“ฮวาหลวน ลูกต้องช่วยงานเย็บปักของตระกูล” “ไม่มีทางหรอกแม่”ของมีคมสำหรับผม มันคือไวอากร้าน่ะสิ!แต่ใครจะไปคิดว่า…“ขนาดเกิดใหม่ ยังโดนสั่งให้เย็บผ้าอีก!”“ไม่ทำ ตัดนิ้ว” แม่ทัพใหญ่แม้จะทำเสียงดุ
“ฮวาหลวน ลูกต้องช่วยงานเย็บปักของตระกูล” “ไม่มีทางหรอกแม่”ของมีคมสำหรับผม มันคือไวอากร้าน่ะสิ!แต่ใครจะไปคิดว่า…“ขนาดเกิดใหม่ ยังโดนสั่งให้เย็บผ้าอีก!”“ไม่ทำ ตัดนิ้ว” แม่ทัพใหญ่แม้จะทำเสียงดุ
┏━━━━━❂❂━━━━━┓
บทที่ ๑
┗━━━━━❂❂━━━━━┛
หนังสือทั้งเล่มหนาเล่มบางเป็นร้อยๆเล่มเบียดแน่นกันอยู่บนชั้นติดผนัง บอกเล่าทั้งภูมิปัญญาและความรู้ของ…ผม?
สต๊อป! รู้นะว่าคิดอะไรกัน รสนิยมของผมไม่ทำเรื่องแบบนั้นแน่
“พี่ฮวาหลวน เอาแต่อ่านอะไรแบบนั้นอยู่ได้ทั้งวันทั้งคืน”
“น้องจะไปรู้อะไร ไม่ใช่ทุกคนจะเข้าถึงความลึกซึ้งได้แบบพี่หรอกนะ นี่น่ะโดจินเรื่องใหม่ที่พี่ชายเธอเพิ่งไปสอยมาเลย”
“พี่บ้า!!! เลิกภูมิใจกับอะไรบ้าๆ แล้วลงไปช่วยงานข้างล่างเดี๋ยวนี้!”
ตัวอาคารเป็นแบบสามชั้น ชั้นบนสุดเป็นบ้าน ชั้นหนึ่งชั้นสองเป็นสำนักงาน ไม่สิ บ้านผมน่ะเป็นโรงงานรับปักไหม ระบบหัตถกรรมร้อยเปอร์เซ็นต์
ใครๆก็คงคิดว่าบ้านนี้ชอบเย็บปักเหมือนกันหมด อืมก็ไม่ผิด ถ้าไม่นับผม
“โอ้ว นางเอกเรื่องนี้แซ่บมาก เสียดายโง่ไปหน่อย หน่อยแบบเกินเยียวยาแล้ว”
“จะเอาแบบนี้ใช่ไหม”
ตีมึนไม่ได้ยิน ใครจะไปรู้จักน้องสาวผมดีเท่าผมไม่มีแล้ว เดี๋ยวก็เดินออกไปเอง
“พ่อกับแม่บอกว่าถ้าพี่ไม่ลงไป หักค่าขนม!”
ผมตกใจสะดุ้งโหยง
หักค่าขนม!
โดจินเรื่องใหม่ที่จะวางขายอาทิตย์หน้าสองเรื่อง อาทิตย์ถัดไปอีกสองเรื่อง ไหนจะเล่มลิมิเต็ดอิดิชั่น แนวSM อีก
ผมต้องลงแดงตายแน่ๆ เหล่าตัวละครในหนังสือจะต้องร้องไห้
“ไม่ได้นะ งั้นพี่จะเอาเงินที่ไหนไปซื้อคอลเล็กชั่นต่อไป”
ยัยน้องสาวเหนื่อยใจจนถอนหายใจแรง แต่คนที่เด้งตัวขึ้นมายืนขู่ฟ่อๆไม่รู้ว่าหล่อนเป็นอะไร น้องสาวเลยช่วยตอบให้
“โอตาคุแบบนี้สิบปีก็ไม่มีเพื่อนหรอก”
“อึก”
สายตาคมมองลงต่ำไปสนใจจุดกลางลำตัว ทำเอาต้องบิดตัวหนีอัตโนมัติ น้องผมกลายเป็นโรคจิตไปแล้ว
รู้สึกเหมือนถูกน้องสาวตัวเองลวนลาม จนขนลุกซู่ไปหมด
รักเสื้อผ้าที่ใส่ตอนนี้ขึ้นมาเลย
“มะ มองอะไรของเธอ”
“ฉันมั่นใจ หนอนพี่…เน่า-ตาย-แน่”
นะ หนอน เน่า อะไรนะ
หมายความว่า…
เธอดูดวงได้ เห็นอนาคตหรืออะไร จู่ๆมาทักกันแบบนี้
“คงต้องฝากเรื่องทายาทไว้กับน้องซะแล้ว”
“อย่ามา…ดูถูกพี่นะ” อันหลังไม่ใช่ไม่เต็มใจพูดนะ แค่พอจะเถียงก็ถูกความจริงตีแสกหน้าจนน็อกหงายหลังไปเท่านั้น
≪•◦ ❈ ◦•≫
เพราะเป็นบริษัทขนาดกลาง เลยรู้ดีว่ามีพนักงานรวมๆกันเป็นร้อยคน แต่ว่าให้ตายหนึ่งในนั้นก็ไม่มีผม
“มีที่ไหนครอบครัวนักเย็บมือทอง แต่ลูกชายโตจนเรียนจบมหาลัยแล้วกลับไม่เคยแตะเข็มกับผ้าเลยสักแอะ ใช้ไม่ได้”
“มีน้องเก่งๆ พ่อแม่ก็เก่งมากๆ เว้นผมไว้คนก็ได้นิครับ”
ส่ายหัวไม่เอารัวๆ ไม่เอาเด็ดขาด
“ถึงจะไม่สนใจแต่วันนี้คนขาด ลูกต้องมาช่วยงานปักของธุรกิจเรา”
คุณแม่พูดเด็ดขาด คงไม่ใจอ่อนง่ายๆ แต่ที่ผ่านมาก็ไม่เคยใจอ่อนง่ายอยู่แล้ว
“แม่ไม่รู้อะไร ยังไงผมก็ไม่ทำ”
“อาหลวน!”
