นป้า นับพันดาวก็แทบไม่ต้องเดาคำตอบของพ่อกับแม่ ท่านทั้งสองรักพี่สาวคนนี้มากเพราะตอนที่พวกท่านลำบากก็มีเพียงป้ารำไพยื่นมือเข้าช่วย แถมยังรับเธอและพี่ชายสองคนไปเลี้ยงดูตั้งแต่เล็กๆ นั่นก็เพื่อให้แม่ได้ออกไปช่วยพ่อทำงาน
ค่าเล่าเรียนที่ต่างประเทศของเธอและพี่ๆ ป้าคนนี้ก็ออกให้ทั้งหมด ต่อให้จะไม่ได้อุ้มท้องแต่ก็เลี้ยงดูเธอกับพี่ๆ ราวกับลูกแท้ๆ ป้ารำไพไม่มีครอบครัวเหตุผลเพราะไม่อยากมี บวกกับตอนสมัยสาวๆ เกิดอุบัติเหตุจนต้องตัดมดลูกทิ้ง นั่นทำให้การจะได้เป็นแม่จึงไม่อาจเกิดขึ้นได้เช่นเดียวกัน
“แล้วนับต้องไปอยู่ที่นั่นกี่วันคะ”
“อย่างเร็วก็น่าจะอาทิตย์หนึ่งช้าสุดก็ไม่เกินสามเดือนจ้ะ เอาให้เหมือนไปฝึกงานจริงๆ” นั่นคือระยะเวลาคร่าวๆ ที่รำไพกำหนดแต่ทุกอย่างก็สามารถยืดหยุ่นปรับเปลี่ยนได้ตามสถานการณ์
“โอเค นับจะเป็นสายสืบชั่วคราวให้ค่ะ”
“ขอบใจมากนะนับ” รำไพยิ้มขอบคุณหลานสาวที่ยอมช่วยเหลือ ในขณะที่นับพันดาวได้แต่ถอนหายใจออกมาหนักๆ ที่เผลอรับปากออกไปแบบนั้น แต่ถ้าไม่เดือดร้อนจริงๆ ผู้เป็นป้าคงไม่เอ่ยปากขอให้เธอช่วยแน่นอน
เมื่อหลานสาวรับปากว่าจะช่วย รำไพก็ส่งข้อมูลของเป้าหมายให้นับพันดาวทันที
“หน้าตาดีเป็นเกย์มีถมไปสินะ” นับพันดาวอดที่จะเสียดายความหล่อของชายหนุ่มที่ได้เห็นนัก แต่สมัยนี้คนหล่อล่ำมักจะมีรสนิยมประหลาดๆ สวนทางรูปร่างหน้าตาจนเธอชิน งานนี้แค่มีหลักฐานทุกอย่างก็จบ งานง่ายๆ ไม่น่าจะมีอะไรยาก
ภูตะวัน นายหัวแห่งอาณาจักรยางพาราทางปักษ์ใต้ที่จู่ๆ ก็ถูกมารดาเข้าใจผิดคิดว่าเป็นเกย์ ถึงขนาดไหว้วานลูกน้องของชายหนุ่มให้ตามสืบข่าวแต่ก็ถูกจับได้เสมอๆ เมื่อคนใกล้ตัวถูกจับได้จึงต้องส่งคนไกลตัวเข้าไปทำหน้าที่แทน นั่นจึงทำให้ภูตะวันได้พบกับสาวน้อยที่ชื่อว่านับพันดาว หญิงสาวตัวเล็กผมประบ่าแววตาซุกซนและอยากรู้อยากเห็น ที่จู่ๆ ก็ทำให้หัวใจของนายหัวหนุ่มเต้นด้วยจังหวะแปลกๆ เธอมาเพื่อจับผิดเขา แต่ไปๆ มาๆ กลับเป็นมีใจให้กันอย่างไม่รู้ตัว เพราะมีใจจึงปกป้องได้แม้กระทั่งชีวิต "จูบของนับพอจะทำให้พี่ลืมจูบคุณไมค์ได้ไหมคะ" น้ำเสียงกระเส่าเอ่ยถาม "เหมือนจะยังไม่ได้" คนเจ้าเล่ห์ยิ้มตอบแล้วจูบปากอิ่มอย่างดุดันอีกครั้ง เรียวลิ้นของทั้งคู่ตะหวัดหยอกเย้าสลับดูดเม้มอย่างเป็นจังหวะ ทุกอย่างเกิดขึ้นเนิ่นนานก่อนที่ภูตะวันจะถอนจูบออกอย่างอ้อยอิ่ง ทั้งคู่สบตากันและกันและนั่นก็คือคำตอบโดยไม่จำเป็นต้องเอ่ยอะไร "นับดีใจจังที่ได้รักพี่" นับพันดาวเอ่ยรับพร้อมกับซุกตัวเข้าหาภูตะวันมากขึ้น ชายหนุ่มปัดปอยผมที่ชื้นด้วยเหงื่อออกจากหน้าผากเธอแล้วจุมพิตหนักๆ อย่างเอาใจ แต่ดูเหมือนเขาจะไม่หยุดแค่นั้น "อย่ารุ่มร่ามนะคะ พอแล้ว" นับพันดาวตีมือที่เริ่มซุกซนของภูตะวันเบาๆ นอกจากบ้ากามแล้วเขายังบ้าพลังอีกด้วย เธอยังไม่ทันหายเหนื่อยเขาก็จะเริ่มใหม่อีกแล้ว "ยังไม่พอ" เขาว่าอย่างติดตลกพลอยทำให้คนฟังค้อน เขาสูบพลังไปจากเธอจนหมดยังจะบอกว่าไม่พออีกหรือไง สำหรับภูตะวันแล้วเซ็กซ์แต่ล่ะวันแต่ล่ะคืนไม่เคยมีคำว่าครั้งเดียว "คนบ้ากาม" คำพูดของนับพันดาวทำให้คนฟังหัวเราะออกมาอย่างชอบใจ "มีเมียน่ารักแบบนี้ใครที่ไหนจะอดใจไหว" เพราะเขินอายทำให้นับพันดาวทุบแผงอกของภูตะวันไปแรงๆ ก่อนที่เขาจะทำให้เธอครางกระเส่าออกมาอีกครั้ง ซึ่งนับพันดาวก็ไม่ได้คัดค้านแต่อย่างใด จูบที่อ่อนหวานกลายเป็นเร่าร้อนดุดันชนิดที่ไม่มีใครยอมใคร
สวาทรักพ่อเลี้ยงภูเมฆ “นี่คุณจะใจดีจ่ายหนี้แทนณดลอย่างนั้นเหรอ” เพราะไม่พอใจกับการตัดสินใจของเภตราทำให้เสียงของภูเมฆนั้นห้วนไม่น่าฟัง “ฉันจ่ายเพื่อซื้ออิสรภาพของตัวเองต่างหากแล้วค่อยไปเอาคืนผู้ชายห่วยๆ นั่น คุณอยากได้เท่าไหร่ก็ว่ามา” มีหรือที่เภตราจะจ่ายหนี้ให้ณดลกลับกันเธอจะเอาคืนอีกฝ่ายให้สาสมต่างหาก “ผมไม่รับเงินสดไม่รับเช็คหรืออะไรทั้งนั้น สิ่งเดียวที่ผมอยากได้คือแรงและเวลา ถ้าคุณทำตัวดีๆ สามสี่ปีก็น่าจะใช้หนี้ผมได้หมด” “แล้วสิ่งที่คุณทำกับฉันเมื่อคืนมันมีค่าเท่าไหร่ ไม่พอใช้หนี้เลยหรือไง” เภตราเอ่ยถามเสียงสั่นพร้อมกับน้ำตาที่จู่ๆ ก็เอ่อออกมาจากดวงตาทั้งสองข้าง ภูเมฆสบตาที่แดงก่ำของเธอแล้วเอ่ยขึ้น “ไม่พอ” คำตอบของเขาช่างแสนเลือดเย็นจนทำให้เภตราจุกไปทั้งอกก่อนจะกล้ำกลืนน้ำตาลงคอ เพราะไม่อยากให้มันไหลออกมาประจานตัวเอง ในเมื่อเขาไม่เห็นค่าของมันเธอไปเก็บมาใส่ใจแล้วจะได้อะไร
