หมดแล้วใช่ไหมที่จะกลับมาเหมือนเดิม ทุกอย่างช่างเกิดขึ้นเร็วจนไม่ทันได้ตั้งตัว มันเร็วเกินไปที่หญิงสาวจะรับได้ แพรพรรณพยายามพยุงร่างไร้เรี่ยวแรงค่อยๆ ก้าวเท้าเดินลงบันไดแต่ละขั้น ช่างไกลแสนไกล อยากจะหนีไปให้ไกลๆ จากความเจ็บปวดทรมานแบบนี้เหลือเกิน “ทำไมพี่ต้องหลอกแพรด้วย ทำไมต้องโกหกแพร” ร่างบอบบางค่อยๆ ทรุดตัวนั่งลงบนขั้นบันได เธอไม่มีแรงที่จะเดินต่อเพราะความเจ็บปวดที่ระบมจนหัวใจข้างซ้ายตีบตันรัดจนหายใจไม่ออก “ฮือๆ” มือทั้งสองข้างเกาะกรงเหล็กไว้แน่น ความช้ำร้าวรานหัวใจทำให้แพรพรรณอยากระบายความเจ็บจึงใช้ศีรษะโขกกับราวบันไดเสียงดังตึงๆ “เสียงไรวะ?” เสียงสะอึกสะอื้นร้องไห้โหยหวนเหมือนคนเจ็บปวดใกล้ตายดังจนทำให้ชายหนุ่มสูงใหญ่ดูภูมิฐานตกใจ เขาเดินหลงกลุ่ม มองซ้ายหันขวาก็หาทางออกไม่เจอ สงกรานต์จึงยืนเอามือเท้าสะเอวฟังเสียงที่ดังอยู่ไม่ใกล้ไม่ไกล “ลูกจ๋า แม่จะทำอย่างไรดี” ดวงตากลมโตเอ่อล้นน้ำตาก้มลงมองมือของตัวเองที่ลูบหน้าท้อง สื่อให้ลูกในท้องรู้ว่าเธอรักเขามากแค่ไหน “ฮือ มะ แม่ขอโทษ” แพรพรรณเงยหน้ากะพริบตาหลายครั้งเพื่อกักน้ำตาให้หยุดไหลเพื่อจะได้มองรอยด่างบนเพดาน ช่างเหมือนหัวใจของตัวเองที่มันด่างช้ำเป็นสีเลือด หญิงสาวปิดเปลือกตาหยุดสะอื้น แล้วยกมือขึ้นเช็ดน้ำตา มือก็เกาะราวบันไดฉุดตัวเองให้ลุกขึ้นยืน แต่ด้วยที่รีบลุกผสมกับอาการวิงเวียนศีรษะจึงทำให้หน้ามืด คนท้องยืนเซโอนเอนไปมาจน “คุณระวัง!!!” “โอ๊ย!” แพรพรรณสั่นกลัวอยู่ในอ้อมกอดของชายหนุ่มที่ไม่เคยเห็นหน้า หญิงสาวหวาดหวั่น ตากลมโตนั้นเงยมองบันไดสามขั้นที่ตัวเองยืนอยู่ มันสูงมากสำหรับคนท้องอย่างเธอ แพรพรรณค่อยๆ หันกลับมามองคนที่เข้ามารับตัวเธอไว้ ถ้าไม่มีชายคนนี้ เธอคงเสียลูกไปแน่ “คุณเป็นยังไงบ้างครับ?” สงกรานต์กึ่งนั่งกึ่งนอนหลังพิงฝาผนัง ชายหนุ่มเจ็บเล็กน้อยเพราะใช้ร่างกายใหญ่โตรองรับน้ำหนักให้หญิงสาวได้นอนทับบนลำตัว “ลูกแม่” แพรพรรณครางเรียกลูกอยู่ในอ้อมกอดแข็งแรง นั่งใช้สีข้างพิงหน้าอกของชายแปลกหน้าแล้วก้มมองมือสั่นระริกลูบหน้าท้องแบนราบปลอบขวัญคนที่อยู่ข้างใน “จะ เจ็บตรงไหนบ้างครับ” สงกรานต์จ้องมองเรียวหน้าหวานรูปไข่อย่างหลงใหล ใช่ว่าไม่เคยเจอะเจอคนสวย แต่สำหรับผู้หญิงร่างเบาหวิวคนนี้ช่างน่ารักอ่อนหวานถูกใจเขาเหลือเกิน “ฉะ ฉันไม่เป็นไรค่ะ” พยายามขยับตัวออกจากวงแขนของชายหนุ่ม เธอถอยออกมานั่งพับเพียบ ระวังให้มากที่สุดเพื่อจะไม่ให้กระทบกระเทือนถึงลูกในท้อง “ลุกไหวไหมครับ?” สงกรานต์ยิ้มเมื่อเห็นอาการหวาดกลัวของเธอ แต่เขาก็ยื่นมือเข้าไปช่วยฉุดหญิงสาวให้ลุกขึ้นยืน “ขะ ขอบคุณมากค่ะ” “คุณโอเคนะครับ” หนุ่มหล่อเจ้าสำราญได้พินิจมองดวงหน้างามอย่างจริงจังก็นึกพอใจสาวแสนหวานดูจะไร้เดียงสาเข้าเสียแล้ว ไม่นึกเลยว่าการที่มาดูสินค้าผ้าไหมด้วยตัวเอง จะทำให้เขาได้เจอนางฟ้าเดินดิน “ฉันขอตัวนะคะ” เมื่อมีสติ แพรพรรณก็มองหน้าชายหนุ่ม นึกในใจว่าคนหน้าตาหล่อเหลาสูงใหญ่ตรงหน้านี้เป็นใคร และทำงานอยู่แผนกไหน “เดี๋ยวครับ” สงกรานต์รีบก้าวเดินเข้าไปยืนดักหน้าเธอไว้ “มีอะไรเหรอคะ?” แพรพรรณแทบจะเดินชนคนตัวสูงใหญ่ “คือ ผมหาทางออกไม่เจอครับ” “คะ!?” “ครับ เมื่อสักครู่ ผมเดินดูผ้าไหมเพลินไปหน่อยเลยหลงทางน่ะครับ” สงกรานต์ยิ้มอย่างอายๆ พร้อมยกมือขึ้นลูบท้ายทอยแก้เก้อ “คุณเดินไปตามทางที่มีลูกศรสีเขียวตรงพื้นสุดมุมตรงนั้นนะคะ แล้วเลี้ยวซ้าย เดินตรงไปอีกนิดเดียวจะมีลิฟต์ลงไปด้านล่าง” พอชี้มือบอกชายหนุ่ม แพรพรรณก็รีบหันหลังกึ่งเดินกึ่งวิ่งลงบันได แววตาเป็นกังวลเมื่อก้มหน้ามองนาฬิกาบนข้อมือของตัวเอง ‘นี่พี่ฝนต้องหาว่าเราอู้งานอีกแน่เลย’ “เดี๋ยวครับคุณ คุณชื่ออะไรครับ ทำงานอยู่ที่นี่เหรอ ผมชื่อสงกรานต์นะ” สงกรานต์ยืนเกาะราว เขาชะโงกหน้าก้มลงมองขั้นบันไดที่คดเคี้ยวเลี้ยวลดเป็นก้นหอย ชายหนุ่มยิ้มให้เมื่อเห็นเธอหยุดวิ่งแล้วแหงนหน้าขึ้นมามอง…