เสียงฝีเท้าดังตึงตังขึ้นบันไดมาด้านบน ก่อนจะจบด้วยเสียงปังและเสียงลูกบิดประตู ก็จะไม่ให้ผมฮึดฮัดแบบนี้ได้ยังไง
“กลับมาอ่านที่ค้างไว้ดีกว่า แม่นะแม่ ไม่เข้าใจกะ ย้ากกกก อะไรกันเนี่ย ชะ ชั้น ชั้น”
เรื่องใจร้ายแบบนี้ฝีมือพ่อกับแม่แน่นอน
หนังสือที่สะสมมาเป็นสิบปี เงินที่จิ้กแม่จิ้กน้องไปซื้อทั้งที่รู้ว่ามันแพงกว่าค่าขนม
“ด-โดจินของผมหายเกลี้ยงเลย!”
พอนึกย้อนเรื่องราวป๊อบปี้เลิฟในสมัยเรียน ผมยังจำได้ดี เด็กชายคนหนึ่งในวัยประถมที่ไม่รู้จะทำอย่างไรกับคนที่ชอบ นอกจาก…ทำตัวสต็อกเกอร์
และนั่นก็เป็นจุดเริ่มต้น สู่จิตใจนักอ่านโดจินแฟนพันธุ์แท้ เพราะโดจินเล่มแรกที่ผมได้ชิมลางคือเล่มที่ผู้หญิงคนนั้นทำตกไว้ยังไงล่ะ
เนื้อหาที่ทำเอาตาค้างนอนไม่หลับ การได้จับเล่มแรกแปลว่าจะได้จับเล่มต่อไป นี่สิ…พรหมลิขิต
สุภาษิตว่า ทำตกเท่ากับ ‘ทิ้ง’
ผมก็เลยเก็บเข้าคลังได้อย่างสบายใจ
ตระกูลของพ่อทำงานเย็บปักมาตั้งแต่รุ่นปู่ ยิ่งคุณนายภรรยาคว้าตำแหน่งแชมป์ปักผ้าระดับประเทศมาได้ ครอบครัวก็เลยได้จริงๆจังๆกับกิจการหัตถกรรมเต็มตัว ใช่ แม่ผมนั่นแหละ
ทั้งยังคาดหวังให้ลูกชายหัวแก้วหัวแหวนอย่างผมรับช่วงต่อเหมือนมีลูกคนเดียว
งัดเอาทุกกลวิธี ทั้งเคี่ยวทั้งเข็ญ หาข้ออ้างสารพัด ถึงยังไงก็มีน้องสาวอยู่ทั้งคน
แต่ผมน่ะตั้งปณิธานไว้แล้วว่า ไม่
ไม่ใช่ว่าผมไม่เข้าใจพวกท่าน แต่ว่ามันจะ ‘ไอ้นั่น’ นะสิ
‘ไอ้นั่น’ สิ่งที่พ่อกับแม่ก็ยังไม่รู้ ตัวแปรที่ทำให้ผมไม่สุงสิงกับใคร ความลับสุดยอดที่ห้ามโป๊ะตลอดชีวิต
ต่อให้เอามีดมาง้างปากก็ต้องเก็บงำเอาไว้ให้ได้
≪•◦ ❈ ◦•≫
คุณแม่ช่วยหยิบของที่ผมลงมาตามหาขึ้นมาทันที
“เห็นไหมว่านี่อะไร”
เห็น เบ้าลูกตาแทบจะกระเด็นออกมาเลยล่ะแม่
ก็หนังสือสุดรักสุดหวงเล่มโปรดที่ถูกเจ้าของอ่านจนเยิน กับรูปหน้าปกสุดสยิวมันลอยอยู่เหนือไฟเทียนไขบนโต๊ะเย็บผ้าของพนักงานตัวหนึ่ง
“แม่ นั่นมันของผมนะ เอาคืนมา”
คนฟังยกยิ้มอย่างเป็นต่อดูเจ้าเล่ห์ ตั้งแต่เกิดมาก็เพิ่งเคยเห็นนี่แหละ
คุณแม่ผู้เคยเป็นสปอนเซอร์หลักอย่างเป็นทางการ
คิดไม่ถึงว่าจำใช้ไฟเทียนที่ตั้งไว้ให้ลนเข็มเย็บผ้ามาเผาคัมภีร์สวรรค์ประโลมโลกประโลมใจของผม
ยอมไม่ได้!
“เรียนรู้งานเย็บปัก”
“บอกแล้วไงว่าไม่เอา ใครอยากทำก็ทำไปสิครับ น้องสาวผมก็ทำได้ดี คุณแม่ยังต้องการอะไรอีก”
ตอบตาแข็ง มือกำหมัดแน่นจนเจ็บ ถ้าเป็นแบบนี้ก็ต้อง…
ใช้สองขาวิ่งเข้าไปหมายจะแย่ง
อีกนิดเดียว
วืด!
ไม่ทันคนเอาสิ่งนั้นไปกอดไว้ราวกับอ่านใจได้
“งั้นถ้าแม่มอบตำแหน่งทายาทกิจการให้ลูกดูแลสิ้นเดือนนี้ล่ะ”
“ไม่เอา”
“จะทำไม่ทำ ไม่งั้นคงมีคนแถวนี้บอกลาชีวิตกับกองหนังสือมาสืบทอดกิจการสิ้นเดือนแน่ๆ ลูกว่าไหม”
ที่แท้แม่ก็คิดแผนมาหมดแล้ว
พวกพนักงานที่เฝ้าดูเหตุการณ์ตั้งแต่ต้นจนจบ มองจ้องแบบพร้อมขยับที่ให้ไปนั่งข้างๆตามสะดวก แต่ผมหันหลังวิ่งขึ้นห้อง
ถึงจะยอมลองดูสักครั้งเพราะมันก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร แต่…
“เป็นตายยังไงก็ปักตรงนั้นไม่ได้เด็ดขาด”
≪•◦ ❈ ◦•≫
ปวดใจจริงๆ
ห้องนอนที่มีเตียงอุ่นสบาย แต่คนนอนไม่สบาย
ผมพลิกไปพลิกมา ไม่ได้โกรธอะไรแม่ แต่กลุ้มเรื่องอื่น อยากปาหนังสือเล่มหนาในมือทิ้ง ได้แต่เดินอ่อนแรงเอามันไปวางบนโต๊ะไม้ริมห้องแทน
“น้องสาวเอาหนังสือภาพต้นแบบการเย็บปักอะไรนี่มาให้ นี่ก็คืนวันศุกร์แล้ว เหลือเวลาแค่เสาร์อาทิตย์ ทันที่ไหน!!!”
