ชายหนุ่มคุกเข่าลงตรงหน้าเธออย่างต่ำต้อย วิงวอนว่า “หว่านหนิง กลับมาอยู่ข้าง ๆ ฉันได้ไหม?”
*
“ในการแข่งขันต่อสู้ UFC ครั้งนี้ ลี่สิงหยวนคว้าแชมป์รุ่นมิดเดิลเวตได้อีกครั้ง…”
ในโทรทัศน์กำลังรายงานช่วงเวลาที่ชายคนนั้นคว้าแชมป์
บนเตียงขนาดใหญ่ในขณะนั้น ลี่สิงหยวนกดร่างเจียงหว่านหนิงไว้ใต้ตัวแล้วกระแทกเข้าไปอย่างรุนแรง
“เบา ๆ หน่อย...” เจียงหว่านหนิงรู้ดีว่าพละกำลังของลี่สิงหยวนไม่ต่างอะไรจากสัตว์ป่าเลย
ทุกครั้งหลังจบการแข่งขันรายการใหญ่ เขาก็มักจะทรมานเธอจนแทบขาดใจทุกที
แสงอาทิตย์เริ่มสาดส่องเข้ามาทางหน้าต่าง เจียงหว่านหนิงเหนื่อยจนแทบหมดแรง รู้สึกได้ว่าชายหนุ่มถอนตัวออกไปแล้ว
เธอรู้สึกมาตลอดว่าครั้งนี้ลี่สิงหยวนรุนแรงกว่าทุกครั้งที่ผ่านมา
“วันนี้ก่อนจะไป ทิ้งกุญแจไว้ด้วยนะ ต่อไปไม่ต้องมาอีกแล้ว”
คำพูดของชายหนุ่มที่เอ่ยขึ้นมาโดยไม่ทันตั้งตัว ทำให้เจียงหว่านหนิงสะดุ้งตื่นและหายง่วงในทันที
“สาวน้อยคนนั้นตอบตกลงจะเป็นแฟนฉันแล้ว” ลี่สิงหยวนยิ้มอย่างอ่อนโยนในแววตา “เสื้อผ้าเครื่องประดับที่เธอวางไว้ที่นี่ อย่าลืมเอาไปให้หมดนะ เดี๋ยวถ้าเธอเห็นเข้าจะไม่พอใจ”
เขายื่นบัตรแบล็กการ์ดใบหนึ่งมา แล้วโยนใส่ตัวเธอ
“สามปีมานี้ลำบากเธอมากนะ” ลี่สิงหยวนพูดด้วยน้ำเสียงเรียบ ๆ “หว่านหนิง ปีนี้เธอก็อายุ 25 แล้ว ไม่คิดจะหาคนที่เหมาะสมแล้วใช้ชีวิตอย่างจริงจังบ้างเหรอ?”
เจียงหว่านหนิงพยักหน้าอย่างเหม่อลอย ความเจ็บปวดลึก ๆ ค่อย ๆ เอ่อล้นขึ้นในใจ
“ถ้าจะแต่งงาน อย่าลืมบอกผู้จัดการของฉันนะ จะได้ให้ซองแต่งงานใบโตกับเธอ” ลี่สิงหยวนดูสดชื่นจนไม่เหมือนกับว่าอดนอนมาทั้งคืน
เขาสวมเสื้อผ้าเรียบร้อย แล้วเลือกเนกไทอย่างตั้งใจ “พวกผู้หญิงอย่างพวกเธอ ชอบดอกไม้อะไรกัน?”
“กุหลาบ?” เจียงหว่านหนิงตอบ
“เชยสิ้นดี” ลี่สิงหยวนแค่นหัวเราะเบา ๆ “ถังถังไม่เหมือนเธอ เธอตามจีบยากขนาดนั้น นิสัยก็หยิ่งในศักดิ์ศรีและดื้อรั้น แน่นอนว่าไม่ชอบดอกไม้ที่เชยแบบนี้หรอก”
พูดจบ เขาก็ไม่รอให้เจียงหว่านหนิงพูดอะไรต่อ แล้วเดินออกจากห้องไป
“ซี๊ด...”
เจียงหว่านหนิงขาอ่อนแรงจนแทบยืนไม่ไหวขณะลุกลงจากเตียงใหญ่ กล้ามเนื้อน่องก็สั่นระริกไม่หยุด
เมื่อเดินเข้าไปในห้องน้ำ เธอมองร่างในกระจกที่เต็มไปด้วยรอยจ้ำจุดทั่วร่าง แล้วถอนหายใจเบา ๆ อย่างจนปัญญา
ที่แท้...ก็ได้นอนกับลี่สิงหยวนมานานถึงสามปีแล้ว
พวกเขาเป็นเพื่อนเล่นตั้งแต่เด็ก เติบโตมาด้วยกัน
ในช่วงปิดเทอมฤดูร้อนหลังสอบเข้ามหาวิทยาลัย เธอรวบรวมความกล้าจะสารภาพรัก แต่ลี่สิงหยวนกลับคล้องแขนโอบไหล่เธออย่างคล่องแคล่วแล้วพูดว่า
“วันนี้แม่ฉันถามว่า เราสองคนกำลังคบกันอยู่หรือเปล่า ตลกจริง ๆ ฉันสนิทกับเธอขนาดเหมือนเพื่อนชาย จะไปรักกันได้ยังไงล่ะ!”
ต่อมา เจียงหว่านหนิงเลือกสมัครเข้าเรียนที่วิทยาลัยนาฏศิลป์ซึ่งอยู่ไกลจากบ้าน ตลอดสี่ปีในมหาวิทยาลัย ทั้งสองได้เจอกันแค่ช่วงปิดเทอมฤดูหนาวเท่านั้น
หลังจากได้รับสิทธิ์เรียนต่อปริญญาโทโดยไม่ต้องสอบ เธอฉลองกับเพื่อนจนเมามาย ขณะเดียวกันในคืนนั้น ลี่สิงหยวนซึ่งกำลังจะลงแข่งในวันรุ่งขึ้นก็ถูกคู่แข่งวางยา
พวกเขาเผลอนอนด้วยกันโดยไม่ตั้งใจ
หลังจากตื่นขึ้นมา เขาบอกว่าจะรับผิดชอบ: ถ้าจนถึงอายุ 25 แล้วทั้งสองฝ่ายยังไม่เจอคนที่ชอบ งั้นก็คบกันเถอะ
เจียงหว่านหนิงใจร้อนชั่ววูบ เลยตอบตกลงไป
จากนั้น ความสัมพันธ์ที่ไม่ชัดเจนของพวกเขาก็ได้เริ่มต้นขึ้น
ลี่สิงหยวนเป็นนักกีฬาต่อสู้มืออาชีพ ต้องออกกำลังกายหนักอยู่ตลอด ทำให้มีความต้องการทางด้านนั้นมากเป็นพิเศษ
หนึ่งเดือนต่อมา เจียงหว่านหนิงถึงได้รู้ว่าลี่สิงหยวนเป็นโรคเสพติดเซ็กส์
ที่แท้ ยาที่เขาโดนวางในวันนั้น ไม่ใช่อะไรที่จะระบายออกได้หมดในครั้งเดียว
ทุก ๆ หนึ่งสัปดาห์ อาการก็จะกำเริบขึ้นหนึ่งครั้ง
ลี่สิงหยวนพยายามระบายความต้องการผ่านการออกกำลังกาย แต่ก็แทบไม่ได้ผลเลย
ดังนั้น เธอจึงกลายเป็นเครื่องมือให้เขาระบายความใคร่ตามใจชอบ
ตอนนี้ เครื่องมืออย่างเธอ...ก็คงถึงเวลาที่ต้องจากไปแล้วเช่นกัน
เพราะเมื่อครึ่งปีก่อน ตอนที่ลี่สิงหยวนมารับเธอที่มหาวิทยาลัย เขาบังเอิญเจอกับนักศึกษาใหม่ของรุ่นนี้จากวิทยาลัยนาฏศิลป์ คือ สวี่ถังถัง
สาวน้อยคนนั้นปีนี้อายุสิบเก้า ใบหน้าอ่อนเยาว์น่าทะนุถนอมอย่างมาก
ลี่สิงหยวนหลงใหลในตัวสวี่ถังถังทันที ราวกับถูกมนตร์สะกด
เขาใช้ทั้งวิธีอ่อนโยนและกดดันในการตามจีบ แต่สาวน้อยคนนั้นกลับไม่สนใจเลยแม้แต่น้อย
สวี่ถังถังสวมชุดกระโปรงยาวที่ซักจนซีด รองเท้าผ้าใบก็เริ่มล่อน สีหน้าเย็นชาและหยิ่งทะนง “เลิกมารบกวนฉันได้ไหม? ฉันไม่อยากเป็นนกขมิ้นในกรงทองของคนลามกอย่างคุณหรอก”
ความดื้อรั้นแบบนี้ไม่เพียงแต่ไม่ทำให้ลี่สิงหยวนถอยหนี กลับยิ่งทำให้เขารู้สึกกระสับกระส่ายอยากได้เธอมากขึ้นไปอีก
จนกระทั่งช่วงนั้นที่อาการเสพติดเซ็กส์กำเริบ เขายอมใช้แค่รูปถ่ายของสวี่ถังถังเพื่อช่วยตัวเอง ยังดีกว่าขึ้นเตียงกับเจียงหว่านหนิง
เจียงหว่านหนิงหลับยาวไปจนถึงบ่าย ก่อนจะถูกปลุกให้ตื่นด้วยเสียงโทรศัพท์ที่ดังขึ้น
เป็นสายจากแม่เจียงโทรมา
“ฮัลโหล แม่”
“ลูกรัก” เสียงของแม่เจียงดังมาจากปลายสาย “ลูกชายของป้าฮั่วฟื้นแล้วนะ!”
“พี่เยี่ยนชิง...ฟื้นแล้วเหรอ?”
