เธอมีแผนร้าย เขามีแผนรัก สมการนี้จึงไม่ลงตัว
บทที่ 1 มันแค่เริ่มต้น
ความร้อนระอุของเวลาเที่ยงวันกลางเดือนพฤษภาคมทำให้ผู้คนไม่น้อยเลือกที่จะมาอาศัยหลบแดดหาความเย็นจากเครื่องปรับอากาศภายในร้านกาแฟสไตล์วินเทจที่มีบรรยากาศร่มรื่น ซึ่งมีเจ้าของเป็นชายหนุ่มหัวใจสาวที่เปิดร้านนี้ขึ้นเพื่อเป็นอาชีพเสริม นอกจากงานหลักคือเป็นผู้จัดการคิวงานให้กับนักร้องนักแสดงรวมถึงนางแบบและนายแบบในวงการบันเทิง โดยได้ร่วมหุ้นกับเพื่อนสาวคนสนิทผู้มีอาชีพหลักเป็นที่ปรึกษาการวางแผนให้กับบริษัทอสังหาริมทรัพย์ชื่อดัง ส่วนอาชีพรองนั่นคือเปิดร้านขายของที่ระลึกอยู่ที่จังหวัดลำพูน
โต๊ะด้านในสุดติดกระจกใสบานใหญ่ซึ่งคั่นกลางระหว่างระเบียงไม้ยกพื้นสูงกับตัวร้านให้แยกออกจากกันเป็นที่หมายของชายหนุ่มผู้เป็นเจ้าของร้าน ปกรณ์ ตันตระกูล เดินหน้าง้ำขณะที่สองมือใหญ่ยกเครื่องดื่มมาเสิร์ฟลูกค้าสาวที่กำลังก้มหน้าก้มตาอ่านนิตยสารรายปักษ์ด้วยความตั้งอกตั้งใจราวกับกำลังเตรียมสอบก็ไม่ปาน
เสียงวางแก้วเครื่องดื่มตามแรงอารมณ์ทำให้หญิงสาวผู้เป็นถึงลูกค้าระดับวีไอพีในความรู้สึกของชายหนุ่มเงยหน้าขึ้นฉีกยิ้มโชว์ฟันเรียงสวยรับ ดวงหน้านั้นขาวเนียน ดวงตากลมหวานใสถูกคั่นกลางด้วยจมูกโด่ง รับกับริมฝีปากบางที่ยามเผลอใช้ความคิดเจ้าตัวมักจะชอบขบริมฝีปากล่างไว้จนติดเป็นนิสัย เรียวคิ้วโก่งสวยได้รูปกับแพขนตางามงอน ทำให้คนที่พบเห็นอดที่จะอิจฉาในความลงตัวอย่างสมบูรณ์แบบนี้ไม่ได้
“ขอบคุณนะคะเจ๊” เสียงหวานเอ่ยประจบพลางยกแก้วเครื่องดื่มสีขาวขุ่นขึ้นจิบด้วยท่าทางไร้เดียงสา เจ้าของร้านจึงได้ค้อนปะหลับปะเหลือกให้เป็นของแถม
“ย่ะ แม่หุ้นส่วนใหญ่ แค่น้ำแก้วเดียวหล่อนก็ยังไม่มีปัญญาจะยกมากินเองเลยนะยะ”
“โธ่! เจ๊ ยังไงเจ๊ก็ต้องมานั่งกับหนูอยู่แล้วนี่นา เสิร์ฟนิดเสิร์ฟหน่อยทำบ่นไปได้” เมื่อโดนค้อน หุ้นส่วนใหญ่ก็แกล้งทำเป็นค้อนกลับอย่างแง่งอน จนคนโดนค้อนกลับอดที่จะหัวเราะกับท่าทีขี้เล่นของเธอไม่ได้ แล้วชายหนุ่มใจสาวก็ทรุดตัวลงนั่งข้างๆ อย่างที่เธอว่าไว้ไม่มีผิด
พิชชาภรณ์ ปิยะวรนันท์ เป็นหุ้นส่วนครึ่งหนึ่งของร้านกาแฟแห่งนี้ก็จริง แต่หญิงสาวกลับไม่ค่อยได้ลงมาดูกิจการที่นี่มากนัก เนื่องจากต้องคอยดูแลครอบครัวและร้านขายของที่ระลึกที่จังหวัดลำพูน ทำให้พนักงานบางคนของร้านคิดว่าเธอเป็นเพียงลูกค้าธรรมดา
