ในเมื่อไม่ได้เป็นที่รักของครอบครัว แล้วไหนจะถูกถอนหมั้นอีก ฉะนั้นการแต่งงานครั้งนี้ข้าจะเป็นคนเลือกเอง ต่อให้ต้องแต่งกับแม่ทัพที่ขึ้นชื่อว่า 'ร้ายกาจ' และ 'อัปลักษณ์' ข้าก็ยอม... ~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~ “หากท่านพ่อท่านแม่ให้ข้าไปแต่งงานกับแม่ทัพปีศาจอัปลักษณ์นั่น ข้าขอฆ่าตัวตายตอนนี้เสียดีกว่า!” เซียวลี่หงตัดสินใจแล้ว หากให้นางออกเรือนกับชายที่สวมหน้ากากตลอดเวลา ไม่รู้ว่าภายใต้หน้ากากจะซ่อนใบหน้าอัปลักษณ์แบบไหนไว้ แล้วไหนจะเรื่องความโหดเหี้ยมยิ่งกว่าหน้าตานั่นอีก สู้นางฆ่าตัวตายเสียแต่ตอนนี้เลยดีกว่าที่จะต้องออกเรือนกับแม่ทัพหวงหยางหมิง แม่ทัพอัปลักษณ์ผู้นั้น! “ไม่นะ! หงเอ๋อร์ลูกห้ามทำแบบนั้นเด็ดขาด ท่านพี่ ท่านต้องทำอะไรสักอย่างนะเจ้าคะ” ฟางเหนียงเห็นบุตรสาวตัวเองเอาปิ่นปักผมจ่อคองามถึงกับขาอ่อนทรุดลงกับพื้น จนเหล่าบรรดาคนใช้ต้องมาช่วยพยุงตัวให้ขึ้นมานั่งบนเก้าอี้ เซียวฟู่ซินถอนหายใจรอบแล้วรอบเล่า เขาถึงกับยกมือมากุมขมับตนเอง ตนจะทำอะไรได้ในเมื่อพระราชโองการมาแล้ว มีแต่ต้องยอมยกบุตรสาวตัวเองให้ไป ตนเองก็ไม่ยินยอมเท่าใดนัก ในขณะที่ทุกคนกำลังปวดหัวกับเรื่องที่เกิดขึ้น มีเพียงคนผู้หนึ่งเท่านั้นที่อยู่ในท่าทางนิ่งสงบนั่งจิบชาอยู่เงียบ ๆ ไม่ได้ไหวติงกับเรื่องที่เกิดขึ้นแต่น้อย นางรับรู้ถึงสายตาที่ทุกคนมองมาที่ตัวเอง นิ้วเรียวงามค่อย ๆ วางจอกชาลงพร้อมกับเอ่ยขึ้นเสียงเรียบ “มองข้าทำไมกันหรือเจ้าคะ?” ~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~
กองทัพขนาดใหญ่เคลื่อนพลกลับมายังเมืองหลวง หลังจากที่พวกเขา ได้ออกรบปกป้องบ้านเมืองเป็นเวลาช้านาน หลังจากที่ถูกแคว้นจ้าวรุกราน ทําศึกประชิดแคว้น ทําให้ชินอ๋องอย่าง “เหลียงซินเผิง” ทูลขออนุญาตฮ่องเต้ ยกกองทัพไปทําศึกด้วยตนเองโดยมีสหายคู่ใจอย่าง “หวงหยางหมิง” ที่มี ตําแหน่งเป็นรองแม่ทัพประจํากองทัพออกไปรบด้วย
ศึกนี้กินเวลายาวนานถึงหกปีเพราะนอกจากจะต้องป้องกันชายแดน ของตัวเองแล้ว ชัยชนะครั้งนี้ยังทําให้แคว้นจ้าวและชนเผ่าที่ที่ยกทัพมาทําศึกกับแคว้นฉินพร้อมกันนั้นยอมศิโรราบแต่โดยดี แคว้นฉินจึงมีชื่อเสียง ในการรบและกองทัพที่แข็งแกร่งสะท้านไปทั่วทุกสารทิศ
