เพราะความเมตตาจากสวรรค์ ทำให้นางผู้ซึ่งสิ้นอายุขัยในวันที่คลอดลูก ได้กลับมาเกิดใหม่ ในร่างของคุณหนูสามผู้โง่เขลา บุตรีของท่านเจ้าสำนักศึกษาตระกูลหลี่
เสียงร้องคร่ำครวญด้วยความเจ็บปวดของสตรี ดังมาจากเรือนหลังหนึ่ง ภายในจวนสกุลหลัว สาวรับใช้วิ่งสวนทางกันให้วุ่น เพราะฮูหยินน้อยกำลังจะคลอดบุตรแล้ว ฮูหยินใหญ่หลัวเดินไปเดินมาอยู่หน้าห้อง นางรู้สึกใจคอไม่ดีเอาเสียเลย เพราะยามนี้บุตรชายของนาง ได้ออกไปปราบปรามโจรป่า ทำให้ไม่ได้อยู่รอภรรยาคลอดลูก
“นางยังไม่คลอดอีกรึ” หลัวฮูหยินถามสาวรับใช้ที่เดินเข้าออกห้อง
“ปะ...ปากมดลูกยังไม่เปิดเจ้าค่ะ หมอตำแยนางบอกว่า ตะ...ต้องรีบไปเชิญท่านหมอมาฝังเข็ม ให้ฮูหยินน้อยก่อนเจ้าค่ะ”
สาวรับใช้รีบรายงานออกมาด้วยน้ำเสียงตะกุกตะกัก ใบหน้าที่แสดงออกมานั้นก็ซีดเผือด เพราะอาการของฮูหยินน้อย ค่อนข้างน่าเป็นห่วง
“แล้วยังจะรออันใดอยู่เล่า เร็ว...รีบให้คนไปเชิญท่านหมอหลินมา” หลัวฮูหยินกล่าวด้วยน้ำเสียงขุ่นเคือง เรื่องใหญ่ถึงเพียงนี้ กลับยังไม่รีบจัดการ
“ฮูหยิน...เจ้าเองก็นั่งลงก่อนเถิด หลูซื่อแต่ไรมาร่างกายก็แข็งแรงมาโดยตลอด นางย่อมคลอดหลานชายของพวกเราออกมา ได้อย่างปลอดภัยแน่นอน”
นายท่านหลัวปลอบใจภรรยา แม้ภายในใจจะรู้สึกว่ามีบางสิ่งบางอย่างผิดปกติเช่นกัน ทว่าเขาก็ต้องตั้งสติให้ดี
หลัวฮูหยินย่อมฟังสามี นางยินยอมนั่งลงในที่สุด ทว่าจิตใจนั้นก็ไม่อยู่กับเนื้อกับตัวแล้ว นางเป็นห่วงลูกสะใภ้
นางเห็นเด็กคนนี้มาตั้งแต่ตระกูลหลัว ยังเป็นเพียงแค่ตระกูลสามัญชนต้อยต่ำ ทว่าเด็กสาวที่เป็นถึงบุตรีเพียงคนเดียว ของเจ้าสำนักคุ้มภัยต้าฟง กลับไม่คิดรังเกียจ
ยอมคบหาและแต่งงานกับบุตรชายของตน ตั้งแต่เขายังไม่ได้เป็นขุนนาง พอมาบัดนี้ ตระกูลหลัวกำลังรุ่งเรือง นางกลับต้องมาพบเจอกับเรื่องที่ยากลำบาก อย่างเช่นการคลอดบุตร
ผู้ใดกันจะไม่รู้บ้าง ว่าการคลอดบุตร ก็เท่ากับการก้าวเข้าปากประตูผีไปก้าวหนึ่งแล้ว อีกทั้งอีกฝ่ายก็รอคลอดนานถึงเพียงนี้ จะไม่ให้นางรู้สึกเป็นห่วง และกระวนกระวายใจได้อย่างไร
“ท่านหมอหลินมาแล้วเจ้าค่ะ” สาวรับใช้รีบรายงาน หลังจากที่คนข้างกายของนายท่านใหญ่ ออกไปเชิญท่านหมอหลินกลับมาถึงจวนแล้ว
“ท่านหมอหลิน...รีบเข้าไปดูลูกสะใภ้ของข้าทีเถิด ป่านนี้แล้วนางยังไม่คลอดเลยเจ้าค่ะ”
หลัวฮูหยินรีบกล่าวออกมา หลังจากที่คำนับทักทายท่านหมอหลินเสร็จ หมอวัยกลางคน รีบสาวเท้าเข้าไปภายในห้อง ที่ฮูหยินน้อยหลัวรอคลอดอยู่อย่างเร่งรีบ ก่อนที่เขาจะช่วยจับชีพจร และฝังเข็มให้นาง