ดวงตาของเจียงหว่านหนิงสว่างวาบ ก่อนจะครุ่นคิดแล้วพูดว่า “แม่ อีกแค่เจ็ดวันหนูก็จะรับปริญญาแล้ว แม่เคยบอกว่าอยากไปตั้งรกรากที่ออสเตรเลียไม่ใช่เหรอ? อีกเจ็ดวัน หนูจะไปกับแม่ด้วยนะ”
แม่เจียงพูดอย่างตกใจว่า “งั้น... แล้วสิงหยวนล่ะ? เขายอมรักทางไกลข้ามประเทศเหรอ?”
“พวกเราเลิกกันแล้ว” เจียงหว่านหนิงยิ้มจาง ๆ
เธอไม่เคยกล้าบอกแม่เลยว่า ที่จริงแล้วเธอกับลี่สิงหยวนไม่เคยคบกันแบบคนรักเลย
“คนดีของแม่ อย่าเสียใจเลยนะ ลูกยังอายุน้อย เดี๋ยววันหนึ่งก็ต้องเจอคนที่ใช่แน่นอน...” แม่เจียงถอนหายใจยาวแล้วพูดว่า “พอจองตั๋วเครื่องบินเรียบร้อยแล้วก็บอกแม่นะ เราจะได้รีบไปออสเตรเลียไปเยี่ยมเยี่ยนชิงกัน”
“ค่ะ”
หลังวางสาย เจียงหว่านหนิงก็เผยรอยยิ้มบาง ๆ ที่มุมปาก
ฮั่วเยี่ยนชิงอายุมากกว่าเธอสี่ปี เขาดูแลเธอเหมือนน้องสาวแท้ ๆ และรู้จักกับเธอก่อนที่เธอจะได้รู้จักลี่สิงหยวนเสียอีก
เมื่อก่อนทุกครั้งที่ลี่สิงหยวนเห็นเธอเล่นอยู่กับฮั่วเยี่ยนชิง ก็มักจะพูดเหน็บแนมแดกดันอยู่เสมอ
เมื่อหกปีก่อน ฮั่วเยี่ยนชิงย้ายตามแม่ไปอยู่ออสเตรเลีย แล้วประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์จนกลายเป็นเจ้าชายนิทรา
หมอบอกว่าโอกาสที่จะฟื้นมีน้อยแทบไม่ถึงหนึ่งเปอร์เซ็นต์
คาดไม่ถึงว่า ปาฏิหาริย์ทางการแพทย์จะเกิดขึ้นกับฮั่วเยี่ยนชิงจริง ๆ
เจียงหว่านหนิงรีบล้างหน้าแปรงฟัน แต่งตัวเรียบร้อย แล้วเก็บข้าวของทุกอย่างที่เกี่ยวกับตัวเองออกจากบ้านหลังนี้ทันที
เธอลากกระเป๋าลงบันไดไป แล้วเห็นลี่สิงหยวนเดินเข้ามาพร้อมกับสาวน้อยหน้าตาน่ารักใสซื่อคนหนึ่ง
สายตาของทั้งสามคนประสานกันพอดี
“เธอ...เธอเป็นแม่บ้านที่นี่...” ลี่สิงหยวนรีบอธิบายให้สวี่ถังถังฟัง
สายตาของสวี่ถังถังจับจ้องไปที่รอยจูบบนลำคอของเจียงหว่านหนิง น้ำเสียงเต็มไปด้วยความผิดหวัง “รุ่นพี่ ฉันเคยชื่นชมพี่มากในฐานะนักเต้นที่เก่งและน่านับถือ ที่แท้ลับหลังกลับเอาร่างกายไปขาย”
เจียงหว่านหนิงถึงกับพูดไม่ออกในชั่วขณะนั้น
สวี่ถังถังหันไปมองลี่สิงหยวนแล้วพูดว่า “คุณลี่ อย่าลืมนะว่าตอนนี้เรากำลังคบกันอยู่ ฉันไม่มีวันตกต่ำถึงขนาดขายร่างกายตัวเองแบบรุ่นพี่คนนี้แน่”
“คุณยังอยู่ในช่วงพิจารณา ถ้ากล้าทำอะไรฉันโดยพลการ เราจะเลิกกันทันที”
“ถังถัง อย่าโกรธเลย เธอไม่เหมือนกับเขา” ลี่สิงหยวนจับมือเธอไว้ “เธอคือแฟนของฉัน”
สวี่ถังถังเชิดหน้าหันไปทางอื่นอย่างหยิ่งยโส แต่สายตายังคงจ้องเขม็งไปที่ถ้วยรางวัลคริสตัลในมือของเจียงหว่านหนิง
เธอก้าวขึ้นมาข้างหน้าอีกก้าว แต่เสียหลักจนร่างเซและล้มพุ่งเข้าหาเจียงหว่านหนิง
‘โครม——’
เสียงถ้วยคริสตัลแตกกระจายดังขึ้นเมื่อตกกระแทกลงบนกระเบื้อง