กับคนอื่นพ่อมาเฟียผิวสีโหดเหี้ยมดุดัน แต่กับน้องน้อยอย่างเธอเขาอ่อนโยนอ่อนหวานพร้อมเป็น 'สัตว์เลี้ยง' ของเธอก็ว่าได้ +++++++ “ทำไมชอบเถียงพี่นักหนูณิ ยอมรับความจริงซะบ้างว่าตัวเองน่ะเป็นของพี่” ตอนนี้ณิการ์เหมือนกับเป็นคนละคนที่ตนรู้จักเลย แต่จะว่าไปจะแบบเมื่อก่อน ตอนที่ยังไม่ได้ครอบครองกับหลังที่ได้ครอบครองแล้ว เป็นแบบไหนเขาก็ชอบทั้งนั้น ‘เซ็กซี่ชะมัดเวลาเถียงไม่ยอมลงให้แบบนี้ มันน่าจับกดลงบนเตียงสีชมพูนี้นัก’ “ก็คุณกันต์พูดไม่ถูกนี่” “ไม่ถูกยังไง หนูณิเป็นของพี่ มันไม่ถูกต้องตรงไหน หรือต้องให้ทำให้ดูด้วยไหมว่าเป็นของพี่กันต์ยังไง แบบไหน ท่าไหนในวันนั้น” “ณิไม่คุยกับคุณกันต์แล้วค่ะ ออกไปจากห้องณิได้แล้ว ถ้าจะมาคุยเรื่องไร้สาระแบบนี้” “ไม่คุยกับผัวแล้วจะคุยกับใคร หรือให้พี่กันต์บอกแม่ไหมว่าเราสองคน ‘ได้กันแล้ว’ แถมได้กันในคอกม้าคืนฝนตกตอนไปเที่ยวเขาใหญ่ด้วย วันนั้นเราทำ...” กันต์ยังพูดไม่จบ เสียงเล็กของน้องน้อยก็พูดแทรกขึ้นพร้อมกับยกมือปิดปากเขา “หยุดพูดเลยนะคะคุณกันต์” “งั้นคืนนี้ก็ให้พี่นอนด้วยสิ รู้ไหมว่าพี่อยากได้หนูณิทุกวันเลยนะ ตั้งแต่วันนั้นพี่ก็อยากก็หิวแต่หนูณิ” ยิ่งสองแก้มนวลแดงระเรื่อ เขาก็ยิ่งอยากพูดแกล้ง “คนทะลึ่ง ณิไม่คุยกับคุณกันต์แล้ว และณิอยากบอกให้คุณกันต์รู้ไว้ว่า ‘มันจะไม่มีทางเกิดขึ้นอีกแน่นอนค่ะ’ คุณกันต์ก็ลืมมันได้แล้วค่ะ คุณกันต์ก็มีสาวๆ เยอะรอบข้างเต็มไปหมด จะมาสนใจเด็กในบ้านอย่างณิทำไมคะ” “หนูณิไม่เหมือนใคร ไม่แคร์แบบนี้พี่กันต์ยิ่งอยากให้มันเกิดขึ้นอีก” เขาจะคว้ามือเล็ก แต่มือน้อยก็ยกถอยหนีอย่างรู้ทัน “ฉลาด รู้ทันพี่ด้วย น่ารักที่สุดเมียพี่กันต์” “ก็คุณกันต์ชอบถึงเนื้อถึงตัวณิตลอด ณิต้องปกป้องตัวเองค่ะ และมันจะไม่มีทางเกิดขึ้นอีกเป็นครั้งที่สองแน่ อย่าหวังว่าจะได้เอาเปรียบณิอีก” “น่าสนใจนะ ปกป้องตัวเองจากผัวตัวเองเนี่ย...หึหึ” ปล. นิยายเรื่องแต่งขึ้นเพื่อความบันเทิงเท่านั้นค่ะ จะมีเนื้อหาบางฉากบางบทที่เวอร์วังเกินจริงนะคะ บางฉากแทบจะเป็นไปไม่ได้ในชีวิตจริง แต่ในนิยายเรื่องนี้เป็นไปได้เพราะเนื้อหาเป็นเพียงจินตนาการที่แต่งขึ้นค่ะ ขอบคุณทุกการสนับสนุนนะคะ
คุณเชื่อคำว่า “ของของเรา ยังไงซะก็ต้องเป็นของเราอยู่วันยังค่ำ” แต่สำหรับคนอย่างนายกันต์ จอร์น พันล้าน วัย 37 ปี ทายาทคนเดียวของเจ้าพ่อค้าอาวุธข้ามชาติที่มีชื่อเสียงโด่งดังไปทั่วโลก แน่นอนว่าผมเป็นลูกครึ่งผิวสี แม่เป็นไทย พ่อเป็นคนผิวสี ได้รับช่วงต่อธุรกิจมาจากพ่อที่ถูกคู่แข่งลอบสังหาร ผมจึงตกมาอยู่ในตำแหน่งนายใหญ่ของ “The king” เพราะความจำเป็นที่เลี่ยงไม่ได้จึงต้องมากุมบังเหียนอาณาจักรอันยิ่งใหญ่ของพ่อ แม้ว่าท่านกับแม่จะเลิกรากัน แต่ท่านทั้งสองก็ยังคงติดต่อกัน เพราะมีผมเป็นตัวเชื่อมระหว่างพวกท่านทั้งสอง ที่แม่กับพ่อต้องเลิกรากัน เพราะแม่ทนอยู่กับมาเฟียโหดเหี้ยมอย่างพ่อไม่ไหว ก็ท่านเล่นตัวอาบโช
กไปด้วยเลือดกลับบ้านทุกวัน และตอนนี้ลูกชายคนเดียวอย่างผมก็กำลังเจริญตามรอยของพ่อผู้ใหญ่กำเนิด แม้ตอนเด็กจะไม่ชอบธุรกิจของท่าน แต่เพราะความจำเป็นถึงต้องมาอยู่จุดนี้ ในคราแรกทุกคนไม่ยอมรับในตัวของผม แต่เพียงเวลาแค่หนึ่งปี กันต์ก็พิสูจน์ให้ทุกคนรู้และเห็นว่าตัวเขาเองก็เหี้ยมโหดไม่แพ้บิดาผู้ให้กำเนิด เลือดของท่านไหลเวียนในกายผม และผมก็คือตัวแทนของท่านนั่นเอง แม้ว่าจะเป็นเลือดผสมก็ตาม
ไม่มีคำพูดไหนแสดงได้ดีกว่าการกระทำ และตอนนี้เขาก็เชื่อการกระทำของตัวเองมากกว่าคำพูดของคนโบราณที่ชอบพูดกัน ปีนี้เขาได้มาพักผ่อนที่เมืองไทย จากที่ไม่ได้เจอแม่มาเกือบปีตั้งแต่รับตำแหน่งนายใหญ่ของ ‘The king’ ยอมรับว่าที่ผ่านมาทำงานหนักมากเพื่อให้ลูกน้องและลูกค้าเก่าของพ่อยอมรับและเชื่อมั่นในตัวเอง และก็เฉียดตายมาหลายรอบด้วยเช่นกัน บัดนี้ร่างกายของเขาเต็มไปด้วยแผลเป็นจากกระสุน มีด และอาวุธสงครามอย่างอื่น แม้มันจะอานุภาพร้ายแรง แต่มันก็ไม่สามารถปลิดชีวิตของผมได้
เผียะ!
