คนึงหาท่าน ชั่วกัปกัลป์ไม่อาจบรรยาย เพียงเรียงร้อยถ้อยคำเป็นบทกวีไม่อาจหวนคืนสู่อ้อมกอด ที่ใดเล่าท่านพักพิงกายที่นั่นข้าพร้อมติดตาม หากจะกลั่นน้ำตาให้หยดรินเป็นสายน้ำ ก็ไม่อาจพบพาน คนึงหาชั่วนิรันดร
คนึงหาท่าน ชั่วกัปกัลป์ไม่อาจบรรยาย เพียงเรียงร้อยถ้อยคำเป็นบทกวีไม่อาจหวนคืนสู่อ้อมกอด ที่ใดเล่าท่านพักพิงกายที่นั่นข้าพร้อมติดตาม หากจะกลั่นน้ำตาให้หยดรินเป็นสายน้ำ ก็ไม่อาจพบพาน คนึงหาชั่วนิรันดร
ท้องฟ้ามืดมิด ลมฝนกำลังโหมกระพือพัดอย่างบ้าคลั่ง คงจะไม่รู้สึกอะไรหากว่าไม่ได้ลืมกุญแจห้องไว้บนโต๊ะทำงาน น้ำหวานถอนหายใจ ใบหน้าสวยใสไร้เครื่องสำอางปากคอคิ้วคางเข้ารูปหน้ามองผิวไม่ได้ขาวซีดเหมือนสาวจีนแต่ผิวก็จัดว่าขาวในความเป็นสาวไทย หน้าที่ผู้ช่วยผู้ดูแลพิพิธพัณฑ์คฤหาสน์ตระกลูหวาง หน้าที่ที่มีชื่อแสนสวยหรูแต่ทว่าทำงาน เหนื่อยแสนเหนื่อย
น้ำหวาน ยิ้มเย้ยหยันให้กับชีวิตห่วยแตก อุตส่าห์ขอทุนมาเรียนที่ประเทศจีน อาจารย์หางานให้ ตอนที่ลงประกาศไว้ไม่ได้ระบุว่าต้องกลับมืดค่ำอย่างนี้ เหลือบมองนาฬิกาข้อมือสามทุ่มกว่าแล้ว น้ำหวานเพิ่งจะมาได้สามวัน วันนี้จึงเป็นวันที่สองที่มาทำงานเพราะไม่อยากอยู่เฉยๆ ก่อนที่ต้องไปเรียนในอีกไม่กี่วัน น้ำหวานเลือกที่จะเรียนช่วงเช้า จึงพอมีเวลามาทำงานช่วงบ่าย ค่าเหนื่อยที่ได้ ไม่มากนักแต่ก็ต้องทนเหนื่อย วันๆแทบจะไม่ได้พักเพราะป้าผู้ดูแลเป็นคนที่ค่อนข้างเจ้าระเบียบ น้ำหวานตั้งใจว่าจะทนดีกว่าต้องหางานใหม่ครั้นจะไม่ทำงานเลยก็ไม่ได้ มีงานทำอย่างน้อยก็พอจะช่วยแบ่งเบาภาระได้บ้าง กว่าจะเก็บหอมรอมริบมาถึงนี่ต้องใช้เวลานานแสนนาน คงแก่เรียนไปเสียแล้ว
“อ้าวกลับมาทำไม”
ลุงยาม ถามเป็นภาษาจีน น้ำหวานยิ้ม ๆ
“ลืมของค่ะลุง”ลุงยามโบกมือให้เข้าไปข้างใน
ใช้กุญแจสำรองไข ประตูเล็กข้างๆ ที่เขียนว่าสำหรับเจ้าหน้าที่ เป็นภาษาอังกฤษ
ด้านหน้ามีอักษรจีน เด่นเป็นสง่า
...คฤหาสน์บรรพชนตระกูลหวาง…. (มาจากแซ่หวาง หวางจื่อที่แปลว่าลูกเธอของราชวงศ์โจวกลายมาเป็นแซ่)
