หลิวชิงเฟยดาราสาวในยุคปัจจุบัน กำลังเข้าฉากบู๊ที่ต้องปีนลงจากตึก ความจริงแล้วเธอควรจะใช้ตัวแสดงแทน ทว่าดาราสาวอยากท้าทายความสามารถของตนเอง ความไม่ชำนาญจึงให้ทุกอย่างพลาด!!!...นอกจากจะไม่ได้ท้าทายแล้วเธอกลับต้องจบชีวิตลง! แต่ทว่าวิญญาณกลับไม่ยอมไปยังปรโลก ไม่รู้เพราะเหตุใดเธอจึงมาอยู่ในร่างของหลิวชิงเฟย หญิงสาวที่มีชื่อเดียวกับเธอ นอกจากนั้นใบหน้าก็ยังงดงามเหมือนกัน แต่นิสัยกลับต่างกันราวฟ้ากับเหว ชิงเฟยผู้นี้มีนิสัยร้ายกาจเห็นแก่ตัวเป็นอย่างมากจนทำให้ครอบครัวต้องล่มจม หลิวชิงเฟยผู้นี้ยังมีพี่สาวชื่อหลิวจิ้งเฟย และหลานชายชื่อหลิวซานอีกด้วย เดี๋ยวก่อนนะ...เหตุใดตัวละครเหล่านี้มันช่างคุ้นหูเหลือเกิน หลิวชิงเฟยผู้นี้มิใช่ตัวประกอบหญิงที่ต้องตายเพราะถูกพระเอกที่เป็นผู้มีอิทธิพลติดหนึ่งในสามของนครเซียงไฮ้ฆ่าตายหรอกหรือ คนเคยตายมาแล้วหนึ่งครั้ง ย่อมไม่อยากตายเป็นครั้งที่สอง แต่เธอจะทำอย่างไรดี ในเมื่อคำสั่งเสียของพี่สาวผู้วายชนม์ต้องการให้เธอพาหลานชายไปหาบิดาของเขา ถ้าไปก็ต้องถูกเขาฆ่าตาย แต่ถ้าไม่ไปวิญญาณหลิวจิ้งเฟยก็คงไม่ได้ไปสู่สุคติ มองไปทางไหนก็เหมือนจะไม่มีทางเลือกเลย หลิวชิงเฟยคิดหนักเหลือเกิน เธอควรเลือกทางไหนดี...
ในยามพลบค่ำดวงตะวันค่อยๆ ลาลับท้องฟ้ามืดครึ้ม ผู้คนสัญจรไปมาเริ่มน้อยลงก่อนจะจางหายไป มีเพียงแสงไฟสลัวตามสองฝั่งข้างทาง ริมฟุตบาทของถนนสายหนึ่งที่ติดอยู่กับแม่น้ำห่างเพียงระเบียงกั้น สะท้อนให้เห็นเงาของหญิงสาวคนหนึ่งกำลังเดินทอดน่องไปเรื่อย ๆ อย่างไร้จุดหมาย
หญิงสาวร่างผอมบางในชุดเดรสชีฟองสีขาวสวมหมวกไหมพรมสีขาว เดินไปตามฟุตบาตก่อนจะมาหยุดอยู่บนสะพานข้ามฝั่งแม่น้ำ ดวงตาเศร้าหมองเหม่อลอยทอดมองไปด้านหน้าอย่างไร้ทิศทาง
หากมองดูใกล้ๆ คงเห็นว่าดวงตาของเธอบวมแดงหลังจากผ่านการร้องไห้มาอย่างหนัก ใบหน้าที่เคยงดงามผุดผ่องนั้นซีดเซียวซูบตอบไร้สีเลือดฝาดอย่างเห็นได้ชัดริมฝีปากที่เคยแดงระเรื่อซีดขาวราวกับกระดาษ
ที่ผ่านมาราวกับว่าโชคชะตาเล่นตลกกับชีวิตของเธอ เมื่อปีก่อนเธอป่วยอาการเริ่มทรุดหนักเมื่อไปตรวจที่โรงพยาบาล กลับพบว่าเธอเป็นมะเร็งระยะสุดท้ายอาจอยู่ได้ไม่เกินสองปี
นั่นเสมือนกับฝันร้ายชีวิตที่กำลังราบรื่นวาดฝันไว้อย่างดีกับคนรักที่คบกันมาถึงห้าปี เธอตั้งใจไว้ว่าจะแต่งงานและมีลูกกับเขาชีวิตครอบครัวของเธอก็จะสมบูรณ์ เติมเต็มชีวิตในอดีตที่ขาดหาย
“ไม่เป็นไรผมจะคอยอยู่ข้างๆ ดูแลคุณเอง”
คำพูดนั้นของเขาทำให้เธอยังคงมีชีวิตต่อไปอย่างมีความสุข เธอเริ่มเข้ารับการรักษาแม้ว่าจะไม่เห็นความหวังที่ปลายทาง แต่เธอก็ยังคงมีกำลังใจที่จะใช้ชีวิตต่อไปกับเขาแม้ว่าสิ่งที่วาดฝันไว้จะไม่เป็นอย่างที่คิด หากแต่เขาเป็นคนเดียวที่เป็นที่พึ่งสุดท้ายและเป็นกำลังใจในการใช้ชีวิตของเธอ
