จะเป็นอย่างไร เมื่อไฮโซหนุ่มที่คบกับดาราสาวชื่อดังอยู่ก่อนแล้ว จะต้องมาแต่งงานกับยัยหน้าจืดสาวแว่นที่เป็นแม่หม้ายลูกติดถึงสองคนตามพินัยกรรมของย่าที่เขียนเอาไว้ก่อนจะเสีย ...หากไม่ทำตามเขาจะต้องเสียที่ดินมูลค่าเหยียบสี่พันล้านไป เนื้อหาในนิยายล้วนเกิดจากจินตนาการไม่ได้มีเจตนาอ้างอิงถึงใครหรือสิ่งใด ขอทำความเข้าใจ ณ ที่นี้ด้วยนะคะ พูดคุยหรือติดตามการอัพเดตนิยายของไรท์เกวได้ที่ FB: ไรท์เกว
และแล้วผู้ชายที่เธอหลงรัก คอยแอบมอง แอบชื่นชมเขาตลอดมา ก็ได้ตกมาเป็นของเธอทั้งตัวและหัวใจ อย่างที่เธอเองก็ไม่คิดไม่ฝันว่า สาวแว่นสุดเฉิ่มเชยไม่มีอะไรน่าสนใจอย่างเธอ จะได้ลงเอยกับเขา นักธุรกิจหนุ่มหล่อกร้าวใจสุดฉลาด ที่ทั้งฐานะและระดับสติปัญญาต่างกับเธอราวฟ้ากับเหว...
“จบบริบูรณ์”
สาวแว่นตัวเล็กหน้าตาจิ้มลิ้ม ขยับริมฝีปากพูดน้ำเสียงแผ่วเบา ขณะพิมพ์คำว่าจบบริบูรณ์ในหน้าสุดท้ายของนิยายที่เธอเขียน
และแล้วนิยายเรื่องล่าสุดเธอก็ได้เขียนจบและจะได้ส่งต้นฉบับเสียที หลังจากถูกบรรณาธิการตามอยู่เป็นอาทิตย์
จะให้เธอส่งต้นฉบับเร็วได้อย่างไร ในเมื่อเวลาที่เธอเขียนนิยายแทบจะไม่มี เพราะช่วงนี้กิจการรีสอร์ทเล็กๆ ของครอบครัวจะประสบปัญหาจนต้องจ้างพนักงานออก จากที่เธอช่วยงานรีสอร์ทแค่เรื่องทำบัญชีก็ต้องควบตำแหน่งแม่บ้านทำความสะอาดไปด้วย
พอตกเย็นก็ต้องมาปวดหัวลูกแฝดชายวัยสามขวบที่กำลังซนเป็นลิงทโมน กว่าจะได้ลงมือเขียนนิยายส่งสำนักพิมพ์ก็ต้องรอให้ลูกของเธอหลับไปแล้วเท่านั้น
“เฮ้อ เรียบร้อยซะที” เพลงขวัญกดส่งต้นฉบับให้บรรณาธิการในเวลาเข้าใกล้กลางดึกเต็มที เธอรีบปิดโน๊ตบุ๊คปิดไฟที่โต๊ะทำงานก่อนจะเดินมาล้มตัวลงนอนที่ฟูกนอนข้างลูกชายตัวกลมทั้งสองที่นอนดิ้นกันไปคนละทิศคนละทาง
จุ๊บ จุ๊บ หญิงสาวรวบอุ้มลูกน้อยให้นอนที่ดีๆ และก้มลงพรมจูบพวงแก้มนุ่มของเจ้าแฝด ก่อนจะถอดแว่นตาทิ้งตัวนอนตะแคงมองใบหน้าของลูกชายผ่านแสงสลัวของโคมไฟที่ตั้งอยู่ไม่ใกล้ไม่ไกล
ริมฝีปากบางอวบอิ่มคลี่ยิ้มอ่อนมองลูกน้อยด้วยแววตาเป็นประกาย “หล่อเหมือนพ่อไม่มีผิดเลย” เพลงขวัญเอ่ยออกมาเสียงแผ่วเบา วาดมือลูบหัวลูกๆ ทั้งสองก่อนจะเอื้อมมือไปปิดโคมไฟและหลับตาลงพักผ่อน
