เธอถูกหลอกใช้เป็นสินค้าแลกเงิน! แต่สุดท้ายกลับได้หัวใจของเขามาครอบครองอย่างไม่รู้ตัว .......... “อย่าฉีกเสื้อผ้าของดาวนะ” เธอตวาดเขาทั้งที่ใบหน้าแดงก่ำและหอบหายใจแรง “ดาวเช่าชุดนี้มา ต้องส่งคืน” อลันเลิกคิ้ว มือของเขาเลื่อนไปด้านข้างลำตัวของหญิงสาว พบซิปซ่อนอยู่จึงรูดลงเสียงซิปที่เลื่อนลงนั้นทำให้ดุลยาพยายามดันตัวหนี แต่เขากางขาคร่อมร่างเธอไว้ซ้ำมือก็ยังถูกมัดทำให้ไม่อาจหาหนทางเอาตัวรอดได้ เขาถอดชุดเดรสออกไปพ้นร่างที่ดิ้นรนอยู่ใต้ร่างของเขา ผิวกายขาวกระจ่างที่ปรากฏเบื้องหน้า แม้จะมีชุดชั้นในสองชิ้นปกปิดส่วนสำคัญแต่ทำให้เขารุ่มร้อนแทบคลั่ง “ได้...ผมรับผิดชอบเอง”
ดุลยา จิตรุ่งเรือง ในชุดไทยงดงามกำลังล้างเครื่องสำอางบนใบหน้า เพื่อนนางรำคนอื่นๆ ไปถ่ายรูปเล่นกันสนุกสนานริมหาดทรายแล้ว นานๆ ทีจะได้รับงานต่างจังหวัดสักหน ปกติเธอไม่ค่อยชอบออกต่างจังหวัดนัก แต่หลังจากเรียนจบแล้วยังหางานประจำทำไม่ได้ งานพิเศษที่ทำมาตั้งแต่เรียนมัธยมปลายก็มีเข้ามาเรื่อยๆ เธอจึงลองรับงานไกลบ้านดู
หญิงสาวเป็นนางรำ นอกจากรำงานพิธีต่างๆ งานรำแก้บน แล้วแต่ลูกค้าจะจ้างไป งานรำที่เป็นงานแสดงตามร้านอาหารหรือโรงแรมหรูๆ ก็เคยรับงานมาแล้ว ดุลยามีรุ่นพี่ที่สนิทสนมกันเป็นคนหางานให้ พื้นเพเดิมเป็นสาวเหนือ พ่อของเธอทำงานรับเหมาก่อสร้าง เริ่มจากกิจการเล็กๆ มีคนงานไม่กี่คนก็เริ่มขยายงานใหญ่ขึ้น ไปรับงานในกรุงเทพฯ นานๆ จะกลับบ้านมาสักครั้ง หญิงสาวอยู่กับแม่และปู่ย่าใช้ชีวิตเรียบง่ายค่อยให้พ่อส่งเงินให้เธอกับแม่ใช้อยู่ที่อำเภอเล็กๆ แห่งหนึ่งในจังหวัดแพร่
แต่เมื่อเธอเรียนจบมัธยมต้น และเริ่มใช้ชีวิตนักเรียนมัธยมปลาย ความจริงอันโหดร้ายก็ทำลายครอบครัวของเธอ พ่อกับแม่รักใคร่กันจนกำเนิดเธอขึ้นมานั้นไม่ได้จดทะเบียนสมรส พ่ออ้างว่าเพราะทำธุรกิจเกรงว่าหากวันหนึ่งข้างหน้ามีอะไรเปลี่ยนแปลงจะได้ไม่ทำให้สองแม่ลูกเดือดร้อน แต่กลายเป็นว่า พ่อมีผู้ใหญ่คนใหม่ที่กรุงเทพฯ และจดทะเบียนสมรสถูกต้องตามกฎหมาย
คนที่เคยเป็นเมียหลวงมาตลอด จู่ๆ วันหนึ่งกลับกลายเป็นเมียน้อยเสียอย่างนั้น พ่อบอกให้แม่กับเธออยู่ดูแลปู่กับย่าต่อไป จะคอยส่งเงินมาใช้เรื่อยเหมือนเดิม แต่ในความเป็นจริงแล้วมันไม่มีอะไรเหมือนเดิมอีกแล้ว หัวใจของแม่แตกสลาย ความรักและความศรัทธาที่เธอมีต่อพ่อก็หายไปด้วย พอเรียนจบมัธยมปลาย ความอดทนของแม่ก็ถึงขีดสุด สองคนแม่ลูกหิ้วกระเป๋าออกจากบ้านของปู่ย่ากลับมาอยู่บ้านของตัวเองอีกอำเภอหนึ่ง ประจวบเหมาะกับที่เธอสอบเข้ามหาวิทยาลัยราชภัฏได้ซึ่งใกล้บ้านเดิมของแม่ เธอจึงอยู่กับแม่โดยไม่สนใจคำขอร้องกึ่งบังคับที่พ่ออยากให้เธอกลับไปอยู่ดูแลปู่กับย่า
