เดิมทีถังเฟินเป็นยอดทหารระดับ S แต่เพื่อความก้าวหน้าของตนเองเขาเลือกที่ผนึกตัวเองก่อน ด้วยบุณคุณข้าวสารหนึ่งจาม เขายอมแต่งงานเข้าครอบครัวฝ่ายหญิง หลังจากให้การสนับสนุนอย่างลับๆ มาสามปี ตระกูลจ้าวก็กลายเป็นครอบครัวระดับแนวหน้า แต่พวกเขาปฏิบัติต่อลูกเขยที่แต่งเข้าฝ่ายหญิงอย่างเขาด้วยท่าทีดูถูก และทำให้เขาอัปยศอดสู หลังจากปลดผนึกแล้ว เขาก็กลับมาแข็งแกร่งอีกครั้ง และเก้าสู่จุดสูงสุดของชีวิต มาคอยดูว่าคนที่ที่เคยดูถูกเขานั้นจะคุกเข่าร้องขอความเมตตากับเขายังไง
ณ เมืองหนานอวิ๋น
ตระกูลจ้าวเหมาโรงแรมเจริญเพื่อที่จะจัดงานเลี้ยง มีรถหรูมากมายหลายคันจอดอยู่เต็มลานจอดรถ เหล่าบรรดาแขกมากมายต่างทยอยกันเข้าไปแสดงความยินดี
ตลอดระยะเวลาสามปีที่ผ่านมาตระกูลจ้าวได้มีการพัฒนาอย่างรวดเร็ว จากตระกูลเล็ก ๆ ที่ไม่มีใครรู้จัก ยกระดับตัวเองได้เป็นหนึ่งในสิบตระกูลยักษ์ใหญ่ของเมือง นับได้ว่าเป็นตระกูลที่มั่งคั่งร่ำรวยแล้ว
คืนนี้ พวกเขาจะสร้างพันธมิตรกับตระกูลหลี่ ผนึกกำลังกัน เพื่ออนาคตอันไร้ขีดจำกัด
จ้าวหยิงหยิงใส่ชุดราตรีสีขาว สวมรองเท้าส้นสูงสีแดง เผยให้เห็นเรือนร่างสะสวยอย่างสุดขีด เธอแต่งหน้าอ่อน ๆ ดูสูงส่งและสง่างาม
เมื่อสามปีก่อน ถังเฟิงพบเจอกับจ้าวหยิงหยิงโดยบังเอิญ เนื่องจากความช่วยเหลือเล็ก ๆ น้อย ๆ ตอบแทนบุญคุณด้วยการแต่งงานกับตระกูลจ้าว และแอบช่วยเหลืออย่างลับ ๆ สิ่งนี้ทำให้ตระกูลจ้าวรุ่งเรืองโชติช่วงอย่างไม่มีที่สิ้นสุดแบบทุกวันนี้ ถังเฟิงที่ยืนอยู่ข้างเธอในเวลานี้ก็ยังไม่รู้เรื่องรู้ราวอะไรว่าตระกูลจ้าวกำลังวางแผนจะกินบนเรือนขี้บนหลังคา
เมื่อเห็นเหล่าบรรดาแขกมากันพอสมควรแล้ว จ้าวติงเทียน ผู้นำตระกูลจ้าวก็เชิญให้ทุกคนทยอยกันนั่งลง
ทันทีที่ถังเฟิงนั่งลง สีหน้าของจ้าวติงเทียนก็เคร่งขรึมแล้วก็ตามมาด้วยเสียงตะโกนว่า “ถังเฟิง ไม่อนุญาตให้ลูกเขยที่แต่งเข้าฝ่ายหญิงนั่งร่วม ทำไม ลืมกฎระเบียบไปแล้วเหรอ”
เมื่อได้ยินแบบนั้น ถังเฟิงก็กลายเป็นจุดสนใจของทุกคนในทันที
คนจำนวนไม่น้อยเริ่มพากันซุบซิบนินทา พวกเขาดูมีสีหน้าเหน็บแหนม บางคนถึงกับหยิบโทรศัพท์ออกมาแอบบันทึกวิดีโอไว้ด้วย ต่างกำลังรอดูอะไรสนุก ๆ
