เนตราที่ตื่นมาพร้อมกับความจำแค่สมัยมหาวิทยาลัย คนที่อยู่ข้างเธอคือชวินทร์ เขาบอกความจริงที่น่าตกใจว่าทั้งสองเป็นแฟนกัน แถมพาตัวตัวเองกระแซะเข้ามาใกล้ ท่ามกลางความสับสนและงงของเธอ ก็เขาน่ะเพลย์บอยตัวพ่อ ส่วนเธอเป็นผู้หญิงระดับกลางๆ ไหงมาคบกันได้ล่ะ
เนตราที่ตื่นมาพร้อมกับความจำแค่สมัยมหาวิทยาลัย คนที่อยู่ข้างเธอคือชวินทร์ เขาบอกความจริงที่น่าตกใจว่าทั้งสองเป็นแฟนกัน แถมพาตัวตัวเองกระแซะเข้ามาใกล้ ท่ามกลางความสับสนและงงของเธอ ก็เขาน่ะเพลย์บอยตัวพ่อ ส่วนเธอเป็นผู้หญิงระดับกลางๆ ไหงมาคบกันได้ล่ะ
ภาพแรกที่ค่อยๆ แจ่มชัดในสายตาเนตราคือ แสงไฟสว่างจ้าจากหลอดฟูลออเรสเซนต์ในห้องขาว
เธอกระพริบตากลมโตถี่ๆ เรียกสติคืนจากความง่วงงุน ศีรษะหนักอึ้ง คอแห้งเหมือนคนหลงในทะเลทรายมานาน
เมื่อสายตาชินกับแสงจึงเห็นสภาพห้อง เธอนอนบนเตียง มีขวดน้ำเกลือแขวนเหนือศีรษะ สายเล็กเรียวมาหยุดอยู่ที่กลางแขนขวา
ทีแรกคิดว่าตนเองอยู่ลำพัง แต่เหลือบเห็นประตูกระจกกั้นระเบียง ใครบางคนยืนอยู่ด้านนอก
“มีใครอยู่บ้างคะ สวัสดีค่ะ”
อยากลุก แต่จนด้วยเนื้อตัวระบมไปหมด ได้แต่ส่งเสียงทัก ประตูเคลื่อนเปิด เผยให้เห็นสมาชิกร่วมห้อง ชวินทร์! เนตราอ้าปากเหวอ
“จะเอาอะไรเหรอ เดี๋ยวเรียกพยาบาลให้”
เขาเดินมากดปุ่มเหนือหัวเตียง เผยให้เห็นไหล่กว้าง ท่อนแขนเข็งแรง
“นายมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง แล้วฉันล่ะมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง”
คำถามยิงรัวเร็วเกือบเท่าจังหวะการหายใจถี่กระทั้น
“คุณล้ม หัวฟาดกระถางต้นไม้ ผมพามาโรงพยาบาล”
สรรพนามก็เปลี่ยนไป จากที่เคยเรียก “เธอ” กลายเป็น “คุณ” ท่าทีเย็นชาเปลี่ยนเป็นห่วงใย
“หลับไปสองวันเต็มๆ”
“แล้วนายไปเจอฉันหัวฟาดกระถางต้นไม้ได้ยังไง ไหนบอกว่าเราอย่าเจอกันสองต่อสองอีก”
ชวินทร์ขมวดคิ้ว
“อย่างนี้แฟนนายจะคิดยังไง”
ดวงตายาวรีดำสนิทของเขาพินิจเธอแปลกๆ
“แล้วเพื่อนๆ ล่ะ มีใครรู้ว่าฉันป่วยหรือยัง ไปเรียกมาหน่อย จะได้ไม่กลายเป็นว่าเราอยู่ด้วยกัน”
“คุณป่วยนะ ไม่มีใครมาคิดมากหรอก”
“เพราะคิดน้อยนี่แหละถึงได้เกิดเรื่องไง ขอร้องล่ะ เรียกใครสักคนมาเถอะ อย่างน้อยก็มาเป็นพยานว่าเราไม่ได้อยู่กันตามลำพัง”
อาการหนักอึ้งในศีรษะเปลี่ยนเป็นปวดตุบๆ จนต้องยกมือคลึงบริเวณปวดเบาๆ
“นายจะได้ไม่มีปัญหากับแฟน”
“คุณห่วงคนอื่นมากกว่าตัวเองอีกแล้ว”
“ฉันห่วงตัวเองมากกว่า ไม่อยากโดนแฟนนายที่ชื่ออะไรนะ ...เออ ใช่ ชื่อแจงหักอก”
ชวินทร์หรี่ตา
“แฟนผมชื่ออะไรนะ”
“ก็แจงไง”
ใจเจ็บแปลบ เขาจะให้ย้ำชื่อเจ้าของหัวใจตัวเองทำไมหลายรอบ ชวินทร์สูดลมหายใจลึก ก่อนจะพ่นออกมาพร้อมคำถาม
“ดาว วันนี้เดือนปีอะไร”
“หือ”
เธอครางในลำคอ
“ตอบมาเถอะน่า”
“ยี่สิบสี่เมษาสองห้าห้าเจ็ด”
พยาบาลชุดขาวสาวเท้าเข้ามาในห้องเพราะเสียงกดเรียกในทีแรก เนตราหน้าเหรอหรา ขณะชวินทร์เสียงก้อง
“ผมต้องการพบหมอ ด่วนที่สุดครับ!”
