“สิ่งที่ฉันอยากได้...” เฟลิกซ์ลากเสียงบอกอย่างช้าๆ วางมือข้างหนึ่งค้ำยันที่ผนังข้างๆ ศีรษะของเธอ มืออีกข้างยื่นออกไปใช้ปลายนิ้วแตะเข้าที่ข้างลำคอเล็กๆ เนียนละเอียดของเธอ “อุ๊ย!” หญิงสาวสะดุ้งอีกครั้ง ความร้อนจากปลายนิ้วที่สัมผัสเข้าที่ลำคอและกำลังลากช้าๆ ไปตามแนวลำคอระหงบาดเข้าไปในผิวเนื้อของเธอจนรู้สึกแสบร้อนไปหมด “ก็... เธอไงล่ะ” ทันทีที่ได้สานสบกับดวงตาแสนหวานของเธอ ‘เฟลิกซ์ เวอซินี’ ก็รู้ว่าภายใต้คราบสุขุมเย็นชาของเธอ ซุกซ่อนผู้หญิงที่ร้อนแรงราวกับไฟเอาไว้ และเพื่อพิสูจน์ว่าเขาคิดถูก ชายหนุ่มจึงพยายามทำทุกทางเพื่อที่จะได้ลิ้มรสสวาทจากหญิงสาวผู้แสนงดงามและน่าค้นหาผู้นี้ให้ได้ แม้กระทั่งใช้ตำแหน่งอำนาจที่มีมากว่า ดึงรั้งเธอให้มาพัวพันด้วยคำว่า ‘หน้าที่การงาน’ ซึ่งเธอไม่อาจปฏิเสธได้ เพราะเขาคือ ‘เจ้านาย’ ส่วนเธอเป็นเพียง ‘พนักงานระดับล่าง’ ‘ลินิน พรหมพิริยะ’ หญิงสาวผู้มีใบหน้างดงามราวกับนางอัปสร เป็นที่หมายปองของชายหนุ่มหลายคน แต่เธอกลับใช้ความเย็นชามาสร้างกำแพงป้องกันไม่ให้ใครหน้าไหนได้เข้าใกล้ เพื่อปกป้องตัวเองจากความสัมพันธ์เร่าร้อนแสนฉาบฉวยของชายหญิง ตามคำสั่งสอนของผู้เป็นยาย เธอใช้ชีวิตอย่างเคยชินกับกฎเกณฑ์เหล่านั้น และเธอทำมันได้เป็นอย่างดีมาโดยตลอด... แม้จะรู้ตัวดีเสมอว่าเธอเองก็อยากลิ้มลองรสชาติแสนหอมหวานและเร่าร้อนของรสสวาทดูสักครั้ง จนกระทั่งมาพบกับผู้ชายที่หล่อเหลาอย่างร้ายกาจ แถมเจ้าเล่ห์จนเธอตามเกมเขาไม่ทัน ดวงตาสีฟ้าคู่นั้นทรงเสน่ห์ล้ำลึกจนเธอหลงใหล แม้พยายามจะห้ามใจ แต่ก็ถูกเขารั้งเอาไว้ด้วย ‘บ่วงปรารถนา’ จนได้ แต่ความสัมพันธ์ครั้งนี้จะยืดยาวได้อย่างไร ในเมื่อเขามองเธอเป็นเหมือน ‘กระต่ายป่า’ ที่หายากและนายพรานอย่างเขาก็สนุกกับการล่า ส่วนเธอเองกลับหลงรักผู้ชายร้อนแรงเจ้าของฉายา ‘คาสโนวาแห่งปารีส’ เข้าเต็มหัวใจ รสสวาทที่เขาทิ้งไว้ กลายเป็นบ่วงปรารถนาจองจำหัวใจของเธอให้หยุดอยู่ที่เขาแต่เพียงคนเดียว แล้วเขาล่ะ... พร้อมที่จะหยุดอยู่ที่เธอหรือเปล่า? “พะ...พอก่อนค่ะ ไม่เล่นแล้วนะคะ ฉันมีเวลาไม่มาก ต้องรีบลงไปทำงานต่อ” “ก็เพราะมีเวลาไง ถึงต้องรีบทำ” คำพูดมีนัยยะของเขาเล่นเอาคนฟังหน้าแดงเถือกไปจนถึงคอ “มะ...ไม่เอานะคะ” เธอร้องห้ามด้วยน้ำเสียงไม่มั่นคงนัก พยายามหยุดมือใหญ่ที่สอดมาตามรอยแยกกระโปรงยูนิฟอร์มของเธอที่ผ่าสูงขึ้นมาเหนือเข่าด้านหนึ่ง “รีบพูดธุระของคุณมาเถอะค่ะ” “ก็นี่แหละธุระของฉัน ฉันต้องการเธอจนแทบคลั่งอยู่แล้ว ไม่รู้สึกบ้างเหรอ?”
“อ๊า!!! อย่างนั้นแหละชัย เร่งอีกนิดสิ” เสียงครวญครางอย่างกระสันซ่านของหญิงสามสิบปลายๆ เจ้าของใบหน้าสวยคมคายดังก้องเสียดแทรกความเงียบสนิทของยามดึกสงัด
หนึ่งสาวสะพรั่งรูปร่างอวบอัดวัยสามสิบต้นๆ นอนระทดระทวยอยู่บนโซฟาใหญ่ที่ห้องนั่งเล่นของบ้านปูนสไตล์โมเดิร์นขนาดเหมาะสมกับครอบครัวที่มีสมาชิกอยู่ด้วยกันห้าชีวิต และสมฐานะผู้มีธุรกิจห้างหุ้นส่วนจำกัดขายอุปกรณ์ก่อสร้าง กับอีกหนึ่งหนุ่มรูปร่างกำยำผิวค่อนข้างคล้ำเข้มด้วยทำงานกลางแจ้งมาทั้งชีวิต กำลังเริงรักกันอย่างถึงพริกถึงขิง เสียงครวญครางที่แม้จะพยายามสะกดกลั้นให้เงียบเชียบเพียงใด ก็ยังเล็ดลอดดังมาจนปลุกให้เด็กหญิงวัยแปดขวบตื่นจากนิทราในเวลาดึกสงัด
เด็กหญิงที่มีใบหน้าสวยคมคายตั้งแต่ยังไม่แตกเนื้อสาวเดินตามทางเดินของชั้นสองของตัวบ้านที่มีเพียงแสงไฟสลัวสาดส่องพอให้มองเห็นทางมาตามเสียงครางกระเส่ากับเสียงลมหายใจกระชั้นชิด กระทั่งมาหยุดอยู่ที่เชิงบันไดที่ทอดตัวลงไปสู่ชั้นล่าง อันสามารถมองเห็นสมรภูมิพิศวาสได้อย่างชัดเจน ในมือข้างหนึ่งของแม่หนูถือตุ๊กตากระต่ายที่พึ่งได้เป็นของขวัญวันเกิดจากคุณยายเจ้าระเบียบ เด็กหญิงหย่อนกายนั่งลงที่บันไดขั้นสูงสุด มืออีกข้างเกาะลูกกรงตรงราวบันไดเอาไว้ ขณะที่จับจ้องมองภาพความหฤหรรษ์ที่กำลังเกิดขึ้นอย่างไม่ค่อยจะเข้าใจนัก
“โอ้... ชัย!! แรงอีกนิดสิ พี่จะไม่ไหวแล้ว” นั่นเสียงแม่ของเธอเอง เด็กหญิงจำได้ เพียงแต่ตอนนี้มันเต็มไปด้วยอาการสั่นเครือราวกับทรมานอย่างหนัก และผู้ชายคนนั้น... แม่หนูน้อยจำได้ว่าเป็นหนึ่งในพนักงานที่ทำงานในร้านขายอุปกรณ์ก่อสร้างที่พ่อของเธอเป็นเจ้าของ
ทั้งสองคนกำลังทำอะไรกันนะ? เด็กหญิงตั้งคำถามในใจ ทำไมแม่ของเธอถึงได้ดูทรมานอย่างนั้น ทำไมผู้ชายที่เธอเรียกติดปากว่า ‘น้าชัย’ ถึงได้เคลื่อนไหวด้วยท่วงท่าเช่นนั้นเหนือเรือนร่างเปลือยเปล่าของผู้เป็นแม่ของเธอเอง? เด็กหญิงเกิดอาการใคร่รู้ ทว่าก็ไม่อาจหาคำตอบได้ ด้วยไม่เคยเห็นกิจกรรมดังกล่าวมาก่อนในชีวิต
“ใช่! ใช่! อย่างนั้นแหละ ดีมาก” เสียงของสาววัยสามสิบกลางๆ เอ่ยชื่นชมในการเคลื่อนไหวและบทรักแสนเร่าร้อนของหนุ่มรุ่นน้อง เธอไม่ได้ลิ้มลองบทสวาทที่เหมือนไฟแผดเผาอย่างนี้มานานแล้ว เพราะระยะหลังๆ มานี่ดูเหมือนสามีของเธอจะค่อนข้างห่างเหิน เรียกได้ว่าร่วมรักกันอาทิตย์ละไม่เกินสองครั้งด้วยซ้ำ คงไม่แปลกที่เธอจะหาเศษหาเลยกับผู้ชายหนุ่มแน่นที่พร้อมจะตอบสนองอารมณ์ใคร่ของตัวเอง หญิงสาวคิดเช่นนั้น
“อา... พี่วรรณแน่นจริงๆ เลยนะครับ” เสียงของชายหนุ่มวัยกลัดมันแตกปร่าด้วยความปรารถนาที่แสนเร่าร้อน ทว่าคนที่แอบมองเหตุการณ์อยู่ไม่อาจเข้าใจได้ ได้แต่ยืนมองภาพการเคลื่อนไหวที่แสนร้องแรงนั้นด้วยความสนเท่ห์
“พี่ไม่ไหวแล้วชัย! ไม่ไหวแล้ว! อ๊า!!” เสียงหญิงสาวรูปร่างอวบอัดร้องบอก ก่อนที่เธอกรีดร้องเป็นทางยาวพร้อมกับร่างกายที่เกร็งสะท้าน สองขาสองแขนโอบรัดโอบรัดรอบร่างกำยำที่ชื้นเหงื่อของคนเหนือร่างแน่น
“อา... ผมก็ไม่ไหวแล้วครับพี่วรรณ อึก!” ไม่ทันได้สิ้นเสียงกรีดร้องเป็นทางยาวอย่างสุขสม ร่างหนั่นแน่นของชายผู้เร่าร้อนก็เคลื่อนไหวอย่างรวดเร็ว ก่อนที่จะหยุดนิ่งเพื่อปลดปล่อยความปรารถนาทุกหยาดหยดเข้าไปในปราการพลาสติกที่สวมใส่เพื่อป้องกันทั้งตัวเองและอีกฝ่าย เพราะไม่อยากให้มีผลอันไม่พึงประสงค์ตามมาจากการเป็นชู้รักของกันและกัน