หญิงสาวถอนหายใจเบาๆ เธอรักปู่กับย่ามาก แม่เองก็เช่นกัน แต่สถานะของแม่กลายเป็นเมียน้อยหรือเมียเก็บที่พ่อเลี้ยงไว้แค่ให้ดูแลปู่ย่าเท่านั้น ด้วยความที่แม่ตรอมใจมานานกว่าจะย้ายออกมาจากบ้านปู่ย่า เมื่อกลับมาอยู่บ้านตัวเองก็ถูกคนรอบข้างนินทาว่าร้าย เธอพยายามเข้มแข็งเพื่อให้แม่ไม่ต้องกังวล การเรียนของเธอดีเยี่ยม เข้ามหาวิทยาลัยแล้วก็ไม่ได้ใช้เงินของพ่ออีก เพราะเธอได้ทุนเรียนดีและเพราะบ้านตากับยายพอมีรายได้จากการทำนาทำไร่อยู่บ้าง แม่เองก็ไม่ได้อยู่นิ่งเฉยกลับมาทำขนมไทยขาย ออกร้านตามงานต่างๆ ดุลยาคิดว่าทุกอย่างกำลังจะดีขึ้นแล้วแท้ๆ แต่สุดท้ายแม่ก็ประสบอุบัติเหตเสียชีวิตกระทันหัน รถมอเตอร์ไซค์ของแม่ถูกรถบรรทุกเฉี่ยว ตอนนั้นเหลืออีกแค่ครึ่งปีเธอก็เรียนจบแล้ว เธอจะเลี้ยงดูแม่ไม่ให้ลำบาก
งานศพของแม่ เธอได้เจอพ่ออีกครั้ง หลังจากไม่ได้พบกันมาหลายปี เธอรู้แค่ว่าพ่อเปิดบริษัทรับเหมาก่อสร้างใหญ่โต แต่เธอก็ไมได้ใส่ใจรายละเอียดอื่นใด พ่อเข้าไปไหว้ตากับยายขอเลี้ยงดูเธอ ให้เธอได้ทำงานดีๆ ในกรุงเทพฯ แต่ถ้าเธออยากเรียนปริญญาโทก็จะส่งเสียเอง ด้วยเหตุผลนี้ตากับยายที่เห็นว่าการเรียนของดุลยาดีเยี่ยมนั้นควรจะได้เรียนต่อสูงๆ หลังเรียนจบแล้วจึงยอมให้เธอมาอยู่กับพ่อที่กรุงเทพฯ
แต่ดุลยามาอยู่กรุงเทพฯ ได้สามเดือนแล้วยังไม่เห็นวี่แววเรื่องที่จะได้เรียนต่อ ส่วนเรื่องงานนั้นคืองานบ้านที่แม่เลี้ยงใช้ให้เธอและงานในบริษัทรับเหมาก่อสร้างของพ่อนั้นเอง เห็นได้ชัดว่าแม่เลี้ยงคนสวยอยากได้เธอไว้ใช้งานและจ่ายค่าแรงเป็นเพียงที่อยู่ที่กินเท่านั้น
‘เรื่องเรียนต่อยังไงก็ได้เรียนแน่ๆ แต่จะรีบเรียนไปไหน เพิ่งเรียนจบมาพักผ่อนสักปีสองปีค่อยเรียนต่อก็ไม่สายไปหรอก’
ดุลยาจำได้ดี นั้นคือเหตุผลที่ทำให้เธอต้องฝืนใจอยู่ใต้หลังคาบ้านเดียวกับแม่เลี้ยงที่อายุมากกว่าเธอแค่แปดปี ตั้งแต่รู้ว่าพ่อทรยศแม่ไปจดทะเบียนสมรสกับผู้หญิงคนอื่น เธอก็ไม่สนใจเรื่องราวของผู้หญิงคนนั้นนัก จนกระทั้งได้มาอยู่รวมกัน แม้จะไม่ถึงกับเป็นแม่เลี้ยงใจร้าย แต่ชี้นิ้วสั่งให้เธอทำงานนั้นมันก็ทำให้เธอรู้สึกไม่ดี ซ้ำพ่อยังไม่เข้าข้างเธออีก แม้กระทั้งค่าใช้จ่ายของเธอ พ่อก็ยังให้แม่เลี้ยงจัดการ ซึ่งก็เป็นแค่ ‘เศษเงิน’ ที่แทบไม่พอใช้จ่ายอะไร จนทำให้เธอต้องมารับงานพิเศษที่เคยทำสมัยเรียน
เห็นทีเธอจะอยู่บ้านหลังนี้ไม่ได้นานจริงๆ
“ดาวไม่ไปถ่ายรูปเหรอจ๊ะ นานๆได้มาทะเลสักหน”
“เดี๋ยวค่อยไปก็ได้ ขอเช็ดเครื่องสำอางก่อน”
“ไปล้างที่บ้านก็ได้นี่” เพื่อนสาวหัวเราะคิกคิก
"ไม่เอาล่ะ หนักหน้ายังไงไม่รู้”
“พวกเราไปถ่ายรูปก่อนนะ”
“จ๊ะ”
ดุลยาได้แต่พยักหน้ารับ เธอไม่ชอบแต่หน้าหนาและจัดจ้านแบบนี้ แต่เพราะงานเธอจึงจำเป็น รอบนี้ได้มาทำงานถึงพัทยา มารำให้นักท่องเที่ยวต่างชาติ VIP ของโรงแรมหรูระดับห้าดาว งานนางรำเป็นรายได้เสริมที่ทำมาหลายปีตั้งแต่อยู่มัธยมปลาย แรกๆ เพราะเธอพอมีพื้นฐานด้านฟ้อนรำเพราะตอนที่อยู่ต่างจังหวัดมีคนเฒ่าคนแก่สอนรำบ้างตามประสาเด็กต่างจังหวัด มีรุ่นพี่ที่รู้จักชวนให้เธอไปรำในร้านอาหารซึ่งแขกส่วนใหญ่เป็นนักท่องเที่ยวต่างชาติ บางคนก็ไปคล้องพวงมาลัยให้นักท่องเที่ยว มันจึงเป็นรายได้เล็กๆ น้อยๆ ของเธอ ที่ไม่กระทบกับการเรียน แม่จึงไม่ห้ามปรามอะไร เธอจึงรับงานมาเรื่อย เข้ามหาวิทยาลัยแล้วก็ยังมีงานรำให้ทำอยู่ ไปๆมาๆ กลายเป็นงานที่เพิ่มรายได้ มีเธอกับเพื่อนๆ หลายสิบชีวิตที่ทำงานแบบเดียวกัน ระหว่างนี้ที่ยังไม่มีงานประจำทำ เธอจึงทำงานรำได้เต็มที่กว่าก่อน เธอไม่ได้รังเกียจงานนางรำ เพียงแค่หวังว่าสักวัน เธอจะหางานประจำมีรายได้เลี้ยงตัวเอง เพียงแค่นั้น
