หรูเจี่ยเป็นเพียงนักร้องกลางคืนในยุค 70 ช่วงที่ญี่ปุ่นเริ่มเข้ามายึดครองเซี่ยงไฮ้ ในระหว่างที่เธอต้องพยายามดิ้นรนเอาตัวรอดจากการขายให้นายพลญี่ปุ่น หรูเจี่ยก็หันไปมองตรงข้ามห้องชั้นสอง ได้กลิ่นซาลาเปาร้อนๆ หอมลอยแตะจมูก พลันเธอก็คิดได้ว่าต้องทำยังไง จึงจำต้องทำเป็นป่วยไม่ยอมกินอะไร เพื่อที่จะให้เถ้าแก่ร้านอ้วนพีที่อยู่ฝั่งตรงกันข้ามมาส่งอาหารให้เธอ แต่เพราะแผนการเลยทำให้เธอกินได้เพียงสองคำ ทั้งที่ท้องของเธอเรียกร้องอาหารอร่อยนั้นแทบขาดใจ เธอจะสามารถหนีพ้นชะตากรรมนี้ได้ไหม แล้วบุรุษอ้วนพีจะช่วยเธอได้หรือเปล่ามาลุ้นกัน
บรรยากาศยามค่ำคืน ครึกครื้นยามราตรี เหล่าบรรดานักท่องราตรีทั้งหลายต่างกำลังรื่นเริงบันเทิงใจอยู่ในสถานเริงรมย์แห่งหนึ่งใจกลางเมืองช่างไห่หรือที่คนต่่างชาติมักจะเรียกว่านครเซี่ยงไฮ้ สถานเริงรมย์แห่งนี้ชาวจีนมักนิยมเรียกว่าโรงน้ำชา โรงน้ำชาเปรียบเป็นดั่งวิมานของชาวมังกร หรือจะเปรียบเป็นสวรรค์ของคนรักในการดื่มด่ำเสียงดนตรีและการเต้นรำก็ว่าได้
ยามวิกาลนี้ข้างบนเวทีมีหญิงสาวใบหน้าขนาดเท่าฝ่ามือ คิ้ววาดคล้ายจันทร์ครึ่งเสี้ยว ดวงตาหงส์ เนินแก้มอ่อนช้อย นับเป็นโฉมสะคราญหยาดฟ้ามาสู่ดินผู้หนึ่งเลยก็ว่าได้ ซึ่งเธอกำลังร้องเพลงและโยกร่างกายเบา ๆ ไปตามเสียงลำนำดนตรีของจีนสมัยนิยมในยุคนี้ นอกจากใบหน้าของเธอจะงดงามชดช้อยแล้วน้ำเสียงของเธอยังไพเราะเพราะพริ้งยากที่จะหาผู้ใดมาเปรียบอีกด้วย ทำให้เธอมีชื่อเสียงเลื่องลือไปทั่วเซี่ยงไฮ้ ต่างเป็นที่หมายปองของชายในเมืองนี้
โรงน้ำชาแห่งนี้มีสาวใหญ่นามว่า เจินเยี่ย รับหน้าที่เป็นผู้จัดการ โดยคนทั่วไปมักจะเรียกเธอว่าเหลาป่าว คอยบริการแขกเหรื่ออยู่ด้านล่างเวที ด้วยนิสัยที่ปากจัดปากร้ายจึงทำให้ควบคุมดูแลที่นี่ได้ทุกอย่าง และยังคอยจัดเด็กสาว ๆ ต้อนรับแขกในแต่ละวันอีกด้วย
