ในฐานะลูกชายคนโตของแม่ที่เป็นนักธุรกิจใหญ่ หน้าที่ของเขาไม่ใช่สานต่อกิจการ แต่เป็นการหาเมียทำลูกสักครึ่งโหลต่างหากเล่า ----------------------- ความสันโดษของ อาทิตย์ โปรแกรมเมอร์หนุ่มฝีมือดีต้องสั่นคลอน เมื่อ จิณณา หรือแม่ขนุนอวบเข้ามาอาศัยอยู่ภายใต้ชายคาบ้าน หล่อนบอกว่าไม่มีที่ไป แถมยืนยันว่าร่างกายแข็งแรง พร้อมสู้ทุกงานอีกด้วย เขาไม่ได้เต็มใจรับ แต่ก็นะ...คุณสมบัติน่าสนใจขนาดนี้ ปล่อยไปก็คงเสียดาย สู้เก็บไว้ให้อยู่ใกล้ตัว เผื่อจะได้ใช้งานเองดีกว่า ---------------------- “อ้าว! จะทุบผัวให้ตายคาอกหรือไง” “ไม่ต้องเรียกตัวเองว่าอย่างนี้เลย” “เรียกว่าผัวนี่หรือ จนขนาดนี้แล้วถ้าฉันไม่เป็นผัวเธอ แล้วจะให้เป็นอะไร” “เป็นผัวเก็บ” “อะไรนะ!” อาทิตย์อุทานถามเสียงดัง เพราะไม่อยากเชื่อหูว่าหล่อนจะเรียกเขาด้วยถ้อยคำนี้ “คุณอั๋นว่าจิณเป็นเมียเก็บ เมียซุกในไร่ ถ้าอย่างนั้นคุณก็เป็นผัวเก็บของจิณ จิณจะซุกคุณไว้ในไร่นี้เหมือนกัน” “ผัวเก็บ? ผัวซุกในไร่? ใครสอนให้พูดอย่างนี้ มันน่าตีก้นให้เจ็บจริงๆ” “อย่าตีนะ ไม่งั้นจิณจะตีคุณด้วย” แม่ตัวแสบตั้งท่าเงื้อมือใส่เขา ก่อนที่เขาจะคิดทำหล่อนจริงจังด้วยซ้ำไป
ไม่มีอะไรน่าง่วงนอนไปกว่าการนั่งฟังคุณนายอรอรพูดโน้มน้าวให้เขาหาผู้หญิงมาทำลูกสักครอกอีกแล้ว
แค่นึกว่าในแต่ละวันที่ตื่นขึ้นมาแล้วเจอสิ่งมีชีวิตตัวจิ๋วที่ควบคุมได้ยากนั้นมาวิ่งเล่นส่งเสียงเจี๊ยวจ๊าวในบ้านที่เขาหนีมาสร้างอยู่กลางไร่กว้าง อาทิตย์ก็คิดว่าหายนะเกิดกับเขาแน่นอนแล้ว
ชายหนุ่มลอบถอนหายใจเป็นครั้งที่เท่าไรแล้วก็ไม่รู้ แต่ดูว่าคุณนายยังไม่มีวี่แววว่าจะยอมถอยเหมือนกัน ตราบใดที่ยังไม่ได้สิ่งที่ต้องการ
“ถ้าแกนึกถึงข้อดีของการมีครอบครัวไม่ออก ก็ลองจินตนาการว่า ถ้าปุบปับแกเป็นอะไรไป สมบัติที่แกหามาได้อย่างฟลุกๆ ตั้งมากมายจะตกเป็นของการกุศล แกจะทนได้เหรอ”
นี่เอาทุกทางเลยใช่ไหม กล่อมไม่สำเร็จก็แช่งให้ตายซะดื้อๆ เอากับคุณนายเขาสิ!