สองหนุ่มสาวกอดกันกลม ขณะที่ทิ้งจังหวะให้ตัวเองได้ซึมซับกับความกระสันซ่านที่พานพบ กระทั่งเมื่อลมหายใจเริ่มเข้าสู่ภาวะปกติ ร่างสูงใหญ่ของชายหนุ่มผู้มีรสรักแสนร้อนแรงจะผละออกห่างจากร่างอวบอัดขาวนวลของสาวรุ่นพี่ แล้ว จัดการรูดเครื่องป้องกันแล้วโยนทิ้งออกไปไกลอย่างไม่ใส่ใจว่ามันจะไปตกลงที่ใด
“ผมรักพี่วรรณจังเลย” ชายหนุ่มรำพันขณะที่สวมกางเกงของตัวเอง ที่จริงต้องบอกว่าเขาหลงรักบทรักแสนเร่าร้อนของสาวรุ่นพี่เสียมากกว่า
“พี่ก็รักเธอจ้ะชัย อืม...” สาวสวยที่มีฐานะเป็นนายหญิงของอีกฝ่ายตอบกลับ ขณะที่ใช้ปลายมือเชยคางเหลี่ยมของอีกฝ่ายกลับมาแล้วมอบจุมพิตแสนเร่าร้อนให้
เด็กหญิงเบิกตากว้างเมื่อได้ยินคำบอกรักของคนทั้งคู่ แม้เธอจะเด็กเกินกว่าจะรู้ว่าสิ่งที่เพิ่งเกิดขึ้นเมื่อครู่ระหว่างแม่กับผู้ชายอีกคนที่เธอคุ้นหน้าเป็นอย่างดีนั้นมันคืออะไร แต่สำหรับเด็กวัยแปดขวบอย่างเธอก็พอจะรู้ว่าแล้วคำว่า ‘รัก’ น่ะมันคืออะไร และมีความหมายแค่ไหน
“แม่กับน้าชัยทำอะไรกันเหรอคะ?” เด็กหญิงเอ่ยขึ้นหลังจากที่ยืนดูเหตุการณ์เร่าร้อนของทั้งสองมานาน
“ว้าย! ตายแล้ว! ยัยนิน!” คนเป็นแม่ร้องเสียงหลง เพราะไม่คิดว่าลูกสาวจะตื่นขึ้นมากลางดึกแล้วมาพบกับเรื่องที่เธอเฝ้าปกปิดเอาไว้มาร่วมปี ก่อนที่จะรีบคว้าเสื้อคลุมผ้าไหมที่สวมติดกายลงมาจากห้องนอนและถอดมันกองเอาไว้ข้างๆ โซฟาตัวนั้นขึ้นมาสวมอย่างรวดเร็ว
ร่างสะโอดสะองเดินลิ่วตรงมาหาลูกสาวที่เดินมาถึงครึ่งทางของบันไดที่ทอดตัวสู่ชั้นบนของบ้าน มือคว้าต้นแขนเล็กๆ บีบไว้อย่างโมโห
“แกลงมาทำอะไร!? ดึกป่านนี้แล้วทำไมยังไม่นอน!?” คนเป็นแม่แผดเสียงถามอย่างไม่พอใจ ที่จริงต้องบอกว่าเธอตกใจมากกว่าที่ลูกสาวตื่นมาเห็นเหตุการณ์คบชู้ของตนเข้า
“นะ...หนูหิวน้ำ” เด็กหญิงวัยแปดขวบน้ำตาคลอ เธอไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น และเธอทำอะไรผิดนักหนา แต่ที่รู้คือเธอไม่อยากให้แม่โกรธเธอ และเธอไม่อยากถูกทำโทษด้วยการตีเจ็บๆ อย่างที่แม่ทำเวลาที่เธอทำอะไรให้ไม่พอใจอย่างเดิมอีก แต่ก็ยังอุตส่าห์ถามด้วยความใสซื่อ “มะ...เมื่อกี้แม่กับน้าชัยทำอะไรเหรอคะ?”
“ไม่ใช่เรื่องของเด็ก! กลับขึ้นไปนอนได้แล้ว หรืออยากโดนตี!?” คราวนี้เด็กหญิงน้ำตาปริ่มขอบตา ก่อนยอมหมุนตัวเดินกลับไปยังห้องนอนของตนตามเดิม คนเป็นแม่เดินกลับไปทิ้งตัวนั่งข้างๆ ชู้รักซึ่งสวมกางเกงเรียบร้อยแล้ว แต่เปลือยท่อนบนให้ล่อตาล่อใจสาวไฟแรงสูงเล่น
“เอาไงดีล่ะพี่วรรณ? หนูนินเห็นอย่างนั้นแล้วแกจะเอาไปบอกคุณสิทธิ์ไหมพี่?” ชายชู้ถามอย่างเป็นกังวล ถึงแม้เขาจะหลงบทสวาทของสาวรุ่นพี่มากแค่ไหน แต่มันก็ไม่ได้มากพอที่เขาจะเอาชีวิตมาเสี่ยงโดนฆ่าเพราะเป็นชู้กับเมียชาวบ้าน หรือโดนไล่ออกจากงานหรอกนะ
“ไม่ต้องเป็นห่วงหรอก เรื่องนั้นพี่จะจัดการเอง ยัยนินน่ะไม่กล้าขัดคำสั่งพี่หรอก” วรรณภาบอก เธอมั่นใจอย่างนั้น ลินินเรียกได้ว่าเป็นเด็กค่อนข้างหัวอ่อน นั่นเพราะถูกคนเป็นยายเสี้ยมสอนมาตั้งแต่เด็กเรื่องการเชื่อฟังผู้หลักผู้ใหญ่ และเด็กหญิงก็ปฏิบัติตัวอยู่ในโอวาทของคนเป็นแม่เสมอมา อีกอย่าง... เธอค่อนข้างแน่ใจว่าลูกสาวยังเด็กเกินกว่าจะรู้ว่าสิ่งที่เพิ่งเห็นไปน่ะมันคืออะไร