“ข้าได้ทำการฝังเข็มให้ฮูหยินน้อยแล้ว อีกไม่เกินครึ่งเค่อ นางก็คงจะคลอด”
ท่านหมอหลินใจคอไม่ดี เขาเห็นใบหน้าซีดเซียวไร้ชีวิต ของฮูหยินน้อยแล้ว ขอเพียงอีกฝ่ายคลอดทายาทสกุลหลัวออกมา ได้อย่างปลอดภัยก็นับว่าโชคดี อย่าให้เกิดอันใดกับสองแม่ลูกก็พอ
“ท่านหมอหลินได้โปรดรั้งรอ อยู่ที่นี่ก่อนเถิดเจ้าค่ะ ข้าเกรงว่าจะเกิดเหตุอันใดร้ายแรงขึ้นกับลูกสะใภ้”
แม้อีกฝ่ายจะไม่ใช่มารดา ทว่ากลับห่วงใยสตรีที่เป็นเพียงลูกสะใภ้ ยิ่งกว่ามารดาผู้ให้กำเนิด ความจริงใจของหลัวฮูหยิน แสดงผ่านออกมาทางแววตา ท่านหมอหลินรู้สึกนับถือนางจากใจ จึงยอมรั้งอยู่ตามความต้องการของหลัวฮูหยิน
บ่าวรับใช้เชิญท่านหมอหลินให้ไปนั่งจิบน้ำชา กินของว่างรอที่ห้องข้างๆ ไม่เกินครึ่งเค่อ อย่างที่ท่านหมอหลินบอก เสียงร้องของหลูชิงเหลียนก็ดังขึ้น นางใช้แรงทั้งหมดที่มี เบ่งส่งบุตรชายที่นางเฝ้ารอมานานนับเก้าเดือน ให้ออกมาลืมตาดูโลก แม้จะเป็นลมหายใจ เฮือกสุดท้ายของนางก็ไม่เสียดาย
“อุ…แว๊….” เสียงของทารกแผดร้อง ทำให้คนที่เฝ้ารออยู่ข้างนอกรู้สึกยินดี
ทว่าไม่นานนัก ก็ได้ยินเสียงสาวรับใช้คนสนิท ของลูกสะใภ้กรีดร้องดังออกมา เสียงร่ำไห้น่าเวทนาดังขึ้น นายท่านหลัว ฮูหยินใหญ่ และท่านหมอหลิน จึงรีบพากันเข้าไปข้างในห้อง
ท่านหมอหลินนั่งลงตรวจชีพจรให้กับฮูหยินน้อยทันที ก่อนที่เขาจะมองไปยังทารกน้อย ที่ถูกห่อกายด้วยผ้าสีขาว แววตาของเขาฉายแววแห่งความเวทนาออกมา เขาสูดลมหายใจเข้า แล้วจึงหันหลังลุกขึ้นยืน กล่าวแสดงความยินดีและความเสียใจ ให้กับการเกิดใหม่ และการสูญเสียของสกุลหลัวในวันนี้
“นายท่านหลัว ฮูหยินใหญ่ ข้าขอแสดงความยินดีกับพวกท่านด้วย คุณชายน้อยคลอดออกมา มีร่างกายสมบูรณ์แข็งแรงดี และข้า…ก็ต้องขอแสดงความเสียใจ ต่อครอบครัวของพวกท่าน ฮูหยินน้อย…ได้จากไปอย่างสงบแล้ว”
สองสามีภรรยายังไม่ทันได้ดีใจ ที่หลานชายคลอดออกมาได้อย่างปลอดภัย พวกเขากลับต้องรับรู้ถึงการสูญเสียลูกสะใภ้อันเป็นที่รัก ไปอย่างไม่มีวันกลับ
หลัวฮูหยินได้ยินแล้วก็เป็นลมล้มพับลงไปทันที นายท่านหลัวรีบประคองภรรยาขึ้นมา แล้วอุ้มนางออกไปนอนยังตั่งตัวยาวด้านนอก เชิญท่านหมอหลินให้ช่วยไปตรวจอาการของนาง
แม่นมซิ่ว แม่นมของหลูชิงเหลียน แม้จะเสียใจเป็นที่สุด แต่นางก็กลายเป็นผู้ที่มีสติดีที่สุด คอยจัดการเรื่องพิธีศพของฮูหยินน้อย บ่าวในจวนสกุลหลัว ไม่มีผู้ใดที่ไม่เสียน้ำตา
