ทะเลคลั่งอันโหดร้ายพรากพ่อ พรากคนรักจากไปไม่มีวันหวนคืน คุณหนูใบหยก แสงมรกตโดนไล่ออกจากบ้านที่เคยอยู่ตั้งแต่เด็กเพราะแม่เป็นเพียงเมียนอกสมรส หวาดกลัวแต่เธอต้องอยู่ต่อไปเพื่อแม่ที่ตาบอด ทะเลกว้างใหญ่แต่จำทนมองดูเพราะความจำเป็น มันคืองาน วันหนึ่งเธอเจอผู้ชายหน้าตาเหมือนคนรัก แตกต่างที่เขาร่ำรวยล้นฟ้าและเป็นคู่ควงพี่สาว เขาทำให้เธอหวั่นไหว มีรอยยิ้มอีกครั้ง แต่รอยยิ้มนั้นเป็นแค่ภาพลวงตา
เรือนร่างอวบขาวของหญิงสาววัย22 ปี ความสูง163 เซนติเมตร ผิวอมชมพู ในชุดเสื้อยืด กางเกงยีนส์ขาสั้นวิ่งออกมาจากในครัว ทิ้งอาหารที่เตรียมตั้งโต๊ะไว้ ผ่านห้องนอนสองห้องและห้องนั่งดูทีวีเพราะได้ยินเสียงบางอย่างหน้าบ้าน เสียงโครมคล้ายใครเดินชนประตู เธอรู้ดีนั่นคือแม่ที่ตาบอด หญิงสาวพยายามไม่อ่อนแอแม้สงสารแม่มาก หลายปีแล้วที่แม่ตาบอดเธอควรทำใจได้เสียที เหมือนที่เคยสัญญากับตนเองว่าจะอยู่บนโลกนี้ต่อไป ดูแลแม่ให้ดีที่สุด
จากชีวิตคุณหนู แม่เองก็มีชีวิตสุขสบายแต่ทุกอย่างพลันพังทลายลงเพราะขาดพ่ออุ้มชู แม่เป็นเพียงเมียน้อย ไม่เป็นที่ยอมรับของตระกูลย่า ไม่มีพ่อทุกคนก็พร้อมใจกันขับไล่เหมือนหมูเหมือนหมา แม่เป็นคนไม่มีปากเสียงกับใคร ค่ำวันนั้นต้องขึ้นรถแท็กซี่หาโรงแรมกับแม่ตอนกลางคืน มีข้อเสนอหนึ่งถ้าอยู่ต่อต้องทำหน้าที่ให้ นามสกุลแสงมรกต นั่นคือแต่งงานกับผู้ชายที่ไม่ได้รัก ในตอนแรกใบหยกลังเลเพราะไม่อยากให้แม่ต้องลำบากแต่แม่ยืนยันอยากออกมาจากที่นั่น ใบหยกตัดสินใจจากมา เงินในกระเป๋า ในบัญชีพอจะมีบ้าง ไม่ต้องนอนกลางดินอย่างที่ทุกคนตระกูลแสงมรกตอยากให้เป็นแต่คืนนั้นยังจำติดอยู่ในใจ…สมองเธอตื้อไปหมด กอดแม่แน่นตลอดคืนเหมือนเด็กๆ
ฟ้าประดับไปด้วยดวงดาวสวยงามแต่หัวใจเธอมืดมิดเหมือนถนนหนทางไร้ไฟฟ้า ไร้ผู้คน
งานเผาพ่อก็ไม่ได้ไป ถูกกีดกันทุกอย่าง ได้แต่ไปแอบชะเง้อมอง ช่างน่าเวทนาตนเอง ส่วนแม่นั้นเธอรู้ดีเจ็บปวดยิ่งกว่า
สายตาที่เคยสวยของแม่บัดนี้ไร้การมองเห็นเพราะโดนกระจกบาดเมื่อหลายปีก่อน ตอนนั้นไม่ใช่แค่เรื่องพ่อและแม่ที่ทำให้สะเทือนใจ ผู้ชายอีกคนที่ใบหยกหวังสร้างชีวิตร่วมกันก็หายสาบสูญไป
จมหายไปกับทะเลคลั่งในเช้าวันนั้น หรือจมอยู่ใต้ธุลีดินที่ไหนสักแห่งไม่อาจรู้…
พี่หินผาอยู่ที่ไหน หยกขอโทษแม้แต่ร่างพี่หยกก็หาไม่เจอ?