เสียงประตูดังออดแอด เมื่อน้ำหวานเปิดมันออกมาอย่างเบาแรงที่สุดเหมือนกลัวว่าใครจะได้ยิน นึกขำตัวเองไม่มีใครอยู่สักหน่อยจะกลัวใครได้ยินทำไม
เดินก็ยังย่องเข้าไปเหมือนใครจะเห็น มืดตึดตือทางเดินที่มีแสงไฟสีส้มห่างๆ เกือบห้าเมตรถึงจะพบดวงไฟสลัวหนึ่งดวง
“โอ๊ะ เพล้ง”
เดินชนเข้ากับโถลายครามใบเล็ก ที่วางอยู่ในชั้นสำหรับโชว์ โดดเด่นเกินของชิ้นอื่นควันสีขาวพวยพุ่ง แต่ความมืดทำให้น้ำหวานมองไม่เห็นควันนั้น กลิ่นคล้ายกับเครื่องหอมลอยเข้าจมูก
“ตายแล้ว”
เปิดไฟฉายในโทรศัพท์ก้มลงมอง ไม่มีแม้กระทั่งรอยบิ่น แต่ฝาของโถลายครามหลุดออกจากตัวโถวางเค้เก้ น้ำหวานใจชื้นขึ้นมา รีบปิดปากโถแล้วยกขึ้นไปวางที่เดิม อย่างถะนุถถนอม ลวดลายสวยงามแปลกตาทำไมสวยแบบนี้ ใช้มือลูบไล้แผ่วเบาอย่างลืมตัว
“ฮาว… องค์ชายเราสองคนเป็นอิสระแล้ว”
เสี่ยวปากระตุกชายเสื้อของหวางอี้ตันเบาๆ อีกคนยิ้มกว้าง ยกแขน ยกขาขึ้นมามองสำรวจเหมือนกลัวว่าจะมีอะไรหายไป
“นางคือผู้มีพระคุณ” ก้าวขาตามน้ำหวานไปช้าๆ
น้ำหวานค่อยๆย่องเพราะกลัวจะไปชนเข้ากับอะไรอีก
กลางวันบรรยากาศ ไม่น่ากลัวเท่ากลางคืนแม้จะมีไฟแสงสว่างสีส้มเป็นบางจุด แต่ก็วังเวงอยู่ดี ห้องทำงานอยู่ด้านในสุด บรรยากาศยิ่งวังเวง อีกทั้งมีของสะสมของตระกูลมากมายในนั้น ทำให้บรรยากาศยิ่งน่ากลัวไปกว่าเดิม จึงตระหนักได้ว่าเดินช้าๆยิ่งน่ากลัว
น้ำหวานสาวเท้าอย่างรวดเร็วกลั้นลมหายใจ เหมือนจะหยุดหายใจ พร้อมกับท่องไว้ในใจว่า
“ไม่มีผี ไม่มีผี ไม่ต้องกลัว ไม่ต้องกลัว”
ลมพัดผ่านวูบทั้งๆ ที่เป็นห้องทึบหน้าต่างก็ไม่ได้เปิด น้ำหวานยืนตัวแข็งทื่อ จะกลับออกไปก็ไกลแสนไกลเดินเข้าไปใกล้กว่าอีกอย่างถ้ากลับออกไปไม่แคล้วต้องนอนข้างนอกฝนก็จะตก อีกทั้งเพื่อนที่เมืองนี้ก็ไม่มี
น้ำหวานสูดลมหายใจเข้าลึกๆ ก้าวขาให้กว้างให้ไกลที่สุดเพื่อให้ถึงโดยเร็ว
เงาดำไหววูบข้างหน้า แกล้งทำเป็นมองไม่เห็น ไม่มีขโมย หรือว่าขโมยจะมาขโมยอะไร ในเมื่อใครๆ ก็รู้ดีว่าที่นี่ไม่มีของมีค่า ป้าผู้ดูแลพูดแบบนั้น ไม่เคยมีใครมาขโมยของมาเกือบร้อยปีแล้ว ตั้งแต่ถูกตั้งให้เป็นพิพิธภัณฑ์หรือว่า ...