ใจจะสลาย
วันจันทร์วันทำงาน วันทำงานคือมีพนักงาน งั้นถ้าทำไม่เสร็จก็ต้องไปนั่งกลางดงพนักงาน แล้วจะปกปิด ‘ไอ้นั่น’ ไม่ไหวน่ะสิ
แค่ผุดภาพจำลองขึ้นสมองก็รู้ได้ทันทีว่าชื่อของตัวเองต้องมีคำว่าโรคจิตต่อท้ายแน่
“ไม่เป็นไร ยังพอมีเวลา มึงทำได้เว้ย ฮวาหลวน”
≪•◦ ❈ ◦•≫
ความมืดไม่น่ากลัว…ไม่จริง
ตีห้าก็แค่เวลาเช้ากว่าปกตินิดหน่อย…เช้ามาก ก็ปกติตื่นเก้าโมง
ถึงอย่างนั้นก็มั่นใจว่าจะไม่จ้ะเอ๋ใครสักคน
ยิ่งกว่าโจรก็ผมนี่แหละ
สองเท้าย่องเบาไปที่ชั้นหนึ่ง แผนกเย็บปัก ยังไงถึงจะเหมือนโจรแค่ไหน แต่โจรมันไม่ไปยกเค้าบ้านตัวเองแบบผมหรอก
ถ้าพ่อแม่และน้องสาวมาเห็นผมทำอะไรแบบนี้ คงได้ตอกย้ำซ้ำเติมให้มุดดินหนีแน่
“เอ๊ะ ประตูเปิดไม่ออก” พอเหลือบมองข้างๆก็เห็นป้ายประกาศตัวโตๆว่า “หยุดเสาร์อาทิตย์”
อะไรเนี่ย เอามาติดหน้าประตูแผนกแบบนี้ก็มีด้วย
“ทำตัวเป็นโจรไปได้”
“น้อง!”
คนมองอย่างรำคาญใจโผล่มาทั้งชุดนอนจากทางด้านหลัง
โจรย่องเบาถูกจับได้ซะแล้ว นี่กูย่องดังไปเหรอ ไม่หรอกน้องหูดีเกินไปมากกว่า ไม่น่าบังเอิญแน่ๆ
มาผิดจังหวะเกิน ว่าจะแอบเข้าไปเงียบๆแท้ๆ
ช่วยไม่ได้ ถือโอกาสขอกุญแจจากน้องเลยแล้วกัน
“พี่บ้า ประตูหลังก็มี”
ประตูหลัง?
จริงด้วย เพิ่งนึกออกว่ามีประตูหลังเชื่อมกับห้องเย็บปักด้วยนี่
≪•◦ ❈ ◦•≫
ผ่านไปหนึ่งวัน งานเย็บปักตามหนังสือภาพที่กองเป็นภูเขาทำให้ผมนั่งจุ้มปุ๊กที่โต๊ะตัวหนึ่งริมประตูไม่ได้ไปไหน รู้แล้วว่าทำไมพวกคนงานที่เข้ามาเทรนงานใหม่ๆพากันโอดครวญแทบจะร้องขอชีวิต
เดี๋ยวนะ แล้วผมจะไหวไหมเนี่ย
ยังดีที่น้องสาวต้องเอาข้าวน้ำมาให้ทุกมื้อ
อย่างน้อยๆก็ไม่ต้องกลัวหิวตายล่ะนะ แค่ถูกงานทับตายเอง ฮือ
“ไม่เข้าใจเลยว่าพี่ทุ่มเทอะไรขนาดนี้” น้องสาวที่มาส่งข้าวยามเช้าวันอาทิตย์ยืนกอดอกมองพี่ชายที่ไม่รู้ว่าจะรู้ตัวหันไปกินข้าวที่วางให้ข้างๆตอนไหน “ไม่กินไม่นอนเอาแต่ปักผ้า พี่ตายแน่”
พอไม่มีสัญญาณตอบกลับ หล่อนก็จากไปแบบไม่พอใจกันสุดๆ
ใครเป็นคนทำกันน้า
ผ่านไปแป๊บๆ วันจันทร์ก็มาถึงซะแล้ว
“เอาข้าวมาให้ เดี๋ยวพนักงานก็มาเข้างานแล้ว พี่ฮวาหลวนกินข้าวเสร็จแล้วไปอาบน้ำหน่อยนะ ตัวเหม็นหึ่งไปหมด”
อีกนิดเดียว เหลืออีกนิดเดียว
“ไม่ได้ ต้องเร่งมือแล้ว ไม่มีเวลากินแล้ว”
ไม่สนใจอะไร สองมือยิ่งเร่งปักเข็มลงไปบนผ้าที่ถูกขึง ระหว่างนั้นก็ได้ยินเสียงน้องสาวตะโกนเรียกแล้วก็พูดอะไรไม่รู้ด้วยน้ำเสียงตกใจสุดขีด
“พี่… $%^&%#”
ลายปักสุดท้ายที่แค่เก็บงานก็จะปิดเล่ม ถึงจะไม่ค่อยเรียบร้อยเท่าไหร่ แต่ผมว่าพ่อแม่ต้องเห็นใจบ้างแหละ
แหมะๆ
ภาพตรงหน้าพร่าเบลอ เลือดสองสามหยดตกลงเปื้อนผ้าในมือย้อมสีขาวเป็นดวง ผมมัวแต่เร่งมือจนไม่รับรู้ถึงความปกติใดๆ
อีกนิด…เดียว ใกล้แล้ว อีก…
≪•◦ ❈ ◦•≫
ที่นี่ที่ไหน นี่มันอะไรกันเนี่ย
ผมมั่นใจว่าตัวเองนั่งปักผ้าอยู่ถึงเมื่อกี้แล้วทำไมมายืนก้าวขาขึ้นรถม้าอยู่นี่ล่ะ
“เอ๊ะ นี่มัน…ชุดโบราณ ร่างกายก็…”
ไม่เพียงเท่านั้น ชุดที่ใส่ดันเป็นชุดจีนโบราณผมเผ้าถูกรวบไปมัดด้านหลัง ถึงไม่ได้ส่องกระจกผมก็ไม่ได้คิดไปเอง
ร่างกายนี่ไม่ใช่ของกู
ถ้างั้นร่างของกูล่ะ
เดาว่านี่ผมคงทะลุมิติมาอยู่ในยุคโบราณสักยุค เพราะแค่มองไปข้างหน้าจวนใหญ่ก็เห็นคหบดีกับภรรยาคู่หนึ่งกำลังยืนมองมาอย่างกังวล
ยังดีที่ดูแล้วน่าจะมาเกิดเป็นลูกหลานขุนนางล่ะวะ
“เฟิงหมิง ดูแลตัวเองดีๆนะลูก!”