ซึ่งในตอนนี้โรงน้ำชาแห่งนี้มีสินค้าอันล้ำค่าอยู่หนึ่งชิ้น ที่บรรดาคุณชายกระเป๋าตุงพยายามจะซื้อตัวอยู่ทุกค่ำคืน บางคนถึงขั้นขอซื้อตัวเอาไปเลี้ยงดูด้วยเงินหลักหมื่นหลักแสนหยวนก็มีมาแล้ว และบุปผางามนางนี้นั้นก็มีนามว่า หรูเจี่ย นักร้องสาวสวยที่กำลังร้องรำทำเพลงอยู่บนเวทีนั่นเอง และรัตติกาลนี้ก็เป็นอีกคืนที่บรรดาแขกเหรื่อแย่งชิงหรูเจี่ยมาบริการตนที่ด้านล่าง
“ฉันให้ 500 หยวน ถ้าสาวสวยบนเวทียอมมานั่งบริการฉันข้างล่าง” คุณชายตระกูลเฉินกล่าวขึ้นนำเป็นคนแรก หลังจากนี้ก็มีคุณชายอีกตระกูลกล่าวตามมาติด ๆ
“ฉันให้ 1,000 หยวน! แต่ถ้าหากมาบริการฉันเป็นการส่วนตัวสองต่อสอง ฉันทุ่มให้อีกไม่อั้น หมดกระเป๋าก็ยอม!” บุรุษมีอายุกระเป๋าหนักเอ่ยบอกกับเจินเยี่ยน้ำเสียงหนักแน่น หมายให้คู่แข่งคนอื่นถอยไป และหยุดคิดที่จะมาแย่งสาวงามที่สุดของโรงน้ำชาแห่งนี้ไปจากเขา
ส่วนเจินเยี่ยถึงแม้จะไม่ใช่ผู้ที่ถูกแย่งตัว แต่ก็ยกยิ้มออกมาด้วยความพึงพอใจ เพราะเงินอันมากมายนั่นก็จะตกถึงมือของเธอด้วยเช่นกัน นอกจากหรูเจี่ยจะเป็นสินค้าอันล้ำค่าของโรงน้ำชาแห่งนี้แล้ว เธอยังบริสุทธิ์ผุดผ่องอีกด้วย ตั้งแต่ถูกนำตัวมาไว้ที่นี่ก็ยังไม่เคยรับแขกเลยสักคน ทำเพียงแค่แต่งตัวสวยขึ้นร้องเพลงบนเวทีเท่านั้น เพื่อให้แขกเหรื่อยลโฉมความงามของเธอไปก่อนจนมีชื่อเสียงโด่งดังไปทั่วเซี่ยงไฮ้ จึงสามารถเรียกค่าตัวได้มากกว่าใครในตอนนี้
เจินเยี่ยพยายามปฏิเสธ หวังเรียกเงินได้มากกว่านี้ในอนาคตอันใกล้ และอยากเก็บหรูเจี่ยไว้ต้อนรับแขกคนสำคัญของโรงน้ำชาก่อนอีกด้วย เพราะแขกคนสำคัญคนนี้กระเป๋าหนักยิ่งกว่าหนัก “ใจเย็น ๆ ก่อนนะคะคุณชายทั้งหลาย ตอนนี้น้องหรูเจี่ยยังไม่ถึงเวลารับแขก ถ้าน้องพร้อมเมื่อไรเดี๋ยวดิฉันจะแจ้งให้แขกผู้เกียรติทุกท่านทราบโดยทั่วกันอย่างแน่นอน”
“ไอหยา….ฉันมาที่นี่หลายครั้งแล้วนะ เธอยังไม่พร้อมอีกหรือไง” คุณชายกู้ที่กระเป๋าหนักตบหน้าขาของตัวเองด้วยความหงุดหงิด
“อย่าพึ่งเสียอารมณ์ไปเลยนะคะคุณชายกู้ ดื่มเหล้าหมักอย่างดีอีกสักจอกให้อารมณ์เย็น ๆ ก่อนนะคะ” เจินเยี่ยพูดพร้อมกับรินเหล้าหมักใส่จอกให้คุณชายกู้อย่างเอาใจ
อึก! ปึก! “อ่าส์….ถ้าหรูเจี่ยพร้อมเมื่อไรเธอต้องบอกฉันเป็นคนแรกเลยนะ”