เธอชื่อหลินฟาง เป็นเด็กกำพร้าไร้ญาติขาดมิตร ตั้งแต่จำความได้เธอก็ใช้ชีวิตอยู่ในสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า เธอต้องใช้ความพยายามอย่างหนักกว่าคนอื่นกว่าจะก้าวขึ้นมาถึงจุดนี้
หลังจากที่เธอเรียนจบเธอก็ได้ทำงานในบริษัทใหญ่โตมีตำแหน่งหน้าที่การงานที่ดีขึ้นเรื่อย ๆ ด้วยความที่เธอเป็นคนขยันและทำงานดีละเอียดรอบคอบ อายุเพียงยี่สิบห้าปีเธอก็ได้ขึ้นเป็นหัวหน้าเป็นที่น่าอิจฉาของคนอื่น ๆ พวกเขาทำงานมาทั้งชีวิตยังไม่ได้เลื่อนตำแหน่งเลย
แต่กว่าเธอจะมาถึงจุดนี้ได้ก็เพราะว่าเธอมีกำลังใจที่ดี จงเหวินคนรักที่คอยอยู่เคียงข้างเธอมาตลอดห้าปี เธอกับเขาคบกันตั้งแต่สมัยเรียนมหาวิทยาลัย ทางบ้านของเขามีฐานะปานกลาง แต่เขาก็พยายามช่วยเหลือให้กำลังใจเธอมาตลอด ทั้งสองฝ่าฟันอุปสรรคมาด้วยกันมากมาย
หลินฟางรู้สึกว่าเขาเป็นคนดีมากเป็นที่พึ่งเดียวในชีวิตเธอ เธอจึงตั้งใจว่าหลังจากที่การงานมั่นคงเธอจะแต่งงานและมีลูกกับเขามีครอบครัวที่มีความสุข
แต่แล้วชีวิตในวัยยี่สิบหกปีของเธอกลับพังทลายลงเมื่อเธอตรวจพบว่าเธอเป็นมะเร็งระยะสุดท้ายอยู่ได้ไม่เกินสองปี จึงทำให้เธอต้องออกจากงานมารักษาตัว เธอคิดว่าชีวิตของเธอนั้นยังโชคดีที่มีจงเหวินคนรักที่คอยดูแลอยู่ข้างๆ แต่โชคชะตากลับเล่นตลกกับเธออีกครั้ง
‘ที่รักทำอะไรอยู่คะ ที่เรานัดกันว่าจะไปดินเนอร์เย็นนี้ฉันจองโต๊ะที่ดาดฟ้าของโรงแรมไว้เรียบร้อยแล้วนะคะ’
‘ได้ครับผมจะรีบไป ผมเองก็คิดถึงคุณจะแย่แล้ว’
ข้อความพวกนั้นแจ้งเตือนขึ้นมาบนหน้าจอโทรศัพท์ของคนที่เธอรัก หลินฟางทรุดตัวลงกับพื้นขบเม้มริมฝีปากแน่นน้ำตาไหลอาบสองพวงแก้มอย่างห้ามไม่ได้ เธอไม่คิดว่าคนรักที่คบกันถึงห้าปีจะนอกใจเธอ
เธอยังคงคิดเข้าข้างตัวเองว่าข้อความนั้นอาจจะมีใครบางคนส่งผิดมาก็ได้
ก๊อก ก๊อก
เสียงเคาะประตูดังขึ้นทำให้หลินฟางได้สติขึ้นมาอีกครั้ง เธอวางโทรศัพท์ของเขาไว้บนโต๊ะที่เดิม มือเรียวเล็กยกขึ้นมาปาดน้ำตาบนใบหน้าก่อนจะเดินไปเปิดประตู
“จงเหวินคุณกลับมาแล้วเหรอคะ” หลินฟางปั้นหน้ายิ้มให้กับเขา
“ครับวันนี้ผมซื้อวัตถุดิบมาทำกับข้าวให้คุณโดยเฉพาะ มีประโยชน์สำหรับคนป่วยทั้งนั้นเลย คุณจะได้แข็งแรงและหายไวๆ จะได้อยู่กับผมไปนาน ๆ” ชายหนุ่มร่างสูงโปร่งพูดพร้อมกับยิ้มอย่างอ่อนโยนให้กับหลินฟาง
“จริงสิเย็นนี้ผมต้องไปงานด่วนคงอยู่กับคุณไม่ได้คุณอยู่คนเดียวได้ใช่ไหม พรุ่งนี้ผมจะรีบกลับมานะ”
จงเหวินพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน หากแต่ทำให้คนฟังรู้สึกสะอึกขึ้นมา