เพราะตลอดระยะเวลาสองปี ที่ฮูหยินน้อยแต่งเข้าสกุลหลัวมา นอกจากนางจะเป็นสตรีที่แข็งแกร่ง สามารถเป็นคู่ซ้อมให้กับคุณชายได้ นางยังมีจิตใจเมตตากรุณาต่อพวกเขาอีกด้วย
เพียงไม่นาน จวนสกุลหลัวที่ควรจะจัดงานเลี้ยง กลับกลายมาเป็นจัดงานเศร้าโศกแทน ผ้าขาวดำถูกประดับไปทั่วทั้งจวน ผู้คนที่รับรู้ถึงเรื่องการจากไปของฮูหยินน้อยสกุลหลัว ต่างก็พากันรู้สึกเวทนา บุตรชายเกิดมา มารดาสิ้นใจ
แม้ในยุคสมัยนี้ จะมีให้เห็นอยู่บ่อยๆ แต่ผู้ใดเล่าจะคิดว่า คนดีๆ อย่างเช่นฮูหยินน้อยสกุลหลัว จะกลายเป็นหนึ่งในผู้ที่ประสบพบเจอกับโชคร้ายเช่นนั้น
หลัวอี้เฉินที่ออกไปปราบปรามโจรป่า รู้สึกใจคอไม่ดีเช่นกัน หลังจากที่เขานำกำลังเข้ากวาดล้างฐานลับ และจับกุมพวกโจรป่า ที่หนีไม่ทันเหล่านี้ได้ทั้งหมดแล้ว เขาจึงรีบควบคุมตัวพวกมัน ไปส่งยังศาลต้าตงเพื่อรอตัดสินโทษ ก่อนที่จะควบอาชากลับไปยังจวนสกุลหลัวทันที
กว่าจะถึงจวนฟ้า ก็มืดค่ำลงเสียแล้ว ภายนอกประตูจวน ถูกประดับไปด้วยผ้าขาวดำ โคมถูกแขวนเอาไว้ สองขาของหัวหน้ามือปราบหนุ่มอ่อนแรง กู้อี้รีบปรี่เข้ามาประคองคุณชายของตน เขารู้สึกใจคอไม่ดีแล้วเช่นกัน ยามที่เห็นจวนถูกประดับประดา ด้วยสิ่งของที่ใช้ตกแต่งในงานอวมงคลเช่นนี้
“นายท่าน…ท่านกลับมาแล้ว…” บ่าวรับใช้คนหนึ่งที่เปลือกตาบวมเป่งวิ่งออกมาต้อนรับ
“เกิดเหตุอันใดขึ้น เหตุใดจวนถึงได้ถูกประดับด้วยผ้าขาวดำ ประดับโคมไฟไว้อาลัยเช่นนี้” กู้อี้เป็นฝ่ายถามบ่าวรับใช้ที่เฝ้าหน้าประตูจวนออกมา อีกฝ่ายคุกเข่าลงบนพื้น หลั่งน้ำตาลงมาอีกหน
“ฮึก…คุณชายน้อยกำลังรอนายท่านอยู่ขอรับ…ตะ..แต่ว่า ฮูหยินน้อย ดะ…ได้จากไปแล้วฮึก….ฮือๆๆๆ”
บ่าวรับใช้พยายามกลั้นใจรายงานออกมา ทว่าสุดท้ายก็ฝืนทนต่อความเศร้าโศกไม่ได้ เขาร้องไห้ราวกับฟ้าจะถล่ม หลัวอี้เฉินหน้าซีดเข่าอ่อนทันที เขารีบวิ่งเข้าไปภายในจวนที่เงียบสงัดราวกับไร้ผู้คน
นางแบบสาวไทยที่ใช้ชีวิตอย่างสงบสุขมาโดยตลอด...จนวันหนึ่งได้พบกับเขา เขาที่เป็นพี่ชายสามีของน้องนางแบบที่เคยทำงานด้วยกัน ชีวิตของเธอก็ได้เปลี่ยนไป เพราะนอกจากถูกเขากวนใจแล้ว..เธอยังถูกเขากวนตัวอีกด้วย
เพราะความเข้าใจผิด ทำให้ต่างคนต่างก็แสดงท่าทีเย็นชาใส่กัน ทำให้ต่างคนต่างก็พลาดช่วงเวลาแห่งความสุขไป กว่าจะรู้ตัวว่าอีกฝ่ายมีความสำคัญในชีวิตของตนมากแค่ไหน อีกฝ่ายก็ได้จากไปตลอดกาลเสียแล้ว...