“แกว่าไง ฉันพูดจนปากเปียกปากแฉะมาเป็นชั่วโมง แกจะไม่หือไม่อือสักคำเลยหรือ”
“หิวน้ำไหมแม่”
อาทิตย์โพล่งถาม จ้องหน้าแม่นิ่งๆ แววตาบอกว่าจริงจัง ทำเอาคุณนายอรอรถึงกับชะงัก ความจังงังกระแทกเข้าอย่างจัง
“เมื่อกี้แกว่าอะไรนะ”
“ผมถามว่าหิวน้ำไหม หรือว่าอยากกินอะไรหรือเปล่า จะได้บอกเด็กให้ทำมาให้ แม่ก็รู้ตัวว่าพูดมาเป็นชั่วโมงแล้ว ถ้าไม่เหนื่อยก็ต้องหิวบ้างละ”
ได้ฟังคำพูดของลูกชายคนโต คุณนายเจ้าของห้างสรรพสินค้าประจำจังหวัดก็ถึงกับค้อนขวับ
“แกนี่จริงๆ เลย ที่บอกว่าให้แกพูด ฉันหมายถึงบอกให้ฉันรู้สักหน่อยว่าเมื่อไรแกจะเอาเมีย ฉันเตรียมไว้ให้เลือกตั้งหลายคน ดีๆ ทั้งนั้น ลูกผู้ว่าฯ ก็มี หรือหลานสาวของนายกสโมสรการค้าจังหวัดเราก็ได้ แกก็รู้จักดีอยู่แล้ว เลือกมาสักคนแล้วฉันจะจัดการให้ คัดมาแต่แม่พันธุ์ดีๆ หลานฉันจะได้ออกมาน่ารักและฉลาด”
จบถ้อยคำที่แม่กรอกหูเขามาหลายครั้งแล้ว อาทิตย์ก็เอนกายอิงพนักโซฟาอย่างหมดเรี่ยวแรง
สองสาวที่แม่พูดถึงนั้นก็ดีอยู่หรอก...แต่พวกเธอไม่เหมาะจะเป็นเมียเขาแน่นอน
“หลานของนายกสโมสรการค้า ดร.พิจิกา นั่นเหรอ แค่นึกถึง ผมก็เหี่ยวจนปลุกไม่ตื่นแล้ว ไม่เอาหรอก จนตอนนี้ยายพริกก็ยังข่มผมเรื่องให้ลอกข้อสอบตอนประถมอยู่เลย เรื่องมันผ่านมาไม่รู้กี่สิบปี ยังจำอยู่ได้ ผมไม่ชอบเมียความจำดี เธอฉลาดเกินไป คนนี้ไม่ผ่าน”
ไม่ผ่านแน่นอน! ก็นั่นเพื่อนของเขา คลุกคลีกันมาตั้งแต่เรียนประถมจนถึงมัธยม มาแยกกันก็ตอนเรียนปริญญาตรี แต่พอไปเรียนต่อปริญญาโทที่ต่างประเทศ ทั้งสองคนก็ดันเข้าเรียนในมหาวิทยาลัยเดียวกันอีก มันช่างบังเอิญสิ้นดี แล้วที่สำคัญหล่อนก็มีแฟนเป็นตัวเป็นตนอยู่แล้วด้วย แถมไม่ใช่ใครที่ไหน เป็นเพื่อนของเขาที่รู้จักกันตอนเรียนเมืองนอกนั่นเอง
อาทิตย์พูดใส่หน้าคนทั้งคู่อยู่บ่อยๆ ว่า แก่จนปูนนี้แล้วก็ไม่รู้จะปิดครอบครัวไปทำไม เปิดตัวไปเสีย ผู้ใหญ่จะได้เลิกจับคู่ให้หล่อนและเขาเสียที
“ถ้าไม่เอาคนนี้ แล้วลูกสาวท่านผู้ว่าฯ ล่ะ นี่ฉันก็เพิ่งเจอในงานเลี้ยงรับรองผู้ใหญ่เมื่อสัปดาห์ก่อน กิริยามารยาทเรียบร้อย พูดจานุ่มนวล มองมุมไหนก็น่ารักไปหมด ฉันมองๆ ก็นึกไปว่าถ้ามีลูกสาวสักคนก็อยากให้ออกมาแบบนี้แหละ แต่พอมันไม่มี ให้มาเป็นลูกสะใภ้แทนก็ได้”
คุณนายอรอรทำท่าเคลิ้มฝัน สำหรับคนนี้อาทิตย์ถึงกับกลั้นลมหายใจ เพราะเท่าที่เขารู้มา ลูกสาวของท่านผู้ว่าราชการจังหวัดคนปัจจุบันนั้นห่างไกลจากคำที่แม่สาธยายนัก กระนั้นเขาก็ไม่ขัด เพราะไม่อยากพูดถึงผู้หญิงลับหลัง…ยกเว้นก็แต่เพื่อนสาวอย่างพิจิกาที่จิกกัดกันมาตั้งแต่เด็ก จนตอนนี้มันติดจนเลิกไม่ได้เสียแล้ว
“ผมว่าแม่วางมือและตัดใจเรื่องของผมดีกว่า ยังมีนายโอ๊ตกับนายอู๋อีกตั้งสองคน แม่ไปดันพวกนั้นดีกว่านะ พอจะเห็นทางสำเร็จเห็นแววมากกว่าผม ส่วนผมสงสัยจะขึ้นคานแล้วแหละ”