แคว้นหรือชนเผ่าต่าง ๆ ที่ทีแรกตั้งใจจะทําศึกกับแคว้นฉิน ต้องพากัน ยกทัพกลับถิ่นฐานตัวเองโดยเร็วหลังจากที่รับรู้ว่าแคว้นจ้าวและชนเผ่าที่พ่ายแพ้ให้กับแคว้นฉินอย่างย่อยยับ อีกทั้งข่าวลือเรื่องความโหดเหี้ยมของ แม่ทัพของชินอ๋อง แต่ผู้ที่มีชื่อเสียงที่โหดเหี้ยมกว่าจนศัตรูขนานนามว่า ‘ปีศาจหน้ากากเหล็ก” รองแม่ทัพหวงหยางหมิง บุรุษที่ร่วมรบเคียงบ่า เคียงไหล่ คอยระวังความปลอดภัยให้ชินอ๋องและฆ่าฟันศัตรูไม่เลือกหน้า ไม่มีคําว่าปรานีให้กับเหล่าศัตรู หวงหยางหมิงตวัดดาบสะบั้นคอศัตรูได้อย่างไม่ลังเล
“ไม่ได้กลับมานาน รู้สึกเหมือนบ้านเมืองของเราจะเปลี่ยนแปลงไป ไม่น้อย” ชินอ๋องหันไปคุยกับสหายของตัวเองที่ใส่หน้ากากเหล็กปกปิด ครึ่งใบหน้า ตั้งแต่หน้าผากจนถึงจมูก มีเพียงดวงตาและช่วงล่างบริเวณปากเท่านั้นที่โผล่ออกมาให้เห็น
หวงหยางหมิงพยักหน้าเห็นด้วยกับคําพูดของชินอ๋อง เขาเองก็จาก เมืองหลวงไปนาน กลับมาคราวนี้ดูเมืองหลวงเจริญขึ้นไม่น้อย ดวงตาหันไป มองรอบ ๆ ตัว มองเห็นผู้คนมากหน้าหลายตาที่ออกมาต้อนรับพวกเขา สายตาหลายคู่มองมาด้วยความดีใจและชื่นชม แต่หลายสายตาก็มองมา ด้วยความหวาดกลัวเช่นเดียวกัน แต่หวงหยางหมิงเองก็ไม่ได้ใส่ใจกับ สายตาผู้คนเหล่านั้น เขาชินแล้วกับสายตาแบบนี้
“กลับมาแล้ว ไม่คิดจะถอดหน้ากากออก
“ไม่พ่ะย่ะค่ะ”
“แต่ชาวเมืองเขาจะหวาดกลัวเจ้าเอานะ ดูสายตาที่พวกเขามองเจ้าสิ”
“เป็นเช่นนี้ดีแล้วพ่ะย่ะค่ะ”
หวงหยางหมิงตอบด้วยน้ำเสียงเหมือนไม่แยแสต่อสิ่งใด จนชินอ๋อง อดขมวดคิ้วเข้าหากันด้วยความงุนงงไม่ได้ ที่นี่ไม่ใช่สนามรบ เหตุใด หวงหยางหมิงยังไม่ยอมถอดหน้ากากออกอีก แต่เอาเถิด ในเมื่อเจ้าตัวเขา ไม่ต้องการที่จะถอด ตัวเขาเองก็ไม่บังคับซักไซ้ให้มากความ หวงหยางหมิง อาจจะมีเหตุผลบางอย่าง ก็ถือว่าเป็นเรื่องส่วนตัวของเจ้าตัวเอง เขาเป็น เพียงนายไม่ก้าวก่ายเรื่องส่วนตัวอยู่แล้ว
************
ใช่... ของฉันมันไม่แข็ง แต่ไม่ได้หมายความว่าให้แกมาทำเรื่องแบบนั้นกับฉัน! ฝันไปเถอะ! ไม่อยากถูกฟ้าผ่าโว้ยยยย!