คำถาม คำขอโทษซ้ำซากไม่เคยหายไปไหน ใบหยกแหงนมองเพดานบ้านซ่อนน้ำตา
“หยกเหรอ”
ใบหยกขยับตัวเดินเข้าไปหาแม่ “จ้าหยกเอง แม่อย่าเดินสิจ๊ะ อยากได้อะไรเรียกหยกนะคะ”
“หนูเหนื่อยทั้งวัน แม่ไม่อยากรบกวน หยกปล่อยแม่ให้คุ้นชินกับตัวเองเถอะลูก ไปทำงานของลูกเถอะ แค่หาเงินก็เหนื่อยพอแล้ว”
นางแก้วเก้า อายุ 50 ปี ผมซึ่งเคยดำสนิท ยาวสลวยเป็นเงางามบัดนี้เป็นสีดอกเลา ห้อมล้อมวงหน้ารูปไข่ขาวซีด นางปลดมือเล็กลูกสาวช้าๆ พยายามไต่กำแพงบ้านด้านในไปนั่งที่โซฟา คนเป็นลูกยืนมองน้ำตาคลอ…หยกจะหาเงินที่ไหนมารักษาแม่ให้หาย หยกมันไม่ได้เรื่องจริงๆ อย่างที่คนบ้านพ่อปรามาสไว้
“คุณหนูกำมะลออย่างแกคงได้อดตายแน่ ไม่มีพ่อแล้ว ฉันล่ะสะใจนัก”
คำพูดเหล่านั้นดังก้องหู…แม่เดินไปนั่งที่โซฟาหลับตาเหมือนอยากพักผ่อน ใบหยกเดินเข้าไปในครัว เธอต้องทำทุกอย่างให้ดีที่สุด รีบเตรียมอาหารแต่ไม่วายชำเลืองมองแม่
ชีวิตที่ผ่านมาของแม่เธอจะโทษใครดี พ่อ แม่ หรือย่า ซึ่งกีดขวางความรักที่เกิดขึ้น ย่าช่างใจดำหาผู้หญิงอีกคนมาแต่งงานกับพ่อแม้รู้ว่าตอนนั้นแม่กำลังจะคลอดเธอ
ชีวิตในอดีตสาหัสสากรรจ์มาพอแล้ว อดีตที่เจ็บปวดเธอควรพยายามลืม เพื่อวันข้างหน้าที่รออยู่ หญิงสาวเดินไปถอดปลั๊กหมอข้าวไฟฟ้าเพื่อเตรียมตัวตั้งโต๊ะ
สองมือวุ่นกับมื้ออาหาร เมื่อก่อนไม่เคยหยิบจับของพวกนี้ ชีวิตเปลี่ยน ทุกอย่างก็เปลี่ยน หญิงสาวป้ายเหงื่อที่ใบหน้าเดินไปหยิบจานข้าว
“แม่มากินข้าวได้แล้ว ไหนว่าเก่งถ้าอย่างนั้นเดินมาหาหยกเองนะ”
“หยกจะไปทำงานช่วงบ่ายใช่ไหมวันนี้” แม่ใช้ไม้เท้านำทางมายืนใกล้โต๊ะ ใบหยกตอบว่าใช่ ถามแม่ว่ามีอะไรหรือเปล่า
“ตอนนี้ก็เกือบได้เวลางานลูกรีบกินข้าวแล้วไปเถอะไม่ต้องห่วงแม่หรอกนะ”
ใบหยกนั่งลงตรงข้ามโต๊ะไม้ขนาดเล็กซึ่งมีสี่ที่นั่ง เธอตักอาหารใส่จานให้แม่ ตนเองก็รีบกินเพราะต้องไปทำงานให้ตรงเวลา ไม่ลืมบอกแม่ให้ดูแลตัวเองเพราะอีกสองวันเธอจะกลับขึ้นฝั่ง