นางนงลักษณ์ตวัดมือเหี่ยวย่นฟาดแก้มซ้ายของลูกชายทันทีเมื่อเจอหน้า
กันต์หน้าหันไปตามแรงตบ เขาทำได้แค่กัดกรามแน่นเพื่อเกร็งหน้าเมื่อท่านง้างมือขึ้นสูงจะตบตนเองอีกครั้ง
“ป้านงคะ”
มือน้อยคว้าจับมือเหี่ยวย่นรั้งไว้พร้อมกับกุมมือท่านแน่นให้ผ่อนคลายอารมณ์โกรธ
“นึกว่าจะเป็นศพกลับมาให้แม่เห็นซะแล้วตากันต์ รู้ไหมว่าที่ผ่านมาแม่โกรธและโมโหลูกแค่ไหนที่เอาตัวเองไปเสี่ยงอันตรายแบบนั้น” นางนงลักษณ์เสียงสั่นเครือพร้อมทุบตีอกลูกชายด้วยความน้อยใจ
กันต์รู้ว่าท่านเป็นห่วงตนถึงทำแบบนี้
“กันต์ก็กลับมาปลอดภัยแล้วไงครับแม่”
“ถ้าไม่ปลอดภัยล่ะ ลูกจะทำยังไง และครั้งล่าสุดตอนที่แม่รู้ว่าลูกโดนยิงสาหัส นอนซมสองอาทิตย์ รู้ไหมแม่แทบใจวายตาย ทำไมต้องให้แม่รู้หลังจากที่หายดีทุกครั้ง”
“ถ้าผมบอกแม่ตอนสาหัส แม่ก็ใจวายน่ะสิ ไม่โกรธไม่งอนนะคนดีของกันต์”
แล้วเขาก็โอบกอดท่านพาไปนั่งยังโซฟา แต่สายตากลับจดจ้องไปยังคนตัวเล็กที่อยู่ข้างแม่ตลอด ถ้าจำไม่ผิดคือเด็กที่แม่ของเขารับมาเลี้ยงสินะ เพียงแค่เวลาไม่กี่ปีณิการ์โตเป็นสาวเต็มวัยขนาดนี้เชียว แทบไม่อยากเชื่อว่านี่คือเด็กขี้มูกย้อย ฟันหลอที่ตนรู้จัก
สาวน้อยรู้สึกไม่คุ้นชินกับลูกของผู้มีพระคุณที่จดจ้องมองตนเสียเลยตอนนี้ มันแปลกและแตกต่างจากเมื่อครั้งยังเด็ก เขาไม่เคยมองแบบสำรวจเธอแบบนี้มาก่อน
“ป้านงคะ หนูขอตัวไปดูในครัวก่อนนะคะ” สาวน้อยต้านสายตาที่จ้องมองตนไม่ไหวจึงเอ่ยขึ้น
“ไปเถอะหนูณิ” นางบอกณิการ์ สาวน้อยที่ตนรับมาเลี้ยงดูตั้งแต่เด็ก
ณิการ์ลุกเดินก้มหน้าออกไปจากห้องนั่งเล่นเพื่อไปยังห้องครัว แต่สายตาของกันต์ยังคงมองตามไม่ยอมละสายตาจนคนเป็นแม่ต้องกระแอม
อะแฮ่ม!
“กลืนกินน้องไปทั้งตัวเลยไหมตากันต์” นางอ่านสายตาและความคิดของพ่อมาเฟียตัวดีของตนเองออก
“หึหึ...อายุเท่าไหร่แล้วครับแม่ เสิร์ฟขึ้นเตียงผมได้รึยัง”
ไม่มีใครอ่านความคิดของเขาได้และเข้าใจเขาได้เท่าแม่ของเขาอีกแล้ว
“ดูพูดเข้า อย่าให้ร่างกายน้องแปดเปื้อนตัวเสนียดอย่างลูกจะดีกว่านะตากันต์”
“นี่แม่เป็นแม่ของผมจริงไหมเนี่ย ทำไมไม่เข้าข้างลูกชายตัวเอง ผมออกจะหล่อดำเข้มขนาดนี้ รู้ไหมสาวๆ ทั่วโลกต่างอยากขึ้นเตียงกับผม”
“ลูกมีเงินน่ะสิ ผู้หญิงพวกนั้นถึงอยากขึ้นเตียงกับลูก กับผู้หญิงคนอื่นน่ะได้ แต่กับหนูณิ อย่าแม้แต่จะคิดเชียว แม่อยากให้หนูณิเจอผู้ชายดีๆ นี่ก็เพิ่งจบมอหก รอมหา’ลัยเปิด ยังต้องเจอคนอีกเยอะ”
“ทำไมแม่ไม่เข้าข้างลูกชายตัวเองบ้างและสนับสนุนลูกตัวเอง”
“กับใครก็ได้ แต่ต้องไม่ใช่หนูณิ น้องยังเด็ก อีกอย่างลูกน่ะแก่แล้วนะตากันต์ อีกสามปีก็สี่สิบแล้ว อายุห่างกันตั้งรอบ”
“แต่ลูกชายแม่แข็งแรงนะครับ”
“ไปแข็งแรงกับคนนอกบ้าน อย่ามาแข็งแรงกับเด็กในบ้าน ว่าแต่อยากกินอะไรวันนี้ แม่จะเข้าครัวทำให้” นางบอกลูกชายอย่างรู้ทัน
“แม่ไม่ได้เลี้ยงไว้ให้ผมหรอกเหรอ นึกว่าโตขึ้นจะประเคนใส่พานให้ผมเสียอีก”
“อย่ามาพูดเล่นกับแม่ตากันต์”
“ครับ อะไรก็ได้ แม่ทำให้กันต์ก็กินหมดนั่นแหละ อีกอย่างคิดถึงฝีมือแม่มาก ไม่ได้กินตั้งนาน”
“คิดถึงแล้วทำไมไม่ยอมกลับมาหาแม่บ่อยๆ ไม่รู้ไปรับช่วงธุรกิจบ้าๆ นั่นของไอ้พ่อชั่วของลูกทำไมกัน”
“พ่อก็ตายไปแล้ว อย่าไปดึงมาด่าสิครับ คงตกนรกอยู่ ไม่ว่างมาฟังแม่บ่นให้หรอกครับ” กันต์ตอบกลับ
“เดี๋ยวแม่ไปทำอะไรให้ทาน ไม่พูดถึงพ่อเลวๆ ของลูกแล้ว พูดทีไรแม่โมโหทุกที”
“ครับผม” กันต์รู้ดีว่าในใจของแม่น่ะมีพ่อตลอด แม้ว่าจะไม่ได้อยู่ด้วยกัน
ตื๊ด! ตื๊ด! ตื๊ด!
พอแม่ลุกเดินจากไป เสียงสั่นเตือนโทรศัพท์ของเขาก็ดังแจ้งเตือนจนต้องรีบล้วงโทรศัพท์ออกจากกระเป๋ากางเกงออกมากดรับสาย
“ว่าไงมาร์ก” เสียงเข้มห้าวกรอกส่งไปในสาย
“ตอนนี้พวกไอ้โอดินมันกำลังเคลื่อนไหวครับนาย” มาร์กเอ่ยตอบกลับมา
“ดี นายกับชอนจัดการตามเหมาะสมได้เลย จัดการทุกอย่างเสร็จแล้วให้ชอนมาอยู่กับฉันที่ไทย ส่วนนายก็จัดการงานที่เดอะคิงค์รอฉัน และอย่าให้พวกศัตรูรู้ว่าฉันกลับเมืองไทยมาหาแม่ อ้อ...ส่งคนของเรามาเฝ้าบ้านฉันอย่างลับๆ ด้วย” ที่ห่วงที่สุดคือแม่ในตอนนี้ เขาไม่อยากให้พวกสารเลวนั่นเข้ามาวุ่นวายปั่นป่วนการใช้ชีวิตของท่าน
“ครับนาย”
“ฉันจะฆ่าแกไอ้โอดิน” พอกดวางสายจากคนสนิทแล้วก็พึมพำกับตนเองอย่างหมายมาด ที่เขาได้รับบาดเจ็บก็เพราะโอดินลอบกัดและเขาก็แน่ใจว่ามันเป็นคนลอบฆ่าพ่อของเขาเช่นกัน เพราะหลายครั้งที่มันส่งลูกน้องมาปลิดชีวิตเขา แต่ลูกน้องของมันก็เป็นศพทุกคนที่ส่งมา
นงลักษณ์เข้ามาในครัวมาดูว่าณิการ์ทำอะไรอยู่ พอเห็นว่ากำลังทำกล้วยบวชชีนางก็ยิ้ม แล้วเดินไปเปิดตู้เย็นแล้วสั่งเด็กเตรียมของให้ตนจะทำกับข้าวให้ลูกชายจอมโฉดทาน นานแล้วที่ไม่ได้ทานฝีมือนาง นางเลยอยากเอาใจลูกชายที่ไม่ได้เจอหน้ากันนาน
“ป้านงจะทำอะไรให้คุณกันต์คะ”
“ป้าว่าจะทำหมูหวานให้พี่เขาน่ะ พี่เขาชอบตอนเด็ก” นางบอกหลานสาว
“ให้ณิช่วยไหมคะ?”