คิ้วของถังเฟิงขยับเขยื้อน
ตลอดสามปีที่ผ่านมา ตระกูลจ้าวพัฒนาก้าวหน้าอย่างไม่หยุดหย่อน พวกเขาก็เริ่มรังเกียจเขามากขึ้นเรื่อย ๆ ด้วยเหตุนี้กฎระเบียบที่แสนอัปยศอดสูนี้จึงถูกตั้งขึ้น
แต่ว่า ถึงแม้ว่าตอนอยู่ที่บ้านก่อนหน้านี้ถังเฟิงจะไม่นั่งร่วมโต๊ะหลักได้ แต่อย่างน้อยตอนที่อยู่ในงานเลี้ยงสาธารณะข้างนอกก็ไม่ได้เป็นเหมือนตอนนี้
จู่ ๆ วันนี้จ้าวติงเทียนก็สร้างความลำบากใจขึ้นมา ถังเฟิงรู้สึกได้ถึงพิรุธบางอย่างแล้ว
“พ่อ งานในวันนี้พวกเรา...”
ยังพูดไม่ทันจบ จ้าวตง น้องชายแท้ ๆ ของจ้าวหยิงหยิงก็ขัดจังหวะขึ้นมาอย่างหยาบคาย “พี่เองก็รู้ว่านี่มันคืองานอะไร ปกติแล้วตอนอยู่ที่บ้านก็เชื่อฟังว่านอนสอนง่ายเหมือนกับหมาปั๊ก แล้วทำไมวันนี้พอมีคนที่มีหน้ามีตามากันมากมายขนาดนี้ จู่ ๆ ก็อยากจะเสแสร้งขึ้นมาแล้วล่ะ อยากจะอวดให้ตัวเองดูมีสถานภาพที่สูงส่งเหมือนกันงั้นเหรอ หืม”
จ้าวตงเป็นคนนิสัยโอหังอวดดี ปกติแล้วก็ชอบก่อปัญหามากมาย ล้วนแต่เป็นเพราะถังเฟิงแอบช่วยเหลืออย่างลับ ๆ ทั้งสิ้น ไม่อย่างนั้นป่านนี้เขาก็คงจะถูกฆ่าตายไปตั้งนานแล้ว
หลิวซู่อวิ๋น แม่จ้าวชักสีหน้า สบถหึออกมาอย่างเย้ยหยัน พร้อมกับพูดเหน็บแนมว่า “ถังเฟิง ถ้าในตอนนั้นหยิงหยิงไม่ได้รับนายมาเลี้ยงดูเนื่องจากความสงสาร นายจะมีชีวิตมาจนถึงทุกวันนี้เหรอ ตอนนี้ตระกูลจ้าวของฉันโดดเด่นอย่างมากในเมืองหนานอวิ๋น นายก็ควรจะวางตัวให้เหมาะสมกับตำแหน่งของตัวเอง หยุดมาทำตัวไร้ยางอายที่นี่ได้แล้ว”
จ้าวตงรีบพยักหน้าพูดขึ้นมาทันที “พูดถูก! แม้แค่เลี้ยงหมา หมายังรู้จักตอบแทนบุญคุณเจ้าของเลย คนไร้ประโยชน์แบบพี่มีแต่จะลากให้ตระกูลจ้าวของพวกเราพลอยเดือดร้อนไปด้วยเท่านั้น ทำไมถึงไร้ยางอายขนาดนี้กันนะ”
โดดเด่นอย่างนั้นเหรอ
วางตัวให้เหมาะสมกับตำแหน่งงั้นเหรอ
ลากให้ตระกูลจ้าวพลอยเดือดร้อนไปด้วยงั้นเหรอ
เหอะ
ถังเฟิงอดขำไม่ไหว
เดิมทีเขาเป็นยอดทหาร ผ่านระดับ A B C D จนถึงระดับ S ที่แทบจะไม่มีใครทำถึงได้มาแล้ว