ข้าวแกง อาหารง่ายๆ เธอคุ้นชินกับมันแล้วแต่ จะมีความสุขแค่ไหนนะ ถ้าตรงหน้าเธอ คือแม่ที่สดใส สวยสง่าอย่างเมื่อก่อน แม้เงินทอง ความสุขสบายอย่างอื่นจะไม่มี ขอเพียงรอยยิ้มก็พอให้ชื่นใจ
ใบหยกก้มหน้าคิดว่ามันยากเย็นและลืมตัวคิดว่าแม่จะเห็นเมื่อน้ำตาหยดแหมะลงบนโต๊ะกับข้าว
“แม่ยังไงป้าพุฒตาลก็มาอยู่เป็นเพื่อนนะอย่าห่วงเลย”
แม่นั่งเงียบเพราะไม่เห็นด้วยที่เธอต้องเสียเงินทองจ้างคนมาดูแลแม้อาทิตย์ละไม่กี่วันก็เถอะ ใบหยกไม่อยากพูดเรื่องนี้ซ้ำรีบอาบน้ำวิ่งไปอาบน้ำ
ต้องเหนื่อยสักเท่าไหร่เธอไม่มีวันเปลี่ยนใจเรื่องป้าพุฒตาล
อทิตยาคือหญิงสาวที่นายพลภัทรอุปการะไว้ตั้งแต่อายุสิบขวบ เธอรัก เคารพนายพลเหมือนพ่อแต่กลัวคุณหญิง ภรรยานายพลมาก ดังนั้นเมื่อโตเป็นสาวเธอก็ไม่กล้าเข้าใกล้นายพลอีก จนกระทั่งภัทรกร ลูกชายคนโตของนายพลเข้ามาแทรกซึมให้หัวใจที่ว้าเหว่อบอุ่นขึ้น เธอหลงรักเขาอย่างห้ามใจไม่ได้ เธอยอมเป็นคนในความลับ เพื่อรอวันที่จะได้ทะเบียนสมรสจากเขา แต่แล้ววันหนึ่งคนรักเขากลับมา เขาไม่รีรอที่จะมอบเงินให้เธอ ตัดสัมพันธ์ที่เธอหวงแหนลง แล้วเธอจะพูดอะไรได้ นอกจากทำตามที่เขาต้องการ ทว่าเมื่อรู้ว่าตั้งท้องเธอก็เปลี่ยนใจ อยากให้ภัทรกรรู้เรื่องลูก แต่เขากลับคิดว่าเธอโกหกเพราะคิดจะจับเขา หญิงสาวเสียใจมาก เธอยอมไปจากบ้านดลจิตรตามที่คุณหญิงสั่ง เพราะที่นี่ไม่มีใครช่วยเธอได้ นายพลเธอก็ไม่อยากให้เดือดเนื้อร้อนใจเพราะเธอ
กัญญายอมมาเป็นผู้หญิงของรอน กวี อลอนโซแทนน้องเพื่อใช้หนี้ให้พ่อ แม้เธอจะต้องทิ้งรักแรกแต่ก็ไม่สามารถหลีกหนีได้ ทว่าวันหนึ่งกลับเจอว่าน้องสาวและคนรักเก่ากำลังคบหาจะแต่งงานกัน เธอได้รับรู้ที่ผ่านมาไม่มีใครสนใจถึงความเสียสละของเธอแม้แต่น้อย กัญญารู้สึกโดดเดี่ยว เสียใจเป็นที่สุด และในเวลานั้นรอนก็กำลังจะแต่งงาน ยุติความสัมพันธ์กับเธอ ซ้ำจะยกเธอให้ลูกน้องเขา เธอไม่มีค่ากับใครเลยหรือ?