คงเป็นเพราะสวรรค์เมตตา ให้นางที่ตายไปแล้วด้วยน้ำมือคนที่รัก ได้ย้อนอดีตกลับมาเมื่อห้าปีก่อน ก่อนที่นางจะกลายเป็นสตรีที่โง่งมให้เขาหลอกลวงจนมีจุดจบที่น่าเวทนา มีหรือครานี้นางจะยอมเจ็บปวดเพราะเขาอีก...
คำว่ารัก...ไม่ควรจำกัดไว้แค่คำว่าเพศ เพราะโลกใบนี้ไม่มีใครเลือกเกิดได้ แต่ทุกคนเลือกที่จะเป็นได้ เหมือนกับเขาสองคน ที่คิดว่า ความรักคือสิ่งที่สวยงามยิ่งกว่าสิ่งใด
ในชาติภพก่อนนางคือวีรสตรีของแผ่นดินสยาม ปกป้องบ้านเมืองจากข้าศึกศัตรูจนตัวตาย เกิดชาติภพใหม่ในยุคจีนโบราณ นางนั้นเติบโตขึ้นเป็นสตรีที่งดงามแต่ทว่าภายใต้ใบหน้าที่งดงามนั้นกลับมีความลับบางอย่างซ่อนอยู่
ฉินเซี่ยหรู คุณหนูใหญ่แห่งสกุลฉิน นางสิ้นอายุขัยจากการถูกสามีอย่าง หวงจิงอวี่ทำร้ายจิตใจด้วยการรับอนุเข้ามาอยู่ในจวนมากมาย เขามิเคยร่วมเตียงกับนางเลยสักครั้งจนอนุที่รับมานั้นตั้งครรภ์ อำนาจในการดูแลเรือนของนางจึงดูไร้ค่า เพราะแม่ของสามีก็ดูถูกที่นางมิสามารถมีทายาทสืบสกุลได้ นางจะมีได้เช่นไรกัน ในเมื่อสามีที่แต่งนางมานั้นมิเคยร่วมเตียงกับนางเลยสักครา จนนางตรอมใจและดับสูญไปในที่สุด ผู้ใดจะรู้เรื่องราวหลังจากนั้น ฉินเซี่ยหรูได้กลับชาติไปเกิดในร่างของหลานสาวขี้โรคของนาง แต่ทว่าการได้เกิดใหม่ในครั้งนี้ทำให้ร่างกายของหลานสาวนั้นกลับมาแข็งแรงราวปาฏิหารย์ สตรีที่เคยมีอายุยี่สิบสามปี แต่บัดนี้กลับกลายมาอยู่ในร่างของเด็กหญิงอายุเจ็ดขวบ นางตั้งมั่นเอาไว้แล้วว่าในอนาคต นางจะมิยอมแต่งงานอีกต่างหาก แต่เมื่อได้พบเจอกับเขา นักปราชญ์หนุ่มที่เพิ่งย้ายมา นางจึงเปิดใจและอยากแต่งงาน นั่นเป็นเพราะเขาทำให้นางได้รู้จักความรักที่แท้จริง... ความรักที่ไม่เคยได้รับรักตอบจากชาติภพก่อน
เพราะแอบรักกล้าตะวันมากนาน หวันยิหวาจึงทำทุกวิถีทางเพื่อให้ได้ครองรักกับเขา โดยมีมารดาของเขาเป็นผู้ให้การสนับสนุน แต่สำหรับกล้าตะวันแล้ว หวันยิหวาคือนางมารร้ายที่ทำให้เขากับคนรักต้องเลิกรากัน ดังนั้นทุกวินาทีหลังจากงานวิวาห์นี้จบลง หวันยิหวาจะต้องได้รู้จักกับนรกอเวจีปอยเปตอย่างถ่องแท้เลยทีเดียว “อา... อ๊า...