งานทำบุญครบร้อยวันยังมาไม่ถึงด้วยซ้ำ แต่จู่ๆ อดีตคนรักของน้องสาวก็ประกาศจะแต่งงานกับผู้หญิงคนใหม่ แถมเธอคนนั้นยังเคยเป็นอดีตคนรักของเขาอีกด้วย นั่นทำให้คริสบินตรงกลับมาที่เมืองไทยเพื่อสะสางความแค้นให้เขาและน้องผู้จากไป +++++++++++++++++ “คุณ” ลลิตาอุทานออกมาอย่างตกใจ เพราะไม่คิดว่าคนที่ยืนกดออดอยู่หน้าบ้านเป็นคริส ชายหนุ่มรู้ได้ยังไงว่าเธออยู่ที่นี่ “ขอเข้าไปหน่อย” แขกที่ไม่ได้รับเชิญเอ่ยบอกแต่เจ้าบ้านสาวกลับไม่ยอมทำตามเช่นกัน “ฉันไม่สะดวก คุณมีอะไรก็พูดมาได้เลย” “แน่ใจหรอกว่าจะให้ผมพูดตรงนี้” “แน่ใจ” ลลิตาเชิดหน้าขึ้นสูง เธอต้องเอาชนะผู้ชายคนนี้ให้ได้ จะไม่ยอมให้เขาเห็นความอ่อนแอแน่นอน “โอเค แน่ใจก็แน่ใจ บังเอิญว่าผมยังเก็บคลิปเซ็กซ์ของเราไว้ดูต่างหน้า” “ว่าอะไรนะ!” คำพูดของคริสทำให้ลลิตารู้สึกเย็นวาบไปถึงตัว เพราะอารมณ์ในตอนนั้นมันพาไปเธอจึงยอมให้เขาถ่ายทุกอย่างเก็บไว้ ไม่คิดว่าวันนึงคลิปบ้าๆ นั่นจะตามมาหลอกหลอนเธอ “ได้ยินชัดแล้วนี่” “แต่ฉันลบมันไปแล้วกับมือ” ลลิตามั่นใจว่าเธอลบคลิปที่ว่ากับมือแล้วทำไมคริสถึงยังมีอีกหรือว่าเขาหลอกให้เธอตายใจ “ลบเสียเมื่อไหร่เพราะก่อนหน้านั้นผมสำรองไฟล์ไว้ดูหลายไฟล์ คิดถูกจริงๆ ที่ทำแบบนั้น” “สารเลว” “นอกจากมีคลิปแล้วผมยังเปิดดูมันบ่อยๆ ด้วยนะ คุณไม่อยากดูบทรักของเราหน่อยเราเหรอ” คริสเอ่ยอย่างไม่ไยดีราวกับเรื่องที่เขาทำนั้นเป็นสิ่งปกติ “คุณมาหาฉันเพื่อเอาคลิปอุบาทว์ๆ นั่นมาขู่อย่างนี้นะเหรอ” “ผมไม่ได้ขู่” “แล้วต้องการอะไร” “วันหยุดสุดสัปดาห์นี้ช่วยหาเวลาให้ผมหน่อย ขอแค่สามวันเท่านั้น” นั่นคือหนึ่งในแผนที่จะทำลายผู้หญิงตรงหน้าของคริส “ถ้าฉันปฏิเสธล่ะคะ” ลลิตาจ้องตาเขากลับมาอย่างไม่กลัวเช่นกัน “คุณก็น่าจะเดาได้ว่าจะเกิดเหตุการณ์อะไรขึ้นบ้าง