ย้อนเวลากลับมาก็ดี หรือจะเป็นเพียงฝันหนึ่งก็ช่าง แต่ข้ารู้แล้วว่าการงมงายกับความรักข้างเดียวนั้นมันช่างน่าเวทนายิ่งนัก ในเมื่อข้าพยายามมามากแล้วแต่ท่านกลับไม่เห็นค่า เช่นนั้นก็พอเท่านี้เถอะ
ตัวละครหลัก
*ฟางหนิงหลิน อายุ19หนาว บุตรสาวของฟางรั่วซานแม่ทัพผู้บัญชาการใหญ่รักษาเมืองหลวง
*เหยาลี่เซียน อายุ18หนาว องค์หญิงเกิดจากฮ่องเต้กับหลัวฮองเฮา(ฮองเฮาองค์ปัจจุบัน)
*เจียงเจียวซิน อายุ19หนาว บุตรสาวของเจียงจี้ต๋ารองแม่ทัพผู้บัญชาการรักษาเมืองหลวง
*เหยาซีฮัน อายุ24หนาว องค์ชายใหญ่เกิดจากฮ่องเต้กับหลัวฮองเฮา(ฮองเฮาองค์ปัจจุบัน) ตำแหน่งไท่จื่อหรือองค์รัชทายาท
*เหยาหวังเหว่ย อายุ23หนาว องค์ชายรองเกิดจากฮ่องเต้กับตงฮองเฮา(ฮองเฮาพระองค์ก่อน) ตำแหน่งชินอ๋อง
*เหยาซิงอี อายุ21หนาว องค์ชายสามเกิดจากฮ่องเต้กับตงฮองเฮา(ฮองเฮาพระองค์ก่อน) ตำแหน่งจวิ้นอ๋อง
*สวีจื้อซาน อายุ24หนาว บุตรชายของเสนาบดีสวี เสนาบดีสำนักตรวจราชการ ตำแหน่งองครักษ์
*เสิ่นหลิวหยาง อายุ23หนาว บุตรชายของแม่ทัพใหญ่เสิ่น ตำแหน่งแม่ทัพ
หน้ากระโจมหลังหนึ่งที่ตั้งอยู่หลังค่ายทหาร มีนายทหารสองคนยืนเฝ้าอยู่ด้านหน้า เพียงทหารผู้น้อยสองนายเห็นสตรีผู้หนึ่งเดินมา พวกเขาก็รีบก้มหน้าก้มตาทำความเคารพอย่างนอบน้อม
“พวกท่านถอยออกไปก่อนได้หรือไม่ ข้ามีเรื่องอยากจะพูดกับนางสักหน่อย” หญิงสาวเอ่ยด้วยน้ำเสียงและท่าทางที่อ่อนโยน
“พระชายา พระองค์ทรงเกรงใจพวกกระหม่อมมากไปแล้วพ่ะย่ะค่ะ แค่เพียงพระองค์ตรัสสั่งมีหรือทหารต้อยต่ำอย่างพวกกระหม่อมจะกล้าไม่ทำตาม”
“เช่นนั้นข้าก็ขอบใจพวกท่านมาก”
“เชิญพระชายาตามสบาย พวกกระหม่อมจะถอยออกไปรออยู่ไม่ไกลมากนัก หากมีเรื่องอันใดพระองค์เรียกพวกกระหม่อมได้เลยพ่ะย่ะค่ะ”
เมื่อทหารทั้งสองนายพูดจบก็ถอยหลังเดินออกจากบริเวณนั้นไป สตรีสูงศักดิ์เดินเข้าไปด้านในกระโจม ขนาดของกระโจมหลังนี้ไม่ได้ใหญ่มากนัก ภายในมีสตรีผมเผ้ารุงรัง เสื้อผ้าขาดวิ่นเผยให้เห็นผิวขาวเป็นบางส่วน หน้าตามอมแมมเนื้อตัวดูสกปรก รูปร่างผอมโซไร้วี่แววว่าเคยเป็นคุณหนูตระกูลใหญ่ที่มีอำนาจ
สตรีนางนั้นเมื่อเห็นสตรีสูงศักดิ์เดินเข้ามาก็รีบลุกขึ้นวิ่งมาหานางทันที แต่ยังไม่ทันจะถึงตัวสตรีสูงศักดิ์โซ่ที่ล่ามขาของนางก็ตึงนางไว้จนล้มลงไปนอนกับพื้น