นี่ก็เป็นเพราะว่าเขานั้นแตกต่างจากคนทั่วไปตั้งแต่กำเนิด มีพลังวิเศษอยู่ในร่างกาย พละกำลังมหาศาล กลไลการทำงานของร่างกายอยู่เหนือหลักวิทยาศาสตร์
ยิ่งไปกว่านั้นเขาก็ยังก่อตั้งพรรคเทียนเหิง สหภาพทหารรับจ้างที่มีชื่อเสียงอีกด้วย ในอดีต นั่นมันถือเป็นการดำรงอยู่ระดับมหาอำนาจเลยก็ว่าได้ในทั้งใต้หล้า
เพียงแต่เนื่องจากเผชิญกับสถานการณ์ที่ยากลำบาก ไม่สามารถบรรลุระดับS+ได้ เขาถึงได้ปิดผนึกตัวเองไปเป็นเวลาสามปี แล้วก็เพื่อที่จะทำความเข้าใจกับพลังวิเศษนั่นในร่างกายของตัวเองให้กระจ่างด้วยเช่นกัน ดังนั้นจึงยุบพรรคเทียนเหิงแล้วกลับไปใช้ชีวิตตามปกติเพื่อที่จะลงหลักปักฐาน
อีกสามวัน เขาก็จะถูกปลดผนึกแล้ว ถึงตอนนั้นตระกูลจ้าวก็จะรู้ว่าเขาเป็นการดำรงอยู่แบบไหน
แต่จากสถานการณ์ในตอนนี้ ดูเหมือนว่าพวกเขาจะไม่มีบุญวาสนานี้แล้ว
เมื่อเห็นท่าทีแบบนี้ของถังเฟิง จ้าวติงเทียนเบิกตากว้างและพูดต่อว่าด้วยความโมโห “ถังเฟิง! นี่มันท่าทีอะไรกัน กำลังหัวเราะพวกเราอยู่งั้นเหรอ”
ถังเฟิงไม่แยแสสนใจต่อคำถามของเขา ถึงขนาดที่ขี้เกียจจะมาคิดเล็กคิดน้อยกับคนกลุ่มนี้แล้วด้วยซ้ำ สิ่งที่เขาให้ความสำคัญคือท่าทีของจ้าวหยิงหยิง แต่เวลานี้พอหันไปหาจ้าวหยิงหยิง เธอกลับไม่พูดอะไรทั้งนั้น ท่าทางแบบนี้มันเทียบเท่ากับการยอมรับไปโดยปริยาย ทำให้ถังเฟิงรู้สึกผิดหวังอย่างมาก
“หยิงหยิง คุณเองก็คิดแบบนี้เหมือนกันเหรอ” ถังเฟิงถามขึ้นมาอย่างไม่ยอมตัดใจ
ใครจะไปรู้ว่าจ้าวหยิงหยิงจะสาธยายออกมาอย่างยาวเฟื้อยด้วยถ้อยคำที่ชอบธรรม
เสิ่นชิงชิว หลานสาวของเศรษฐีที่รวยที่สุดในเมืองไห้ คบหาอยู่กับลู่จั๋วมาเป็นเวลาสามปีแล้ว แต่ความจริงใจของเธอกลับสูญเปล่า ลู่จั๋วปฏิบัติกับเธอเพียงในฐานะหญิงบ้านนอกคนหนึ่ง และทอดทิ้งเธอในวันแต่งงาน โดยไปหารักแรกของเขา หลังจากเลิกรากันอย่างเด็ดขาด เสิ่นชิงชิวก็กลับมามีสถานะเป็นสาวรวยอีกครั้ง ได้รับมรดกมูลค่าหลายร้อยพันล้าน และเริ่มต้นชีวิตที่รุ่งโรจน์ที่สุด แต่แล้วมักจะมีคนโผล่มาทไให้กับเธอหงุดหงิดอยู่เสมอ! ขณะที่เธอกำลังจัดการกับผู้ร้าย คุณชายฟู่ผู้มีอำนาจนั้นก็ปรบมือและโห่ร้องว่า "ที่รักของฉันสุดยอดมากจริงๆ"