คลิปในมือผมมันคงทำให้คุณดังกระฉ่อนทีเดียวล่ะ” ชายหนุ่มยิ้มมุมปากพร้อมหัวเราะออกมาเล็กน้อย คำขู่ของเขายังคงได้ผลกับลลิตาเรื่องแบบนี้คนที่เสียหายที่สุดคงเป็นผู้หญิงแบบเธอ “ถ้าคลิปนั่นหลุดขึ้นมา คุณเองก็จะดังกระฉ่อนไปด้วยไม่ใช่หรอ หน้าที่การงานที่คุณโหยหาและสร้างมันของคุณจะพังทลายไปเหมือนกัน” “มันคือเรื่องส่วนตัวฝรั่งเขาไม่แคร์เรื่องนี้หรอกอีกอย่างในคลิปนั้นก็ไม่เห็นหน้าผมด้วยสิ”
คุณแม่เลี้ยงเดี่ยวที่ยังเวอร์จิ้น! มาแก้ไขปริศนาประโยคนี้กันค๊า โดยแกนนำคือรอยส์ซีอีโอหนุ่มที่ตกหลุมรักลูกน้องคนเก่งที่มีสถานะเป็นคุณแม่เลี้ยงเดี่ยวอย่างขวัญชีวาเข้าอย่างจัง กระทั่งเธอก็มีเหตุให้ยื่นใบลาออก รอยส์จึงใช้ความเจ้าเล่ห์เข้าล่อหลอกเพื่อให้เธอตกหลุมพราง แต่ดูเหมือนเขาต่างหากที่จะตกหลุมพรางที่ตัวเองขุดไว้เสียเอง ในเมื่อต้องการเรื่องอะไรจะปล่อยเธอไป ไม่ได้ด้วยเล่ห์ก็ต้องได้ด้วยกลไม่ได้ด้วยมนต์ก็ต้องได้ด้วยคาถา โอมมมม เพี้ยงงงงง
เธอถูกคนใกล้ตัวคิดร้ายและเขาคือเจ้าชายขี่ม้าขาว รวีคือหญิงสาวที่รอดตายจากการถูกลอบฆ่า เธอดิ้นรนเอาชีวิตรอดจากก้นเหมืองและคนที่ช่วยชีวิตเธอไว้คือภีม บางคนกล่าวไว้ว่าความรักครั้งนี้ของภีมเกิดขึ้นจากความสงสาร แต่ชายหนุ่มก็พิสูจน์ให้เห็นว่าความรักที่เกิดจากความสงสารนั้นไม่ผิด เขารักเธอ รักผู้หญิงแปลกหน้าที่ใสซื่อและไร้พิษภัย เพราะรักจึงทุ่มเทและเลือกที่จะปกป้อง ใครหน้าไหนก็แตะเธอไม่ได้
หลักฐานในที่เกิดเหตุบ่งชี้ว่าใครคือหญิงสาวในคืนนั้น อชิระจงใจให้สัมปันนีเห็นสร้อยข้อมือที่เธอบังเอิญทำตกไว้ เธอคือ…ผู้หญิงที่ทำให้เขาอยากรู้ว่าเป็นใคร เขาคือ…ผู้ชายที่เขาได้ครอบครองเธอเป็นคนแรกและโหยหาทุกค่ำคืน สัมปันนีจะยินยอมรับสารภาพหรือยอมจำนนด้วยหลักฐาน ตามให้กำลังใจสายสืบที่แสนเร่าร้อนอย่างอชิระรวมถึงผู้ร้ายปากแข็งอย่างสัมปันนีกันได้ใน ท่านประทานขา อย่ารังแกหนู นะคะ
