เลี้ยงต้อย ป๋าคิดยังไงว่าเขาชอบ อเล็กซิสมองร่างอ้วนติดในทางเตี๊ยอย่างสมเพช ไม่เคยคิดแต่งงาน พอโดนจับคลุมถุงชน หน้าตา รูปร่างเจ้าสาวทำเอาเขาสะอึกอึ้ง....
ปลูกขวัญนั่งพักบนเก้าอี้หรูตรงมุมแจกันใบใหญ่หลังจากทำความสะอาดโถงทางเดินยาวจนเลยขึ้นไปสู่บันไดทรงโค้งราวสีทอง ซึ่งมีโคมไประย้าสวยงามห้อยอยู่ คฤหาสน์หลังใหญ่โตนี้เป็นทรงต่างประเทศ โคมไฟก็ชื่อเรียกยากเธอจำไม่ได้ แม้เธอเคยได้ยินแม่พูดก็ตาม สาวน้อยยกมือเช็ดเหงื่อ สักพักมือถือในกระโปรงสีฟ้าแม่บ้านสั่นไหวสาวน้อยอายุสิบแปดสะดุ้ง
หรือว่าเป็นเขา!
ไม่มีใครโทรหาหรอก เธอไม่มีเพื่อน เบอร์เธอมีเพียงเจ้าของคฤหาสน์หลังนี้ สาวน้อยมองมือถือเห็นเป็นเจ้าของคฤหาสน์จริงก็มือสั่น เรียกหาเราทำไมกันนะ เขาดูน่าเกรงขามในสายตาเธอ แม้มีใบหน้าหล่อเหลายังกับหนุ่มมาเฟียในหนังสือนิยายที่ชอบอ่านและบทบรรยายที่นักเขียนบอกก็ตาม แต่เห็นกี่ครั้งก็ทำหัวใจสั่นชอบกล
เสียงยังดังไม่หยุดปลูกขวัญกระวนกระวายคิดไปว่าเขาจะขับไล่เธอออกจากบ้าน คิดไปต่างๆ นาๆ นึกได้ไม่ใช่เวลาให้คิดก็ลุกขึ้นเดินขึ้นบันไดสะอาดหรูหราช้าๆ ด้วยความหวาดหวั่น
สายตาไม่กล้ามองบอดี้การ์ดตัวโตๆ ที่ยืนอยู่หลายคนเกือบทุกมุมภายในบ้านหลังใหญ่
การ์ดหน้าห้องไม่มองหน้าเธอเคาะประตูรายงานเจ้านายถึงการมา ปลูกขวัญเดินเข้าห้องช้าๆ ภายในห้องทำงานหรูของ นทีธัชช์ อเล็กซิส ปราการกิจ หนุ่มลูกครึ่งผสมหลายเชื้อชาติเจ้าของห้างสรรพสินค้าขนาดใหญ่ที่มีสาขาทั่วโลก และยังเป็นผู้บริหารคนหนึ่งของสายการบินชื่อดังที่สืบทอดมาจากบรรพบุรุษทางมารดากว่าสี่รุ่น ปลูกขวัญรู้เพียงแค่นั้น ซึ่งแค่นั้นก็ทำเธอเกรงกลัว เกรงใจเขามากมาย
เด็กผู้หญิงต่ำต้อยอย่างเธอไม่น่าเชื่อก็ต้องเชื่อว่าได้มาเห็น มาอยู่ในบ้านที่มีห้องสวยงามแบบนี้ ห้องทำงานชายหนุ่มมันกว้างขว้างตกแต่งอย่างเป็นระเบียบเรียบแต่หรู มีเฟอร์นิเจอร์น้อยชิ้น
ส่วนนทีธัชช์ที่คนในบ้านเรียกว่าคุณอเล็กเป็นส่วนใหญ่ชายหนุ่มไม่ยี่หระกับการมาของคนที่เรียกหานัก แต่จำเป็นต้องคุย เพราะตนนั้นไม่คิดจะมาเสียเวลาอยู่ที่คฤหาสน์ขนาดเล็กที่เมืองไทยนานนัก ตอนนี้กิจการที่นี่น้องสาวดูแลอยู่ แต่คราวนี้เพื่อความต้องการของคนที่รักทำให้เขาก้าวขาออกจากเมืองไทยไม่ได้เสียที