อา...” ลำคอระหงถูกซุกไซ้และดูดเม้ม เสื้อผ้าถูกดึงทึ้งออกไปจากร่างกาย จนในที่สุดก็เปลือยเปล่า กล้าตะวันเลียลงมาที่ไหปลาร้า และมาซบหน้าคลุกเคล้ากับร่องอกอวบ เขาดอมดมกลิ่นสาปสาวอย่างหิวกระหาย ขณะที่ฝ่ามือหนาวางทาบลงกับเต้านมอวบอัดข้างซ้ายของหล่อน “อา... อ๊า... ซี๊ดดดด” หล่อนเผยอปากครางลั่น เมื่อปทุมถันถูกฟอนเฟ้นบีบเคล้าหนักหน่วง ปลายนิ้วแข็งแรงถูไถเม็ดเต่งอย่างเมามัน หล่อนดิ้นเร่าๆ หยัดหน้าอกขึ้นหาสัมผัสจากฝ่ามืออบอุ่นด้วยความกระตือรือร้น
' "เจ้าชายฮิมราน บิน ฮาเซม อัล-ราชิด" องค์มกุฎราชกุมารแห่งประเทศความาร์ เดินทางมาประเทศไทยเพื่อดูตัวว่าที่เจ้าสาวที่ถูกพระมารดาบังคับให้แต่งงานด้วย เขาเต็มไปด้วยความชิงชังเมื่อเห็นหล่อนเดินเฉิดฉายอยู่ในผับยามค่ำคืน ท่าทางใสซื่อไร้เดียงสาของหล่อนที่พยายามแสดงออกมานั้นไม่ได้ทำให้เขาซาบซึ้งใจแม้แต่น้อย ตรงกันข้ามเขาแทบยากจะอาเจียนออกมา เพราะเขารู้อยู่เต็มอกว่าผู้หญิงอย่างหล่อนไม่มีทางเป็นชายาที่ดีของเขาได้อย่างแน่นอน นอกเสียจาก... นางบำเรอ!
เสิ่นชิงกลายเป็นลูกสาวของชาวนาจากคุณหนูที่ร่ำรวยของตระกูลเสิ่นในชั่วข้ามคืน ลูกสาวตัวจริงใส่ร้ายเธอ คู่หมั้นของเธอทำให้เธออับอาย และพ่อแม่บุญธรรมของเธอก็ไล่เธอออกจากบ้าน... ทุกคนต่างรอที่จะหัวเราะเยาะเธอ ทว่าเธอกลับกลายเป็นทายาทของตระกูลเศรษฐีในเมืองอย่างกะทันหัน นอกจาดนี้ เธอยังมีตัวตนหลากหลาย เช่น หัวหน้าแฮ็กเกอร์ระดับนานาชาติ นักออกแบบเครื่องประดับชั้นนำ นักเขียนผู้ยิ่งใหญ่ที่ลึกลับ และอัจฉริยะด้านการแพทย์! พ่อแม่บุญธรรมเสียใจกับการตัดสินใจของตนและบังคับให้เธอแบ่งทรัพย์สินครึ่งหนึ่งให้เพราะพวกเขาเลี้ยงดูเธอมา เมื่อเสิ่นชิงหยิบกล้องออกมาแล้วบันทึกท่าทางอันน่าเกลียดของพวกเขา อดีตคู่หมั้นรู้สึกเสียใจและพยายามจะคืนดีกับเธอ เสิ่นชิงหัวเราะเยาะ "เขาคู่ควรงั้นเหรอ" จากนั้นก็ไล่เขาออกจากเมือง ในที่สุด ผู้มีอำนาจแห่งเมืองก็พูดอ้อนวอนเบาๆ "ไม่จำเป็นต้องแต่งเข้าตระกูลผม เดี๋ยวผมไปหาเอง"