“หนูณิทำของหนูณิไปเถอะ ป้าให้แจงเตรียมของให้ป้าได้”
“มีอะไรให้หนูช่วยบอกนะคะ”
“จ้ะลูก หนูทำกล้วยบวชชีเถอะ กล้วยบวชชีก็เป็นเมนูโปรดของพี่เขาเหมือนกัน”
สาวน้อยยิ้มน้อยๆ ไม่ตอบกลับ จริงๆ แล้วเธอตั้งใจทำให้ลูกชายผู้มีพระคุณนั่นแหละ เธอจำได้ทุกอย่างที่เป็นเขาและจำได้ว่าเขาชอบอะไร ไม่ชอบอะไร
ตกดึกกันต์เดินสำรวจรอบบ้านแล้วมานั่งพักศาลาในสวนดอกไม้ของแม่ตน แม้ว่าจะดึกมากแล้ว แต่คืนนี้พระจันทร์เต็มดวงจึงทำให้ฟ้าไม่มืดอย่างเคย เขาล้วงบุหรี่และไฟแช็กออกมาจากกระเป๋ากางเกงตนเองแล้วก็ต่อบุหรี่ดูด
อ่า!
เมื่อพ่นควันบุหรี่ออกมาจากปากแล้วลุกเดินล้วงกระเป๋ากางเกงมาแหงนเงยมองท้องฟ้า
แก๊ก!
“ใคร!” ความเงียบของกลางดึกและเขาชินกับการเฝ้าระวังตัวมาตลอด ได้ยินเสียงกิ่งไม้หักก็ถามออกไปทันที
“คะ...คือณิเองค่ะคุณกันต์”
เสียงเล็กสั่นกลัวพร้อมเดินโผล่ออกมาจากมุมที่หลบอยู่
“หนูณิเหรอ” แม่เขาพาเรียก เขาจึงเรียกเธอแบบนี้ และจริงๆ เมื่อก่อนเขาก็เรียกณิการ์เช่นนี้เหมือนกัน
“ค่ะ คุณกันต์”
“มาทำอะไรดึกๆ ฮึ”
“คือณินอนไม่หลับค่ะคุณกันต์”
“ดีเลย มาคุยเป็นเพื่อนพี่ในศาลาหน่อยสิ” เขากวักมือเรียกคนตัวเล็กที่เอาแต่ยืนก้มหน้าอยู่นอกศาลา
“ค่ะ” แล้วเธอก็เดินเข้ามาในศาลาพร้อมกับยกมือปิดจมูก
กันต์เห็นสาวน้อยปิดจมูกก็รู้ทันทีว่าเธอไม่ชอบกลิ่นบุหรี่ เขาจึงทิ้งมันลงพื้นแล้วเอาเท้าขยี้จนไฟที่บุหรี่มอดดับ
“ขอโทษ” มาเฟียหนุ่มเอ่ยขอโทษ กับคนตัวเล็กคนนี้ เขาอ่อนโยนคือคนแสนดีต่างจากอยู่กับคนอื่น และเขาไม่ปรารถนาให้ณิการ์เห็นมุมโหดเหี้ยมของเขา
“ไม่เป็นไรค่ะคุณกันต์” เธอรู้ว่าเขาขอโทษเรื่องบุหรี่ เพราะเขาทิ้งบุหรี่ที่ดูดทันทีที่เธอเดินเข้ามาในศาลา
“ทำไมถึงเรียกห่างเหินแบบนี้ พี่จำได้เมื่อก่อนหนูณิไม่เคยเรียกพี่แบบนี้นี่” กันต์เดินมานั่งข้างคนที่นั่งลง แม่บอกไม่ให้ยุ่งกับณิการ์ แต่เขาจะยุ่งซะอย่าง ก็นี่คือของของเขาตั้งแต่ที่เธอย้ายเข้ามาอยู่ในบ้านหลังนี้แล้ว
ณิการ์ขยับถอยห่างเมื่อถูกนั่งเบียด ไม่เข้าใจที่มีตั้งเยอะ ทำไมกันต์ถึงมานั่งข้างตนและเบียดอีก
ฮึ!
กันต์ขำในคอกับท่าทางไร้เดียงสา ขี้อายและหวาดกลัวของแม่กวางน้อยของตนแล้วก็เลิกแกล้ง ลุกไปนั่งฝั่งตรงข้ามเธอ
“บอกพี่หน่อยสิหนูณิว่าทำไมถึงทำตัวห่างเหินแบบนี้ เมื่อก่อนไม่ใช่แบบนี้ไม่ใช่เหรอ ว่าแต่ทำไมถึงนอนไม่หลับ”
“คือณิว่าณิเรียกคุณกันต์จะเหมาะกว่าค่ะ”
“งั้นก็ตามใจเถอะ แล้วแต่จะเรียก”
“แล้วทำไมถึงนอนไม่หลับ” เขาถามด้วยความอยากรู้
“พอดีเพื่อนชวนไปดูหนังค่ะพรุ่งนี้ ณิเลยนอนไม่หลับ”
“อ้อ...ตื่นเต้นจนนอนไม่หลับว่างั้น แล้วเพื่อนเนี่ยผู้ชายหรือผู้หญิง” เขาถามอย่างอยากรู้
“ผู้ชายค่ะ เขาขอณิเป็นแฟน แต่ณิยังไม่ได้ให้คำตอบเขา และกลัวว่าหลังดูหนังจบเขาจะถามเอาคำตอบค่ะ ณิเลยกังวล”
สาวน้อยตอบกลับอย่างใสซื่อ แต่คนฟังนั้นกลับเดือดร้อนในอกเมื่อรู้ว่ากวางน้อยของตนมีคนมาสนใจ แต่ก็ไม่แปลก เพราะณิการ์น่ารักจิ้มลิ้มขนาดนี้เป็นใครก็หมายปองแน่นอน
“อืม! พูดยากนะ แล้วหนูณิชอบเพื่อนคนนั้นไหมล่ะ” เขาหวังว่าคำตอบจะเป็นสิ่งที่เขาอยากได้ยิน แต่มันตรงกันข้าม
“ชอบค่ะ” สาวน้อยตอบสั้นๆ และทำเอามาเฟียโฉดเม้มปากแน่น
“ชอบ?”