หลินฟางกลืนน้ำลายลงคอพยายามกดกั้นน้ำตาที่พร้อมจะไหลพรากออกมาได้ทุกเมื่อ
“ค่ะ” หญิงสาวตอบรับเพียงสั้น ๆ ก่อนจะยกยิ้มเล็กน้อยให้กับเขา
โรงแรมแห่งหนึ่งติดริมแม่น้ำบรรยากาศค่อนข้างดีทีเดียว มองโดยรอบเห็นวิวทิวทัศน์แม่น้ำที่กว้างใหญ่ตึกน้อยใหญ่เรียงรายเป็นแถว ในยามเย็นแสงไฟหลากหลายสีสันสะท้อนบนแม่น้ำยิ่งมองดูสวยงามจนไม่อาจละสายตา
บนดาดฟ้าของโรงแรมแห่งนี้ได้จัดโต๊ะสำหรับทานดินเนอร์ไว้สำหรับลูกค้าวีไอพี ซึ่งหนึ่งในนั้นก็ปรากฏร่างของชายหนุ่มร่างสูงโปร่งที่ดูคุ้นตาสวมสูทสีดำดูภูมิฐาน ฝั่งตรงข้ามเขาเป็นหญิงสาวสวยในชุดเดรสเกาะอกสีแดงคลุมทับด้วยเสื้อสูทสีขาวดูมีระดับ หากมองดูดี ๆ แล้วผู้หญิงคนนี้คงมีฐานะอยู่ไม่น้อย ใบหน้าของเธอถูกแต่งแต้มด้วยเครื่องสำอางราคาแพง ริมฝีปากสีแดงสดยกยิ้มกว้างให้กับชายหนุ่มตรงหน้าตลอดเวลา
“อร่อยไหมคะ มื้อนี้ฉันสั่งแต่ของโปรดของคุณทั้งนั้นเลยนะ”
“ขอบคุณนะครับ” เขาเองก็ยิ้มอย่างอ่อนโยนให้กับเธอเช่นกัน
ทั้งสองนั่งทานอาหารด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้มอย่างมีความสุข โดยไม่เห็นว่ามุมหนึ่งมีหญิงสาวคนหนึ่งยืนกำมือแน่น ใบหน้าซีดเซียวเปรอะเปื้อนไปด้วยน้ำตาริมฝีปากขบเม้มจนห้อเลือด ก่อนจะตัดสินใจเดินไปยังโต๊ะที่คนรักของเธอนั่งอยู่กับหญิงสาวที่เธอไม่คุ้นตา
“นี่มันอะไรกันคะจงเหวิน แล้วผู้หญิงคนนี้เป็นใคร” หลินฟางเอ่ยถามเสียงสั่น เธอไม่คิดว่าคนที่นั่งอยู่ตรงนี้จะเป็นเขา
จงเหวินเบิกตากว้างอย่างตกใจ เช่นเดียวกับหญิงสาวชุดแดงตรงหน้าที่ขมวดคิ้วอย่างสงสัย
“เขาเป็นแฟนของฉัน แล้วเธอเป็นใคร?”
ชายหนุ่มคนเดียวในนั้นถอนหายใจเฮือกใหญ่ ก่อนจะลุกขึ้นจับแขนเล็กของหลินฟางไว้
“ผมขอโทษนะ แต่ผมหมดรักคุณแล้วเราเลิกกันเถอะ”
เขาพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาอย่างไร้เยื่อใย ยิ่งทำให้หลินฟางรู้สึกสั่นสะท้านไปทั้งร่าง เธอกลืนน้ำลายเหนียวข้นลงคอสะบัดแขนเล็กของตัวเองออกจากมือใหญ่ก่อนจะค่อย ๆ ถอยหลังแล้วเดินออกมา
โลกทั้งใบของเธอพังทลายลงต่อหน้าต่อตาเหลือเพียงความสิ้นหวังและโดดเดี่ยว ในหัวอื้ออึงไปหมดมีเพียงความคิดที่วนเวียนไปมาอยู่อย่างนั้น
ไม่รู้ว่านานเท่าไหร่ที่เธอเดินออกมาจากตรงนั้นพอรู้ตัวอีกทีก็มาอยู่บนสะพานแห่งหนึ่งเสียแล้ว ดวงตาของเธอวางเปล่าทอดมองไปด้านหน้าอย่างไร้จุดหมาย ที่พึ่งสุดท้ายก็ไม่เหลือแล้วต่อไปเธอจะใช้ชีวิตอย่างไร เธอสูญสิ้นทุกสิ่งอย่างไม่เหลือแล้วไม่เหลืออะไรเลย
น้ำในแม่น้ำแห่งนี้คงเย็นพอที่จะทำให้ร่างกายของเธอผ่อนคลายกับสิ่งเลวร้ายที่พบเจอมาได้ ต่อไปเธอจะได้ไม่ต้องมาเจอเรื่องพวกนี้อีก ทุกสิ่งอย่างในชาตินี้ก็ให้จบลงเพียงเท่านี้เธอแบกรับมันไม่ไหวอีกแล้ว