แม้ทุกอย่างจะอยู่ในความมืด แต่เพลงขวัญก็เห็นผู้ชายคนที่เป็นพ่อของลูกได้ชัด และเขาจะชัดเจนอยู่ในใจของเธอไม่มีแปรเปลี่ยน แม้เธอและเขาจะไม่มีโอกาสที่จะได้อยู่ด้วยกัน แต่เธอก็มีตัวแทนของเขาอยู่ข้างๆ เสมอแค่นี้ก็สุขใจจนไม่รู้จะสุขอย่างไรแล้ว
เพลงขวัญ พิมพิพรรณ หญิงสาวผิวขาวตัวเล็กหุ่นอวบอิ่มอกเป็นอกเอวเป็นเอว หน้าตาจิ้มลิ้มน่ารักน่าชัง คิ้วเรียวสวยได้รูป ดวงตากลโตขนตางอนยาวปากนิดจมูกหน่อย
เป็นคนมีแก้มและมีลักยิ้มทั้งสองข้าง ในครั้งที่ริมฝีปากเล็กคลี่ยิ้มยิ่งทำให้ใบหน้าของเธอมีเสน่ห์ขึ้นหลายเท่า และจะมากกว่านั้นหากดวงตาไม่ได้มีแว่นตาหนาๆ มาบดบังขนตางอนยาว และแววตาเป็นประกายสวยของเธอ
หญิงสาวค่อนข้างเป็นคนที่มองโลกในแง่บวกมากๆ ช่างฝันช่างจินตนาการตอนนี้เลยทำงานเขียนควบคู่ไปกับการช่วยงานกิจการรีสอร์ทเล็กๆ ของครอบครัวที่อำเภอหนึ่งของจังหวัดเพชรบุรี
แล้วตอนนี้เธอกลายเป็นคุณแม่ลูกแฝดได้ยังไงน่ะเหรอ!
ย้อนกลับไปเมื่อหลังเรียนจบ เธอได้เข้าไปทำงานในโรงแรมใหญ่ในกรุงเทพมหานคร เพราะมีขวัญฤดีเพื่อนของยายนั้นฝากงานดีๆ ให้ แต่เมื่อเธอตั้งท้องขึ้นมาโดยที่ไม่ได้แต่งงานแถมยังไม่มีพ่อของลูก
ยายของเธอเลยเรียกให้กลับมาช่วยงานอยู่ที่รีสอร์ท ด้วยคิดว่าเธอหัวอ่อนจนถูกผู้ชายหลอกให้เสียตัวจนตั้งท้อง ดีที่เมื่อกลับมาถึงเธอไม่ได้ถูกคนทางบ้านคะยั้นคะยอถามถึงพ่อของลูกมากมายนัก จึงไม่ได้ลำบากใจอะไรที่จะต้องใช้ชีวิตเลี้ยงลูกอยู่ที่นี่
ดวงตาคมคู่สวยราวกับดวงตาของผู้หญิง ตอนนี้นัยน์ตามีความฉ่ำเยิ้มเพราะฤทธิ์ของแอลกอฮอล กำลังมองจ้องไปยังชั้นล่างของผับที่มีเหล่าวัยรุ่นชายหญิงจนไปถึงคนหนุ่มสาวช่วงวัยทำงานกำลังโยกย้ายร่างกายไปมาสนุกสนามตามเสียงดนตรีEDMที่มีดีเจสาวสวยเป็นคนเปิด
มือหนาใหญ่นิ้วเรียวสวยยกแก้วน้ำเมาดื่มครั้งแล้วครั้งเล่าเงียบๆ จนเพื่อนที่นั่งข้างๆ ต้องรีบดึงแก้วออกมาจากมือของชายหนุ่ม
“เฮ้ย! แกเครียดเรื่องอะไรนักหนา ตั้งแต่มาถึงก็เอาแต่ดื่มไม่พูดไม่จากับใครเลย” ตนุภัทรหนุ่มหล่อมาดแบดบอยลูกชายเจ้าของสื่อยักษ์ใหญ่ดึงแก้วน้ำเมาออกมาจากมือเพื่อนรักอย่างเหนือตะวันได้ก็รีบวางลงที่กลางโต๊ะ จากนั้นก็วาดมือโอบไหล่สาวสวยเซ็กซี่ที่นั่งขนาบข้างกายทั้งสองข้าง
“ถ้าคิดถึงรีน่าก็หาเวลาว่างบินไปหาเธอสิวะ จะมานั่งเครียดอะไร” ครองภพหนุ่มหน้าคมลูกชายเจ้าของโรงพยาบาลเอกชนนั่งมองเหนือตะวันมาพักใหญ่ เห็นตนุภัทรเปิดประเด็นถามเรื่องเครียดของเหนือตะวันเขาจึงรีบเอ่ยเสริม เพราะคิดว่าไม่มีเรื่องอะไรที่ทำให้เพื่อนเครียดจนดื่มหนักนอกจากเรื่องที่ต้องห่างกับแฟนแล้ว