“ได้เลยค่ะคุณชายกู้ แต่ว่าตอนนี้คุณชายกู้สามารถตบรางวัลให้น้องหรูเจี่ยก่อนได้ที่หน้าเวทีเลยนะคะ ให้เยอะ ๆ น้องจะได้จำหน้าอันหล่อเหลาของคุณชายกู้ได้เป็นคนแรก”
“ดี ๆ ความคิดดี” ปึก! “นี่คือค่าตอบแทนสำหรับความคิดดี ๆ ของเธอ แต่ถ้าวันไหนหรูเจี่ยพร้อมรับแขกเมื่อไร แล้วเธอสามารถให้ฉันเป็นแขกคนแรกของหรูเจี่ยได้ ฉันจะตอบแทนเธอหนักกว่านี้อย่างแน่นอน”
“ขอบพระคุณมากค่ะคุณชายกู้” เจินเยี่ยรับเงินหยวนมาหนึ่งปึกก่อนจะไหว้แนบอกคุณชายกู้อย่างรู้งานมาก
เมื่อหรูเจี่ยร้องเพลงจนจบ ได้รับเงินมากมาย ใบหน้าเต็มไปด้วยรอยยิ้มที่งดงามทำให้ทุกคนที่ได้เห็นเคลิบเคลิ้มหลงใหลได้อย่างง่ายดาย แต่พอเธอลงจากเวที แล้วเดินกลับเข้าไปด้านหลังได้เธอก็หุบยิ้มในทันที ใบหน้าที่เคยเปื้อนความสุขแปรเปลี่ยนเป็นเฉยเมยไร้ความรู้สึก ราวกับว่าไม่เคยรู้สึกมีความสุขมาก่อน
ตรงหน้าของเธอมีอาหารมากมายที่เจินเยี่ยสั่งเด็กในโรงน้ำชาให้เตรียมและจัดวางไว้ให้หรูเจี่ยโดยเฉพาะ แต่เธอไม่ยอมแตะมันเลยสักนิด เพราะเธอรู้สึกเบื่อหน่ายกับชีวิตเป็นอย่างมาก กินอะไรไม่ลง
“ไม่ยอมกินอีกแล้วเหรอ” เจินเยี่ยเดินเข้ามาดูหรูเจี่ยหลังจากที่เธอลงมาจากเวทีแล้ว สิ่งที่เธอเห็นคือใบหน้าอันเย็นชา ไร้อารมณ์ใด ๆ ของอีกฝ่าย ทั้งยังมองเมินราวกับไม่เห็นเจินเยี่ยยืนอยู่ตรงนี้ เรียกอารมณ์หงุดหงิดจากเธอได้เป็นอย่างดีเลยทีเดียว “จะเป็นให้ได้เลยใช่ไหมราชินีแห่งหิมะเนี่ย!” เจินเยี่ยพูดขนาดนี้หรูเจี่ยก็ยังไม่มีท่าทีจะสนใจ ยังคงนิ่งเงียบรักษามาดเย่อหยิ่งเอาไว้อย่างนั้น
“ทำไมไม่ยอมกินอาหารที่ฉันให้คนเตรียมไว้ให้” เจินเยี่ยพยายามระงับโทสะของตัวเอง แล้วพูดจาดี ๆ กับอีกฝ่าย เพราะอย่างไรหรูเจี่ยก็เป็นตัวทำเงินให้กับโรงน้ำชาแห่งนี้ ถ้าหากว่าเธอบอบช้ำทั้งภายในและภายนอกร่างกาย คงจะไม่เป็นการดีแน่
“ฉันไม่หิวค่ะ” ถ้อยคำเย็นชาดุจน้ำแข็งเอื้อนเอ่ยออกมา ปกติหรูเจี่ยจะเป็นคนพูดจาน้อยคำและสงวนท่าทีอยู่แล้ว แต่เจินเยี่ยก็ยังอดรู้สึกเบื่อหน่ายไม่ได้ ส่ายศีรษะด้วยความเอือมระอาใจ พ่นลมหายใจออกมาเป็นทางยาวอย่างเซ็ง ๆ