ร่างสูงชะลูด ในชุดแบบองค์ชายของจีนโบราณโผล่มาจากด้านหลัง
“แม่นาง”
น้ำหวานหันหลังขวับก่อนจะอ้าปากค้าง ล้มทั้งยืนหมดสติอยู่ตรงนั้น
ร่างสูง พยายามจะรับร่างของน้ำหวานไม่ให้ล้มลงบนพื้นแต่ไม่สำเร็จ เมื่อตัวเขาเป็นเพียงอากาศธาตุ
“ช่วยด้วย ใครก็ได้ช่วยนางด้วย”
ร่างบางเบาเหมือนอากาศของ ชายในอาภรณ์ขันทีปรากฏกายขึ้นทันที
“องค์ชาย อย่าเสียงดังไป แปลกจริงทำไมนางมองเห็นเรา”
หวางจื่ออี้ตันส่ายหน้าไปมา
“ช่วยนางก่อน ไม่อย่างนั้นนางได้มาอยู่ที่นี่เป็นสหายกับพวกเราแน่”
พระเอกสายแอพ เฉยชาทว่าโบ๊ะบ๊ะภายใน โคตรรั่ว อัตราการแขวะ0.01วินาที ภายใต้หน้ากากสูงส่งบริสุทธิ์ ในนามปรมาจารย์ ที่ค้ำคอไว้ พบกับ พระเอกสายกาว ที่ไม่เอื้อนเอ่ย ใครกันจะรู้ภายในใจท่านคิดเช่นไร พบกับนิยายแนว ขุนเขาจอมยุทธ์ บุญคุณความแค้น แต่พระเอกสายฮา สะกดกลั้นความอาไว้ภายใต้หน้ากากหล่อเหลาอย่าเผลอนินทาอย่าเผลอหลงรัก เพราะปรมาจารย์ท่านนี้อ่านใจคนออก
เรื่องเล่าของท่าน อาจทำข้าสำราญ หรืออาจทำให้ทุกข์ตรมไปกับท่าน ถือว่าท่านจ่ายค่าตอบแทนแก่ข้าแล้ว เสพสุขจากความทุกข์ตรมกระทำได้เช่นนั้นหรือความทุกข์ตรมของผู้อื่น ทำให้เราหลุดพ้นความทุกข์ตรมของเราได้
บุตรีของขุนนางกบฏ เพื่อคืนความเป็นธรรมให้บิดาแทนที่จะหนีไปไกลแสนไกลกลับพาตัวเองมาผูกพัน กับคนที่เป็นศัตรู แค้นฆ่าพ่อจือหรานจะสามารถทวงความเป็นธรรมให้บิดาได้หรือไม่ ..พบกับความรักความแค้นที่ฝั่งแน่น
ตำรวจหญิงมือดีดับอนาถแต่สวรรค์กลับให้โอกาสได้กลับไปแก้แค้น แทนหญิงโง่งมคนหนึ่งที่ถูกหักหลังเช่นกัน งานนี้จะต้องไม่ใครก็ใครสักคนจะต้องเสียน้ำตา
.....อามูเนส... .. ราชินีที่รักแห่งข้าขอเทพธิดาไอซิส มอบชีวิต อมตะให้ข้าและนาง ...รอ เจ้าอยู่ที่นี่ ตราบ ดวงอาทิตย์อับแสง ..รอเจ้าอยู่ร่วมเดินทางสู่ฟากฟ้า พร้อมกัน” คำขอครั้งสุดท้ายของ..โฮรัส.. ผู้เลื่องชื่อเทพแห่งสงคราม กับเจ้าหญิงผู้ซึ่งตกเป็นเชลย ด้วยจุดเปลี่ยนที่บิดาของอามูเนส ผู้เลอโฉมเลื่องลือไปไกล พ่ายแพ้ให้แก้ฟาโรห์โฮรัสเทพสงครามผู้ยิ่งใหญ่ เป็นจุดเริ่มต้นของ คำขอต่อเทพแห่งความเป็นอมตะไอซิส คำขอครั้งสุดท้ายจะเป็นจริงไหมและเอวาสาวสวยนักโบราณคดีที่ขุดค้นพบ คำขอนั้นของฟาโรห์โฮรัสจะ สามารถค้นพบความจริงต่างๆได้อย่างไร ล่องลอยไปกับดินแดน ไอยคุปต์ด้วยกันใน...มนตราฟาโรห์...