“มันไม่ใช่แค่เรื่องนั้น” คนที่หน้าแดงก่ำตาปรือเยิ้มส่ายหัวน้อยๆ
“แล้วมันเรื่องอะไร” ครองภพวางแก้วน้ำเมาดีดตัวนั่งตรงจ้องหน้าเหนือตะวันเขม็ง เพราะไม่คิดว่าตัวเองจะเดาเรื่องผิด
“คุณลุงทัดเทพมาเปิดพินัยกรรมของคุณย่าเมื่อเช้า ท่านแบ่งทรัพย์สินให้พ่อฉันกับคุณอาเท่าๆ กัน และในส่วนของหลานๆ ท่านให้ที่ดินคนละ1000ไร่ แต่มีข้อแม้ว่าหลังจากที่ท่านเสียน่านฟ้ากับนับดาว ต้องมีครอบครัวและมีลูกภายในหนึ่งปีที่ดินพวกนั้นถึงจะตกเป็นของพวกเค้า ส่วนฉันต้องแต่งงานจะมีลูกด้วยกันหรือไม่มีก็ได้ ถ้าฉันทำตามพินัยกรรมว่าไว้ไม่ได้ ที่ดินพวกนั้นก็จะตกเป็นของมูลนิธิ”
“แกอยากได้ที่ดินเหรอ” ครองภพเอ่ยโพล่งทันทีหลังจากเหนือตะวันเล่าปัญหาออกมา
“เปล่า ฉันไม่ได้อยากได้ แม่ฉันอยากได้ พวกแกก็รู้ว่าแม่ฉันไม่ค่อยยอมเสียประโยชน์อะไรง่ายๆ อยู่แล้ว”
“แกก็รีบขอรีน่าแต่งงานสิวะไม่เห็นยาก” ตนุภัทรไม่เห็นว่าเรื่องนี้จะเป็ปัญหาใหญ่อะไรสำหรับเหนือตะวัน เพราะมีคนรักเป็นตัวเป็นตนอยู่แล้ว ไม่ใช่เรื่องยากเลยที่เพื่อนตนจะตัดสินใจแต่งงาน
“มันทำแบบนั้นได้ก็ดีสิ ไม่รู้ว่าคุณย่ารักฉันหรือเกลียดฉันกันแน่ที่กำหนดให้ฉันแต่งงานกับคนที่ต้องการเพียงแค่คนเดียว”
ทั้งตนุภัทรและครองภพมองจ้องไปยังเหนือตะวันเป็นตาเดียว หลังจากคราแรกที่คิดว่าปัญหาของเหนือตะวันไม่ได้ใหญ่นัก แต่ตอนนี้เห็นทีจะไม่ใช่
เขาพรากแม่ของเธอไปยังไม่พอ ยังมาพรากอิสระของชีวิตโดยการให้เธอแต่งงานกับเขาอีก ดวงตาของเธอ...มองไม่เห็น เพราะผลพวงจากการเกิดอุบัติเหตุครั้งนั้น อุบัติเหตุที่พรากแม่ของเธอไปตลอดกาล หากเป็นไปได้เธอก็อยากจะจากโลกนี้ไปพร้อมกับแม่ จะได้ไม่ต้องมาถูกคนเป็นพ่อบังคับให้แต่งงานกับคนที่พรากชีวิตแม่ของเธอไป เพราะต้องการเงินมาใช้หนี้ นิยายเรื่องนี้เกิดจากจินตนาการของผู้เขียนไม่ได้มีเจตนาจงใจอ้างอิงถึงใครหรือสิ่งใด ขอทำความเข้าใจ ณ ที่นี้ด้วยนะคะ พูดคุยและติดตามอัพเดตนิยายเรื่องใหม่ๆ ได้ที่ FB: ไรท์เกว
