ไอ้แคล้วหนุ่มบ้านไร่ลูกชายกำนัน แอบชอบน้องบัวรินลูกสาวพ่อค้าร้านก๋วยเตี๋ยว แต่เธอไม่เคยชายตาแลเขาเลย ไอ้แคล้วจึงตัดสินใจจับน้องบัวรินทำเมีย....
ไอ้แคล้วหนุ่มบ้านไร่ลูกชายกำนัน แอบชอบน้องบัวรินลูกสาวพ่อค้าร้านก๋วยเตี๋ยว แต่เธอไม่เคยชายตาแลเขาเลย ไอ้แคล้วจึงตัดสินใจจับน้องบัวรินทำเมีย....
เรื่องมันมีอยู่ว่า...
วาสนาคนอย่างไอ้แคล้ว เกิดมายี่สิบสามปียังไม่เคยได้พบกับความรักและความเสียวที่แท้จริงเลย
เรื่องเสียวที่พบเจอครั้งล่าสุด คือ... เมื่อคืนนี้จากหนังโป๊และมือของตัวเอง ประสบการณ์เสียว ไม่เป็นที่น่าจดจำ เพราะไม่เคยมีสักครั้งที่แคล้วจะสมหวังกับใครสักคนด้วยความรัก มีแค่ความพลั้งเผลอ และความแอบรักฝ่ายเดียวเท่านั้น
ถึงอย่างนั้นแคล้วยังมีความหวังในเรื่องความรัก ประสบการณ์รักที่เคยผิดหวัง เขาเคยแอบชอบผู้หญิงคนหนึ่ง เทียวไล้เทียวขื่อและได้ขอคบหาด้วยแต่ท้ายที่สุดเขาก็ได้เจอว่าเธอนอกใจ
ทว่าเขาก็ไม่คิดจะยอมทิ้งคำว่ารักแม้จะถูกปฏิเสธมาแล้วครั้งหนึ่ง เขาก็ยังเพียรที่จะหาคนรัก แม้ว่าการเปิดใจในรักครั้งแรกจะไม่สมหวัง และถูกทรยศหักหลังอย่างไร้เยื่อใยก็ตาม
ปัจจุบัน คนที่แคล้วชอบพอ เธอชื่อว่า “บัวริน"
สาวสวยวัยสิบแปดปีลูกสาวของ “น้าแนว” ที่เปิดร้านขายก๋วยเตี๋ยวที่หน้าไซต์งานก่อสร้างบนที่ดินของพ่อกำนันดวงดี บิดาบังเกิดเกล้าของแคล้วนั่นเอง ที่กำลังสร้างหอพักเอาไว้ให้คนเช่า กำนันดวงดีจึงให้แคล้วมาเป็นหัวหน้าคุมงาน
บัวริน... เธอเป็นสาวสวย รูปร่างผอมบางน่าทนุถนอมแต่ถึงอย่างนั้นบัวรินมีสิ่งหนึ่งที่เด่นสะดุดตา ก็คือหน้าอกหน้าใจไฟหน้าใหญ่ ๆ กลมกลิ้งของเธอนั่นเอง
อย่าหาว่ามีแต่ไอ้แคล้วเลยที่ไม่อาจจะละสายตาได้ พวกหนุ่ม ๆ อีกหลายคนก็พากันตกหลุมพรางความงดงามของสองประทุมมานั้นเช่นกัน
ในยามที่แคล้วมาอุดหนุนซื้อก๋วยเตี๋ยวที่ร้านของเธอ แคล้วพยายามที่จะจับจ้องมองสบตากับเธอ เขาพยายามส่งสายตาว่าตัวเองนั้น มีความรู้สึกดี ๆ ให้
แต่ทว่าบัวรินก็ไม่ได้ทอดสะพานให้เขาแต่อย่างใด แคล้วได้แต่เศร้า เขาเอาแต่คิดว่า... เป็นเพราะตัวเองเป็นคนอับโชคใช่ไหม?
