หวังจื่อหลินอ่านนิยายจบด้วยความโมโหที่นางเอกในนิยายโดนทำร้ายจนตาย เธอเดินข้ามถนนไม่ทันระวังจึงโดนรถชน หลิวเหวินจงเพื่อนชายคนสนิทที่แอบรักเธอจึงเข้ามาช่วยเอาไว้ แต่ทั้งสองก็โดนรถชนอยู่ดี สองหนุ่มสาวกลายเป็นเจ้าชายและเจ้าหญิงนิทรานอนหลับไม่ฟื้น แต่ขณะเดียวกันก็ทะลุมิติเข้าไปอยู่ในนิยายเล่มที่ตัวเองอ่าน และเข้าไปแก้ไขสถานการณ์เลวร้ายที่เกิดขึ้นให้แปรเปลี่ยนไปในทิศทางที่ดีขึ้น
1
ในปี ค.ศ. 2025 หวังจื่อหลินเดินทอดน่องไปตามถนนสายใหญ่ที่เต็มไปด้วยผู้คน เธอถือสมาร์ตโฟนไว้ในมือข้างหนึ่ง ดวงตาจดจ่ออยู่กับหน้าจอขณะอ่านนิยายเรื่องหนึ่งที่เธอโปรดปราน ท่ามกลางเสียงผู้คนมากมาย เสียงรถยนต์ เสียงแตรรถ เสียงพ่อค้าแม่ค้าตะโกนเรียกลูกค้า รวมทั้งเสียงดนตรีจากร้านกาแฟที่คละเคล้ากันไป
"ทำไมต้องให้สามีหวังจื่อหลินเป็นคนสารเลวแบบนี้ด้วยนะ ฉันไม่เข้าใจเลยแก" หวังจื่อหลินบ่นกับเพื่อนขณะเลื่อนหน้าจอไปอ่านเนื้อหาในนิยายต่อ เธอหยุดเดินเพราะอ่านถึงตอนที่หวังจื่อหลินในนิยายโดนทำร้ายอย่างไม่เป็นธรรม เธอรู้สึกสงสารนางเอกของเรื่องเป็นอันมาก
“เหวินจงนายรู้ไหม ฉันอ่านมาจนถึงตอนจะจบแล้ว หวังจื่อหลินช่วยเหลือสามีทุกอย่าง แต่สุดท้ายโดนสามีกับเมียน้อยหักหลังฆ่าจนตาย เพราะหมดประโยชน์ นางเป็นลูกของขุนนางที่มีอำนาจ มีเงินทอง เป็นที่ไว้วางใจของฮ่องเต้ นางน่าจะได้สามีที่ดีกว่านี้”
“ทำไมนางเอกของเธอรันทดขนาดนี้ล่ะ” หลิวเหวินจงไม่เข้าใจว่าทำไมผู้หญิงถึงได้ชอบอ่านนิยายดราม่าเช่นนี้
“ยังไม่พอแค่นั้น สามีของนางก็สวมรอย ว่าเคยช่วยชีวิตนางเอกเอาไว้อีก ทำให้นางเอกเข้าใจผิด หลงรักผิดคน คนที่ช่วยคือพระเอกที่เป็นแม่ทัพต่างหากล่ะ” หญิงสาวบ่นด้วยสีหน้าหงุดหงิด
“แบบนี้ใช่ไหม นางเอกถึงได้แต่งงานกับตัวร้าย เพราะเข้าใจผิดนี่เอง” หลิวเหวินจงนึกสงสารนางเอกนิยายของเรื่องยิ่งนัก
“ก็ใช่น่ะสิ เจ็บใจนัก”
“ทำไมต้องเป็นแบบนั้นล่ะ” หลิวเหวินจงเอ่ยถามเพื่อนรัก เพราะถ้าเขาเป็นนักเขียน เขาจะไม่เขียนนิยายให้พระนางรันทดขนาดนั้นแน่
เขามองหน้าเพื่อนรัก อีกฝ่ายเป็นเพื่อนรักที่เติบโตมาด้วยกัน เขาตกหลุมรักเธอมาตลอด แต่เพราะเป็นเพื่อนสนิทกัน จึงไม่กล้าบอกความจริงนี้ให้เธอได้รับรู้