“ออกไปให้พ้นจากชีวิตพราว คนอย่างคุณมันไม่เคยรักใครนอกจากตัวเอง” “ไม่ว่าจะยังไงผมก็ไม่ยอมปล่อยคุณไปจากชีวิตเด็ดขาด เพราะผมต้องการให้คุณเป็นเมียน้อยผมต่อไป” ตัวอย่างบางตอน “จะรีบไปไหนเรายังไม่ได้คุยกันเลย” “ปล่อย พราวไม่มีอะไรจะคุยกับคุณ” สาวเจ้าพยายามสะบัดมือหนาที่น่าขยะแขยงหมายจะให้มันหลุดพ้นไปจากแขนของเธอ ทว่าคนที่มือเหนียวปานตุ๊กแกก็ไม่ยอมปล่อยแขนเธอให้หลุดมือไปง่ายๆ ไม่พอแค่นั้นเขายังรวบอุ้มเธอพาดบ่าแล้วเดินดุ่มไม่อายสายตาของคนที่อยู่ระแวกนี้แม้แต่น้อย หากเขาไม่อายเธอเองก็จะแหกปากร้องอย่างให้คนช่วยอย่างไม่อายเช่นกัน เพราะไม่อยากจะอยู่แนบชิดกับตะวันวาดแม้แต่นาทีเดียว “ช่วยด้วยค่า ไอ้บ้านี่มันลักพาตัวฉันค่า ช่วยด้วย...” ปากเล็กตะโกนร้องให้คนช่วย ในขณะที่มือน้อยฟาดกำปั้นทุบไปที่แผ่นหลังกว้างไม่ขาดช่วง “แหกปากไปเถอะไม่มีใครช่วยคุณ ที่นี่มีแต่คนของผมทั้งนั้น” ตะวันวาดยังคงเดินเยื้องย่างสบายอารมณ์จนไปถึงลานจอดรถ หลังจากนั้นเขาก็จับพราวจันทร์ยัดเข้าไปในรถตู้ที่นครินทร์จอดรอพวกเขาอยู่แล้ว “ทำชั่วกันเป็นขบวนการจริงๆ” นครินทร์สะดุ้งเล็กน้อยเมื่อพราวจันทร์สบถขณะมาถึงรถ ไม่รู้ว่าเจ้านายตนไปมีเรื่องอะไรกับหญิงสาวก่อนหน้า แต่เขาก็ต้องพยายามทำตัวให้นิ่งที่สุดเท่าที่จะทำได้ และทำหน้าที่ขับรถต่อไปตามที่เจ้านายสั่งเท่านั้น “ถ้าอยากกลับถึงกรุงเทพอย่างปลอดภัยผมขอให้คุณสงบปากสงบคำเอาไว้ดีกว่า” พูดจบตะวันวาดก็ปรับเบาะนอนสบายอารมณ์ พราวจันทร์หันไปมองคนที่นอนอยู่เบาะข้างๆ ด้วยสีหน้าแววตาไม่สบอารมณ์บวกกับความฉงนหนัก ไม่อยากจะเชื่อว่าตะวันวาดจะหลับตาลงได้ในขณะที่เธอยังคงกระวนกระวายใจเพราะความเผด็จการของเขา ท่าทางคงจะทำไม่ดีกับคนอื่นจนชินเป็นนิสัยถึงได้ทำไม่รู้ร้อนรู้หนาวได้เก่งในเวลาที่ต้องบังคับคนอื่น
คราแรกเข้ามาทำเป็นรักเพื่อผลประโยชน์ ทว่าความน่ารักอ่อนโยนของเธอก็ทำให้หัวใจที่ถูกทำร้ายจนเหี่ยวเฉากลับมามีความสดชื่นอีกครั้ง ชีวิตรักของธารดาวและแสนรักไม่ได้สวยงามดั่งใจที่หวัง เพราะแผนการร้ายที่ชายหนุ่มเริ่มต้นเอาไว้ มันย้อนกลับมาทำร้ายความสัมพันธ์ของพวกเขาจนไม่เหลือชิ้นดี เมื่อคำว่ารักจากลมปากชายหนุ่มกลายเป็นแค่คำหลอกลวงสำหรับหญิงสาวที่กำลังอุ้มท้องลูกของคนใจร้าย เธอจะจัดการชีวิตยังไงต่อไป ติดตามอ่านเรื่องราวของพวกเขาทั้งสองได้ในเรื่อง ลวงรักเจ้าสาวบ้านไร่ ได้เลยนะคะ เนื้อหาในนิยายไม่ว่าจะเป็นชื่อคนหรือสถานที่ล้วนเกิดจากจินตนาการ ไม่ได้มีเจตนาอ้างอิงถึงใครหรือสิ่งใด ขอทำความเข้าใจ ณ ที่นี้ด้วยนะคะ ติดตามการอัปเดตนิยายใหม่ๆ หรือพูดคุยกับไรท์ได้ที่ FB: ไรท์เกว นะคะ ธารดาวในชุดคลุมท้องสีชมพูหวานยืนโอบกอดหน้าท้องที่เพิ่งนูนออกมาเล็กๆ หญิงสาวยิ้มทั้งน้ำตาเพราะรู้สึกมีความสุขและทุกข์ใจไปในคราวเดียวกัน ไม่ได้อยากส่งพลังงานไม่ดีไปยังลูกน้อยในท้อง แต่ไม่ว่าจะทำอย่างไรเธอก็ไม่สามารถลืมความข่มขื่นใจใจที่เพิ่งเจอมาได้เลย “แม่ขอโทษนะลูก แม่จะพยายามเข้มแข็งให้เร็วที่สุด แม่สัญญา” ธารดาวนึกย้อนกลับไปในอดีตที่ผ่านมาไม่นานนัก ก่อนหน้านี้เธอและพี่ชายได้ใช้ชีวิตอยู่อย่างมีความสุขในไร่แสงฟ้า ไร่ที่เป็นมรดกตกทอดมาจากยายของเธอ ชีวิตของเธอเป็นไปอย่างเรียบง่ายในวิถีชีวิตที่ชนบท จนกระทั่งมีใครบางคนเข้ามาในชีวิต เขาให้ทั้งความสุขที่เธอไม่เคยพานพบ และก็ให้ความทุกข์ระทมใจที่เธอไม่เคยได้รับมาก่อนเช่นกัน
“อย่ามาแตะตัวฉัน” พลอยชมพูถอยห่างและส่งเสียงแข็งปรามอีกฝ่ายเมื่อเขากำลังยื่นมือหมายจะเชยคางของเธอ “อย่าหวงตัวไปหน่อยเลย เพราะถ้าคุณหวงตัวกับผม พ่อของคุณนั่นแหละจะเจ็บตัว” นี่หรือคนที่เธอเคยชื่นชมว่าเป็นสุภาพบุรุษ ตอนนี้เขาทำกับเธออย่างป่าเถื่อนและโหดร้าย เพียงเพราะต้องการที่จะใช้เธอเป็นเครื่องมือแก้แค้นพ่อของเธอ ผิดด้วยหรือที่เขาใจร้าย ในเมื่อเขาถูกกระทำให้เป็นแพะรับบาปว่าฆ่าพ่อตัวเองก่อน และเธอ...ก็เป็นเครื่องมือที่ดีที่สุดที่เขาจะใช้ในการแก้แค้น เนื้อหาในนิยายล้วนเกิดจากจินตนาการของนักเขียน ไม่ได้มีเจตนาอ้างอิงถึงใครหรือสิ่งใด ขอทำความเข้าใจ ณ ที่นี้ด้วยนะคะ
“ไม่ขายแล้วโว้ยนิยาย ขายตัวดีกว่า” เพราะคำที่ตะโกนออกไปในตอนที่เมา เป็นผลพวงทำให้เธอได้ป่าวประกาศว่า “ประธานคนนี้สามีของฉัน” ในวันแต่งงาน เธอ นักเขียนนิยายที่เริ่มย่อท้อในการเป็นนักเขียน เพราะไม่ว่าจะทำยังไงเธอก็ไม่ประสบผลสำเร็จในเส้นทางนี้เสียที เธอนั่งดื่มคลายเครียดแล้วตะโกนว่าอยากขายตัวในขณะที่ไม่มีสติ... เขา ประธานผู้บริหารโรงพยาบาลเอกชนยักษ์ใหญ่ ผู้ที่เชื่อมั่นในรักแรกพบ ในเมื่อคนที่ถูกตาต้องใจเสนอขายตัวมาแล้ว มีหรือเขาจะไม่สนอง... เนื้อหาในนิยายล้วนเกิดจากจินตนาการ ไม่มีเจตนาอ้างอิงถึงใครหรือสิ่งใด ขอทำความเข้าใจ ณ ที่นี้ด้วยนะคะ ติดตามอัพเดตนิยายใหม่ๆ หรือพูดคุยกับไรท์ได้ที่ FB: ไรท์เกว