หรือบัวรินคิดแต่เพียงว่า เขาเป็นเพียงลูกชายของพ่อกำนันดวงดี ที่มีฐานะทางบ้านดีเท่านั้น หรือคิดแต่เขาไม่ได้ทำงานทำการ ได้แต่รอเกาะพ่อกิน
อีกอย่างเขาเคยใช้ชีวิตเสเพลสำราญไปวัน ๆ อาจจะทำให้เธอเข้าใจผิดก็เป็นได้
หรือว่า... แคล้วหน้าตาบ้าน ๆ ไม่มีอะไรโดดเด่นในสายตามองเธอกันแน่ แคล้วได้แต่ครุ่นคิด
เพราะว่า... คู่แข่งแต่ละคนที่มาจีบบัวรินนั่น บางคนมีดีกรีเสียด้วย
แคล้วคิดว่า... บางทีบัวรินอาจจะมีใจเอนเอียงไปให้ทางหนุ่มผู้พิทักษ์สันติราษฎร์ที่มีดาวติดบนบ่า คนที่มีตำแหน่งและเพิ่งจบนายร้อยมาหมาด ๆ เสียมากกว่า เช่นสารวัตรฉัตรชัย
ทุกครั้งที่เขาเห็นเวลาที่บัวรินคุยกับสารวัตรฉัตรชัย ทั้งแววตา รอยยิ้มและน้ำเสียงของเธอ เวลาคุยกับสารวัตรช่างแตกต่างจากที่พูดคุยกับแคล้วไปโดยสิ้นเชิง
แค่คิดแคล้วก็ขุ่นเคืองทำให้เขาเสียใจไปหลายวัน และยิ่งคิดลบ ๆ มันก็ปลุกความอคติของตัวเองออกมาจนได้ แคล้วรู้สึกไม่ค่อยสบอารมณ์เวลาที่เห็นภาพอย่างนั้น แม้จะชินตาแต่ไม่ชินที่หัวใจ
จนทำให้คิดอยากจะทำอะไรสักอย่างในเร็ววันนี้
คืนหนึ่งขณะที่บัวรินกำลังจะเก็บร้านเพื่อจะกลับบ้าน เพราะว่าที่ร้านขายดีมากจนของหมดเร็ว แถมมีลูกค้าจากไซต์งานก่อสร้างมาอุดหนุนทุกวันจนหมดเกลี้ยง
ช่วงนี้เป็นวันแรงงาน 1 พ.ค. ที่นี่ก็ให้คนงานหยุดงานได้ถึงห้าวัน
แคล้วทำทีมายืนที่หน้าไซต์งาน และบอกให้ทุกคนรีบพากันกลับบ้านและเดินทางดี ๆ
“กลับบ้านก่อนนะครับหัวหน้า”
“เออ ๆ กลับบ้านดี ๆ นะทุกคน เดินทางปลอดภัย”
เขาเอ่ยร่ำลาลูกน้อง แต่สายตาของเขาก็คอยชำเลืองมองไปที่ร้านของบัวรินอย่างไม่วางตา
วันนี้เป็นไงเป็นกัน แคล้วจะต้องสารภาพรักกับบัวรินให้จงได้ เขาจะเผยความรู้สึกแท้จริงกับเธอ
แคล้วเดินไปหาบัวรินถึงที่ร้าน เขาเผยยิ้ม
“บัวรินจ๊ะ แม่ค้าคนสวย วันนี้พี่แคล้วจะมาขอเหมาของกินที่ร้าน พอจะขายให้ได้ไหมจ๊ะ รวมถึงแม่ค้า... เอ่อ... น้องบัวรินด้วย” แคล้วไปเย้าแหย่เล่น
แต่บัวรินไม่เล่นด้วย เธอหันมามองเขาอย่างไม่พอใจ
"ร้านปิดแล้วจ้า ขายไม่ได้จริง ๆ จ้า แล้วเอ่อ... ฉันไม่ได้เป็นสาวขายตัวนะฮึ! พี่แคล้วเนี่ยพูดจาน่าเกลียดจริงๆ" เธอตอบค่อนแขวะแคล้วในท้ายประโยค และขึงตาใส่
“จะมาสารภาพรักสินะ เฮ้อ... พี่น่ะคงจะไม่มีปัญญาเลี้ยงน้องให้มีความสุขหรอกจ้า อย่ามามงมาเหมา อีกอย่างขอแค่พี่แคล้วมาอุดหนุนน้องทุก ๆ วันก็พอแล้วนะจ๊ะ” แม้จะไม่ชอบคำพูดก่อนหน้า แต่เธอก็ยังคงรักษามารยาท
แต่ทว่าท่าทางและน้ำเสียงที่บัวรินที่พูดกับเขานั้น ทำเอาหัวใจของแคล้วกระตุกวูบไหว ไม่ใช่อะไรเพราะแคล้วรู้สึกกรุ่นโกรธ เขามันน่ารังเกียจมากขนาดนั้นเลยเหรอ เธอถึงต้องพูดจาไม่ไว้หน้าเขาขนาดนี้
นี่เขาคือลูกชายกำนันดวงดีเชียวนะ!
