"ความแค้น...สั่งให้ทำลาย" "แต่หัวใจ...สั่งให้รัก" "ท่ามกลางไฟแค้นที่แผดเผา เขาจะเลือกเส้นทางใด...เมื่อหัวใจทรยศต่อแผนการ" ภาคินัยต้องเผชิญกับความเจ็บปวด เมื่อเนตรดาว ภรรยาของเขาประสบอุบัติเหตุและเสียชีวิตในเวลาต่อมาพร้อม ๆ กับชายชู้ ความแค้นจึงมาลงที่น้องสาวของชู้รักอย่างอัญชลิดา แต่ว่าหัวใจของภาคินัย...กลับทรยศต่อแผนการ ภาคินัย หรือภีม พ่อเลี้ยงหนุ่มเจ้าของไร่องุ่นที่อำเภอสะเมิง ต้องเผชิญกับความเจ็บปวดรวดร้าว เมื่อเนตรดาว ภรรยาของเขาประสบอุบัติเหตุและเสียชีวิตในเวลาต่อมาพร้อม ๆ กับชายชู้ที่ชื่อรณพีร์ ความแค้นที่ถูกหักหลังทำให้ภาคินัยวางแผนแก้แค้น โดยยื่นข้อเสนอให้ อัญชลิดา หรืออัญน้องสาวของรณพีร์ มาทำงานที่ไร่องุ่นของเขา ภาคินัยใช้ความใกล้ชิดล่อลวงอัญชลิดา หวังจะทำลายเธอให้เจ็บปวดเหมือนที่เขาเคยได้รับเพื่อแก้แค้น แต่ในที่สุดเขากลับหลงรักเธอ
ตอนที่ 1
ไร่องุ่นภาคิน วัลเล่ย์ ไวเนอรี่ อำเภอสะเมิง จังหวัดเชียงใหม่
แสงอาทิตย์สีทองยามเช้าทอประกายอบอุ่นลงบนไร่องุ่นเขียวขจี ภาคินัยพ่อเลี้ยงหนุ่มเจ้าของไร่กำลังนั่งจิบกาแฟดำเข้มข้นบนระเบียงบ้านพัก สายตาคมกริบกวาดมองทิวทัศน์ไร่องุ่นที่ทอดยาวสุดลูกหูลูกตา
ภาพของความอุดมสมบูรณ์และความสงบสุขทำให้จิตใจของเขาผ่อนคลาย แต่แล้วจู่ ๆ เสียงโทรศัพท์มือถือที่วางอยู่บนโต๊ะก็ขึ้น เขาดึงสติที่ล่องลอยไปกับความอุดมสมบูรณ์ที่ตัวเองสร้างขึ้น ก่อนจะรีบหยิบมือถือขึ้นมารับสายอย่างอารมณ์ดี
“ฮัลโหล สวัสดีครับ..”
“คุณภาคินัย ใช่ไหมครับ” เสียงปลายสายดังขึ้น
“ครับ ผมภาคินัย”
“ผมร้อยตำรวจเอกประพนธ์ จากสถานีตำรวจภูธรปายนะครับ ขอแจ้งให้ทราบว่าคุณเนตรดาว ประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์เมื่อเช้านี้ครับ” เสียงของร้อยตำรวจเอกประพนธ์ราวกับสายฟ้าฟาดลงกลางใจของภาคินัย มือที่ถือแก้วกาแฟสั่นเทิ้มจนกาแฟกระฉอกออกมา
“อุบัติเหตุเหรอครับ!!!” เขาถามเสียงสั่นเครือ
“ครับรถยนต์ของคุณเนตรดาวเสียหลักพลิกคว่ำบนถนนหลวงหมายเลข 1095 ครับ ตอนนี้เธอถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลปายแล้วครับ”
“แล้ว... แล้วเธอเป็นยังไงบ้างครับ” ภาคินัยถามเสียงสั่น
“อาการค่อนข้างสาหัสครับ คุณภาคินัยควรจะรีบมาที่โรงพยาบาลโดยด่วนครับ”
“ครับ... ครับ ผมจะไปเดี๋ยวนี้” ภาคินัยรีบตอบ ก่อนจะวางสายโทรศัพท์ลง เขาเหม่อมองไปยังไร่องุ่นที่เคยสวยงามในสายตา บัดนี้กลับดูมืดมัวและว่างเปล่า ภาพของเนตรดาว ภรรยาสาวที่เขารัก ลอยเข้ามาในความคิด ใบหน้าสวยหวานที่เคยมีรอยยิ้มสดใส บัดนี้กลับเลือนรางไปพร้อมกับข่าวร้ายที่ได้รับ
ภาคินัยไม่รอช้า รีบขับรถไปยังโรงพยาบาลในตัวอำเภอปายทันที หัวใจของเขาเต้นแรงด้วยความกังวลในระหว่างที่ขับรถด้วยความเร็วสูง เส้นทางสะเมิงถึงปายก็มีแต่โค้งทั้งนั้น
โรงพยาบาลอำเภอปาย
เขาจอดรถได้ก็รีบเดินเข้ามาแจ้งเรื่องกับเจ้าหน้าที่ประชาสัมพันธ์ของโรงพยาบาลอย่างเร่งรีบ
“คุณเป็นสามีของคุณเนตรดาวใช่ไหมคะ?”