ร่างบางในชุดเสื้อยืดสีโอลด์โรสปาดคอกว้างโชว์ไหล่เนียนข้างเดียวอย่างมีสไตล์กับกางเกงยีนขาสั้นแค่หน้าขาอวดเรียวขาขาวจนเป็นที่อิจฉาของผู้พบเห็นยักไหล่แลบลิ้นให้อีกฝ่ายอย่างทะเล้น ขณะที่ปกรณ์ย่นจมูกตอบกลับเพียงนิดแล้วเบนสายตาไปทางระเบียงด้านนอกของร้านซึ่งจัดไว้สำหรับลูกค้าที่ต้องการใกล้ชิดกับธรรมชาติ บริเวณนั้นเป็นชานไม้ยกพื้นสูง มีลูกค้าหลายคนจับจองเป็นที่นั่งพักระหว่างวันแม้ว่าอากาศของเมืองหลวงจะร้อนระอุแต่จามจุรีต้นใหญ่ที่แผ่กิ่งก้านสาขามาปกคลุมก็ช่วยบดบังไอแดดจนเหลือเพียงบรรยากาศร่มรื่นเย็นสบายซึ่งหาได้น้อยนักในเวลาที่พระอาทิตย์อยู่ตั้งมุมเก้าสิบองศากับพื้นโลก
“แล้วนี่ทำไมถึงได้ลงมาหาฉันแบบไม่บอกไม่กล่าวอย่างนี้ล่ะ” เสียงทุ้มที่พยายามบีบให้เล็กแหลมเอ่ยถามขึ้นด้วยความสงสัย คนที่ลงมาหาแบบไม่บอกไม่กล่าวเงยหน้าขึ้นส่งยิ้มบางๆ ให้ก่อนตอบ
“เบื่อๆ น่ะค่ะ เลยลงมาหา”
“ฉันเดาว่าคงไม่ใช่แค่เบื่อ”
ปกรณ์หันกลับมาถามอย่างรู้ใจ เพราะผู้หญิงอย่างพิชชาภรณ์หากลองได้เอ่ยคำว่าเบื่ออะไรสักอย่างแล้วละก็ เธอจะไม่มีวันหันกลับไปให้ความสนใจมันอีกเลยหรือเรียกอีกอย่างว่ ถูกเขี่ยออกจากสารบบไปเลย และการที่พิชชาภรณ์บอกว่าเบื่อที่มาพร้อมใบหน้าม่อยลงอย่างเห็นได้ชัดนี่ นั่นย่อมหมายความว่ามีเรื่องอะไรบางอย่างที่ไม่สามารถเขี่ยออกไปจากสารบบได้
“หนูก็เบื่อไปหมดนั่นละค่ะ ทั้งคุณพ่อคุณแม่ คุณปู่คุณย่า คุณตาคุณยาย งานที่ร้าน แล้วก็บรรยากาศเดิมๆ ก็เลยลงมาหาเจ๊ไงคะ” ร่ายสมาชิกในครอบครัวครบจบก็แนบหน้าลงซบไหล่อีกฝ่ายอย่างออดอ้อน
แต่ปกรณ์ผู้มีจิตใจเป็นหญิงร้อยเปอร์เซ็นต์รีบชักแขนออกอย่างรวดเร็วพลางส่งค้อนให้อีกที ข้อหาทำเขาผื่นขึ้น เพราะจิตใจเอนเอียงไปเรียบร้อยแล้ว ต่อให้อดีตดาวมหาวิทยาลัยอย่างคนข้างๆ มาฉุดก็ไม่มีวันเปลี่ยนใจกลับไปมาดแมนสมชายชาตรีได้อย่างเด็ดขาด
“โดนบ่นหรือยังไง” ชายหนุ่มเดา แต่คนตัวเล็กส่ายหน้าพลางคิดไปถึงบุคคลที่เธอเพิ่งจากมา
บ้านของพิชชาภรณ์เป็นข้าราชการกันเกือบทั้งบ้าน ตั้งแต่รุ่นคุณปู่ ยกเว้นอยู่เพียงคนเดียวก็คือทายาทของปิยะวรนันท์ซึ่งกำลังนั่งอยู่ตรงหน้าเขานี่เอง โดยพิชชาภรณ์ให้เหตุผลว่าไม่อยากเข้าไปทำงานเช้าชามเย็นชามให้เปลืองงบประมาณของรัฐฯ เล่น