“แน่ใจหรือพี่?” แม้จะได้รับคำยืนยันหนักแน่น แต่กระนั้นชายหนุ่มก็ไม่อาจนิ่งนอนใจได้ ด้วยว่ามีชนักอันใหญ่ปักติดหลังอยู่นั่นเอง
“เชื่อพี่สิ ไม่ต้องคิดมากหรอกชัย” วรรณภาบอกพลางเอียงศีรษะซบกับบ่าบึกบึนแน่นด้วยกล้ามเนื้อต่างจากผู้เป็นสามีที่มีรูปร่างท้วมออกไปทางเจ้าเนื้อมากกว่า มือเรียวลูบไล้ไปตามแผงอกกว้างล่ำสัน “พี่ว่า... พี่มีวิธีช่วยให้ชัยผ่อนคลายความเครียดได้นะ”
“ยังไม่พออีกเหรอพี่? เมื่อกี้นี้ก็สองยกแล้วนะ” ชาญชัยถามอย่างไม่ค่อยอยากจะเชื่อหู เขานับว่าเป็นชายหนุ่มที่บทรักร้อนแรงจนมีสาวๆ หลายคนติดใจรสรักของเขา แต่ไม่มีใครที่จะมีความต้องการมากล้นเหมือนนายหญิงคนนี้เลยสักคน แถมยังตอบสนองแรงรักได้อย่างถึงพริกถึงขิงอีก อีกฝ่ายหัวเราะคิกคักอย่างสาวรุ่น
“แหม...” สาวหุ่นน่าฟัดลากเสียงยาว ก่อนลุกขึ้นยืนแล้วนั่งคร่อมลงบนตักกว้างของชู้รัก มือเรียววางที่อกกว้างที่ยังชื้นเหงื่อ ลูบไล้อย่างเชิญชวนพร้อมส่งแววตาเย้ายวนไปให้ “ก็ชัยทำให้พี่ร้อนแรงได้ขนาดนั้น เท่าไหร่ก็ไม่พอหรอกจ้ะ”
ก่อนที่สองหนุ่มสาวจะเริ่มต้นเริงสวาทกันบนโซฟาตัวนั้นกันอีกหลายต่อหลายยก นั่นเพราะตอนนี้สามีของเธอพาลูกชายคนโตและลูกชายคนเล็กไปเยี่ยมปู่กับย่าที่ต่างจังหวัด ทั้งคู่จึงต้องการตักตวงเวลาอันมีค่านี้เอาไว้อย่างเต็มที่
เมื่อจู่ๆ ‘คริสโตเฟอร์ เมสัน’ ผู้บริหารหนุ่มหล่อจอมเฮี้ยบของแม็กนามีเดีย ตัดสินใจที่จะยุบนิตยสารแม่บ้านตกยุคที่ไม่เคยทำกำไรมานาน แน่นอนว่ามันรวมไปถึงการลอยแพพนักงานด้วยการจ้างออกทั้งแผนก ‘อลิสา สิปปา’ บ.ก.สาวไทยผู้แสนจะเชยไม่แพ้นิตยสารที่เธอดูแลอยู่จึงหมดทางเลือก นอกจากบุกไปพบเจ้านายคนใหม่เพื่อขอให้เขายืดเวลา แต่ว่าก็ว่าเถอะ แค่การแต่งเนื้อแต่งตัวให้ดูเฟี้ยวฟ้าวเหมือนผู้หญิงปกติในสังคมเธอยังทำไม่ได้ ประสาอะไรจะปรับปรุงนิตยสารใหม่ทั้งเล่มแล้วปลุกยอดขายให้เขาได้ล่ะ ถ้าอยากได้โอกาสนักล่ะก็ ก่อนอื่นลองทำตัวสวยจนเขารู้สึกพอใจก่อนจะดีไหม “ถ้าเธอไม่ตื่นเดี๋ยวนี้ล่ะก็... เราคงไม่ได้ลุกจากเตียงกันอีกจนกว่าจะถึงเที่ยงของวันนี้นะ” ไม่ขู่เปล่า แต่คริสโตเฟอร์ยังคงกดจมูกลงที่ข้างขมับของเธอ ก่อนที่จะใช้กลีบปากแกร่งค่อยๆ ไล่จูบหนักๆ ไปตามผิวแก้มนวล เล่นเอาคนที่ตั้งท่าจะดึงดันเมื่อครู่เปิดเปลือกตาทันควัน “ตื่นแล้วค่ะ!” หญิงสาวร้องบอก แล้วผลักอกกว้างให้ออกห่าง ตั้งท่าจะถลาลงจากเตียงเมื่อเขาทำท่าว่าจะปล้ำเธอเข้าจริงๆ หากทว่าเขากลับดึงแขนเธอไว้ไม่ยอมให้ลงจากเตียงไปง่ายๆ “ตื่นแล้วก็มามอร์นิ่งคิสกันก่อนสิ” ชายหนุ่มพูดอย่างเจ้าเล่ห์ “ไม่เอาค่ะ!” อลิสาสั่นหน้าปฏิเสธ ขืนจูบเขาล่ะก็... เธอกลัวว่ามันจะไม่หยุดเพียงแค่จูบน่ะสิ และเธอเองก็คงอดที่จะปล่อยให้อารมณ์เตลิดตามเขาไปไม่ได้ด้วยแน่ๆ “เพิ่งตื่นก็ต้องแปรงฟันแล้วก็ทำความสะอาดร่างกายก่อนสิคะ” “ถ้าแปรงฟันแล้วเขาจะเรียกมอร์นิ่งคิสได้ยังไงล่ะ?” คริสโตเฟอร์ถามด้วยน้ำเสียงเง้างอนน้อยๆ ก่อนยื่นข้อเสนอให้ “เลือกเอาว่าเธอจะเป็นคนจูบฉัน หรือจะให้ฉันเป็นคนจูบเธอ?”