สตรีสูงศักดิ์ถึงจะตกใจที่นางวิ่งเข้ามาหา แต่เมื่อเห็นนางล้มลงไปกองอยู่ที่พื้นก็ยกยิ้มขึ้นมาอย่างพอใจ สตรีสูงศักดิ์ก้าวเดินต่อเข้าไปหานาง และหยุดยืนอยู่ตรงหน้าของสตรีผอมโซ ก่อนจะใช้สายตาเหยียดหยามมองดูนางที่พยายามลุกขึ้นนั่ง
“เจียวซินช่วยข้าด้วย ข้าผิดไปแล้ว ข้าขอโทษ”
สตรีที่ถูกล่ามโซ่จับขาของสตรีสูงศักดิ์ไว้และร้องขออย่างน่าเวทนา แต่กลับไร้วี่แววว่าสตรีสูงศักดิ์ผู้นั้นจะเห็นใจในการกระทำของนาง มิหนำซ้ำนางยังสะบัดขาหนีและมองมายังหญิงสาวที่ถูกล่ามโซ่อย่างดูแคลน
แต่สตรีที่ถูกล่ามโซ่กลับคิดว่าตัวนางเองคงไร้มารยาท เพราะถึงอย่างไรตอนนี้นางและเจียงเจียวซินก็ฐานะแตกต่างกันมาก บวกกับสิ่งที่นางกระทำต่อเจียงเจียวซินก็คงทำให้เจียงเจียวซินโกรธเคืองอยู่ไม่น้อย
“ขออภัยเพคะ หม่อมฉันลืมตัวไปจึงได้แสดงท่าทางไร้มารยาทต่อพระองค์ หม่อมฉันขอร้องพระชายาองค์รัชทายาทช่วยหม่อมฉันด้วยเพคะ หม่อมฉันผิดไปแล้วหม่อมฉันขอโทษเพคะ พระองค์ยกโทษให้หม่อมฉันได้หรือไม่” นางลุกขึ้นนั่งพร้อมทั้งยกมือไหว้อ้อนวอนขอให้เจียงเจียวซินอภัยแก่นาง
“เจ้าทำอันใดผิดอย่างนั้นหรือ” เจียงเจียวซินพูดด้วยน้ำเสียงเย้ยหยัน
“หม่อมฉันผิดที่วางยากำหนัดพระองค์กับองค์รัชทายาท ทำให้พระองค์เสียใจ แต่ที่หม่อมฉันทำไปเพียงเพราะหม่อมฉันอยากให้ท่านอ๋องเลิกคิดคำนึงถึงพระองค์ก็เท่านั้น หม่อมฉันคิดว่าหากพระองค์แต่งงานออกเรือนไปแล้ว ท่านอ๋องจะหันมาสนใจหม่อมฉันบ้าง หม่อมฉันรู้ว่าหม่อมฉันทำผิดต่อพระองค์ หม่อมฉันจึงเลือกวางยาองค์รัชทายาทแทนที่จะเลือกวางยาท่านแม่ทัพ เพราะหม่อมฉันคิดว่าหากให้พระองค์เป็นชายาองค์รัชทายาทก็คงดีกว่าเป็นฮูหยินท่านแม่ทัพ และนี่เป็นอย่างเดียวที่ทำให้หม่อมฉันรู้สึกผิดต่อพระองค์น้อยลง” นางเอ่ยความในใจที่มีออกมา
“ฟางหนิงหลินนะฟางหนิงหลิน เจ้าคิดจริง ๆหรือว่าข้าเสียใจ ข้าต้องขอบใจเจ้าด้วยซ้ำที่ทำให้ข้าสมหวัง” เจียงเจียวซินหัวเราะเสียงดังพร้อมแสดงสีหน้าเยาะเย้ย
“พระองค์หมายความว่าอย่างไรเพคะ” ฟางหนิงหลินคิ้วขมวดติดกันเมื่อเห็นท่าทางของเจียงเจียวซิน
“เจ้าคิดว่าข้ารักท่านอ๋องอย่างนั้นหรือ” เจียงเจียวซินยกยิ้มขึ้นก่อนจะเอ่ยต่อ