ขายตัวเข้ามาเป็นอี้จีฝึกหัด แต่ยังไม่ผ่านงานแรกด้วยซ้ำ สวรรค์ชังหรือนรกแกล้งให้เฟิ่งหลิว ต้องมาพบเจอคนใจร้ายเช่นนี้แล้วยังมาหาว่าเฟิ่งหลิวเป็นนางคณิกา กร้านโลกอีก ทั้งๆที่น้องแสนจะเดียงสา
หลังจากแต่งงานได้ 2 ปี ในที่สุดเจียงเนี่ยนอันก็ตั้งครรภ์สักที ความดีอกดีใจของเธอแต่กลับแลกกับคำขอหย่าของสามี หลังจากการสมคบคิด เธอนอนในกองเลือด และต้องการขอร้องเขาให้ช่วยเด็กเอาไว้ แต่กลับไม่สามารถติดต่อกับอีกฝ่ายได้ ด้วยความสิ้นหวังเธอจึงออกจากประเทศไป ต่อมาในงานแต่งงานของเจียงเหนียนอัน คุณกู้เสียการควบคุมและคุกเข่าลง ดวงตาของเขาแดงก่ำ "มีลูกของฉัน แล้วเธออยากจะแต่งงานกับใครกัน?"
เว่ยจื้อโหยวลืมตาตื่นขึ้นมาอีกครั้งพบว่าตนอยู่ในยุคสมัยที่ไม่คุ้นเคยสิ่งรอบกายดูโบราณล้าหลัง โลกโบราณที่ไม่มีในประวัติศาสตร์โลก ยังไม่ทันได้เตรียมใจก็ถูกส่งให้ไปแต่งงานกับชายยากจนที่ท้ายหมู่บ้าน สาเหตุที่เว่ยจื้อโหย่วถูกส่งมาให้แต่งงานกับชายที่ขึ้นชื่อว่ายากจนที่สุดในหมู่บ้านนั้น เพราะนางเกิดไปต้องตาต้องใจเศรษฐีผู้มักมากในกามเข้า เพื่อหาทางหลีกเลี่ยงไม่ให้ถูกบ้านใหญ่ขายไปเป็นอนุภรรยาของเศรษฐีเฒ่า พ่อแม่ของนางจึงยอมแตกหักจากบ้านใหญ่และท่านย่าที่เห็นแก่ตัวและลำเอียงเป็นที่สุด ด้วยเหตุนี้พ่อแม่ของนางจึงตัดสินใจยกนางให้กับอวิ๋นเซียว ชายหนุ่มที่แสนยากจนข้นแค้น ที่เพิ่งเสียบิดามารดาไป อีกทั้งยังทิ้งน้องชายน้องสาวเอาไว้ให้เขาเลี้ยงดู นอกจากนี้ยังมีป้าสะใภ้มหาภัยที่คอยแต่จะมารังแกเอารัดเอาเปรียบสามพี่น้อง สิ่งที่ย่ำแย่ที่สุดไม่ใช่ป้าสะใภ้มหาภัย แต่ มันคืออะไรแต่งงานนางไม่ว่ายังไม่ทันได้เข้าหอสามีหมาดๆ ก็ถูกเกณฑ์ไปเป็นทหารในสงครามระหว่างแคว้น มันไม่มีอะไรเลวร้ายไปมากว่านี้อีกแล้วสำหรับ เว่ยจื้อโหยว หากสามีทางนิตินัยของนางตายในสนามรบ ก็ไม่เท่ากับว่านางเป็นหม้ายสามีตายทั้งที่ยังบริสุทธิ์หรอกหรือ แถมยังต้องเลี้ยงดูน้องชายน้องสาวของอดีตสามีอีก สวรรค์เหตุใดถึงได้ส่งนางมาเกิดใหม่ในที่แบบนี้
"อ๊ะ..ที่ไหนนี่มืดจัง อึดอัดจังเลย โอ้ย !!ใครถีบหัววะ" "ฮูหยินคลอดแล้วเป็นคุณชายน้อยเจ้าค่ะ ยังมีอีกคนเจ้าค่ะ เบ่งอีกเจ้าคะ " "อุ๊แว" "เป็นคุณหนูเจ้าค่ะฮูหยิน"