“แกเป็นพี่คนโต ยังไงแกก็ต้องแต่งงานก่อนน้อง”
“นี่มันยุคไหนแล้ว แม่ยังเอาธรรมเนียมสมัยอากงอาม่ามาใช้กับพวกเราอีกหรือไง สำหรับผมนะ ไม่ต้องรอ เพราะผมรู้สึกตงิดๆ ว่าตัวเองจะขึ้นคาน อย่างนี้แม่จะปล่อยให้ลูกชายของแม่อีกสองคนขึ้นคานตามผมไปด้วยหรือไง ไม่เหลือทายาทสืบสกุลสักคนเดียว มันน่าเศร้านะแม่ คิดดูดีๆ นะ ไปบอกสองคนนั้นให้หาเมียแทนผมเถอะ นายอู๋ก็อายุยี่สิบเก้าปีแล้ว ส่วนนายโอ๊ตก็ตั้งสามสิบเอ็ดปี เกิดหลังผมแค่สิบเอ็ดเดือน พวกนี้หาเมียมาทำลูกให้แม่ได้แล้วเหมือนกัน”
“โอ๊ย! ไม่ต้องเอาน้องมาอ้าง สองคนนั้นก็นิสัยเหมือนแกนั่นแหละ ฉันเหนื่อยกับพวกแกจริงๆ มีลูกชายสามคน ไม่ได้ดังใจฉันเลยสักคน”
“นี่แสดงว่าไปเคี่ยวเข็ญเอาจากพวกนั้นมาแล้วใช่ไหม”
ลูกชายคนโตดักคออย่างรู้ทัน คุณนายอรอรหุบปากฉับแล้วสะบัดหน้า ก่อนจะกวาดสายตามองรอบโถงของบ้านหลังใหญ่โตของลูกชาย
เธอภูมิใจอยู่หรอกที่ลูกทำงานแล้วสร้างทุกอย่างมาด้วยตัวเอง แต่ด้วยความเป็นแม่ก็อดที่จะรู้สึกห่วงไม่ได้ เธอมีลูกชายอยู่ตั้งสามคน แต่ไม่มีวี่แววว่าจะปักหลักแต่งงานเลยสักคน ทั้งที่ลูกๆ ของเพื่อนที่อยู่ในวัยเดียวกันก็ทยอยออกเรือนกันไปหลายคนแล้ว
แล้วหางตาก็เห็นกลุ่มคนนั่งทำงานกันอยู่เงียบๆ ตรงมุมใกล้กับห้องครัว จำได้ว่าที่ตรงนั้นมักถูกใช้เป็นพื้นที่อเนกประสงค์ของคนทำงานบ้าน
ดวงตาของคุณนายอรอรหรี่ลง...นอกจากแม่บ้าน เด็กในบ้านที่คุ้นตา แล้วยังมีใครอีกคนที่นั่งหันหลังให้
เธอมองไม่เห็นหน้าค่าตาของผู้หญิงคนนั้น แต่ประเมินจากรูปร่างและเรือนผมดำขลับเป็นพวงยาวที่ผูกเป็นหางม้ากับต้นคอระหงนั้น ฟันธงได้ว่าไม่ใช่คนงานในบ้านอย่างแน่นอน
คุณนายอรอรลุกขึ้นทันทีอย่างไม่ให้ความสงสัยค้างคาอยู่ ก่อนที่จะย่างเท้าตรงไปหาก็ยังทิ้งหางตาครุ่นคิดระคนไม่วางใจไปทางลูกชายที่นั่งก้มหน้านิ่งเหมือนคนปลงตกกับชีวิต
อาทิตย์ถอนหายใจยาว แล้วเงยหน้าขึ้นเมื่อได้ยินเสียงฝีเท้าของแม่เดินห่างออกไป แต่เมื่อปรายตามองก็เห็นทิศทางของแม่ที่จ้ำไปหา ทำให้เขาต้องผุดลุกขึ้นอย่างไว
“แม่! หยุดก่อน”
แค่ไม่กี่วินาที อาทิตย์ก็ตามไปคว้าข้อมืออวบของผู้ให้กำเนิดไว้ได้ อีกฝ่ายหันมองเขาอย่างสงสัยในท่าที ดวงตาคมรีที่หรี่ลงนั้นบ่งบอกชัดว่าไม่ไว้ใจ...แต่จะเป็นเรื่องอะไรนั้น อาทิตย์ไม่คิดจะอยากรู้
“แม่จะกลับบ้านแล้วใช่ไหม เดี๋ยวผมไปส่ง ผมจะออกไปข้างนอกเหมือนกัน”
“ฉันกลับเองได้ นัดเวลากับนายนวยไว้แล้ว เดี๋ยวเขาก็มา”
“ไม่เป็นไร ผมจะบอกนายนวยว่าไม่ต้องมาแล้ว เพราะผมจะไปส่งแม่ที่บ้านเอง ไปกันเถอะ...ผมไม่ได้เข้าบ้านเรานานแล้ว”
คุณนายอรอรเอียงคอมองลูกชายอย่างพินิจ ท่าทางอ้ำอึ้ง มือข้างที่ว่างนั้นดูเกะกะเหมือนไม่รู้ว่าจะวางไว้ตรงไหนดี นี่ไม่ใช่พฤติกรรมคุ้นตาของลูกชายคนโตของเธอแล้วนะ