หญิงสาวค่อย ๆ หลับตาลงอย่างช้า ๆ ก่อนจะปลดปล่อยตัวเองดิ่งลงสู่ห้วงน้ำอันมืดมิดเวิ้งว้าง ร่างผอมบางค่อยๆ จมลงสู่ก้นบึ้งความเย็นยะเยือกของน้ำในยามค่ำคืนโอบล้อมร่างของเธอไว้ ภาพความทรงจำอันแสนหวานรอยยิ้มและเสียงหัวเราะภาพเหล่านั้นย้อนกลับคืนมาในหัวก่อนจะเลือนหายไป
‘ลาก่อนโลกที่แสนจะโหดร้ายใบนี้’
ความเย็นยะเยือกแทรกซึมเข้าสู่ประสาทสัมผัส หญิงสาวค่อย ๆ ลืมตาขึ้นมาอีกครั้งก็พบว่าบรรยากาศรอบตัวเงียบสงัดทั้งยังมืดมิดไร้ซึ่งแสงสว่าง
หลินฟางย่นคิ้วอย่างฉงนพลางย้อนคิดถึงเรื่องราวที่เพิ่งเกิดขึ้น
“ที่นี่คงเป็นยมโลกสินะ!” เธอถอนหายใจเฮือกใหญ่ ก่อนหน้านี้เธอฆ่าตัวตายโดยการกระโดดลงแม่น้ำแต่ไฉนจึงมาอยู่ที่นี่ได้ หากที่นี่ไม่ใช่ยมโลกแล้วจะเป็นที่ใดได้อีก วิญญาณของหลินฟางล่องลอยไปเรื่อย ๆ สู่เส้นทางที่มืดมิดอันยาวไกลอย่างไร้จุดหมาย
“เจ้าหมดอายุขัยจากโลกนั้นแล้ว ตอนนี้ก็คงถึงเวลาที่เจ้าจะต้องหวนคืนกลับสู่ที่เดิมที่เจ้าจากมา ดังคำอธิษฐานที่เจ้าเคยร้องขอ” เสียงทุ้มแหบที่คาดว่าน่าจะเป็นเสียงของชายสูงวัยดังขึ้นอย่างปริศนาก้องไปทั่วบริเวณนั้น จนทำให้หลินฟางต้องหยุดชะงักหันไปมองตามเสียงนั้นแต่ก็เห็นเพียงความมืดมิด
“นั่นใคร” เธอเอ่ยถามด้วยความสงสัยเธอเคยอ้อนวอนขอให้มีชีวิตด้วยเหรอ แต่ทว่าเสียงนั้นยังคงพูดต่อ
“เจ้ารู้แต่เพียงว่ายังคงมีใครบางคนเฝ้าอ้อนวอนขอให้เจ้าตื่นขึ้นมาในทุกคืนวัน ตัวข้าแม้นจะเป็นเทพผู้ชี้ชะตาแต่ก็ทนถูกคนผู้นั้นเฝ้าอธิษฐานจิตอยู่ทุกวี่วันจนข้ามิอาจปล่อยไปได้ จึงต้องมาเร่งรับตัวเจ้ากลับไป”
ตาแก่นี่พูดอะไรเธอไม่เห็นจะเข้าใจเลย แล้วใครบางคนคือใครกัน? เธอก็เพิ่งอกหักมาคนที่เธอรักนอกใจเธอถึงขนาดนี้จะมีใครมาเฝ้าอธิษฐานจิตรอเธออยู่อีก บ้าไปแล้วแน่ ๆ
ยังไม่ทันที่เธอจะได้ไถ่ถามอะไรให้มากความ แสงสว่างจ้าวูบหนึ่งก็พุ่งเข้ามายังใบหน้าของเธออย่างเต็มแรง ภาพความจำเมื่อครั้งอดีตไหลเวียนเข้ามาในหัว จวบจนวันที่ตัวเธอในอดีตกับครอบครัวถูกใส่ร้ายว่าเป็นกบฏและวางแผนฆ่าสตรีผู้หนึ่งซึ่งเป็นชายารองของสามี ทำให้เธอและครอบครัวต้องโทษประหารชีวิตทั้งตระกูล
เมื่อจำอดีตได้หลินฟางถึงกับนิ่งอึ้งทรุดตัวลงไปกับพื้น เรื่องราวหนักหนาถึงเพียงนี้จะให้เธอกลับไปทำไมอีก
“ท่านเทพผู้ชี้ชะตาโปรดเมตตา ฉันไม่อยากกลับไปอีกแล้ว ฉันไม่อยากเผชิญหน้ากับสิ่งที่เลวร้ายอีกแล้ว ขอร้องอย่าส่งฉันกลับไปเลย” หลินฟางร้องไห้อ้อนวอนแต่เสียงทุ้มแหบนั้นกลับพูดขึ้นมาอย่างอ่อนโยน
“อดีตสามารถแก้ไขและเปลี่ยนแปลงได้ ทุกอย่างขึ้นอยู่ที่ตัวของเจ้าเอง”
“แก้ไขเหรอ...แก้ไขอย่างไร?”
“ไปได้แล้ว!”