“จะไม่หิวได้ยังไง เธอไม่ยอมกินอะไรมาหลายวันแล้ว นี่ฉันอุตส่าห์ไปสรรหาของดีทั่วเมืองมาประเคนให้เธอเลยนะ แต่ดูเธอสิ ไม่เหลียวแลมันเลยสักนิด อย่างน้อยกินสักคำสองคำก็ยังดี เธออย่าดื้อด้านให้มันมากนักได้ไหม!” เจินเยี่ยบ่นชุดใหญ่ ก่อนจะใช้ช้อนตักอาหารมาหนึ่งอย่างแล้วพยายามจะยัดใส่ปากของหรูเจี่ย แต่เธอก็ขัดขืนอย่างสุดฤทธิ์ ความหงุดหงิดที่ถูกขัดขืนยิ่งทำให้เจินเยี่ยหนักมืออย่างลืมตัว บีบคางให้หรูเจี่ยยอมอ้าปาก สุดท้ายก็ยัดอาหารเข้าไปในปากได้ แต่หรูเจี่ยกลับสำลักมันออกมาจนหมด “อัก ๆ อัก ๆ”
ท่าทางหายใจติดขัดและไอไม่หยุดของหรูเจี่ย ทำให้เจินเยี่ยได้สติว่าตัวเองเผลอทำเกินกว่าเหตุไป จึงรีบวิ่งไปบอกให้เด็กตามหมอมาดูอาการของหรูเจี่ยโดยเร็วที่สุด
….ตอนนี้หมอได้มาดูอาการของหรูเจี่ยที่ห้องพักส่วนตัวชั้นบนของโรงน้ำชาเรียบร้อยแล้ว และหมอก็กำลังตรวจอาการของเธออยู่ หรูเจี่ยไม่ได้แค่สำลักอาหารเท่านั้น แต่เธอมีอาการอิดโรยเพราะขาดสารอาหารจากการอดอาหารมาหลายวันอีกด้วย ทำให้เจินเยี่ยรู้สึกร้อนใจเป็นอย่างมาก เพราะอีกไม่กี่วัน แขกคนสำคัญก็จะมาชมการแสดงของหรูเจี่ยแล้วด้วย “อาการของหรูเจี่ยเป็นอย่างไรบ้างหมอ”
“อาการค่อนข้างน่าเป็นห่วงนะเนี่ย”
“น่าเป็นห่วง? หรูเจี่ยเป็นอะไรกันแน่”
“อาการลำสักอาหารนั้นไม่ได้เป็นอะไรแล้ว ไม่น่าเป็นห่วง แต่ไอ้ที่น่าเป็นห่วงก็คือโรคใจ จากที่ได้ตรวจอาการ เหมือนมีไอร้อนในลมหายใจแสดงว่ามีไฟในตับ พอจับชีพจรดูก็พบว่าชีพจรมีจังหวะเต้นถี่ แต่กลับขึ้นลง ๆ หมายความว่าจิตใจไม่สงบ เครียดมาก เป็นทุกข์มาก เหมือนนังหนูนี่ไม่อยากมีชีวิตอยู่บนโลกใบนี้แล้ว”
“ว่าไงนะ?! โรคใจ….ไม่อยากมีชีวิตอยู่อย่างนั้นเหรอ แล้วแบบนี้จะทำอย่างไร มีวิธีรักษาหรือไม่” เจินเยี่ยเมื่อได้ฟังก็มีท่าทีลนลาน น้ำเสียงตื่นตระหนกเกินกว่าเหตุ
“ลองให้นังหนูได้พักผ่อนดูก่อน แล้วหมอจะเจียดยาผงที่มีส่วนผสมของลูกพลับแห้งให้ไว้ต้มผสมกับน้ำผึ้งดื่มร้อน ๆ รสชาติเปรี้ยวหวานจะช่วยระบายความร้อนในร่างกายได้ดี แต่ที่สำคัญที่สุดคือต้องพยายามให้นังหนูนี่กินอาหารเยอะ ๆ อย่าปล่อยให้อดอาหารหลายวันจนขาดสายอาหารแบบนี้อีก”