แล้วเขาก็หายลับสายตาไปท่ามกลางสีขาวของห้องและชุดพยาบาล หมอเข้ามาตรวจและถามประวัติเธอ สลับกับถามเรื่องทั่วๆ ไป ชีวิตส่วนตัวในมหาวิทยาลัย งานที่อยากทำ ก่อนจะกลับออกไป ปล่อยเธอไว้กับความเงียบในห้อง
“มีใครเห็นโทรศัพท์มือถือฉันไหมคะ”
เนตราเรียกพยาบาลอีกครั้ง
“ไม่ทราบสิคะ ปรกติของส่วนตัวผู้ป่วยจะได้รับคืนวันที่ออกจากโรงพยาบาลค่ะ”
“ฉันมีเรื่องที่จำเป็นต้องใช้จริงๆ ค่ะ จะติดต่อฝ่ายไหนได้บ้าง”
“งั้นต้องให้ญาติไปเซ็นชื่อรับที่ชั้นล่างค่ะ”
เธอมีเสียทีไหนกันล่ะญาติที่ว่านั่น คงต้องรอชวินทร์ เขาเป็นความหวังเดียว ที่เธอไม่อยากจะหวังเอาเสียเลย
ชวินทร์กลับมาในอีกหลายชั่วโมงต่อมา เขาเปลี่ยนชุดใหม่เป็นเชิ้ตขาวทับด้วยสูทสีเทา ยิ่งขับเน้นมาดนักธุรกิจหนุ่ม ตัวเขาหอมกลิ่นฝนจางๆ จนเนตราอาย ด้วยตัวเธอมีแต่กลิ่นยา
“นายช่วยโทรตามเพื่อนคนอื่นให้ฉันหน่อยสิ”
“ทำไม”
“เราจะได้ไม่อยู่ด้วยกันสองต่อสองอีก”
สถานการณ์แบบนี้แหละที่พาไปสู่ “เรื่องนั้น” จนเขาและเธอมองหน้ากันไม่ติด
“คุณป่วยอยู่นะ”
ชวินทร์เลื่อนเก้าอี้กลมมาข้างเตียง แล้วนั่งลง กลายเป็นเธอที่ทอดตามองเขา
“ฉันอยากกลับบ้าน”
เขาสงบ ต่างกับเธอที่ใจเต้นแรงจนกลัวมันจะหลุดจากขั้ว
“หมอขอดูอาการก่อน”
“ฉันเป็นอะไร”
เนตราขยับตัวไปอยู่คนละฝั่งเตียงกับเขา ชวินทร์หลุบเปลือกตาลง ขนตาหนาเป็นแพจนเธออยากยื่นนิ้วไปไล้เล่นเหมือนดังครั้งก่อน กลับมาๆ เนตราบอกตัวเอง ถ้าไม่อยากเสียใจซ้ำสอง
“หมอบอกว่าคุณความจำเสื่อม มันหยุดอยู่แค่ความจำสมัยมหาวิทยาลัย”
“ห๋า”
เธอชี้หน้าตัวเอง ย้ำกับเขาว่านี่เรื่องจริงใช่ไหม ชวินทร์พยักหน้ายืนยัน
“คิดว่าเรื่องอย่างนี้มีแต่ในละครซะอีก”
“แล้วนี่ผ่านมากี่ปีแล้ว หมอบอกไหมความจำฉันจะกลับมาหมดเมื่อไร”
“ตอนนี้ผ่านมาหกปี”
ชวินทร์ทำหน้าปั้นยาก เขากำลังตัดสินใจบางอย่าง
“หมอบอกว่าความทรงจำทั้งหมดจะค่อยๆ กลับมา ระบุเวลาแน่นอนไม่ได้”
เธอได้ยินแล้วค่อยโล่งหน่อย
“แล้วนายมาเจอฉันล้มหัวแตกได้ยังไง”
ห้องเงียบไปครู่ ความกดอากาศหนักๆ ลอยวนเหนือเขาและเธอ เวลาหกปีชวินทร์เปลี่ยนไปมาก ไม่ใช่นักศึกษาหน้าใส เครื่องหน้าบึกบึนเข้มขึ้น มีไรหนวดเขียวจางๆ บริเวณแก้มและเหนือริมฝีปาก
ระหว่างคิ้วปรากฏรอยย่นจางๆ แบบคนคิดมาก ส่วนเธอก็เปลี่ยนไปมากเช่นกัน จากเด็กสาวหลายเป็นหญิงสาว แก้มป่องกลายเป็นเรียว ผิวขาวขึ้นและผอมลง
“เราเป็นแฟนกัน”
เนตราเบิกตาเท่าที่รอยช้ำบนเปลือกตาจะเอื้ออำนวย
“เป็นไปไม่ได้”
นานพอดูกว่าเธอจะหาเสียงตัวเองเจอ ซึ่งก็แหบแห้งเสียเหลือเกิน
“นายจะมาเป็นแฟนฉันได้ยังไง”
เธอพยายามนึก ค้นลึกลงไปในความทรงจำ แต่ได้กลับมาเพียงอาการปวดจี๊ดที่กำเริบขึ้นจนต้องยกมือแตะศีรษะ
“อย่าเพิ่งเครียด หมอบอกว่าหัวคุณกระทบกระเทือน ความทรงจำบางส่วนหายไป”
และเป็นบางส่วนที่สำคัญสุดๆ เสียด้วย
“นายเป็นแฟนกับแจงอยู่นี่”
“ผมเลิกกับเขานานแล้ว”
ชวินทร์เล่าเหมือนกำลังบอกว่าไปซื้อของ ไม่มีอาการหวั่นไหวเมื่อพาดพิงถึงความรักครั้งเก่า
“ฉันเป็นต้นเหตุหรือเปล่า”
เขายิ้มเห็นไรฟัน
“เปล่าหรอก มันมีหลายสาเหตุ อย่าไปคิดถึงเรื่องคนอื่นเลย พักผ่อนเถอะ”
