ทว่าวิ่งหนีไปได้ไม่นานก็มีเสียงฝีเท้าคนกลุ่มหนึ่งวิ่งตามหลังมา ดวงตานางเบิกกว้าง พยายามวิ่งให้เร็วกว่าเดิม “เหมยกุ้ยเหริน เจ้าต้องเร็วกว่านี้” นางพูดกับตัวเองเพื่อที่จะได้กลับไปหาครอบครัว บิดามารดา และน้องสาวที่รักของนาง
แต่แล้วความพยายามของนางก็เปล่าประโยชน์ ยิ่งวิ่งหนีพวกนั้นก็ยิ่งเข้าใกล้มากขึ้น จนสุดท้าย
“นายหญิงจะหนีไปไหน”
คนหนึ่งอ้อมเข้ามาด้านหลัง แล้วป้อนยาใส่ปากนาง ก่อนจะใช้ผ้าปิดปากนางไว้ ดวงตานางเบิกกว้าง ร่างกายชักเกร็ง ปากไม่มีแรงพูดออกไปเพราะเต็มไปด้วยเลือดที่กระอักออกมา ร่างบางล้มลงไปบนพื้นดวงตาเหลือกลานก่อนจะหมดลมหายใจ
คนผู้นั้นก้มลงปิดตานางให้สนิทแล้วเริ่มค้นตัว แต่กลับไม่พบสิ่งที่ค้นหา “ไร้ประโยชน์ ส่งร่างกุ้ยเหรินกลับสกุลเดิม บอกว่านางฆ่าตัวตายหนีความผิด เพราะถูกจับได้ว่าลอบมีความสัมพันธ์กับขันที”
สิ้นคำสั่งนั้นอีกคนก็รับคำ จากนั้นก็ส่งร่างของนางกำนัลผู้นี้กลับสกุลเดิมของนาง
เสียงปี่บรรเลงขบวนแห่ศพดังไปทั่วภูเขา เบื้องหลังคนเป่าปี่เป็นหีบศพที่ไร้วิญญาณ ด้านข้างของหีบศพเป็นบิดามารดา และญาติที่กำลังร่ำไห้ ส่วนท้ายสุดของขบวนเป็นสาวน้อยนางหนึ่งเดินอยู่
ดวงตามองจับนิ่งที่หีบศพเบื้องหน้า แค่ห้าปีนางก็ได้ร่างไร้วิญญาณพี่สาวกลับมา ช่างเป็นความหวังที่โง่เง่าสิ้นดี
ไหนเกียรติ ไหนชื่อเสียง ไหนเงินทอง
สุดท้ายก็มีแต่ความตายพร้อมกับข้อกล่าวหาว่าพี่สาวนางลอบมีความสัมพันธ์กับขันที จึงหนีความผิดด้วยการฆ่าตัวตาย
บุรุษที่ไม่มีอาวุธสืบพันธุ์แล้ว พี่สาวนางจะทำอย่างนั้นทำไม ดูแล้วข้อกล่าวหานี้เป็นการใส่ร้ายชัดๆ นางไม่มีวันเชื่ออย่างแน่นอน
รอยยิ้มที่สดใส กิริยาที่งดงามดุจใบหลิวลู่ลิ่วไปตามลม เหตุใดจึงได้จบชีวิตลงอย่างอนาถเช่นนี้ ด้านหลังกำแพงสีแดงมีอะไร ใครคือคนที่ทำให้พี่สาวนางเป็นเช่นนี้
แม้แต่ตอนนี้นางก็ยังหาคำตอบไม่ได้ ดวงตายังคงมองโลงศพ หากว่าก้าวเท้าเข้าไปแล้วต้องจบชีวิต สู้ให้พี่สาวนางแต่งกับหนุ่มชาวบ้านไม่ดีกว่าหรือ