ประโยคสุดท้ายที่หมอพูด เจินเยี่ยฟังพร้อมกับชำเลืองมองหรูเจี่ยอย่างเคือง ๆ เพราะเธอดื้อไม่ยอมกินอาหารเลยเป็นแบบนี้ “ค่ะหมอ เดี๋ยวฉันไปส่ง” เจินเยี่ยรับคำก่อนทั้งสองจะแลกเปลี่ยนกันก่อนจาก โดยเจินเยี่ยหยิบเงินในกระเป๋าส่งให้หมอ เมื่อหมอได้รับเงินแล้วก็ส่งห่อกระดาษที่มีผงยาอยู่ข้างในส่งให้เจินเยี่ย
หลังจากที่หมอกับเจินเยี่ยออกไปจากห้องแล้ว หรูเจี่ยก็ลุกขึ้นเพื่อเดินไปล็อคกลอนประตูห้อง ก่อนจะเดินกลับมานั่งลงบนเก้าอี้ที่ตั้งไว้ติดกับหน้าต่่าง แล้วทอดมองออกไปข้างนอก ข้างในใจของหรูเจี่ยในตอนนี้มีเพียงอารมณ์เบื่อหน่ายกับชีวิตของตัวเองที่กำลังเผชิญกับสิ่งเลวร้ายอยู่ เพราะอีกไม่กี่วันก็จะถึงเวลาที่เธอต้องรับแขกแล้ว
แต่ระหว่างที่หรูเจี่ยกำลังเหม่อลอยอยู่นั้น ก็ได้กลิ่นอาหารหอม ๆ จากโรงเตี๊ยมขายซาลาเปาฝั่งตรงข้ามลอยมาแตะจมูก โครก! โครก! เสียงท้องของเธอก็ร้องดังขึ้นมาในทันที หรูเจี่ยจึงตัดสินใจลุกขึ้นเดินไปเปิดประตูเรียกเด็กในโรงน้ำชาขึ้นมาหาแล้วสั่งให้ไปซื้อซาลาเปาที่หอมมาถึงตรงนี้ให้หน่อย
‘ใครจะคิดว่าซาลาเปาไส้หมูธรรมดา จะทำให้ฉันอยากกินอาหารขึ้นมาได้’ หรูเจี่ยนึกในใจ ก้มมองตัวเองอย่างสมเพชในโชคชะตาอยู่ไม่น้อย คงจะจริงกับคำพูดที่เคยได้ยินมาว่าคนที่มีลมหายใจเท่านั้นที่จะยังมีความหวังได้ ถ้าเรายังรู้สึกหิว ก็แปลว่าเรายังมีลมหายใจ
เด็กในร้านเมื่อได้รับคำสั่งจากหรูเจี่ยก็รีบวิ่งไปทันที แต่ระหว่างทางได้เจอกับเจินเยี่ยจึงต้องหยุดวิ่งก่อน “กำลังจะไปไหน”
“พี่หรูเจี่ยบอกให้ไปซื้อซาลาเปาที่โรงเตี๊ยมฝั่งตรงข้ามมาให้ครับ”
“ว่าไงนะ!”
“พี่หรูเจี่ยบอกให้ไปซื้อซาลาเปาที่โรงเตี๊ยมฝั่งตรงข้ามมาให้ครับ” เด็กน้อยไร้เดียงสาพูดย้ำประโยคเดิม
“นี่เธอยอมกินอะไรแล้วเหรอ หรือว่าจะกลัวตายขึ้นมา หึ! รู้จักกลัวบ้างก็ดี จะได้รักษาชีวิตของตัวเองไว้ เอาล่ะ….รีบ ๆ ไปซื้อเข้า เดี๋ยวพี่หรูเจี่ยของแกจะเปลี่ยนใจเอาได้ มีเท่าไรก็เหมามาให้หมดเลยนะ เอาเงินนี่ไป” เจินเยี่ยพูดก่อนจะหยิบเงินหยวนแบงค์ใหญ่ส่งให้เด็ก