เขาทิ้งเธอไว้ไปในวันฝนพร่ำเพื่อไปหาคนรักที่รอคอยมาเนิ่นนาน ความฝันที่จะได้เคียงคู่พลันมลายลง เธอเป็นแค่คนผ่านทาง เธอจะไม่ร้องไห้ แต่ทำไม น้ำตาไหลไม่หยุดแบบนี้เล่า ------------------------ เพราะยินยอมพร้อมใจเป็นเด็กเลี้ยงของหมอดลทัช เมื่อเขาจะจากไป โดยที่ไม่บอกกล่าวล่วงหน้า ชลรัมภาจำต้องยอมรับความทุกข์ ความปวดร้าวให้ได้ ทว่าเมื่อต้องเจอหน้าเขาอยู่ร่ำไป เพราะเธอคือเพื่อนรักน้องสาวเขา เธอจะทำตัวเช่นไรดี ให้เขาไม่สมเพช ไม่เห็นน้ำตาที่ไม่มีค่าของเธอ
เพราะอนาคตของน้องสาว เพราะแม่ พลอยหวาน สาวสมองขี้เลื่อยจึงต้องมารับกรรมที่ไม่ได้ก่อ คีตะคราม เขาหล่อ แต่เขาร้าย แต่ไม่ปราณีเธอ แม้เป็นผู้หญิงตัวเล็กๆ วันที่หลานชายเขาฟื้นขึ้นมาจากการหลับใหล เธอรู้ว่าตนเองท้อง ทว่าพ่อของลูก คนใจร้ายคนนั้นไม่ยอมรับฟัง เขายังต้องการให้เธอไปให้ไกลตาหลานชายของเขา แต่กลับไปบ้าน สักวันคนบ้านนั้นอาจจะรู้เรื่องน้องสาว ที่ไม่เคยเหลียวแลพี่สาวอย่างเธอ ดังนั้นเธอต้องไปหางาน หาเงินเอาข้างหน้า คลอดลูกเมื่อไหร่ จะเอามาให้พ่อเขาก็แล้วกัน ไม่โกรธแม่ใช่ไหมลูก? เธอน้ำตาไหล เธอหวังลูกจะตอบกลับเป็นประโยคเดียวกับคำถามของเธอ
เรื่องราวของอัญชลียาผู้ซึ่งยึดมั่นในความผูกพัน จนกลายเป็นความรัก แม้รู้ว่าคุณอคินของเรามีให้แค่เงินและสัมพันธ์ทางกายเธอก็ยังไม่เปลี่ยนใจจากเขา จนกระทั่งวันที่ต้องลาจากมาถึง เพราะคนรักที่เขาสัญญาจะแต่งงานด้วยกลับมาจากเมืองนอก ความผูกพันของเธอก็ดูไร้ค่าจนน่าสมเพชตนเอง และเรื่องราวที่เกิดขึ้นมากมายทำให้ความรักกลายเป็นความแค้น เรื่องราวจะเป็นอย่างไรติดตามกันในเล่มนะคะ ------ “ฉันไปนะอันอัน อย่าลืมฝากคีย์การ์ดไว้ที่เคาน์เตอร์นะ” “อะไรกันแค่คีย์การ์ด ฉันจะเอาไปทำไม” อันอัน เช็ดหน้าเดินไปหาเสื้อผ้า ดึงของใช้ตนเองออกมา” “เธอจะโมโหทำไม เอ๊ะ! หรือว่าคิดไม่ทำตามสัญญา อย่าเชียวนะ นั่นๆ ดึงไปให้หมดเลยเสื้อผ้าพวกนั้น” เขายืนมอง