“จะทิ้งน้องให้ปวดหัวคนเดียวอีกนานแค่ไหน น้องอยู่คอนโดนะไม่ค่อยกลับไปที่นั่น พี่กลับมาจัดการซะที” ปลายหมอกหรือซาร่าตัดพ้อจนเขาทนนิ่งดูดายไม่ได้ต้องบินด่วยมาเมืองไทย
ทว่ามาถึงก็เจอเรื่องไม่คาดคิด พินัยกรรมบ้าบอเขาไม่มีวันยอมรับ ป๋าต้องการให้เขาแต่งงานกับเด็กสาวคนหนึ่งซึ่งไม่เคยเห็นหน้าค่าตา ป๋านะป๋าคิดว่าเขานิยมเลี้ยงต้อยกินเด็กหรือไง มันน่าเบื่อแบบนี้ไม่รู้หรือไง ชายหนุ่มหน้าคมแบบฉบับหนุ่มลูกครึ่งมองเมืองกรุงเทพฯ ที่มาน้อยครั้ง นานครั้งจะกลับมาเยี่ยมน้องสาว แต่น้องสาวตัวดีไม่ได้อยู่ให้เห็นหน้ามากนัก อย่างครั้งนี้พอตนมาถึงปลายหมอกก็บินไปญี่ปุ่นทันที
“ซาร่าใช่เจ้าสาวที่ไหน ทำไมต้องอยู่” น้องสาวว่าแค่นั้นนทีธัชช์ก็ไม่คิดถามเรื่องใดอีก
ยามพลบค่ำผ่านหน้าต่างกว้างที่เปิดรับสายลมร้อนอบอ้าวทิวทัศน์ที่ดูห่างไกลมากเพราะเนื้อที่ของคฤหาสน์ที่ป๋าก่อสร้างเพิ่มเติมทิ้งไว้นั้นช่างกว้างขว้างและร่มรื่นด้วยต้นไม้มากจนเกินไป ไฟสว่างจากยอดตึกใหญ่ๆ ของเมืองจึงกลายเป็นเพียงดวงดาวเล็กๆ ไม่เด่นชัดนัก
“ขวัญมาแล้วค่ะ” เสียงใสๆ ทำให้เลิกมองทิวทัศน์ จำใจหันมาหา ร่างเล็กๆ ป้อมๆ… เตี้ยที่สุดเท่าที่เคยเห็น หล่อนกำลังยืนตัวตรง อเล็กซิสคิ้วย่นเข้าหากันมองหล่อนเขม็ง นี่ล่ะตัวปัญหาของเขา!
“คุณ…นทีธัชช์ อเล็กซิส”
“คิดหรือยังจะเอายังไง จะเอาอะไร จะอยู่อีกกี่วัน”
ชายหนุ่มปล่อยคำถามรัวๆ ปลูกขวัญที่คิดไม่ตกกับชีวิตตกใจถึงกับก้มหน้า คิดไว้แล้วต้องเป็นเรื่องนี้ แต่จะตอบอย่างไรดี สาวน้อยสูดลมหายใจเข้าปอดลึกๆ กำลังจะตอบก็โดนต่อว่าเสียก่อนสาวน้อยก็ใจแป้ว
“ฉันไม่ได้เรียกเธอมาด่า มาต่อว่า มองหน้าฉันเวลาฉันพูดและตอบมา” ชายหนุ่มใช้สะโพกสอบพิงโต๊ะทำงานขนาดใหญ่ ดวงตาคมสีฟ้าเข้มจ้องเขม็ง ปลูกขวัญกลืนน้ำลาย “ขวัญ…ขวัญยังไม่คิด”
“อะไรนะ ไม่หูฝาดไปใช่ไหม ฉันคิดว่าเวลาที่ให้ไปมันมากเกินไปด้วยซ้ำ” ใบหน้าเข้มตาสีฟ้าขุ่นข้นร่างยักษ์เดินใกล้ร่างต่ำเตี้ยแค่อกตน สาวน้อยถอยห่างก็ยิ่งตาม เขาให้เวลามาเกือบอาทิตย์หลังจากเปิดพินัยกรรม ทำไมยายเด็กคนนี้ยังไม่คิดอีก สมองมีหรือปล่าวะเนี่ย หรือที่จริงหล่อนต้องการทำตามความต้องการของป๋า คิดเช่นนั้นอเล็กซิสก็รุกถามไถ่ให้รู้แน่ หวังสูง ตาโตกับสมบัติแล้วอายุแค่นี้ถ้าเป็นอย่างนั้นได้โดนดีแน่ ยายเด็กเตี้ยเอ้ย