หากก็ยอมเดินตามเขากลับไป ก็พ่อเจ้าประคุณเกิดนึกอยากรักแม่กะทันหัน โดยจับมือเธอไว้แน่นอย่างไม่ยอมปล่อย
หากก่อนจะพ้นจากโถงบ้าน หญิงวัยกลางคนยังหันไปมองยังทิศทางเดิมอย่างติดใจ คนเป้าหมายที่เธอตั้งใจจะเดินไปดูเมื่อสักครู่นั้นยังก้มหน้าก้มตาทำงานอยู่เช่นเดิม
ทรวดทรงเรือนร่างที่เห็นจากด้านหลังนั้นได้สัดส่วนเหมาะเจาะ แถมท่านั่งที่มองปราดเดียวก็เห็นว่าแตกต่างจากคนที่นั่งรายล้อม
คุณนายอรอรเก็บข้อมูลมาจนครบภายในไม่กี่วินาที มาดหมายไว้ในใจว่า ต่อให้ลูกชายอมโบสถ์มาบอกว่าเป็นแค่คนงานในบ้าน เธอก็ไม่มีวันเชื่อ
“เธอเป็นผู้หญิงของเขา แล้วเคยเจอเขาหรือเปล่า รู้หรือว่าเขาเป็นคนยังไง” “ทำไมจะไม่รู้ ถึงเขาจะแก่ แต่ฉันชอบเขา คุณใหญ่ใจดี ไม่หยาบคายอย่างนาย จำไว้นะ อย่าบังอาจแตะต้องตัวฉันอีก ไม่งั้นฉันจะฟ้องเขาให้สั่งคนจับนายยิงเป้า” หล่อนประกาศก้อง คนร่างใหญ่ถึงกับยืนจังงัง หากปิ่นลดาตีความไปว่าเขากำลังกลัวโทษที่หล่อนขู่ “อย่าตามมานะ ถ้าไม่อยากตาย” หล่อนถอยอีกสามก้าว ก่อนหันกายวิ่งหนี ร่างน้อยในชุดเสื้อคลุมสีขาวที่เห็นลางๆ ในคืนเดือนมืดจากไปอย่างไม่เหลียวหลัง คนข้างหลังมองตาม ดวงตาคมหรี่ลง กระตุกยิ้มอย่างจอมวายร้าย อย่างนี้จะพึ่งเทคโนโลยีผลิตเลือดเนื้อเชื้อไขให้โง่ทำไม ก็หล่อนร่ำร้องอยากเป็นผู้หญิงของนายใหญ่ใจจะขาดแล้ว!
เมื่อ พราวพิชชา สาวสวยจากเมืองเพิร์ท กลับมายังเชียงราช โดยใช้สิทธิ์ลาพักร้อนสิบห้าวันมาทำภารกิจบางอย่าง...ทั้งหมดก็เพื่อน้องสาว อะไรๆ ก็เป็นไปตามแผน มันดูสำเร็จไม่ยาก แต่แล้วก็มีมนุษย์ป่าเถื่อนอย่าง รัชภาคย์ โผล่มาทำให้แผนของเธอล่มไม่เป็นท่า พราวพิชชาคิดว่าตัวเองแกร่งพอ รับมือเขาได้แน่นอน คราวนี้จะตอกกลับเขาให้หน้าหงาย สมกับที่เคยกวนอารมณ์เธอมาแล้วครั้งหนึ่ง แค่สบโอกาสเถอะ เธอจะจัดการให้อยู่หมัด แล้วจะเป็นไปได้แค่ไหน... เมื่อพราวพิชชาไม่รู้เลยว่าคู่ปรับเก่าอย่างรัชภาคย์มีแผนอะไรอยู่ในใจ เกมนี้เธอจะได้เอาคืนเขา... หรือจะเป็นเขาที่ทำให้ชีวิตเธอพลิกคว่ำคะมำหงายตลอดการลาพักร้อนกันแน่ ----------- "คนท้องคนไส้...หมายถึงลดางั้นหรือคะ ลดาท้องหรือ" "อ้าว! ไม่รู้เหรอว่าน้องสาวคุณท้องจนจะคลอดแล้ว คุณป้า" พราวพิชชา ถึงกับกำหมัดแน่นเมื่อได้ยินคำพูดสวนของ รัชภาคย์ เธอตั้งใจจะไม่สนใจมนุษย์ป่าเถื่อนคนนี้อยู่แล้ว แต่วาจาเราะร้ายที่กระทบโสตประสาท ไม่อาจทนไหวจริงๆ แล้วชายชราที่ดูน่าเกรงขามก็ห้ามทัพ...เป็นครั้งที่เท่าไหร่เธอก็ไม่ได้จำ "นายเล็ก หยุดพูดสักห้านาทีเถอะ คุยไม่รู้เรื่องกันพอดี" ท่านชายปราม แล้วถามแขกสาว "ชื่ออะไรล่ะหนู จะได้ให้เด็กบอกนายใหญ่ถูก" "พราวพิชชาค่ะ พี่สาวของลดา" "ชื่อยังกะลิเก" เสียงเปรยเข้าหูในระยะประชิด พราวพิชชาต้องกลั้นอารมณ์อีกรอบ...
