ฉันตามหาคนที่ฉันรัก แต่กับได้คนที่รักฉัน
เมื่อช่วงบ่ายบอมบอมไปหาพ่อกับแม่ที่บริษัท ซึ่งพ่อของบอมบอมเป็นท่านประธานในบริษัทแห่งนี้ บอมบอมนั่งรอผู้เป็นพ่อนานนับชั่วโมง แต่ก็ยังไม่เห็นจะมาตามนัด สักพักพ่อของบอมบอมก็โทรมาหาว่าติดธุระด่วน เย็นนี้เลยไม่สามารถที่จะไปทานข้าวกับบอมบอมได้ ในระหว่างนั้นเองก็มีหนุ่มใหญ่วัยสี่สิบห้า เดินตรงเข้ามาหาบอมบอมซึ่งกำลังโทรคุยกับผู้เป็นพ่อ พอบอมบอมวางสายชายหนุ่มผู้นี้จีงแนะนำตัวกับบอมบอม
"อาชื่ออาเอกนะ เป็นผู้จัดการฝ่ายขายที่นี่"เขายิ้มให้บอมบอม
“คุณบอมบอม วันนี้ท่านประธานให้อาไปส่งที่บ้านนะ เพราะเป็นทางผ่านบ้านอาพอดี ท่านประธานได้บอกแล้วใช่มั้ยครับ”
บอมบอมเงยหน้ามองผู้ชายทีเรียกตัวเองว่าอา เขาถึงกับสะดุดตาต้องใจ เพราะด้วยหน้าตาน่าจะซักสามสิบนิดๆ แต่ความจริงแล้ว เอกอายุสี่สิบห้าพอดี พ่อของบอมบอมวานให้เอกผู้จัดการฝ่ายขาย ไปส่งบอมบอมที่บ้าน จะได้ไม่ต้องเรียกคนขับรถมารับให้เสียเวลา
"บอกแล้วครับ"
“เรากลับกันเลยมั้ยคุณบอมบอม”เอกยิ้มให้บอมบอมอย่างละมุน
“ครับอา”บอมบอมยิ้มตอบแล้วก้มหน้าเดินตามอาเอกไปยังที่จอดรถ
เอกเปิดประตูรถให้บอมบอมเข้าไปนั่งข้างหน้า
“ขอบคุณครับ”บอมบอมอมยิ้ม และรู้สึกถูกชะตากับหนุ่มใหญ่หน้าเด็กคนนี้
เมื่อเอกปิดประตูรถให้บอมบอมเสร็จ เขาจึงเดินอ้อมหน้ารถเปิดประตูฝั่งคนขับ แล้วขึ้นไปนั่งพร้อมที่จะขับรถแล่นออกไปในทันที
“คุณบอมบอมจะกลับบ้านเลยใช่มั้ย”เอกหันหน้ามามองบอมบอมด้วยสายตาเอ็นดู
“ไม่ไปไหนแล้วครับ พรุ่งนี้ผมต้องไปเรียนแต่เช้า แถมเป็นวันแรกด้วย”
“ใช่อาก็ลืมไปเลย ท่านประธานเคยเล่าให้ฟังอยู่เหมือนกัน ดูท่านจะภูมิใจในตัวคุณบอมบอมมากเลยนะ”
บอมบอมไม่รู้จะพูดอะไรต่อจากนี้ เพราะรู้สึกเขินที่เจอหนุ่มใหญ่ที่พูดจาสุภาพมาก
“แล้วเรียนคณะอะไรอาลืมไปแล้ว”
“คณะบริหารธุรกิจ ที่มหาวิทยาลัยพิพัฒนเมธาครับ”บอมบอมพูดอย่างภูมิใจ เพราะมหาวิทยาลัยแห่งนี้เข้าเรียนได้ยาก เพราะเป็นมหาวิทยาลัยอันต้นๆของประเทศ
“คณะเดียวกับอาเลย แต่อาเรียนที่ต่างจังหวัด”
“มหาวิทยาลัยที่ไหนครับ”บอมบอมอยากรู้ขึ้นมาทันที เพราะดูจะปลื้มอาเอกมากเป็นพิเศษ
“จังหวัดเพชรบูรณ์ มหาวิทยาลัยอิงฟ้า”
“อูว์”บอมบอมทำเสียงตกใจ