ในสายตาของเขา เธอเป็นคนขี้โกหก ในสายตาของเธอ เขาเป็นคนไร้หัวใจ เดิมทีถังหว่านคิดว่าเธอคือคนพิเศษหลังจากอยู่กับเสิ่นติงหลานมาสองปี แต่สุดท้ายก็พบว่าตัวเองเป็นแค่ของเล่นที่สามารถทิ้งได้อย่างตามใจเมื่อไม่มีค่าอีกต่อไป จนกระทั่งถังหว่านเห็นว่าเสิ่นติงหลานพาคนรักของเขาไปตรวจครรภ์ เธอจึงยอมแพ้แล้ว เธอหยุดติดตามเขาอีก แต่จู่ๆ เขากลับไม่ยอมปล่อยเธอไป "ถ้าคุณไม่เชื่อฉัน ทำไมคุณไม่ปล่อยฉันไปล่ะ?" ชายผู้เคยหยิ่งยะโสขนาดนั้น ตอนนี้ก้มหัวลงและขอร้องว่า "หวานหว่าน ฉันผิดไปแล้ว โปรดอย่าทิ้งฉันไป"
ตลอดระยะเวลาสามปีของการแต่งงาน เธอรู้สึกสิ้นหวัง ที่ถูกบังคับให้เซ็นใบหย่า ทั้งๆที่เธอกำลังท้อง เธอใจสลายกับความไร้มนุษยธรรมของเขา กระทั่งเธอออกไปจากชีวิตของเขา เขาเพิ่งรู้ตัวว่าเธอคือรักแท้ของเขา ไม่มีวิธีใดที่จะเยียวยาหัวใจที่บอบช้ำของเธอให้หายขาดได้ เขาจึงมอบความรักทั้งหมดของเขาให้แก่เธอเพื่อชดเชย
เว่ยจื้อโหยวลืมตาตื่นขึ้นมาอีกครั้งพบว่าตนอยู่ในยุคสมัยที่ไม่คุ้นเคยสิ่งรอบกายดูโบราณล้าหลัง โลกโบราณที่ไม่มีในประวัติศาสตร์โลก ยังไม่ทันได้เตรียมใจก็ถูกส่งให้ไปแต่งงานกับชายยากจนที่ท้ายหมู่บ้าน สาเหตุที่เว่ยจื้อโหย่วถูกส่งมาให้แต่งงานกับชายที่ขึ้นชื่อว่ายากจนที่สุดในหมู่บ้านนั้น เพราะนางเกิดไปต้องตาต้องใจเศรษฐีผู้มักมากในกามเข้า เพื่อหาทางหลีกเลี่ยงไม่ให้ถูกบ้านใหญ่ขายไปเป็นอนุภรรยาของเศรษฐีเฒ่า พ่อแม่ของนางจึงยอมแตกหักจากบ้านใหญ่และท่านย่าที่เห็นแก่ตัวและลำเอียงเป็นที่สุด ด้วยเหตุนี้พ่อแม่ของนางจึงตัดสินใจยกนางให้กับอวิ๋นเซียว ชายหนุ่มที่แสนยากจนข้นแค้น ที่เพิ่งเสียบิดามารดาไป อีกทั้งยังทิ้งน้องชายน้องสาวเอาไว้ให้เขาเลี้ยงดู นอกจากนี้ยังมีป้าสะใภ้มหาภัยที่คอยแต่จะมารังแกเอารัดเอาเปรียบสามพี่น้อง สิ่งที่ย่ำแย่ที่สุดไม่ใช่ป้าสะใภ้มหาภัย แต่ มันคืออะไรแต่งงานนางไม่ว่ายังไม่ทันได้เข้าหอสามีหมาดๆ ก็ถูกเกณฑ์ไปเป็นทหารในสงครามระหว่างแคว้น มันไม่มีอะไรเลวร้ายไปมากว่านี้อีกแล้วสำหรับ เว่ยจื้อโหยว หากสามีทางนิตินัยของนางตายในสนามรบ ก็ไม่เท่ากับว่านางเป็นหม้ายสามีตายทั้งที่ยังบริสุทธิ์หรอกหรือ แถมยังต้องเลี้ยงดูน้องชายน้องสาวของอดีตสามีอีก สวรรค์เหตุใดถึงได้ส่งนางมาเกิดใหม่ในที่แบบนี้