“แม่ทัพเทียนผู้มีจิตใจเมตตา หากลูกคนรองของข้าทำสิ่งใดผิดพลาด ข้าหวังว่าท่านจะให้อภัย”
“แม่ทัพเทียน?”
พอมองไปที่คนถูกเรียก เขากลับนั่งนิ่งจนคู่สามีภรรยามองหน้ากันสีหน้าเครียดขึง ผมก็ยังไม่เข้าใจอะไรแต่ก็เข้าไปนั่งเอ๋อฝั่งตรงข้ามก่อน
หืม? แสดงว่าร่างนี้ชื่อ เฟิงหมิง แต่เฟิงหมิงที่ว่านิสัยยังไง จะไปที่ไหน
มันวุ่นวายขนาดที่ต้องเอาคนน่ากลัวอย่างแม่ทัพอะไรนี่มาด้วยเหรอ
“ฟู่ว” ผ่อนลมหายใจ
ช่างมัน ยังไงก็คงไม่มีอะไรจะแย่ไปกว่านี้หรอก
“ไปสนามรบ!”
นั่นไง ถูกใจใช่เลย
ก็บ้าแล้ว!!!!
“สนาม…ส-สนามรบ เขาบอกว่าส-สนามรบ!”
คนขับรถม้าพูดก่อนตวัดสายบังเหียนเป็นสัญญาณเคลื่อนตัว นี่ผมต้องไปสถานที่เสียงตายแบบนั้นเหรอ ยุคสมัยนี้เขากำลังรบกันรึไง แล้วรบกันแบบใด๋ถึงต้องส่งคนแต่งตัวดูคุณช๊ายคุณชายอย่างผมไปที่นั่น
จังหวะนี้หันไปหาพ่อแก้วแม่แก้วขอความช่วยเหลือผ่านช่องหน้าต่าง แต่ไม่ทันได้อ้าปากกว้างเอ่ยอะไร สีหน้าคนหน้าจวนก็พากันปวดใจจะร้องไห้ทั้งคู่
ยังดีที่ยังโบกมือลาปุลกปุลกทั้งน้ำตา
ดีก็บ้าแล้ว เผลอโบกตอบซะได้
พ่อกับแม่อย่าเพิ่งเสียใจ พวกท่านมาช่วยผมก๊อน!
ไวน์ นักศึกษาปี 2 เดือนคณะผู้ปฏิญาณตนว่าจะโสดตลอดไป เจ้าของใบหน้าหล่อออกหวานนิดๆแบบเกาหลี คนที่วันๆอยู่กับการวิ่งไปแย่งคอมตัวแรงเพื่อดูหุ้นไม่ก็จมหัวอยู่ที่ร้านหมูกะทะ เรื่องโน่นนี่ไม่สนก็จริง แต่ใครอย่ามาปากหมาใส่แล้วกัน แปลงร่างเป็นพิตบูทันที เบียร์ เอกอินเตอร์บริหาร คุณชายตระกูลดังขี้รำคาญ ใบหน้าหล่อคมที่ใครๆก็บอกว่าควรขึ้นตำแหน่งเดือนมหาลัย คุณชายที่ขับรถหรู ใช้ของแบรนด์เนมทั้งตัว แต่ติดที่ปากเสีย ขี้เหวี่ยง ไม่คบค้าสมาคมกับใคร ขู่ได้แม้กระทั่งอธิการบดี ꧁{★… ★}꧂ ไอ้ผู้ชายปากหมานั่นใครวะ หยิ่งฉิบหาย พอแหย่เขาแล้วเขาไม่เล่นด้วย ไวน์เลยตามตอแยทุกวิถีทาง แต่เจ้าตัวก็ไม่ได้คิดอะไรนะ ด่าเขาปาวๆ บอกแค่จะเอาของมาคืน! เบียร์เห็นก็เลยแก้เผ็ด วุ่นวายดีนัก ตีหัวรวบเข้าบ้านเลยแล้วกัน “อย่าดื้อ หมอสั่ง” “หรือวะ หมอสั่งให้กูอยู่กับมึงนานขนาดนี้เลย?” ฟอด!!! คุณตำรวจ มีคนลวนลาม! “ไอ้เห้เบียร์!!” ꧁{★… ★}꧂ Trigger Warning ***สำหรับนักอ่านที่มีอายุ 18 ปีขึ้นไป โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน*** นิยายเรื่องนี้เป็นเรื่องที่แต่งขึ้นจากจินตนาการของผู้เขียน ไม่มีความเกี่ยวข้องกับบุคคล สถานที่ หรือเหตุการณ์จริงใดๆ นิยายเรื่องนี้มีเนื้อหาติดเรท 18+ คำหยาบคาย และฉากไม่เหมาะสม. โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน. *พฤติกรรมบางอย่างไม่ควรลอกเลียนแบบ
เหมยลี่ อายุ 25 ปี คุณหนูผู้ร่ำรวย สาวตากลมตัวเล็กผิวขาวมาดซีอีโอนุ่มนิ่ม เธอใช้เงินบัลดาลทุกอย่างตามใจ ไม่แคร์โลก ใครจะรู้ว่าภายใต้หน้ากากของซีอีโอสาวสุดเพอร์เฟค จะเต็มไปด้วยเรื่องราวของนิยายในหัว แถมมีอยู่เรื่องเดียวซะด้วย งานนี้งานการไม่ทำมันแล้ว มู่จิน พระเอกนิยายติงต๊อง ที่ฆ่าเมียตัวเองตายในคืนเข้าหอ ชายหนุ่มร่างใหญ่เจ้าของเรือนผมดำยาวและสันกรามทรงเสน่ห์ เขามีประวัติความเป็นมาหรือเรื่องราวของเขาเป็นมาอย่างไร