เพราะต้องการหาข้อมูลเขียนนิยายเรื่องใหม่ กานต์มาดา นักเขียนสาวจึงต้องสร้างกลรักขึ้นมา แล้วหลอกล่อให้เขา...อัลฟอนโซ่ เจ้าของบริษัทใหญ่ในสเปน และพ่วงตำแหน่งคุณพ่อลูกหนึ่ง ให้มาเล่นเกมปรารถนากับเธอ แต่เมื่อเขาจะเอาจริง เธอจึงต้องยุติทุกอย่างลงก่อนที่ความสัมพันธ์จอมปลอมจะจริงจังไปจนเกินควบคุม แต่...ไม่มีใครที่จะหลอกเล่นกับหัวใจของหนุ่มหล่อทรงเสน่ห์และอำนาจแห่งแดนกระทิงดุไปได้ อัลฟอนโซ่หมายมั่นที่จะทำทุกอย่าง เพื่อให้บทเรียนกับกานต์มาดา ที่กล้ามาล้อเล่นกับความรู้สึกเขา!!! งานนี้...ใครจะชนะในเกมปรารถนาที่กลับกลายเป็นการเอาคืนได้? หรือต่างกันต่างก็ต้องพ่ายแพ้ให้กับกลรักที่ร้อยรัดหัวใจของเขาและเธอเอาไว้กันแน่? ร่วมหาคำตอบกันได้ใน “กลรัก เกมปรารถนา” **************** “ทำไม? หรือคุณกลัวผม?” “ใช่! เพราะคุณมันเจ้าเล่ห์! ไว้ใจไม่ได้!” “...จริงๆ ผมก็ไม่ชอบทำอะไรคนหลับหรอกนะ ทำอะไรตอนที่ไม่หลับได้อารมณ์กว่าเยอะ เพราะผมจะได้ยินเสียงครางหวานหูของคุณ มันเพราะจับใจยิ่งกว่าบทเพลงบทไหนในโลกเลยล่ะ”
“คุณก็รู้ว่าฉันเมา แล้วคุณยังจะทำอย่างนั้นกับฉันอีก คุณยังมีความเป็นสุภาพบุรุษอยู่รึเปล่า หา! คุณปรานต์? หรือคุณโกรธแค้นฉันมากถึงอยากจะแก้แค้นฉันให้ตายทั้งเป็นอย่างนี้?” “เธอจะมาหาว่าฉันฉวยโอกาสได้ยังไง? ในเมื่อเธอเองเป็นคนเรียกร้องสิ่งนั้นจากฉันเองแท้ๆ เธอควรจะโกรธตัวเธอเองมากกว่า แต่พูดก็พูดเถอะนะ ว่าลีลาของเธอมันช่างร้อนแรงกว่าผู้หญิงทุกคนที่ฉันเคยผ่านมาเสียอีก แหม...ว่าแล้วเราก็มาต่อกันอีกรอบดีไหมจ๊ะสาวน้อย? บอกตรงๆ ว่าฉันยังติดใจเธอไม่หาย” “หยุดพูดเดี๋ยวนี้นะ!” “เอาน่า...ไหนๆ เรื่องมันก็มาถึงขั้นนี้แล้ว ฉันยินดีรับผิดชอบเธอทุกอย่าง พรุ่งนี้เราไปจดทะเบียนสมรสกันเลยก็ได้ บอกตามตรงนะ ฉันยังประทับใจในลีลาของเธอไม่หายเลย” ปารวี ต้าเฟย เมธาชัย จำต้องตกอยู่ในบ่วงวิวาห์อย่างจำยอม เมื่อถูกคนเป็นพ่อมัดมือชกให้ต้องแต่งงานกับญาตาวี วัฒนากุล ลูกสาวอดีตคนรักของพ่อ คนที่ทำให้แม่ของเขาต้องตกอยู่ในความห้วงของความเจ็บปวดเพราะไม่เคยได้รับความรักจากพ่อของเขาแม้กระทั่งในวินาทีสุดท้ายของชีวิต นั่นทำให้ชายหนุ่มผูกใจเจ็บญาตาวีจนนึกอยากจะขย้ำเธอทุกวินาที แต่มันจะสนุกอะไรกับการฆ่าเธอให้ตาย? สู้หลอกล่อให้เธอตกหลุมพราง แล้วค่อยๆ กรีดหัวใจของเธอให้เจ็บมันสะใจกว่ากันเยอะ ญาตาวีไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าชีวิตนี้จะต้องโคจรมาพบกับชายหนุ่มผู้เจ้าคิดเจ้าแค้น แถมยังหยิ่งยโสชนิดที่เธอนึกอยากจะข่วนหน้าหล่อๆ นั่นให้เป็นแผลเหวอะหวะ เธอพยายามจะเอาตัวออกห่างเขาเพราะไม่อยากทนรองรับอารมณ์หงุดหงิดที่ไม่มีเหตุผลของปารวีนัก แต่มันมักจะมีอันให้ต้องเข้าไปพัวพันกับเขาทุกที สุดท้าย... ก็ถูกเขาเล่นกลหลอกล่อให้เธอต้องติดอยู่ใน ‘บ่วงวิวาห์’ กับเขาแบบจำยอม แล้วชีวิตคู่ที่ไม่ได้เกิดจากพื้นฐานของความรักมันจะยืนยาวสักแค่ไหนกัน ในเมื่อเขาจ้องจะคอยทำร้ายจิตใจของเธอเพื่อแก้แค้นแทนแม่ผู้ล่วงลับของเขา ในขณะเดียวกัน... นับวันเธอก็รู้สึกเหมือนจะยิ่งผูกพันกับเขาไปทั้งใจ “อย่าเล่นบ้าๆ นะญาตาวี!” “เล่นบ้าๆ อย่างนั้นเหรอคะ? ฉันว่าไม่ใช่มั้ง เพราะดูเหมือนคุณเองก็ต้องการไม่ใช่เหรอ?” เจ้าของร่างบางค่อยๆ คุกเข่าข้างหนึ่งลงบนเตียงนอนระหว่างขาทั้งสองข้างของเขา ก่อนโน้มตัวมาข้างหน้าจนใบหน้าหวานอยู่ห่างใบหน้าคมคายของเขาไม่ถึงคืบ “อย่าทำอย่างนี้นะญาตาวี เธอไม่รู้หรอกว่าผลที่ตามมามันรุนแรงแค่ไหน” “งั้นเหรอคะ?”