“ก็เขาเป็นคนดี เราเรียนด้วยกันตั้งแต่เด็ก ณิเลยว่าถ้าจะเป็นแฟนกันก็ไม่แปลก แต่ณิก็กังวลค่ะ กลัวว่าจะไม่รอด”
“อยากฟังความเห็นของพี่ไหมหนูณิ” เขาถามอย่างใจเย็นทั้งๆ ที่อยากเห็นหน้าไอ้เด็กนั่นเหลือเกินว่ากล้าดียังไงคิดจะมาเป็นแฟนผู้หญิงของตน
“ค่ะ” สาวน้อยพยักหน้า
“ถ้าคบกัน หนูณิจะเสียเพื่อนได้นะ เชื่อพี่ พี่อาบน้ำร้อนมาก่อน เพื่อนกันไม่ควรคบกันเป็นแฟน”
“ใช่ไหมคะ”
“ใช่ หนูณิไม่อยากเสียเพื่อนที่ดีไปก็ไม่ควรตกลงคบรู้ไหม เวลาเลิกกันมาจะเกลียดกัน”
“นั่นแหละค่ะที่ณิกลัว ขอบคุณนะคะคุณกันต์”
“อือ...มีอะไรมาปรึกษาพี่ได้ โดยเฉพาะเรื่องผู้ชาย”
“ขอบคุณนะคะ ณิขอตัวไปนอนก่อนนะคะ ตอนนี้สบายใจขึ้นนิดหน่อยแล้วค่ะ”
“กู๊ดไนท์หนูณิ”
“ฝันดีค่ะคุณกันต์” สาวน้อยไร้เดียงสาลุกเดินออกจากศาลากลับเข้าบ้านไปนอนโดยไม่รู้เลยว่ามาเฟียร้ายนั้นคิดไม่ซื่อกับตน
“หึหึ...เด็กน้อยเหลือเกินหนูณิของพี่กันต์ หนูณิถูกเลี้ยงมาให้เป็นของพี่ไม่ใช่ของผู้ชายข้างนอกพวกนั้น รู้ไว้ซะ!” กันต์เอ่ยไล่หลังคนที่เดินจากไปไกลแล้วก็เดินออกจากศาลากลับเข้าบ้านไปนอนเช่นกัน
เกือบหนึ่งพันปีที่เฝ้ามอบถวายชีวิตของตัวเองคอยรับใช้นายท่านนาสูร และเมื่อถึงเวลาที่ต้องเลือกอนาคตตัวเอง เขากลับเคว้งคว้างเดินไม่ถูก และยิ่งไปกว่านั้นเมื่อโชคชะตาส่งเด็กน้อยตัวเล็กอายุไม่กี่เดือนมาให้เขาได้ดูแล ‘เดหลี’ เขาดูแลเด็กน้อยไม่ต่างจากลูก แม้จะรู้ดีว่าอนาคตเด็กคนนี้จะเปลี่ยนชีวิตของตัวเอง ‘พาที’ นั่งใช้ความคิดอยู่คนเดียวในห้องนั่งเล่นของบ้านที่ตนเองและเดหลีอาศัยอยู่ด้วยกัน เพลานี้เด็กน้อยอายุเจ็ดขวบ เผลอแป๊บเดียวจากเด็กน้อยงอแงเอาแต่ใจ นอนตัวแดงแบเบาะ ตอนนี้รู้ความและขี้อ้อนมาก “คุณพาทีคะ คุณพาทีคะ” “หืม! เด็กน้อย” คนถูกเรียกหันมาหาเจ้าของเสียงเล็กสดใสของหนูน้อยวัยเจ็ดขวบ “แต่งงานคืออะไรคะ?” หนูน้อยเกาะแขนของผู้เปรียบเสมือนพ่อของตนเอง “คือคนสองคนรักกัน แล้วก็แต่งงานกัน เดี๋ยวโตขึ้นเดหลีก็จะเข้าใจเอง” พาทีลูบหัวหนูน้อยหน้ากลมที่แนบแขนตัวเองและกำลังแหงนเงยหน้าขึ้นมองจ้องหน้าตัวเอง เหมือนเขาที่กำลังก้มมองหน้ากลมๆ อ้วนๆ ของหนูน้อย “งั้นโตขึ้นเดหลีจะแต่งงาน และคุณพาทีต้องแต่งงานกับเดหลีด้วยนะคะ” “แต่งงานน่ะแต่งได้ แต่กับฉันไม่ได้เดหลี” “ทำไมไม่ได้คะ เดหลีรักคุณพาที ถ้าไม่แต่งกับคุณพาทีจะให้หนูแต่งกับใครคะ” หนูน้อยเจ็ดขวบตอบอย่างฉะฉาน ทั้งๆ ที่ไม่เข้าใจความหมายของคำว่า ‘รัก’ และ ‘แต่งงาน’ “โตขึ้นเธอจะรู้เองเดหลี ตอนนี้ได้เวลานอนแล้วนะ ไปนอนได้แล้ว เดี๋ยวฉันเอานมร้อนไปให้ดื่มก่อนนอนนะ” “อุ้มค่ะ” หนูน้อยยอมผละแขนสั้นๆ ที่กอดแขนใหญ่ออกมากางให้อีกฝ่ายอุ้มตัวเองกลับห้องนอน พาทียกยิ้มเอ็นดูท่าทางของหนูน้อยแล้วก็ช้อนอุ้มเด็กน้อยขึ้นแนบอกแล้วลุกขึ้นจากโซฟาพาเดินกลับห้องนอนด้วยเวลานี้ดึกมากแล้ว
“อ่ะ...อื้อ” เธอเบิกตากว้างในความมืดสลัวเมื่อรู้ว่าตอนนี้ตัวเองถูกคุกคามยามดึก “ชูว์! ฉันเองเด็กน้อย” เขายกมือมาปิดปากเธอพร้อมบอกให้รู้ว่าคือเขา “คุณนาสูร” “ใช่ ฉันเอง ก็บอกแล้วไงว่าเจอกัน” “ฟ้าอยู่” “เธอไม่ตื่นหรอก” เขาบอกตอบกลับ “แต่ไม่ได้นะคะ เราจะ...” “ทำไมจะไม่ได้ ก็ฉันหิวมาหลายวันแล้วน้อง เธอก็รู้ว่าฉันต้องการเธอมากแค่ไหน” เขารีบบอกสวนกลับโดยที่เธอยังพูดไม่สุดประโยคความ “พรุ่งนี้ฟ้าก็กลับแล้ว” เธอบอกพร้อมดันเขาไปนอนข้างๆ ตัวเองที่ยังมีพื้นที่ว่างอยู่ “ไม่มีพรุ่งนี้ทั้งนั้น ฉันต้องการวันนี้เด็กน้อย ขอเถอะนะ เพื่อนเธอไม่มีทางตื่นถ้าฉันไม่สั่งให้ตื่น เรามามีความสุขกันเถอะนะ ฉันรู้ว่าเธอเองก็โหยหาฉัน” มือใหญ่สอดเข้าไปในใต้ผ้าห่มแล้วบีบเคล้นเต้าของเธอ “อ่ะ...อื้อ คะ...คุณนาสูร ยะ...อย่าทำแบบนี้ค่ะ น้องอาย ถึงฟ้าจะไม่ตื่น แต่ฟ้าก็นอนอยู่ข้างๆ นะคะ” พึ่บ! แล้วผ้าห่มที่เธอแบ่งกันกับเพื่อนห่มนั้นก็ถูกถลกดึงรั้งขึ้นไปคลุมหัวของฟ้าใสทันที --- สวัสดีนักอ่านทุกคนค่ะ ณิการ์ขอฝากรูปเล่มนิยายเรื่อง “นาสูร” ภายใต้นามปากกา “ยักษ์” ด้วยนะคะ เป็นเรื่องราวของยักษ์ที่มาอายุนับพันกว่าปีกับมนุษย์สาวคนหนึ่ง แน่นอนว่าเป็นนิยายแฟนตาซีอีโรติกค่ะเรื่องนี้ “นาสูร” เป็นยักษ์ที่หิวกามมาก กินดุมาก เขาไม่สนใจเนื้อเท่ากับลีลารักบนเตียง และ “พุดซ้อน” ก็สนองตัณหาของเขาได้ดีทีเดียว แล้วเขาทั้งสองจะรักกันได้ยังไง เมื่อทั้งสองต่างแตกต่างกัน มาลุ้นไปกับความรักของยักษ์และมนุษย์ด้วยกันนะคะ