“เดี๋ยวสิ! บอกฉันมาก่อน…”
วูบ
สิ้นเสียงของชายชราผู้นั้นก็เกิดลมแรงวูบหนึ่งราวกับคนผู้นั้นเพียงใช้มือโบกเบา ๆ สติของหลินฟางก็ดับวูบไป
อดีตที่เธอเคยทำร้ายจิตใจเขาเอาไว้ ยังคงเป็นรอยแผลใจยากจะสมานกลับคืนได้ คนเคยร้ายอย่างเธอต่อให้เปลี่ยนแปลงตัวเองให้ดียังไง เขากลับมองเป็นเพียงผู้หญิงร้ายกาจไม่เปลี่ยนแปลง
นางเคยมอบความรัก ความภักดี ให้เขาด้วยความจริงใจ แต่เขากลับตอบแทนนางด้วยการทรยศ หักหลัง สกุลของนางต้องล่มสลาย ยามที่สวรรค์มอบโอกาสให้นางได้หวนคืนชะตา นางจึงตั้งมั่นไม่ขอหวนกลับไปยุ่งเกี่ยวพัวพันกับเขาอีก เพียงแต่นางพยายามหลีกหนี คนหน้าหนากลับพยายามไล่ตาม ใช้ความเจ้าเล่ห์ทั้งหลอกล่อบีบคั้นจนนางไร้หนทางหลีกหนี ในเมื่อมิอาจหลีกหนีเช่นนั้นครั้งนี้นางก็จะทำให้เขาได้รู้ว่า สตรีสกุลหลิวจะไม่ยอมโง่เขลาเป็นครั้งที่สอง "กู่เหว่ยหยวน ตลอดชีวิตของข้า สิ่งที่ข้าเสียใจที่สุด คือมอบใจให้บุรุษชั่วช้าเช่นเจ้า หากสวรรค์มีจริง ไม่ว่าจะกี่ภพชาติอย่าได้พบกันอีกเลย"
นั่งรีวิวนิยายอยู่ดีๆ จ้าวลี่หลินก็ทะลุมิติมาเกิดใหม่เป็นนางร้ายในนิยายตรงหน้า สวรรค์ข้าเพียงด่านางร้ายผู้นี้ไปสองสามประโยคเท่านั้น เหตุใดต้องกลั่นแกล้งกันถึงเพียงนี้ แล้วสามีผู้นี้มิใช่ว่าเขาคือแม่ทัพผู้เก่งกาจหรือไร เกิดอะไรขึ้นจึงได้มาเป็นชาวสวนแบบนี้ แต่ถึงจะถูกไล่ออกมาเป็นชาวสวนแล้วอย่างไร ไม่ได้เป็นขุนนางก็เป็นคนร่ำรวยได้ มีเงินย่อมมีอำนาจมิใช่หรือ แต่หากอยากกลับไปยิ่งใหญ่อีกครั้งก็ต้องฟังภรรยาอย่างข้า สามี...อยากรวยต้องช่วยข้าทำสวน
ในขณะที่เขาเฝ้ารักสตรีผู้นั้น ทว่าในขณะเดียวกันนางก็เฝ้ารอความรักจากเขาอย่างมีความหวัง 'ความรักทำให้คนโง่งม' คำกล่าวนี้ช่างเหมาะสมกับนางยิ่ง หรือชั่วชีวิตนี้ของนางจะเป็นได้เพียงอากาศ วนเวียนอยู่รอบกายแต่กลับไร้ค่าไม่มีตัวตน "พระองค์จะหันมาเหลียวแลหม่อมฉันบ้างได้หรือไม่ หม่อมฉันก็มีหัวใจไม่ต่างจากผู้อื่นเช่นกัน"
นิยายเรื่องนี้เป็นการนำตัวละคร ของสามเรื่องหลัก มาแต่งเป็นตอนพิเศษสั้น ๆ เพื่อตอบแทนนักอ่านที่รักทุกท่านที่สนับสนุนกันมาตลอดเวลา จะเป็นฉากเก็บตกที่รี๊ดขอมาทั้งสิ้น ฝากติดตามด้วยนะคะ
เพื่อแคว้นนางเสียสละ เพื่อบิดานางกตัญญู จำใจรับสถานะพระชายาที่พระสวามีไม่ยินดี ได้ครองร่างกายแต่มิอาจได้ครองใจ เพราะมิอาจขัดขืนคำสั่งพระบิดา ฟางหลินจึงต้องอภิเษกกับองค์ชายต่างแคว้นเพื่อเชื่อมสัมพันธ์ ทว่าองค์ชายผู้นั้นกลับมีสตรีในดวงใจแล้ว เห็นทีชีวิตการแต่งงานของนางคงไม่พ้นต้องแบกรับความไม่เป็นธรรม
หวังฉีหลิน อายุ 25 ปีสาวเจ้าหน้าที่การเกษตรและพ่วงมาด้วยเจ้าของสวนสมุนไพรรายใหญ่ เสียชีวิตกระทันหันหลังจากกลับมาจากท่องเที่ยวพักผ่อนและเธอได้เก็บเอาก้อนหินสีรุ้งมาจากพระราชวังโปตาลามาได้เพียงสามเดือน ด้วยอุบัติเหตุทางรถยนต์ หากตายไปแล้วก็ไม่เป็นไรเพราะเธอเองเติบโตมาอย่างโดดเดี่ยวในสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าจนกระทั่งมีอายุได้ 18ปี ถึงได้ออกไปใช้ชีวิตด้วยตัวเองตอนนี้เธอ ไม่มีอะไรให้ต้องห่วงแล้ว เพียงแต่เสียดายที่เธอยังไม่ได้ทำตามความฝันของตัวเองเลย เฮ้อ ชีวิตคนเรานั้นมันแสนสั้น อายุ25 แฟนไม่เคยมี สามียังอยากได้ ไหนจะลูกๆที่ฝันอยากจะมีอีก คงต้องหยุดความหวังและความฝันเอาไว้เท่านี้ เหนือสิ่งอื่นใด ตายแล้วตายเลยจะไม่ว่า แต่ดันตื่นขึ้นมาในร่างหญิงชาวนายากจน ชื่อหวังฉีหลินเช่นเดียวกับเธอพ่วงมาด้วยภาระชิ้นใหญ่ อย่างสามีที่ป่วยติดเตียงและลูกชายฝาแฝดทั้งสอง แถมยังมีภาระชิ้นใหญ่ม๊ากกกมาก กอไกล่ล้านตัวอย่างพ่อแม่สามีและน้องๆของสามี ที่โดนบ้านสายหลักกดขี่ข่มเหงรังแก เอารัดเอาเปรียบและบังคับแยกบ้านหลังจากที่สามีของนางได้รับบาดเจ็บสาหัส สาเหตุที่หวังฉีหลินต้องมาตายไปนั้นเพราะโดนลูกสะใภ้บ้านสายหลักผลักตกเขาระหว่างที่กำลังยื้อแย่งโสมคนที่หวังฉีหลินขุดมาได้
เมื่อเธออายุยี่สิบ ชิงฉือได้รู้ว่าตนเองไม่ใช่ลูกโดยกำเนิดของตระกูลต้วน เธอถูกลูกสาวที่แท้จริงของตระกูลต้วนล้อมกรอบ จนถูกพ่อแม่บุญธรรมไล่ออกจากบ้านและกลายเป็นตัวตลกในเมือง เมื่อเธอกลับไปหาพ่อแม่ชาวนา จากนั้นก็พบว่าบิดาผู้ให้กำเนิดของเธอเป็นคนที่รวยที่สุดในเมืองเจียงเฉิงส่วนพี่ชายของตนเองเป็นอัจฉริยะในแวดวงต่างๆ ทุกคนมองดูเด็กสาวตัวเล็กคนนี้ด้วยความเห็นใจและถือว่าเธอเป็นสมบัติล้ำค่า แต่ค่อยๆ พบว่า... ที่แท้ว่าน้องสาวเป็นคนมากความสามารถ? อดีตแฟนหนุ่มผู้น่ารังเกียจหัวเราะเยาะ "อย่ามาตามเซ้าซี้ไม่เลิก ฉันมีแต่เมียนเมียนอยู่ในใจ!" คนใหญ่แห่งเมืองหลวงปรากฏตัว "เมียฉันจะเห็นหัวนายเหรอ?"