“แล้วอีกอย่าง...ฉันมันพวกไม่ยอมแพ้อะไรง่ายๆ ด้วยสิ ยิ่งคุณรำคาญ ยิ่งคุณอยากไล่ฉันไปไกลๆ ฉันก็จะคอยป้วนเปี้ยนอยู่ใกล้ๆ คุณ จนคุณขาดฉันไม่ได้ ยิ่งคุณเกลียดฉันมากเท่าไหร่ ฉันก็จะทำให้คุณรักฉันมากเท่านั้น” “แสดงว่า...ถ้าเธอได้ในสิ่งที่เธอต้องการแล้ว เธอจะเลิกยุ่งกับฉันอย่างนั้นใช่ไหม?” “คุณจะทำอะไร!?” หญิงสาวเบิกตาถามอย่างตกใจ เมื่อเขาย่างสามขุมเข้ามาหาด้วยท่าทีไม่น่าไว้ใจนัก เท้าบางกระชากตัวเองก้าวถอยหลังด้วยสัญชาตญาณป้องกันตัวเอง “ก็จะทำให้เธอได้ในสิ่งที่เธอต้องการไง จะได้เลิกยุ่งกับฉันสักที!” คำว่า ‘ยอมแพ้’ ไม่เคยมีอยู่ในพจนานุกรมประจำใจของ ‘มะลุลี วิโรจน์รุ่ง’ นักเขียนสาวผู้พกความมุ่งมั่นจนเข้าขั้นดื้อดึงมาเกิด โดยเฉพาะกับเรื่องของหัวใจ... ในเมื่อเธอหลงรักกระทิงหนุ่มผู้ดุดันและเร่าร้อนอย่าง ‘เอเลียต รามิเรส นาธาเนียล’ เข้าอย่างยากจะถ่ายถอน มีหรือที่เธอจะยอมปล่อยให้เขาหลุดมือไปโดยไม่คิดจะทำอะไรเลย ดังนั้นเธอจึงเดินหน้า ‘ภารกิจตื้อรักกระทิงหนุ่ม’ อย่างเต็มกำลัง และไม่คิดจะถอยแม้จะถูกเขา ‘ขวิด’ ด้วยการกระทำและคำพูดแสนร้ายกาจ แต่หญิงสาวก็ยังมุ่งมั่นที่จะเป็นมาทาดอร์สาวปราบพยศกระทิงผู้เร่าร้อนให้จงได้ และมะลุลีก็ยังคงเป็นมะลุลี... เธอมักจะหาเรื่องใส่ตัวเสมอ และครั้งนี้ก็เช่นกัน เมื่อเธอคิดร่วมมือกับทนายหนุ่มไฟแรงเพื่อกระชากหน้ากาก ‘ชาโดว์ เดวิล’ ฆาตรกรต่อเนื่องแสนโหดเหี้ยมตัวจริง เพื่อให้ได้มาซึ่งข้อมูลสำหรับงานเขียนเล่มใหม่ และการกระทำเช่นนั้นกลับกลายเป็นภัยร้ายที่ค่อยๆ คืบคลานเข้ามาหายจะคร่าชีวิตของเธอให้แดดับ ภารกิจสืบหาความจริงที่เริ่มต้นไปพร้อมๆ กับภารกิจพิชิตรัก งานนี้มะลุลีจะทำภารกิจทั้งสองสำเร็จหรือไม่? หรือต้องสังเวยทุกๆ ภารกิจด้วยชีวิตและหัวใจของเธอกัน? “แต่ไม่เป็นไรหรอก... อีกไม่กี่นาทียาก็หมดฤทธิ์แล้ว เธอจะรู้สึก... ทุกๆ อย่างที่ฉันทำกับเธอ และเชื่อเถอะว่า เธอจะภาวนาให้ยาที่ฉันฉีดให้ไม่ฤทธิ์ เพราะมันจะเจ็บบรรลัยเลยล่ะ!” “อ๊ะ!” หญิงสาวร้องเพราะรู้สึกเจ็บจี๊ดที่ข้อมือซึ่งถูกมัดติดกับที่วางแขนของเก้าอี้ไม้ “ดูเหมือน... ยาจะเริ่มคลายฤทธิ์ลงแล้วสินะ ดีเลย!” ปิศาจในเงามืดพูดพลางหยิบมีดพกแบบทหารขึ้นมา กวัดแกว่งมันไปมาพร้อมกับก้าวเท้าเข้าไปหาเหยื่อที่แม้ฤทธิ์ยาจะค่อยๆ เสื่อมลงแล้วแต่ก็ยังยังไร้หนทางพาตัวเองออกจากพันธนาการของเชือกเส้นใหญ่ “มาดูกันว่าคนที่มีความพยายามเป็นเลิศอย่างเธอจะอดทนได้นานกว่านังแพศยาคนอื่นๆ ที่ฉันเคยฆ่าหรือเปล่า?”
‘ให้ตายเถอะ! นี่เขาจะต้องแต่งงานกับยัยจิตป่วนนี่จริงๆ หรือไง?!!’ นั่นคือสิ่งที่เกเบรียล แมคไรลีย์ ดีไซเนอร์หนุ่มที่พ่วงตำแหน่งรองประธาน บริษัทอาร์ทิสติกแอทแทร์ จำกัดมหาชน ผู้มีโลกส่วนตัวสูงครวญในใจ เมื่อถูกพ่อบังคับแกมข่มขู่ให้แต่งงานกับ มารียา รัตนาวัฒน์ หญิงสาวที่ดูเป็น working woman แต่จริงๆ ซ่อนความป่วนและเพี้ยนเอาไว้มากมาย แถมภรรยาจำเป็นของเขายังหลงรักพี่ชายแท้ๆ ของเขาจนหมดหัวใจ ที่ยิ่งไปกว่านั้นคือเธอคิดว่าเขาเป็น ‘เกย์’ เลยคิดจะแต๊ะอั๋งเขายังไงก็ได้เสียอีก! มารียา ดีใจจนเนื้อเต้นเมื่อผู้ก่อตั้งบริษัทอย่างเวนเดล แมคไรลีย์ ขอร้องให้เธอแต่งงานกับบุตรชายของตนด้วยเหตุผลบางประการ เธอคิดว่าเธอจะได้แต่งงานกับเคลวิน แมคไรลีย์ คนที่เธอแอบหลงรักมานานหลายปี แต่ทุกอย่างกับผิดคาดไปหมด! เพราะเธอต้องแต่งงานกับ (คนที่ตนคิดเองเออเองว่าเป็น) เกย์หนุ่มเซ็กซี่ขยี้ใจแทนเสียนี่! แต่ไม่เป็นไรหรอก เธอจะพลิกวิกฤตให้เป็นโอกาส