“ตกใจอะไรทำเสียงซะดังขนาดนั้น”เอกหันหน้ามามองแว่บหนึ่งแล้วหันกลับ
“บอมบอมอยากไปเรียนที่ต่างจังหวัดแบบอาเอกเพราะเรียนที่กรุงเทพรถติด”บอมบอมมีสีหน้าเบื่อหน่ายอย่างเห็นได้ชัด
“ทำไมไม่ขอคุณพ่อไปล่ะ”
“ขอแล้ว คุณพ่อให้ไปแต่คุณแม่ไม่ให้ไป บอกว่าลำบากเป็นห่วงอยู่กรุงเทพนี่แหล่ะดีแล้ว จะได้ใกล้หูใกล้ตา อันหลังผมพูดเองครับ”
“แหม คุณแม่เขาก็เป็นห่วงนั่นแหล่ะ คุณบอมบอมไม่เคยลำบากนี่”เอกเลยคิดย้อนถึงตัวเองในอดีต ที่ต้องต้มมาม่ากินตอนเย็นทุกวันกับเพื่อนๆที่หอพัก
“ก็จริง ถ้าให้ผมไปอยู่หอพักคงอยู่ไม่ได้หรอก คนเยอะนอนกันหลายคน ผมไม่ชินชอบนอนคนเดียวมากกว่าครับ”
“แต่อาว่าสนุกดีออก ได้อยู่กับเพื่อนๆและอิสระดีด้วย”
“คิดอีกทีก็จริงไม่ต้องมีใครมาคุม คิดแล้วอยากไปจังเลย”
“ถ้ายากไปจะไปที่ไหนล่ะ “เอกหันมาถาม
“ที่เดียววกับอาเอกนั่นแหล่ะ ถ้ามีอะไรจะได้ปรึกษาอาเอกที่เป็นศิษย์เก่า”
“ศิษย์เก่ารุ่นเดอะซิไม่ว่า เวลาผ่านมาตั้งยี่สิบกว่าปีแล้ว”เอกหัวเราะเพราะอดขำความไร้เดียงสาของบอมบอมไม่ได้
“คุยกับอาเอกสนุกจัง ไม่เหมือนพ่อที่เคร่งเครียด ให้ตั้งใจเรียนจะได้มาช่วยพ่อกับแม่ทำงาน”
“ก็ท่านประธานมีบอมบอมเป็นลูกคนเดียวนี่ เขาก็ต้องฝากความหวังไว้ที่บอมบอมนี่แหล่ะ”
“นั่นน่ะซิ” บอมบอมถอนหายใจ นั่งคิดอะไรเรื่อยเปื่อย อยากไปเรียนมหาวิทยาลัยเดียวกับอาเอก ไม่อยากเรียนที่กรุงเทพ แต่คงไม่ทันแล้วแหล่ะมหาวิทยาลัยเปิดพรุ่งนี้ ถึงทันพ่อกับแม่ของเขาก็คงไม่ให้ไปอยู่ดี
บอมบอมนั่งคิดตลอดทาง อยากไปเรียนที่เดียวกับอาเอก คงจะสนุกและได้เห็นอะไรแปลกใหม่ ที่อยู่ในต่างจังหวัดแต่กรุงเทพไม่มี บอบอมคิดเช่นนั้นเพราะต้องอยู่ในกรอบตลอดเวลา ถ้าไปเรียนไกลๆจะได้มีอิสระ บอมบอมคิดวนมาวนไปจนหลับในที่สุด
เอกใช้เวลาขับรถนานพอสมควร กว่าจะมาถึงบ้านของบอมบอมก็เย็นพอดี
“น้องบอมบอมถึงแล้ว”เอกสะกิดที่แขนของบอมบอม
บอมบอมค่อยๆลืมตาขึ้นจึงทำให้ สายตาได้ประสานกับอาเอกของเขา จนบอมบอมต้องเม้มปากหลบสายตาไปทางอื่น
"น้องบอมบอมเป็นอะไรหรือเปล่า"เอกสงสัยในท่าทีเขินอายของบอมบอม เพราะเขาก็ไม่รู้ตัวว่าเสน่หนุ่มใหญ่ต้องตาหนุ่มน้อย
“อาเข้าบ้านผมก่อนซิ ไปทานอะไรกันก่อน”บอมบอมยังไม่ลงจากรถ เพราะอยากคุยกับเอกต่ออีก จึงชวนให้ทานข้าวด้วย