ครั้งนี้ได้มาไกลถึงพัทยา หญิงสาวชอบทะเลแต่ไม่มีโอกาสได้มาเที่ยวบ่อยนัก เพราะพ่อกับแม่เลี้ยงไม่ค่อยชอบ บ่นว่าเหนียวตัว ทำให้เธอพลอยอดไปด้วย แต่ถึงวันนี้จะได้มาโรงแรมหรูหราแต่ก็เพราะเรื่องงาน หญิงสาวเช็ดเครื่องสำอางเสร็จก็ลุกจากหน้ากระจก ตั้งใจเดินไปรวมกลุ่มกับเพื่อนๆ แต่ดูเหมือนคนอื่นทยอยเดินขึ้นจากหาดแล้ว
“อีกครึ่งชั่วโมงกลับนะดาว”
“รับทราบค่ะ”
ดุลยายกมือขึ้นแตะปลายคิ้วเลียนแบบท่าทหารรับคำสั่ง แล้วเดินไปที่ชายหาด ใส่ชุดไทยแบบนี้คนหันมามองหลายคนเชียว แต่ส่วนใหญ่เป็นแขกของโรงแรม แต่เธอก็ชินแล้ว เธอถอดรองเท้าแตะที่สวมอยู่แล้วรั้งชายผ้าถุงให้สูงขึ้นเล็กน้อยเพื่อจะได้ไม่เปียกน้ำทะเล ปล่อยเท้าเปลือยเปล่าให้สัมผัสเม็ดทรายและฟองคลื่น
หญิงสาวรู้สึกถึงสายตาคู่หนึ่งที่จ้องมองอย่างไม่เกรงมารยาท เธอเงยหน้าขึ้น ยกมือขึ้นปัดเส้นผมของตนเองก็เห็นชายหนุ่มร่างสูงในชุดเสื้อยืดกับกางเกงขาสามส่วน ดวงตาคมเข้มคู่นั้นจ้องเธอเขม็ง เธอรู้ว่าเธอออกจะดูแปลกๆ ไปสักหน่อย แต่ไม่ใช่คนบ้าหรือคนอันตรายนะ สายตาของเขาทำให้เธอหลบตาแล้วหมุนตัวเดินกลับขึ้นมาที่ห้องแต่งตัวเพื่อหยิบกระเป๋าเตรียมขึ้นรถเดินทางกลับ
น้องดาว ดุลยาหรือเปล่าคะ” หญิงสาววัยสี่สิบนิดๆ เดินเข้ามาทักด้วยรอยยิ้ม
“ค่ะ” ดุลยายิ้มรับ จำได้ว่าเจอผู้หญิงคนนี้ตอนที่ถ่ายรูปร่วมกับแขกที่เข้ามาชมการแสดง
“ลูกชายพี่ชอบน้องมากเลยค่ะ รบกวนขอถ่ายรูปคู่กับเด็กหน่อยได้ไหมคะ”
ดุลยาเห็นว่ายังพอมีเวลาจึงพยักหน้ารับ ได้ยินว่าคำว่าเด็ก ก็ไม่อยากให้เด็กเสียใจ เธอยอมเดินตามผู้หญิงคนนั้นออกจากห้องแต่งตัว เพียงแต่เดินออกมาได้ไม่กี่ก้าว ร่างก็ถูกโอบรัดจากด้านหลัง ยังไม่ทันตั้งตัว ผ้าผืนหนึ่งก็ถูกปิดครึ่งปากครึ่งจมูก ดวงตากลมโตเบิกกว้างอย่างตกใจ เท้าเล็กๆ เตะไปมาแต่ดูเหมือนจะไม่ช่วยอะไรได้เลย
นางเป็นฮูหยินที่ถูกต้อง แต่เขากลับเฉยชาใส่ มีเพียงบนเตียงเท่านั้นที่เขาเร่าร้อนจนนางแทบมอดไหม้ จ้าวจื่อรั่วอายุเพียงสิบหกปีเป็นลูกอนุของเสนาบดีสกุลจ้าว ถูกสับเปลี่ยนตัวมาเป็นเจ้าสาวมาแต่งงานกับแม่ทัพที่ชายแดนใต้ กู้ตงหยางบุรุษหนุ่มอายุยี่สิบสี่ปีฉายาแม่ทัพปีศาจที่แสนเหี้ยมโหด "เจ้าติดค้างข้า ไม่ว่าจะเล่นลิ้นอย่างไร เจ้าย่อมรู้ดีว่าสกุลจ้าวปลิ้นปล้อน เจ้าอย่าได้หวังว่าจะได้อยู่อย่างสุขสบายเลย" พูดจบชายหนุ่มก็ผุดลุกขึ้นเดินจากไปอย่างรวดเร็ว ทิ้งให้หญิงสาวได้แต่นั่งเพียงลำพัง แม้จะเตรียมใจไว้แล้ว แต่ก็อดเศร้าใจไม่ได้ ชีวิตนางจะได้พบความสุขเช่นคนอื่นบ้างไหม.