ในสายตาเนตรา ชวินทร์รักแฟนเขามาก เห็นได้จาก “คืนนั้น” ที่เขาคร่ำครวญเรียกชื่อเธอเสียหนักหนา
“แล้วเรามาคบกันได้ยังไง”
ความสงสัยใคร่รู้ตะกุยผ่านช่องท้อง เคลื่อนขึ้นฉายในดวงตา เหงื่อซึมทั้งอยู่ในห้องปรับอากาศ ใจจดจ่อรอคำตอบจากปากเขา ที่นานเหมือนชั่วกัปชั่วกัลป์
“มันไม่ได้เกิดแอคซิเดนท์ระหว่างเรา แบบว่า ...ฉันท้องหรอกนะ”
เธอเดาคำตอบแบบกล้าๆ กลัวๆ คราวนี้ชวินทร์หัวเราะดังพรืด เธอหน้าร้อน อายจนอยากซุกหน้าเข้าผนัง ก็แหม ...นี่มันเป็นมุกคลาสสิคที่ทำให้ผู้หญิงบ้านๆ กับผู้ชายรวยๆ อย่างเขาต้องตกกระไดพลอยโจรต้องมาอยู่ด้วยกันเชียวนะ
“อย่าขำสิ! ฉันซีเรียสนะ” เธอแว้ด กลั้นใจรอคำตอบ
“คุณไม่ได้ท้อง”
เนตราพ่นลมหายใจยาว สบายใจไปเปลาะหนึ่ง
“ผมกลับมาจากอเมริกา เจอคุณ เราต่างไม่มีใครเลยคบกัน”
“ง่ายขนาดนั้นเชียวเหรอ”
เธอจำได้ว่าชวินทร์ก่อนมาคบกับแฟน ...หมายถึงคนก่อนที่เลิกกันไปก่อนจะมาคบกับเธอ เขามีสาวๆ รุมล้อมหน้าล้อมหลัง เรียกว่ามีให้ควงไม่ได้ขาด และสวยๆ ทั้งนั้น ไหงเขามาเลือกเธอล่ะ
“การที่คนเราจะคบกันเป็นแฟนมันต้องยากสักแค่ไหนกันเชียว”
เนตราไม่เคยนึกฝันว่าสักวันหนึ่งจะได้มานั่งคุยกับเขาเรื่องนี้ บนเตียงโรงพยาบาล
“นายกับฉันต่างกันมาก”
“ผมชอบคบกับคนที่อยู่ด้วยแล้วสบายใจ”
เธอแทบละลายกับประโยคนี้ ขณะคนพูดก็เสไม่มองตา บรรยากาศในห้องเต็มไปด้วยความขวยเขิน
“แต่ฉันก็ยังไม่อยากเชื่ออยู่ดี นายมีหลักฐานที่เราคบกันไหม”
ชวินทร์ล้วงโทรศัพท์จากกระเป๋ากางเกง ภาพปรากฏบนจอเป็นภาพเธอกับเขาน่าจะเป็นงานเลี้ยงอะไรสักอย่างเพราะเขาใส่สูทเต็มยศ ขณะเธอสวมแซกเกาะอกสีเหลืองนวลสั้นเสมอเข่า ทั้งสองยืนข้างกันแต่ไม่มีใครยิ้ม
“โทรศัพท์มือถือเครื่องเดิมผมพัง มีแค่นี้ นี่เป็นรูปล่าสุดที่เราถ่ายด้วยกัน”
“ไม่เหมือนคนเป็นแฟนกันเลย”
เธอเพ่งมองภาพนั้น เก็บรายละเอียดไว้ทุกเม็ด
“ผมทำให้คุณโมโหนิดหน่อย ภาพเลยออกมาแบบที่เห็น”
“เราทะเลาะกันเรื่องอะไร”
เนตราจับโทรศัพท์แน่น จนรับรู้ถึงความอุ่นจางๆ
“ผมมาช้า คุณเลยโมโห”
“ปรกติฉันไม่ใช่คนโมโหกับเรื่องเล็กน้อยแค่นี้” เธอค้าน
“เวลานัดกันทีไรผมมักไปสายเสมอ ครั้งนี้คุณเลยโมโหมาก”
เหตุผลพอเข้าใจได้หน่อย
“แล้วฉันล้มหัวฟาดได้ยังไง”
เธอคืนโทรศัพท์ให้ ชวินทร์รับไปเก็บไว้ที่เดิม
“คุณรดน้ำต้นไม้อยู่ พื้นมันลื่นเลยเกิดอุบัติเหตุ”
ทุกอย่างลงล็อก กระทั่งเธอหมดคำถาม
“ฉันอยากกลับบ้าน”
“บอกแล้วว่าหมอให้อยู่ดูอาการก่อน ผมจะจ้างพยาบาลพิเศษดูแลช่วงกลางวัน ตอนกลางคืนผมจะมาอยู่เป็นเพื่อน”
“มะ ไม่ต้องก็ได้”
ถึงเขาบอกว่าเป็นแฟนกัน แต่เนตราก็ยังรู้สึกไม่คุ้นเคย
“นายจะลำบากเปล่าๆ”
“ผมเป็นแฟนดาวนะ เรื่องแค่นี้สบายมาก”
ชวินทร์กลับมาเป็นคนเดิมเหมือนสมัยมหาวิทยาลัย หนุ่มขี้เล่นผู้มั่นอกมั่นใจในตัวเอง
“บางทีถ้าปล่อยให้ฉันอยู่คนเดียว ความทรงจำอาจกลับมาเร็วขึ้น”
มีแววไหววูบในดวงตาคมรี แต่ก็เร็วจนเธอไม่ทันสังเกต
“ถ้าอย่างนั้นก็ได้”
ชวินทร์ลุกขึ้น ยื่นมือดึงแขนเธอมาใกล้ เนตราที่ไม่ทันได้ระวังตัว จึงกลายเป็นพุ่งร่างกระทบอกเขา
“แล้วผมจะมาเยี่ยมใหม่”
ริมฝีปากนิ่มอุ่นจุมพิตหน้าผาก ความร้อนแผ่จากบริเวณเขาสัมผัสจนเนื้อตัวเธอแดงไปหมด
“ดาวรอโน้ตนะ”