"คุณจะทำอะไร" บัวบูชา ถามเสียงตื่น ถ้าเขายังรังแกกันอีก เธอจะสู้จนขาดใจ หากสิ่งที่เขาบอกนั้นทำให้หญิงสาวชะงัก ไม่มั่นใจว่าได้ยินถูกหรือเปล่า "ผมจะใส่กางเกงให้คุณ" "ไม่ต้อง ฉันไม่ให้คุณใส่" "นั่งนิ่งๆ เถอะ" แม็กซ์เวล ดึงข้อเท้าขาวสะอาดทั้งสองข้างเข้าหาตัวเอง จนเธอร้องวี้ด ถลารูดไปบนโซฟา แล้วยันกายขึ้นนั่งอย่างทุลักทุเล ขณะที่คนตัวใหญ่ตั้งหน้าตั้งตาจะสวมกางเกงยีนให้โดยไม่สนใจว่าเธออยู่ในสภาพไหน กระทั่งกางเกงยีนกระชับเรือนร่างถูกดึงผ่านสะโพกผายตึงและก้นงามงอนได้สำเร็จ มือแข็งแรงจึงรูดซิบแล้วติดกระดุมให้เป็นขั้นตอนสุดท้าย... ชายหนุ่มถอนหายใจเฮือกใหญ่ โดยที่สายตายังจับอยู่ที่ผลงานตัวเองอย่างพอใจ "เสร็จสักที ตอนถอดไม่เห็นยากอย่างนี้เลย"
"เฮีย" เสียงเล็กๆ จากเด็กหญิงทำให้ฉัตรฉายยิ้มกว้างอย่างชอบใจ เขาตรงไปหาแล้วนั่งยองๆ บนส้นเท้า สายตาระดับเดียวกับเด็กน้อย "ว่ายังไงคะ แตงหวานคิดถึงเฮียไหม" "คิดถึง คิดถึงเฮีย" เด็กน้อยพยายามพูด ตั้งใจบอกให้เขารู้ความคิดถึงของตัวเอง ฉัตรฉายเอื้อมมือไปหา เมื่อเด็กหญิงไม่ปฏิเสธ เขาจึงค่อยๆ อุ้มแกขึ้นมา ก่อนจะพูด...เหมือนว่าสื่อกับเด็กน้อยเท่านั้น "วันนี้แตงหวานต้องหยุดเล่นก่อน เพราะเฮียมีงานต้องทำ แตงหวานช่วยเฮียทำงานด้วย...ได้ไหมคะ" "ได้ค่ะ" เจ้าตัวน้อยรับคำแล้วปรบมืออย่างชอบใจอีกต่างหาก ญาณินยืนอึ้ง จับทางยังไม่ถูก มองเจ้าของบ้านที่อุ้มหลานสาวเดินลิ่วเข้าบ้านไปแล้ว จนได้สติถึงเร่งฝีเท้าตาม เดินขึ้นบันไดไปจนเขาผลักประตูห้องหนึ่ง "ส่งแตงหวานมาให้ฉันเถอะค่ะ คุณทำงาน แกจะกวนคุณ" "ใครบอกกันล่ะ แตงหวานจะช่วยเฮียทำงานใช่ไหมคะ" ตอนท้ายถามความเห็นจากคนในอ้อมแขน ซึ่งไม่ผิดหวัง มีเสียงตอบรับในทันทีเช่นกัน "ใช่ค่ะ...แตงหวานทำงาน" อะไรกันนี่ แม่หลานสาวจอมป่วนจะมาสนุกอะไรกันตอนนี้ ญาณินถึงกับทำหน้าปั้นยาก อ่อนใจกับทั้งผู้ใหญ่และเด็ก "มีงานสำหรับเธอด้วย สนใจไหม อย่างน้อยก็เป็นค่าเช่าบ้าน ค่าอาหารวันละสามมื้อ"
เมื่อคนแปลกหน้า นัยว่าเป็นเศรษฐีใหม่เข้ามาในเชียงราช เขากว้านซื้อบ้าน ที่ดินและทรัพย์สินที่ตกทอดมาตั้งแต่ต้นตระกูลของ ณิชา ไป ทายาทที่เหลือเพียงคนเดียว แถมยังสิ้นเนื้อประดาตัวอย่างเธอจะทำอย่างไรได้ นอกจากทำใจยอมรับ คิดจะหลีกทางให้อย่างเจียมเนื้อเจียมตัวที่สุด แต่นั่นไม่นับรวมถึงการถูกทำร้ายจิตใจ ดูหมิ่นเกียรติไม่เว้นวัน มันทำให้ณิชาสุดจะทน...