“ไม่ได้หรอกอาต้องไปทานข้าวกับภรรยาและลูกที่บ้าน” เอกยิ้มให้บอมบอมด้วยนัยน์ตาที่โอนโยน
“ครับ”บอมบอมรู้สึกสะดุดใจคำนี้ แต่ก็ไม่คิดอะไรมากเพราะอายุขนาดนี้แล้ว ก็ต้องมีลูกและภรรยาเป็นเรื่องธรรดา ถ้าไม่มีก็จะเป็นเรื่องที่น่ายินดีกว่านี้บอมบอมคิดเช่นนั้น
“ขอบคุณครับ” บอมบอมรีบลงจากรถแล้วยิ้มลายกมือไหว้เอก รีบเดินเข้าไปภายในบ้าน ส่วนเอกก็ไม่ได้คิดอะไรมาก เพียงแต่คิดถึงลูกชายวันสิบห้าของเขาที่กำลังโตเป็นหนุ่มไล่ๆกับบอมบอม
บอมบอมเข้ามาในบ้านหลังใหญ่โต ที่แสนจะเงียบเหงา มีเพียงเขากับคนรับใช้ร่วมสิบ ส่วนพ่อแม่ของบอมบอมกลับดึกทุกค่ำคืน
บอมบอมมักจะรับประทานข้าวคนเดียวอยู่เป็นเนืองนิจ ค่ำคืนนี้ก็เช่นเดิมไม่อาจหลีกพ้น ซึ่งเป็นบรรยากาศที่เขาแสนจะเบื่อหน่าย
อาหารเต็มโต๊ะชั้นเลิศที่ใครเห็นต้องอยากทาน แต่บอมบอมเพียงแค่เห็นก็แท่บจะอิ่ม เขาทานเพียงน้อยนิดก่อนจะขึ้นมาที่ห้องเพื่อนอนเล่นมือถือ แซทคุยกับเพื่อนเรื่องไปเรียนในมหาวิทยาลัยพรุ่งนี้เป็นวันแรก แต่แล้วบอมบอมก็ต้องหยุดเล่นทันทีเพราะเสียงเคาะประตู
บอมบอมจึงออกไปเปิดประตู ก็ได้เห็นแม่ของเขายังอยู่ในชุดทำงาน
“บอมบอมยังไม่นอนอีกเหรอ มัวทำอะไรอยู่”
“คุยกับเพื่อนอยู่ครับ”
“วันนี้แม่กับพ่อต้องขอโทษบอมบอมนะ ที่ไม่ได้พาไปทานข้าว พอดีลูกค้าเรื่องมากต้องคุยกันยาว”
“ผมเข้าใจครับ” บอมบอมพยักหน้า
“วันนี้พ่อเลยโทรให้อาเอกมาส่งลูก”
พอได้ยินชื่ออาเอกเท่านั้นแหล่ะ บอมบอมกระชุ่มกระซวยขึ้นมาทันที เลยอยากถามไถ่ประวัติของอาเอกทันที
“อาเอกทำงานที่นี่นานแล้วเหรอครับแม่”
“ก็นานอยู่นะสิบกว่าปีเห็นจะได้”
“ถามทำไมลูก”แม่บอมบอมมีท่าทีสงสัย
“ผมไปทีไรก็ไม่เห็นอาเอกเลย”
“อ๋อ ก็อาเอกเป็นผู้จัดการฝ่ายการขาย จึงออกไปพบปะลูกค้าบ่อยๆ ไม่ค่อยได้อยู่ออฟฟิคหรอก"
“อาเอกนี่เขาชื่อจริงอะไรเหรอครับ”บอมบอมถามเพื่อจะไปค้นหาในโซเซียล เฟสบุ๊ค ไอจี เพราะอยากรู้เรื่องราวของอาเอก
“อยากรู้ไปทำไม”
“ก็ลูกน้องพ่อกับแม่นี่ก็อยากรู้จักไว้บ้าง อาเอกเขาใจดีสุภาพ อาเอกเขารับปากว่าจะเป็นที่ปรึกษาให้บอมบอม ตอนเรียนหนังสือในมหาวิทยาลัย”บอมบอมโกหกหน้าตาย