โอ๊ย! อาการปวดหัวกลับมาอีกละรอก และดูเหมือนครั้งนี้จะหายยากเสียด้วยสิ เนตราครางในใจ
ตั้งแต่ฉันได้กุหลาบสีม่วงมาอย่างบังเอิญ ฉันก็เริ่มฝันถึง อัศวินชุดดำ แม่มดในกระท่อม แมวดำ ความตายสีเพลิง ...และดวงตาสีฟ้าปริศนาที่ทำใจเต้นแรงคู่นั้น ++++++++++++++++++++++++ เราสบตากัน ดวงดาวสีฟ้าที่ฉันเคยใฝ่ฝัน ดวงดาวที่ฉันอยากเอื้อมให้ถึง "เจ้าเป็นเพื่อนที่ข้าไว้ใจที่สุด" เขาโกหกฉัน เหมือนที่ฉันก็โกหกเขา ตลอดมาฉันไม่เคยคิดว่าเขาเป็นเพียงเพื่อน ผู้คุมปลดโซ่ ทหารเข้ามาล้อมรอบตัวฉัน ผลักขึ้นสู่บันได ที่มีอีกคนยืนอยู่พร้อมขดเชือกหนา ร้อยรัดมัดร่างกายฉันไว้อย่างแน่นหนา ชายอ้วนเตี้ยพล่ามอะไรอีกแล้ว ฉันไม่ได้ยินเพราะเสียงร้องไห้ระงมของหลายคนบนเสาต้นข้าง ๆ บ้างก็ก่นด่า บ้างตะโกนบอกตนไม่ผิด ดวงดาวสีฟ้ายังส่องแสง ขณะในตาฉันกำลังเลือนรางด้วยน้ำสีแดง กลุ่มเส้นไหมสีทองซบลงที่ไหล่เขา ทันใดนั้นดวงดาวสีฟ้าก็กะพริบ หลุบมองเธอในชุดขาว "ประหารแม่มด" ท่านอาจารย์ที่รับเลี้ยงฉันเคยพูดไว้ หากแผลใดทำเราเจ็บมาก ถึงที่สุดแล้วมันจะชา กระทั่งไม่รู้สึกอะไรอีก "ไม่มีแผลใดที่ไม่มีวันหาย" ฉันยิ้ม นึกเยาะเย้ย อาจารย์โกหกเสียแล้ว ตอนนี้ฉันเจ็บมาก เจ็บปวดเหลือเกิน ทำไมยังไม่ชาอีกล่ะ +++++++++++++++++++++++++ ขอให้อ่านสนุก เฌอเลียร์
ชารีญา เปรียบเสมือนเจ้าสาวที่กลัวฝน เธอหนีงานแต่งมาด้วยเหตุจำเป็นบางอย่าง ทว่าเมื่อหลบซ่อนอยู่ในโรงแรมเธอกลับได้มาพบกับเขา มาเฟียร้ายจอมไร้อารมณ์ เดเมียน จัสติน วินด์ทรอฟ ไม่มีอารมณ์ใครและปรารถนาต่อผู้หญิงคนไหนมาก่อน กระทั่งได้มาพบเธอ ผู้หญิงที่มีดวงตาที่เป็นประกายและช่วยปลุกไฟสวาทของเขาให้ตื่นขึ้นมา ค่ำคืนพลาดพลั้งของทั้งคู่ก่อเกิดขึ้นอย่างไม่ทันตั้งตัว แต่เมื่อวันใหม่มาเยือน เธอคนนั้นก็หนีจากไป จนทำให้เขาต้องใช้ทุกวิธีเพื่อตามเธอกลับมา เขายอมกลายเป็นคนเจ้าเล่ห์ มากด้วยแผนการ ยินยอมเป็นมาเฟียที่ชั่วร้ายในสายตาของเธอคนนั้น เพียงเพื่อกักขังเธอไว้ให้อยู่เคียงข้างเขาตลอดไป สถานที่ที่เธอคนนั้นละอยู่ได้บนโลกใบนี้มีเพียงข้างกายเขาเท่านั้น!
วัชรมัยเคยทิ้งไผท ทิ้งลูก แล้ววันนี้กลับมาร้องขอความเป็นแม่อีกครั้ง ไผทจะไม่มีวันให้อภัย! ++++++++++++++++++++++++++ “ฉันไม่รังเกียจหรอกนะ ถ้าเธอจะเคยนอนกับผู้ชายคนอื่น แต่ต้องไม่ใช่ตอนอยู่กับฉัน” ขายาว ๆ ย่างสุขุมเข้ามา หญิงสาวทำตัวลีบเล็ก กระทั่งหลังติดแนบหัวเตียง “ฉันไม่ใช้ผู้หญิงร่วมกับใคร!” “พี่ป้อ...” เอ่ยยังไม่ทันจบ ริมฝีปากซีดก็ถูกประกบด้วยอวัยวะชนิดเดี๋ยวกัน “อื้อ...” ไร้ซึ่งความอ่อนหวาน มีแต่การบังคับดุดัน ไผทดูดดึงริมฝีปากบางจนฮ้อเลือด “เห็นเธอป่วย ว่าจะใจดีให้พักเสียหน่อย แต่ตอนนี้ฉันเปลี่ยนใจแล้ว ถอดเสื้อผ้าออก ฉันจะเช็คของ!” เมื่อจุมพิตอย่างไม่เต็มใจจบลง เสียงทุ้มต่ำดังแหวกเสียงหรีดเรไรข้างนอก ลมเย็นจากเครื่องปรับอากาศหนาวเหน็บชวนขนลุก ไผทแสยะยิ้มร้ายกาจให้คนบนเตียง “ทำสิ ไม่งั้นก็ไสหัวไปออกจากบ้านฉัน ออกไปจากชีวิตลูก” วัชรมัยกลืนทุกความรู้สึกกลับไปในอก มือสั่นถอดเสื้อผ้าออก “จะได้อยู่กับลูก...จะได้อยู่กับปราบ” เสียงในสมองดังก้องสะกดจิตตนเอง เพื่อได้อยู่กับลูก ต่อให้ต้องลงนรกขุมไหนเธอก็จะทน! +++++++++++++++++++++++++++++