ใช่... ของฉันมันไม่แข็ง แต่ไม่ได้หมายความว่าให้แกมาทำเรื่องแบบนั้นกับฉัน! ฝันไปเถอะ! ไม่อยากถูกฟ้าผ่าโว้ยยยย!
หลังจากแต่งงานได้ 2 ปี ในที่สุดเจียงเนี่ยนอันก็ตั้งครรภ์สักที ความดีอกดีใจของเธอแต่กลับแลกกับคำขอหย่าของสามี หลังจากการสมคบคิด เธอนอนในกองเลือด และต้องการขอร้องเขาให้ช่วยเด็กเอาไว้ แต่กลับไม่สามารถติดต่อกับอีกฝ่ายได้ ด้วยความสิ้นหวังเธอจึงออกจากประเทศไป ต่อมาในงานแต่งงานของเจียงเหนียนอัน คุณกู้เสียการควบคุมและคุกเข่าลง ดวงตาของเขาแดงก่ำ "มีลูกของฉัน แล้วเธออยากจะแต่งงานกับใครกัน?"
จือหลินเธอเป็นเด็กกำพร้า ที่ถูกมารดาทอดทิ้งไว้ที่โรงพยาบาลตั้งแต่วันแรกที่ลืมตามาดูโลก ต่อมาทางโรงพยาบาลจึงส่งตัวเธอให้กับสถานสงเคราะห์ พออายุได้สามปี ก็มีองค์กรหนึ่งมารับเลี้ยงตัวเธอ แต่พวกเขาเลี้ยงเธอและเด็กคนอื่นๆ ไว้เพื่อเป็นหนูทดลองเท่านั้น ครั้งแรกที่ถูกนำตัวมา ต่างก็โดนจับฉีดยาเข้าสู่ร่างกาย เพื่อหาเด็กที่เลือดต้านเชื้อที่ฉีดเข้าไปได้เท่านั้น หากร่างกายทนรับไม่ไว้สิ่งที่ทางองค์กรมอบให้คือความตาย จือหลินอาจเป็นเพราะเลือดของเธอพิเศษกว่าเด็กคนอื่น ไม่ว่าฉีดยาตัวไหนเข้าสู่ร่างกายเธอก็ทนรับได้ทั้งนั้น นับจากนั้นมาเธอจึงถูกเลี้ยงดูจากองค์กรมาอย่างดี เรื่องการศึกษาเธอก็สามารถเรียนรู้ทุกสิ่งได้อย่างเต็มที่ แต่เพราะความฉลาดของเธอจึงถูกส่งให้เรียนวิทยาศาสตร์การแพทย์และเรียนแพทย์ควบคู่ไปด้วย เมื่อเรียนจบมาแล้ว จือหลินยังคงทำการให้องค์กรเช่นเดิม แม้จะไม่ได้เป็นนักฆ่าเช่นเพื่อนคนอื่นที่มาพร้อมกัน แต่เธอก็ต้องฝึกไม่ต่างจากพวกเขา ยิ่งเมื่อต้องนำเด็กเข้ามาเป็นหนูทดลองเช่นเดียวกับเธอในตอนเล็ก ต่อให้ไม่อยากทำก็ต้องทำ หากฝ่าฝืนไม่ทำการชิปที่ถูกฝังอยู่ในตัวจะถูกกระตุ้นให้ได้รับความทรมานทันที นานวันเข้า ความดำมืดก็ก่อเกิดในใจ ไม่ว่าจะฉีดยาให้เด็กร้ายแรงเพียงใดจือหลินก็เลิกรู้สึกผิดไปเสียแล้ว เพราะการทำงานของเธอตลอดหลายปีที่ผ่านมาทำให้ทางองค์กรยกย่องและมักจะให้สิ่งดีๆ กับเธอเสมอ เมื่อมีชิปตัวหนึ่งที่ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อฝังมิติอีกห้วงหนึ่งไว้ภายในร่างกาย จือหลินนางก็ได้รับเลือกให้ทดลองใช้สิ่งนี้ด้วยเช่นกัน จือหลินถูกฝังชิปมิติเข้าที่แกนสมองของเธอ ความเจ็บปวดที่ได้รับทำให้เธอแทบสิ้นสติ เมื่อชิปถูกฝังลงไปแล้ว เพียงไม่นานก็มีเสียงจากระบบให้เธอยืนยันตัวตน ก่อนที่จะปรากฏภาพต่างๆ ภายในหัวของเธอ ของจากภายนอกล้วนแต่ถูกส่งเข้าไปเก็บไว้ด้านในได้ทั้งสิ้น หากเป็นเนื้อสด ผักผลไม้ ยังคงความสดอยู่เช่นเดิมแม้จะเก็บไว้นานมากเพียงใด ห้วงมิติของจือหลินเหมือนเป็นห้องสูทในคอนโดของเธอเองที่มีทุกอย่างพร้อมใช้อยู่ภายใน