“ไม่คิดหรือ จะให้ฉันเชื่อหรือ บอกมาตรงๆ ดีกว่าเธอคิดจะมาเป็นเมียฉันตามที่คุณพ่อเขียนไว้ในพินัยกรรม บอกมา”
ตัวแค่นี้หวังสูงเกินตัวเหมือนแม่ไม่มีผิด
ใบหน้าที่ยังมีเหงื่อเพราะการทำงานส่ายไปมาจนผมหน้าม้าสั้นแค้ต้นคอรุ่ยร่ายมาปิดใบหน้า “ขวัญเปล่านะคุณ ไม่ได้คิดอย่างนั้นค่ะ”
อเล็กซิสจ้องเขม็งถามย้ำ
“แน่นะ อย่างนั้นก็ดีฉันเคยบอกไปแล้ว คำว่า ‘เมีย’ สำหรับฉันมันกว้าง…เธออาจเสียใจที่ต้องการแบบนั้น เธอยังเด็กเอาเงินไปเถอะ หรือเอาบ้านหลังนี้ไป” เขาหยั่งเชิงสาวเตี้ย
สาวน้อยคิดถึงอาณาเขตกว้างใหญ่ “ขวัญจะดูแลที่นี่ได้ยังไงคะมันใหญ่เกินไป ขวัญไม่มีใคร ถ้าเอาเงินไปขวัญไม่รู้จะไปอยู่ที่ไหนอยู่ดี” เสียงอ่อยสารภาพ อเล็กซิสกอดอกมองอยู่อย่างนั้น
โง่ขนาดใช้เงินไม่เป็นหรือนี่ ไม่เอาที่นี่ หรือแกล้งโง่ให้ตนน่าสงสาร อายุสิบแปดแล้วนะ
ดวงตากลมโตกำลังบอกว่าไม่ได้โกหก ชายหนุ่มอายุสามสิบห้าสำรวจสาวน้อยตรงหน้าอย่างถี่ถ้วน เตี๊ยติดไปในทางอ้วนแต่ผิวพรรณสวยมาก ใบหน้าก็พอมองได้
ปลูกขวัญจมกับความคิดตนเองไม่ได้รู้ว่าคนตรงหน้ากำลังประเมินเธออยู่ด้วยความคิดสมเพช
เธอเป็นเพียงลูกสาวของเมียคนล่าสุดของบิดาผู้ชายหล่อเหลาเครางามตรงหน้า แม่อยู่กินกับท่านโดมินิกได้ไม่นานก็ประสบอุบัติเหตุด้วยกันทั้งคู่ ปลูกขวัญเพิ่งออกมาจากสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าเมื่อแม่กลับมาเมืองไทยครั้งล่าสุดจึงคล้ายคนโลกแคบไม่รู้จักอะไรเลย ได้เข้ามาอยู่ที่นี่ตอนแรกเธอไม่ชอบอยู่ว่างๆ ก็ช่วยคนในบ้านทำงานจนเด็กรับใช้ตกอกตกใจ แม่รู้โดนต่อว่าแต่เธอก็ยังแอบทำโน่นนี่อยู่เรื่อย ชอบที่สุดก็ไปรดน้ำต้นไม้ในสวนดอกไม้เพราะไม่ค่อยมีใครเห็น
ความห่างเหินของเธอกับแม่ทำเธอไกลห่างแม่เสมอ แม่อยู่ตรงไหนเธอจะไม่อยู่ตรงนั้น หากวันนี้เสียใจเหลือเกินเมื่อทิฐิทำให้ไม่มีโอกาสเจอแม่อีก กอดแม่สักครั้งไม่เคยได้ทำ คิดถึงตอนนี้ปลูกขวัญก็น้ำตาคลอ
“อะไรกันเรียกมาคุยดีๆ ไม่ทันต่อว่าอะไรทำไมร้องไห้” เจ้าของบ้านไม่ชอบน้ำตาเสียงดัง ปลูกขวัญสะดุ้งกระพริบไล่น้ำตา “ขวัญขอโทษ แค่คิดถึงแม่เท่านั้นค่ะ”
“ถ้าเธอตัดสินใจอะไรไม่ได้ฉันจะคิดเองแล้วนะ มันเสียเวลาฉัน ฉันไม่ได้เกิดมานั่งๆ นอนๆ รอเรื่องไร้สาระแบบนี้”