“อ่อ ดีมากลูก อาเอกเขาเป็นคนเก่งถ้าลูกได้เรียนรู้จากเขาถือว่าโชคดีมาก อาเอกเขาชื่อ เอกราช สุดใจ “
“เอกราช สุดใจ “ บอมบอมพูดจบก็อมยิ้ม
แม่ของบอมบอมเห็นว่าดึกพอสมควร และในส่วนของตัวเธอก็รู้สึกง่วงนอนมากจนผิดสังเกต
“บอมบอมนอนได้แล้ว พรุ่งนี้ต้องไปเรียนวันแรกแต่เช้า”
ผู้เป็นแม่จับไหล่ของบอมบอมแล้วดึงร่างบอมบอมมากอดไว้
“พ่อกับแม่รักบอมบอมมากนะ วันนี้ไม่รู้ว่าแม่เป็นอะไรอยากกอดบอมบอม กลัวบอมบอม ฮือ แม่คงคิดไปเรื่อย นอนเถอะลูก แม่ก็ง่วงนอนเหมือนกัน”
แม่ของบอมบอมละร่างออกจากลูกชาย แล้วจ้องมองบอมบอมสักพักก็หันหลังกลับเดินไปที่ห้องของตัวเอง
ส่วนบอมบอมนั้นรู้สีกใจหายที่แม่มีท่าทีแปลกไป บอมบอมมองแม่ของเขาเดินไปจนถึงห้องนอน หลังจากนั้นเขาจึงปิดประตู ส่วนแม่ของบอมบอมก็หันหลังกลับมามอง แต่ก็ไม่เห็นลูกชายแล้วเธอจึงถอนหายใจ พร้อมเปิดประตูเข้าไปในห้องนอนด้วยความรู้สึกแปลกๆ
บอมบอมรีบเดินมาที่เตียงนอน เพื่อที่จะค้นหาประวัติอาเอกในเฟสบุ๊ค บอมบอมมลองพิมชื่อ เอกราช สุดใจ ก็เด้งขึ้นมาทันที บอมบอมจึงไล่ดูรูปของเอกทุกรูป จนมาถึงรูปเก่าๆสมัยยี่สิบปีกว่าปีที่แล้ว ที่เอกนำมาลงในเฟสบุีค
บอมบอมจ้องมองไม่กระพริบตา พราะหน้าตาของเอกนั้นหล่อคม บอมบอมเลยไล่ดูไปเรื่อยๆถ้ามีรูปคู่กับภรรยาและลูก บอมบอมจะเลื่อนผ่านไปในทันที ดูในเฟสจบก็ต่อด้วยไอจี เพราะเอกทำลิงค์ไว้ให้ติดตามกัน
บอมบอมไล่ดูจนเวลาเกือบเที่ยงคืน เขาก็ยังไม่นอน เพราะไม่ได้ดูรูปเอกในเฟสและไอจีแคนั้น แต่ยังดูคลิปติ๊กต๊อกที่เอกลงคลิปเล่นกีต้าร์ร้องเพลงยุค 90 บอมบอมเลื่อนฟังไปเรื่อยๆ จนมาสะดุดกับเพลงปาฏิหารย์ บอมบอมกดรีเฟรชหลายรอบมาก เขาเลยมีความคิดแปลงไฟล์เพลงนี้บันทึกลงเครื่องทำเป็นMP3 บอมบอมจึงเริ่มแปลงไฟล์เพลงในทันทีทันใด
ซึ่งก็ใช้เวลาไม่นานนัก
เมื่อใกล้ถึงเวลาเที่ยงคืนซึ่งเหลือเพียงไม่กี่นาที บอมบอมรู้สึกง่วงนอนจนอดรนทนไม่ไหว เขาจึงล้มตัวลงนอนบนเตียงพร้อมนำมือถือมาวางไว้ข้างหู เปิดเพลงปาฏิหารย์ของเอกที่ทำเป็นmp3ฟังโดยตั้งค่าเล่นซ้ำอัตโนมัติ บอมบอมฟังได้ไม่กี่รอบก็หลับไปอย่างไม่รู้ตัว
รักแล้วไม่กลัวเจ็บ แต่ต้องเก็บเป็นความลับ เพราะไม่สามารถเปิดเผยรักที่แท้จริงได้ จึงต้องฝืนทนกล่ำกลืนรักที่แสนรันทัด แต่ถึงกระนั้นทั้งคู่ก็ไม่กลัวที่จะได้รักกัน ถึงแม้จะเป็นรักที่เจ็บๆแต่จริงใจและห่วงใย