หลังจากแต่งงานกันมาสองปี สามีของเธอไม่เคยเหยียบเข้าไปในบ้านและมองดู 'ภรรยาขี้เหร่' ของเขาเลย แถมเขาก็มีเรื่องอื้อฉาวกับดาราหน้าใหม่หลายคนทุกวัน ซูเหว่ยทนไม่ไหวอีกต่อไป เธอตัดสินใจปล่อยเขาไป ต่อไปก็ต่างคนต่างไปเลย แต่เมื่อเธอเสนอเรื่องหย่า... ฟู่เหยียนอันพบว่านักออกแบบในบริษัทนั้นสะดุดตาเป็นพิเศษ เขาค่อยๆ ทำความรู้จักกับเธอเรื่อยๆ จนกระทั่งวันหนึ่งเขาค้นพบตัวตนที่แท้จริงของเธอเข้า เขาเสียใจแล้ว
เมื่อนางย้อนยุคกลายเป็นพระชายาคังที่ถูกขังอยู่ในโรงขังคนบ้า เพิ่งมาถึงฉินเซิงก็กำจัดคนสองคนที่ต้องการทำร้ายนาง นางบุกเข้าไปในงานแต่งงานของคู่รักชั่วชาสองคนนั้นในชุดแดง นางหยิ่งผยองและยั่วยุ ทำให้ชายชั่วโกรธจนกัดฟันแน่นแต่กลับทำอะไรไม่ได้ และหญิงร้ายนั้นก็เกลียดชังอย่างมากทว่าเอาคืนไม่ได้ ท่านอ๋องจิ้นได้เห็นสถานการณ์ทั้งหมดนี้ เขาโค้งงอริมฝีปาก สตรีนางนี้ช่างแตกต่างจากคนอื่นจริงๆ ถูกใจเหลือเกิน เขาจะเอาชนะใจนางและให้ชีวิตที่ดีแกนาง
ผมต้องทำงานนอกเวลาทุกวันเพื่อหารายได้ประคองชีวิตและจ่ายค่าเรียนมหาวิทยาลัยด้วยตัวเอง เนื่องจากฐานะครอบครัวยากจนและไม่สามารถส่งเสียผมเข้ามหาวิทยาลัยได้ และตอนเรียนที่มหาวิทยาลัย ผมก็ได้พบกับเธอ-สาวแสนสวยที่หนุ่มๆ ทุกคนในชั้นเรียนต่างก็ใฝ่ฝันถึง ไม่เว้นแม้แต่ผมเอง แต่ผมก็รู้ตัวดีว่าตัวเองไม่คู่ควรกับเธอ ถึงอย่างนั้นก็ตาม ผมก็รวบรวมความกล้าสารภาพกับเธอจนได้ สุดท้ายผมนึกไม่ถึงว่าเธอจะยอมตกลงเป็นแฟนกับผม เธอบอกกับผมว่าอยากได้ของขวัญเป็นไอโฟนรุ่นล่าสุด ผมก็ไปรับงานซักเสื้อผ้าให้เพื่อนร่วมชั้นเรียนเพื่อพยายามเก็บเงินซื้อให้เธอจนได้ และในที่สุดหนึ่งเดือนต่อมา ผมก็ซื้อมาได้จริง ๆ แต่ขณะที่ผมกำลังห่อของขวัญเพื่อนำไปมอบให้เธอ ก็พบว่าเธอกำลังมีอะไรกับหัวหน้าทีมฟุตบอลในห้องล็อกเกอร์ เธอเหมือนเปลี่ยนเป็นอีกคนหนึ่งซึ่งผมไม่เคยรู้จักเลย เธอหัวเราะเยาะความโง่เขลาของผม เหยียดหยามศักดิ์ศรีของผม ปล่อยให้เขาซึ่งตอนนี้ได้กลายเป็นแฟนใหม่ของเธอไปแล้ว ทุบตีผม ผมนอนเจ็บอยู่บนพื้นอย่างสิ้นหวัง ต่อมา จู่ ๆ ผมก็ได้รับโทรศัพท์จากพ่อ ตั้งแต่วันนั้น ชีวิตของผมก็ได้เปลี่ยนแปลงไปอย่างกับหนัามือเป็นหลังมือ ใครจะไปรู้ว่า ผมเป็นลูกชายของมหาเศรษฐี