กำลังสำคัญตัวผิดไปหรือเปล่า? จะบอกให้คุณรู้ไว้นะคะ สามีอ้ายทั้งหล่อ ทั้งรวย และที่สำคัญ ... ใหญ่กว่าคุณ คนอย่างคุณเทียบสามีฉันไม่ติดหรอกค่ะ
ในวันครบรอบแต่งงาน เหวินซือถูกเมียน้อยของสามีวางยาและไปมีอะไรกับคนแปลกหน้า เธอสูญเสียความบริสุทธิ์ไป แต่เมียน้อยคนนั้นกลับตั้งท้องลูกของสามี ภายใต้ความกดดันต่างๆ เหวินซื่อสูญรู้สึกสิ้นหวังและตัดสินใจหย่า แต่สามีของเธอกลับไม่แยแสโดยคิดว่าเธอกำลังเล่นลูกไม้อยู่ หลังจากการหย่ากัน เหวินซือกลายเป็นจิตรกรที่มีชื่อเสียงและมีผู้ชายนับไม่ถ้วนที่ตามจีบเธอ อดีตสามีไม่ยอมและขอคืนดีไปถึงที่ จากนั้นก็ว่า เธออยู่ในอ้อมแขนของคนใหญคนโตคนหนึ่ง และชายคนนั้นก็พูดอย่างสงบว่า "ดูให้ดี นี่คือพี่สะใภ้ของนาย"
หลังจากแต่งงานได้ 2 ปี ในที่สุดเจียงเนี่ยนอันก็ตั้งครรภ์สักที ความดีอกดีใจของเธอแต่กลับแลกกับคำขอหย่าของสามี หลังจากการสมคบคิด เธอนอนในกองเลือด และต้องการขอร้องเขาให้ช่วยเด็กเอาไว้ แต่กลับไม่สามารถติดต่อกับอีกฝ่ายได้ ด้วยความสิ้นหวังเธอจึงออกจากประเทศไป ต่อมาในงานแต่งงานของเจียงเหนียนอัน คุณกู้เสียการควบคุมและคุกเข่าลง ดวงตาของเขาแดงก่ำ "มีลูกของฉัน แล้วเธออยากจะแต่งงานกับใครกัน?"
เจ้าของร่างเดิมถูกท่านย่าตัวเอง ขายให้ชายพิการด้วยเงินเพียงห้าตำลึง จึงคิดสั้นไปกระโดดน้ำฆ่าตัวตาย ทำให้วิญญาณของเซี่ยซือซือทะลุมิติมาเข้าร่างแทน ชีวิตในโลกนี้บิดามารดาล้วนตายไปแล้ว เหลือเพียงน้องสาวกับน้องชายร่างกายผอมแห้งหิวโซสองคน เธอต้องช่วยพวกเขาให้รอด ก่อนจะถูกคนชั่วพวกนี้ขายทิ้งไปแบบเธอ 1 : ทะลุมิติ แคว้นจ้าว หมู่บ้านตระกูลแซ่อวี่ ภายในบ้านสกุลเซี่ย “ท่านพี่รีบกินเร็วเข้า” เสียงเด็กเล็กดังก้องอยู่ข้างหูอย่างน่ารำคาญ ว่าแต่ฉันมีน้องชายตั้งแต่เมื่อไหร่กัน รู้สึกได้ถึงอะไรแข็ง ๆ มาแตะที่ริมฝีปาก ทว่ายังลืมตาไม่ขึ้น “ท่านพี่กินสิ ๆ” เซี่ยซือซือรู้สึกหนักอึ้งไปทั้งศีรษะ พยายามที่จะเปิดดวงตาขึ้นมอง เจ้าของเสียงเล็ก ๆ ด้านข้าง “ท่านพี่ ๆ ท่านพี่อย่าตายนะ ลืมตาสิท่านพี่” “นังตัวดีออกมาเดี๋ยวนี้นะ !” เสียงเอะอะโวยวายดังหนวกหูเซี่ยซือซือเป็นอย่างมาก ปัง ๆ เสียงเคาะประตูดังขึ้นเรื่อย ๆ เซี่ยซือซือลืมตาขึ้นจนได้ พลันสมองกลับมีเรื่องราวพรั่งพรูเข้ามาไม่ขาดสาย จนต้องกรีดร้องออกมาอย่างเจ็บปวด อ๊าก ! “พี่รอง !” เด็กน้อยเซี่ยซือหยางในวัยสามหนาวเรียกพี่สาวพร้อมเบะปากอยากร้องไห้ “ท่านพี่ !” เซี่ยซานซานทิ้งบานประตูที่ตัวเองดันไว้ หันกลับมาดูพี่สาวด้วยความตกใจ “ท่านพี่ ๆ ท่านเป็นอะไร อย่าทำให้พวกข้าตกใจสิท่านพี่ !” ผลัวะ ! มีคนถีบประตูบานเก่าผุพังเข้ามาภายในห้อง เด็กทั้งสองรีบเข้าไปขวางผู้บุกรุกไม่ให้ทำร้ายพี่สาว แม่เฒ่าเซี่ย เซี่ยจิ่วเม่ย หน้าตาแลดูดุร้าย ไม่ใช่หญิงชราใจดีแต่อย่างใด ด้านหลังของแม่เฒ่าเซี่ยยังมีลูกสะใภ้บ้านใหญ่ กับบ้านรองเดินตามมา ท่าทางดุดันเอาเรื่อง “ไอ้พวกบ้านสามตัวดี กล้าลักขโมยอาหารเอาไว้กินเอง ยังเห็นแม่เฒ่าอย่างข้าอยู่ในสายตาหรือไม่ ไอ้พวกหมาป่าตาขาว ดูซิวันนี้ข้าจะจัดการพวกเจ้าอย่างไร” “ท่านย่าพวกข้าไม่ได้ขโมยนะ นี่เป็นหมั่นโถวของท่านพี่ ท่านพี่ไม่สบายข้าแค่เก็บไว้ให้ท่านพี่เท่านั้นเอง” เซี่ยซานซานยังเป็นเด็กหญิงวัยสิบหนาว แต่นางข่มความกลัวตอบโต้ผู้ใหญ่ในบ้านออกไป “หึ กฎบ้านก็มีบอกอยู่แล้วถ้าพลาดมื้ออาหารไปก็คืออด แต่พวกเจ้ากลับแหกกฎ แอบยักยอกอาหารเก็บไว้กินเอง ยังมีหน้ามาเถียงท่านแม่อีก ท่านแม่ท่านต้องลงโทษคนบ้านสามนะเจ้าคะ ไม่เช่นนั้นข้าไม่ยอมจริง ๆ ด้วย ตอนนั้นยวี่เฟยของข้านางได้พลาดมื้อเย็นไป ท่านก็ไม่ให้นางกินนะเจ้าคะ” สะใภ้บ้านรองนามว่าจงอี้ซิน ย้อนรำลึกถึงเรื่องลูกสาววัยแปดปีของตัวเองขึ้นมา “ดูเจ้าเด็กพวกนี้สิท่านแม่ กางแขนปกป้องพี่สาวตัวเอง ช่างน่าสมเพชไม่รู้จักสำเหนียกกำลังตัวเอง ถุย !” หลินพ่านเอ๋อสะใภ้บ้านใหญ่มองดูเด็กทั้งสองพร้อมถ่มน้ำลายใส่ตรงหน้า แม่เฒ่าเซี่ยมองลูกสะใภ้ทั้งสองสลับกันไปมา เดินตรงไปกระชากหมั่นโถวเย็นชืดแถมแข็งปานหิน ออกจากมือของเซี่ยซือหยาง “แง ๆ ๆ” เด็กน้อยถูกแย่งของกินของพี่สาวไป