“ครับ” เมื่อพยาบาลสาวฝ่ายประชาสัมพันธ์คีย์ข้อมูลเสร็จเรียบร้อย เธอก็เงยหน้าแจ้งพ่อเลี้ยงหนุ่ม และบอกว่าตอนนี้เนตรดาวภรรยาของเขากำลังอยู่ในห้องไอซียู
พ่อเลี้ยงหนุ่มถึงกับเข่าทรุดเมื่อเห็นร่างของภรรยาที่นอนอยู่ในห้องไอซียู ร่างกายของเธอเต็มไปด้วยเครื่องมือช่วยชีวิต ไม่ว่าจะเป็นเครื่องช่วยหายใจเครื่องวัดชีพจร รวมไปถึงสายน้ำเกลือและถุงเลือดห้อยระโยงระยางเต็มไปหมด ใบหน้าของเธอขาวซีด ดวงตาปิดสนิทสนิทราวกับหลับใหล
ภาคินัยเดินเข้าไปใกล้เตียงอย่างช้าๆ มือหนาสั่นเทาเอื้อมไปสัมผัสใบหน้าของเธอด้วยความสงสาร ความเย็นเยียบของผิวหนังทำให้หัวใจของเขาเจ็บปวดรวดร้าวจนแทบจะแตกออกมาเป็นเสี่ยง ๆ
“ดาว!! คุณต้องไม่เป็นอะไรนะ” เขาเรียกชื่อภรรยาด้วยเสียงแผ่วเบา หวังว่าเธอจะได้ยินเสียงของเขา แต่ร่างที่นอนอยู่ไม่มีปฏิกิริยาตอบสนองใดๆ เลย น้ำตาของภาคินัยไหลซึมออกมาจากหางตา เขาไม่เคยรู้สึกสิ้นหวังและเจ็บปวดเท่านี้มาก่อน ภาพเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นมันย้อนกลับมาในความคิด เขาโทษตัวเองที่เห็นงานสำคัญกว่าภรรยาและปล่อยให้เธอขับรถมาที่นี่เพียงคนเดียว
“ผมขอโทษนะดาว...ผมขอโทษ!!! ผมไม่น่าปล่อยให้คุณขับรถมาคนเดียวเลย” เขาพร่ำเพ้อ มือของเขาสัมผัสมือของเธออย่างแผ่วเบา เพื่อหวังจะส่งผ่านความรู้สึกถึงความรักทั้งหมดที่เขามีให้เธอ
ภาคินัยจ้องมองใบหน้าของเธออย่างไม่ละสายตา และภาวนาให้เธอฟื้นคืนสติกลับมาอีกครั้ง แต่ความเงียบงันในห้องไอซียูกลับตอกย้ำความจริงที่ว่าเธออาจจะไม่มีวันกลับมา ตามที่หมอได้บอกให้เขาทำใจ
ภาคินัยเดินออกจากห้องไอซียูด้วยหัวใจที่หนักอึ้ง เขาเดินตรงไปยังเคาน์เตอร์พยาบาลหน้าห้องด้วยความหวังที่จะได้รับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับอาการของภรรยาในทางที่ดีกว่านี้
“คุณพยาบาลครับ ภรรยาของผมจะมีโอกาสรอดมั้ยครับ” เขาพูดเสียงสั่นเครือ พยาบาลเงยหน้าขึ้นมองเขาด้วยสีหน้าเห็นใจ
“คุณหมอได้แจ้งอาการเบื้องต้นให้คุณทราบแล้วใช่ไหมคะ?”
“ครับ แต่ผมอยากทราบว่า พอจะมีทางรักษาอย่างอื่นมั้ยครับ” พยาบาลถอนหายใจเบา ๆ
“ตอนนี้คุณเนตรดาวอยู่ในภาวะโคม่าค่ะ สมองได้รับการกระทบกระเทือนอย่างรุนแรงจากอุบัติเหตุ ทำให้เกิดอาการบวมในสมอง เราได้ให้ยาเพื่อลดอาการบวมและเฝ้าดูอาการอย่างใกล้ชิดค่ะ”
“แล้ว...โอกาสที่ภรรยาของผมจะฟื้นมีมากแค่ไหนครับ?” ภาคินัยถามเสียงแผ่วเบา พยาบาลเงียบไปครู่หนึ่ง ก่อนจะตอบด้วยน้ำเสียงที่แสดงถึงความเห็นใจ
“ตอนนี้ทางเราก็ยังบอกไม่ได้ค่ะ ต้องรอดูอาการวันต่อวัน”
“ขอบคุณมากครับ” พ่อเลี้ยงหนุ่มถอนหายใจก่อนจะเดินออกมาจากเคาน์เตอร์พยาบาลด้วยความรู้สึกสิ้นหวัง แต่ก็ยังมีความหวังเล็กๆ ในใจ และเขาจะพยายามทำทุกวิถีทางเพื่อให้ภรรยาของเขากลับมา
สัญญาเมียลับๆ นำพาเธอสู่เกมรักอันตราย ที่มีเขาเป็นผู้ควบคุม เมื่อหนี้สินบังคับให้เธอต้องแลกเรือนร่าง... แต่หัวใจกลับถูกเขาช่วงชิงไปโดยไม่รู้ตัว เตยหอม หญิงสาวผู้มีหนี้สินล้นพ้นตัวและอกหักจากแฟนหนุ่มเธอกำลังจะฆ่าตัวตาย แต่ได้รับข้อเสนอสุดอันตรายจาก ทิวัตถ์ นักธุรกิจหนุ่มผู้ทรงอิทธิพล เขาเสนอให้เธอมาเป็น "เมียลับๆ" ในตำแหน่งเลขาฯ ส่วนตัว เพื่อบำเรอความสุขของเขา แลกกับการใช้หนี้ทั้งหมดของเธอ ด้วยความจำเป็น เตยหอมจึงยอมรับข้อเสนอ โดยเซ็นสัญญาลับที่เธอไม่ได้อ่านอย่างละเอียด ทำให้เธอตกเป็นเหยื่อของทิวัตถ์ ผู้มีเล่ห์เหลี่ยมแพรวพราว
หญิงสาวที่ถูกวางยาปลุกเซ็กซ์ แล้วหนีออกมาเจอกับชายแปลกหน้า เขาช่วยเธอหนีรอดมาได้ แต่ในเมื่อยาออกฤทธิ์ขึ้นเรื่อย ๆ เขาก็จำเป็นต้องช่วยเธอ และครั้งนั้นก็ทำให้เธอท้องกับเขาโดยไม่รู้ตัว เรื่องย่อ หญิงสาวที่ท้องกับชายแปลกหน้า จนมารู้อีกครั้ง ว่าเขาคือเจ้านายของเธอในเวลาต่อมา มณีมันตรา นักศึกษาสาวที่ถูกมารดาขายให้กับนายกำธรเสี่ยเงินกู้รายใหญ่ประจำหมู่บ้าน เสี่ยหื่นกามคนดังกล่าวได้วางยาปลุกเซ็กซ์เธอ แต่ว่ามณีมันตราก็ดิ้นรนต่อสู้จนหนีออกมาได้และได้รับการช่วยเหลือจากจากชายแปลกหน้ารูปหล่อคนหนึ่งเผอิญว่าเขาขับรถผ่านมาแถวนั้นพอดี แต่อนิจจา ในเมื่อยาปลุกเซ็กซ์ออกฤทธิ์ขึ้นเรื่อย ๆ หญิงสาวก็ไม่อาจฝืนต่ออารมณ์ทางเพศของตัวเองได้ เธอจึงจำเป็นต้องขอร้องให้ชายแปลกหน้าช่วยเหลือเธอ แต่มณีมันตราก็โชคร้ายซ้ำสองที่ตั้งท้องกับชายแปลกหน้าคนนั้น หนึ่งเดือนผ่านไปเธอมีโอกาสได้พบเขาอีกครั้งเมื่อเข้าไปทำงานในบริษัทแห่งหนึ่ง แต่เธอก็ไม่กล้าบอกกับเขาเพราะว่าชายแปลกหน้าคนนั้นคือคือภาณุภัทร์ประธานหนุุ่มที่เป็นผู้บริหารในเครือของห้างสรรพสินค้าชื่อดังแห่งหนึ่งและเขาก็เป็นเจ้านายของเธอ