ไม่มีผู้ใดรู้ได้ เขาเบื่อหน่ายโลกใบนี้เต็มทน ชีวิตคนสำหรับเขาก็เป็นเพียงเศษหญ้าเท่านั้น ꧁⊱ ⊰꧂ เพราะถูกรถชนตายตอนที่เพิ่งอ่านนิยายจบรอบที่ 99 ยังไม่ครบร้อย พอลืมตามาก็อยู่ในร่างตัวประกอบ ไม่ใช่นางเอกไม่พอยังต้องแต่งงานกับคนบ้า 'เหมยลี่' คนนี้เลยต้องพยายามฆ่าเจ้าบ่าวในห้องหอ ก่อนที่เธอจะถูกเขาฆ่าตามบทในนิยายอีกครั้ง แต่แล้ว ความพยายามของเธอก็ไร้ค่า เธอตายอีกครั้งแล้วไม่ได้กลับโลกเดิม แต่ย้อนกลับมาที่คืนเข้าหอ ทว่าทำไมรอบนี้คุณพระเอกเจ้าบ่าวมองเธอตาเยิ้มขนาดนั้นล่ะเนี่ย ꧁⊱ ⊰꧂ Trigger Warning ***สำหรับนักอ่านที่มีอายุ 18 ปีขึ้นไป โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน*** นิยายเรื่องนี้เป็นเรื่องที่แต่งขึ้นจากจินตนาการของผู้เขียน ไม่มีความเกี่ยวข้องกับบุคคล สถานที่ หรือเหตุการณ์จริงใดๆ นิยายเรื่องนี้มีเนื้อหาติดเรท 18+ คำหยาบคาย และฉากไม่เหมาะสม. โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน. *พฤติกรรมบางอย่างไม่ควรลอกเลียนแบบ*
เตียวเฉิน ก่อนตายเป็นอย่างไรไม่รู้ แต่ในโลกใหม่ เขาเป็นพระรองมาดแมนแม้ตัวจะไม่มีกล้ามแซงหน้าพระเอก ในเมื่อเกิดมาหล่อ รวย หน้าตาการศึกษาดี แต่ข้างในวิญญาณไม่มีความรู้สักกะติ๊ด เขาจึงพยายามใช้สมองอันน้อยนิดหาหนทางรอด ด้วยการ มุดโพลงหมาลอดออกไปเป็นขอทานเสียเลย มู่จิน พระเอกของโลกใบนี้ นักธุรกิจและผู้มีอำนาจที่สุดในเมือง ชายหุ่นกล้ามที่ชอบใส่สูทผูกไทป์ แล้วหมกตัวอยู่แต่ในบ้าน สีหน้าของเขาเยือกเย็นตลอดเวลา อะไรๆในโลกก็น่ารำคาญไปหมด ยกเว้นวันที่เห็นตัวอะไรปีนเข้าบ้าน ꧁{★… ★}꧂ เกิดใหม่ก็ต้องดิ้นรนหนีออกจากบ้าน พอนึกไปแล้ว เข้าร่างพระรองมาได้ไม่กี่เดือน แต่เดี๋ยก็ถึงเวลาที่พระเอกนายเอกเขาก็จะเจอกันแล้ว ผมก็ชิงหนีออกไปเป็นขอทานก่อนน่ะสิ เรื่องอะไรจะอยู่รอแบดเอ็น เอ๊ะ ผู้ชายที่เปลื่อยกายนั่นหน้าคุ้นๆ ทำไมบ้านที่ผมปีนกำแพงเข้าไปมันดันเป็นบ้านพระเอกล่ะ ซวยแล้ว งั้นตีเนียนไม่รู้ไม่ชี้ก่อนแล้วกัน ทั้งที่ตั้งใจจะอยู่ที่นี่อีกนิดเดียวแท้ๆ พวกคนใช้เองก็บูลลี่กันอยู่ได้ ผมมั่นใจว่าพระเอกต้องโยนผมออกไปในไม่ช้า เขาน่ะระแวงผมเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว แต่... แปลกๆ นะ ขอทานแล้วได้เสื้อผ้า อาหาร เพชรพลอย ที่แปลกกว่าคือ พอผมอาละวาทพังบ้าน เกิดอะไรขึ้นรู้ไหม เจ้าของบ้านซื้อเฟอร์ใหม่มาให้พังเพิ่มน่ะสิ วันๆหัวจะปวด เขาจับผมมัดตั้งเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ในห้องทำงาน แล้วก็เอาแต่นั่งครุ่นคิดว่าพรุ่งนี้จะเอาอะไรมาให้ตอนผมขอทานดี ผมนี่ขมวดคิ้วเลย ꧁{★… ★}꧂
เมื่อคู่แห่งโชคชะตา4ขวบ อัลฟ่าพัมธุ์แท้คนสุดท้าย ผู้เพรียบพร้อมด้วยเงินและอำนาจ วันหนึ่งลูกน้องก็พังประตูเข้ามาบอกว่า เจอคู่โชคชะตาเขาแล้ว ทว่า จะป้ำลูกยังไง ก็เนื้อคู่เขาใส่ชุดอนุบาลหมีน้อยกอดตุ๊กตา
อาหลีพยายามหาหลัวในฝันผ่านตู้ปลากัด ใครที่เดินผ่านปลากัดแล้วจ้องตาเขาตอน9โมงตรงคนนั้นคือ เนื้อคู่ ...เจ้าของร้านเอือมจนขี้เกียจไล่ มาบ่อยแค่ไหนถามใจเธอดู แต่โชคชะตาก็เล่นตลกเมื่อเนื้อคู่ไม่ชอบป้าบ!