“ได้ครับเหลาป่าว” เด็กชายก้มหน้ารับคำสั่ง เมื่อได้เงินแล้วก็รีบวิ่งไปโรงเตี๊ยมฝั่งตรงข้ามในทันที
เพียงไม่นานซาลาเปาไส้หมูร้อน ๆ จากโรงเตี๊ยมตรงข้ามโรงน้ำชาก็ได้มาเรียบร้อย เด็กชายรีบวิ่งขึ้นเอาไปให้หรูเจี่ยชั้นบน เมื่อหรูเจี่ยได้รับก็รู้สึกดีใจมาก สูดดมกลิ่นหอม ๆ จากซาลาเปาอยู่อย่างนั้น แต่พอกินเข้าจริงก็กินได้แค่ไม่กี่คำก็กินไม่ลง
เจินเยี่ยที่เข้ามาดูทีหลังเห็นว่าหรูเจี่ยกินซาลาเปาไปเพียงนิดเดียวเท่านั้น และตอนนี้หรูเจี่ยก็กำลังนอนหันหลังให้กับเธออยู่ เจินเยี่ยเลยไม่อยากรบกวน แต่ความกังวลยังมีอยู่มากล้น และคิดหาวิธีที่จะทำให้หรูเจี่ยยอมกินอะไรให้ได้ และวิธีเดียวที่คิดออกในตอนนี้ก็คือ….การไปขอร้องให้เถ้าแก่โรงเตี๊ยมฝั่งตรงข้ามทำอาหารให้หรูเจี่ยกินทุกวัน เพราะอย่างน้อยซาลาเปาของเถ้าแก่นั่นก็ทำให้หรูเจี่ยอยากอาหารขึ้นมาได้
เจียซินที่อยู่ในชีวิตปั่นปลายนั้น กลับต้องรู้สึกเสียใจที่เลือกเส้นทางรักผิด เมื่อเลือกหนทางใหม่ได้ เธอก็จะเลือกหนทางที่ดีที่สุด และเขาชายที่เธอเคยละทิ้งไปก็กลายมาเป็นคู่ชีวิต ที่พร้อมจะร่ำรวยไปด้วยกัน
ชมดาวต้องทนรับสภาพสถานะเลขาของเจ้านายและสถานะบนเตียงมาตลอดห้าปี เธอคิดว่าอีกไม่นานเขาก็จะขอเธอแต่งงาน หากแต่ว่าเขากลับเห็นเธอเป็นเพียงสถานะรองเท่านั้น จนกระทั่งวันหนึ่งเขาก็ต้องแต่งงาน ไม่ใช่กับเธอแต่เป็นคนอื่น เธอจะเลือกจำยอมอยู่ในความลับต่อไป หรือเลือกที่จะเดินออกมาพร้อมกับเด็กในท้อง!!
ลู่เจียหง นักวิทยาศาสตร์ชื่อดังในยุคปัจจุบัน จับผลัดจับพลูลงลิฟต์ก็โผล่ไปยังยุคโบราณ แถมยังอยู่ในชุดเจ้าสาวอีก ถ้าประหลาดแค่นั้นไม่พอคงไม่เป็นไร ถ้าไม่พบว่าตัวเองกำลังถูกตามล่าจากว่าทีสามีที่ยังไม่ทันเข้าหอ งานนี้นางถือคติไม่ยุ่งเกี่ยวต่างคนต่างอยู่ แต่ท่านอ๋องผู้นั้นก็เอาแต่วนเวียนอยู่ข้างตัวนางไม่หยุด แบบนี้นางจะหย่าสำเร็จได้ตอนไหนกัน!!