บริษัทหลักทรัพย์และที่ปรึกษาการลงทุน เอสเอ็มที จำกัด มีกฎเหล็กที่บ้าบอ โดยห้ามพนักงานแต่งงานหรือเป็นแฟนกัน หากฝ่าฝืนจะถูกไล่ออก แต่เมื่อมีกฏก็ย่อมมีคนแหกกฏดังคู่รักคู่นี้ เมญารินทร์กับติณห์ภัทรคู่รักที่ต้องคอยหลบ ๆ ซ่อน ๆ อยู่ภายในบริษัท มาถูกขจรเกียรติเจ้านายของฝ่ายหญิงจับได้เสียก่อน เมญารินทร์จึงยอมไปเจรจากับขจรเกียรติและรับข้อเสนอของเขาเพื่อให้ความรักของเธอและติณภัทรยังคงเป็นความลับต่อไปด้วยการเอาตัวเข้าแลกโดยที่แฟนหนุ่มของเธอไม่รู้
“เธอนี่...สวยเซ็กซี่จังเลยนะ ฉันมองคนไม่ผิดจริงๆ ฉันจะทำให้เธอมานอนครางอยู่ใต้ร่างของฉันให้ได้" “ อย่าทำอะไรฉันเลยนะคะ ฉันจะหาเงินมาใช้คืนให้คุณจนครบทุกบาททุกสตางค์”
“ถ้าเจ็บตรงไหนบอกผมนะครับ” หมอดนัยสอดนิ้วมือ 2 นิ้วเข้าไป “ค่ะ...อื้มมม คุณหมอขา อื้อ ๆ ” “เจ็บหรือครับ” คุณหมอตกใจที่เธอร้องครางแบบนั้น “เสียวมากเลย..อื้ม ๆ ลึกอีกสิคะ คุณหมอขา”
"นางเป็นบุตรีผู้สูงศักดิ์ของฮูหยินเอกของจวนเสนาบดี นางมีหน้าตาโดดเด่น ทั้งอ่อนโอนและมีน้ำใจไมตรีต่อผู้อื่น แต่... นางทำดีต่อป้าของนาง นางกลับฆ่าแม่ของนางตาย นางรักเอ็นดูน้องสาวของนาง แต่น้องสาวกลับแย่งสามีของนางไป นางคอยสนับสนุนและดูแลสามีของนางอย่างสุดหัวใจ แต่สามีกลับทำให้นางตายทั้งกลม...ตระกูลฝ่ายมารดาของนางก็ถูกประหารชีวิตทั้งตระกูลด้วย นางตายตาไม่หลับและสาบานว่าหากมีชาติหน้า นางจะไม่เมตาตาต่อใครอีก ใครก็ตาม กล้ามาทำร้ายข้า ข้าจะล้างแค้นด้วยชีวิตทั้งตระกูลของพวกเจ้า เมื่อเกิดใหม่อีกครั้ง นางอายุได้สิบสี่ปี นางสาบานว่าจะต้องเปลี่ยนชะตากรรมและแก้แค้นชาติก่อน ป้านางใจ้ร้าย นางจะใจร้ายกลับยิ่งกว่านาง นางคิดจะได้ครองตำแหน่งฮูหยินงั้นเหรอ บอกเลยไม่มีทาง! ส่วนน้องสาวชอบผู้ชายชั่ว ๆ นักไม่ใช่หรือ ได้!ข้าจะยกให้เลย ส่วนชายชั่วนั่น ข้าจะทำให้เจ้าไม่สามารถมีทายาทได้อีกตลอดทั้งชาติ!แต่ข้าจะแก้แค้น เหตุใดเจ้าต้องมาช่วยข้าด้วย?"