ปากก็พูดไล่อีกครั้ง หญิงสาวหันไปมองเขา “เลือดเย็นกับฉันจังเลยนะอคิน ทั้งที่เมื่อคืนปากบอกว่าชอบฉัน” อดไม่ได้จะตัดพ้อ แต่เขาคงฟังเป็นถ้อยคำน่ารำคาญ เพราะหันหลังหนีไปอีกครั้ง หยิบกุญแจรถขึ้น “เวลาเข้าด้ายเข้าเข็ม กำลังมันส์จะให้พูดว่าเกลียดหรือไง เธอเองก็ชอบนี่น่า พอๆ อย่าหาเรื่อง นั่นเช็คนะ ดูแลตัวเองด้วย” อย่างน้อยยังมีน้ำใจ แม้จะออกมาเพราะเธอคาดคั้น อัญชลียาหันมองเช็ค ใจแห้งเหี่ยวเดินเข้าไปแต่งตัว พร้อมกับเจ้าของห้องหรูเดินห่างไป เสียงประตูปิดลง หญิงสาวผู้ไม่เคยแสดงความอ่อนแอ นั่งลงปาดน้ำตา ขอบคุณทุกการสนับสนุนค่ะ ทรายสีรุ้ง
เขารักคนอื่น กำลังจะแต่งงานกัน ในค่ำคืนหนึ่งเธอกลายเป็นของเขาด้วยความงงๆ อยากบอกเขาให้รับผิดชอบ เพราะไม่รู้จะทำอย่างไร แต่คนที่เขาจะแต่งงานเป็นคนที่เธอรัก เคารพ อารยายอมตัดใจ แม้อุ้มท้องและโดนพ่อด่าทอ ทุบตี ว่าแย่งของคนอื่นเธอก็ไม่อาจโต้แย้ง ---------------------- “อย่าเพิ่งไป” มือใหญ่คว้ามือเธอไว้ อารยาสะบัด “จะกลับแล้ว ถ้าคุยเรื่องไร้สาระ” “การที่เรานอนกันดุเดือดคืนนั้น เธอพูดว่าไร้สาระเหรอ ฉันคงจะคิดผิดเสียแล้ว ว่าเธอไร้เดียงสา” ดวงตาคมโตหันไปถลึงตา “พูดอะไรเงียบไปเลยนะ” โยธินหัวเราะขื่น “แสดงท่าทีแบบนี้ ยอมรับแล้วสินะ” อารยากำหมัดแน่น มองซ้ายขวา ที่นี่คงให้เธอตะโกนให้หายแค้นใจได้ “ยอมรับแล้วไง คุณก็ไม่สามารถทำอะไรให้ฉันกลับมาเป็นคนเดิม พอๆ เลิกพูดเรื่องนี้ อย่ามายุ่งกับฉันอีก!” ไม่คิดจะกลายเป็นคำพูดนี้ที่ปิดการสนทนา เธอแหงนมองท้องฟ้า ห้ามน้ำตาไม่ให้ไหล ไม่มีอะไรดีขึ้น จะร้องไห้ไปทำไม “เธอหวังอะไรล่ะ น่าจะรู้ฉันจะแต่งกับพี่สาวเธอเท่านั้น” อารยากำหมัดแน่น พลั่ก! “โอ้ย!” โยธินกุมจมูก สบถเสียงดัง “เธอเป็นบ้าอะไร เจ็บนะ” “ให้คุณมีสติและคิดบ้าง ตั้งแต่เกิดเรื่อง ฉันเคยอ้อนวอนอะไรคุณบ้าง ฉะนั้นอย่ามาตัดสินว่าฉันคิดหรือไม่คิดอะไร