แทนที่จะใบ้หวยเหมือนผีต้นกล้วย ดันขอให้ช่วยซะได้ ตื๊อผมทุกที่แม้แต่ในส้วม เกินไปหน่อยไหม พอไล่ เจ้าก้อนนิ่มก็จะโดดดึ๋งๆอยู่กับที่่ บอก ใจร้ายๆ ทั้งวัน
อดีตนักฆ่าสาวอันดับหนึ่ง ผู้มีใจคอโหดเหี้ยมได้ทะลุมิติอยู่ในร่างสาวน้อยรูปโฉมอัปลักษณ์ ที่ทุกคนต่างสาปส่งและรังแกสารพัด!
หลี่เมิ่งเหยาย้อนเวลามาอยู่ในร่าง ของเด็กสาววัยสิบสองปี ในวันที่มารดาอนุผู้โง่เขลา ถูกขับไล่ออกจากจวน โชคยังดีที่ตอนตาย นางสวมกำไลหยกโลกันตร์เอาไว้ มันจึงติดตามนางมาที่นี่ด้วย +++ 1 : มารดาโง่ จนถูกไล่ออกจากตระกูล จวนตระกูลหลี่เจ้าเมืองถัง สตรีสองนางถูกสาวใช้จับคุกเข่าลง ตรงหน้าของหลี่หงซวนเจ้าเมืองถัง ทั้งยังเป็นพ่อสามีของทั้งคู่อีกด้วย ท่านกำลังสอบสวนเรื่องของสะใภ้ใหญ่ของบ้านสาม ถูกฮูหยินรองกับอนุรวมหัวกันลอบทำร้าย ด้วยการวางยาขับเลือดในถ้วยน้ำแกงบำรุงครรภ์ ทำให้นางต้องสูญเสียทารกในครรภ์ไป “ท่านพ่อข้าไม่รู้จริง ๆ ว่านั่นเป็นยาขับเลือด ฮูหยินรองบอกว่าเป็นน้ำแกงบำรุงครรภ์ ให้ข้าเป็นคนนำไปมอบให้ฮูหยินใหญ่ เป็นนางนั่นเอง นางหลอกข้า !” เฉาซูหลิ่งชี้นิ้วไปทางสตรีด้านข้าง ร้อนรนเอ่ยออกมาเหมือนคนไม่ได้รับความเป็นธรรม “อนุเฉาเจ้าอย่ามาใส่ร้ายข้านะ เจ้าทำคนเดียวทั้งนั้นไม่เกี่ยวกับข้าเลย” ฮูหยินรอง ถูซวงอี้ ชี้นิ้วใส่หน้าเฉาซูหลิ่งกลับคืน ต่างคนต่างโยนความผิดให้กัน ฮูหยินผู้เฒ่าหลิวเยี่ยนหนานโบกมือให้คนเข้ามา “ข้าให้โอกาสพวกเจ้าสองคนพูดความจริง แต่กลับไม่มีใครยอมรับความผิดแม้แต่คนเดียว มันน่าจับส่งทางการให้รู้แล้วรู้รอด” พ่อบ้านหลัวให้คนลากสาวใช้คนหนึ่งเข้ามา สภาพของนางถูกทรมานจนเนื้อตัวบวมช้ำไปหมด “เรียนนายท่านข้าให้คนไปค้นห้องสาวใช้ทุกคนในจวน พบเทียบยาซ่อนไว้ใต้หมอน จากห้องของสาวใช้คนนี้ขอรับ” ถูซวงอี้ถึงกับคุกเข่าต่อไปไม่ไหว ทิ้งตัวลงไปนั่งอยู่บนพื้น สาวใช้ที่ถูกทรมานจนสภาพน่าเวทนานั่น เป็นเสี่ยวอิงสาวใช้สินเดิมของนางเอง “ฮูหยินรอง ข้าขอโทษ ข้าทนต่อไปไม่ไหวจริง ๆ ข้าขอโทษ !” เสี่ยวอิงโขกศีรษะลงตรงหน้าของถูซวงอี้แรง ๆ น้ำตาไหลนองหน้าจน แทบไม่เป็นผู้เป็นคนอยู่แล้ว พ่อบ้านหลัวเอ่ย “ข้าให้คนไปถามที่หอโอสถแล้วขอรับนายท่าน เป็นเทียบยาขับเลือดจริง ๆ” หลี่หงซวนมองไปทางบุตรชายคนที่สามของตน พบว่าเขามีสีหน้ากลืนไม่เข้าคายไม่ออก สตรีที่คุกเข่าอยู่ตรงหน้าคือฮูหยินรอง กับอนุภรรยาที่เขารักใคร่ไม่ต่างกัน เหตุใดถึงได้คิดร้ายต่อฮูหยินใหญ่ของเขาได้ เป็นเหตุให้เขาต้องสูญเสียลูกที่อยู่ในท้องของนางไป เดิมทีฮูหยินใหญ่ของเขาก็ตั้งท้องยากอยู่แล้ว เขารอมาตั้งนานกว่าจะมีวันนี้ได้ ไม่คิดมาก่อนว่าจะต้องสูญเสียไปเช่นนี้ “หย่วนเจ๋อนี่เป็นเรื่องในเรือนของเจ้า เจ้าอยากตัดสินเรื่องนี้ด้วยตัวเองหรือไม่” ผู้เป็นบิดาเอ่ยถามบุตรชาย “ไม่ ข้าไม่อยากเห็นหน้าพวกนางอีกต่อไป แล้วแต่ท่านพ่อเถอะขอรับ ข้าขอตัวไปดูฮูหยินใหญ่ก่อน” หลี่หย่วนเจ๋อคำนับบิดา สะบัดแขนเสื้อเดินจากไปในทันที หางตายังไม่แม้แต่จะมองสตรีทั้งสองนาง เฉาซูหลิ่งลนลานตามเขาไป “ท่านพี่ช่วยข้าด้วย ข้าไม่ผิดนะเจ้าคะ ท่านพี่ !” แต่ถูกบ่าวรับใช้ขวางทางเอาไว้ หลี่หงซวน “หยุดโวยวายได้แล้วอนุเฉา เจ้าเป็นคนถือถ้วยน้ำแกงใส่ยาขับเลือด ไปมอบให้ฮูหยินใหญ่ด้วยตัวเอง ยังคิดจะหนีความผิดนี้ไปได้อีกรึ” “ท่านพ่อขะข้าข้า...