จ้าวเหม่ยซื้อนิยายมาอ่าน พระเอกของเรื่องเป็นทรราชที่ได้รับการยกย่อง บ้าไปแล้วเป็นทรราชจะดีได้อย่างไร ปากบ่นไปสมองก็ด่าไปดันถูกเครื่องทำน้ำอุ่นช็อตตายไป ฟื้นมาอีกทีก็กลายเป็นสนมของทรราชผู้นั้น!! งานนี้เธอจะสามารถกลับออกจากนิยายได้ไหม หรือว่าต้องอุ้มให้ทรราชผู้นั้นตลอดไป ไปลุ้นกันค่ะ ****************** จบดีมีความสุขค่ะ
นราเป็นเพียงหญิงสาวยากชน ต้องทำงานแลกเงินแต่เธอก็มีตุลย์แฟนหนุ่มที่มีฐานะดีคอยช่วยเหลือตลอด จนกระทั่งวันหนึ่งเธอก็พบว่าตัวเองตั้งครรภ์ ในขณะที่อีกฝ่ายก็มีคนที่ดีพร้อมไว้ข้างกายเช่นกัน เพราะรักจึงยอมเลิก เธอจึงเลือกที่จะหอบลูกในท้องจากไปเพื่อให้เขามีอนาคตที่ดีขึ้น ดีกว่าที่จะอยู่กับคนแบบเธอแม้หัวใจจะเจ็บปวดมากเท่าไรก็ตาม
ตลอดสิบปีที่ฉู่จินเหอรักเหลิ่งมู่หยวนฝ่ายเดียว เอาใจใส่กับเขาอย่างเต็มที่ แต่เธอไม่เคยคิดว่าที่แท้เธอเป็นแค่ตัวตลกคนหนึ่งเท่านั้น ที่สำนักงานเขตเพื่อทำการหย่า เหลิ่งมู่หยวนมองดูฉู่จินเหอด้วยความเย็นชาและพูดอย่างเหยียดหยามว่า "ถ้าเธอคุกเข่าลงและขอร้องฉัน ฉันอาจจะให้โอกาสเธอกอีกครั้ง ฉู่จินเหอเซ็นอย่างไม่ลังเลและออกจากตระกูลเหลิ่ง สามเดือนต่อมา ฉู่จินเหอปรากฏตัวอย่างเปิดเผย ในเวลานั้น เธอเป็นประธานเบื้องหลังของ LX นักออกแบบลับที่ล้ำค่าที่สุดในโลก และเจ้าของเหมืองที่มีมูลค่าหลายร้อยล้าน ทางตระกูลเหลิ่งคุกเข่าลงและขอร้องให้คืนดีและขอการให้อภัย ฉู่จินเหอแยู่ในโอบกอดของซีอีโอโจว ซึ่งเป็นคนใหญ่คนโตในโลกธุรกิจอย่างมีความุข เธอเลิกคิ้วพลางเยาะเย้ย "ฉันในตอนนี้ไม่ใช่คนที่พวกคุณมาเกี่ยวข้องได้"
เมื่อนางย้อนยุคกลายเป็นพระชายาคังที่ถูกขังอยู่ในโรงขังคนบ้า เพิ่งมาถึงฉินเซิงก็กำจัดคนสองคนที่ต้องการทำร้ายนาง นางบุกเข้าไปในงานแต่งงานของคู่รักชั่วชาสองคนนั้นในชุดแดง นางหยิ่งผยองและยั่วยุ ทำให้ชายชั่วโกรธจนกัดฟันแน่นแต่กลับทำอะไรไม่ได้ และหญิงร้ายนั้นก็เกลียดชังอย่างมากทว่าเอาคืนไม่ได้ ท่านอ๋องจิ้นได้เห็นสถานการณ์ทั้งหมดนี้ เขาโค้งงอริมฝีปาก สตรีนางนี้ช่างแตกต่างจากคนอื่นจริงๆ ถูกใจเหลือเกิน เขาจะเอาชนะใจนางและให้ชีวิตที่ดีแกนาง
เธอก็รู้อยู่เต็มอกว่าเขาไม่เคยสนใจ แต่ก็ยังดึงดันอยากจะอยู่ใกล้ ต่อให้เธอเป็นเมียแต่งเขาก็คงไม่มีวันเปลี่ยนใจ เพราะเหตุนี้เธอจึงตัดสินใจจากไปในคืนแต่งงาน "จากนี้ไปเราไม่มีอะไรติดค้างกันอีก" 🥀