“เปล่าเลย ข้าเพียงแค่รู้ว่าเจ้าชอบท่านอ๋อง จึงคิดอยากแย่งเขามาเพื่อให้เจ้าเสียใจก็เท่านั้น ที่จริงตอนที่เจ้าแต่งกับท่านอ๋องข้าเองก็เจ็บใจอยู่บ้างที่เจ้าสมหวัง และไม่สามารถมีอำนาจมากกว่าเจ้าได้ ข้าต้องขอบใจเจ้ามากจริง ๆที่ทำให้ข้ามีอำนาจมากกว่าเจ้า และที่สำคัญไปกว่านั้นข้ายังสามารถทำให้เจ้าและครอบครัวตกต่ำได้อย่างเช่นวันนี้” เจียงเจียวซินพูดเสร็จก็หัวเราะออกมาเสียงดังอย่างสะใจ
ฟางหนิงหลินถึงกับใบหน้าถอดสีที่ได้รับรู้ความจริงจากปากเจียงเจียวซิน เพราะตั้งแต่เกิดเรื่องขึ้นในวันนั้นนางก็รู้สึกผิดต่อเจียงเจียวซินมาตลอด แต่ตอนนี้นางได้รู้แล้วว่าไม่ใช่อย่างที่นางคิดไว้เลย นางต่างหากที่เป็นคนตกหลุมพรางกลายเป็นหมากให้ผู้อื่น
เจียงเจียวซินเห็นสีหน้าของฟางหนิงหลินก็ถึงกับยิ้มยกขึ้น นางย่อตัวลงไปนั่งใกล้ ๆกับฟางหนิงหลินก่อนจะเอ่ยเสียงเบา ๆ เพื่อเล่าถึงเรื่องราวต่าง ๆที่นางได้ทำกับฟางหนิงหลินและคนรอบตัวของฟางหนิงหลินด้วยน้ำเสียงที่บ่งบอกถึงความสาแก่ใจ
ฟางหนิงหลินที่นั่งเหม่อลอยคิดไตร่ตรองความผิดที่นางได้กระทำลงไปด้วยความโง่เขลาและดื้อรั้น นางได้ยินเรื่องราวทั้งหมดน้ำตาก็ไหลอาบแก้มจนหยุดไม่ได้ ก่อนที่นางจะตาเบิกโตเมื่อได้รับรู้สาเหตุการตายของท่านพ่อท่านแม่ว่าหาได้กระทำความผิดไม่ เพียงแต่ถูกใส่ความทำให้ถึงกับตรอมใจตาย เพียงแค่ได้ยินแค่นั้นก็ทำให้สติของนางขาดสะบั้น นางกระชากปิ่นทองที่ปักผมของเจียงเจียวซินอยู่ออกมาโดนที่เจียงเจียวซินไม่ทันได้ตั้งตัว
เจียงเจียวซินกว่าจะตั้งสติได้ก็หลบปลายแหลมของปิ่นไม่พ้นเสียแล้ว นางได้แต่ส่งเสียงกรีดร้องออกมาอย่างตกใจ ปลายปิ่นทองที่แหลมคมปักเข้าที่ลำคอของนางและถูกกระชากออกอย่างรวดเร็ว เลือดสาดกระเซ็นออกมาตามปิ่นที่ถูกกระชากออก
เจียงเจียวซินรีบใช้มือปิดบาดแผลที่คอ ก่อนจะร้องส่งเสียงให้ทหารเวรข้างนอกเข้ามาช่วยพร้อมกับรีบลุกขึ้นอย่างลุกลี้ลุกลนเพื่อหนีฟางหนิงหลินแต่ไม่ทันเสียแล้ว ฟางหนิงหลินจับข้อเท้าของเจียงเจียวซินจนนางล้มลงก่อนจะลากตัวนางเข้ามาใกล้และขึ้นคร่อมร่างของเจียงเจียวซินไว้
ฟางหนิงหลินใช้ปิ่นกระหน่ำแทงอย่างไม่คิดชีวิตราวกับคนเสียสติ นางไม่สนใจว่าปิ่นนั้นจะทิ่มแทงโดนที่ใดบ้าง นางหวังเพียงแค่แทงให้คนที่อยู่ใต้ร่างได้ตายอย่างทรมานเป็นพอ เจียงเจียวซินทั้งปัดป้องและร้องเรียกทหาร แต่แรงของนางก็ไม่สามารถจะสู้ฟางหนิงหลินที่กำลังคลุ้มคลั่งได้เลย