บิดานางเป็นเพียงนายอำเภอเล็กๆ ในชนบท ฐานะอำนาจแทบจะไม่มี อยากจะแวะไปเยี่ยมก็ยังไม่ได้ พอจะเจอกันอีกครั้งก็กลายเป็นศพแล้ว
สองปีก่อนพี่สาวนางส่งจดหมายมาว่าได้รับการแต่งตั้งเป็นต้าอิง
ปีต่อมาก็ได้รับการแต่งตั้งเป็นฉางฉ้าย
เมื่อต้นปีที่ผ่านมาก็ได้รับการแต่งตั้งเป็นกุ้ยเหริน
ในจดหมายนั้นบอกว่าอีกไม่นานนางจะได้รับการแต่งตั้งเป็นผิน แล้วไหนเล่าชีวิตที่รุ่งโรจน์ของพี่สาวนาง
หรือห้าปีที่ผ่านมาเป็นเพียงแค่ภาพฝัน หรือว่าแท้จริงแล้วพี่สาวนางไม่ได้มีความสุขอย่างที่คิด เพียงแค่คิดว่าพี่สาวต้องถูกทรมานอยู่ที่นั่น นางก็แทบจะทนไม่ไหว
มือบางกำผ้าเช็ดหน้าบีบแน่นด้วยความแค้นใจ ในมือยังมีกำไลสีเลือดที่เป็นของติดตัวพี่สาวก่อนตาย ของขวัญล้ำค่านี้เป็นของผู้ใดกันนางจะต้องรู้ให้ได้ แม้จะพยายามคิดว่าคนตายก็ตายไปแล้ว นางควรจะปล่อยวางอย่างที่มารดาบอก
แต่เหตุใดจิตใจถึงไม่สงบ ยังรั้นจะรู้ให้ได้ว่าเป็นฝีมือใคร?
“เหมยลู่อิง ลูก” เสียงมารดาเรียกนางทำให้นางละจากความคิดแล้วเดินไปรับธูปจากมือมารดา
“ลาพี่สาวเจ้าเสีย” เสียงมารดายังสะอื้นแหบพร่า แต่ยังคิดถึงบุตรสาวเช่นนาง เหมยลู่อิงจึงคุกเข่าลง
ไม่สนใจว่าเสื้อผ้าจะเปื้อนดิน นางยกมือขึ้นแล้วเอ่ยความในใจ
“ความตายของท่านพี่ครั้งนี้ น้องจะขอทวงคืน มันผู้ใดที่ทำให้ท่านพี่ทรมาน น้องจะทรมานมัน มันผู้ใดทำให้ท่านพี่ตาย น้องจะขอเอาวิญญาณจากคนผู้นั้นมาชดใช้”
ความแค้นอัดแน่นในอก เหมยลู่อิงคำนับแล้วปักธูป ฤดูคิมหันต์ของปีนี้ร้อนระอุ แม้แต่ลมพัดก็ยังหาได้ยาก แต่ตอนนี้กลับมีลมแรงพัดทันทีที่ธูปปักลง
สตรีเจ้าของธูปหันมอง แม้แต่พี่สาวนางยังเห็นด้วย แล้วนางจะลังเลทำไม ในเมื่อตัดสินใจได้แล้ว เหมยลู่อิงก็ลุกขึ้นหันไปทางบิดามารดา
“ท่านพ่อท่านแม่ ข้าจะเข้าวัง”
ลมพัดผ่านไปอีกระลอก คราวนี้หนักกว่าเคย คนเป็นบิดามารดาได้แต่ถอนใจ “เจ้าอย่าได้เอาชีวิตไปแลกกับมันอีกเลย แม่ไม่อาจเสียเจ้าไปอีกคนได้”
แต่เหมยลู่อิงกลับไม่ละความพยายามที่จะทำเช่นนั้น พี่สาวนาง “ซิ่นหลาน” จะต้องไม่ตายเปล่า นางจะต้องสืบให้ได้ว่ามันเกิดอะไรขึ้นในนั้น