เรื่อง “มังกรกัณฐ์” นามปากกา “ยักษ์” ภาคต่อ “นาสูร” ด้วยนะคะ นิยายชุดนี้จะมี 3 เรื่องนะคะ นาสูร(อีบุ๊กพร้อมโหลด),มังกรกัณฐ์(อีบุ๊กพร้อมโหลด) และกลืนกิน(กำลังเขียน) วันนี้ฝากเรื่อง “มังกรกัณฐ์” ด้วยนะคะ เป็นเรื่องของลุกชายพ่อนาสูรมาลุ้นไปกับความรักความหื่นและความเอาแต่ใจของหนุ่มลูกครึ่งยักษ์กันนะคะ
“ไอ้พร้อม ไอ้ห่า มึงมันหยาบเกินคน มึงไม่เป็นลูกผู้ชาย” “ก่อนจะว่าแบบนั้น มึงดูเอ็นกูยัง มึงดูเอ็นกูแข็งร้อนขนาดนี้ มึงยังปากดีว่ากูไม่เป็นลูกผู้ชายอีกเหรอ”
จะเกิดอะไรขึ้นเมื่อคนสองคนไม่เคยเจอกัน ไม่เคยรู้จักกัน แต่ต้องมาแต่งงานกัน แน่นอนว่าการคลุมถุงชนครั้งนี้เกิดขึ้นเพราะคนแก่ทั้งสองที่ให้คำมั่นสัญญากัน พวกเขาที่เป็นหลานจึงจำต้องแต่งงานกัน "น่านน้ำ" หนุ่มเจ้าของไร่กาแฟ กับสาวมั่น "พิมพ์มาดา" ที่ต้องมาเจอกัน ทั้งสองไม่ใช่คนที่จะเชื่อฟังใครง่ายๆ ต่างคนต่างดื้อ และการคลุมถุงชนครั้งนี้จะต้องไม่เกิดขึ้น แล้วเรื่องราววุ่นวายจึงเกิดขึ้น หนี....ใช่ต้องหนีเท่านั้น....แต่หนีไปไงมาไงมา "รัก" กันได้ไง ที่สำคัญหนีไปหนีมามาเจอพ่อคน "เซ็กส์จัด" ใช่ค่ะว่าที่เจ้าบ่าวของเธอเซ็กส์จัดจนต้องยอมแพ้....และเธอก็ชอบความหื่น ห่าม ถ่อย ของคนที่ชังหน้าแบบไม่รู้ตัว......และน่านน้ำก็หลงเจ้าสาวจอมดื้อแบบไม่ตั้งใจรักเช่นกัน...... ------------ “นายทำบ้าอะไรของนาย” “ลงโทษเมีย” น้ำคำห้วนๆ ตอบกลับทันควัน พร้อมกับจ้องหน้าสวยที่ตอนนี้แสดงให้เห็นถึงความไม่พอใจในตัวเขาอยู่ในที แล้วเรื่องอะไรเขาต้องสนใจสายตาเกลียดชังที่หล่อนส่งมาให้ด้วยเล่า ในเมื่อพิมพ์มาดาเป็นของเขาและต้องเป็นของเขาคนเดียวเท่านั้น “ปล่อยฉันเดี๋ยวนี้นายน่าน” เธอสั่งเสียงแข็งไม่ยอมเช่นกัน พร้อมดิ้นหนีจากแรงกดของบุรุษที่คร่อมเหนือตัวเองอยู่ในตอนนี้ เขาบังคับให้เธอพิงไปกับพนักโซฟาและตัวเขาก็คร่อมกักร่างเธอไว้ โดยมีสองมือใหญ่กดหัวไหล่เธอให้อิงพิงไปกับพนักเก้าอี้ สองมือทุบตีไปกับหน้าอกแกร่งแต่เหมือนกับว่าทุบกำแพงหินผาเจ็บมือเสียแรงเปล่า “ทำไมฉันต้องปล่อยด้วย เธอคิดยังไงถึงไปคบกับไอ้ปลัดธนูนั่นทั้งๆ ที่มีฉันเป็นผัวทั้งคน หรือฉันคนเดียวไม่พอฮึดา” โน้มหน้าลงไปเอ่ยข้างหูเธอพร้อมกับกัดดึงหูเธอแรงๆ ด้วยความโมโห “โอ๊ย! ฉันเจ็บนะไอ้ซาดิสม์!” “ก็กัดให้เจ็บ ถ้าไม่เจ็บจะกัดทำไมวะ บอกฉันมาไปถึงไหนต่อไหนกับมันแล้ว” เงียบ! ปากช่างเจรจาของสาวจอมพยศเม้มแน่นไม่ปริปากตอบเมื่อเขาถาม และนั่นยิ่งกระตุ้นไฟโทสะในอกของน่านน้ำไปใหญ่ “ฉันถามเธออยู่ทำไมไม่ตอบ” เขากระชากเสียงถามเธอดังกว่าเดิม และครั้งนี้ก็บีบหัวไหล่ของเธอที่กดไปกับพนักโซฟาด้วย “เจ็บนะเว้ย! นายมันบ้าไปแล้วนายน่าน นายมันคนซาดิสม์ ปล่อยฉันเดี๋ยวนี้นะ ฉันเจ็บ” ทุบตีแขนของเขาให้นำพามือที่บีบหัวไหล่ตัวเองออก ตอนนี้ดวงตาสวยสดใสได้อาบล้นไปด้วยน้ำตาแห่งความเจ็บปวด เมื่อเขาไม่ยอมปล่อยมือจากหัวไหล่แต่เขากลับทำตรงกันข้ามคือบีบแรงกว่าเดิม “ฉันไม่ใจอ่อนกับน้ำตาของผู้หญิงอย่างเธอหรอกนะดา อย่ามาบีบน้ำตาปัญญาอ่อนต่อหน้าฉัน” น้ำเสียงเฉียบขาดเอ่ยขึ้นพร้อมกับผละมือข้างขวามาบีบคางเล็กของเธอให้แหงนเงยเชิดหน้าขึ้นสบตาตนเอง แล้วเขาก็โน้มลงไปบดขยี้ปากอวบอิ่มสีระเรื่อที่เม้มแน่นของหล่อนจริงๆ ในเมื่อไม่ยอมพูดไม่ยอมตอบเขาก็ไม่คิดจะสนใจแล้ว เพราะตอนนี้สิ่งที่ต้องการคือการทำให้พิมพ์มาดาจำ จำว่าร่างกายของหล่อนคือของเขา นายน่านน้ำไม่ใช่ของใครอื่นที่ไหน ผู้ชายหน้าไหนก็ห้ามแตะ เพราะเนี่ยคือสมบัติของเขา ถ้าเขาไม่ยกให้ใครหน้าไหนก็ห้ามพาหล่อนหนี “อ่ะ อื้อ.....
เขาเป็นหมอที่มีรักเดียวมาตลอดหลายสิบปี แอบเฝ้ามองน้องน้อยตั้งแต่แรกเกิด ส่วนน้องน้อยก็หาได้รักเขาแบบชู้สาวไม่ สำหรับจงกลนีแล้วเขาคืออาจารย์หมอหน้านิ่งหน้าเดียว ไร้อารมณ์ทางสีหน้า แม้แต่ยิ้มเขาก็ยิ้มไม่เป็น แต่ก็ตกใจเมื่อเขายิ้มให้ตัวเองคนเดียว จะบ้าเหรอเขาเป็นอาจารย์ของเธอ และเธอกก็เคารพเขามาตลอด จะให้รักได้ยังไงกัน ++++++ “เอ้า...ปากกา เซ็นเอกสารแล้วค่อยนอนต่อก็ได้” “ค่ะ” เธอรับปากกาที่เขายื่นให้พร้อมกับเซ็นชื่อตรงที่เขาชี้มือ “เรียบร้อย ตอนนี้เธอเป็นเมียฉันแล้วนะ” “ยังไงคะ?” ถามทั้งๆ ที่นั่งหลับ “ก็เราจดทะเบียนสมรส..