มันควรเป็นOne night stand แต่เขากลับไม่ยอมให้จบลงแค่นั้น “ก็บอกแล้วไง ถ้าอยากกัดก็กัดผมนี่ อื้ม” ไรอันพูดเสียงพร่าเร่งขยับเอวสอบถี่รัว ร่องรักคับแน่นดูดรัดลำเอ็นจนทำให้เขาอดกลั้นไม่ไหว กระแทกแก่นกายเข้าไปจนสุดปลดปล่อยน้ำรักในกายสาวพร้อมแหงนหน้าคำรามอย่างสุขสม อยากจะบ้า! ไรอันอดสถบไม่ได้ ยัยพนักงานเวอร์จิ้นทำเขาเสียผู้เสียคนจริงๆ จากที่เคยตั้งกฎให้ตัวเองจะไม่ยุ่งกับพนักงาน ไม่มีเซ็กส์ในที่ทำงาน. 4เรื่องสั้น แนวPWP > >หลงสวาท boss คลั่งรัก / คลั่งรัก น้องเมียแสนหวาน/ เมียเด็กของคุณป๋า / เล่นกับไฟ
พันดาว สตั๊นท์เกิร์ลสาววัยยี่สิบหกปี เธอเข้าวงการบันเทิงตั้งแต่อายุสิบแปดปี แต่ก่อนหน้านี้เธอใช้ชีวิตในค่ายมวยเล็กๆ เธอเป็นเด็กที่ถูกแม่เอามาทิ้งให้ลุงทองดีช่วยเลี้ยง แล้วหายไปไม่ส่งข่าว ด้วยความสงสารลุงทองดีจึงเลี้ยงเหมือนลูก แต่เนื่องจากสภาพร่างกายบอบช้ำ จึงผันตัวเองมาครูมวยแทน ประจวบกับรุ่นน้องเปิดโรงเรียนสตั๊นท์แมนให้ลุงทองดีเป็นครูสอนเทคนิกการป้องกันตัว เบื้องหน้าพันดาวจะเป็นสาวห้าญไม่มีใครกล้าเข้าใกล้ แต่เธอมีคนรักที่คบหาตั้งแต่อยู่โรงเรียนสอนสตั๊นท์แมนด้วยกัน แต่ตอนนี้เขากลายเป็นพระเอกละครสุด Hot ในวันที่ทั้งคู่เดินทางไปเข้าฉากสำคัญที่ประเทศจีน พันดาวได้เห็นภาพบาดตาที่คนรักนอกใจ และวันนั้นเกิดอุบัติเหตุไม่คาดฝัน ระเบิดทำงานผิดพลาดพาให้ดวงจิตของพันดาวทะลุมิติมายังดินแดนที่ไม่มีบันทึกไว้ในประวัติศาตร์ พันดาวฟื้นตื่นมาอยู่ในร่างเด็กสาวอายุสิบหกนามว่า เหมยซิง เมืองที่พันดาวไม่รู้จัก ทุกอย่างประหลาดไปหมด ราวกับตัวเองอยู่ในภาพยนตร์จีนกำลังภายใน พล็อตละครแนวย้อนยุคทะลุมิติเคยเห็นมาเยอะแล้ว แต่ทำไมหญิงสาวอย่างเธอต้องมาดูแลชายร่าง ‘ผัก’ อย่างเขา! รับภารกิจส่งร่างผักกลับเมืองหลวง! บุรุษคนหนึ่งแต่งงานมีภรรยาได้หลายคนเป็นที่ยอมรับได้ แต่สตรีนางหนึ่งจะรักใคร่ชายสองคนไม่ได้ คิดถึงเรื่องนี้นางก็อยากเอาหัวโขกต้นไม้ใหญ่ให้ได้สติ นางไม่ใช่หญิงมากรักสองใจนะ! นางแค่...แค่ไม่รู้ว่าตนเองคิดอย่างไรกันแน่.
หมอสาวสู้ชีวิตแต่อกหักทั้งที่ยังไม่ได้บอกรัก เผลอOne Night Standกับผู้ชายคนหนึ่ง ใครเลยจะรู้ว่าเป็นพรหมลิขิตหรือเวรกรรม ทำให้เธอมาเจอกับมาเฟียหนุ่มที่ไม่ยอมปล่อยให้เรื่องของคืนนั้นผ่านเลยไป . . . . "คุณนี่นะเอาใจผู้หญิงไม่เก่ง" เธอทำจมูกย่นใส่เขา "ผิดแล้วผมเอาใจไม่เก่งแต่เอาเก่งนะ เรื่องนี้ผมมั่นใจ" "อีริค!" เธอขึงตาใส่ด้วยใบหน้าแดงเรื่อ "ให้ตายสิ" เขาพึมพำ "ผมเองก็ไม่เคยเป็นแบบนี้มาก่อน ทำไมถึงกลายเป็นแบบนี้ไปได้นะ คุณร่ายมนตร์ใส่ผมหรือเปล่า" "คุณเชื่อเรื่องไร้สาระพวกนั้นด้วยหรือคะ?" "แต่ก่อนผมไม่เคยเชื่อเรื่องdestiny แต่การได้พบคุณมันอยู่นอกเหนือความคาดหมาย บางทีพรหมลิขิตอาจมีจริงก็ได้" หญิงสาวได้แต่อมยิ้ม นั้นสิ ผู้หญิงจืดชืดอย่างเธอได้เจอกับผู้ชายสุดเพอร์เฟกต์อย่างเขาได้ ถ้าวันนั้นก้องภพไม่ประกาศตัวคนรัก เธอคงไม่อกหักจนเสียการควบคุมแล้วได้เจอเขาที่หน้าลิฟต์พอดีอย่างนั้น แถมเจอกันด้วยความบังเอิญอีกด้วย
“เมื่อชะตากำหนดมาให้ทั้งสองครองคู่ ไม่ว่าจะพลัดหลงกันไปทางใดก็ย่อมได้กลับมาพบกันอีกครา” เรื่องราวความรักของหลัวเสี้ยวเวยและหยางเหลาหู่ คู่หมั้นคู่หมายที่มิเคยได้พบหน้า แม้เดิมทีหยางเหลาหู่คิดว่านางตายไปแล้ว แต่ไม่รู้เลยว่า ‘สาวใช้’ ที่เขารับเข้ามาทำงานนั้นจะเป็นคู่หมั้นของเขาเอง เมื่อชะตากำหนดให้ทั้งสองได้เป็นคู่ชีวิต แต่กว่าจะถึงจุดนั้นได้ต้องมาคอยลุ้นกันว่า สาวใช้ตัวจิ๋วกับคุณชายใหญ่แห่งป้อมพยัคฆ์ทมิฬจะลงเอยอย่างไร ....... “นั้นของข้ามิใช่รึ” เขาปลดสายจูงม้า เห็นนางกินพุทราเชื่อมท่าทางเอร็ดอร่อยจึงอดหยอกล้อนางไม่ได้ “แค่พุทราเชื่อม ท่านจะแย่งข้ารึ” นางทำท่าหวงขึ้นมา มันก็แค่พุทราเชื่อม แต่นางไม่ได้กินนานแล้วนี่ “แต่นั้นมันของๆ ข้า เจ้าควรให้ข้ากินก่อน” เขาไม่ชอบกินขนมของหวาน แต่เห็นนางหวงแบบนี้แล้วนึกอย่างแย่งชิง หลัวเสี้ยวเวยส่ายหน้าไปมา กลัวถูกแย่งของกินจึงอ้าปากงับพุทราเชื่อมลูกสุดท้ายไว้ในปาก เหลือเพียงไม้เสียบเปล่าๆ ในมือ คิดว่าอย่างไรของอยู่ในปากนางแล้วเขาไม่มีทางแย่งชิงเอาไปแน่ ทว่านางกลับคาดไม่ถึงว่าเขาจะยื่นมือมารั้งท้ายทอยของนางไว้ โน้มหน้าลงมาประกบปากที่เผยอขึ้นอย่าตกใจของนาง เรียวลิ้นหนาตวัดเอาพุทราเชื่อมในปากของนางมาสู่ปากของเขา 'หวานล้ำเกินคาดคิดจริงๆ'
มู่ลี่หยางใช้ชีวิตเป็นพรานป่าหาของป่าไปขายอยู่หลายปี แต่เข้าป่าครั้งนี้เขาได้พบหญิงสาวผู้หนึ่งหมดสติอยู่จึงช่วยนางไว้ ทว่าทันทีที่นางลืมตา นางกลับจำอะไรไม่ได้แม้แต่ชื่อของตัวเอง เขาจึงจำเป็นต้องดูแลนาง แต่ที่ทำให้เขาหนักใจ ก็คือนิสัยนอนละเมอของนาง เหตุใดทุกครั้งที่นางละเมอต้องมาอยู่บนเตียงเขาด้วยเล่า! “พี่ลี่หยาง!” “นอนดีๆ อย่าฟุ้งซ่าน คืนนี้เจ้าต้องพักผ่อน” “ข้ารู้ แต่ไม่ต้องมัดข้าขนาดนี้ก็ได้”" “ไม่ได้” เขาสะบัดมือเพียงคราวเดียว เปลวเทียนในห้องก็ดับลง “หากจะนอนเตียงเดียวกับข้าก็อย่าดื้อ อย่าซุกซน” “พี่ลี่หยาง” เสียงหวานเอ่ยขึ้น “นอนเสีย!” เขาตวาดทีเดียวหญิงสาวก็เงียบเสียงไป แม้ได้เห็นเพียงแผ่นหลังของเขา นางก็มีความสุข ขอเพียงได้ใช้ชีวิตร่วมกัน ไม่ว่าอย่างไร นางก็ยอมทำทุกอย่าง แม้จะถูกมัดเป็นบะจ่างก็ยอม.