เข้าใจไหม” โยธินอึ้งไปแต่ไม่ยอมแพ้ “ผู้หญิงเก็บกด อยากลองจะว่างั้น แล้วทำไมไม่บอกกันดีๆ ล่ะ แอบลอบเข้าไปมันคงเร้าใจใช่ไหม ก็แน่ล่ะ หุ่นผมมันคงน่ากิน” อารยายกมือจะซัดอีกครั้งแต่กลับโดนรวบที่เอว ก่อนใบหน้าบึ้งตึงจะก้มลงมาบดจูบปากเธอ หญิงสาวพยายามกระทืบเท้าเขาและดิ้น คนบ้านี่ ทำอะไรอีก
“หยุดทำบ้าๆ นะพี่สิงห์...อ๊อย...” น้ำผึ้งขนลุกซู่ เขาจูบไซ้ซอกคอของหล่อน ขณะหญิงสาวกำลังยืนส่องกระจกอยู่หน้าอ่างล้างหน้า “พี่ขออีกนิด แค่ภายนอกเท่านั้นนะจ๊ะ ไม่เสียหายอะไรนี่นา...นะครับ” พี่เขยปะเหลาะปะแหละอย่างคนเอาแต่ได้ เสียงออดอ้อนอ่อนหวานเริ่มทำให้น้องเมียใจอ่อนหวามไหว ปล่อยให้มือของเขาเคล้นคลึงสะโพกของหล่อนอย่างนึกมันเขี้ยว สอดท่อนแขนเข้ามาระหว่างง่ามก้น หงายฝ่ามือลูบไล้เข้ามาถึงหนอกเนื้ออุ่นจัดอีกครั้ง ตะล่อมล้วงเข้ามาโอบเนินนูนเหมือนหลังเต่า บีบขยำเบาๆ เหมือนจะประมาณความอวบใหญ่ล้นอุ้งมือ “ของผึ้งใหญ่จัง” มือสัมผัสกลีบเนื้อเป็นพูแน่น โหนกนูนและใหญ่กว่าของเจนนี่มากมาย “อ๊าย...” น้ำผึ้งเสียว กระดกก้นขึ้นโดยอัตโนมัติ สิงหาบีบขยำความเป็นผู้หญิงของหล่อนเป็นจังหวะ หัวใจเต้นแรงกับความอวบใหญ่ที่อัดแน่นอยู่ในอุ้งมือของตน “อย่า...พี่สิงห์...หยุดเดี๋ยวนี้นะ เดี๋ยวพี่เจนนี่มาเห็นผึ้งซวยแน่ๆ” น้องเมียร้องห้ามอย่างสับสนใจ ส่ายก้นทำท่าว่าจะดิ้นหนี แต่ช้ากว่ามือใหญ่ของสิงหาอีกข้างที่กดลงบนแผ่นหลังของหล่อนเหมือนจะล็อกกายไม่ให้ขยับหนี
หลังจากแต่งงานได้ 2 ปี ในที่สุดเจียงเนี่ยนอันก็ตั้งครรภ์สักที ความดีอกดีใจของเธอแต่กลับแลกกับคำขอหย่าของสามี หลังจากการสมคบคิด เธอนอนในกองเลือด และต้องการขอร้องเขาให้ช่วยเด็กเอาไว้ แต่กลับไม่สามารถติดต่อกับอีกฝ่ายได้ ด้วยความสิ้นหวังเธอจึงออกจากประเทศไป ต่อมาในงานแต่งงานของเจียงเหนียนอัน คุณกู้เสียการควบคุมและคุกเข่าลง ดวงตาของเขาแดงก่ำ "มีลูกของฉัน แล้วเธออยากจะแต่งงานกับใครกัน?"