“ฉันก็ไม่รู้หรอก”
“แล้วพระเอกเป็นใครเหรอ”
“เป็นแม่ทัพที่เป็นลูกนอกสมรสของฮ่องเต้ เป็นเพื่อนเล่นวัยเด็กของนางเอก คอยช่วยเหลือนางเอกมาโดยตลอด แต่นางเอกดันไม่รู้นี่สิ สงสารพระเอกเสียจริง ไปช่วยนางเอกในบ้านไอ้ตัวร้ายโดนฆ่าตายพร้อมพร้อมกัน แต่พูดไปพูดมาพระนางของเรื่องชื่อเหมือนฉันกับนายเลยนะ ตลกจัง” หวังจื่อหลินรู้สึกหงุดหงิดใจอย่างมากล้น ที่พระนางต้องมาตายด้วยฝีมือคนชั่วแบบนี้ เธออยากรู้นักว่านักเขียนนิยายต้องการอะไร ต้องการให้นักอ่านอย่างเธออกแตกตายหรือยังไงกัน แต่ก็อดหัวเราะออกมาเสียไม่ได้ที่ชื่อพระนางเหมือนเธอกับเพื่อนสนิทเสียขนาดนี้
เพื่อนชายคนสนิทที่เดินเคียงข้างกันมาได้ฟังเนื้อเรื่องนิยายที่เพื่อนเล่าอย่างออกรสก็แอบยิ้มเล็กน้อย เขาเองก็แอบหลงรักเธอมานานแล้วแต่ไม่เคยปริปากบอกเธอเช่นกัน
"บางครั้งนางเอกในนิยายก็ต้องเจออุปสรรคเพื่อที่จะได้เป็นคนที่แข็งแกร่งขึ้นหรือไม่ก็มีความสุขในตอนท้ายหรือเปล่า แบบโดนฆ่าตายแต่ได้รู้ความจริงตอนหลังว่าคนที่คอยช่วยเหลือมาตลอดคือพระเอก และคนที่รักนางเอกตลอดคือพระเอก ทำให้ทั้งสองฟื้นคืนชีพกลับมาแก้แค้น แล้วก็เข้าใจกันมากขึ้น และรักกันมากขึ้น อะไรประมาณนี้" หลิวเหวินจง พูดขึ้นพร้อมกับมองไปข้างหน้า เห็นการจราจรบนถนนที่มีรถราหนาตาพอสมควร
"แต่ก็ยังรู้สึกเสียใจแทนนางอยู่ดี โชคดีที่เราไม่ใช่ตัวละครในนิยายนะ" หวังจื่อหลิน พูดพลางมองไปที่ หลิวเหวินจง ผู้เป็นเพื่อนรัก รอยยิ้มเล็กน้อยปรากฏขึ้นที่มุมปากของเธอ
หลิวเหวินจง พยักหน้าและยิ้มให้เธออย่างอ่อนโยน แต่ในใจกลับแอบคิดว่าถ้าเขาเป็นตัวละครในนิยายนี้ เขาจะต้องปกป้องเธอจากทุกสิ่งทุกอย่างไม่ให้ใครมาทำร้ายเธอได้อย่างแน่นอน เขาก็คงเหมือนแม่ทัพหลิว ตัวละครที่ชื่อเหมือนเขา ที่แอบรักหวังจื่อหลินมานานแต่ยังไม่ทันบอกก็มีผู้ชายคนอื่นมาตัดหน้าไปเสียก่อน
"ฉันคิดว่าชีวิตคนเราก็เหมือนกับเนื้อหาในนิยายนะ มีทั้งดีทั้งร้าย ท้ายที่สุดก็ต้องหาทางแก้ไขให้ได้" เขาพูดด้วยน้ำเสียงอบอุ่น สะท้อนบางสิ่งที่เขาอยากบอกกับเธอ
หวังจื่อหลิน มองเขาเล็กน้อย ก่อนจะหันไปมองถนนที่คับคั่งไปด้วยผู้คน แล้วพูดขึ้นว่า...