ไม่ผิด” เฉาซูหลิ่งทิ้งตัวไปด้านหลังอย่างหมดเรี่ยวแรง เดิมทีนางก็ไม่เป็นที่โปรดปรานของพ่อแม่สามีอยู่แล้ว เพราะไม่สามารถให้กำเนิดบุตรชายได้ ครั้นได้บุตรสาวก็นิสัยขี้ขลาดขี้กลัว ไหนเลยจะเชิดหน้าชูตาให้ตระกูลหลี่ได้ เฉาซูหลิ่งนั่งเหม่อลอย คล้ายคนจิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว ขณะที่หลี่หงซวนกำลังประกาศโทษทัณฑ์ของพวกนาง ถูซวงอี้กับคนของนาง ถูกขายออกจากจวน ไปอยู่หอนางโลมอย่างเงียบ ๆ ชาตินี้อย่าได้ก้าวเท้า กลับมาเหยียบที่จวนตระกูลหลี่อีก ส่วนเฉาซูหลิ่งถูกขับไล่ออกจากจวน ไปพร้อมกับบุตรสาว ให้ไปอยู่เรือนร้างของตระกูลหลี่ที่เมืองฉาง ห้ามกลับมาที่ตระกูลหลี่อีกชั่วชีวิต “ท่านพ่อท่านขับไล่ข้าไป ข้ายังพอรับได้ เหตุใดต้องขับไล่เหยาเอ๋อร์ไปด้วย นางเพิ่งจะสิบสองปีเองนะเจ้าคะ” เฉาซูหลิ่งนึกถึงบุตรสาวร่างกายผ่ายผอม นอนซมเพราะพิษไข้อยู่ เกิดนึกสงสารนางขึ้นมาจับใจ ฮูหยินผู้เฒ่าหันไปมองสามีเล็กน้อย นางเห็นเด็กสาวคนนั้นมาตั้งแต่เกิด แม้ไม่ได้เอ็นดูแต่ก็นับว่าเป็นสายเลือดเดียวกัน “ฮูหยินเรื่องนี้ข้าตัดสินใจไปแล้ว ไม่อาจคืนคำได้” คำพูดของประมุขของตระกูล มีหรือใครจะกล้าขัด เฉาซูหลิ่งปล่อยเสียงร้องไห้โฮออกมาดัง ๆ นางโง่งมจนทำให้บุตรสาว ต้องมารับเคราะห์กรรมตามไปด้วย “ลากตัวอนุเฉาออกไป หารถม้าสักคันให้คนส่งนาง ไปที่เรือนร้างเมืองฉาง” คำสั่งของหลี่หงซวนเป็นคำขาด บ่าวไพร่รีบทำตามในทันที ครั้นได้อยู่ด้วยกันเพียงลำพังกับฮูหยินผู้เฒ่า หลี่หงซวนถึงได้บอกเหตุผล ที่ต้องตัดสินใจทำเช่นนี้ นั่นเพราะตระกูลจี้ได้ยื่นคำขาดมา ให้ขับไล่พวกเขาออกไปให้หมด อย่าให้เหลืออยู่แม้แต่ตนเดียว ไม่ต้องการให้คนที่ทำร้ายบุตรสาวของพวกเขา อยู่ระคายสายตาของจี้ชิวหรงอีกต่อไป ฮูหยินผู้เฒ่าแค่นออกมาหนึ่งคำ “อ้างเหตุผลข้าง ๆ คู ๆ ความจริงแล้วต้องการกำจัดอนุในเรือนบุตรสาวทิ้งให้หมด นี่กระทั่งเด็กคนหนึ่งก็ไม่เว้น แต่ก็เอาเถอะ เหยาเอ๋อร์อยู่ที่นี่ ก็ใช่จะมีประโยชน์อันใด นางไม่ได้อยู่ในสายตาของพวกเราด้วยซ้ำ ให้นางไปกับแม่ของนางนั่นแหละดีแล้ว” หลี่หงซวนนั้นเป็นเพียงเจ้าเมืองเล็ก ๆ มีตำแหน่งเป็นขุนนางขั้นที่ห้า ฝั่งตระกูลจี้บ้านเดิมของจี้ชิวหรงนั้น อยู่ในเมืองหลวงมีตำแหน่งใหญ่โตกว่าหนึ่งขั้น เรื่องนี้เขาจึงต้องขบคิด ถึงผลได้ผลเสียในอนาคตอีกด้วย การเสียสละอนุกับหลานสาวคนหนึ่ง เพื่อชดเชยให้แก่คนตระกูลจี้ นับว่าเป็นเรื่องสมควรทำแล้ว “ข้าก็คิดเช่นฮูหยินนั่นแหละ เพียงแต่สะใภ้สามแท้งคราวนี้ ไม่รู้จะยังสามารถตั้งท้องได้อีกหรือไม่ พวกเรารอดูไปก่อนดีกว่า หากนางไม่สามารถตั้งท้องได้จริง ๆ เราค่อยหาอนุมาให้หย่วนเจ๋อภายหลังก็ยังได้ ยามนั้นคนตระกูลจี้จะเอาอะไรมาง้างกับเราได้อีก” “จริงดังท่านว่าเจ้าค่ะ” ฝ่ายเฉาซูหลิ่งที่ถูกคนใช้ ลากตัวออกมาให้เก็บของในเรือน นางส่งเสียงเอะอะโวยวายตลอดทาง พร่ำบอกต้องการพบหลี่หย่วนเจ๋อให้ได้ แต่ถูกสาวใช้ขวางไว้ไม่ให้ไป นางจำใจกลับไปยังห้องนอนของตัวเอง รีบเก็บของสำคัญใส่ห่อผ้าเพื่อออกเดินทาง