ทหารที่อยู่ด้านนอกเมื่อได้ยินเสียงกรีดร้องก็รีบวิ่งกลับมายังกระโจมทันที เมื่อเขาเปิดกระโจมเข้ามาก็ถึงกับหน้าซีดเผือดเมื่อเห็นพระชายานอนอยู่ใต้ร่างของฟางหนิงหลิน เนื้อตัวของทั้งคู่เปรอะเปื้อนไปด้วยเลือด ถึงจะแยกไม่ออกว่าเลือดนี้เป็นของใคร แต่การที่พระชายาถูกทำร้ายขณะที่พวกเขาทำหน้าที่อยู่นั้น พวกเขาก็คงรักษาชีวิตไว้ไม่ได้เป็นแน่ ทหารนายหนึ่งรีบตวาดเสียงดังเพื่อให้ฟางหนิงหลินหยุด
แต่กลับไม่เป็นเช่นนั้นเมื่อฟางหนิงหลินหันมาเห็นทหารทั้งสอง ถึงจะทำให้นางหยุดชะงักไปช่วงหนึ่ง แต่ทำให้นางคิดได้ว่าหากครั้งนี้ฆ่าเจียงเจียวซินไม่ได้นางคงไม่มีโอกาสลงมืออีกแล้ว นางจึงใช้ปิ่นแทงลงบนอกของเจียงเจียวซินและใช้แรงทั้งหมดกดย้ำลงไป จนในที่สุดเจียงเจียวซินก็นอนตาเหลือกแน่นิ่งไป
ทหารทั้งสองกระชากฟางหนิงหลินออกจากร่างเจียงเจียวซินทันทีที่ถึงตัวนาง นางตั้งสติได้และรับรู้ชะตาที่จะเกิดขึ้นกับตนเอง เมื่อเห็นมีดสั้นที่อยู่ข้างเอวของนายทหาร นางจึงลุกขึ้นไปกระชากมีดสั้นนั้นมา ถึงทหารผู้นั้นจะตั้งสติได้อย่างรวดเร็วแต่ก็ไม่ทันที่จะแย่งมีดนั้นมาได้เพราะบัดนี้นางได้ปักมีดสั้นเล่มนั้นลงบนอกของนางเสียแล้ว
นางล้มลงนอนบนพื้นเลือดค่อย ๆซึมออกมาจนไหลกองนองพื้น ภาพสุดท้ายก่อนนางจะหมดลมหายใจ กลับได้เห็นบุรุษที่นางรักวิ่งเข้ามาในกระโจมด้วยสีหน้าตกตะลึง
“ข้าขอโทษ ความผิดข้าเองหากมีโอกาสอีกครั้ง ข้าจะไม่ขอเป็นชายาของท่านอีก” นางเอ่ยด้วยเสียงแผ่วเบาก่อนจะสิ้นใจไปในที่สุด
‘สวรรค์หรือโชคชะตาที่เล่นตลก คนอื่นทะลุมิติมามีแต่คนรุมรัก ทว่าตั้งแต่ข้าฟื้นมามีแต่คนอยากจะฆ่า ในเมื่อข้าอยากเป็นเพียงคุณหนูเสพสุขไปวัน ๆ แต่บารมีไม่ถึงวาสนาไม่อำนวย เช่นนั้นข้าจะทำตามลิขิตฟ้า กลายเป็นนางร้ายอย่างที่สวรรค์ต้องการ’
เมื่อน้องสาวฝาแฝดแสนอ่อนแอต้องแต่งเข้ามาเป็นฮองเฮาเพื่อมาสืบเรื่องราวการตายของวงศ์ตระกูลที่แท้จริง และได้มาเจอกับฮ่องเต้ที่มีปมฝังใจจนกลายเป็นคนขี้ระแวง แฝดผู้พี่จึงต้องปลอมตัวเป็นน้องสาวเพื่อมาจัดการกับสนมที่ข่มเหงน้องสาวฝาแฝดของนางและต่อกรกับฮ่องเต้ที่ไม่สนใจใยดีฮองเฮาของตนเอง แถมยังต้องตามสืบหาความจริง แต่นางจะสามารถทำได้สำเร็จดั่งที่ตั้งใจไว้จริงหรือ?