จากที่คิดจะถอยอย่างสงบ จึงฮึดสู้ขึ้นมาบ้าง คอยดูนะ เผลอเมื่อไหร่ ณิชาคนนี้จะตลบหลัง เอาทุกอย่างคืนมาให้หมด! ส่วน ไรวินทร์ คนอย่างเขาคงไม่เหมาะกับการปิดทองหลังพระจริงๆ สำหรับแม่คุณหนูตกอับอย่างณิชาคงเข้ากับสำนวนไทยที่ว่าทำคุณบูชาโทษแท้เชียว เมื่อเสียเงินไปก็มาก แต่เจ้าตัวยังทำตัวร้ายกาจไม่เลิก เขาก็หมดความอดทนได้เหมือนกัน แม่จอมวายร้าย งั้นมาลองดูกันสักตั้งไหม ว่างานนี้ใครจะอยู่หรือใครจะไป! .................... “ตกใจที่ฉันรู้ใช่ไหม จะบอกให้ว่าขณะที่คุณอวดตัวว่ารู้เรื่องของฉัน การเคลื่อนไหวของคุณ เรื่องของคุณก็ไม่เป็นความลับ สำหรับฉันเหมือนกัน ฉันรู้ว่าคุณเข้ามาเชียงราชทำไม เพียงแต่ยังไม่มีหลักฐาน แต่ถ้าฉันหาได้เมื่อไหร่จะส่งให้ตำรวจ อย่าคิดจะมาสร้างเครือข่าย สร้างอิทธิพลในเมืองนี้ได้ สักวันคุณจะตกเป็นผู้ร้ายที่ถูกส่งตัวข้ามแดนกลับไปรับโทษ” คำขู่ดุเดือดจากคนร่างกลมกลึงอรชร มันทำให้ ไรวินทร์ นึกอยาก...สั่งสอนให้รู้จักเขาเสียเดี๋ยวนี้ ชายหนุ่มเดาะลิ้น ปรายตามองแม่แมวน้อยที่กำลังสู้สายตาอย่างไม่ยอมแพ้ นึกพอใจในความเก่งกล้าของ ณิชา อย่างถึงที่สุด มันช่างผิดกับภาพแรกที่เห็นลิบลับ... แล้วอยากรู้ต่อมาว่าภายใต้ผิวขาวนวลแลดูบอบบาง กับท่าทางนิ่มนวลนั้น หล่อนจะซ่อนไฟร้อนอยู่สักขนาดไหน ซีรีย์ชุด สิงห์หนุ่มแห่งเชียงราช
การพบเจอกันครั้งนี้ของ สไลลา กับ ดร.อนล นั้น ไม่ใช่ครั้งแรก ทว่าสองคนเคยเจอกันนานแล้ว เพียงแต่สถานะในวันวานกับวันนี้ได้เปลี่ยนแปลงไป ------------ ดร.อนล จบปริญญาเอกสาขาเศรษฐศาสตร์ ปัจจุบันเป็นนักวิชาการด้านการเงินในธนาคารพาณิชย์ และรับช่วงดูแลธุรกิจส่งออกของครอบครัว ปากกับใจตรงกัน จนบ่อยครั้งที่ถูกมองว่าเป็นคนปากร้าย นิสัยเอาแต่ใจตัวเองตามประสาลูกชายคนโตที่ได้ดังใจพ่อแม่เกือบทุกอย่าง จนเกือบจะมองตัวเองเป็นแกนโลกอยู่ละ...อีกนิดเดียว แต่พอจะมีข้อดีอยู่บ้าง ตรงที่จริงใจกับเพื่อนฝูงและคนรอบข้าง ที่สำคัญจริงจังและมั่นคงกับความรู้สึกที่มีต่อ...สไลลา ------------- สไลลา อาชีพพนักงานขายคอนโด มีฝีมือทำขนมหวานเป็นเลิศ แต่อาหารคาวไม่ได้เรื่องเลยสักนิด พื้นฐานครอบครัวค่อนข้างดี พ่อและพี่ชายเป็นนายแพทย์ แต่ด้วยความที่พ่อและแม่แยกทางกัน เธอจึงต้องย้ายตามแม่ไปอยู่ที่อเมริกา การใช้ชีวิตที่นั่นไม่ง่ายนัก บ่มเพาะให้เธอกลายเป็นคนเงียบขรึม เข้มแข็งเกินตัว แต่ก็มีหนุ่มนักเรียนไทยที่ชื่ออนลชอบมากะเทาะความรู้สึกบ่อยๆ จนเธอย้ายกลับเมืองไทย แล้วได้เจอกับเขาอีกครั้ง...ความสัมพันธ์ก็ถูกเริ่มขึ้นใหม่ แต่ยังไงๆ ก็ไม่ได้ทำให้สไลลาปลื้มเขามากกว่าเดิมเลย ก็ปากร้ายขนาดนั้น แถมไม่มีความหวานกันสักนิด ติดจะกระแนะกระแหนเธอด้วยซ้ำ จนไม่มั่นใจละว่า เขาเข้ามาหาเธอในครั้งนี้ เพราะต้องการอะไรกันแน่