ถึงกับแผดเสียงร้องลั่น “เจ้าคนชั่ว ! เอามานะ ของท่านพี่ข้า” กำปั้นน้อย ๆ ทุบไปยังต้นขาของแม่เฒ่เซี่ย “เจ้าเด็กเนรคุณกล้าตีข้ารึ นี่นะ !” แม่เฒ่าเซี่ยเตะทีเดียวเซี่ยซือหยางก็กระเด็นไปติดกับผนังห้อง “น้องเล็ก !” เซี่ยซานซานรีบวิ่งไปอุ้มน้องชายขึ้นมากอดไว้ด้วยความตกใจ “ท่านย่า น้องเล็กยังเด็กไม่รู้ความ เหตุใดท่านถึงได้ใจร้ายเช่นนี้” “แง ๆ ๆ” เสียงร้องไห้ของเด็กน้อยฟังแล้วน่าสงสารจับใจ ดวงตาที่ปิดไว้ก่อนหน้าของเซี่ยซือซือ ลืมขึ้นหลังจากค้นพบว่า ตัวเองได้ทะลุมิติมายังอดีตอันไกลโพ้นแล้วจริง ๆ หลังจากหลับตาลืมตาอยู่หลายหน เรียบเรียงความคิดที่ไหลเข้ามาไม่ยอมหยุด เมื่อค่อย ๆ จัดการกับมันได้ ความเจ็บปวดที่ศีรษะก่อนหน้าจึงบางเบาลง และมองเหตุการณ์ตรงหน้าอย่างเฉยชา ครบสูตรของการทะลุมิติจริง ๆ มีท่านย่าผู้ชั่วร้าย ขนาบข้างด้วยป้าสะใภ้เลวทั้งสอง ครั้นหันไปมองน้องสาวในวัยสิบขวบของตัวเองกับน้องชายตัวน้อย ทั้งตัวดำเมี่ยมเหมือนไม่ได้อาบน้ำมาเป็นเดือน ร่างกายผอมแห้งเหลือแต่กระดูก เสื้อผ้าเก่าขาดมีรอยปะชุนเต็มไปหมด เส้นผมแห้งกรังเหมือนไม่ผ่านน้ำมานาน ยกมือของตัวเองขึ้นมาดู ไม่ได้มีสภาพต่างกันแม้แต่น้อย ครั้นเงยหน้ามองป้าสะใภ้ใหญ่ร่างกายอวบอ้วนเต็มไปด้วยก้อนไขมัน ป้าสะใภ้รองแม้ไม่ได้อ้วนแต่ก็ไม่ได้ผอม ยิ่งแม่เฒ่าเซี่ยด้วยแล้ว ร่างกายบึกบึนเหมือนคนกินดูอยู่ดีมาตลอด “ท่านแม่ดูอาซือมองท่านสิเจ้าคะ” สะใภ้ใหญ่เห็นสายตาเย็นเยียบของคนที่นอนอยู่บนเตียงก็อดแปลกใจไม่ได้ ดูเยือกเย็นจนไม่น่าไว้ใจ “เจ้าอย่าคิดว่ากระโดดน้ำตายแล้วทุกอย่างจะจบนะอาซือ ข้ารับเงินคนบ้านถานมาแล้ว ถ้าเจ้าตายข้าจะให้อาซานไปแทนเจ้า” คำพูดของแม่เฒ่าเซี่ยทำให้ดวงตาของเซี่ยซือซือเบิกกว้าง ท่านย่าของนางขายนางให้คนบ้านถานในราคาแค่ห้าตำลึง เจ้าของร่างเดิมไม่อยากไปเป็นเมียคนพิการ เลยไปกระโดดน้ำฆ่าตัวตาย ทว่าเธอที่มาจากยุคปัจจุบันกลับเข้ามาแทนที่เจ้าของร่างนี้ เจ้าของร่างเดิมว่ายน้ำไม่เป็น จึงได้ขาดอากาศตายใต้น้ำ แต่เธอที่เข้ามาสวมร่างกลับพาร่างนี้ขึ้นมาจากน้ำได้ โชคชะตาคงเล่นตลกให้เธอกับเจ้าของร่างเดิมมีชื่อเดียวกัน “ท่านย่าอาซานยังเด็กนัก ท่านอย่าได้ทำเช่นนั้นเลย” นานมากกว่าที่นางจะเอ่ยออกมา “มันอยู่ที่เจ้าอาซือ ข้าขอเตือนเอาไว้ อีกสองวันคนบ้านถานจะมารับตัวเจ้าแล้ว อย่าให้เกิดเรื่องขึ้น ไม่อย่างนั้นข้าจะส่งอาซานไปแทนเจ้า แล้วขายซือหยางทิ้งเสีย” แม่เฒ่าเซี่ยจ้องหน้าเซี่ยซือซือแบบอาฆาต เด็กนี่ก่อนหน้าดูอ่อนแอไร้ทางสู้ ทำไมวันนี้ถึงได้ดูแปลกตาไปนัก “ท่านแม่เจ้าคะ ท่านจะลงโทษคนบ้านสามเรื่องหมั่นโถวนี่อย่างไรเจ้าคะ” สะใภ้ใหญ่ยังไม่ยอมปล่อยสามพี่น้องไปง่าย ๆ “พรุ่งนี้งดอาหารบ้านสาม” แม่เฒ่าเซี่ยเอ่ยแล้วหันหลังเดินออกจากห้องของเด็กน้อยทั้งสามไป โดยมีสะใภ้ใหญ่เดินตามไปด้วย “พวกเจ้าได้ยินแล้วใช่ไหม จำใส่หัวเอาไว้ดี ๆ ด้วยล่ะ” สะใภ้รองหมุนตัวตามหลังไปติด ๆ “ท่านพี่ต่อไปท่านอย่าทำเช่นนี้อีกนะเจ้าคะ ข้ากับน้องเล็กจะทำอย่างไร ถ้าท่านไม่อยู่” เซี่ยซานซานปล่อยเสียงร้องไห้ในทันที
ฟาเบียน ฟรองซัว (ฟา) 32 ปีลูกเสี้ยว ไทย-ฝรั่งเศส-จีนผู้กว้างขวาง และร่ำรวยจากการทำชิปปิ้งตัวแทนผู้นำเข้าและส่งออกรายใหญ่ของไทยชายหนุ่มที่ขาดเรื่องบนเตียงไม่ได้แต่เขาเบื่อผู้หญิงที่จ้องจะจับเขา ทิพย์ดารา นวลพรรณ (ดาด้า) นางแบบและนักแสดงสาวมากความสามารถกำลังหัวเสียที่เธอถูกฟาเบียนตัดความสัมพันธ์เธอนั่งบ่นให้กับช่างประจำที่ร้านฟังฟาเบียนบอกเธอว่า "ถ้าผมหิว ผมจะซื้อกินเอง" เพราะคำว่าแต่งงานหรือผูกมัดไม่ใช่ทางของเขา ปองรัก พลอยรัตนา (จิล) 22 ปีเธอกำลังต้องการเงินเพื่อไปช่วยครอบครัวที่กำลังถูกฟ้องและถูกหุ้นส่วนโกงจำนวนเงินอาจจะไม่มากเท่าไหร่แต่มันก็ทำให้ครอบครัวที่เคยอยู่เย็นเป็นสุขต้องเดือดร้อน แทบหมดตัวอีกอย่างตอนนี้เธอก็ยังเรียนไม่จบเหลืออีกเทอมเดียวเท่านั้นด้วยความบังเอิญเธอได้บัตรกำนัลทำผมที่ร้านแห่งหนึ่ง..ฟรี จากเพื่อนรักสุจิรา เดชธนาดล (จิรา)ลูกเจ้าของร้านเพชรชื่อดังในเมืองไทย ชื่อและประวัติของ ฟาเบียนทำให้จิลเห็นทางออกหญิงสาวที่ยังบริสุทธิ์ เธอจะทำยังไงให้ครอบครัวกลับมาอยู่ดีเหมือนเดิมได้เธอยินดี...