เดิมทีนางเป็นทายาทของตระกูลแพทย์เทพ แต่จู่ๆ นางก็กลายเป็นบุตรีของภรรยาเอกจากจวนเสนาบดีที่พ่อไม่สนใจใยดีและแม่ก็เสียชีวิตตั้งแต่ยังนางยังเด็ก ในวันที่นางย้อนยุค นางถูกใส่ร้ายว่าเป็นผู้ร้ายตัวจริงที่สังหารฮูหยินจวนโหว นางพยายามพลิกผัน พลิกสถานการณ์ และพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของนาง นางคิดว่าภาวะที่กลืนไม่เข้าคายไม่ออกนั้นจบลงแล้ว แต่นางไม่รู้ว่าสิ่งที่นางจะต้องเผชิญคือเหวอันไม่มีที่สิ้นสุด เป็นถึงบุตรีของภรรยาเอกจากจวนเสนาบดีกลับมีอันตรายอยู้รอบตัวมากมาย ทุกคนก็รังแกนางได้ พ่อไม่สนใจนางจะเป็นหรือจะตาย แม่เลี้ยงและน้องสาวต่างแม่สนุกกับการทรมานนาง คู่หมั้นชั่วร้ายของนางอยากจะใช้นางเป็นประโยชน์เพื่อขึ้นไปที่สูง และแม้แต่น้องชายแท้ๆ ของนางยังทรยศนาง นางจึงเริ่มต่อสู้กับคนเจ้าเล่ห์ ข่มเหงแม่เลี้ยงของนาง และดูแลน้องชายและน้องสาวของนาง ดังนั้นนางวางแผนที่จะเล่นงานผู้ชายชั่ว เอาคืนแม่เลี้ยง และแก้แค้นน้องๆ ระหว่างที่นางแก้แค้นนั้น นางมีชีวิตที่มีความสุข แต่กลับไม่รู้ว่าไปยั่วยุคนใหญคนหนึ่งเข้าเมื่อไร เมื่อนางจะทำเรื่องไม่ดีหรือฆ่าคน เขาก็ช่วยนางหมด ในที่สุดนางก็อดไม่ได้ที่ถามออกมาว่า "ท่าน แม้ว่าข้าจะทำลายโลกที่ไม่มความยุติธรรมนี้ ท่านก็จะช่วยข้าเช่นกันหรือ" เขาทำหน้าใจเย็น "ตราบใดที่เจ้าอยู่เคียงข้างข้า แม้ว่าจะเป็นโลกใบนี้ ข้าก็สามารถให้เจ้าได้"
หวังฉีหลิน อายุ 25 ปีสาวเจ้าหน้าที่การเกษตรและพ่วงมาด้วยเจ้าของสวนสมุนไพรรายใหญ่ เสียชีวิตกระทันหันหลังจากกลับมาจากท่องเที่ยวพักผ่อนและเธอได้เก็บเอาก้อนหินสีรุ้งมาจากพระราชวังโปตาลามาได้เพียงสามเดือน ด้วยอุบัติเหตุทางรถยนต์ หากตายไปแล้วก็ไม่เป็นไรเพราะเธอเองเติบโตมาอย่างโดดเดี่ยวในสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าจนกระทั่งมีอายุได้ 18ปี ถึงได้ออกไปใช้ชีวิตด้วยตัวเองตอนนี้เธอ ไม่มีอะไรให้ต้องห่วงแล้ว เพียงแต่เสียดายที่เธอยังไม่ได้ทำตามความฝันของตัวเองเลย เฮ้อ ชีวิตคนเรานั้นมันแสนสั้น อายุ25 แฟนไม่เคยมี สามียังอยากได้ ไหนจะลูกๆที่ฝันอยากจะมีอีก คงต้องหยุดความหวังและความฝันเอาไว้เท่านี้ เหนือสิ่งอื่นใด ตายแล้วตายเลยจะไม่ว่า แต่ดันตื่นขึ้นมาในร่างหญิงชาวนายากจน ชื่อหวังฉีหลินเช่นเดียวกับเธอพ่วงมาด้วยภาระชิ้นใหญ่ อย่างสามีที่ป่วยติดเตียงและลูกชายฝาแฝดทั้งสอง แถมยังมีภาระชิ้นใหญ่ม๊ากกกมาก กอไกล่ล้านตัวอย่างพ่อแม่สามีและน้องๆของสามี ที่โดนบ้านสายหลักกดขี่ข่มเหงรังแก เอารัดเอาเปรียบและบังคับแยกบ้านหลังจากที่สามีของนางได้รับบาดเจ็บสาหัส สาเหตุที่หวังฉีหลินต้องมาตายไปนั้นเพราะโดนลูกสะใภ้บ้านสายหลักผลักตกเขาระหว่างที่กำลังยื้อแย่งโสมคนที่หวังฉีหลินขุดมาได้
เสิ่นซือหนิงซ่อนตัวตนไว้ยอมทำทุกอย่างให้ แต่ความจริงใจของเธอกลับถูกสามีทำลายไปหมด และสิ่งที่เธอได้รับนั้นคือข้อตกลงการหย่า ด้วยความผิดหวังเธอจึงหันหลังจากไปและกลายเป็นตัวเองที่แท้จริงอีกครั้ง หลังจากได้เห็นความใกล้ชิดของสามีกับคนรักของเขา เธอก็จากไปด้วยความผิดหวัง จากนั้นเปิดเผยตัวตนที่เป็นนักปรุงน้ำหอมอัจฉริยะระดับนานาชาติ ผู้ก่อตั้งองค์กรข่าวกรองที่มีชื่อเสียง และผู้สืบทอดในโลกแฮ็กเกอร์ อดีตสามีของเธอเลยเสียใจมาก เมื่อเมิ่งซือเฉินรู้ว่าตัวเองทำผิด เขาก็เสียใจมาก หนิง ผมผิดไปแล้ว ให้โอกาสผมอีกครั้งเถอะ ทว่าฮั่วจิ่งชวนขาพิการนั้นกลับลุกขึ้นยืนและจับมือกับเธอว่า "อยากคบกับเธอ นายยังไม่มีค่าพอ"
ลู่เจียหง นักวิทยาศาสตร์ชื่อดังในยุคปัจจุบัน จับผลัดจับพลูลงลิฟต์ก็โผล่ไปยังยุคโบราณ แถมยังอยู่ในชุดเจ้าสาวอีก ถ้าประหลาดแค่นั้นไม่พอคงไม่เป็นไร ถ้าไม่พบว่าตัวเองกำลังถูกตามล่าจากว่าทีสามีที่ยังไม่ทันเข้าหอ งานนี้นางถือคติไม่ยุ่งเกี่ยวต่างคนต่างอยู่ แต่ท่านอ๋องผู้นั้นก็เอาแต่วนเวียนอยู่ข้างตัวนางไม่หยุด แบบนี้นางจะหย่าสำเร็จได้ตอนไหนกัน!!