ด้วยการใช้เกเบรียลเป็นสะพานไปหาจ้าวหัวใจอย่างเคลวินให้ได้! แต่ทั้งคู่คงไม่รู้ว่าการแต่งงานลวงโลกนี้จะกลับกลายเป็นตรวนรักที่ร้อยรัดดวงมานของคนทั้งคู่เข้าไว้ด้วยกัน ตรวน... ที่ทั้งสองจะไม่มีวันหนีไปไหนได้ แต่จะทำอย่างไร... เมื่อเวลาที่มีร่วมกันช่างจำกัดนัก? ติดตามเรื่องราวความรักของทั้งคู่ได้ใน “ตรวนลวงดวงมาน” “ลืม?” ชายหนุ่มเลิกคิ้วถาม ดวงตาของเขามีแววเยาะหยัน ไม่รู้ว่าหยันตัวเขาเองหรือว่ากำลังเหยียดหยันเธอกันแน่? “เธอลืมได้หรือ? ลืมได้เหรอว่าเธอขอร้องฉันว่าอะไร? ลืมได้หรือว่าเธอสัมผัสฉันอย่างเร่าร้อนแค่ไหน? ลืมได้เหรอว่าเธอตอบสนองสัมผัสของฉันอย่างกระตือรือร้นแค่ไหน? ลืมได้หรือว่าเธอเองที่เป็นคนอยากเรียนรู้และขอให้ฉันสอนทุกอย่างที่เธออยากรู้ให้!?” “ไม่! หยุด! หยุดพูดเดี๋ยวนี้นะ!” มือบางยกขึ้นปิดหูตัวเองไว้ พร้อมทั้งร้องบอกให้เขาหยุดคำพูดที่ชวนให้คิดถึงเรื่องราวในคืนนั้นเสียที แต่เขาไม่หยุด! เขาจะไม่ยอมให้เธอหนีความจริงอีกต่อไปแล้ว! “เธอยังจำได้ไหมว่าเธอกรีดร้องด้วยความสุขมากแค่ไหน เวลาที่เราฉันสอดประสานเข้าไปในตัวของเธอ และผลักดันให้เธอพุ่งทะยานไปถึงจุดสุดยอด? ยังจำได้ว่าเธอกรีดร้องเรียกชื่อฉันอย่างแว่วหวานแค่ไหน ตอนที่เธอกระโจนถึงสวรรค์ที่ฉันพาเธอไป!?” ปกติแล้วเกเบรียลไม่ใช่คนที่จะเอาเรื่องบนเตียงมาพูดให้ผู้หญิงได้อับอาย แต่กลับคนหัวดื้ออย่างมารียา ถ้าพูดด้วยคำพูดสุภาพ...พูดด้วยคำพูดตะล่อมอย่างที่เขาชอบใช้คงไม่ได้ผล มันต้องยกเหตุผลและความเป็นจริงมาพูดอย่างนี้แหละ เธอจึงจะหาทางปฏิเสธความจริงไม่ได้!
“เร็วๆ สิ! มาแสดงให้ฉันดูหน่อยว่าคนอย่างเธอมีดีอะไร ถึงได้มีผู้ชายมาขอแต่งงาน... ทั้งๆ ที่ก็รู้ว่าเธอน่ะมันสำส่อน ไม่ต่างจากโสเภณีนักหรอก!” ‘รุจาภา วรลักษณ์’ ไม่เคยคาดคิดมาก่อนเลยว่าจะต้องมาถูกจับขังในกรงวิวาห์กับผู้ที่เป็นเหมือนไม้เบื่อไม้เมาที่เจอกันทีไรเป็นต้องทำร้ายกันไม่ด้วยการกระทำก็คำพูดอยู่ร่ำไป เพียงเพราะเธอต้องการจะปกป้องคนที่เธอรัก กลับกลายเป็นต้องตกเป็นทาสสวาทพยัคฆ์ร้ายอย่างเขาไปเสียนี่ ‘พยัคฆ์ พิตตินันท์’ ไม่เคยคิดเลยว่าชาตินี้ต้องพบเจอกับผู้หญิงปากร้ายปากคมยิ่งกว่ามีดผ่าตัด แถมร้ายกาจจนเหลือรับ แต่เสือร้ายอย่างเขามีหรือจะนอนนิ่งๆ ให้เธอกระตุกหนวดเอาได้ง่ายๆ? ขืนทำอย่างนั้นก็เสียชื่อเสือหมดน่ะสิ! งานนี้เห็นทีต้องทำการปราบพยศ ‘ยัยเด็กแสบ’ สักหน่อยแล้วล่ะสิ แต่จะมีวิธีไหนเอาคืนได้สะใจไปกว่าการทำให้เธอตกเป็นทาสสวาทพยัคฆ์ร้ายอย่างเขาได้เล่า? “เธอจะต้องไปอยู่ในไร่กันตา...” “ในฐานะอะไรไม่ทราบ?” หญิงสาวถามทันควัน เขาอยากให้เธอไปอยู่ในไร่กับเขาในฐานะอะไรกัน? เมีย... งั้นหรือ? มีหวังปิ่นแก้วได้อาละวาดไร่แตกแน่ๆ! “ทาสไงล่ะ”
ตลอดระยะเวลาสามปีที่หยุยเอินแต่งงานกับฝู้ถิงหย่วน เธอพยายามทำหน้าที่ภรรยาให้ดีที่สุด เธอคิดว่าความอ่อนโยนของตนจะสามารถละลายใจที่เย็นชาของฝู้ถิงหย่วนได้ แต่ต่อมาเธอก็รู้ตัวว่าไม่ว่าเธอจะพยายามแค่ไหน ผู้ชายคนนี้ก็ไม่มีวันจะตกหลุมรักเธอได้ ด้วยความสิ้นหวังของเธอ สุดท้ายเธอตัดสินใจที่จะยุติการแต่งงานครั้งนี้ ในสายตาของฝู้ถิงหย่วน หยุยเอิน ภรรยาของเขาเป็นผู้หญิงที่โง่ ไม่มีอะไรดีเลยสักอย่าง แต่เขาก็คิดไม่ถึงว่าภรรยาของเขาจะกล้าโยนใบหย่าใส่เขาต่อหน้าคนมากมายในงานเลี้ยงวันครบรอบฝู้ซื่อ กรุ๊ป หลังจากหย่าร้าง ทุกคนต่างคิดว่าพวกเขาจะไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกันอีกต่อไป แต่เรื่องราวระหว่างทั้งสองคงไม่ได้จบลงอย่างง่าย ๆ แบบนี้ หยุยเอินได้รับรางวัลบทภาพยนตร์ยอดเยี่ยม และคนที่เป็นผู้มอบถ้วยรางวัลให้กับเธอก็คือฝู้ถิงหย่วน หยุยเอินคิดไม่ถึงว่าผู้ชายที่สูงส่งและแสนเย็นชาคนนี้จะลดตัวลงอ้อนวอนเธอต่อหน้าผู้ชมทั้งหมด"หยุยเอิน ก่อนหน้านี้คือผมผิดเอง ขอโอกาสให้ผมอีกครั้งได้ไหม"หยุยเอินยิ้มด้วยความมั่นใจ"ขอโทษนะคุณฝู้ ตอนนี้ฉันสนใจแต่เรื่องงาน"ชายหนุ่มคว้ามือเธอไว้ ดวยตานั้นเต็มไปด้วยความผิดหวัง หยุยเอินสบัดมือเขาและเดินจากไปโดยปราศจากความลังเลใด ๆ