“พรุ่งนี้พี่แคล้วก็ค่อยกลับมาใหม่เถิดจ๊ะ ฉันจะเก็บร้าน พี่อย่ามาเกะกะเลย” บัวรินไม่ได้ให้ความหวังแคล้วเลยสักนิด
แคล้วเอาแต่ขบฟันกลั้นความรู้สึก และยังคงไม่ไปไหน เขายังคงมองดูเธอเก็บร้านอยู่ตรงนั้น
ในหัวคิดถึงเรื่องที่จะทำอย่างไรจะชนะใจของเธอได้ แต่ทว่า... บัวรินไม่ได้สนใจ และออกจะแสดงอาการเกลียด ราวกับแคล้วเป็นคนร้ายที่ก่ออาชญากรรม
หนูน้อย"อ้ายหลาน"เกิดมาพร้อมกับพลังพิเศษไม่เหมือนใคร แม้นางจะเป็นเพียงเด็กหญิงตัวเล็กๆ แต่นางก็มีพลังมหาศาลสามารถยกกระสอบข้าวด้วยมือเดียว ก้อนหินสิบคนโอบนางก็สามารถยกทุ่มได้อย่างง่ายดาย และจมูกนางไวต่อกลิ่นยิ่งนักแม้สิ่งนั้นจะอยู่ไกลเพียงใดโดยเฉพาะอาหาร นางมีจมูกที่พิเศษสามารถแยกแยะสิ่งมีพิษและไม่มีพิษได้
เพียงสบตาสาวน้อยหน้าหวาน ‘นัยน์ตาชวนฝัน’ ที่อาจหาญตบหน้าซีอีโอผู้ยิ่งใหญ่อย่างเขา ‘เดวิโก หนึ่งเดียว เวนนิส’ ก็ประกาศก้องกับตัวเองว่า เขาจะต้องลากเจ้าหล่อนเข้าสู่ ‘กรงทอง’ ให้จงได้ ไม่มีวันที่ ‘แม่กวางน้อยด้อยประสบการณ์’ อย่างหล่อนจะต้านทานเจ้าป่า ‘ผู้ชำนาญงานรัก’ อย่างเขาได้ ใครจะคิดว่าวันสุดท้ายของการฝึกงานก่อนจบการศึกษาจะเป็นวันที่เปลี่ยนชีวิตเธอไปตลอดกาล เพียงเพราะเผลอสบตาคมเข้มคู่นั้นเข้าอย่างจัง!! หากฟ้าประทานพรให้เธอขอพรได้หนึ่งข้อ ‘ปรารถนา’ บอกตัวเองอย่างไม่ต้องหยุดคิดว่าพรข้อนั้นที่เธอจะขอคืออะไร เพราะสิ่งเดียวที่เธอจะขอ คือ... ‘ขอให้ผู้ชายบ้าอำนาจ บ้ากามที่จ้องลวนลามเธอคนนี้หายสาบสูญไปซะ’ แต่ยิ่งนานวันเข้า นอกจากฟ้าจะไม่นำพาแล้วยังเหมือนจะเป็นใจหยิบยื่นเนื้อกวางแสนหวานอย่างเธอเข้าปากเสือเสียนี่ เพราะยิ่งเธอพยายามหนีห่างจากเขามากเท่าไร เธอกลับพบว่าตัวเองกลับยิ่งเข้าใกล้เขามากขึ้นเท่านั้น ใกล้เสียจน...เธอสั่นสะท้านไปทั้งกายและใจ “ฉันลงมือปรุงซุปถ้วยนี้ด้วยตัวเองเลยนะ เธอจะไม่ชิมสักหน่อยเหรอ ใช่ว่าใครจะมีวาสนาได้กินฝีมือฉันง่ายๆนะ” “คุณทำคุณก็กินเองสิคะ ฉันไม่ได้ขอร้องให้คุณทำสักหน่อย” “เธอไม่กินงั้นฉันกินเองก็ได้” “เชิญ!” ปรารถนาเบะปากยิ้มหยันพลางขยับกายหมายล้มตัวลงนอน แต่ทว่า... “ว้าย! คุณจะทำอะไรฉัน ปล่อยนะ” “บังเอิญฉันไม่ชอบอะไรที่มันจืดชืดแบบซุปนั่น เลยอยากลองชิมเนื้อกวางอย่างเธอเสียหน่อยว่าจะอร่อยแค่ไหน หึหึ”