เบื่อน้ำตาผู้หญิงชิบ
อทิตยาคือหญิงสาวที่นายพลภัทรอุปการะไว้ตั้งแต่อายุสิบขวบ เธอรัก เคารพนายพลเหมือนพ่อแต่กลัวคุณหญิง ภรรยานายพลมาก ดังนั้นเมื่อโตเป็นสาวเธอก็ไม่กล้าเข้าใกล้นายพลอีก จนกระทั่งภัทรกร ลูกชายคนโตของนายพลเข้ามาแทรกซึมให้หัวใจที่ว้าเหว่อบอุ่นขึ้น เธอหลงรักเขาอย่างห้ามใจไม่ได้ เธอยอมเป็นคนในความลับ เพื่อรอวันที่จะได้ทะเบียนสมรสจากเขา แต่แล้ววันหนึ่งคนรักเขากลับมา เขาไม่รีรอที่จะมอบเงินให้เธอ ตัดสัมพันธ์ที่เธอหวงแหนลง แล้วเธอจะพูดอะไรได้ นอกจากทำตามที่เขาต้องการ ทว่าเมื่อรู้ว่าตั้งท้องเธอก็เปลี่ยนใจ อยากให้ภัทรกรรู้เรื่องลูก แต่เขากลับคิดว่าเธอโกหกเพราะคิดจะจับเขา หญิงสาวเสียใจมาก เธอยอมไปจากบ้านดลจิตรตามที่คุณหญิงสั่ง เพราะที่นี่ไม่มีใครช่วยเธอได้ นายพลเธอก็ไม่อยากให้เดือดเนื้อร้อนใจเพราะเธอ
กัญญายอมมาเป็นผู้หญิงของรอน กวี อลอนโซแทนน้องเพื่อใช้หนี้ให้พ่อ แม้เธอจะต้องทิ้งรักแรกแต่ก็ไม่สามารถหลีกหนีได้ ทว่าวันหนึ่งกลับเจอว่าน้องสาวและคนรักเก่ากำลังคบหาจะแต่งงานกัน เธอได้รับรู้ที่ผ่านมาไม่มีใครสนใจถึงความเสียสละของเธอแม้แต่น้อย กัญญารู้สึกโดดเดี่ยว เสียใจเป็นที่สุด และในเวลานั้นรอนก็กำลังจะแต่งงาน ยุติความสัมพันธ์กับเธอ ซ้ำจะยกเธอให้ลูกน้องเขา เธอไม่มีค่ากับใครเลยหรือ?
เขาทิ้งเธอไว้ไปในวันฝนพร่ำเพื่อไปหาคนรักที่รอคอยมาเนิ่นนาน ความฝันที่จะได้เคียงคู่พลันมลายลง เธอเป็นแค่คนผ่านทาง เธอจะไม่ร้องไห้ แต่ทำไม น้ำตาไหลไม่หยุดแบบนี้เล่า ------------------------ เพราะยินยอมพร้อมใจเป็นเด็กเลี้ยงของหมอดลทัช เมื่อเขาจะจากไป โดยที่ไม่บอกกล่าวล่วงหน้า ชลรัมภาจำต้องยอมรับความทุกข์ ความปวดร้าวให้ได้ ทว่าเมื่อต้องเจอหน้าเขาอยู่ร่ำไป เพราะเธอคือเพื่อนรักน้องสาวเขา เธอจะทำตัวเช่นไรดี ให้เขาไม่สมเพช ไม่เห็นน้ำตาที่ไม่มีค่าของเธอ
เพราะอนาคตของน้องสาว เพราะแม่ พลอยหวาน สาวสมองขี้เลื่อยจึงต้องมารับกรรมที่ไม่ได้ก่อ คีตะคราม เขาหล่อ แต่เขาร้าย แต่ไม่ปราณีเธอ แม้เป็นผู้หญิงตัวเล็กๆ วันที่หลานชายเขาฟื้นขึ้นมาจากการหลับใหล เธอรู้ว่าตนเองท้อง ทว่าพ่อของลูก คนใจร้ายคนนั้นไม่ยอมรับฟัง เขายังต้องการให้เธอไปให้ไกลตาหลานชายของเขา แต่กลับไปบ้าน สักวันคนบ้านนั้นอาจจะรู้เรื่องน้องสาว ที่ไม่เคยเหลียวแลพี่สาวอย่างเธอ ดังนั้นเธอต้องไปหางาน หาเงินเอาข้างหน้า คลอดลูกเมื่อไหร่ จะเอามาให้พ่อเขาก็แล้วกัน ไม่โกรธแม่ใช่ไหมลูก? เธอน้ำตาไหล เธอหวังลูกจะตอบกลับเป็นประโยคเดียวกับคำถามของเธอ