หลี่เมิ่งเหยาย้อนเวลามาอยู่ในร่าง ของเด็กสาววัยสิบสองปี ในวันที่มารดาอนุผู้โง่เขลา ถูกขับไล่ออกจากจวน โชคยังดีที่ตอนตาย นางสวมกำไลหยกโลกันตร์เอาไว้ มันจึงติดตามนางมาที่นี่ด้วย +++ 1 : มารดาโง่ จนถูกไล่ออกจากตระกูล จวนตระกูลหลี่เจ้าเมืองถัง สตรีสองนางถูกสาวใช้จับคุกเข่าลง ตรงหน้าของหลี่หงซวนเจ้าเมืองถัง ทั้งยังเป็นพ่อสามีของทั้งคู่อีกด้วย ท่านกำลังสอบสวนเรื่องของสะใภ้ใหญ่ของบ้านสาม ถูกฮูหยินรองกับอนุรวมหัวกันลอบทำร้าย ด้วยการวางยาขับเลือดในถ้วยน้ำแกงบำรุงครรภ์ ทำให้นางต้องสูญเสียทารกในครรภ์ไป “ท่านพ่อข้าไม่รู้จริง ๆ ว่านั่นเป็นยาขับเลือด ฮูหยินรองบอกว่าเป็นน้ำแกงบำรุงครรภ์ ให้ข้าเป็นคนนำไปมอบให้ฮูหยินใหญ่ เป็นนางนั่นเอง นางหลอกข้า !” เฉาซูหลิ่งชี้นิ้วไปทางสตรีด้านข้าง ร้อนรนเอ่ยออกมาเหมือนคนไม่ได้รับความเป็นธรรม “อนุเฉาเจ้าอย่ามาใส่ร้ายข้านะ เจ้าทำคนเดียวทั้งนั้นไม่เกี่ยวกับข้าเลย” ฮูหยินรอง ถูซวงอี้ ชี้นิ้วใส่หน้าเฉาซูหลิ่งกลับคืน ต่างคนต่างโยนความผิดให้กัน ฮูหยินผู้เฒ่าหลิวเยี่ยนหนานโบกมือให้คนเข้ามา “ข้าให้โอกาสพวกเจ้าสองคนพูดความจริง แต่กลับไม่มีใครยอมรับความผิดแม้แต่คนเดียว มันน่าจับส่งทางการให้รู้แล้วรู้รอด” พ่อบ้านหลัวให้คนลากสาวใช้คนหนึ่งเข้ามา สภาพของนางถูกทรมานจนเนื้อตัวบวมช้ำไปหมด “เรียนนายท่านข้าให้คนไปค้นห้องสาวใช้ทุกคนในจวน พบเทียบยาซ่อนไว้ใต้หมอน จากห้องของสาวใช้คนนี้ขอรับ” ถูซวงอี้ถึงกับคุกเข่าต่อไปไม่ไหว ทิ้งตัวลงไปนั่งอยู่บนพื้น สาวใช้ที่ถูกทรมานจนสภาพน่าเวทนานั่น เป็นเสี่ยวอิงสาวใช้สินเดิมของนางเอง “ฮูหยินรอง ข้าขอโทษ ข้าทนต่อไปไม่ไหวจริง ๆ ข้าขอโทษ !” เสี่ยวอิงโขกศีรษะลงตรงหน้าของถูซวงอี้แรง ๆ น้ำตาไหลนองหน้าจน แทบไม่เป็นผู้เป็นคนอยู่แล้ว พ่อบ้านหลัวเอ่ย “ข้าให้คนไปถามที่หอโอสถแล้วขอรับนายท่าน เป็นเทียบยาขับเลือดจริง ๆ” หลี่หงซวนมองไปทางบุตรชายคนที่สามของตน พบว่าเขามีสีหน้ากลืนไม่เข้าคายไม่ออก สตรีที่คุกเข่าอยู่ตรงหน้าคือฮูหยินรอง กับอนุภรรยาที่เขารักใคร่ไม่ต่างกัน เหตุใดถึงได้คิดร้ายต่อฮูหยินใหญ่ของเขาได้ เป็นเหตุให้เขาต้องสูญเสียลูกที่อยู่ในท้องของนางไป เดิมทีฮูหยินใหญ่ของเขาก็ตั้งท้องยากอยู่แล้ว