นายพายุ ศิระภาคิณ อายุสามสิบปี นักธุรกิจหนุ่มประธานบริษัทส่งออกผ้าไทย วีรกรรมที่เขาทำไว้เมื่อสิบกว่าปีก่อน กำลังจะย้อนกลับมา เมื่อนางสาวแพรไหม โภสิกุล ดีไซเนอร์สาวอายุยี่สิบเก้าปี ได้ปรากฏตัวขึ้นหลังจากที่เธอนั้นหายออกไปจากมหาวิทยาลัย กว่าสิบปี โดยไม่ทราบสาเหตุ ซึ่งทำให้ท่านประธานหนุ่มเริ่มอยากรู้ชีวิตของเธอ เมื่อครั้งหนึ่งเรือนร่างอันบอบบางอรชรเคยหล่อหลอมเป็นหนึ่งเดียวกับเขามาแล้ว ถ้าหากเขาต้องการสานสัมพันธ์กับเธออีกครั้ง มันก็ไม่แปลกหากเธอนั้นยังโสดแพรไหมจะยังต้องการเขาอยู่หรือไม่ ในเมื่อเธอคิดว่าพายุนั้นเป็นแค่ผู้ชายที่พรากความบริสุทธิ์ไปจากเธอเท่านั้น ซึ่งเวลานี้เธอก็ยังคงมองเขาในด้านลบอยู่ดี แม้ว่าเวลาจะผ่านไปเป็นสิบปีแล้วก็ตาม "แม่ของหนูชื่ออะไร ตอนนี้อยู่ที่ไหน บอกฉันได้ไหม" พายุถามพร้อมกับจ้องลงไปที่ดวงตาแป๋วของเด็กหญิงตรงหน้า เมื่อเขามั่นใจว่าสายตาจะไม่โกหก "แม่ของหนูชื่อแพรไหม!" เด็กหญิงพูดออกมา พร้อมกับจ้องสายตาคมของผู้เป็นบิดาอย่างไม่กะพริบตา เพื่อยืนยันว่าเธอนั้นไม่ได้โกหก “ฮ่ะ!” พายุอุทานออกมาเสียงดัง ขณะที่หัวใจของเขานั้นเต้นแรง ก่อนจะยิ้มกว้างออกมาด้วยความดีใจที่สุดในชีวิต "ถ้าคุณไม่เชื่อ พาหนูไปตรวจดีเอ็นเอก็ได้นะคะ" เด็กหญิงพูดออกมาพร้อมกับมีใบหน้าที่เศร้าหม่น เมื่อเธอคิดว่าบิดาคงไม่เชื่อในสิ่งที่เธอนั้นพูดออกมา "ไม่จำเป็น!" พายุพูดออกมาด้วยน้ำเสียงแข็ง เพื่อยืนกรานที่จะตรวจดีเอ็นเอ จนทำให้คนฟังนั้นหวาดกลัว เพราะใยไหมคิดว่าบิดานั้นไม่เชื่อใจเธอ "หนูขอโทษที่มารบกวน หนูขอตัวกลับก่อนนะคะ สวัสดีค่ะ" ใยไหมพูดออกมาด้วยน้ำเสียงที่สั่นเครือ เธอยกมือขึ้นไหว้ผู้เป็นบิดาอย่างนอบน้อม ประหนึ่งว่าจะไม่ได้เจอเขาอีกแล้วในชีวิตนี้ เมื่อเธอได้สัญญากับผู้เป็นมารดาเอาไว้ หากถูกปฏิเสธแล้วไซร้ จะขอกลับไปไม่กลับมาหาชายตรงหน้าอีกเลยตราบชั่วชีวิต "แล้วหนูจะไปไหน นั่งลงก่อนสิ" พายุพูดพร้อมกับจับร่างเล็กของลูกสาวนั่งลงข้าง ๆ อีกครั้ง "ที่บอกว่าไม่จำเป็น นั่นเป็นเพราะว่าพ่อเชื่อว่าหนูเป็นลูกของพ่อโดยไม่ต้องตรวจดีเอ็นเอ!" พายุพูดออกมาด้วยน้ำเสียงที่หนักแน่น ใยไหมไม่รอช้าโผเข้าไปกอดผู้เป็นบิดาอีกครั้งในทันที ก่อนจะร้องไห้ออกมาเพราะความดีใจ "ไม่ร้องนะครับคนเก่งของพ่อ" พายุพูดพร้อมทั้งเอื้อมมือไปเช็ดน้ำตาที่แก้มใสของลูกสาวออกจนสิ้น ในขณะที่ตัวของเขาเองก็น้ำตาคลอเช่นกัน "หนูขอเรียกพ่อว่าคุณป๋านะคะ" เสียงเจี๊ยวจ๊าวพูดออกมาอย่างรื่นหู คุณป๋าที่เด็กหญิงพูดนั้น ทำให้พายุอดที่จะหัวเราะออกมาอย่างชอบใจไม่ได้ "ฮ่า! ฮ่า! ฮ่า! ทำไมถึงต้องเรียกพ่อว่าคุณป๋าด้วยละ หืม" พายุเอ่ยถามลูกสาวออกมา ขณะที่เขายังคงกอดเด็กหญิงเอาไว้ ด้วยความรักความผูกพันของสายใยระหว่างพ่อลูก ที่มันพันผูกจนมาสามารถอธิบายออกมาเป็นคำพูดได้ "มาดาม ไม่ชอบให้หนูมีพ่อ หนูก็จะมีคุณป๋าแทนยังไงล่ะคะ" คำตอบของลูกสาวทำให้พายุยิ้มไม่หุบครั้งแล้วครั้งเล่า เธอช่างเป็นเด็กฉลาดและร่าเริง ผิดกับแพรไหมมารดาของเธอ ที่ชอบทำหน้าเหมือนแบกโลกทั้งใบเอาไว้ตลอดเวลา "ทำไมถึงเรียกแม่ว่ามาดาม ตอนนี้แม่แต่งงานไปแล้วหรือยัง" เวลานี้พายุลุ้นคำตอบจากลูกสาว หรือแพรไหมจะแต่งงานกับฝรั่งตาน้ำข้าวไปแล้ว ใยไหมถึงได้เรียกเธอว่ามาดาม "แม่ยังไม่มีใคร มีแค่ลุงดนัยที่ชอบมาข้องแวะ แต่หนูไม่ชอบเขาเลย เพราะเขาชอบทำตัวเป็นเจ้าข้าวเจ้าของมาดามอยู่เรื่อย" คำตอบของลูกสาวช่างอิ่มเอมใจ เมื่อแพรไหมไม่มีใครเขาก็พร้อมจะสานสัมพันธ์ แต่งานนี้คงจะยากหากผู้ชายคนนั้นมาข้องแวะ แต่เขามีลูกสาวที่ยืนเคียงข้างแล้วจะกลัวอะไร "ถ้าพ่ออยากจะจีบแม่ต้องทำยังไง" "โอ้! เจ๋งเป้งมากค่ะคุณป๋า เดี๋ยวหนูจะช่วยเอง" ใยไหมพูดออกมาด้วยความดีใจ นั่นคือสิ่งที่เธอปรารถนามาแสนนาน อยากให้บิดามารดาได้ลงเอยกันสักที "ลูกรับปากพ่อแล้วน๊า... " พายุพูดออกมาด้วยน้ำเสียงที่น่ารัก "แต่เราต้องมาทำข้อตกลงกันก่อนค่ะ คุณป๋า" ใยไหม ผละออกจากอกกว้างของผู้เป็นบิดา พร้อมกับหยิบคุกกี้ตรงหน้าเข้าปาก "หิวหรือยัง ไปทานข้าวก่อนดีไหม" พายุเอ่ยถามออกมาด้วยความห่วงใย เมื่อเห็นลูกสาวนั้นหยิบคุกกี้เข้าปากคำโต "เดี๋ยวค่อยไปทานก็ได้ค่ะ แต่เราต้องมาทำข้อตกลงกันก่อน เรื่องที่หนูเป็นลูกสาวของคุณป๋า ห้ามให้ใครรู้ ทุกอย่างจะเป็นความลับระหว่างเราได้ไหมคะ" พายุทำหน้าสงสัยกลับไปให้เด็กหญิง เธอกำลังคิดจะทำอะไร ใครหลายคนคงดีใจหากได้เป็นลูกสาวของท่านประธาน "ทำไมเป็นลูกสาวพ่อมันไม่ดีตรงไหนเหรอ ลูกถึงไม่อยากให้ใครรู้" พายุเอ่ยถามออกไปด้วยน้ำเสียงที่แสดงออกถึงความน้อยใจ เมื่อลูกสาวไม่อยากให้ใครรับรู้ว่าเขาเป็นบิดาของเธอ "เป็นลูกสาวของป๋าดีที่สุดแล้ว แต่หนูไม่อยากให้ใครมองมาดามในทางไม่ดี ทุกคนต้องรู้แน่ สาเหตุที่มาดามต้องออกจากมหา'ลัยกลางคัน" คำบอกเล่าของใยไหมเป็นเหมือนดังคมหอก ที่ทิ่มแทงเข้ามาในหัวใจของพายุ เด็กหญิงตรงหน้าช่างมีความคิดแบบผู้ใหญ่ เธอถูกเลี้ยงมาแบบไหนทำไมถึงได้ฉลาดอย่างนี้ แพรไหมคงดูแลอบรมลูกสาวมาอย่างดี ต่างจากเขาผู้เป็นบิดาที่ไม่เคยได้เหลียวแล "พ่อขอโทษนะ ที่ไม่เคยได้ดูแลหนูเลย ต่อจากนี้ไปพ่อจะไม่ทิ้งหนูกับแม่ให้อยู่กันตามลำพังอีกแล้ว" คำพูดของผู้เป็นบิดากำลังทำให้เด็กหญิงหัวใจพองโต เธอดีใจที่ผู้เป็นพายุไม่ปฏิเสธ แถมเขายังคิดที่จะสานสัมพันธ์กับมาดามของเธออีกครั้ง คงไม่มีอะไรทำให้เด็กหญิงมีความสุขเท่าสิ่งนี้มาก่อนเลยในชีวิต "ก่อนอื่นคุณป๋า ต้องจีบมาดามให้ติดก่อน หนูบอกเลยว่างานหิน มาดามดื้อจะตาย ขนาดลุงดนัยตามจีบหลายปี มาดามยังปฏิเสธทุกครั้ง แต่ลุงดนัยก็ตื้ออยู่ได้" ใยไหมพูดพร้อมกับทำหน้างอ ออกมาได้อย่างน่ารัก "ป๋ามีลูกสาวคอยช่วยจะกลัวอะไร ไปทานข้าวกันดีกว่า เดี๋ยวป๋าจะไปส่งที่บ้าน" พายุพูดออกมาด้วยสายตาที่มีความหวัง เขาคงไม่ต้องใช้นักสืบ ในเมื่อโชคชะตากำหนดให้หญิงสาวเดินเข้ามาในชีวิตของเขาเอง แถมอยู่ดี ๆ ก็ได้ลูกสาวมาหนึ่งคน ที่น่ารักซะจนทำให้เขานั้นอยากไว้หนวด