ในวันครบรอบแต่งงาน เหวินซือถูกเมียน้อยของสามีวางยาและไปมีอะไรกับคนแปลกหน้า เธอสูญเสียความบริสุทธิ์ไป แต่เมียน้อยคนนั้นกลับตั้งท้องลูกของสามี ภายใต้ความกดดันต่างๆ เหวินซื่อสูญรู้สึกสิ้นหวังและตัดสินใจหย่า แต่สามีของเธอกลับไม่แยแสโดยคิดว่าเธอกำลังเล่นลูกไม้อยู่ หลังจากการหย่ากัน เหวินซือกลายเป็นจิตรกรที่มีชื่อเสียงและมีผู้ชายนับไม่ถ้วนที่ตามจีบเธอ อดีตสามีไม่ยอมและขอคืนดีไปถึงที่ จากนั้นก็ว่า เธออยู่ในอ้อมแขนของคนใหญคนโตคนหนึ่ง และชายคนนั้นก็พูดอย่างสงบว่า "ดูให้ดี นี่คือพี่สะใภ้ของนาย"
ตลอดระยะเวลาสามปีที่หยุยเอินแต่งงานกับฝู้ถิงหย่วน เธอพยายามทำหน้าที่ภรรยาให้ดีที่สุด เธอคิดว่าความอ่อนโยนของตนจะสามารถละลายใจที่เย็นชาของฝู้ถิงหย่วนได้ แต่ต่อมาเธอก็รู้ตัวว่าไม่ว่าเธอจะพยายามแค่ไหน ผู้ชายคนนี้ก็ไม่มีวันจะตกหลุมรักเธอได้ ด้วยความสิ้นหวังของเธอ สุดท้ายเธอตัดสินใจที่จะยุติการแต่งงานครั้งนี้ ในสายตาของฝู้ถิงหย่วน หยุยเอิน ภรรยาของเขาเป็นผู้หญิงที่โง่ ไม่มีอะไรดีเลยสักอย่าง แต่เขาก็คิดไม่ถึงว่าภรรยาของเขาจะกล้าโยนใบหย่าใส่เขาต่อหน้าคนมากมายในงานเลี้ยงวันครบรอบฝู้ซื่อ กรุ๊ป หลังจากหย่าร้าง ทุกคนต่างคิดว่าพวกเขาจะไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกันอีกต่อไป แต่เรื่องราวระหว่างทั้งสองคงไม่ได้จบลงอย่างง่าย ๆ แบบนี้ หยุยเอินได้รับรางวัลบทภาพยนตร์ยอดเยี่ยม และคนที่เป็นผู้มอบถ้วยรางวัลให้กับเธอก็คือฝู้ถิงหย่วน หยุยเอินคิดไม่ถึงว่าผู้ชายที่สูงส่งและแสนเย็นชาคนนี้จะลดตัวลงอ้อนวอนเธอต่อหน้าผู้ชมทั้งหมด"หยุยเอิน ก่อนหน้านี้คือผมผิดเอง ขอโอกาสให้ผมอีกครั้งได้ไหม"หยุยเอินยิ้มด้วยความมั่นใจ"ขอโทษนะคุณฝู้ ตอนนี้ฉันสนใจแต่เรื่องงาน"ชายหนุ่มคว้ามือเธอไว้ ดวยตานั้นเต็มไปด้วยความผิดหวัง หยุยเอินสบัดมือเขาและเดินจากไปโดยปราศจากความลังเลใด ๆ