เขารอมาตั้งนานกว่าจะมีวันนี้ได้ ไม่คิดมาก่อนว่าจะต้องสูญเสียไปเช่นนี้ “หย่วนเจ๋อนี่เป็นเรื่องในเรือนของเจ้า เจ้าอยากตัดสินเรื่องนี้ด้วยตัวเองหรือไม่” ผู้เป็นบิดาเอ่ยถามบุตรชาย “ไม่ ข้าไม่อยากเห็นหน้าพวกนางอีกต่อไป แล้วแต่ท่านพ่อเถอะขอรับ ข้าขอตัวไปดูฮูหยินใหญ่ก่อน” หลี่หย่วนเจ๋อคำนับบิดา สะบัดแขนเสื้อเดินจากไปในทันที หางตายังไม่แม้แต่จะมองสตรีทั้งสองนาง เฉาซูหลิ่งลนลานตามเขาไป “ท่านพี่ช่วยข้าด้วย ข้าไม่ผิดนะเจ้าคะ ท่านพี่ !” แต่ถูกบ่าวรับใช้ขวางทางเอาไว้ หลี่หงซวน “หยุดโวยวายได้แล้วอนุเฉา เจ้าเป็นคนถือถ้วยน้ำแกงใส่ยาขับเลือด ไปมอบให้ฮูหยินใหญ่ด้วยตัวเอง ยังคิดจะหนีความผิดนี้ไปได้อีกรึ” “ท่านพ่อขะข้าข้า...ไม่ผิด” เฉาซูหลิ่งทิ้งตัวไปด้านหลังอย่างหมดเรี่ยวแรง เดิมทีนางก็ไม่เป็นที่โปรดปรานของพ่อแม่สามีอยู่แล้ว เพราะไม่สามารถให้กำเนิดบุตรชายได้ ครั้นได้บุตรสาวก็นิสัยขี้ขลาดขี้กลัว ไหนเลยจะเชิดหน้าชูตาให้ตระกูลหลี่ได้ เฉาซูหลิ่งนั่งเหม่อลอย คล้ายคนจิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว ขณะที่หลี่หงซวนกำลังประกาศโทษทัณฑ์ของพวกนาง ถูซวงอี้กับคนของนาง ถูกขายออกจากจวน ไปอยู่หอนางโลมอย่างเงียบ ๆ ชาตินี้อย่าได้ก้าวเท้า กลับมาเหยียบที่จวนตระกูลหลี่อีก ส่วนเฉาซูหลิ่งถูกขับไล่ออกจากจวน ไปพร้อมกับบุตรสาว ให้ไปอยู่เรือนร้างของตระกูลหลี่ที่เมืองฉาง ห้ามกลับมาที่ตระกูลหลี่อีกชั่วชีวิต “ท่านพ่อท่านขับไล่ข้าไป ข้ายังพอรับได้ เหตุใดต้องขับไล่เหยาเอ๋อร์ไปด้วย นางเพิ่งจะสิบสองปีเองนะเจ้าคะ” เฉาซูหลิ่งนึกถึงบุตรสาวร่างกายผ่ายผอม นอนซมเพราะพิษไข้อยู่ เกิดนึกสงสารนางขึ้นมาจับใจ ฮูหยินผู้เฒ่าหันไปมองสามีเล็กน้อย นางเห็นเด็กสาวคนนั้นมาตั้งแต่เกิด แม้ไม่ได้เอ็นดูแต่ก็นับว่าเป็นสายเลือดเดียวกัน “ฮูหยินเรื่องนี้ข้าตัดสินใจไปแล้ว ไม่อาจคืนคำได้” คำพูดของประมุขของตระกูล มีหรือใครจะกล้าขัด เฉาซูหลิ่งปล่อยเสียงร้องไห้โฮออกมาดัง ๆ นางโง่งมจนทำให้บุตรสาว ต้องมารับเคราะห์กรรมตามไปด้วย “ลากตัวอนุเฉาออกไป หารถม้าสักคันให้คนส่งนาง ไปที่เรือนร้างเมืองฉาง” คำสั่งของหลี่หงซวนเป็นคำขาด บ่าวไพร่รีบทำตามในทันที