หลังจากเกษียณอายุราชการทั้งปู่ย่าตายายและบิดามารดาก็รวมตัวกันเป็นครอบครัวใหญ่ หลานสาว หรือลูกสาวคนเดียวของบ้านจึงต้องรับหน้าที่ดูแลผู้อาวุโสทั้งหก เนื่องจากบิดามารดาต่างก็เป็นลูกโทนด้วยกันทั้งคู่ สุดท้ายหน้าที่ของทายาทเพียงคนเดียวที่ต้องดูแลและสืบทอดวงศ์ตระกูลจึงตกเป็นของเธออย่างไม่ต้องสงสัย
ทั้งพันธุกรรมทางบ้านของบิดามารดาต่างก็มีความเป็นไปได้ที่จะได้ลูกแฝดด้วยกันทั้งคู่ ทั้งย่าและยายที่เป็นเพื่อนสนิทกันจึงพร้อมใจมีลูกแค่คนเดียวเพราะอ้างว่าดีกว่ามีสามคน เมื่อบิดามารดาของเธอที่ถูกจับแต่งงานกันในเวลาต่อมาก็ใช้เหตุผลเช่นเดียวกันนี้ว่า
‘มีคนเดียวดีกว่า...ไม่อยากได้ลูกแฝด’
สุดท้ายพิชชาภรณ์ก็ถูกเลี้ยงมาท่ามกลางการประคบประหงมของเหล่าผู้อาวุโสทั้งหก ตามที่ปกรณ์แอบตั้งฉายาให้อย่างลับๆ
“หรือว่าถูกบังคับให้ไปสอบเป็นครูที่ไหนอีก”
ด้วยค่านิยมของคนต่างจังหวัดต่อระบบราชการยังมีอยู่มากจึงไม่ใช่เรื่องยากที่ปกรณ์จะคาดเดาเช่นนั้น แต่คนไม่อยากเป็นครูเบ้ปากจะร้องไห้ อาชีพที่ต้องไปรบรากับเด็ก...ตัวเล็กๆ ยังพอว่า แต่ถ้าเฮี้ยวแบบพวกประถมฯ ปลายหรือมัธยมฯ เธอคงอกแตกตายแน่ ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมคุณครูที่สอนระดับมัธยมฯ ถึงได้ดูน่าเกรงขามทั้งวัยวุฒิ คุณวุฒิ และปัญญาวุฒิขนาดนั้น
“แหม! เจ๊ล้อเล่น” ปกรณ์ลากเสียงยาวปลอบใจเพื่อนสาวที่ยกให้เขาเป็นพี่สาว เพราะอีกฝ่ายหวาดกลัวอาชีพนี้จริงๆ
“มันไม่ใช่เรื่องงานหรอกค่ะ เพราะตอนนี้อะไรๆ ก็อยู่ตัวแล้ว ลงทุนกับไอ้เอกก็ได้ผลกำไรดี ร้านที่ลำพูนและสวนส้มก็ทำรายได้โอเค แค่ไม่มีสวัสดิการเหมือนพวกข้าราชการเท่านั้น” พิชชาภรณ์เล่าถึงงานบริษัทที่ลงทุนกับเป็นเอกเพื่อนสนิทในกลุ่มซึ่งเธอนั่งดำรงตำแหน่งที่ปรึกษาด้านการวางแผน และกิจการของครอบครัวที่ลำพูนซึ่งค่อนข้างไปได้ดีทีเดียว แต่ติดอยู่ก็แค่เรื่องที่ทำให้เธอต้องหนีลงมากรุงเทพฯ ในครั้งนี้ นึกถึงแล้วก็ถอนหายใจยาวก่อนจะว่าต่อ “แต่ตอนนี้หนูมีปัญหาใหม่ที่ใหญ่กว่าเดิม”
“ไม่ใช่เรื่องงาน แต่เป็นปัญหาใหม่ที่ใหญ่กว่าเดิม?” ปกรณ์ทวนประโยคนั้นช้าๆ คิ้วเข้มขมวดเข้าหากันยุ่งพร้อมกับเหล่ตามองคนพูดอย่างไม่ไว้วางใจ “ปัญหาอะไรยะ อย่างบ้านหล่อนนี่ยังมีปัญหาอะไรอีกเหรอ หรือว่า...” เขาถามลองเชิงก่อนจะร้องออกมาอย่างตกใจเมื่อคิดว่าคงเหลือเพียงเรื่องเดียวเท่านั้นแล้วที่เป็นเรื่องใหญ่สำหรับคนตรงหน้า “แต่งงาน!”