เมื่อเพื่อนรักที่ไว้ใจแอบทรยศคบกับชายที่ตนรัก และชายที่ตนรักกลับรังเกียจตนจนไม่แม้แต่จะแตะต้องเนื้อตัวเธอ สิ่งที่เธอทำได้คือต่างคนต่างอยู่ แต่ในวังหลังแห่งนี้เธอจะทำอย่างนั้นได้จริงหรือ? ตัวอย่างเนื้อเรื่อง “เจ้ามีอันใดจะกล่าวหรือไม่... สนมหลี่กุ้ยเฟย” น้ำเสียงราบเรียบก่อนจะเน้นที่ละคำในประโยคท้ายอย่างหนักแน่น “ฮองเฮาแน่ใจแล้วหรือเพคะ ว่าจะให้หม่อมฉันทูลทุกอย่างต่อหน้าข้าราชบริพารเหล่านี้ หากมีข่าวแพร่ออกไปอีก ฮองเฮาทรงทนฟังคำนินทาเหล่านั้นได้หรือไม่” หลี่ฟางซินกล่าวพร้อมยิ้มอ่อนๆ หลี่ฟางซินย่อมรู้ดีว่าเย่วลี่อิงคงได้ยินคำนินทาเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อคืนแล้วจึงได้พูดเน้นย้ำ หวังจะกระตุ้นให้นางลงมือทำร้ายตน “คำนินทาเรื่องใดกัน เรื่องที่เจ้าเป็นนางอสรพิษนะหรือ เหตุใดเราจะทนฟังไม่ได้เล่า” เย่วลี่อิงตรัสพร้อมยักไหล่อย่าไม่แยแส มีหรือเย่วลี่อิงจะดูไม่ออกว่า ข่าวลือที่แพร่ออกไปนั้นมาจากผู้ใด หากเป็นแต่ก่อนนางย่อมไม่คิดว่าเป็นสหายคนสนิทของนางเป็นแน่ แต่บัดนี้นางรู้แล้วว่าหญิงที่ยืนตรงหน้านางหาใช่สตรีอ่อนหวานแสนดีอย่างที่นางรู้จักไม่ “หม่อมฉันเป็นนางอสรพิษตั้งแต่เมื่อใดกันเพคะ หม่อมฉันและฝ่าบาทมีใจรักใคร่กันมาเนิ่นนาน หากไม่ใช่เพราะฮองเฮาใช้ความดีของท่านแม่ทัพทูลขอให้ฮ่องเต้องค์ก่อนพระราชทานงานแต่ง วันนี้ตำแหน่งฮองเฮาก็ไม่แน่ว่าจะเป็นของใคร” “เจ้านางแพศยา หากเจ้ามีใจให้ฝ่าบาท แล้วทำไมไม่บอกข้า ยังแสดงแกล้งเป็นแม่สื่อนำของที่ข้ามอบให้ฝ่าบาท ฝากผ่านพี่ชายเจ้าช่วยมอบของให้ฝ่าบาทแทนข้า” เย่วลี่อิงเริ่มพูดด้วยอารมณ์ขุ่นเคือง “ของอันใดกันเพคะ หม่อมฉันไม่เคยนำของ ของพระองค์มอบให้ฝ่าบาทเลยนะเพคะ ยิ่งให้พี่ชายช่วยส่งแทนให้ยิ่งมิเคย” น้ำเสียงเยาะเย้ยบวกกับรอยยิ้มยียวนของหลี่ฟางซินทำให้เย่วลี่อิงหัวเสียมากขึ้น “นี้เจ้าเอาของของเราไปทิ้งอย่างนั้นหรือ” “ฮองเฮาพูดถึงเรื่องอะไรเพคะ หม่อมฉันไม่เห็นรู้เรื่องเลย พระองค์อย่าได้ใส่ความหม่อมฉันสิเพคะ” “นี้เจ้า”
"นางเป็นบุตรีผู้สูงศักดิ์ของฮูหยินเอกของจวนเสนาบดี นางมีหน้าตาโดดเด่น ทั้งอ่อนโอนและมีน้ำใจไมตรีต่อผู้อื่น แต่... นางทำดีต่อป้าของนาง นางกลับฆ่าแม่ของนางตาย นางรักเอ็นดูน้องสาวของนาง แต่น้องสาวกลับแย่งสามีของนางไป นางคอยสนับสนุนและดูแลสามีของนางอย่างสุดหัวใจ แต่สามีกลับทำให้นางตายทั้งกลม...ตระกูลฝ่ายมารดาของนางก็ถูกประหารชีวิตทั้งตระกูลด้วย นางตายตาไม่หลับและสาบานว่าหากมีชาติหน้า นางจะไม่เมตาตาต่อใครอีก ใครก็ตาม กล้ามาทำร้ายข้า ข้าจะล้างแค้นด้วยชีวิตทั้งตระกูลของพวกเจ้า เมื่อเกิดใหม่อีกครั้ง นางอายุได้สิบสี่ปี นางสาบานว่าจะต้องเปลี่ยนชะตากรรมและแก้แค้นชาติก่อน ป้านางใจ้ร้าย นางจะใจร้ายกลับยิ่งกว่านาง นางคิดจะได้ครองตำแหน่งฮูหยินงั้นเหรอ บอกเลยไม่มีทาง! ส่วนน้องสาวชอบผู้ชายชั่ว ๆ นักไม่ใช่หรือ ได้!ข้าจะยกให้เลย ส่วนชายชั่วนั่น ข้าจะทำให้เจ้าไม่สามารถมีทายาทได้อีกตลอดทั้งชาติ!แต่ข้าจะแก้แค้น เหตุใดเจ้าต้องมาช่วยข้าด้วย?"