ครั้นได้อยู่ด้วยกันเพียงลำพังกับฮูหยินผู้เฒ่า หลี่หงซวนถึงได้บอกเหตุผล ที่ต้องตัดสินใจทำเช่นนี้ นั่นเพราะตระกูลจี้ได้ยื่นคำขาดมา ให้ขับไล่พวกเขาออกไปให้หมด อย่าให้เหลืออยู่แม้แต่ตนเดียว ไม่ต้องการให้คนที่ทำร้ายบุตรสาวของพวกเขา อยู่ระคายสายตาของจี้ชิวหรงอีกต่อไป ฮูหยินผู้เฒ่าแค่นออกมาหนึ่งคำ “อ้างเหตุผลข้าง ๆ คู ๆ ความจริงแล้วต้องการกำจัดอนุในเรือนบุตรสาวทิ้งให้หมด นี่กระทั่งเด็กคนหนึ่งก็ไม่เว้น แต่ก็เอาเถอะ เหยาเอ๋อร์อยู่ที่นี่ ก็ใช่จะมีประโยชน์อันใด นางไม่ได้อยู่ในสายตาของพวกเราด้วยซ้ำ ให้นางไปกับแม่ของนางนั่นแหละดีแล้ว” หลี่หงซวนนั้นเป็นเพียงเจ้าเมืองเล็ก ๆ มีตำแหน่งเป็นขุนนางขั้นที่ห้า ฝั่งตระกูลจี้บ้านเดิมของจี้ชิวหรงนั้น อยู่ในเมืองหลวงมีตำแหน่งใหญ่โตกว่าหนึ่งขั้น เรื่องนี้เขาจึงต้องขบคิด ถึงผลได้ผลเสียในอนาคตอีกด้วย การเสียสละอนุกับหลานสาวคนหนึ่ง เพื่อชดเชยให้แก่คนตระกูลจี้ นับว่าเป็นเรื่องสมควรทำแล้ว “ข้าก็คิดเช่นฮูหยินนั่นแหละ เพียงแต่สะใภ้สามแท้งคราวนี้ ไม่รู้จะยังสามารถตั้งท้องได้อีกหรือไม่ พวกเรารอดูไปก่อนดีกว่า หากนางไม่สามารถตั้งท้องได้จริง ๆ เราค่อยหาอนุมาให้หย่วนเจ๋อภายหลังก็ยังได้ ยามนั้นคนตระกูลจี้จะเอาอะไรมาง้างกับเราได้อีก” “จริงดังท่านว่าเจ้าค่ะ” ฝ่ายเฉาซูหลิ่งที่ถูกคนใช้ ลากตัวออกมาให้เก็บของในเรือน นางส่งเสียงเอะอะโวยวายตลอดทาง พร่ำบอกต้องการพบหลี่หย่วนเจ๋อให้ได้ แต่ถูกสาวใช้ขวางไว้ไม่ให้ไป นางจำใจกลับไปยังห้องนอนของตัวเอง รีบเก็บของสำคัญใส่ห่อผ้าเพื่อออกเดินทาง
หนูน้อย"อ้ายหลาน"เกิดมาพร้อมกับพลังพิเศษไม่เหมือนใคร แม้นางจะเป็นเพียงเด็กหญิงตัวเล็กๆ แต่นางก็มีพลังมหาศาลสามารถยกกระสอบข้าวด้วยมือเดียว ก้อนหินสิบคนโอบนางก็สามารถยกทุ่มได้อย่างง่ายดาย และจมูกนางไวต่อกลิ่นยิ่งนักแม้สิ่งนั้นจะอยู่ไกลเพียงใดโดยเฉพาะอาหาร นางมีจมูกที่พิเศษสามารถแยกแยะสิ่งมีพิษและไม่มีพิษได้
เธอก็รู้อยู่เต็มอกว่าเขาไม่เคยสนใจ แต่ก็ยังดึงดันอยากจะอยู่ใกล้ ต่อให้เธอเป็นเมียแต่งเขาก็คงไม่มีวันเปลี่ยนใจ เพราะเหตุนี้เธอจึงตัดสินใจจากไปในคืนแต่งงาน "จากนี้ไปเราไม่มีอะไรติดค้างกันอีก" 🥀
© 2018-now MeghaBook
บนสุด