ฉู่ว่านยู ผู้สืบเชื้อสายมาจากตระกูลแพทย์แผนโบราณ มีทักษะทางการแพทย์ที่ยอดเยี่ยม ยาที่เธอทำนั้นทุกคนต่างอยากได้ สามารถรักษาได้ทุกโรค แต่กลับไม่คาดคิดว่าจะย้อนยุค กลายเป็นผู้หญิงที่ขี้เหร่ที่สุดในใต้หล้า และยังเอาชนะใจท่านอ๋องด้วย การเริ่มต้นไม่ค่อยดีก็ไม่เป็นไร มาดูกันว่าเธอจะพลิกผันยังไง การแย่งการแต่งงานงั้นเหรอ? เธอทำให้น้องต้องรับบทเรียน แย่งสินเิมดลับมา ให้ชายั่วหญิงร้ายคู่นี้อยู่ด้วยกันตลอดไป ขี้ขลาดเหรอ? เธอจัดการพ่อร้าย สั่งสอนผู้หญิงเสแสร้ง! ขี้เหร่เหรอ? เธอรักษาพิษในตัว และกลายเป็นคนงามอันน่าทึ่ง! ลูกสาวขี้เหร่ของจวนอัครมหาเสนาบดี กลายเป็นผู้สูงส่ง แม้แต่ผู้โหดเหี้ยมบางคนยังหวั่นไหวกับเธอ เมื่อสุดที่รักจะจัดการผู้ใด เขามักจะช่วยเสมอ... แต่น่าเสียดายสุดที่รักคนนั้นไม่มีเขาอยู่ในใจ ฉู่ว่านยู "ออกไป หย่าเลย ผู้ชายมีแต่เป็นภาระของข้าเท่านั้น" เสี่ยวลี่จิงรู้สึกน้อยใจ "ไม่ได้ ข้าให้ครั้งแรกกับเจ้าแล้ว เจ้าต้องรับผิดชอบข้า"
เธอก็รู้อยู่เต็มอกว่าเขาไม่เคยสนใจ แต่ก็ยังดึงดันอยากจะอยู่ใกล้ ต่อให้เธอเป็นเมียแต่งเขาก็คงไม่มีวันเปลี่ยนใจ เพราะเหตุนี้เธอจึงตัดสินใจจากไปในคืนแต่งงาน "จากนี้ไปเราไม่มีอะไรติดค้างกันอีก" 🥀
"นางเป็นบุตรีผู้สูงศักดิ์ของฮูหยินเอกของจวนเสนาบดี นางมีหน้าตาโดดเด่น ทั้งอ่อนโอนและมีน้ำใจไมตรีต่อผู้อื่น แต่... นางทำดีต่อป้าของนาง นางกลับฆ่าแม่ของนางตาย นางรักเอ็นดูน้องสาวของนาง แต่น้องสาวกลับแย่งสามีของนางไป นางคอยสนับสนุนและดูแลสามีของนางอย่างสุดหัวใจ แต่สามีกลับทำให้นางตายทั้งกลม...ตระกูลฝ่ายมารดาของนางก็ถูกประหารชีวิตทั้งตระกูลด้วย นางตายตาไม่หลับและสาบานว่าหากมีชาติหน้า นางจะไม่เมตาตาต่อใครอีก ใครก็ตาม กล้ามาทำร้ายข้า ข้าจะล้างแค้นด้วยชีวิตทั้งตระกูลของพวกเจ้า เมื่อเกิดใหม่อีกครั้ง นางอายุได้สิบสี่ปี นางสาบานว่าจะต้องเปลี่ยนชะตากรรมและแก้แค้นชาติก่อน ป้านางใจ้ร้าย นางจะใจร้ายกลับยิ่งกว่านาง นางคิดจะได้ครองตำแหน่งฮูหยินงั้นเหรอ บอกเลยไม่มีทาง! ส่วนน้องสาวชอบผู้ชายชั่ว ๆ นักไม่ใช่หรือ ได้!ข้าจะยกให้เลย ส่วนชายชั่วนั่น ข้าจะทำให้เจ้าไม่สามารถมีทายาทได้อีกตลอดทั้งชาติ!แต่ข้าจะแก้แค้น เหตุใดเจ้าต้องมาช่วยข้าด้วย?"