"ก็ใช่ แต่ถ้าเป็นแบบนี้ ชีวิตก็จะไม่สนุกน่ะสิ หวังจื่อหลินควรได้รู้ความจริงก่อนตายนาน ๆ และใช้ชีวิตอย่างมีความสุขกับผู้ชายที่รักและหวังดีกับนางมาโดยตลอด ไม่ใช่มารู้ความจริงเอาตอนใกล้สิ้นใจ ว่าคนที่รักและคอยห่วงใยอยู่ตลอดคือหลิวเหวินจงแล้วก็ตายพร้อมกัน เห้อ..." คนอินกับนิยายถอนใจหนักหน่วง
"จริง อันนี้ฉันเห็นด้วยกับเธอ" หลิวเหวินจงตอบยิ้ม ๆ เขาเองก็หมดสิทธิ์ในตัวเพื่อนรักแล้วเช่นกัน กำลังจะสารภาพรัก แต่เธอดันมีผู้ชายคนอื่นขอเป็นแฟนต่อหน้า
ต่อตา เขาต้องเอาช่อดอกไม้ไปซุกซ่อนไว้ด้านหลัง แล้วก็ยืนมองเธอตอบรับความรักของผู้ชายอีกคน มองเธอคบหากับหมอนั่น และที่สำคัญทั้งสองตกลงหมั้นกันแล้ว กำลังจะแต่งงานกันในอีกไม่ช้า
หวังจื่อหลิน ยังคงติดอยู่ในโลกของนิยายที่เต็มไปด้วยความเศร้าโศกเสียใจ ความรู้สึกที่ว่าความยุติธรรมในโลกนิยาย มันห่างไกลจากความเป็นจริงมากนัก ทำให้เธอเริ่มบ่นออกมาด้วยความไม่พอใจ
เธอแอบชอบเขาเพราะเขาคือพระเอกขี่ม้าขาวมาช่วยเธอเอาไว้ เธอจึงสารภาพรักกับเขาเมื่อเรียนจบและได้เข้าทำงานในบริษัทของเขา แต่เขากลับให้เธอเขียนใบลาออก เธอจึงหนีหายไปจากชีวิตของเขา ได้เจอกันอีกครั้งความจริงก็ถูกเปิดเผย!
เขาเป็นคุณอาของเพื่อน เย็นชา หน้านิ่ง แถมยังดุอีกด้วย ในค่ำคืนหนึ่งที่โดนเพื่อนชายวางยา เขากลับช่วยเธอเอาไว้ แล้วกลายเป็นคุณอาหนุ่มคลั่งรักที่ทำเอาเธอกลายเป็นนางฟ้าตัวน้อย ๆ ในอ้อมแขนแข็งแกร่งอบอุ่นอ่อนโยนของเขา
เธอพลาดท่าเสียทีเขาในค่ำคืนหนึ่ง เขาออกตามหาเธอจนแทบพลิกแผ่นดิน จู่ ๆ ก็มีหญิงสาวคนหนึ่งอุ้มลูกน้อยมาบอกเขาว่า เขาคือพ่อของลูก แล้วจากไป เขาได้เจอผู้หญิงอีกคน กลับตกหลุมรักเธอในทันที และความลับมากมายที่ถูกเก็บซ่อนก็เปิดเผยออกมาให้เขาได้รับรู้
เธอต้องหมั้นหมายกับหลานชายของเขา แต่เพราะประสบอุบัติเหตุทำให้เกิดผลข้างเคียงกลายเป็นผู้หญิงอ้วนสุดแสนอัปลักษณ์ หลานชายของเขาจึงขอถอนหมั้น แต่เธอไม่คิดว่าเขาผู้มีศักดิ์เป็นอาจะเป็นคนหมั้นหมายกับเธอแทน คุณอาหนุ่ม เพื่อนรุ่นน้องของบิดามารดาที่เธอแอบชอบมานานหลายปีแล้ว ในที่สุดจะได้เป็นสามีของเธอจริงๆ
พิมพ์ลภัสโดนมารดาเลี้ยงกับน้องสาวใจร้ายโยนออกจากบ้านท่ามกลางสายฝน และโพทะนาไปว่าเธอหนีตามผู้ชายไป เพื่อทำลายชื่อเสียงของเธอ กลับมาอีกครั้ง พิมพ์ลภัสจึงเปลี่ยนจากบทนางเอกกลายเป็นนางร้ายเอาคืนคนที่ทำเอาไว้กับเธออย่างสาสม!
ลี่เซียนเป็นคุณหมอสาวในยุคปัจจุบัน เธอหลุดไปอยู่ในยุคอดีต ในร่างของคุณหนูลี่เซียน ลูกของเสนาบดีประจำวังหลวง เธอพบว่าตัวเองจะมีชีวิตได้อีกแค่สามสิบวันเท่านั้น เธอจึงต้องตามหารักแท้ และคนคนนั้นก็คืออ๋องฉิน ชายหนุ่มซึ่งมีความองอาจกล้าหาญและหล่อเหลาที่สุดในเมือง ตามคำแนะนำของเจ้านกน้อยสีทองพูดได้ ซึ่งเธอเคยมีบุญคุณช่วยเหลือมันเอาไว้ในอดีตชาติ! ลี่เซียนจะพิชิตใจอ๋องฉินได้ไหม นางจะตายก่อนได้รับความรักหรือไม่ มาติดตามอ่านกันได้เลยจ้า
ทะลุมิติมาในนิยายยุค 80 ว่ายากลำบากแล้วเธอยังต้องมาเลี้ยงลูกแฝดและวางแผนหนีชะตาชีวิตที่นักเขียนระบุให้ตายอย่างทรมานภายใต้เงื้อมมือของพ่อตัวร้ายอีก สวรรค์!ยังจะมีตัวละครทะลุมิติใดบัดซบเท่าเธออีกหรือไม่
ในสายตาของเขา เธอเป็นคนขี้โกหก ในสายตาของเธอ เขาเป็นคนไร้หัวใจ เดิมทีถังหว่านคิดว่าเธอคือคนพิเศษหลังจากอยู่กับเสิ่นติงหลานมาสองปี แต่สุดท้ายก็พบว่าตัวเองเป็นแค่ของเล่นที่สามารถทิ้งได้อย่างตามใจเมื่อไม่มีค่าอีกต่อไป จนกระทั่งถังหว่านเห็นว่าเสิ่นติงหลานพาคนรักของเขาไปตรวจครรภ์ เธอจึงยอมแพ้แล้ว เธอหยุดติดตามเขาอีก แต่จู่ๆ เขากลับไม่ยอมปล่อยเธอไป "ถ้าคุณไม่เชื่อฉัน ทำไมคุณไม่ปล่อยฉันไปล่ะ?" ชายผู้เคยหยิ่งยะโสขนาดนั้น ตอนนี้ก้มหัวลงและขอร้องว่า "หวานหว่าน ฉันผิดไปแล้ว โปรดอย่าทิ้งฉันไป"
"คุณต้องการเจ้าสาว ส่วนฉันก็ต้องการเจ้าบ่าว ทำไมเราไม่แต่งงานกันล่ะ?" ภายใต้เสียงเยาะเย้ยของทุกคน ถังเลี่ยน ซึ่งถูกคู่หมั้นของเธอทอดทิ้งในพิธีแต่งงาน กลับแต่งงานกับเจ้าบ่าวพิการข้างบ้านที่ถูกรังเกียจ ถังเลี่ยนคิดว่าอวิ๋นเซินเป็นชายหนุ่มที่น่าสงสาร และเธอสาบานว่าจะให้ความรักใคร่แก่เขาและตามใจเขาหลังแต่งงาน ใครจะรู้ว่าเขาแกล้งเป็นแบบนั้น... ก่อนแต่งงาน อวิ๋นเซินว่า "เธอต้องสนใจเงินของผมถึงยอมแต่งงานกับผม ผมจะหย่ากับเธอหลังจากที่ผมใช้ประโยชน์เธอเสร็จ" หลังแต่งงาน อวิ๋นเซินว่า "ภรรยาของผมต้องการหย่าทุกวัน แต่ผมไม่อยากหย่า ทำอย่างไรดีล่ะ"