“จำเอาไว้ ถ้าคุณมีลูกเมื่อไหร่ วันนั้นผมจะพรากลูกคุณไปให้ไกลแสนไกล คุณจะต้องเจ็บปวดทรมานเจียนตาย ให้สาสมกับที่เข้ามาหลอกลวงผม” เพราะคำประกาศิตนี้เธอถึงให้เขารู้เรื่องลูกไม่ได้ ชื่อตัวละคร ชื่อสถานที่ และเนื้อหาในนิยายล้วนเกิดขึ้นจากจินตนาการของนักเขียน ไม่ได้มีเจตนาอ้างอิงถึงใครหรือสิ่งใด ขอทำความเข้าใจ ณ ที่นี้ด้วยนะคะ ติดตามการอัพเดตนิยายใหม่ๆ หรือพูดคุยกับไรท์ได้ที่ FB: ไรท์เกว ตัวอย่างบางตอน เจ้าเอยเดินหน้าเศร้ามายืนอยู่ที่หน้าห้องทำงานของมานูแอล เธอยืนถอนหายใจครู่หนึ่งก่อนที่จะตัดสินใจเคาะประตู ก๊อก ก๊อก ก๊อก เธอเคาะประตูเรียบร้อยก็เปิดประตูเดินก้มหน้าก้มตาเข้าไปด้านใน “ไปไหนมา” เสียงแข็งที่เอ่ยทักทายทำเข้าเอยเริ่มกำมือกันแน่น ประหม่ากับเรื่องที่จะพูดกับมานูแอลพอสมควร “เอยขอยืมเงินคุณสักห้าหมื่นได้ไหมคะ แล้วเอยจะรีบหามาคืนค่ะ” เธอไม่อยากลงรายละเอียดว่าจะเอาเงินไปจ่ายค่ารักษาของพ่อ เดี๋ยวจะถูกมองสิ่งที่เธอต้องการจากเขาก็มีเพียงแค่เงินเท่านั้น “หึ่...” มานูแอลละสายตาจากการมองหน้าจอไปแพดในมือ เขาสบถในลำคอเสมือนกำลังเยาะเย้ยตัวเองและหญิงสาวไปพร้อมๆ กัน เขารู้ความจริงเรื่องที่เธอเข้ามาในชีวิตจเขาเพราะเงินไม่เท่าไหร่ วันนี้หญิงสาวก็แบกหน้ามาขอให้เขาช่วยเหลือเรื่องเงินอย่างหน้าไม่อาย “ผมไม่ให้ยืม แต่ผมจะให้เป็นค่าตัว แค่คุณนอนอ้าขาให้ผมระบายอารมณ์ ผมจะให้คุณครั้งละสองหมื่น” สิ้นเสียงของมานูแอเสมือนมีก้อนอะไรแข็งๆ ติดอยู่ที่คอของเจ้าเอย เธอกลืนน้ำลายไม่ลงคอ ทั้งยังต้องพยายามกลั้นน้ำตาเพราะรู้ตัวว่ากำลังถูกดูถูกค่าความเป็นคน แต่ยังไงเธอก็ต้องยอม “ครั้งนี้ผมจะให้ห้าหมื่นตามที่คุณขอก็แล้วกัน อีกสองชั่วโมงผมจะเข้าไปที่ห้องนอนคุณก็จัดการตัวเองให้เรียบร้อยก็แล้วกัน” เจ้าเอยพยักหน้าน้อยๆ รับคำของมานูแอล หลังจากนั้นจึงรีบหันหลังให้เขาและเดินออกไปจากห้องทำงานของชายหนุ่ม เพราะไม่อยากให้เขาได้เห็นน้ำตาจากความอ่อนแอของเธอ
เมื่อนางย้อนยุคกลายเป็นพระชายาคังที่ถูกขังอยู่ในโรงขังคนบ้า เพิ่งมาถึงฉินเซิงก็กำจัดคนสองคนที่ต้องการทำร้ายนาง นางบุกเข้าไปในงานแต่งงานของคู่รักชั่วชาสองคนนั้นในชุดแดง นางหยิ่งผยองและยั่วยุ ทำให้ชายชั่วโกรธจนกัดฟันแน่นแต่กลับทำอะไรไม่ได้ และหญิงร้ายนั้นก็เกลียดชังอย่างมากทว่าเอาคืนไม่ได้ ท่านอ๋องจิ้นได้เห็นสถานการณ์ทั้งหมดนี้ เขาโค้งงอริมฝีปาก สตรีนางนี้ช่างแตกต่างจากคนอื่นจริงๆ ถูกใจเหลือเกิน เขาจะเอาชนะใจนางและให้ชีวิตที่ดีแกนาง