เรื่องราวของอัญชลียาผู้ซึ่งยึดมั่นในความผูกพัน จนกลายเป็นความรัก แม้รู้ว่าคุณอคินของเรามีให้แค่เงินและสัมพันธ์ทางกายเธอก็ยังไม่เปลี่ยนใจจากเขา จนกระทั่งวันที่ต้องลาจากมาถึง เพราะคนรักที่เขาสัญญาจะแต่งงานด้วยกลับมาจากเมืองนอก ความผูกพันของเธอก็ดูไร้ค่าจนน่าสมเพชตนเอง และเรื่องราวที่เกิดขึ้นมากมายทำให้ความรักกลายเป็นความแค้น เรื่องราวจะเป็นอย่างไรติดตามกันในเล่มนะคะ ------ “ฉันไปนะอันอัน อย่าลืมฝากคีย์การ์ดไว้ที่เคาน์เตอร์นะ” “อะไรกันแค่คีย์การ์ด ฉันจะเอาไปทำไม” อันอัน เช็ดหน้าเดินไปหาเสื้อผ้า ดึงของใช้ตนเองออกมา” “เธอจะโมโหทำไม เอ๊ะ! หรือว่าคิดไม่ทำตามสัญญา อย่าเชียวนะ นั่นๆ ดึงไปให้หมดเลยเสื้อผ้าพวกนั้น” เขายืนมอง ปากก็พูดไล่อีกครั้ง หญิงสาวหันไปมองเขา “เลือดเย็นกับฉันจังเลยนะอคิน ทั้งที่เมื่อคืนปากบอกว่าชอบฉัน” อดไม่ได้จะตัดพ้อ แต่เขาคงฟังเป็นถ้อยคำน่ารำคาญ เพราะหันหลังหนีไปอีกครั้ง หยิบกุญแจรถขึ้น “เวลาเข้าด้ายเข้าเข็ม กำลังมันส์จะให้พูดว่าเกลียดหรือไง เธอเองก็ชอบนี่น่า พอๆ อย่าหาเรื่อง นั่นเช็คนะ ดูแลตัวเองด้วย” อย่างน้อยยังมีน้ำใจ แม้จะออกมาเพราะเธอคาดคั้น อัญชลียาหันมองเช็ค ใจแห้งเหี่ยวเดินเข้าไปแต่งตัว พร้อมกับเจ้าของห้องหรูเดินห่างไป เสียงประตูปิดลง หญิงสาวผู้ไม่เคยแสดงความอ่อนแอ นั่งลงปาดน้ำตา ขอบคุณทุกการสนับสนุนค่ะ ทรายสีรุ้ง
เขารักคนอื่น กำลังจะแต่งงานกัน ในค่ำคืนหนึ่งเธอกลายเป็นของเขาด้วยความงงๆ อยากบอกเขาให้รับผิดชอบ เพราะไม่รู้จะทำอย่างไร แต่คนที่เขาจะแต่งงานเป็นคนที่เธอรัก เคารพ อารยายอมตัดใจ แม้อุ้มท้องและโดนพ่อด่าทอ ทุบตี ว่าแย่งของคนอื่นเธอก็ไม่อาจโต้แย้ง ---------------------- “อย่าเพิ่งไป” มือใหญ่คว้ามือเธอไว้ อารยาสะบัด “จะกลับแล้ว ถ้าคุยเรื่องไร้สาระ” “การที่เรานอนกันดุเดือดคืนนั้น เธอพูดว่าไร้สาระเหรอ ฉันคงจะคิดผิดเสียแล้ว ว่าเธอไร้เดียงสา” ดวงตาคมโตหันไปถลึงตา “พูดอะไรเงียบไปเลยนะ” โยธินหัวเราะขื่น “แสดงท่าทีแบบนี้ ยอมรับแล้วสินะ” อารยากำหมัดแน่น มองซ้ายขวา ที่นี่คงให้เธอตะโกนให้หายแค้นใจได้ “ยอมรับแล้วไง คุณก็ไม่สามารถทำอะไรให้ฉันกลับมาเป็นคนเดิม พอๆ เลิกพูดเรื่องนี้ อย่ามายุ่งกับฉันอีก!” ไม่คิดจะกลายเป็นคำพูดนี้ที่ปิดการสนทนา เธอแหงนมองท้องฟ้า ห้ามน้ำตาไม่ให้ไหล ไม่มีอะไรดีขึ้น จะร้องไห้ไปทำไม “เธอหวังอะไรล่ะ น่าจะรู้ฉันจะแต่งกับพี่สาวเธอเท่านั้น” อารยากำหมัดแน่น พลั่ก! “โอ้ย!” โยธินกุมจมูก สบถเสียงดัง “เธอเป็นบ้าอะไร เจ็บนะ” “ให้คุณมีสติและคิดบ้าง ตั้งแต่เกิดเรื่อง ฉันเคยอ้อนวอนอะไรคุณบ้าง ฉะนั้นอย่ามาตัดสินว่าฉันคิดหรือไม่คิดอะไร เข้าใจไหม” โยธินอึ้งไปแต่ไม่ยอมแพ้ “ผู้หญิงเก็บกด อยากลองจะว่างั้น แล้วทำไมไม่บอกกันดีๆ ล่ะ แอบลอบเข้าไปมันคงเร้าใจใช่ไหม ก็แน่ล่ะ หุ่นผมมันคงน่ากิน” อารยายกมือจะซัดอีกครั้งแต่กลับโดนรวบที่เอว ก่อนใบหน้าบึ้งตึงจะก้มลงมาบดจูบปากเธอ หญิงสาวพยายามกระทืบเท้าเขาและดิ้น คนบ้านี่ ทำอะไรอีก
“หยุดทำบ้าๆ นะพี่สิงห์...อ๊อย...” น้ำผึ้งขนลุกซู่ เขาจูบไซ้ซอกคอของหล่อน ขณะหญิงสาวกำลังยืนส่องกระจกอยู่หน้าอ่างล้างหน้า “พี่ขออีกนิด แค่ภายนอกเท่านั้นนะจ๊ะ ไม่เสียหายอะไรนี่นา...นะครับ” พี่เขยปะเหลาะปะแหละอย่างคนเอาแต่ได้ เสียงออดอ้อนอ่อนหวานเริ่มทำให้น้องเมียใจอ่อนหวามไหว ปล่อยให้มือของเขาเคล้นคลึงสะโพกของหล่อนอย่างนึกมันเขี้ยว สอดท่อนแขนเข้ามาระหว่างง่ามก้น หงายฝ่ามือลูบไล้เข้ามาถึงหนอกเนื้ออุ่นจัดอีกครั้ง ตะล่อมล้วงเข้ามาโอบเนินนูนเหมือนหลังเต่า บีบขยำเบาๆ เหมือนจะประมาณความอวบใหญ่ล้นอุ้งมือ “ของผึ้งใหญ่จัง” มือสัมผัสกลีบเนื้อเป็นพูแน่น โหนกนูนและใหญ่กว่าของเจนนี่มากมาย “อ๊าย...” น้ำผึ้งเสียว กระดกก้นขึ้นโดยอัตโนมัติ สิงหาบีบขยำความเป็นผู้หญิงของหล่อนเป็นจังหวะ หัวใจเต้นแรงกับความอวบใหญ่ที่อัดแน่นอยู่ในอุ้งมือของตน “อย่า...พี่สิงห์...หยุดเดี๋ยวนี้นะ เดี๋ยวพี่เจนนี่มาเห็นผึ้งซวยแน่ๆ” น้องเมียร้องห้ามอย่างสับสนใจ ส่ายก้นทำท่าว่าจะดิ้นหนี แต่ช้ากว่ามือใหญ่ของสิงหาอีกข้างที่กดลงบนแผ่นหลังของหล่อนเหมือนจะล็อกกายไม่ให้ขยับหนี