ตลอดระยะเวลาสามปีที่หยุยเอินแต่งงานกับฝู้ถิงหย่วน เธอพยายามทำหน้าที่ภรรยาให้ดีที่สุด เธอคิดว่าความอ่อนโยนของตนจะสามารถละลายใจที่เย็นชาของฝู้ถิงหย่วนได้ แต่ต่อมาเธอก็รู้ตัวว่าไม่ว่าเธอจะพยายามแค่ไหน ผู้ชายคนนี้ก็ไม่มีวันจะตกหลุมรักเธอได้ ด้วยความสิ้นหวังของเธอ สุดท้ายเธอตัดสินใจที่จะยุติการแต่งงานครั้งนี้ ในสายตาของฝู้ถิงหย่วน หยุยเอิน ภรรยาของเขาเป็นผู้หญิงที่โง่ ไม่มีอะไรดีเลยสักอย่าง แต่เขาก็คิดไม่ถึงว่าภรรยาของเขาจะกล้าโยนใบหย่าใส่เขาต่อหน้าคนมากมายในงานเลี้ยงวันครบรอบฝู้ซื่อ กรุ๊ป หลังจากหย่าร้าง ทุกคนต่างคิดว่าพวกเขาจะไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกันอีกต่อไป แต่เรื่องราวระหว่างทั้งสองคงไม่ได้จบลงอย่างง่าย ๆ แบบนี้ หยุยเอินได้รับรางวัลบทภาพยนตร์ยอดเยี่ยม และคนที่เป็นผู้มอบถ้วยรางวัลให้กับเธอก็คือฝู้ถิงหย่วน หยุยเอินคิดไม่ถึงว่าผู้ชายที่สูงส่งและแสนเย็นชาคนนี้จะลดตัวลงอ้อนวอนเธอต่อหน้าผู้ชมทั้งหมด"หยุยเอิน ก่อนหน้านี้คือผมผิดเอง ขอโอกาสให้ผมอีกครั้งได้ไหม"หยุยเอินยิ้มด้วยความมั่นใจ"ขอโทษนะคุณฝู้ ตอนนี้ฉันสนใจแต่เรื่องงาน"ชายหนุ่มคว้ามือเธอไว้ ดวยตานั้นเต็มไปด้วยความผิดหวัง หยุยเอินสบัดมือเขาและเดินจากไปโดยปราศจากความลังเลใด ๆ
ว่าที่ลูกสะใภ้ไฟแรงสูงเธอต้องเข้ามาอยู่ร่วมบ้านกับว่าที่พ่อผัวหม้ายร้างเมียมานายอรมปี
"ไล่ผู้หญิงคนนี้ออกไปซะ" "โยนผู้หญิงคนนี้ลงทะเลซะ" ขณะที่ไม่รู้จักตัวตนที่แท้จริงของเหนียนหย่าเสวียน โฮว่หลิงเฉินได้ปฏิบัติต่อเธออย่างไม่เป็นมิตร "คุณหลิงเฉินครับ เธอคือภรรยาของท่านครับ" ผู้ช่วยของหลิงเฉินกล่าวเตือนเขา เมื่อได้ยินเช่นนั้น หลิงเฉินหยุดเพ่งมองไปที่เขาอย่างเย็นชาและบ่นขึ้นมาว่า "ทำไมไม่บอกผมให้เร็วกว่านี้?" นับจากนั้นเป็นต้นมา หลิงเฉินได้ตามใจและรักใคร่ทะนุถนอมหย่าเสวียนมาตลอด โดยไม่มีใครคาดคิดว่าพวกเขาจะหย่าร้างกัน
กู้ชิงเฉิงเชื่อมั่นมาตลอดว่าตราบใดที่เธอประพฤติตัวดี สักวันหนึ่ง เธอก็จะสามารถชนะใจมู่ถิงเซียวให้ได้ อย่างไรก็ตาม เมื่อเสิ่นถัง รักแรกที่เขาคิดถึงมาตลอดกลับมา ทุกอย่างก็เปลี่ยนไป กู้ชิงเฉิงเป็นคนว่าง่ายสอนง่ายจริงๆ เธอจัดงานแต่งงานด้วยคนเดียว และนอนคนเดียวในห้องผ่าตัดเพื่อรับการรักษาฉุกเฉิน มีข่าวลือว่าเธอบ้าไปแล้ว อันที่จริงเธอบ้าไปแล้วจริงๆ ที่รักใครสักคนอย่างไม่ละอายขนาดนี้ ต่อมา ทุกคนลือกันว่า กู้ชิงเฉิงป่วยหนักและกำลังจะเสียชีวิต มู่ถิงเซียวถึงสูญเสียการควบคุมอย่างสิ้นเชิง "ฉันไม่ปล่อยให้เธอตาย" แต่เธอกลับยิ้มอย่างนิ่งๆ ว่า "ดีจังเลย ฉันเป็นอิสระแล้ว" ใช่แล้ว ไม่ต้องการกู้ชิงเฉิงอีกแล้ว"