เจ้าของร่างเดิมถูกท่านย่าตัวเอง ขายให้ชายพิการด้วยเงินเพียงห้าตำลึง จึงคิดสั้นไปกระโดดน้ำฆ่าตัวตาย ทำให้วิญญาณของเซี่ยซือซือทะลุมิติมาเข้าร่างแทน ชีวิตในโลกนี้บิดามารดาล้วนตายไปแล้ว เหลือเพียงน้องสาวกับน้องชายร่างกายผอมแห้งหิวโซสองคน เธอต้องช่วยพวกเขาให้รอด ก่อนจะถูกคนชั่วพวกนี้ขายทิ้งไปแบบเธอ 1 : ทะลุมิติ แคว้นจ้าว หมู่บ้านตระกูลแซ่อวี่ ภายในบ้านสกุลเซี่ย “ท่านพี่รีบกินเร็วเข้า” เสียงเด็กเล็กดังก้องอยู่ข้างหูอย่างน่ารำคาญ ว่าแต่ฉันมีน้องชายตั้งแต่เมื่อไหร่กัน รู้สึกได้ถึงอะไรแข็ง ๆ มาแตะที่ริมฝีปาก ทว่ายังลืมตาไม่ขึ้น “ท่านพี่กินสิ ๆ” เซี่ยซือซือรู้สึกหนักอึ้งไปทั้งศีรษะ พยายามที่จะเปิดดวงตาขึ้นมอง เจ้าของเสียงเล็ก ๆ ด้านข้าง “ท่านพี่ ๆ ท่านพี่อย่าตายนะ ลืมตาสิท่านพี่” “นังตัวดีออกมาเดี๋ยวนี้นะ !” เสียงเอะอะโวยวายดังหนวกหูเซี่ยซือซือเป็นอย่างมาก ปัง ๆ เสียงเคาะประตูดังขึ้นเรื่อย ๆ เซี่ยซือซือลืมตาขึ้นจนได้ พลันสมองกลับมีเรื่องราวพรั่งพรูเข้ามาไม่ขาดสาย จนต้องกรีดร้องออกมาอย่างเจ็บปวด อ๊าก ! “พี่รอง !” เด็กน้อยเซี่ยซือหยางในวัยสามหนาวเรียกพี่สาวพร้อมเบะปากอยากร้องไห้ “ท่านพี่ !” เซี่ยซานซานทิ้งบานประตูที่ตัวเองดันไว้ หันกลับมาดูพี่สาวด้วยความตกใจ “ท่านพี่ ๆ ท่านเป็นอะไร อย่าทำให้พวกข้าตกใจสิท่านพี่ !” ผลัวะ ! มีคนถีบประตูบานเก่าผุพังเข้ามาภายในห้อง เด็กทั้งสองรีบเข้าไปขวางผู้บุกรุกไม่ให้ทำร้ายพี่สาว แม่เฒ่าเซี่ย เซี่ยจิ่วเม่ย หน้าตาแลดูดุร้าย ไม่ใช่หญิงชราใจดีแต่อย่างใด ด้านหลังของแม่เฒ่าเซี่ยยังมีลูกสะใภ้บ้านใหญ่ กับบ้านรองเดินตามมา ท่าทางดุดันเอาเรื่อง “ไอ้พวกบ้านสามตัวดี กล้าลักขโมยอาหารเอาไว้กินเอง ยังเห็นแม่เฒ่าอย่างข้าอยู่ในสายตาหรือไม่ ไอ้พวกหมาป่าตาขาว ดูซิวันนี้ข้าจะจัดการพวกเจ้าอย่างไร” “ท่านย่าพวกข้าไม่ได้ขโมยนะ นี่เป็นหมั่นโถวของท่านพี่ ท่านพี่ไม่สบายข้าแค่เก็บไว้ให้ท่านพี่เท่านั้นเอง” เซี่ยซานซานยังเป็นเด็กหญิงวัยสิบหนาว แต่นางข่มความกลัวตอบโต้ผู้ใหญ่ในบ้านออกไป “หึ กฎบ้านก็มีบอกอยู่แล้วถ้าพลาดมื้ออาหารไปก็คืออด แต่พวกเจ้ากลับแหกกฎ แอบยักยอกอาหารเก็บไว้กินเอง ยังมีหน้ามาเถียงท่านแม่อีก ท่านแม่ท่านต้องลงโทษคนบ้านสามนะเจ้าคะ ไม่เช่นนั้นข้าไม่ยอมจริง ๆ ด้วย ตอนนั้นยวี่เฟยของข้านางได้พลาดมื้อเย็นไป ท่านก็ไม่ให้นางกินนะเจ้าคะ” สะใภ้บ้านรองนามว่าจงอี้ซิน ย้อนรำลึกถึงเรื่องลูกสาววัยแปดปีของตัวเองขึ้นมา “ดูเจ้าเด็กพวกนี้สิท่านแม่ กางแขนปกป้องพี่สาวตัวเอง ช่างน่าสมเพชไม่รู้จักสำเหนียกกำลังตัวเอง ถุย !” หลินพ่านเอ๋อสะใภ้บ้านใหญ่มองดูเด็กทั้งสองพร้อมถ่มน้ำลายใส่ตรงหน้า แม่เฒ่าเซี่ยมองลูกสะใภ้ทั้งสองสลับกันไปมา เดินตรงไปกระชากหมั่นโถวเย็นชืดแถมแข็งปานหิน ออกจากมือของเซี่ยซือหยาง “แง ๆ ๆ” เด็กน้อยถูกแย่งของกินของพี่สาวไป ถึงกับแผดเสียงร้องลั่น “เจ้าคนชั่ว ! เอามานะ ของท่านพี่ข้า” กำปั้นน้อย ๆ ทุบไปยังต้นขาของแม่เฒ่เซี่ย “เจ้าเด็กเนรคุณกล้าตีข้ารึ นี่นะ !” แม่เฒ่าเซี่ยเตะทีเดียวเซี่ยซือหยางก็กระเด็นไปติดกับผนังห้อง “น้องเล็ก !” เซี่ยซานซานรีบวิ่งไปอุ้มน้องชายขึ้นมากอดไว้ด้วยความตกใจ “ท่านย่า น้องเล็กยังเด็กไม่รู้ความ เหตุใดท่านถึงได้ใจร้ายเช่นนี้” “แง ๆ ๆ” เสียงร้องไห้ของเด็กน้อยฟังแล้วน่าสงสารจับใจ ดวงตาที่ปิดไว้ก่อนหน้าของเซี่ยซือซือ ลืมขึ้นหลังจากค้นพบว่า ตัวเองได้ทะลุมิติมายังอดีตอันไกลโพ้นแล้วจริง ๆ หลังจากหลับตาลืมตาอยู่หลายหน เรียบเรียงความคิดที่ไหลเข้ามาไม่ยอมหยุด เมื่อค่อย ๆ จัดการกับมันได้ ความเจ็บปวดที่ศีรษะก่อนหน้าจึงบางเบาลง และมองเหตุการณ์ตรงหน้าอย่างเฉยชา ครบสูตรของการทะลุมิติจริง ๆ มีท่านย่าผู้ชั่วร้าย ขนาบข้างด้วยป้าสะใภ้เลวทั้งสอง ครั้นหันไปมองน้องสาวในวัยสิบขวบของตัวเองกับน้องชายตัวน้อย ทั้งตัวดำเมี่ยมเหมือนไม่ได้อาบน้ำมาเป็นเดือน ร่างกายผอมแห้งเหลือแต่กระดูก เสื้อผ้าเก่าขาดมีรอยปะชุนเต็มไปหมด เส้นผมแห้งกรังเหมือนไม่ผ่านน้ำมานาน ยกมือของตัวเองขึ้นมาดู ไม่ได้มีสภาพต่างกันแม้แต่น้อย ครั้นเงยหน้ามองป้าสะใภ้ใหญ่ร่างกายอวบอ้วนเต็มไปด้วยก้อนไขมัน ป้าสะใภ้รองแม้ไม่ได้อ้วนแต่ก็ไม่ได้ผอม ยิ่งแม่เฒ่าเซี่ยด้วยแล้ว ร่างกายบึกบึนเหมือนคนกินดูอยู่ดีมาตลอด “ท่านแม่ดูอาซือมองท่านสิเจ้าคะ” สะใภ้ใหญ่เห็นสายตาเย็นเยียบของคนที่นอนอยู่บนเตียงก็อดแปลกใจไม่ได้ ดูเยือกเย็นจนไม่น่าไว้ใจ “เจ้าอย่าคิดว่ากระโดดน้ำตายแล้วทุกอย่างจะจบนะอาซือ ข้ารับเงินคนบ้านถานมาแล้ว ถ้าเจ้าตายข้าจะให้อาซานไปแทนเจ้า” คำพูดของแม่เฒ่าเซี่ยทำให้ดวงตาของเซี่ยซือซือเบิกกว้าง ท่านย่าของนางขายนางให้คนบ้านถานในราคาแค่ห้าตำลึง เจ้าของร่างเดิมไม่อยากไปเป็นเมียคนพิการ เลยไปกระโดดน้ำฆ่าตัวตาย ทว่าเธอที่มาจากยุคปัจจุบันกลับเข้ามาแทนที่เจ้าของร่างนี้ เจ้าของร่างเดิมว่ายน้ำไม่เป็น จึงได้ขาดอากาศตายใต้น้ำ แต่เธอที่เข้ามาสวมร่างกลับพาร่างนี้ขึ้นมาจากน้ำได้ โชคชะตาคงเล่นตลกให้เธอกับเจ้าของร่างเดิมมีชื่อเดียวกัน “ท่านย่าอาซานยังเด็กนัก ท่านอย่าได้ทำเช่นนั้นเลย” นานมากกว่าที่นางจะเอ่ยออกมา “มันอยู่ที่เจ้าอาซือ ข้าขอเตือนเอาไว้ อีกสองวันคนบ้านถานจะมารับตัวเจ้าแล้ว อย่าให้เกิดเรื่องขึ้น ไม่อย่างนั้นข้าจะส่งอาซานไปแทนเจ้า แล้วขายซือหยางทิ้งเสีย” แม่เฒ่าเซี่ยจ้องหน้าเซี่ยซือซือแบบอาฆาต เด็กนี่ก่อนหน้าดูอ่อนแอไร้ทางสู้ ทำไมวันนี้ถึงได้ดูแปลกตาไปนัก “ท่านแม่เจ้าคะ ท่านจะลงโทษคนบ้านสามเรื่องหมั่นโถวนี่อย่างไรเจ้าคะ” สะใภ้ใหญ่ยังไม่ยอมปล่อยสามพี่น้องไปง่าย ๆ “พรุ่งนี้งดอาหารบ้านสาม” แม่เฒ่าเซี่ยเอ่ยแล้วหันหลังเดินออกจากห้องของเด็กน้อยทั้งสามไป โดยมีสะใภ้ใหญ่เดินตามไปด้วย “พวกเจ้าได้ยินแล้วใช่ไหม จำใส่หัวเอาไว้ดี ๆ ด้วยล่ะ” สะใภ้รองหมุนตัวตามหลังไปติด ๆ “ท่านพี่ต่อไปท่านอย่าทำเช่นนี้อีกนะเจ้าคะ ข้ากับน้องเล็กจะทำอย่างไร ถ้าท่านไม่อยู่” เซี่ยซานซานปล่อยเสียงร้องไห้ในทันที
เซิ่งหนานหยินเกิดใหม่แล้ว ชาติที่แล้ว เธอถูกชายชั่วหักหลัง ถูกชายเสแสร้งใส่ร้าย โดนครอบครัวสามีเล่นงาน จนทำให้เธอล้มละลายและเป็นบ้าไป ในท้ายที่สุด เธอเสียชีวิตอย่างน่าสลดใจด้วยอุบัติเหตุทางรถยนต์เมื่อเธอตั้งครรภ์ได้ 9 เดือน แต่คนร้ายกลับทำเงินได้มากมาย และใช้ชีวิตทั้งครอบครัวอย่างมีความสุข เกิดใหม่ครั้งนี้ เซิ่งหนานหยินคิดตกอล้ว อะไรที่ว่าพระคุณช่วยชีวิต คนรักในใจอะไรกัน ล้วนไม่ต้องไปสน เธอจะจัดการชายชั่วหญิงร้าย สร้างชื่อเสียงให้กับตระกูลเก่าของตนเองขึ้นมาใหม่อีกครั้งและนำตระกูลเซิ่งไปสู่จุดสูงสุดของชีวิต สิ่งที่แตกต่างออกไปก็คือ คนที่หยิ่งมาตลอดในชาติที่แล้ว กลับเป็นฝ่ายริเริ่มมาหาเธอ "เซิ่งหนานหยิน การแต่งงานครั้งแรกผมไม่ทัน การแต่งงานครั้งที่สองก็ต้องถึงคิวผมแล้วสินะ"
ถึงจะโกรธ เกลียด เคียดแค้นแค่ไหน แต่หัวใจไม่อาจต้านรักได้ ----------------------------------------- ไรยาค่อยๆ คลานไป ทันทีที่เจ้าบ่าวหันหน้ามา เพื่อจะยื่นมือให้เธอจับ จะได้ไม่ล้มนั้น ยิ่งจะทำให้เธอเกือบล้มไปเพราะเขาแล้ว ในหัวสมองก็ประมวลผลออกมาได้คำตอบทันที ว่าคนที่เธอเฝ้าครุ่นคิดว่าเป็นใครมาตลอดสองอาทิตย์นั้น แท้จริงก็คือใครกันแน่ในที่สุด ‘Mr. H. Hhemmhawattana ก็คือหรัญญ์ เหมวัฒน์’ ‘หรือพี่ฮั้นท์ของสาวๆ ที่เธอมักจะได้ยินเรียกขานกันนี่เอง’ ‘เขากลายมาเป็นเจ้าบ่าวเธอได้ยังไง’ ‘เขาจะมาแต่งงานกับเธอทำไม’ เท่าที่รู้มา เขาไม่ได้ร่ำรวยระดับร้อยล้านพันล้านแน่ๆ แล้วเขาไปทำอะไรมา