นุชพินตา ควรเป็นเจ้าสาวที่น่าอิจฉาที่สุดที่ได้แต่งงานกับ ปุลวัชร เจ้าบ่าวที่ทั้งหล่อ รวย เนื้อหอม เป็นเจ้าชายในฝันของสาวๆ ทั้งเมือง แต่ใครจะรู้ว่าเจ้าบ่าวในฝันนั้น...ทั้งไร้หัวใจ และไม่ได้รักเธอสักนิด! การแต่งงานที่ไร้รัก อยู่กันไปก็มีแต่เจ็บปวดเท่านั้น แต่จะทำยังไงได้ ในเมื่อเธอไม่อาจปฏิเสธ แม้จะต้องถูกเขาทำร้ายหัวใจซ้ำแล้วซ้ำเล่า จะทำอย่างไรหากใจที่ไม่คิดปรารถนารักกลับอยากได้ความรักจากเขา ------------------------------ “เธอเคยนอนกับผู้ชายหรือเปล่า” เขาถามออกมาจากปากร้าย ตอนที่เธอได้ยินถึงกับสะอึก ไม่คิดว่าเขาจะถามตรง ๆ และในนาทีต่อมา นุชพินตาก็รู้สึกโกรธมาก หญิงสาวโต้เขากลับ “ทำไมผู้ชายดี ๆ การศึกษาดี ๆ ถึงได้พูดจาแบบนี้คะ มาพูดดูถูกกัน เมื่อกี้ก็หาว่าพวกเราขายตัว และตอนนี้ยังมากล่าวหาฉันอีกว่าฉันสำส่อน คุณถามคำถามแบบนี้กับผู้หญิงทุกคน ที่คุณเคยนอนด้วยหรือยังไงคะ” ความเจ็บปวดระบายออกมาทางสายตา เขาเป็นบ้าอะไรกันนี่ คำพูดแบบนี้มาจากสันดานข้างในหรือเพราะว่าเขาเมา “แล้วเธอเคยมีอะไรกับผู้ชายหรือเปล่าล่ะ” เขาย้ำอีกครั้ง จ้องสบตาด้วยนัยน์ตาแดงก่ำ “ปากร้าย ประโยคนี้คุณไม่ควรถามออกมาด้วยซ้ำไป” จากที่เรียกเขาว่าพี่ปุ่น ชักขุ่นและมีอารมณ์โมโหขึ้นมาเปลี่ยนสรรพนามที่คนฟังก็รู้ว่าห่างเหิน “ผู้หญิงที่ดี ๆ ที่ไหน จะตอบตกลงแต่งงานกันชายแปลกหน้าอย่างรวดเร็วโดยไม่คิด เวลาเพียงแค่หนึ่งเดือนเท่านั้น” “แล้วมันยังไงคะ” นุชพินตาก็ไม่ยอมเหมือนกัน “เธออาจจะเป็นมือสองก็ได้” ‘เมื่อคืนเขาไปนอนที่ไหน แล้วไปนอนกับใคร’ ‘อ้อ… ก็คงจะเป็นผู้หญิงคนนั้นสินะ’ ดวงตาเศร้าลง เธอลุกขึ้นไปเปิดม่านหน้าต่าง และมองออกไปยังท้องทะเล แสงอาทิตย์กระทบกับระลอกคลื่นที่ไล่เรียงกันกระทบเข้าฝั่ง นุชพินตาถึงกับถอนหายใจดังเฮือก ‘ฉันมาทำอะไรอยู่ตรงนี้ มาให้เขาย่ำยีเล่นใช่หรือไม่’ เฝ้าถามตัวเองซ้ำไปซ้ำมา ‘ยะหยาอย่าเสียใจไปเลยนะ เธอต้องทำตัวเองให้เข้มแข็ง แข็งแรงเถอะ ในเมื่อเธอก็ไม่ได้รักเขาเหมือนกัน’ คำพูดปลอบโยนตัวเอง ‘ใช่… ฉันไม่ได้รักเขา และจะเกลียดเขาให้มากกว่านี้’ เธอตอกย้ำคำนี้เข้าไปในหัวใจของตัวเองด้วยความมุ่งมั่นและสายตาที่แน่วแน่ แม้จะรู้สึกเจ็บแน่นในหัวอก ------------------------------ “ฉันจะหย่ากับเธอ” เขาเอ่ยอย่างใจดำ หญิงสาวถึงกับใจหล่นวูบ เธอเม้มขบริมฝีปาก กลั้นน้ำตาเอาไว้ไม่อยู่แล้ว นุชพินตาพูดอะไรไม่ออกแม้แต่คำเดียว “นางผู้หญิงไร้ยางอาย แพศยาฉันเกลียดผู้หญิงหลายใจ ฉันเกลียดผู้หญิงที่นอกใจ ไปให้พ้นจากบ้านของฉัน ไปให้พ้นจากหน้าฉัน พรุ่งนี้จะให้ทนายทำใบหย่า” “พี่ปุ่นคะ” เธอยกมือขึ้นมาไหว้เขาปลก ๆ “เราสองคนเพิ่งแต่งงานกันเองนะคะ ยะหยาไม่อยากให้คุณลุงและคุณย่าเสียใจ” “แต่สิ่งที่เธอทำล่ะ มันน่าอาย แล้วเธอไม่ละอายบ้างเหรอ หน้าด้าน” เขามีอาการเสียใจ และหัวเสีย นุชพินตาเอง เธอไม่คิดว่าปุลวัชรจะปากร้ายด่าทอเธอได้ถึงเพียงนี้ “ฉันจะหย่ากับเธอแน่นอน เตรียมปากกาไว้เซ็นใบหย่าในวันพรุ่งนี้ก็แล้วกัน” พูดจบ เขาเดินเข้าไปใช้มือปัดแจกันที่อยู่ใกล้ และชกบานกระจกที่ใช้ตกแต่งอยู่ในห้องโถงด้วย จนกระจกแตกละเอียดทั้งบาน มือของปุลวัชรมีเลือดไหลซึม เขาจะเดินเข้าห้องทำงานและปิดประตูตามหลังดังโครม นุชพินตาตกใจ และหวาดกลัวกับสิ่งที่เธอได้เห็น ความดีใจที่สามีจะกลับมา เธอจะบอกข่าวดีเขา และกินข้าวด้วยกัน ได้มลายหายไปสิ้น มีเพียงความเศร้าเข้ามาทับถมอยู่ในจิตใจของนุชพินตา แล้วหญิงสาวยกมือขึ้นมาปิดหน้าปิดตาปล่อยโฮ
เสิ่นชิงกลายเป็นลูกสาวของชาวนาจากคุณหนูที่ร่ำรวยของตระกูลเสิ่นในชั่วข้ามคืน ลูกสาวตัวจริงใส่ร้ายเธอ คู่หมั้นของเธอทำให้เธออับอาย และพ่อแม่บุญธรรมของเธอก็ไล่เธอออกจากบ้าน... ทุกคนต่างรอที่จะหัวเราะเยาะเธอ ทว่าเธอกลับกลายเป็นทายาทของตระกูลเศรษฐีในเมืองอย่างกะทันหัน นอกจาดนี้ เธอยังมีตัวตนหลากหลาย เช่น หัวหน้าแฮ็กเกอร์ระดับนานาชาติ นักออกแบบเครื่องประดับชั้นนำ นักเขียนผู้ยิ่งใหญ่ที่ลึกลับ และอัจฉริยะด้านการแพทย์! พ่อแม่บุญธรรมเสียใจกับการตัดสินใจของตนและบังคับให้เธอแบ่งทรัพย์สินครึ่งหนึ่งให้เพราะพวกเขาเลี้ยงดูเธอมา เมื่อเสิ่นชิงหยิบกล้องออกมาแล้วบันทึกท่าทางอันน่าเกลียดของพวกเขา อดีตคู่หมั้นรู้สึกเสียใจและพยายามจะคืนดีกับเธอ เสิ่นชิงหัวเราะเยาะ "เขาคู่ควรงั้นเหรอ" จากนั้นก็ไล่เขาออกจากเมือง ในที่สุด ผู้มีอำนาจแห่งเมืองก็พูดอ้อนวอนเบาๆ "ไม่จำเป็นต้องแต่งเข้าตระกูลผม เดี๋ยวผมไปหาเอง"