"ไล่ผู้หญิงคนนี้ออกไปซะ" "โยนผู้หญิงคนนี้ลงทะเลซะ" ขณะที่ไม่รู้จักตัวตนที่แท้จริงของเหนียนหย่าเสวียน โฮว่หลิงเฉินได้ปฏิบัติต่อเธออย่างไม่เป็นมิตร "คุณหลิงเฉินครับ เธอคือภรรยาของท่านครับ" ผู้ช่วยของหลิงเฉินกล่าวเตือนเขา เมื่อได้ยินเช่นนั้น หลิงเฉินหยุดเพ่งมองไปที่เขาอย่างเย็นชาและบ่นขึ้นมาว่า "ทำไมไม่บอกผมให้เร็วกว่านี้?" นับจากนั้นเป็นต้นมา หลิงเฉินได้ตามใจและรักใคร่ทะนุถนอมหย่าเสวียนมาตลอด โดยไม่มีใครคาดคิดว่าพวกเขาจะหย่าร้างกัน
เซิ่งหนานหยินเกิดใหม่แล้ว ชาติที่แล้ว เธอถูกชายชั่วหักหลัง ถูกชายเสแสร้งใส่ร้าย โดนครอบครัวสามีเล่นงาน จนทำให้เธอล้มละลายและเป็นบ้าไป ในท้ายที่สุด เธอเสียชีวิตอย่างน่าสลดใจด้วยอุบัติเหตุทางรถยนต์เมื่อเธอตั้งครรภ์ได้ 9 เดือน แต่คนร้ายกลับทำเงินได้มากมาย และใช้ชีวิตทั้งครอบครัวอย่างมีความสุข เกิดใหม่ครั้งนี้ เซิ่งหนานหยินคิดตกอล้ว อะไรที่ว่าพระคุณช่วยชีวิต คนรักในใจอะไรกัน ล้วนไม่ต้องไปสน เธอจะจัดการชายชั่วหญิงร้าย สร้างชื่อเสียงให้กับตระกูลเก่าของตนเองขึ้นมาใหม่อีกครั้งและนำตระกูลเซิ่งไปสู่จุดสูงสุดของชีวิต สิ่งที่แตกต่างออกไปก็คือ คนที่หยิ่งมาตลอดในชาติที่แล้ว กลับเป็นฝ่ายริเริ่มมาหาเธอ "เซิ่งหนานหยิน การแต่งงานครั้งแรกผมไม่ทัน การแต่งงานครั้งที่สองก็ต้องถึงคิวผมแล้วสินะ"
กู้ชิงเฉิงเชื่อมั่นมาตลอดว่าตราบใดที่เธอประพฤติตัวดี สักวันหนึ่ง เธอก็จะสามารถชนะใจมู่ถิงเซียวให้ได้ อย่างไรก็ตาม เมื่อเสิ่นถัง รักแรกที่เขาคิดถึงมาตลอดกลับมา ทุกอย่างก็เปลี่ยนไป กู้ชิงเฉิงเป็นคนว่าง่ายสอนง่ายจริงๆ เธอจัดงานแต่งงานด้วยคนเดียว และนอนคนเดียวในห้องผ่าตัดเพื่อรับการรักษาฉุกเฉิน มีข่าวลือว่าเธอบ้าไปแล้ว อันที่จริงเธอบ้าไปแล้วจริงๆ ที่รักใครสักคนอย่างไม่ละอายขนาดนี้ ต่อมา ทุกคนลือกันว่า กู้ชิงเฉิงป่วยหนักและกำลังจะเสียชีวิต มู่ถิงเซียวถึงสูญเสียการควบคุมอย่างสิ้นเชิง "ฉันไม่ปล่อยให้เธอตาย" แต่เธอกลับยิ้มอย่างนิ่งๆ ว่า "ดีจังเลย ฉันเป็นอิสระแล้ว" ใช่แล้ว ไม่ต้องการกู้ชิงเฉิงอีกแล้ว"