สุดท้ายเราก็รักกันไม่ได้ ถึงแม้ถ่ายไฟเก่าจะลุกขึ้นจนมอดไหม้ ไม่มีเหลือชิ้นดี
ชายหนุ่มผู้เดินตามความฝัน ซึ่งในระหว่างทางต้องพบเจออุปสรรคมากมาย กว่าจะเจอรักแท้ที่โหยหามานาน
นาธัชชาถูกทำร้ายร่างกายและจิตใจจากผู้เป็นพ่อ เพียงเพราะเธอมีส่วนทำให้แม่ต้องตาย ใครจะคิดว่าชีวิตเด็กเจ็ดขวบ จะถูกโชคชะตาเล่นตลกครั้งแล้วครั้งเล่า และพลิกผันจนกลายเป็น 18 มงกุฏ เพื่อความอยู่รอดของชีวิต ฟาเบียน (อายุ 35 ปี) ชายหนุ่มรูปหล่อทายาทคนโตแห่งมาร์ตินกรุ๊ป เจ้าของธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ที่มีธุรกิจโรงแรมทั้งที่ไทยและฝรั่งเศส ชีวิตของเขามีพร้อมทุกอย่างแต่กลับไร้เงาของสาวข้างกาย ใครๆ ก็พูดว่าเขาตั้งมาตรฐานผู้หญิงที่จะมาเป็นคู่ชีวิตไว้สูง บางคนบอกว่าระดับเขาต้องได้ผู้หญิงระดับนางงามที่มีมงกุฏการันตีความสวย ซึ่งมันก็คงจะจริง เพราะสาวที่เข้ามาพัวพันเป็นสาวสวยที่มีมุงกุฏการันตี และไม่ได้มีแค่มงกุฏเดียว เพราะเธอเป็น 18 มงกุฏ นาธัชชา (อายุ 20 ปี) นาธัชชาหรือหนูนา เด็กหญิงผู้เผชิญกับชีวิตที่แสนรันทดตั้งแต่อายุแค่เจ็ดขวบ เธอถูกพ่อแท้ๆ ยัดเยียดให้เป็นตัวซวย เพียงเพราะมีส่วนทำให้แม่ต้องตาย ชีวิตของเธอต้องพลิกผันซ้ำแล้วซ้ำเล่า เป็นกราฟชีวิตที่มีแต่จะตกต่ำ จนถึงขั้นต้องเป็น 18 มงกุฏ เพียงเพราะความอยู่รอดของชีวิต ความแตกต่างและความห่างชั้นทางสังคม จะชักนำให้เขาและเธอมาเจอกันได้อย่างไร เรามาติดตามไปพร้อมๆ กันค่ะ - ฟาเบียน ลูกชายคนโตของ เซดริก และมาลารินทร์ จากเรื่อง Malalin of love ร้อยรักมาลารินทร์ - นาธัชชา หรือหนูนา ตัวละครใหม่ คำเตือน -นิยายเรื่องนี้แต่งขึ้นมาเพื่อความบันเทิงเท่านั้น มิได้มีเจตนาชี้นำหรือเป็นตัวอย่างให้นำไปใช้ในชีวิตจริง -นิยายอาจมีเนื้อหาบางช่วงบางตอนที่ไม่เหมาะสม ทั้งเรื่องเพศ และมีคำหยาบคาย โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน - นิยายเรื่องนี้เหมาะสมกับผู้อ่านที่มีอายุ 20 ปีขึ้นไป