หยางจื้อซี เด็กกำพร้าจากศตวรรษที่21 ถูกองค์กรมืดเลี้ยงดูจนเติบโตและทำให้เธอกลายเป็นมนุษย์กลายพันธ์ ในระหว่างที่ถูกส่งตัวไปทำภารกิจลับ เธอกลับถูกคนในองค์กรมืดหักหลังและถูกฆ่าโดยเพื่อนสนิทที่เธอไว้ใจมากที่สุด ก่อนสิ้นใจเธอถามเพื่อนสนิทว่าทำไม แต่ไม่ได้รับคำตอบจากปากของอีกฝ่าย สิ่งที่เธอได้รับคือรอยยิ้มที่ดูถูกเหยียดหยามและ คำว่า “โง่” จากปากของอีกฝ่ายเท่านั้น หลังจากที่ตายไปแล้วสิ่งที่เธอคิดไว้ คงจะเป็นนรกหรือที่ไหนสักแห่งที่เป็นโลกหลังความตาย แต่ทว่ามันกลับไม่เป็นเช่นนัน เธอตื่นขึ้นมาในร่างของ หยางจื้อซี เด็กหญิงอายุ เพียง 13 ขวบปีในหมู่บ้านป่าหมอก ในดินแดนโบราณล้าหลังที่ไม่มีในประวัติศาสตร์ คล้ายกับว่าเป็นโลกคู่ขนานที่อยู่อีกมิติหนึ่ง เธอตื่นขึ้นมาในบ้านที่ผุพัง ครอบครัวยากจน มีแม่ที่อ่อนแอและเจ็บป่วย มีพี่น้องที่อายุน้อย มีปู่ย่าตายายที่เห็นแก่ตัวและใจร้าย มีลุงที่เห็นแก่ได้ป้าสะใภ้ที่เต็มไปด้วยความละโมบโมบโลภมาก หยางจื้อซี คิดว่านับจากนี้ไปชีวิตจะต้องอยู่ได้ด้วยตัวเอง หากใครมารังแกก็แค่ทุบตี เธอไม่เชื่อว่าด้วยพลังที่ติดตัวเธอมาจากชาติที่แล้วจะไม่สามารถอยู่รอดได้ในโลกล้าหลังแห่งนี้
หลี่เมิ่งเหยาย้อนเวลามาอยู่ในร่าง ของเด็กสาววัยสิบสองปี ในวันที่มารดาอนุผู้โง่เขลา ถูกขับไล่ออกจากจวน โชคยังดีที่ตอนตาย นางสวมกำไลหยกโลกันตร์เอาไว้ มันจึงติดตามนางมาที่นี่ด้วย +++ 1 : มารดาโง่ จนถูกไล่ออกจากตระกูล จวนตระกูลหลี่เจ้าเมืองถัง สตรีสองนางถูกสาวใช้จับคุกเข่าลง ตรงหน้าของหลี่หงซวนเจ้าเมืองถัง ทั้งยังเป็นพ่อสามีของทั้งคู่อีกด้วย ท่านกำลังสอบสวนเรื่องของสะใภ้ใหญ่ของบ้านสาม ถูกฮูหยินรองกับอนุรวมหัวกันลอบทำร้าย ด้วยการวางยาขับเลือดในถ้วยน้ำแกงบำรุงครรภ์ ทำให้นางต้องสูญเสียทารกในครรภ์ไป “ท่านพ่อข้าไม่รู้จริง ๆ ว่านั่นเป็นยาขับเลือด ฮูหยินรองบอกว่าเป็นน้ำแกงบำรุงครรภ์ ให้ข้าเป็นคนนำไปมอบให้ฮูหยินใหญ่ เป็นนางนั่นเอง นางหลอกข้า !” เฉาซูหลิ่งชี้นิ้วไปทางสตรีด้านข้าง ร้อนรนเอ่ยออกมาเหมือนคนไม่ได้รับความเป็นธรรม “อนุเฉาเจ้าอย่ามาใส่ร้ายข้านะ เจ้าทำคนเดียวทั้งนั้นไม่เกี่ยวกับข้าเลย” ฮูหยินรอง ถูซวงอี้ ชี้นิ้วใส่หน้าเฉาซูหลิ่งกลับคืน ต่างคนต่างโยนความผิดให้กัน ฮูหยินผู้เฒ่าหลิวเยี่ยนหนานโบกมือให้คนเข้ามา “ข้าให้โอกาสพวกเจ้าสองคนพูดความจริง แต่กลับไม่มีใครยอมรับความผิดแม้แต่คนเดียว มันน่าจับส่งทางการให้รู้แล้วรู้รอด” พ่อบ้านหลัวให้คนลากสาวใช้คนหนึ่งเข้ามา สภาพของนางถูกทรมานจนเนื้อตัวบวมช้ำไปหมด “เรียนนายท่านข้าให้คนไปค้นห้องสาวใช้ทุกคนในจวน พบเทียบยาซ่อนไว้ใต้หมอน จากห้องของสาวใช้คนนี้ขอรับ” ถูซวงอี้ถึงกับคุกเข่าต่อไปไม่ไหว ทิ้งตัวลงไปนั่งอยู่บนพื้น สาวใช้ที่ถูกทรมานจนสภาพน่าเวทนานั่น เป็นเสี่ยวอิงสาวใช้สินเดิมของนางเอง “ฮูหยินรอง ข้าขอโทษ ข้าทนต่อไปไม่ไหวจริง ๆ ข้าขอโทษ !” เสี่ยวอิงโขกศีรษะลงตรงหน้าของถูซวงอี้แรง ๆ น้ำตาไหลนองหน้าจน แทบไม่เป็นผู้เป็นคนอยู่แล้ว พ่อบ้านหลัวเอ่ย “ข้าให้คนไปถามที่หอโอสถแล้วขอรับนายท่าน เป็นเทียบยาขับเลือดจริง ๆ” หลี่หงซวนมองไปทางบุตรชายคนที่สามของตน พบว่าเขามีสีหน้ากลืนไม่เข้าคายไม่ออก สตรีที่คุกเข่าอยู่ตรงหน้าคือฮูหยินรอง กับอนุภรรยาที่เขารักใคร่ไม่ต่างกัน เหตุใดถึงได้คิดร้ายต่อฮูหยินใหญ่ของเขาได้ เป็นเหตุให้เขาต้องสูญเสียลูกที่อยู่ในท้องของนางไป เดิมทีฮูหยินใหญ่ของเขาก็ตั้งท้องยากอยู่แล้ว เขารอมาตั้งนานกว่าจะมีวันนี้ได้ ไม่คิดมาก่อนว่าจะต้องสูญเสียไปเช่นนี้ “หย่วนเจ๋อนี่เป็นเรื่องในเรือนของเจ้า เจ้าอยากตัดสินเรื่องนี้ด้วยตัวเองหรือไม่” ผู้เป็นบิดาเอ่ยถามบุตรชาย “ไม่ ข้าไม่อยากเห็นหน้าพวกนางอีกต่อไป แล้วแต่ท่านพ่อเถอะขอรับ ข้าขอตัวไปดูฮูหยินใหญ่ก่อน” หลี่หย่วนเจ๋อคำนับบิดา สะบัดแขนเสื้อเดินจากไปในทันที หางตายังไม่แม้แต่จะมองสตรีทั้งสองนาง เฉาซูหลิ่งลนลานตามเขาไป “ท่านพี่ช่วยข้าด้วย ข้าไม่ผิดนะเจ้าคะ ท่านพี่ !” แต่ถูกบ่าวรับใช้ขวางทางเอาไว้ หลี่หงซวน “หยุดโวยวายได้แล้วอนุเฉา เจ้าเป็นคนถือถ้วยน้ำแกงใส่ยาขับเลือด ไปมอบให้ฮูหยินใหญ่ด้วยตัวเอง ยังคิดจะหนีความผิดนี้ไปได้อีกรึ” “ท่านพ่อขะข้าข้า...