ภริยา(ไม่รัก)ของมาเฟีย +++++++++++++++++ “ถ้าฉันไม่มีลูก คุณก็จะไม่มาที่นี่ใช่ไหม” ในใจส่วนลึกคาดหวังคำตอบว่า...ไม่ใช่ เลโอนาร์ดเบนสายตามองเธอนิ่ง “คงจะอย่างนั้นแหละ” ประไพสุดาเม้มริมฝีปากแน่น กายสั่นเทิ้ม “เลโอนาร์ด เบลุซซี่ คุณออกไปจากที่นี่ อย่ามาให้ฉันเห็นหน้าอีก เด็กในท้องนี่เป็นของฉันคนเดียวเท่านั้น ถ้าอยากได้แกก็ฆ่าฉันเสียเถอะ” ดวงตาดำสนิทลุกวาว มองอดีตสามีดังจะสาปส่งให้สลายเป็นจุณ “ฉันเกลียดคุณ!” +++++++++++++
อย่าเข้ามาค่ะ! ความรัก ++++++++++++++++++ เมื่อคนอกหักมาวันไนต์แสตนด์กัน จากที่คิดว่าแค่วันไนต์ กลายเป็นมีภาคสอง หัวใจที่บอบซ้ำสองดวง จะเปลี่ยนไปอย่าไร ในเมื่อต่างฝ่ายต่างเข็ดกับความรัก ++++++++++++++++++++ "ลูกพี่ลูกน้องของคุณทำว่าที่สาวเจ้าของคุณท้องอย่างนั้นหรือคะ" สีหน้าของฤดีรัตน์ตกใจมาก ๆ เจ็บหัวใจแทนเขาเลย "ครับผม แต่ยังดีที่ยังไม่ได้ร่อนการ์ดเชิญ มันโคตรรู้สึกแย่เลยนะ สามเดือนมาแล้วนะ ทุกอย่างก็ยังไม่ดีขึ้นเลย รู้สึกเจ็บอยู่ข้างในเนี่ย" "ฉันเข้าใจคุณเลยค่ะ เพราะของฉันมากกว่าสามเดือน" "แล้วผมจะเป็นอย่างคุณไหม" "ไม่มั้งคะ เพราะคุณดูมีสติมากกว่าฉันเสียอีกค่ะ แค่หาคนใหม่" ชนิษฐากรอกหูเธอทุกวันเรื่องนี้ ทั้ง ๆ ที่ตัวเองก็ทำไม่ได้ แต่เอาคำปรึกษาของเพื่อนมาบอกเขา "หาคนใหม่ยังไง" คิ้วเรียวเลิกขึ้น "หนามยอกให้เอาหนามบ่งยังไงล่ะคะ" ฤดีรัตน์ทำเป็นยกมือป้องปากกระซิบ "ไม่เข้าใจครับ" "คุณก็แค่หาผู้หญิงคนใหม่ ไม่จำเป็นต้องคบก็ได้ค่ะ แค่มาคั่นกลางให้เรารู้สึกดีขึ้น" เธอยักไหล่ แสร้งทำเป็นช่ำชองเรื่องการหาคนใหม่มาดามใจ "แล้วทำไมคุณไม่ทำ" "ก็ฉันยังไม่ได้เจอคนที่ชอบนี่คะ อย่างน้อยก็ต้องชอบก่อน" "ถ้างั้นทฤษฎีนี้ก็ไม่ได้ผลนะ ที่จริงไม่ต้องชอบกันก็ได้มั้ง แค่รู้สึกไม่รังเกียจก็พอ" เขายกเบียร์ขึ้นจิบ ฉุนนิด ๆ ที่ต้องมาฟังทฤษฎีเพ้อเจ้อ "คุณรังเกียจฉันไหม" ฤดีรัตน์หรี่ตาปรือ "ถ้ารังเกียจผมจะให้คุณนั่งโต๊ะเดียวกันเหรอ" "ถ้าอย่างนั้นคืนนี้" หมอคชาจ้องหน้าเธอ "คืนนี้นอนกับฉันได้ไหมคะ วันไนท์สแตนด์ ไม่ผูกมัด ไม่ผูกพัน" +++++++++++++++++++++ มีตัวละครต่อเนื่องจากเรื่อง รักอย่า...หย่ารัก นะคะ อ่านแยกกันได้ค่ะ ไม่งง ขอให้อ่านสนุก เฌอเลียร์
ชนิษฐารักคณิศร แต่เขารักอีกคน อ้อมกอดเขามีให้เธอ แต่ในใจเขาคิดถึงใคร ทำดีสักเท่าไร สุดท้ายคณิสรมองชนิษฐาเป็นเพียงเครื่องมือผลิตลูก การแต่งงานอันหลอกลวงต้องจบลง ถึงเวลาแล้ว ที่เธอจะหย่า! +++++++++++++++++++++++++++++ ชนิษฐาช็อกกับภาพตรงหน้า "ผู้หญิงคนนั้นก็เป็นได้คนผลิตลูก แม่วัวยังไงล่ะคะดิน แต่สำหรับหวาย หวายคือนางในดวงใจของดิน อ้า อะ อะ อะ..." คงจะเป็นสามีของชนิษฐาด้วยที่เด้งเอวตอบกลับการกระทำของสุธาวี เคล้ง... ข้าวของในมือของชนิษฐาร่วงหล่น คณิศรยกหัวขึ้นมาด้วยความตกใจ สายตาของเขาสบต้องสายตากับชนิษฐา ที่ในเวลานี้น้ำตาที่ไหลลงมากลบม่านตา ยืนปากคอสั่น สิ่งที่เกิดขึ้นในหัวของชนิษฐาในตอนนี้ คือหนีไปให้ไกลแสนไกล เธอวิ่งออกจากตรงนั้นอย่างรวดเร็ว ตรงไปที่รถของเธอ แล้วขับออกไป