เมื่อพวกเขาพบกันอีกครั้ง ฟู่หนานเซียวก็ขจัดความหวาดระแวงและความเย่อหยิ่งให้หมดแล้ว และกอดเมิ่งชิงหนิงอย่างแน่น "กลับมาอยู่กับผมดีมั้ย?" เธอเคยเป็นเลขาของเขา และเป็นคู่นอนของเขาในตอนกลางคืนด้วย ใช้ชีวิตแบบนี้กินเวลาสามปี เมิ่งชิงหนิงทำตามที่เขาบอกโดยตลอด ราวกับสัตว์เลี้ยงที่ว่าง่าย จนกระทั่งฟู่หนานเซียวประกาศว่าเขากำลังจะแต่งงานกับคนอื่น เธอจึงตัดสินใจให้พ้นจากความรักที่ไร้ค่าของตนเองและเตรียมจะจากไป แต่ใครจะไปรู้ว่า มีเหตุไม่คาดคิดเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง ความพัวพันของเขา การตั้งครรภ์ของเธอ และความโลภของแม่เธอค่อยๆ ผลักเธอลงสู่นรก สุดท้ายก็โดนทรมานอย่างหนัก เมื่อเธอกลับมาในอีกห้าปีต่อมา เธอก็ไม่ใช่คนเดิมอีกต่อไป แต่เขาตกอยู่ในความบ้าคลั่งห้าปี
"ไล่ผู้หญิงคนนี้ออกไปซะ" "โยนผู้หญิงคนนี้ลงทะเลซะ" ขณะที่ไม่รู้จักตัวตนที่แท้จริงของเหนียนหย่าเสวียน โฮว่หลิงเฉินได้ปฏิบัติต่อเธออย่างไม่เป็นมิตร "คุณหลิงเฉินครับ เธอคือภรรยาของท่านครับ" ผู้ช่วยของหลิงเฉินกล่าวเตือนเขา เมื่อได้ยินเช่นนั้น หลิงเฉินหยุดเพ่งมองไปที่เขาอย่างเย็นชาและบ่นขึ้นมาว่า "ทำไมไม่บอกผมให้เร็วกว่านี้?" นับจากนั้นเป็นต้นมา หลิงเฉินได้ตามใจและรักใคร่ทะนุถนอมหย่าเสวียนมาตลอด โดยไม่มีใครคาดคิดว่าพวกเขาจะหย่าร้างกัน
กู้ชิงเฉิงเชื่อมั่นมาตลอดว่าตราบใดที่เธอประพฤติตัวดี สักวันหนึ่ง เธอก็จะสามารถชนะใจมู่ถิงเซียวให้ได้ อย่างไรก็ตาม เมื่อเสิ่นถัง รักแรกที่เขาคิดถึงมาตลอดกลับมา ทุกอย่างก็เปลี่ยนไป กู้ชิงเฉิงเป็นคนว่าง่ายสอนง่ายจริงๆ เธอจัดงานแต่งงานด้วยคนเดียว และนอนคนเดียวในห้องผ่าตัดเพื่อรับการรักษาฉุกเฉิน มีข่าวลือว่าเธอบ้าไปแล้ว อันที่จริงเธอบ้าไปแล้วจริงๆ ที่รักใครสักคนอย่างไม่ละอายขนาดนี้ ต่อมา ทุกคนลือกันว่า กู้ชิงเฉิงป่วยหนักและกำลังจะเสียชีวิต มู่ถิงเซียวถึงสูญเสียการควบคุมอย่างสิ้นเชิง "ฉันไม่ปล่อยให้เธอตาย" แต่เธอกลับยิ้มอย่างนิ่งๆ ว่า "ดีจังเลย ฉันเป็นอิสระแล้ว" ใช่แล้ว ไม่ต้องการกู้ชิงเฉิงอีกแล้ว"
ทะลุมิติมาในนิยายยุค 80 ว่ายากลำบากแล้วเธอยังต้องมาเลี้ยงลูกแฝดและวางแผนหนีชะตาชีวิตที่นักเขียนระบุให้ตายอย่างทรมานภายใต้เงื้อมมือของพ่อตัวร้ายอีก สวรรค์!ยังจะมีตัวละครทะลุมิติใดบัดซบเท่าเธออีกหรือไม่