“ท่านผู้อำนวยการคะ ทางทีมสำรวจแจ้งว่าคนไม่เพียงพอที่จะเข้าไปเก็บตัวอย่างพันธุ์พืชในป่าเมืองเหอหนานค่ะ” ซูเจิน ที่ได้ยินก็หูผึ่งทันที เธอนั่งทำการอยู่ในห้องวิจัยตั้งแต่เรียนจบ ถึงตอนนี้ก็สี่ปีได้แล้ว ผู้อำนวยที่เข้ามาตรวจงานวิจัยล่าสุด ก็มองไปรอบห้อง เพื่อดูว่ามีใครต้องการเสนอตัวไปทำงานในครั้งนี้หรือไม่ แต่หลายคนที่เขามองไป ต่างหลบสายตาของเขา จะมีใครอยากออกไปเสี่ยงอันตราย เดินป่าขึ้นเขาให้เหนื่อยสู้นั่งทำงานในห้องปรับอากาศเย็นๆ ดีกว่า เมื่อไม่มีใครคิดจะเสนอตัว เขาจึงได้สอบถามหาผู้ที่สมัครใจทันที “มีใครอยากจะอาสาไปไหม” ไว้กว่าความคิด ซูเจินยกมือขึ้น “ฉันค่ะ” เพื่อนสนิทรีบดึงเสื้อของเธอเพื่อจะห้ามปราม “จะบ้าหรอ เธอไม่เคยไปสักครั้ง ไม่รู้หรือว่างานนี้เสี่ยงแค่ไหน” เสียงกระซิบของเสี่ยวชิง เอ่ยลอดไรฟันออกมา เมื่อปีที่แล้ว ที่ทีมสำรวจเดินทางเข้าไปที่ป่าเหอหนาน พื้นป่าที่ไม่อาจสำรวจได้อย่างทั่วถึง สร้างความท้าทายให้เหล่านักพฤกษศาสตร์จากทุกองค์กร แต่ไม่ว่าจะส่งเข้าไปกี่ครั้งก็ไปไม่ถึงป่าชั้นกลางเสียที แม้จะใช้เทคโนโลยีที่ล้ำหน้าเข้าช่วยเพียงได้ ก็สำรวจได้เพียงป่าชั้นนอก แถมยังพาชีวิตคนไปทิ้งอีกนับไม่ถ้วน ปีนี้ทางองค์กรของซูเจิน หยิบโครงการสำรวจป่าเหอหนานขึ้นมาใหม่ แต่กว่าจะหาทีมสำรวจได้ครบคนก็กินเวลาไปหลายเดือน ถึงตอนนี้คนก็ยังไม่พอจนต้องมาถามหาจากทีมวิจัยให้ช่วยเหลือ “คุณอยากไปจริงหรือ” เขาเอ่ยถามเพื่อความแน่ใจอีกครั้ง “ค่ะ ฉันอยากลองทำงานนี้” ซูเจินยิ้มออกมา “ได้ อีกสองวัน คุณก็เตรียมตัวให้พร้อม” เมื่อมีคนเสนอตัวแล้ว ผู้อำนวยการก็ออกไปพบทีมสำรวจ เพื่อวางแผนการทำงาน ทั้งยังให้ซูเจินตามเขาไปเข้ารวมการประชุมในครั้งนี้ด้วย “เธอมันบ้าไปแล้ว” เพื่อร่วมงานต่างเดินเข้ามาหาซูเจิน แล้วตำหนิเธอที่กล้ายกมือเสนอตัว “เอาน่า ไว้กลับมาฉันจะเอาเรื่องสนุกมาเล่าให้พวกเธอฟัง” ซูเจินยิ้มหวานออกมา ก่อนที่จะเก็บของแล้วไปเข้าร่วมประชุมกับทีมสำรวจ สองวันต่อมาซูเจินก็แบกกระเป๋าเดินทางมาที่จุดนัดพบ เธอออกเดินทางด้วยรถตู้ขององค์กร พร้อมทีมสำรวจอีกเกือบยี่สิบชีวิต ยังดีที่เธอได้แบกกระเป๋าเพียงใบเดียว หากต้องแบกเต็นท์นอน อาหารด้วย คงได้เป็นภาระของคนอื่นอย่างแน่นอน ภายในป่าเหอหนาน น่ากลัวว่าที่ซูเจินคิดไว้เยอะ พอตะวันตกดิน หากไม่มีแสงไฟที่ทีมสำรวจนำมาด้วยคงจะมืดจนมองไม่เห็นอะไร เสียงแมลงทั้งสัตว์ป่าร้องตลอดทั้งคืน สร้างความหวาดกลัวให้กับคนที่ไม่เคยเข้าป่าสักครั้งอย่างเธอได้อย่างดี