ถึงได้มีเงินมากมายขนาดเอามาทุ่มซื้อหุ้นบริษัทของพ่อเธอได้ ไหนจะไถ่บ้านคืนให้ และอีกหลายต่อหลายอย่างที่เขาจ่ายไป รวมทั้งแหวนเพชรน้ำงามและไม่น่าจะต่ำกว่าห้ากระรัตบนพานดอกไม้ตรงหน้าเธออีก ---------------------------------------------------------------------------------------- ฮั้นท์ (หรัญญ์ เหมวัฒน์) นักธุรกิจหนุ่ม ผู้มีชีวิตที่พลิกผันจากเลวร้ายกลับกลายเป็นดี ซึ่งเขาเองก็ตั้งตัวไม่ทัน แต่ทั้งหมดนั้น มาจากความดี ความขยันหมั่นเพียรของเขา บวกกับโชคช่วย ถึงเวลาที่เขากลับมายืนอยู่จุดเดิม ในฐานะใหม่ ที่ใครต่อใครต่างงุนงง โดยเฉพาะเพื่อนๆ หรือแม้แต่กับผู้หญิงที่เคยเมนเขามาแล้ว และเขาก็จะทำให้ผู้หญิงพวกนั้นได้รู้ ว่าไม่ควรเมินเขาจริงๆ ---------------------- ย้า (ไรยา เจริญรัตชตะ) ทายาทนักธุรกิจหลายร้อยล้าน ที่ชีวิตพลิกผัน จากดีกลายเป็นเลวร้ายในไม่กี่ปี จนเธอกับครอบครัวก็ตั้งตัวไม่ติด รับภาวะย่ำแย่แทบไม่ทัน และถึงเวลาที่เธอจะต้องเลือก ระหว่างช่วยกู้ทุกอย่างของครอบครัวคืน กับทิ้งทุกอย่างไปแบบไม่เหลียวหลัง เพื่อไปเลียแผลหัวใจจากชายที่เธอรักแทบตาย สุดท้ายเธอจะเลือกทางเดินยังไง จะไปต่อหรือพอแค่นี้ ---------------------------------------------------------------------------------------- เมียแต่งท่านประธาน Chairman's Wife ตอนแรกคิดว่าจะให้นิยายที่เรื่องนี้มีแค่ชื่อภาษาอังกฤษเท่านั้นค่ะ ที่เหลือให้รี้ดไปตีความเอาเอง ว่าควรจะใช้ภาษาไทยว่าอะไรดี ระหว่าง แรงรัก - รั้งรัก - รังรัก และใช้นามปากกาพิมรภัค แต่สุดท้ายก็คิดชื่อใหม่ได้แล้วค่ะ และตัดสินใจใช้นามปากกาหลัก นั่นคือ กันเกราค่ะ เพราะแว้ปไปเขียนอวตารหลายเรื่องแล้ว และไม่ได้ออกนามปากกานี้นานแล้ว ส่วนแนวก็จะเพิ่มดราม่าเข้าไปอีก ซึ่งจะเป็น Signature ของกันเกราอยู่แล้ว รี้ดอยากได้มาม่าเจ้มจ้นแค่ไหน บอกกันได้เด้อ ----------------------------------------------------------------------------------------
เขาแอบชอบเธอตั้งแต่เจอกันครั้งแรกแต่เธอกลับกลัวและพยายามอยู่ให้ห่างจากเขาแล้วเขาจะทำอย่างไรที่จะตามจีบเธอดีในเมื่อเธอเป็นน้องรหัสของเขา
ตลอดระยะเวลาสามปีของการแต่งงาน เธอรู้สึกสิ้นหวัง ที่ถูกบังคับให้เซ็นใบหย่า ทั้งๆที่เธอกำลังท้อง เธอใจสลายกับความไร้มนุษยธรรมของเขา กระทั่งเธอออกไปจากชีวิตของเขา เขาเพิ่งรู้ตัวว่าเธอคือรักแท้ของเขา ไม่มีวิธีใดที่จะเยียวยาหัวใจที่บอบช้ำของเธอให้หายขาดได้ เขาจึงมอบความรักทั้งหมดของเขาให้แก่เธอเพื่อชดเชย