‘ทริปฮันนิมูนที่ไม่ได้มีแค่เรา แต่ฉันและเขายังมีผู้ร่วม ทริปเข้ามาสร้างสีสันอีกมากมาย’ หลังแต่งงาน ตฤณก็พาภรรยาสาววัยละอ่อนอย่างยี่หวาไปฮันนิมูนเหมือนคู่สามีภรรยาคู่อื่น ๆ แต่การเดินทางไปดื่มน้ำผึ้งพระจันทร์กับสามีผู้เป็นนักธุรกิจในครั้งนี้ กลับทำให้ยี่หวาได้รู้ว่าตฤณสามีของเธอมีรสนิยมทางเพศแบบไหน และที่สำคัญยิ่งไปกว่านั้นคือ เขาทำให้เธอได้รู้จักตัวตนของตัวเองอย่างที่เธอไม่คิดว่าจะได้รู้จักด้วยซ้ำ ตฤณจะพายี่หวาไปฮันนิมูนที่ไหน อย่างไร และกับใคร ติดตามอ่านได้ใน “ฉ่ำรักเมียนักธุรกิจ” แนะนำตัวละคร ยี่หวา : สาวสวยวัย 24 ปี ผู้มีผิวขาว และรูปร่างอวบอัด แต่น่าทะนุถนอม นิสัยอ่อนหวาน ว่าง่าย แต่เป็นคนอยากรู้อยากลอง ยี่หวาเพิ่งจะรู้ว่าสิ่งที่ตฤณทำกับเธอในห้องหอนั้นมันก็แค่น้ำจิ้ม เพราะเมื่อเดินทางไปฮันนิมูนกับตฤณจริง ๆ เธอกลับได้เรียนรู้ประสบการณ์ใหม่ จนเธอติดอกติดใจอย่างยากจะถอนตัว สำหรับยี่หวาแล้ว 'คืนเข้าหอที่เคยคิดว่าเด็ด ยังไม่เผ็ดเท่าทริปฮันนิมูนที่สามีหนุ่มจัดให้' ตฤณ : นักธุรกิจหนุ่มวัย 34 ปีหนุ่มลูกเสี้ยว บ้างาน แต่เวลาคลายเครียดก็สนุกสุดเหวี่ยง โดยเฉพาะเรื่องเซ็กส์ ตฤณหมั้นหมายกับยี่หวาตามความเห็นชอบของผู้ใหญ่เพราะถูกใจในความน่ารัก แต่ยิ่งไปกว่านั้นคือเพราะยี่หวาเป็นเด็กดี และไม่เคยดื้อกับเขาเลยสักครั้ง ว่านอนสอนง่ายแบบนี้สิ ถึงจะใช้ชีวิตคู่ไปด้วยกันตลอดรอดฝั่ง
"นางเป็นบุตรีผู้สูงศักดิ์ของฮูหยินเอกของจวนเสนาบดี นางมีหน้าตาโดดเด่น ทั้งอ่อนโอนและมีน้ำใจไมตรีต่อผู้อื่น แต่... นางทำดีต่อป้าของนาง นางกลับฆ่าแม่ของนางตาย นางรักเอ็นดูน้องสาวของนาง แต่น้องสาวกลับแย่งสามีของนางไป นางคอยสนับสนุนและดูแลสามีของนางอย่างสุดหัวใจ แต่สามีกลับทำให้นางตายทั้งกลม...ตระกูลฝ่ายมารดาของนางก็ถูกประหารชีวิตทั้งตระกูลด้วย นางตายตาไม่หลับและสาบานว่าหากมีชาติหน้า นางจะไม่เมตาตาต่อใครอีก ใครก็ตาม กล้ามาทำร้ายข้า ข้าจะล้างแค้นด้วยชีวิตทั้งตระกูลของพวกเจ้า เมื่อเกิดใหม่อีกครั้ง นางอายุได้สิบสี่ปี นางสาบานว่าจะต้องเปลี่ยนชะตากรรมและแก้แค้นชาติก่อน ป้านางใจ้ร้าย นางจะใจร้ายกลับยิ่งกว่านาง นางคิดจะได้ครองตำแหน่งฮูหยินงั้นเหรอ บอกเลยไม่มีทาง! ส่วนน้องสาวชอบผู้ชายชั่ว ๆ นักไม่ใช่หรือ ได้!ข้าจะยกให้เลย ส่วนชายชั่วนั่น ข้าจะทำให้เจ้าไม่สามารถมีทายาทได้อีกตลอดทั้งชาติ!แต่ข้าจะแก้แค้น เหตุใดเจ้าต้องมาช่วยข้าด้วย?"