หลังจากแต่งงานได้ 2 ปี ในที่สุดเจียงเนี่ยนอันก็ตั้งครรภ์สักที ความดีอกดีใจของเธอแต่กลับแลกกับคำขอหย่าของสามี หลังจากการสมคบคิด เธอนอนในกองเลือด และต้องการขอร้องเขาให้ช่วยเด็กเอาไว้ แต่กลับไม่สามารถติดต่อกับอีกฝ่ายได้ ด้วยความสิ้นหวังเธอจึงออกจากประเทศไป ต่อมาในงานแต่งงานของเจียงเหนียนอัน คุณกู้เสียการควบคุมและคุกเข่าลง ดวงตาของเขาแดงก่ำ "มีลูกของฉัน แล้วเธออยากจะแต่งงานกับใครกัน?"
ในสายตาของเขา เธอเป็นคนขี้โกหก ในสายตาของเธอ เขาเป็นคนไร้หัวใจ เดิมทีถังหว่านคิดว่าเธอคือคนพิเศษหลังจากอยู่กับเสิ่นติงหลานมาสองปี แต่สุดท้ายก็พบว่าตัวเองเป็นแค่ของเล่นที่สามารถทิ้งได้อย่างตามใจเมื่อไม่มีค่าอีกต่อไป จนกระทั่งถังหว่านเห็นว่าเสิ่นติงหลานพาคนรักของเขาไปตรวจครรภ์ เธอจึงยอมแพ้แล้ว เธอหยุดติดตามเขาอีก แต่จู่ๆ เขากลับไม่ยอมปล่อยเธอไป "ถ้าคุณไม่เชื่อฉัน ทำไมคุณไม่ปล่อยฉันไปล่ะ?" ชายผู้เคยหยิ่งยะโสขนาดนั้น ตอนนี้ก้มหัวลงและขอร้องว่า "หวานหว่าน ฉันผิดไปแล้ว โปรดอย่าทิ้งฉันไป"
หยางจื้อซี เด็กกำพร้าจากศตวรรษที่21 ถูกองค์กรมืดเลี้ยงดูจนเติบโตและทำให้เธอกลายเป็นมนุษย์กลายพันธ์ ในระหว่างที่ถูกส่งตัวไปทำภารกิจลับ เธอกลับถูกคนในองค์กรมืดหักหลังและถูกฆ่าโดยเพื่อนสนิทที่เธอไว้ใจมากที่สุด ก่อนสิ้นใจเธอถามเพื่อนสนิทว่าทำไม แต่ไม่ได้รับคำตอบจากปากของอีกฝ่าย สิ่งที่เธอได้รับคือรอยยิ้มที่ดูถูกเหยียดหยามและ คำว่า “โง่” จากปากของอีกฝ่ายเท่านั้น หลังจากที่ตายไปแล้วสิ่งที่เธอคิดไว้ คงจะเป็นนรกหรือที่ไหนสักแห่งที่เป็นโลกหลังความตาย แต่ทว่ามันกลับไม่เป็นเช่นนัน เธอตื่นขึ้นมาในร่างของ หยางจื้อซี เด็กหญิงอายุ เพียง 13 ขวบปีในหมู่บ้านป่าหมอก ในดินแดนโบราณล้าหลังที่ไม่มีในประวัติศาสตร์ คล้ายกับว่าเป็นโลกคู่ขนานที่อยู่อีกมิติหนึ่ง เธอตื่นขึ้นมาในบ้านที่ผุพัง ครอบครัวยากจน มีแม่ที่อ่อนแอและเจ็บป่วย มีพี่น้องที่อายุน้อย มีปู่ย่าตายายที่เห็นแก่ตัวและใจร้าย มีลุงที่เห็นแก่ได้ป้าสะใภ้ที่เต็มไปด้วยความละโมบโมบโลภมาก หยางจื้อซี คิดว่านับจากนี้ไปชีวิตจะต้องอยู่ได้ด้วยตัวเอง หากใครมารังแกก็แค่ทุบตี เธอไม่เชื่อว่าด้วยพลังที่ติดตัวเธอมาจากชาติที่แล้วจะไม่สามารถอยู่รอดได้ในโลกล้าหลังแห่งนี้