คณิศรผลักตัวของสุธาวี "ออกไป พอได้แล้วหวาย หยุดเถอะ คุณกำลังทำให้ชีวิตผมพัง" "หวายทำพังเหรอคะ พังเหรอคะ ดิน... เราสองคนกำลังมีความสุขด้วยกันต่างหาก ดินยอมรับความจริงเถอะค่ะว่าคุณน่ะขาดหวายไม่ได้" ++++++++++++++++++++++++++++++ ติ๊ง... ติ๊ง... มีข้อความเข้า และทุกวันนี้จะเป็นข้อความจากสินเป็นส่วนใหญ่ คณิศรหยิบมือถือขึ้นมา เมื่อเปิดเข้าไปดู รูปที่บาดตาบาดใจ บาดหัวใจ ผู้ชายคนนั้นเปิดประตูให้กับชนิษฐา เธอหันมายิ้มให้เขา และขึ้นไปนั่ง คณิศรถึงกับทิ้งมือถือ และหลับตาลงทันที เขาเศร้าหม่นในหัวใจมาก ทำไมเป็นแบบนี้ มันจะลงเอยแบบนี้ไม่ได้ ++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
หนูน้อย"อ้ายหลาน"เกิดมาพร้อมกับพลังพิเศษไม่เหมือนใคร แม้นางจะเป็นเพียงเด็กหญิงตัวเล็กๆ แต่นางก็มีพลังมหาศาลสามารถยกกระสอบข้าวด้วยมือเดียว ก้อนหินสิบคนโอบนางก็สามารถยกทุ่มได้อย่างง่ายดาย และจมูกนางไวต่อกลิ่นยิ่งนักแม้สิ่งนั้นจะอยู่ไกลเพียงใดโดยเฉพาะอาหาร นางมีจมูกที่พิเศษสามารถแยกแยะสิ่งมีพิษและไม่มีพิษได้
หลี่เมิ่งเหยาย้อนเวลามาอยู่ในร่าง ของเด็กสาววัยสิบสองปี ในวันที่มารดาอนุผู้โง่เขลา ถูกขับไล่ออกจากจวน โชคยังดีที่ตอนตาย นางสวมกำไลหยกโลกันตร์เอาไว้ มันจึงติดตามนางมาที่นี่ด้วย +++ 1 : มารดาโง่ จนถูกไล่ออกจากตระกูล จวนตระกูลหลี่เจ้าเมืองถัง สตรีสองนางถูกสาวใช้จับคุกเข่าลง ตรงหน้าของหลี่หงซวนเจ้าเมืองถัง ทั้งยังเป็นพ่อสามีของทั้งคู่อีกด้วย ท่านกำลังสอบสวนเรื่องของสะใภ้ใหญ่ของบ้านสาม ถูกฮูหยินรองกับอนุรวมหัวกันลอบทำร้าย ด้วยการวางยาขับเลือดในถ้วยน้ำแกงบำรุงครรภ์ ทำให้นางต้องสูญเสียทารกในครรภ์ไป “ท่านพ่อข้าไม่รู้จริง ๆ ว่านั่นเป็นยาขับเลือด ฮูหยินรองบอกว่าเป็นน้ำแกงบำรุงครรภ์ ให้ข้าเป็นคนนำไปมอบให้ฮูหยินใหญ่ เป็นนางนั่นเอง นางหลอกข้า !” เฉาซูหลิ่งชี้นิ้วไปทางสตรีด้านข้าง ร้อนรนเอ่ยออกมาเหมือนคนไม่ได้รับความเป็นธรรม “อนุเฉาเจ้าอย่ามาใส่ร้ายข้านะ เจ้าทำคนเดียวทั้งนั้นไม่เกี่ยวกับข้าเลย” ฮูหยินรอง ถูซวงอี้ ชี้นิ้วใส่หน้าเฉาซูหลิ่งกลับคืน ต่างคนต่างโยนความผิดให้กัน ฮูหยินผู้เฒ่าหลิวเยี่ยนหนานโบกมือให้คนเข้ามา “ข้าให้โอกาสพวกเจ้าสองคนพูดความจริง แต่กลับไม่มีใครยอมรับความผิดแม้แต่คนเดียว มันน่าจับส่งทางการให้รู้แล้วรู้รอด” พ่อบ้านหลัวให้คนลากสาวใช้คนหนึ่งเข้ามา สภาพของนางถูกทรมานจนเนื้อตัวบวมช้ำไปหมด “เรียนนายท่านข้าให้คนไปค้นห้องสาวใช้ทุกคนในจวน พบเทียบยาซ่อนไว้ใต้หมอน จากห้องของสาวใช้คนนี้ขอรับ” ถูซวงอี้ถึงกับคุกเข่าต่อไปไม่ไหว ทิ้งตัวลงไปนั่งอยู่บนพื้น สาวใช้ที่ถูกทรมานจนสภาพน่าเวทนานั่น เป็นเสี่ยวอิงสาวใช้สินเดิมของนางเอง “ฮูหยินรอง ข้าขอโทษ ข้าทนต่อไปไม่ไหวจริง ๆ ข้าขอโทษ !” เสี่ยวอิงโขกศีรษะลงตรงหน้าของถูซวงอี้แรง ๆ น้ำตาไหลนองหน้าจน แทบไม่เป็นผู้เป็นคนอยู่แล้ว พ่อบ้านหลัวเอ่ย “ข้าให้คนไปถามที่หอโอสถแล้วขอรับนายท่าน เป็นเทียบยาขับเลือดจริง ๆ” หลี่หงซวนมองไปทางบุตรชายคนที่สามของตน พบว่าเขามีสีหน้ากลืนไม่เข้าคายไม่ออก สตรีที่คุกเข่าอยู่ตรงหน้าคือฮูหยินรอง กับอนุภรรยาที่เขารักใคร่ไม่ต่างกัน