เธอก็รู้อยู่เต็มอกว่าเขาไม่เคยสนใจ แต่ก็ยังดึงดันอยากจะอยู่ใกล้ ต่อให้เธอเป็นเมียแต่งเขาก็คงไม่มีวันเปลี่ยนใจ เพราะเหตุนี้เธอจึงตัดสินใจจากไปในคืนแต่งงาน "จากนี้ไปเราไม่มีอะไรติดค้างกันอีก" 🥀
ในวันแต่งงาน เสิ่นเยวียนถูกคู่หมั้นและน้องสาวของเธอทำร้าย และถูกจำคุกเป็นเวลาสามปีด้วยความทุกข์ทรมาน หลังจากได้รับการปล่อยตัวจากคุก น้องสาวผู้ชั่วร้ายได้คุกคามด้วยชีวิตแม่และพยายามให้เธอมอบตัวกับชายชรา อย่างไรก็ตาม เธอได้พบกับเซียวเป่ยหาน ซึ่งเป็นผู้ทรงอิธิพลที่หล่อเหลาและเย็นชาแห่งแห่งสังคมด้านมืด อย่างไม่คาดคิด และชะตากรรมของเธอก็เปลี่ยนไปตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา แม้ว่าเซียวเป่ยหานจะเย็นชา แต่เขากลับปฏิบัติต่อเสิ่นเยวียนดั่งเป็นสมบัติล้ำค่า นับแต่นั้นมา เธอจัดการคนเสแสร้ง เอาคืนแม่เลี้ยงและไม่ถูกกลั่นแกล้งอีกต่อไป
เว่ยจื้อโหยวลืมตาตื่นขึ้นมาอีกครั้งพบว่าตนอยู่ในยุคสมัยที่ไม่คุ้นเคยสิ่งรอบกายดูโบราณล้าหลัง โลกโบราณที่ไม่มีในประวัติศาสตร์โลก ยังไม่ทันได้เตรียมใจก็ถูกส่งให้ไปแต่งงานกับชายยากจนที่ท้ายหมู่บ้าน สาเหตุที่เว่ยจื้อโหย่วถูกส่งมาให้แต่งงานกับชายที่ขึ้นชื่อว่ายากจนที่สุดในหมู่บ้านนั้น เพราะนางเกิดไปต้องตาต้องใจเศรษฐีผู้มักมากในกามเข้า เพื่อหาทางหลีกเลี่ยงไม่ให้ถูกบ้านใหญ่ขายไปเป็นอนุภรรยาของเศรษฐีเฒ่า พ่อแม่ของนางจึงยอมแตกหักจากบ้านใหญ่และท่านย่าที่เห็นแก่ตัวและลำเอียงเป็นที่สุด ด้วยเหตุนี้พ่อแม่ของนางจึงตัดสินใจยกนางให้กับอวิ๋นเซียว ชายหนุ่มที่แสนยากจนข้นแค้น ที่เพิ่งเสียบิดามารดาไป อีกทั้งยังทิ้งน้องชายน้องสาวเอาไว้ให้เขาเลี้ยงดู นอกจากนี้ยังมีป้าสะใภ้มหาภัยที่คอยแต่จะมารังแกเอารัดเอาเปรียบสามพี่น้อง สิ่งที่ย่ำแย่ที่สุดไม่ใช่ป้าสะใภ้มหาภัย แต่ มันคืออะไรแต่งงานนางไม่ว่ายังไม่ทันได้เข้าหอสามีหมาดๆ ก็ถูกเกณฑ์ไปเป็นทหารในสงครามระหว่างแคว้น มันไม่มีอะไรเลวร้ายไปมากว่านี้อีกแล้วสำหรับ เว่ยจื้อโหยว หากสามีทางนิตินัยของนางตายในสนามรบ ก็ไม่เท่ากับว่านางเป็นหม้ายสามีตายทั้งที่ยังบริสุทธิ์หรอกหรือ แถมยังต้องเลี้ยงดูน้องชายน้องสาวของอดีตสามีอีก สวรรค์เหตุใดถึงได้ส่งนางมาเกิดใหม่ในที่แบบนี้