ไม่ผิด” เฉาซูหลิ่งทิ้งตัวไปด้านหลังอย่างหมดเรี่ยวแรง เดิมทีนางก็ไม่เป็นที่โปรดปรานของพ่อแม่สามีอยู่แล้ว เพราะไม่สามารถให้กำเนิดบุตรชายได้ ครั้นได้บุตรสาวก็นิสัยขี้ขลาดขี้กลัว ไหนเลยจะเชิดหน้าชูตาให้ตระกูลหลี่ได้ เฉาซูหลิ่งนั่งเหม่อลอย คล้ายคนจิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว ขณะที่หลี่หงซวนกำลังประกาศโทษทัณฑ์ของพวกนาง ถูซวงอี้กับคนของนาง ถูกขายออกจากจวน ไปอยู่หอนางโลมอย่างเงียบ ๆ ชาตินี้อย่าได้ก้าวเท้า กลับมาเหยียบที่จวนตระกูลหลี่อีก ส่วนเฉาซูหลิ่งถูกขับไล่ออกจากจวน ไปพร้อมกับบุตรสาว ให้ไปอยู่เรือนร้างของตระกูลหลี่ที่เมืองฉาง ห้ามกลับมาที่ตระกูลหลี่อีกชั่วชีวิต “ท่านพ่อท่านขับไล่ข้าไป ข้ายังพอรับได้ เหตุใดต้องขับไล่เหยาเอ๋อร์ไปด้วย นางเพิ่งจะสิบสองปีเองนะเจ้าคะ” เฉาซูหลิ่งนึกถึงบุตรสาวร่างกายผ่ายผอม นอนซมเพราะพิษไข้อยู่ เกิดนึกสงสารนางขึ้นมาจับใจ ฮูหยินผู้เฒ่าหันไปมองสามีเล็กน้อย นางเห็นเด็กสาวคนนั้นมาตั้งแต่เกิด แม้ไม่ได้เอ็นดูแต่ก็นับว่าเป็นสายเลือดเดียวกัน “ฮูหยินเรื่องนี้ข้าตัดสินใจไปแล้ว ไม่อาจคืนคำได้” คำพูดของประมุขของตระกูล มีหรือใครจะกล้าขัด เฉาซูหลิ่งปล่อยเสียงร้องไห้โฮออกมาดัง ๆ นางโง่งมจนทำให้บุตรสาว ต้องมารับเคราะห์กรรมตามไปด้วย “ลากตัวอนุเฉาออกไป หารถม้าสักคันให้คนส่งนาง ไปที่เรือนร้างเมืองฉาง” คำสั่งของหลี่หงซวนเป็นคำขาด บ่าวไพร่รีบทำตามในทันที ครั้นได้อยู่ด้วยกันเพียงลำพังกับฮูหยินผู้เฒ่า หลี่หงซวนถึงได้บอกเหตุผล ที่ต้องตัดสินใจทำเช่นนี้ นั่นเพราะตระกูลจี้ได้ยื่นคำขาดมา ให้ขับไล่พวกเขาออกไปให้หมด อย่าให้เหลืออยู่แม้แต่ตนเดียว ไม่ต้องการให้คนที่ทำร้ายบุตรสาวของพวกเขา อยู่ระคายสายตาของจี้ชิวหรงอีกต่อไป ฮูหยินผู้เฒ่าแค่นออกมาหนึ่งคำ “อ้างเหตุผลข้าง ๆ คู ๆ ความจริงแล้วต้องการกำจัดอนุในเรือนบุตรสาวทิ้งให้หมด นี่กระทั่งเด็กคนหนึ่งก็ไม่เว้น แต่ก็เอาเถอะ เหยาเอ๋อร์อยู่ที่นี่ ก็ใช่จะมีประโยชน์อันใด นางไม่ได้อยู่ในสายตาของพวกเราด้วยซ้ำ ให้นางไปกับแม่ของนางนั่นแหละดีแล้ว” หลี่หงซวนนั้นเป็นเพียงเจ้าเมืองเล็ก ๆ มีตำแหน่งเป็นขุนนางขั้นที่ห้า ฝั่งตระกูลจี้บ้านเดิมของจี้ชิวหรงนั้น อยู่ในเมืองหลวงมีตำแหน่งใหญ่โตกว่าหนึ่งขั้น เรื่องนี้เขาจึงต้องขบคิด ถึงผลได้ผลเสียในอนาคตอีกด้วย การเสียสละอนุกับหลานสาวคนหนึ่ง เพื่อชดเชยให้แก่คนตระกูลจี้ นับว่าเป็นเรื่องสมควรทำแล้ว “ข้าก็คิดเช่นฮูหยินนั่นแหละ เพียงแต่สะใภ้สามแท้งคราวนี้ ไม่รู้จะยังสามารถตั้งท้องได้อีกหรือไม่ พวกเรารอดูไปก่อนดีกว่า หากนางไม่สามารถตั้งท้องได้จริง ๆ เราค่อยหาอนุมาให้หย่วนเจ๋อภายหลังก็ยังได้ ยามนั้นคนตระกูลจี้จะเอาอะไรมาง้างกับเราได้อีก” “จริงดังท่านว่าเจ้าค่ะ” ฝ่ายเฉาซูหลิ่งที่ถูกคนใช้ ลากตัวออกมาให้เก็บของในเรือน นางส่งเสียงเอะอะโวยวายตลอดทาง พร่ำบอกต้องการพบหลี่หย่วนเจ๋อให้ได้ แต่ถูกสาวใช้ขวางไว้ไม่ให้ไป นางจำใจกลับไปยังห้องนอนของตัวเอง รีบเก็บของสำคัญใส่ห่อผ้าเพื่อออกเดินทาง
ตลอดระยะเวลาสามปีที่หยุยเอินแต่งงานกับฝู้ถิงหย่วน เธอพยายามทำหน้าที่ภรรยาให้ดีที่สุด เธอคิดว่าความอ่อนโยนของตนจะสามารถละลายใจที่เย็นชาของฝู้ถิงหย่วนได้ แต่ต่อมาเธอก็รู้ตัวว่าไม่ว่าเธอจะพยายามแค่ไหน ผู้ชายคนนี้ก็ไม่มีวันจะตกหลุมรักเธอได้ ด้วยความสิ้นหวังของเธอ สุดท้ายเธอตัดสินใจที่จะยุติการแต่งงานครั้งนี้ ในสายตาของฝู้ถิงหย่วน หยุยเอิน ภรรยาของเขาเป็นผู้หญิงที่โง่ ไม่มีอะไรดีเลยสักอย่าง แต่เขาก็คิดไม่ถึงว่าภรรยาของเขาจะกล้าโยนใบหย่าใส่เขาต่อหน้าคนมากมายในงานเลี้ยงวันครบรอบฝู้ซื่อ กรุ๊ป หลังจากหย่าร้าง ทุกคนต่างคิดว่าพวกเขาจะไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกันอีกต่อไป แต่เรื่องราวระหว่างทั้งสองคงไม่ได้จบลงอย่างง่าย ๆ แบบนี้ หยุยเอินได้รับรางวัลบทภาพยนตร์ยอดเยี่ยม และคนที่เป็นผู้มอบถ้วยรางวัลให้กับเธอก็คือฝู้ถิงหย่วน หยุยเอินคิดไม่ถึงว่าผู้ชายที่สูงส่งและแสนเย็นชาคนนี้จะลดตัวลงอ้อนวอนเธอต่อหน้าผู้ชมทั้งหมด"หยุยเอิน ก่อนหน้านี้คือผมผิดเอง ขอโอกาสให้ผมอีกครั้งได้ไหม"หยุยเอินยิ้มด้วยความมั่นใจ"ขอโทษนะคุณฝู้ ตอนนี้ฉันสนใจแต่เรื่องงาน"ชายหนุ่มคว้ามือเธอไว้ ดวยตานั้นเต็มไปด้วยความผิดหวัง หยุยเอินสบัดมือเขาและเดินจากไปโดยปราศจากความลังเลใด ๆ
เธอก็รู้อยู่เต็มอกว่าเขาไม่เคยสนใจ แต่ก็ยังดึงดันอยากจะอยู่ใกล้ ต่อให้เธอเป็นเมียแต่งเขาก็คงไม่มีวันเปลี่ยนใจ เพราะเหตุนี้เธอจึงตัดสินใจจากไปในคืนแต่งงาน "จากนี้ไปเราไม่มีอะไรติดค้างกันอีก" 🥀