แม้แต่ห้องทดลอง ห้องทำงานของเธอก็ปรากฏอยู่ในนั้นเช่นกัน นับจากนั้นจือหลินจึงซื้อของเขาเก็บภายในมิติของเธอเป็นจำนวนมาก ตัวเธอเพียงผู้เดียวที่สามารถเข้าออกในห้วงมิติได้ วันเวลาผ่านไปจนจือหลินล่วงเข้าวัยสามสิบปี เธอสามารถผลิตยาที่ทำให้ทั่วโลกจับตามองออกมาได้ ยายื้อชีวิตจากความตาย แต่การทดลองของเธอที่ผ่านมาต้องใช้คนจำนวนมากในการเข้าทดลอง จือหลินสามารถยื้อชีวิตของชายชราที่กำลังจะหมดลมหายใจให้กลับมามีชีวิตปกติได้ เมื่อเธอกักตัวเขาไว้ได้หกเดือนเห็นว่าไม่มีสิ่งใดที่ผิดปกติจึงคิดจะปล่อยเขาออกไปใช้ชีวิตเช่นเดิม แต่แล้วสิ่งที่ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น เมื่อชายชราที่กำลังจะเดินออกจากห้องทดลองล้มลงต่อหน้าทุกคนที่เข้าร่วมชื่นชมผลงานของเธอ จือหลินรีบเข้าไปตรวจดูความผิดปกติทันที ก็พบว่าเขาหยุดหายใจเสียแล้ว เจ้าหน้าที่ทั้งหมดจึงต้องพาชายชราคนนั้นกลับเข้าไปในห้องทดลองเพื่อหาสาเหตุ ผ่านไปเพียงสองครึ่งชั่วโมงเขากลับลืมตาขึ้นมาอย่างไม่น่าเชื่อ แต่แววตาที่มองมาทางทุกคนได้เปลี่ยนไป ในดวงตาของชายชราผู้นั้นมีเพียงตาขาวไม่มีตาดำเช่นคนมีชีวิต “เกิดเรื่องอะไรขึ้น” ผู้อำนวยการองค์กรเดินเข้ามาหาจือหลินแล้วเอ่ยถามอย่างตื่นตระหนก เพราะนักข่าวที่ข่าวเชิญมายังอยู่ที่ด้านนอกเพื่อรอฟังคำตอบ “ขอดิฉันตรวจสอบก่อนค่ะ” จือหลินกุมหน้าผากอย่างมึนงง เธอก็ไม่เข้าใจเช่นกันว่าเป็นแบบนี้ไปได้อย่างไร คนทั้งหมดยืนมองชายชราที่เดินท่าทางประหลาดอยู่ในห้องทดลอง ในตอนนี้เขาเริ่มหยิบสิ่งของทำร้ายตัวเองอย่างบ้าคลั่ง เจ้าหน้าที่คนหนึ่งรีบวิ่งเข้าไปในห้องทดลองเพื่อห้ามไม่ให้เขาทำร้ายตัวเอง ชายชราเมื่อได้ยินเสียงคนเดินเข้ามาก็พุ่งเข้ามาหาอย่างรวดเร็ว และเริ่มกัดกินเนื้อตัวของเขาอย่างโหดร้าย คนที่เห็นเหตุการณ์ทั้งหมดต่างยกมือขึ้นปิดปากอย่างตกใจ เพราะกลัวข่าวเรื่องนี้จะรั่วไหล ผู้อำนวยการสั่งให้คนไปแจ้งนักข่าวให้กลับไปก่อน ทางองค์กรจะแถลงการณ์เรื่องนี้ในภายหลัง เจ้าหน้าที่ที่ถูกทำร้ายล้มลงเสียชีวิตไม่นานก็มีสภาพไม่ต่างจากชายชราคนนั้น เสียงวุ่นวายไม่ได้จบลงที่ห้องทดลองของจือหลินเพียงแห่งเดียว เพราะห้องทดลองอื่นก็ล้วนพบเหตุการณ์เช่นนี้ไม่ต่างกัน ผู้อำนวยการจำต้องส่งสัญญาณเคลื่อนย้ายเจ้าหน้าที่ออกจากตึกทดลองให้เร็วที่สุด จือหลินไม่รู้ว่ายาของนางจะสร้างผลเสียมากถึงเพียงนี้ เพราะเจ้าหน้าที่หลายคนล้วนจบชีวิตจนกลายเป็นซอมบี้ไปเสียแล้ว ตึกทดลองถูกปิดตาย เพื่อไม่ให้ซอมบี้ที่อยู่ด้านในออกมาสร้างความเสียหายภายนอกได้ “เรื่องนี้ดิฉันขอจัดการด้วยตนเองค่ะ” จือหลินเดินเข้าไปหาผู้อำนวยการที่ห้องทำงานของเขา