เหตุใดถึงได้คิดร้ายต่อฮูหยินใหญ่ของเขาได้ เป็นเหตุให้เขาต้องสูญเสียลูกที่อยู่ในท้องของนางไป เดิมทีฮูหยินใหญ่ของเขาก็ตั้งท้องยากอยู่แล้ว เขารอมาตั้งนานกว่าจะมีวันนี้ได้ ไม่คิดมาก่อนว่าจะต้องสูญเสียไปเช่นนี้ “หย่วนเจ๋อนี่เป็นเรื่องในเรือนของเจ้า เจ้าอยากตัดสินเรื่องนี้ด้วยตัวเองหรือไม่” ผู้เป็นบิดาเอ่ยถามบุตรชาย “ไม่ ข้าไม่อยากเห็นหน้าพวกนางอีกต่อไป แล้วแต่ท่านพ่อเถอะขอรับ ข้าขอตัวไปดูฮูหยินใหญ่ก่อน” หลี่หย่วนเจ๋อคำนับบิดา สะบัดแขนเสื้อเดินจากไปในทันที หางตายังไม่แม้แต่จะมองสตรีทั้งสองนาง เฉาซูหลิ่งลนลานตามเขาไป “ท่านพี่ช่วยข้าด้วย ข้าไม่ผิดนะเจ้าคะ ท่านพี่ !” แต่ถูกบ่าวรับใช้ขวางทางเอาไว้ หลี่หงซวน “หยุดโวยวายได้แล้วอนุเฉา เจ้าเป็นคนถือถ้วยน้ำแกงใส่ยาขับเลือด ไปมอบให้ฮูหยินใหญ่ด้วยตัวเอง ยังคิดจะหนีความผิดนี้ไปได้อีกรึ” “ท่านพ่อขะข้าข้า...ไม่ผิด” เฉาซูหลิ่งทิ้งตัวไปด้านหลังอย่างหมดเรี่ยวแรง เดิมทีนางก็ไม่เป็นที่โปรดปรานของพ่อแม่สามีอยู่แล้ว เพราะไม่สามารถให้กำเนิดบุตรชายได้ ครั้นได้บุตรสาวก็นิสัยขี้ขลาดขี้กลัว ไหนเลยจะเชิดหน้าชูตาให้ตระกูลหลี่ได้ เฉาซูหลิ่งนั่งเหม่อลอย คล้ายคนจิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว ขณะที่หลี่หงซวนกำลังประกาศโทษทัณฑ์ของพวกนาง ถูซวงอี้กับคนของนาง ถูกขายออกจากจวน ไปอยู่หอนางโลมอย่างเงียบ ๆ ชาตินี้อย่าได้ก้าวเท้า กลับมาเหยียบที่จวนตระกูลหลี่อีก ส่วนเฉาซูหลิ่งถูกขับไล่ออกจากจวน ไปพร้อมกับบุตรสาว ให้ไปอยู่เรือนร้างของตระกูลหลี่ที่เมืองฉาง ห้ามกลับมาที่ตระกูลหลี่อีกชั่วชีวิต “ท่านพ่อท่านขับไล่ข้าไป ข้ายังพอรับได้ เหตุใดต้องขับไล่เหยาเอ๋อร์ไปด้วย นางเพิ่งจะสิบสองปีเองนะเจ้าคะ” เฉาซูหลิ่งนึกถึงบุตรสาวร่างกายผ่ายผอม นอนซมเพราะพิษไข้อยู่ เกิดนึกสงสารนางขึ้นมาจับใจ ฮูหยินผู้เฒ่าหันไปมองสามีเล็กน้อย นางเห็นเด็กสาวคนนั้นมาตั้งแต่เกิด แม้ไม่ได้เอ็นดูแต่ก็นับว่าเป็นสายเลือดเดียวกัน “ฮูหยินเรื่องนี้ข้าตัดสินใจไปแล้ว ไม่อาจคืนคำได้” คำพูดของประมุขของตระกูล มีหรือใครจะกล้าขัด เฉาซูหลิ่งปล่อยเสียงร้องไห้โฮออกมาดัง ๆ นางโง่งมจนทำให้บุตรสาว ต้องมารับเคราะห์กรรมตามไปด้วย “ลากตัวอนุเฉาออกไป หารถม้าสักคันให้คนส่งนาง ไปที่เรือนร้างเมืองฉาง” คำสั่งของหลี่หงซวนเป็นคำขาด บ่าวไพร่รีบทำตามในทันที ครั้นได้อยู่ด้วยกันเพียงลำพังกับฮูหยินผู้เฒ่า หลี่หงซวนถึงได้บอกเหตุผล ที่ต้องตัดสินใจทำเช่นนี้ นั่นเพราะตระกูลจี้ได้ยื่นคำขาดมา ให้ขับไล่พวกเขาออกไปให้หมด อย่าให้เหลืออยู่แม้แต่ตนเดียว ไม่ต้องการให้คนที่ทำร้ายบุตรสาวของพวกเขา อยู่ระคายสายตาของจี้ชิวหรงอีกต่อไป ฮูหยินผู้เฒ่าแค่นออกมาหนึ่งคำ “อ้างเหตุผลข้าง ๆ คู ๆ ความจริงแล้วต้องการกำจัดอนุในเรือนบุตรสาวทิ้งให้หมด นี่กระทั่งเด็กคนหนึ่งก็ไม่เว้น แต่ก็เอาเถอะ เหยาเอ๋อร์อยู่ที่นี่ ก็ใช่จะมีประโยชน์อันใด นางไม่ได้อยู่ในสายตาของพวกเราด้วยซ้ำ ให้นางไปกับแม่ของนางนั่นแหละดีแล้ว” หลี่หงซวนนั้นเป็นเพียงเจ้าเมืองเล็ก ๆ มีตำแหน่งเป็นขุนนางขั้นที่ห้า ฝั่งตระกูลจี้บ้านเดิมของจี้ชิวหรงนั้น อยู่ในเมืองหลวงมีตำแหน่งใหญ่โตกว่าหนึ่งขั้น