ทำเธอเดินเข้าไปเสนอขายพรหมจรรย์ให้กับเขาเงินที่เธอร้องขอ สำหรับ ฟาเบียน แค่เศษเงินแค่เห็นหน้าเธอ เขาก็ปิ๊งเสียแล้วฟาเบียน รับข้อเสนอและให้เธอมาเป็น...เมียพาร์ทไทม์ เริ่มต้นก็สนุกเสียแล้ว พลาดได้ไง ขอฝากผลงานเรื่องนี้ไว้ในอ้อมใจของนักอ่านที่น่ารักด้วยนะคะ
เสิ่นหยวูแต่งงานกับเหอซวี่ที่เป็นสูติแพทย์ตอนอายุยี่สิบสี่ปี สองปีต่อมา เมื่อเธอตั้งครรภ์ได้ห้าเดือนแล้ว เหอซวี่ก็วางแผนแท้งลูกเธอด้วยมือตัวเอง และหย่าร้างกับเธอ ระหว่างช่วงเวลาที่มืดมนเหล่านี้ ตู้หยวุนปรากฏตัวเข้าในชีวิตของเสิ่นหยวู เขาทำดีต่อเธออย่างอ่อนโยน และให้ความอบอุ่นแก่เธออย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน แต่ในขณะเดียวกัน เขาก็ทำให้เธอต้องเจ็บปวดอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อนเช่นกัน สุดท้าย เสิ่นหยวูจึงเข้มแข็งขึ้นหลังผ่านพ้นไปกับทุกอย่างแล้ว แต่เมื่อความจริงก็ถูกเปิดเผยในที่สุด เธอจะยอมรับและอดทนได้ไหม? อยู่เบื้องหลังตู้หยวุนผู้ที่หล่อเหลาดูมีเสน่ห์นั้นเป็นใคร?และเมื่อพบคำตอบแล้ว เสิ่นหยวูจะรับมือยังไง ?
ตลอดสิบปีที่ฉู่จินเหอรักเหลิ่งมู่หยวนฝ่ายเดียว เอาใจใส่กับเขาอย่างเต็มที่ แต่เธอไม่เคยคิดว่าที่แท้เธอเป็นแค่ตัวตลกคนหนึ่งเท่านั้น ที่สำนักงานเขตเพื่อทำการหย่า เหลิ่งมู่หยวนมองดูฉู่จินเหอด้วยความเย็นชาและพูดอย่างเหยียดหยามว่า "ถ้าเธอคุกเข่าลงและขอร้องฉัน ฉันอาจจะให้โอกาสเธอกอีกครั้ง ฉู่จินเหอเซ็นอย่างไม่ลังเลและออกจากตระกูลเหลิ่ง สามเดือนต่อมา ฉู่จินเหอปรากฏตัวอย่างเปิดเผย ในเวลานั้น เธอเป็นประธานเบื้องหลังของ LX นักออกแบบลับที่ล้ำค่าที่สุดในโลก และเจ้าของเหมืองที่มีมูลค่าหลายร้อยล้าน ทางตระกูลเหลิ่งคุกเข่าลงและขอร้องให้คืนดีและขอการให้อภัย ฉู่จินเหอแยู่ในโอบกอดของซีอีโอโจว ซึ่งเป็นคนใหญ่คนโตในโลกธุรกิจอย่างมีความุข เธอเลิกคิ้วพลางเยาะเย้ย "ฉันในตอนนี้ไม่ใช่คนที่พวกคุณมาเกี่ยวข้องได้"