“เราเลิกกันเถอะ” เขาบอกเธอเช่นนั้น เมื่อถามถึงเหตุผล รมิตาก็ได้รับคำตอบเพียงว่า "พี่เบื่อ"
ในวันแต่งงาน เสิ่นเยวียนถูกคู่หมั้นและน้องสาวของเธอทำร้าย และถูกจำคุกเป็นเวลาสามปีด้วยความทุกข์ทรมาน หลังจากได้รับการปล่อยตัวจากคุก น้องสาวผู้ชั่วร้ายได้คุกคามด้วยชีวิตแม่และพยายามให้เธอมอบตัวกับชายชรา อย่างไรก็ตาม เธอได้พบกับเซียวเป่ยหาน ซึ่งเป็นผู้ทรงอิธิพลที่หล่อเหลาและเย็นชาแห่งแห่งสังคมด้านมืด อย่างไม่คาดคิด และชะตากรรมของเธอก็เปลี่ยนไปตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา แม้ว่าเซียวเป่ยหานจะเย็นชา แต่เขากลับปฏิบัติต่อเสิ่นเยวียนดั่งเป็นสมบัติล้ำค่า นับแต่นั้นมา เธอจัดการคนเสแสร้ง เอาคืนแม่เลี้ยงและไม่ถูกกลั่นแกล้งอีกต่อไป
' "เจ้าชายฮิมราน บิน ฮาเซม อัล-ราชิด" องค์มกุฎราชกุมารแห่งประเทศความาร์ เดินทางมาประเทศไทยเพื่อดูตัวว่าที่เจ้าสาวที่ถูกพระมารดาบังคับให้แต่งงานด้วย เขาเต็มไปด้วยความชิงชังเมื่อเห็นหล่อนเดินเฉิดฉายอยู่ในผับยามค่ำคืน ท่าทางใสซื่อไร้เดียงสาของหล่อนที่พยายามแสดงออกมานั้นไม่ได้ทำให้เขาซาบซึ้งใจแม้แต่น้อย ตรงกันข้ามเขาแทบยากจะอาเจียนออกมา เพราะเขารู้อยู่เต็มอกว่าผู้หญิงอย่างหล่อนไม่มีทางเป็นชายาที่ดีของเขาได้อย่างแน่นอน นอกเสียจาก... นางบำเรอ!
เรื่องราวของใบหม่อนที่ทะลุมิติไปยังโลกสุดแปลกและสุดแสนจะแฟนตาซี ที่สำคัญดันไปเกิดใหม่ในตอนที่กำลังจะคลอดลูก ในชีวิตที่แล้วแม้แต่แฟนยังไม่มีแต่ทำไมพอได้เกิดใหม่ทั้งที ถึงให้เกิดมาในตอนที่กำลังจะคลอดลูกพอดี แล้วสาวโสดอย่างเธอจะทำยังไงดี คลอดลูกออกมาเป๋นแฝดสามว่าลำบากแล้ว แต่ครอบครัวนี้กลับยากจนข้นแค้น นี่ไม่ใช่ว่าพระเจ้ากลั่นแกล้งเธอเหรอ เธอไปทำอะไรให้พระเจ้าโกรธเคืองกัน
ผมต้องทำงานนอกเวลาทุกวันเพื่อหารายได้ประคองชีวิตและจ่ายค่าเรียนมหาวิทยาลัยด้วยตัวเอง เนื่องจากฐานะครอบครัวยากจนและไม่สามารถส่งเสียผมเข้ามหาวิทยาลัยได้ และตอนเรียนที่มหาวิทยาลัย ผมก็ได้พบกับเธอ-สาวแสนสวยที่หนุ่มๆ ทุกคนในชั้นเรียนต่างก็ใฝ่ฝันถึง ไม่เว้นแม้แต่ผมเอง แต่ผมก็รู้ตัวดีว่าตัวเองไม่คู่ควรกับเธอ ถึงอย่างนั้นก็ตาม ผมก็รวบรวมความกล้าสารภาพกับเธอจนได้ สุดท้ายผมนึกไม่ถึงว่าเธอจะยอมตกลงเป็นแฟนกับผม เธอบอกกับผมว่าอยากได้ของขวัญเป็นไอโฟนรุ่นล่าสุด ผมก็ไปรับงานซักเสื้อผ้าให้เพื่อนร่วมชั้นเรียนเพื่อพยายามเก็บเงินซื้อให้เธอจนได้ และในที่สุดหนึ่งเดือนต่อมา ผมก็ซื้อมาได้จริง ๆ แต่ขณะที่ผมกำลังห่อของขวัญเพื่อนำไปมอบให้เธอ ก็พบว่าเธอกำลังมีอะไรกับหัวหน้าทีมฟุตบอลในห้องล็อกเกอร์ เธอเหมือนเปลี่ยนเป็นอีกคนหนึ่งซึ่งผมไม่เคยรู้จักเลย เธอหัวเราะเยาะความโง่เขลาของผม เหยียดหยามศักดิ์ศรีของผม ปล่อยให้เขาซึ่งตอนนี้ได้กลายเป็นแฟนใหม่ของเธอไปแล้ว ทุบตีผม ผมนอนเจ็บอยู่บนพื้นอย่างสิ้นหวัง ต่อมา จู่ ๆ ผมก็ได้รับโทรศัพท์จากพ่อ ตั้งแต่วันนั้น ชีวิตของผมก็ได้เปลี่ยนแปลงไปอย่างกับหนัามือเป็นหลังมือ ใครจะไปรู้ว่า ผมเป็นลูกชายของมหาเศรษฐี
“หยุดทำบ้าๆ นะพี่สิงห์...อ๊อย...” น้ำผึ้งขนลุกซู่ เขาจูบไซ้ซอกคอของหล่อน ขณะหญิงสาวกำลังยืนส่องกระจกอยู่หน้าอ่างล้างหน้า “พี่ขออีกนิด แค่ภายนอกเท่านั้นนะจ๊ะ ไม่เสียหายอะไรนี่นา...นะครับ” พี่เขยปะเหลาะปะแหละอย่างคนเอาแต่ได้ เสียงออดอ้อนอ่อนหวานเริ่มทำให้น้องเมียใจอ่อนหวามไหว ปล่อยให้มือของเขาเคล้นคลึงสะโพกของหล่อนอย่างนึกมันเขี้ยว สอดท่อนแขนเข้ามาระหว่างง่ามก้น หงายฝ่ามือลูบไล้เข้ามาถึงหนอกเนื้ออุ่นจัดอีกครั้ง ตะล่อมล้วงเข้ามาโอบเนินนูนเหมือนหลังเต่า บีบขยำเบาๆ เหมือนจะประมาณความอวบใหญ่ล้นอุ้งมือ “ของผึ้งใหญ่จัง” มือสัมผัสกลีบเนื้อเป็นพูแน่น โหนกนูนและใหญ่กว่าของเจนนี่มากมาย “อ๊าย...” น้ำผึ้งเสียว กระดกก้นขึ้นโดยอัตโนมัติ สิงหาบีบขยำความเป็นผู้หญิงของหล่อนเป็นจังหวะ หัวใจเต้นแรงกับความอวบใหญ่ที่อัดแน่นอยู่ในอุ้งมือของตน “อย่า...พี่สิงห์...หยุดเดี๋ยวนี้นะ เดี๋ยวพี่เจนนี่มาเห็นผึ้งซวยแน่ๆ” น้องเมียร้องห้ามอย่างสับสนใจ ส่ายก้นทำท่าว่าจะดิ้นหนี แต่ช้ากว่ามือใหญ่ของสิงหาอีกข้างที่กดลงบนแผ่นหลังของหล่อนเหมือนจะล็อกกายไม่ให้ขยับหนี
ว่าที่ลูกสะใภ้ไฟแรงสูงเธอต้องเข้ามาอยู่ร่วมบ้านกับว่าที่พ่อผัวหม้ายร้างเมียมานายอรมปี