จือหลินเธอเป็นเด็กกำพร้า ที่ถูกมารดาทอดทิ้งไว้ที่โรงพยาบาลตั้งแต่วันแรกที่ลืมตามาดูโลก ต่อมาทางโรงพยาบาลจึงส่งตัวเธอให้กับสถานสงเคราะห์ พออายุได้สามปี ก็มีองค์กรหนึ่งมารับเลี้ยงตัวเธอ แต่พวกเขาเลี้ยงเธอและเด็กคนอื่นๆ ไว้เพื่อเป็นหนูทดลองเท่านั้น ครั้งแรกที่ถูกนำตัวมา ต่างก็โดนจับฉีดยาเข้าสู่ร่างกาย เพื่อหาเด็กที่เลือดต้านเชื้อที่ฉีดเข้าไปได้เท่านั้น หากร่างกายทนรับไม่ไว้สิ่งที่ทางองค์กรมอบให้คือความตาย จือหลินอาจเป็นเพราะเลือดของเธอพิเศษกว่าเด็กคนอื่น ไม่ว่าฉีดยาตัวไหนเข้าสู่ร่างกายเธอก็ทนรับได้ทั้งนั้น นับจากนั้นมาเธอจึงถูกเลี้ยงดูจากองค์กรมาอย่างดี เรื่องการศึกษาเธอก็สามารถเรียนรู้ทุกสิ่งได้อย่างเต็มที่ แต่เพราะความฉลาดของเธอจึงถูกส่งให้เรียนวิทยาศาสตร์การแพทย์และเรียนแพทย์ควบคู่ไปด้วย เมื่อเรียนจบมาแล้ว จือหลินยังคงทำการให้องค์กรเช่นเดิม แม้จะไม่ได้เป็นนักฆ่าเช่นเพื่อนคนอื่นที่มาพร้อมกัน แต่เธอก็ต้องฝึกไม่ต่างจากพวกเขา ยิ่งเมื่อต้องนำเด็กเข้ามาเป็นหนูทดลองเช่นเดียวกับเธอในตอนเล็ก ต่อให้ไม่อยากทำก็ต้องทำ หากฝ่าฝืนไม่ทำการชิปที่ถูกฝังอยู่ในตัวจะถูกกระตุ้นให้ได้รับความทรมานทันที นานวันเข้า ความดำมืดก็ก่อเกิดในใจ ไม่ว่าจะฉีดยาให้เด็กร้ายแรงเพียงใดจือหลินก็เลิกรู้สึกผิดไปเสียแล้ว เพราะการทำงานของเธอตลอดหลายปีที่ผ่านมาทำให้ทางองค์กรยกย่องและมักจะให้สิ่งดีๆ กับเธอเสมอ เมื่อมีชิปตัวหนึ่งที่ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อฝังมิติอีกห้วงหนึ่งไว้ภายในร่างกาย จือหลินนางก็ได้รับเลือกให้ทดลองใช้สิ่งนี้ด้วยเช่นกัน จือหลินถูกฝังชิปมิติเข้าที่แกนสมองของเธอ ความเจ็บปวดที่ได้รับทำให้เธอแทบสิ้นสติ เมื่อชิปถูกฝังลงไปแล้ว เพียงไม่นานก็มีเสียงจากระบบให้เธอยืนยันตัวตน ก่อนที่จะปรากฏภาพต่างๆ ภายในหัวของเธอ ของจากภายนอกล้วนแต่ถูกส่งเข้าไปเก็บไว้ด้านในได้ทั้งสิ้น หากเป็นเนื้อสด ผักผลไม้ ยังคงความสดอยู่เช่นเดิมแม้จะเก็บไว้นานมากเพียงใด ห้วงมิติของจือหลินเหมือนเป็นห้องสูทในคอนโดของเธอเองที่มีทุกอย่างพร้อมใช้อยู่ภายใน แม้แต่ห้องทดลอง ห้องทำงานของเธอก็ปรากฏอยู่ในนั้นเช่นกัน นับจากนั้นจือหลินจึงซื้อของเขาเก็บภายในมิติของเธอเป็นจำนวนมาก ตัวเธอเพียงผู้เดียวที่สามารถเข้าออกในห้วงมิติได้ วันเวลาผ่านไปจนจือหลินล่วงเข้าวัยสามสิบปี เธอสามารถผลิตยาที่ทำให้ทั่วโลกจับตามองออกมาได้ ยายื้อชีวิตจากความตาย แต่การทดลองของเธอที่ผ่านมาต้องใช้คนจำนวนมากในการเข้าทดลอง จือหลินสามารถยื้อชีวิตของชายชราที่กำลังจะหมดลมหายใจให้กลับมามีชีวิตปกติได้ เมื่อเธอกักตัวเขาไว้ได้หกเดือนเห็นว่าไม่มีสิ่งใดที่ผิดปกติจึงคิดจะปล่อยเขาออกไปใช้ชีวิตเช่นเดิม แต่แล้วสิ่งที่ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น เมื่อชายชราที่กำลังจะเดินออกจากห้องทดลองล้มลงต่อหน้าทุกคนที่เข้าร่วมชื่นชมผลงานของเธอ จือหลินรีบเข้าไปตรวจดูความผิดปกติทันที ก็พบว่าเขาหยุดหายใจเสียแล้ว เจ้าหน้าที่ทั้งหมดจึงต้องพาชายชราคนนั้นกลับเข้าไปในห้องทดลองเพื่อหาสาเหตุ ผ่านไปเพียงสองครึ่งชั่วโมงเขากลับลืมตาขึ้นมาอย่างไม่น่าเชื่อ แต่แววตาที่มองมาทางทุกคนได้เปลี่ยนไป ในดวงตาของชายชราผู้นั้นมีเพียงตาขาวไม่มีตาดำเช่นคนมีชีวิต “เกิดเรื่องอะไรขึ้น” ผู้อำนวยการองค์กรเดินเข้ามาหาจือหลินแล้วเอ่ยถามอย่างตื่นตระหนก เพราะนักข่าวที่ข่าวเชิญมายังอยู่ที่ด้านนอกเพื่อรอฟังคำตอบ “ขอดิฉันตรวจสอบก่อนค่ะ” จือหลินกุมหน้าผากอย่างมึนงง เธอก็ไม่เข้าใจเช่นกันว่าเป็นแบบนี้ไปได้อย่างไร คนทั้งหมดยืนมองชายชราที่เดินท่าทางประหลาดอยู่ในห้องทดลอง ในตอนนี้เขาเริ่มหยิบสิ่งของทำร้ายตัวเองอย่างบ้าคลั่ง เจ้าหน้าที่คนหนึ่งรีบวิ่งเข้าไปในห้องทดลองเพื่อห้ามไม่ให้เขาทำร้ายตัวเอง ชายชราเมื่อได้ยินเสียงคนเดินเข้ามาก็พุ่งเข้ามาหาอย่างรวดเร็ว และเริ่มกัดกินเนื้อตัวของเขาอย่างโหดร้าย คนที่เห็นเหตุการณ์ทั้งหมดต่างยกมือขึ้นปิดปากอย่างตกใจ เพราะกลัวข่าวเรื่องนี้จะรั่วไหล ผู้อำนวยการสั่งให้คนไปแจ้งนักข่าวให้กลับไปก่อน ทางองค์กรจะแถลงการณ์เรื่องนี้ในภายหลัง เจ้าหน้าที่ที่ถูกทำร้ายล้มลงเสียชีวิตไม่นานก็มีสภาพไม่ต่างจากชายชราคนนั้น เสียงวุ่นวายไม่ได้จบลงที่ห้องทดลองของจือหลินเพียงแห่งเดียว เพราะห้องทดลองอื่นก็ล้วนพบเหตุการณ์เช่นนี้ไม่ต่างกัน ผู้อำนวยการจำต้องส่งสัญญาณเคลื่อนย้ายเจ้าหน้าที่ออกจากตึกทดลองให้เร็วที่สุด จือหลินไม่รู้ว่ายาของนางจะสร้างผลเสียมากถึงเพียงนี้ เพราะเจ้าหน้าที่หลายคนล้วนจบชีวิตจนกลายเป็นซอมบี้ไปเสียแล้ว ตึกทดลองถูกปิดตาย เพื่อไม่ให้ซอมบี้ที่อยู่ด้านในออกมาสร้างความเสียหายภายนอกได้ “เรื่องนี้ดิฉันขอจัดการด้วยตนเองค่ะ” จือหลินเดินเข้าไปหาผู้อำนวยการที่ห้องทำงานของเขา เพื่อบอกสิ่งที่เธอคิดว่าอย่างดีแล้วในหลายวันที่ผ่านมา เมื่อเห็นว่าผู้อำนวยการไม่ห้ามในสิ่งที่เธอจะทำจือหลินจึงเดินไปที่หน้าตึกทดลองพร้อมระเบิดเวลาในมือ เธอคิดจะทำลายสิ่งของทุกอย่างที่เธอสร้างขึ้นมาลงด้วยมือของเธอเอง จือหลินเปิดประตูตึกทดลองแล้วรีบปิดลงทันที เธอเดินเข้าไปที่กลางตึกให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ เพราะระหว่างทางเธอต้องคอยต่อสู้กับซอมบี้ที่จะเข้ามาทำร้ายเธอไปด้วย เสียงสัญญาณระเบิดดังขึ้น จือหลินหลับตาลง พร้อมทั้งถอนหายใจให้กับเรื่องราวในชีวิตที่ผ่านมา เสียงระเบิดดังไปทั่วบริเวณพร้อมทั้งตึกทดลองที่ถล่มลงมาจนแทบไม่เหลือซาก “เจ็บชะมัด” จือหลินร้องครางออกมาเบาๆ แต่เมื่อรู้สึกตัวได้เธอก็รีบพยุงตัวขึ้นนั่งอย่างรวดเร็วพร้อมมองไปรอบๆ อย่างไม่อยากเชื่อ เธอคิดว่าตายไปแล้วเสียอีก แต่ทำไมถึงได้มีความรู้สึกเจ็บได้ “นี้มันเรื่องบ้าอะไรอีกว่ะเนี่ย” จือหลินเบิกตากว้างอย่างไม่อยากเชื่อ รอบๆ ตัวเธอในตอนนี้เป็นป่าทึบ มือของเธอก็ไม่ใช่ของเธออย่างแน่นอนเพราะมีขนาดเล็กราวกับเป็นเด็กน้อยคนหนึ่งเท่านั้น ตอนที่เธอมึนงงสับสน เรื่องราวความทรงจำของเจ้าของร่างก็ไหลเข้าสู่หัวของเธอจนต้องลงไปนอนดิ้นกับพื้น
ในการแต่งงานที่ทำข้อตกลงไว้ เจียงหว่านเป็นฝ่ายที่มีใจให้อีกฝ่ายก่อน แต่ตอนที่เธอต้องการเผยเสี้ยนมากที่สุด เขากลับอยู่เคียงข้างคนรักในใจของเขา ในท้ายที่สุด เจียงหว่านก็ตัดสินใจหย่า และเริ่มต้นชีวิตใหม่ เมื่อเผยเสี้ยนรู้สึกตัวขึ้นมา เธอก็จากไปแล้ว เมื่อเผชิญหน้ากับคู่แข่งที่เข้าคิวเพื่อรับป้ายหมายเลข เผยเสี้ยนหยิบเงินร้อยล้านออกมาและพูดว่า "หว่านหว่าน คู่รักก็ต้องเป็นคู่เดิมเราแต่งงานใหม่อีกครั้งได้ไหม"