ฉู่ว่านยู ผู้สืบเชื้อสายมาจากตระกูลแพทย์แผนโบราณ มีทักษะทางการแพทย์ที่ยอดเยี่ยม ยาที่เธอทำนั้นทุกคนต่างอยากได้ สามารถรักษาได้ทุกโรค แต่กลับไม่คาดคิดว่าจะย้อนยุค กลายเป็นผู้หญิงที่ขี้เหร่ที่สุดในใต้หล้า และยังเอาชนะใจท่านอ๋องด้วย การเริ่มต้นไม่ค่อยดีก็ไม่เป็นไร มาดูกันว่าเธอจะพลิกผันยังไง การแย่งการแต่งงานงั้นเหรอ? เธอทำให้น้องต้องรับบทเรียน แย่งสินเิมดลับมา ให้ชายั่วหญิงร้ายคู่นี้อยู่ด้วยกันตลอดไป ขี้ขลาดเหรอ? เธอจัดการพ่อร้าย สั่งสอนผู้หญิงเสแสร้ง! ขี้เหร่เหรอ? เธอรักษาพิษในตัว และกลายเป็นคนงามอันน่าทึ่ง! ลูกสาวขี้เหร่ของจวนอัครมหาเสนาบดี กลายเป็นผู้สูงส่ง แม้แต่ผู้โหดเหี้ยมบางคนยังหวั่นไหวกับเธอ เมื่อสุดที่รักจะจัดการผู้ใด เขามักจะช่วยเสมอ... แต่น่าเสียดายสุดที่รักคนนั้นไม่มีเขาอยู่ในใจ ฉู่ว่านยู "ออกไป หย่าเลย ผู้ชายมีแต่เป็นภาระของข้าเท่านั้น" เสี่ยวลี่จิงรู้สึกน้อยใจ "ไม่ได้ ข้าให้ครั้งแรกกับเจ้าแล้ว เจ้าต้องรับผิดชอบข้า"
"ไล่ผู้หญิงคนนี้ออกไปซะ" "โยนผู้หญิงคนนี้ลงทะเลซะ" ขณะที่ไม่รู้จักตัวตนที่แท้จริงของเหนียนหย่าเสวียน โฮว่หลิงเฉินได้ปฏิบัติต่อเธออย่างไม่เป็นมิตร "คุณหลิงเฉินครับ เธอคือภรรยาของท่านครับ" ผู้ช่วยของหลิงเฉินกล่าวเตือนเขา เมื่อได้ยินเช่นนั้น หลิงเฉินหยุดเพ่งมองไปที่เขาอย่างเย็นชาและบ่นขึ้นมาว่า "ทำไมไม่บอกผมให้เร็วกว่านี้?" นับจากนั้นเป็นต้นมา หลิงเฉินได้ตามใจและรักใคร่ทะนุถนอมหย่าเสวียนมาตลอด โดยไม่มีใครคาดคิดว่าพวกเขาจะหย่าร้างกัน
ตลอดสิบปีที่ฉู่จินเหอรักเหลิ่งมู่หยวนฝ่ายเดียว เอาใจใส่กับเขาอย่างเต็มที่ แต่เธอไม่เคยคิดว่าที่แท้เธอเป็นแค่ตัวตลกคนหนึ่งเท่านั้น ที่สำนักงานเขตเพื่อทำการหย่า เหลิ่งมู่หยวนมองดูฉู่จินเหอด้วยความเย็นชาและพูดอย่างเหยียดหยามว่า "ถ้าเธอคุกเข่าลงและขอร้องฉัน ฉันอาจจะให้โอกาสเธอกอีกครั้ง ฉู่จินเหอเซ็นอย่างไม่ลังเลและออกจากตระกูลเหลิ่ง สามเดือนต่อมา ฉู่จินเหอปรากฏตัวอย่างเปิดเผย ในเวลานั้น เธอเป็นประธานเบื้องหลังของ LX นักออกแบบลับที่ล้ำค่าที่สุดในโลก และเจ้าของเหมืองที่มีมูลค่าหลายร้อยล้าน ทางตระกูลเหลิ่งคุกเข่าลงและขอร้องให้คืนดีและขอการให้อภัย ฉู่จินเหอแยู่ในโอบกอดของซีอีโอโจว ซึ่งเป็นคนใหญ่คนโตในโลกธุรกิจอย่างมีความุข เธอเลิกคิ้วพลางเยาะเย้ย "ฉันในตอนนี้ไม่ใช่คนที่พวกคุณมาเกี่ยวข้องได้"