เรื่องนี้เขาจึงต้องขบคิด ถึงผลได้ผลเสียในอนาคตอีกด้วย การเสียสละอนุกับหลานสาวคนหนึ่ง เพื่อชดเชยให้แก่คนตระกูลจี้ นับว่าเป็นเรื่องสมควรทำแล้ว “ข้าก็คิดเช่นฮูหยินนั่นแหละ เพียงแต่สะใภ้สามแท้งคราวนี้ ไม่รู้จะยังสามารถตั้งท้องได้อีกหรือไม่ พวกเรารอดูไปก่อนดีกว่า หากนางไม่สามารถตั้งท้องได้จริง ๆ เราค่อยหาอนุมาให้หย่วนเจ๋อภายหลังก็ยังได้ ยามนั้นคนตระกูลจี้จะเอาอะไรมาง้างกับเราได้อีก” “จริงดังท่านว่าเจ้าค่ะ” ฝ่ายเฉาซูหลิ่งที่ถูกคนใช้ ลากตัวออกมาให้เก็บของในเรือน นางส่งเสียงเอะอะโวยวายตลอดทาง พร่ำบอกต้องการพบหลี่หย่วนเจ๋อให้ได้ แต่ถูกสาวใช้ขวางไว้ไม่ให้ไป นางจำใจกลับไปยังห้องนอนของตัวเอง รีบเก็บของสำคัญใส่ห่อผ้าเพื่อออกเดินทาง
เซียวหลิ่นตาบอดจากอุบัติเหตุทางรถยนต์ ลูกสาวคนรวยทุกคนต่างหลีกเลี่ยงเขา มีแต่สวี่โยวหรานยอมแต่งงานกับเขาโดยไม่ลังเล สามปีต่อมา เซียวหลิ่นกลับมามองเห็นได้อีกครั้ง จากนั้รเขา็ยื่นข้อตกลงการหย่าเพื่อยุติการแต่งงานนี้ เขากล่าวอย่างเย็นชาว่า "ฉันพลาดกับชิงชิงมานนานมากพอแล้ว ฉันไม่อยากให้เธอต้องรอนานกว่านี้!" สวี่โยวหรานลงนามในข้อตกลงการหย่าโดยไม่ลังเล ทุกคนต่างก็หัวเราะเยาะเธอตลอด - หัวเราะเยาะว่าที่เธอแต่งเข้าตระกูลเซียวถือว่าเกาะผู้มีอิทธิพลเข้า จากนั้นก็มาหัวเราะเยาะเธอที่ถูกทอดทิ้ง เป็นหญิงที่ไร้ค่า แต่ทุกคนกลับไม่รู้ว่า เธอคือหมออัศจรรย์ที่รักษาดวงตาของเซียวหลิ่นให้หายดี เป็นผู้ออกแบบเครื่องประดับมูลค่าหลักร้อยล้าน ผู้เป็นมือหนึ่งแห่งหุ้นที่ครองตลาดหุ้น และแม้แต่แฮกเกอร์ระดับแนวหน้าและลูกสาวแท้ๆ ของผู้มีอิทธิพล อดีตสามีมาขอร้องขอคืนดี ซีอีโอผู้เผด็จการก็โยนเซียวหลิ่นออกไปนอกประตูอย่างเย็นชา "ดูดีๆ นี่ภรรยาของผม"
เมื่อเซิ่งหนิงเตรียมจะบอกฮั่วหลิ่นเกี่ยวกับการตั้งครรภ์ของเธอ ทว่ากลับพบเขาช่วยพยุงผู้หญิงอีกคนลงจากรถอย่างเอาใจใส่... เคยคิดว่าตนเองอยู่เคียงข้างฮั่วหลิ่นคอยดูแลเขามาสามปี สักวันหนึ่งเขาจะมาสามารถสร้างความประทับใจให้กับเขา แต่สุดท้ายเป็นตนเองที่คิดเองเออเองไปฝ่ายเดียว เซิ่งหนิงตายใจแล้วจากไป สามปีต่อมา ข้างกายของเธมีผู้ชายอีกคนหนึ่ง และฮั่วหลิ่นเสียใจมาก เจาพูดด้วยความโศกเศร้า "เซิ่งหนิง เรามาแต่งงานกันเถอะ" เซิ่งหนิงยิ้มอย่างเฉยเมย "ขออภัยนะคุณฮั่ว ฉันมีคู่หมั้นแล้ว"
หยางซูมี่บุตรีคนโตแห่งจวนเสนาบดี จำต้องแต่งเข้ามาเป็นพระชายาของอ๋องทมิฬตามบัญชาของฮ่องเต้แต่ในเมื่อนางแต่งเข้ามา สามีเฉยชา ไม่สนใจนาง ทั้งยังแต่งชายารองเข้ามา ทำไมนางต้องเอาชีวิตไปผูกกับเขาด้วย
นั่งรีวิวนิยายอยู่ดีๆ จ้าวลี่หลินก็ทะลุมิติมาเกิดใหม่เป็นนางร้ายในนิยายตรงหน้า สวรรค์ข้าเพียงด่านางร้ายผู้นี้ไปสองสามประโยคเท่านั้น เหตุใดต้องกลั่นแกล้งกันถึงเพียงนี้ แล้วสามีผู้นี้มิใช่ว่าเขาคือแม่ทัพผู้เก่งกาจหรือไร เกิดอะไรขึ้นจึงได้มาเป็นชาวสวนแบบนี้ แต่ถึงจะถูกไล่ออกมาเป็นชาวสวนแล้วอย่างไร ไม่ได้เป็นขุนนางก็เป็นคนร่ำรวยได้ มีเงินย่อมมีอำนาจมิใช่หรือ แต่หากอยากกลับไปยิ่งใหญ่อีกครั้งก็ต้องฟังภรรยาอย่างข้า สามี...อยากรวยต้องช่วยข้าทำสวน
© 2018-now MeghaBook
บนสุด