ฉู่ว่านยู ผู้สืบเชื้อสายมาจากตระกูลแพทย์แผนโบราณ มีทักษะทางการแพทย์ที่ยอดเยี่ยม ยาที่เธอทำนั้นทุกคนต่างอยากได้ สามารถรักษาได้ทุกโรค แต่กลับไม่คาดคิดว่าจะย้อนยุค กลายเป็นผู้หญิงที่ขี้เหร่ที่สุดในใต้หล้า และยังเอาชนะใจท่านอ๋องด้วย การเริ่มต้นไม่ค่อยดีก็ไม่เป็นไร มาดูกันว่าเธอจะพลิกผันยังไง การแย่งการแต่งงานงั้นเหรอ? เธอทำให้น้องต้องรับบทเรียน แย่งสินเิมดลับมา ให้ชายั่วหญิงร้ายคู่นี้อยู่ด้วยกันตลอดไป ขี้ขลาดเหรอ? เธอจัดการพ่อร้าย สั่งสอนผู้หญิงเสแสร้ง! ขี้เหร่เหรอ? เธอรักษาพิษในตัว และกลายเป็นคนงามอันน่าทึ่ง! ลูกสาวขี้เหร่ของจวนอัครมหาเสนาบดี กลายเป็นผู้สูงส่ง แม้แต่ผู้โหดเหี้ยมบางคนยังหวั่นไหวกับเธอ เมื่อสุดที่รักจะจัดการผู้ใด เขามักจะช่วยเสมอ... แต่น่าเสียดายสุดที่รักคนนั้นไม่มีเขาอยู่ในใจ ฉู่ว่านยู "ออกไป หย่าเลย ผู้ชายมีแต่เป็นภาระของข้าเท่านั้น" เสี่ยวลี่จิงรู้สึกน้อยใจ "ไม่ได้ ข้าให้ครั้งแรกกับเจ้าแล้ว เจ้าต้องรับผิดชอบข้า"
ตลอดระยะเวลาสามปีที่หยุยเอินแต่งงานกับฝู้ถิงหย่วน เธอพยายามทำหน้าที่ภรรยาให้ดีที่สุด เธอคิดว่าความอ่อนโยนของตนจะสามารถละลายใจที่เย็นชาของฝู้ถิงหย่วนได้ แต่ต่อมาเธอก็รู้ตัวว่าไม่ว่าเธอจะพยายามแค่ไหน ผู้ชายคนนี้ก็ไม่มีวันจะตกหลุมรักเธอได้ ด้วยความสิ้นหวังของเธอ สุดท้ายเธอตัดสินใจที่จะยุติการแต่งงานครั้งนี้ ในสายตาของฝู้ถิงหย่วน หยุยเอิน ภรรยาของเขาเป็นผู้หญิงที่โง่ ไม่มีอะไรดีเลยสักอย่าง แต่เขาก็คิดไม่ถึงว่าภรรยาของเขาจะกล้าโยนใบหย่าใส่เขาต่อหน้าคนมากมายในงานเลี้ยงวันครบรอบฝู้ซื่อ กรุ๊ป หลังจากหย่าร้าง ทุกคนต่างคิดว่าพวกเขาจะไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกันอีกต่อไป แต่เรื่องราวระหว่างทั้งสองคงไม่ได้จบลงอย่างง่าย ๆ แบบนี้ หยุยเอินได้รับรางวัลบทภาพยนตร์ยอดเยี่ยม และคนที่เป็นผู้มอบถ้วยรางวัลให้กับเธอก็คือฝู้ถิงหย่วน หยุยเอินคิดไม่ถึงว่าผู้ชายที่สูงส่งและแสนเย็นชาคนนี้จะลดตัวลงอ้อนวอนเธอต่อหน้าผู้ชมทั้งหมด"หยุยเอิน ก่อนหน้านี้คือผมผิดเอง ขอโอกาสให้ผมอีกครั้งได้ไหม"หยุยเอินยิ้มด้วยความมั่นใจ"ขอโทษนะคุณฝู้ ตอนนี้ฉันสนใจแต่เรื่องงาน"ชายหนุ่มคว้ามือเธอไว้ ดวยตานั้นเต็มไปด้วยความผิดหวัง หยุยเอินสบัดมือเขาและเดินจากไปโดยปราศจากความลังเลใด ๆ