ตลอดระยะเวลาสามปีของการแต่งงาน เธอรู้สึกสิ้นหวัง ที่ถูกบังคับให้เซ็นใบหย่า ทั้งๆที่เธอกำลังท้อง เธอใจสลายกับความไร้มนุษยธรรมของเขา กระทั่งเธอออกไปจากชีวิตของเขา เขาเพิ่งรู้ตัวว่าเธอคือรักแท้ของเขา ไม่มีวิธีใดที่จะเยียวยาหัวใจที่บอบช้ำของเธอให้หายขาดได้ เขาจึงมอบความรักทั้งหมดของเขาให้แก่เธอเพื่อชดเชย
เสิ่นชิงชิว หลานสาวของเศรษฐีที่รวยที่สุดในเมืองไห้ คบหาอยู่กับลู่จั๋วมาเป็นเวลาสามปีแล้ว แต่ความจริงใจของเธอกลับสูญเปล่า ลู่จั๋วปฏิบัติกับเธอเพียงในฐานะหญิงบ้านนอกคนหนึ่ง และทอดทิ้งเธอในวันแต่งงาน โดยไปหารักแรกของเขา หลังจากเลิกรากันอย่างเด็ดขาด เสิ่นชิงชิวก็กลับมามีสถานะเป็นสาวรวยอีกครั้ง ได้รับมรดกมูลค่าหลายร้อยพันล้าน และเริ่มต้นชีวิตที่รุ่งโรจน์ที่สุด แต่แล้วมักจะมีคนโผล่มาทไให้กับเธอหงุดหงิดอยู่เสมอ! ขณะที่เธอกำลังจัดการกับผู้ร้าย คุณชายฟู่ผู้มีอำนาจนั้นก็ปรบมือและโห่ร้องว่า "ที่รักของฉันสุดยอดมากจริงๆ"
เนื้อตัวเต้นเร่าเตลิดเพลิดไปตามสัมผัสร้อนแรง เธอบังคับให้หยุดคิดถึงคนอื่นนอกจากคุณวายุ แต่เมื่อริมฝีปากของวายุแตะเข้ากับกลีบกาย พร้อมทั้งตวัดลิ้นเลียไปทั่วซอกหลืบ กลีบเนื้อบอบบางแต่อวบอูมของ 'หมูชมพู' จึงกระดิกแอ่นหยัดบั้นท้ายกระดกซอกหลืบสวนทางกับเรียวลิ้นของวายุ "คุณอุ่น และหอมมากหมูชมพู" พรรณชมพูส่ายวนโคกเนินที่เบียดบดไปกับริมฝีปากหนา ลิ้นของเขาปาดไปมาบนติ่งกระสันเหมือนกับปาดหน้าเค้ก เธอดิ้นพรวดพราดกัดริมฝีปากจนเบี้ยวไปข้างหนึ่ง ลิ้นสากๆ ห่อม้วนชำแรกเข้าไปในร่องสาวอันชุ่มฉ่ำ เมื่อนั้นริมฝีปากที่ถูกกัดจะห้อเลือดก็แยกอ้า พรรณชมพูเผลอกรีดร้องครวญครางถึงใครบางคน ที่จมอยู่ในห้วงความคิดไม่เคยเลือนหาย "อ๊า พี่เสือ" วายุผงกหัวขึ้นมองคนที่กำลังแอ่นลำคอและลำตัวทอดโค้ง แววตาของเขาไหววาบเป็นไฟ และเขาก็กัดกลีบกายบางๆ สีชมพูจนหมูชมพูของเขาสะดุ้งเฮือกสุดตัว "อ๊ะ เฮือก" เธอถูกกัด
© 2018-now MeghaBook
บนสุด