ยังดีที่เจ้าหน้าที่ผู้นำทางติดตามมาด้วยอีกหลายคน พวกเขาจึงได้อยู่ผลัดเปลี่ยนเวรยาม เพื่อป้องกันไม่ให้สัตว์ป่าเข้ามาถึงตัวพวกเขา หลายวันที่อยู่ในป่า ซูเจินเก็บตัวอย่างพันธุ์ได้หลายชนิด แต่ทั้งทีม ยังเดินไม่หลุดป่าชั้นนอกเลย ยังดีที่อาหารที่เตรียมมาเพียงพอให้พวกเขาอยู่ไปได้อีกหลายวัน “เอ๊ะ” เข้าวันที่เจ็ดของการสำรวจป่า ซูเจิน เห็นดอกไม้แปลกตา ที่ขึ้นอยู่ท่ามกลางพงหญ้ารก เธอจึงเดินห่างจากกลุ่มทีมสำรวจเข้าไปดูทันที เพราะไม่คิดว่าจะเกิดเรื่องอะไรได้ ระยะห่างที่อยู่ไกลจากพวกเขา หากร้องเรียกก็ยังได้ยินอยู่ เธอหยิบกล้องถ่ายรูปขึ้นมา พร้อมทั้งจดรายละเอียดก่อนที่จะดึงต้นไม้เก็บเข้าถุงเก็บตัวอย่างที่เตรียมมา แต่เมื่อมือของซูเจินสัมผัสไปที่ดอกไม้ เธอก็ต้องตกตะลึง เหมือนมีกระแสไฟวิ่งผ่านปลายนิ้วไปจนทั่วทั้งตัว “โอ๊ยย” เสียงร้องอย่างเจ็บปวดของซูเจิน เรียกความสนใจให้คนทั้งหมดรีบวิ่งมาทางที่เธออยู่ ซูเจินเห็นเพียงแสงสีขาวที่สว่างวาบไปทั่ว แล้วภาพตรงหน้าของเธอก็ดำมืดลง
เสิ่นซือหนิงซ่อนตัวตนไว้ยอมทำทุกอย่างให้ แต่ความจริงใจของเธอกลับถูกสามีทำลายไปหมด และสิ่งที่เธอได้รับนั้นคือข้อตกลงการหย่า ด้วยความผิดหวังเธอจึงหันหลังจากไปและกลายเป็นตัวเองที่แท้จริงอีกครั้ง หลังจากได้เห็นความใกล้ชิดของสามีกับคนรักของเขา เธอก็จากไปด้วยความผิดหวัง จากนั้นเปิดเผยตัวตนที่เป็นนักปรุงน้ำหอมอัจฉริยะระดับนานาชาติ ผู้ก่อตั้งองค์กรข่าวกรองที่มีชื่อเสียง และผู้สืบทอดในโลกแฮ็กเกอร์ อดีตสามีของเธอเลยเสียใจมาก เมื่อเมิ่งซือเฉินรู้ว่าตัวเองทำผิด เขาก็เสียใจมาก หนิง ผมผิดไปแล้ว ให้โอกาสผมอีกครั้งเถอะ ทว่าฮั่วจิ่งชวนขาพิการนั้นกลับลุกขึ้นยืนและจับมือกับเธอว่า "อยากคบกับเธอ นายยังไม่มีค่าพอ"
หลังจากแต่งงานได้ 2 ปี ในที่สุดเจียงเนี่ยนอันก็ตั้งครรภ์สักที ความดีอกดีใจของเธอแต่กลับแลกกับคำขอหย่าของสามี หลังจากการสมคบคิด เธอนอนในกองเลือด และต้องการขอร้องเขาให้ช่วยเด็กเอาไว้ แต่กลับไม่สามารถติดต่อกับอีกฝ่ายได้ ด้วยความสิ้นหวังเธอจึงออกจากประเทศไป ต่อมาในงานแต่งงานของเจียงเหนียนอัน คุณกู้เสียการควบคุมและคุกเข่าลง ดวงตาของเขาแดงก่ำ "มีลูกของฉัน แล้วเธออยากจะแต่งงานกับใครกัน?"