หยางจื้อซี เด็กกำพร้าจากศตวรรษที่21 ถูกองค์กรมืดเลี้ยงดูจนเติบโตและทำให้เธอกลายเป็นมนุษย์กลายพันธ์ ในระหว่างที่ถูกส่งตัวไปทำภารกิจลับ เธอกลับถูกคนในองค์กรมืดหักหลังและถูกฆ่าโดยเพื่อนสนิทที่เธอไว้ใจมากที่สุด ก่อนสิ้นใจเธอถามเพื่อนสนิทว่าทำไม แต่ไม่ได้รับคำตอบจากปากของอีกฝ่าย สิ่งที่เธอได้รับคือรอยยิ้มที่ดูถูกเหยียดหยามและ คำว่า “โง่” จากปากของอีกฝ่ายเท่านั้น หลังจากที่ตายไปแล้วสิ่งที่เธอคิดไว้ คงจะเป็นนรกหรือที่ไหนสักแห่งที่เป็นโลกหลังความตาย แต่ทว่ามันกลับไม่เป็นเช่นนัน เธอตื่นขึ้นมาในร่างของ หยางจื้อซี เด็กหญิงอายุ เพียง 13 ขวบปีในหมู่บ้านป่าหมอก ในดินแดนโบราณล้าหลังที่ไม่มีในประวัติศาสตร์ คล้ายกับว่าเป็นโลกคู่ขนานที่อยู่อีกมิติหนึ่ง เธอตื่นขึ้นมาในบ้านที่ผุพัง ครอบครัวยากจน มีแม่ที่อ่อนแอและเจ็บป่วย มีพี่น้องที่อายุน้อย มีปู่ย่าตายายที่เห็นแก่ตัวและใจร้าย มีลุงที่เห็นแก่ได้ป้าสะใภ้ที่เต็มไปด้วยความละโมบโมบโลภมาก หยางจื้อซี คิดว่านับจากนี้ไปชีวิตจะต้องอยู่ได้ด้วยตัวเอง หากใครมารังแกก็แค่ทุบตี เธอไม่เชื่อว่าด้วยพลังที่ติดตัวเธอมาจากชาติที่แล้วจะไม่สามารถอยู่รอดได้ในโลกล้าหลังแห่งนี้
กู้ชิงเฉิงเชื่อมั่นมาตลอดว่าตราบใดที่เธอประพฤติตัวดี สักวันหนึ่ง เธอก็จะสามารถชนะใจมู่ถิงเซียวให้ได้ อย่างไรก็ตาม เมื่อเสิ่นถัง รักแรกที่เขาคิดถึงมาตลอดกลับมา ทุกอย่างก็เปลี่ยนไป กู้ชิงเฉิงเป็นคนว่าง่ายสอนง่ายจริงๆ เธอจัดงานแต่งงานด้วยคนเดียว และนอนคนเดียวในห้องผ่าตัดเพื่อรับการรักษาฉุกเฉิน มีข่าวลือว่าเธอบ้าไปแล้ว อันที่จริงเธอบ้าไปแล้วจริงๆ ที่รักใครสักคนอย่างไม่ละอายขนาดนี้ ต่อมา ทุกคนลือกันว่า กู้ชิงเฉิงป่วยหนักและกำลังจะเสียชีวิต มู่ถิงเซียวถึงสูญเสียการควบคุมอย่างสิ้นเชิง "ฉันไม่ปล่อยให้เธอตาย" แต่เธอกลับยิ้มอย่างนิ่งๆ ว่า "ดีจังเลย ฉันเป็นอิสระแล้ว" ใช่แล้ว ไม่ต้องการกู้ชิงเฉิงอีกแล้ว"
เสิ่นหยวูแต่งงานกับเหอซวี่ที่เป็นสูติแพทย์ตอนอายุยี่สิบสี่ปี สองปีต่อมา เมื่อเธอตั้งครรภ์ได้ห้าเดือนแล้ว เหอซวี่ก็วางแผนแท้งลูกเธอด้วยมือตัวเอง และหย่าร้างกับเธอ ระหว่างช่วงเวลาที่มืดมนเหล่านี้ ตู้หยวุนปรากฏตัวเข้าในชีวิตของเสิ่นหยวู เขาทำดีต่อเธออย่างอ่อนโยน และให้ความอบอุ่นแก่เธออย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน แต่ในขณะเดียวกัน เขาก็ทำให้เธอต้องเจ็บปวดอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อนเช่นกัน สุดท้าย เสิ่นหยวูจึงเข้มแข็งขึ้นหลังผ่านพ้นไปกับทุกอย่างแล้ว แต่เมื่อความจริงก็ถูกเปิดเผยในที่สุด เธอจะยอมรับและอดทนได้ไหม? อยู่เบื้องหลังตู้หยวุนผู้ที่หล่อเหลาดูมีเสน่ห์นั้นเป็นใคร?และเมื่อพบคำตอบแล้ว เสิ่นหยวูจะรับมือยังไง ?
นางเจ็บปวดปางตายเมื่อเขาโยนร่างบอบช้ำทิ้งไว้หลังจวนโดยไม่แยแส เมิ่งลี่เฟยน้ำตาไหลพรากทว่ากลับไม่ทำให้คนที่เพิ่งเหยียบย่ำร่างกายเล็กเห็นใจแต่ประการใด"เฝ้านางเอาไว้ให้ดีอย่าให้ออกมาทำเรื่องชั่วอีก"
© 2018-now MeghaBook
บนสุด