“หยุดทำบ้าๆ นะพี่สิงห์...อ๊อย...” น้ำผึ้งขนลุกซู่ เขาจูบไซ้ซอกคอของหล่อน ขณะหญิงสาวกำลังยืนส่องกระจกอยู่หน้าอ่างล้างหน้า “พี่ขออีกนิด แค่ภายนอกเท่านั้นนะจ๊ะ ไม่เสียหายอะไรนี่นา...นะครับ” พี่เขยปะเหลาะปะแหละอย่างคนเอาแต่ได้ เสียงออดอ้อนอ่อนหวานเริ่มทำให้น้องเมียใจอ่อนหวามไหว ปล่อยให้มือของเขาเคล้นคลึงสะโพกของหล่อนอย่างนึกมันเขี้ยว สอดท่อนแขนเข้ามาระหว่างง่ามก้น หงายฝ่ามือลูบไล้เข้ามาถึงหนอกเนื้ออุ่นจัดอีกครั้ง ตะล่อมล้วงเข้ามาโอบเนินนูนเหมือนหลังเต่า บีบขยำเบาๆ เหมือนจะประมาณความอวบใหญ่ล้นอุ้งมือ “ของผึ้งใหญ่จัง” มือสัมผัสกลีบเนื้อเป็นพูแน่น โหนกนูนและใหญ่กว่าของเจนนี่มากมาย “อ๊าย...” น้ำผึ้งเสียว กระดกก้นขึ้นโดยอัตโนมัติ สิงหาบีบขยำความเป็นผู้หญิงของหล่อนเป็นจังหวะ หัวใจเต้นแรงกับความอวบใหญ่ที่อัดแน่นอยู่ในอุ้งมือของตน “อย่า...พี่สิงห์...หยุดเดี๋ยวนี้นะ เดี๋ยวพี่เจนนี่มาเห็นผึ้งซวยแน่ๆ” น้องเมียร้องห้ามอย่างสับสนใจ ส่ายก้นทำท่าว่าจะดิ้นหนี แต่ช้ากว่ามือใหญ่ของสิงหาอีกข้างที่กดลงบนแผ่นหลังของหล่อนเหมือนจะล็อกกายไม่ให้ขยับหนี
ผมต้องทำงานนอกเวลาทุกวันเพื่อหารายได้ประคองชีวิตและจ่ายค่าเรียนมหาวิทยาลัยด้วยตัวเอง เนื่องจากฐานะครอบครัวยากจนและไม่สามารถส่งเสียผมเข้ามหาวิทยาลัยได้ และตอนเรียนที่มหาวิทยาลัย ผมก็ได้พบกับเธอ-สาวแสนสวยที่หนุ่มๆ ทุกคนในชั้นเรียนต่างก็ใฝ่ฝันถึง ไม่เว้นแม้แต่ผมเอง แต่ผมก็รู้ตัวดีว่าตัวเองไม่คู่ควรกับเธอ ถึงอย่างนั้นก็ตาม ผมก็รวบรวมความกล้าสารภาพกับเธอจนได้ สุดท้ายผมนึกไม่ถึงว่าเธอจะยอมตกลงเป็นแฟนกับผม เธอบอกกับผมว่าอยากได้ของขวัญเป็นไอโฟนรุ่นล่าสุด ผมก็ไปรับงานซักเสื้อผ้าให้เพื่อนร่วมชั้นเรียนเพื่อพยายามเก็บเงินซื้อให้เธอจนได้ และในที่สุดหนึ่งเดือนต่อมา ผมก็ซื้อมาได้จริง ๆ แต่ขณะที่ผมกำลังห่อของขวัญเพื่อนำไปมอบให้เธอ ก็พบว่าเธอกำลังมีอะไรกับหัวหน้าทีมฟุตบอลในห้องล็อกเกอร์ เธอเหมือนเปลี่ยนเป็นอีกคนหนึ่งซึ่งผมไม่เคยรู้จักเลย เธอหัวเราะเยาะความโง่เขลาของผม เหยียดหยามศักดิ์ศรีของผม ปล่อยให้เขาซึ่งตอนนี้ได้กลายเป็นแฟนใหม่ของเธอไปแล้ว ทุบตีผม ผมนอนเจ็บอยู่บนพื้นอย่างสิ้นหวัง ต่อมา จู่ ๆ ผมก็ได้รับโทรศัพท์จากพ่อ ตั้งแต่วันนั้น ชีวิตของผมก็ได้เปลี่ยนแปลงไปอย่างกับหนัามือเป็นหลังมือ ใครจะไปรู้ว่า ผมเป็นลูกชายของมหาเศรษฐี