เสิ่นชิงกลายเป็นลูกสาวของชาวนาจากคุณหนูที่ร่ำรวยของตระกูลเสิ่นในชั่วข้ามคืน ลูกสาวตัวจริงใส่ร้ายเธอ คู่หมั้นของเธอทำให้เธออับอาย และพ่อแม่บุญธรรมของเธอก็ไล่เธอออกจากบ้าน... ทุกคนต่างรอที่จะหัวเราะเยาะเธอ ทว่าเธอกลับกลายเป็นทายาทของตระกูลเศรษฐีในเมืองอย่างกะทันหัน นอกจาดนี้ เธอยังมีตัวตนหลากหลาย เช่น หัวหน้าแฮ็กเกอร์ระดับนานาชาติ นักออกแบบเครื่องประดับชั้นนำ นักเขียนผู้ยิ่งใหญ่ที่ลึกลับ และอัจฉริยะด้านการแพทย์! พ่อแม่บุญธรรมเสียใจกับการตัดสินใจของตนและบังคับให้เธอแบ่งทรัพย์สินครึ่งหนึ่งให้เพราะพวกเขาเลี้ยงดูเธอมา เมื่อเสิ่นชิงหยิบกล้องออกมาแล้วบันทึกท่าทางอันน่าเกลียดของพวกเขา อดีตคู่หมั้นรู้สึกเสียใจและพยายามจะคืนดีกับเธอ เสิ่นชิงหัวเราะเยาะ "เขาคู่ควรงั้นเหรอ" จากนั้นก็ไล่เขาออกจากเมือง ในที่สุด ผู้มีอำนาจแห่งเมืองก็พูดอ้อนวอนเบาๆ "ไม่จำเป็นต้องแต่งเข้าตระกูลผม เดี๋ยวผมไปหาเอง"
กู้ชิงเฉิงเชื่อมั่นมาตลอดว่าตราบใดที่เธอประพฤติตัวดี สักวันหนึ่ง เธอก็จะสามารถชนะใจมู่ถิงเซียวให้ได้ อย่างไรก็ตาม เมื่อเสิ่นถัง รักแรกที่เขาคิดถึงมาตลอดกลับมา ทุกอย่างก็เปลี่ยนไป กู้ชิงเฉิงเป็นคนว่าง่ายสอนง่ายจริงๆ เธอจัดงานแต่งงานด้วยคนเดียว และนอนคนเดียวในห้องผ่าตัดเพื่อรับการรักษาฉุกเฉิน มีข่าวลือว่าเธอบ้าไปแล้ว อันที่จริงเธอบ้าไปแล้วจริงๆ ที่รักใครสักคนอย่างไม่ละอายขนาดนี้ ต่อมา ทุกคนลือกันว่า กู้ชิงเฉิงป่วยหนักและกำลังจะเสียชีวิต มู่ถิงเซียวถึงสูญเสียการควบคุมอย่างสิ้นเชิง "ฉันไม่ปล่อยให้เธอตาย" แต่เธอกลับยิ้มอย่างนิ่งๆ ว่า "ดีจังเลย ฉันเป็นอิสระแล้ว" ใช่แล้ว ไม่ต้องการกู้ชิงเฉิงอีกแล้ว"
อวิ๋นเจินอาศัยอยู่ในตระกูลอวิ๋นมาเป็นเวลา 20 ปี กลับพบว่าเธอเป็นลูกสาวปลอม พ่อแม่บุญธรรมของเธอวางยาเธอเพื่ออยากจะได้เงินมาลงทุน หลังจากที่อวิ๋นเจินรู้เรื่องนี้ เธอก็ถูกไล่กลับไปที่ชนบท จากนั้นเธอก็ค้นพบว่าตัวเองคือลูกสาวแท้ๆ ของตระกูลเฉียวและมีชีวิตที่หรูหราสุด ๆ หลังจากกลับมา เธอได้รับความรักจากครอบครัวและมีชื่อเสียงโด่งดัง น้องสาวจอมปลอมใส่ร้ายอวิ๋นเจิน แต่เธอไม่คาดคิดว่าอวิ๋นเจินจะมีความสามารถต่างๆ เมื่อต้องเผชิญกับการยั่วยุ เธอได้แสดงความสามารถและทักษะต่างๆ มากมายเพื่อจัดการผู้รังแก มีข่าวลือกันว่าอวิ๋นเจินยังคงโสด และชายหนุ่มชื่อดังแห่งเมืองงก็ผลักเธอไปเข้ากำแพง "คุณนายกู้ ถึงตามราเปิดเผยตัวตนได้แล้วนะ"