คุณท่านเสียว คุณชายยอดเยี่ยมที่โด่งดังในเมือง B ได้แต่งงาน แต่มีข่าวลือว่าเจ้าสาวมีรูปร่างหน้าตาที่น่าเกลียดและมีฐานะต่ำต้อย สามปีมานี้ เขาปฏิบัติกับเธออย่างเย็นชาและทำเหมือนเป็นคนแปลกหน้า เจียงซิงซิงอดทนกับความเย็นชาอย่างเงียบ ๆ เธอยังคงรักเขาอย่างสุดหัวใจ เสียสละความนับถือตนเองและยอมละทิ้งตัวตนของเธอเอง จนกระทั่งวันหนึ่ง สุดที่รักของเขากลับประเทศ เขได้สารภาพว่าเขาแต่งงานกับเธอเพียงเพื่อช่วยชีวิตคนรักในใจของเขาเท่านั้น เจียงซิงซิงเสียใจและผิดหวังมาก เธอจึงเซ็นเอกสารหย่าและจากไปด้วยความเศร้าใจ สามปีต่อมา เจียงซิงซิงผู้สวยงามจนน่าทึ่งกลับมาอีกครั้ง ได้กลายมาเป็นศัลยแพทย์ที่ดีที่สุดและเป็นยอดฝีมือด้านเปียโน อดีตสามีรู้สึกเสียใจ และกอดเธอแน่นท่ามกลางสายฝน เสียงของเขาสั่นเครือ "ที่รัก คุณเป็นของผม..."
เพิ่งหย่ากับอดีตสามีไปไม่นานแต่ปรากฏว่าตัวเองท้อง จะทำอย่างไรดี? หรือจะให้อดีตสามีรับผิดชอบ แต่ก็ไม่คิดว่าอดีตสามีมีคนรักใหม่ไปแล้ว ชีวิตของถังชีชีนั้นช่างสับสน ช่างน่าวิตกกังวลและไม่รู้จะอธิบายยังไงดี เธอต้องคอยระวังไม่ให้คุณเฟิงรู้เรื่องการตั้งครรภ์จนกระทั่งคลอดลูกออกมาอย่างปลอดภัย แต่ไม่คิดว่าจะถูกเขาบังคับถึงเพียงนี้ "เราหย่ากันแค่สี่เดือน แต่เธอกลับตั้งครรภ์ได้เจ็ดเดือนแล้ว บอกมาดี ๆ ว่า ลูกเป็นของใคร!"
เพราะแอบรักกล้าตะวันมากนาน หวันยิหวาจึงทำทุกวิถีทางเพื่อให้ได้ครองรักกับเขา โดยมีมารดาของเขาเป็นผู้ให้การสนับสนุน แต่สำหรับกล้าตะวันแล้ว หวันยิหวาคือนางมารร้ายที่ทำให้เขากับคนรักต้องเลิกรากัน ดังนั้นทุกวินาทีหลังจากงานวิวาห์นี้จบลง หวันยิหวาจะต้องได้รู้จักกับนรกอเวจีปอยเปตอย่างถ่องแท้เลยทีเดียว “อา... อ๊า...อา...” ลำคอระหงถูกซุกไซ้และดูดเม้ม เสื้อผ้าถูกดึงทึ้งออกไปจากร่างกาย จนในที่สุดก็เปลือยเปล่า กล้าตะวันเลียลงมาที่ไหปลาร้า และมาซบหน้าคลุกเคล้ากับร่องอกอวบ เขาดอมดมกลิ่นสาปสาวอย่างหิวกระหาย ขณะที่ฝ่ามือหนาวางทาบลงกับเต้านมอวบอัดข้างซ้ายของหล่อน “อา... อ๊า... ซี๊ดดดด” หล่อนเผยอปากครางลั่น เมื่อปทุมถันถูกฟอนเฟ้นบีบเคล้าหนักหน่วง ปลายนิ้วแข็งแรงถูไถเม็ดเต่งอย่างเมามัน หล่อนดิ้นเร่าๆ หยัดหน้าอกขึ้นหาสัมผัสจากฝ่ามืออบอุ่นด้วยความกระตือรือร้น