เพื่อบอกสิ่งที่เธอคิดว่าอย่างดีแล้วในหลายวันที่ผ่านมา เมื่อเห็นว่าผู้อำนวยการไม่ห้ามในสิ่งที่เธอจะทำจือหลินจึงเดินไปที่หน้าตึกทดลองพร้อมระเบิดเวลาในมือ เธอคิดจะทำลายสิ่งของทุกอย่างที่เธอสร้างขึ้นมาลงด้วยมือของเธอเอง จือหลินเปิดประตูตึกทดลองแล้วรีบปิดลงทันที เธอเดินเข้าไปที่กลางตึกให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ เพราะระหว่างทางเธอต้องคอยต่อสู้กับซอมบี้ที่จะเข้ามาทำร้ายเธอไปด้วย เสียงสัญญาณระเบิดดังขึ้น จือหลินหลับตาลง พร้อมทั้งถอนหายใจให้กับเรื่องราวในชีวิตที่ผ่านมา เสียงระเบิดดังไปทั่วบริเวณพร้อมทั้งตึกทดลองที่ถล่มลงมาจนแทบไม่เหลือซาก “เจ็บชะมัด” จือหลินร้องครางออกมาเบาๆ แต่เมื่อรู้สึกตัวได้เธอก็รีบพยุงตัวขึ้นนั่งอย่างรวดเร็วพร้อมมองไปรอบๆ อย่างไม่อยากเชื่อ เธอคิดว่าตายไปแล้วเสียอีก แต่ทำไมถึงได้มีความรู้สึกเจ็บได้ “นี้มันเรื่องบ้าอะไรอีกว่ะเนี่ย” จือหลินเบิกตากว้างอย่างไม่อยากเชื่อ รอบๆ ตัวเธอในตอนนี้เป็นป่าทึบ มือของเธอก็ไม่ใช่ของเธออย่างแน่นอนเพราะมีขนาดเล็กราวกับเป็นเด็กน้อยคนหนึ่งเท่านั้น ตอนที่เธอมึนงงสับสน เรื่องราวความทรงจำของเจ้าของร่างก็ไหลเข้าสู่หัวของเธอจนต้องลงไปนอนดิ้นกับพื้น
ฟาเบียน ฟรองซัว (ฟา) 32 ปีลูกเสี้ยว ไทย-ฝรั่งเศส-จีนผู้กว้างขวาง และร่ำรวยจากการทำชิปปิ้งตัวแทนผู้นำเข้าและส่งออกรายใหญ่ของไทยชายหนุ่มที่ขาดเรื่องบนเตียงไม่ได้แต่เขาเบื่อผู้หญิงที่จ้องจะจับเขา ทิพย์ดารา นวลพรรณ (ดาด้า) นางแบบและนักแสดงสาวมากความสามารถกำลังหัวเสียที่เธอถูกฟาเบียนตัดความสัมพันธ์เธอนั่งบ่นให้กับช่างประจำที่ร้านฟังฟาเบียนบอกเธอว่า "ถ้าผมหิว ผมจะซื้อกินเอง" เพราะคำว่าแต่งงานหรือผูกมัดไม่ใช่ทางของเขา ปองรัก พลอยรัตนา (จิล) 22 ปีเธอกำลังต้องการเงินเพื่อไปช่วยครอบครัวที่กำลังถูกฟ้องและถูกหุ้นส่วนโกงจำนวนเงินอาจจะไม่มากเท่าไหร่แต่มันก็ทำให้ครอบครัวที่เคยอยู่เย็นเป็นสุขต้องเดือดร้อน แทบหมดตัวอีกอย่างตอนนี้เธอก็ยังเรียนไม่จบเหลืออีกเทอมเดียวเท่านั้นด้วยความบังเอิญเธอได้บัตรกำนัลทำผมที่ร้านแห่งหนึ่ง..ฟรี จากเพื่อนรักสุจิรา เดชธนาดล (จิรา)ลูกเจ้าของร้านเพชรชื่อดังในเมืองไทย ชื่อและประวัติของ ฟาเบียนทำให้จิลเห็นทางออกหญิงสาวที่ยังบริสุทธิ์ เธอจะทำยังไงให้ครอบครัวกลับมาอยู่ดีเหมือนเดิมได้เธอยินดี...ทำเธอเดินเข้าไปเสนอขายพรหมจรรย์ให้กับเขาเงินที่เธอร้องขอ สำหรับ ฟาเบียน แค่เศษเงินแค่เห็นหน้าเธอ เขาก็ปิ๊งเสียแล้วฟาเบียน รับข้อเสนอและให้เธอมาเป็น...เมียพาร์ทไทม์ เริ่มต้นก็สนุกเสียแล้ว พลาดได้ไง ขอฝากผลงานเรื่องนี้ไว้ในอ้อมใจของนักอ่านที่น่ารักด้วยนะคะ