"ไล่ผู้หญิงคนนี้ออกไปซะ" "โยนผู้หญิงคนนี้ลงทะเลซะ" ขณะที่ไม่รู้จักตัวตนที่แท้จริงของเหนียนหย่าเสวียน โฮว่หลิงเฉินได้ปฏิบัติต่อเธออย่างไม่เป็นมิตร "คุณหลิงเฉินครับ เธอคือภรรยาของท่านครับ" ผู้ช่วยของหลิงเฉินกล่าวเตือนเขา เมื่อได้ยินเช่นนั้น หลิงเฉินหยุดเพ่งมองไปที่เขาอย่างเย็นชาและบ่นขึ้นมาว่า "ทำไมไม่บอกผมให้เร็วกว่านี้?" นับจากนั้นเป็นต้นมา หลิงเฉินได้ตามใจและรักใคร่ทะนุถนอมหย่าเสวียนมาตลอด โดยไม่มีใครคาดคิดว่าพวกเขาจะหย่าร้างกัน
เพิ่งหย่ากับอดีตสามีไปไม่นานแต่ปรากฏว่าตัวเองท้อง จะทำอย่างไรดี? หรือจะให้อดีตสามีรับผิดชอบ แต่ก็ไม่คิดว่าอดีตสามีมีคนรักใหม่ไปแล้ว ชีวิตของถังชีชีนั้นช่างสับสน ช่างน่าวิตกกังวลและไม่รู้จะอธิบายยังไงดี เธอต้องคอยระวังไม่ให้คุณเฟิงรู้เรื่องการตั้งครรภ์จนกระทั่งคลอดลูกออกมาอย่างปลอดภัย แต่ไม่คิดว่าจะถูกเขาบังคับถึงเพียงนี้ "เราหย่ากันแค่สี่เดือน แต่เธอกลับตั้งครรภ์ได้เจ็ดเดือนแล้ว บอกมาดี ๆ ว่า ลูกเป็นของใคร!"
หลังจากแต่งงานกันสามปี เจียงหยุนถังพยายามสุดความสามารถเพื่อช่วยชีวิตสามีที่ได้รับบาดเจ็บสาหัสจากอุบัติเหตุทางรถยนต์ โดยไม่คาดคิด ว่าเขาได้ละทิ้งเธอเหมือนกับขยะ รับรักแรกของเขากลับประเทศและตามใจเธอทุกอย่าง เจียงหยุนถังที่ท้อใจตัดสินใจหย่า และทุกคนต่างก็หัวเราะเยาะเธอที่กลายเป็นภรรยาที่ถูกทอดทิ้งจากตระกูลเศรษฐี อย่างไรก็ตาม เธอกลับเปลี่ยนแปลงตัวเองอย่างกะทันหันเป็นหมอเทวดาที่พบเจอยาก "Lillian"แชมป์แข่งรถที่มีฐานแฟนคลับจำนวนมาก และยังเป็นนักออกแบบสถาปัตยกรรมระดับโลกอีกด้วย ชายร้ายหญิงชั่วคู่นั้นเยาะเย้ยเธอว่า เธอจะไม่มีวันหาคู่รักได้ใ แต่ไม่คาดคิดว่าลุงของอดีตสามีของเธอ ซึ่งเป็นผู้บัญชาการทหารสูงสุดทำกแงทัพกลับมาเพียงเพื่อขอแต่งงานกับเธอ