ผมต้องทำงานนอกเวลาทุกวันเพื่อหารายได้ประคองชีวิตและจ่ายค่าเรียนมหาวิทยาลัยด้วยตัวเอง เนื่องจากฐานะครอบครัวยากจนและไม่สามารถส่งเสียผมเข้ามหาวิทยาลัยได้ และตอนเรียนที่มหาวิทยาลัย ผมก็ได้พบกับเธอ-สาวแสนสวยที่หนุ่มๆ ทุกคนในชั้นเรียนต่างก็ใฝ่ฝันถึง ไม่เว้นแม้แต่ผมเอง แต่ผมก็รู้ตัวดีว่าตัวเองไม่คู่ควรกับเธอ ถึงอย่างนั้นก็ตาม ผมก็รวบรวมความกล้าสารภาพกับเธอจนได้ สุดท้ายผมนึกไม่ถึงว่าเธอจะยอมตกลงเป็นแฟนกับผม เธอบอกกับผมว่าอยากได้ของขวัญเป็นไอโฟนรุ่นล่าสุด ผมก็ไปรับงานซักเสื้อผ้าให้เพื่อนร่วมชั้นเรียนเพื่อพยายามเก็บเงินซื้อให้เธอจนได้ และในที่สุดหนึ่งเดือนต่อมา ผมก็ซื้อมาได้จริง ๆ แต่ขณะที่ผมกำลังห่อของขวัญเพื่อนำไปมอบให้เธอ ก็พบว่าเธอกำลังมีอะไรกับหัวหน้าทีมฟุตบอลในห้องล็อกเกอร์ เธอเหมือนเปลี่ยนเป็นอีกคนหนึ่งซึ่งผมไม่เคยรู้จักเลย เธอหัวเราะเยาะความโง่เขลาของผม เหยียดหยามศักดิ์ศรีของผม ปล่อยให้เขาซึ่งตอนนี้ได้กลายเป็นแฟนใหม่ของเธอไปแล้ว ทุบตีผม ผมนอนเจ็บอยู่บนพื้นอย่างสิ้นหวัง ต่อมา จู่ ๆ ผมก็ได้รับโทรศัพท์จากพ่อ ตั้งแต่วันนั้น ชีวิตของผมก็ได้เปลี่ยนแปลงไปอย่างกับหนัามือเป็นหลังมือ ใครจะไปรู้ว่า ผมเป็นลูกชายของมหาเศรษฐี
เสิ่นชิงชิว หลานสาวของเศรษฐีที่รวยที่สุดในเมืองไห้ คบหาอยู่กับลู่จั๋วมาเป็นเวลาสามปีแล้ว แต่ความจริงใจของเธอกลับสูญเปล่า ลู่จั๋วปฏิบัติกับเธอเพียงในฐานะหญิงบ้านนอกคนหนึ่ง และทอดทิ้งเธอในวันแต่งงาน โดยไปหารักแรกของเขา หลังจากเลิกรากันอย่างเด็ดขาด เสิ่นชิงชิวก็กลับมามีสถานะเป็นสาวรวยอีกครั้ง ได้รับมรดกมูลค่าหลายร้อยพันล้าน และเริ่มต้นชีวิตที่รุ่งโรจน์ที่สุด แต่แล้วมักจะมีคนโผล่มาทไให้กับเธอหงุดหงิดอยู่เสมอ! ขณะที่เธอกำลังจัดการกับผู้ร้าย คุณชายฟู่ผู้มีอำนาจนั้นก็ปรบมือและโห่ร้องว่า "ที่รักของฉันสุดยอดมากจริงๆ"
หลังจากแต่งงานได้ 2 ปี ในที่สุดเจียงเนี่ยนอันก็ตั้งครรภ์สักที ความดีอกดีใจของเธอแต่กลับแลกกับคำขอหย่าของสามี หลังจากการสมคบคิด เธอนอนในกองเลือด และต้องการขอร้องเขาให้ช่วยเด็กเอาไว้ แต่กลับไม่สามารถติดต่อกับอีกฝ่ายได้ ด้วยความสิ้นหวังเธอจึงออกจากประเทศไป ต่อมาในงานแต่งงานของเจียงเหนียนอัน คุณกู้เสียการควบคุมและคุกเข่าลง ดวงตาของเขาแดงก่ำ "มีลูกของฉัน แล้วเธออยากจะแต่งงานกับใครกัน?"
ว่าที่ลูกสะใภ้ไฟแรงสูงเธอต้องเข้ามาอยู่ร่วมบ้านกับว่าที่พ่อผัวหม้ายร้างเมียมานายอรมปี
คุณท่านเสียว คุณชายยอดเยี่ยมที่โด่งดังในเมือง B ได้แต่งงาน แต่มีข่าวลือว่าเจ้าสาวมีรูปร่างหน้าตาที่น่าเกลียดและมีฐานะต่ำต้อย สามปีมานี้ เขาปฏิบัติกับเธออย่างเย็นชาและทำเหมือนเป็นคนแปลกหน้า เจียงซิงซิงอดทนกับความเย็นชาอย่างเงียบ ๆ เธอยังคงรักเขาอย่างสุดหัวใจ เสียสละความนับถือตนเองและยอมละทิ้งตัวตนของเธอเอง จนกระทั่งวันหนึ่ง สุดที่รักของเขากลับประเทศ เขได้สารภาพว่าเขาแต่งงานกับเธอเพียงเพื่อช่วยชีวิตคนรักในใจของเขาเท่านั้น เจียงซิงซิงเสียใจและผิดหวังมาก เธอจึงเซ็นเอกสารหย่าและจากไปด้วยความเศร้าใจ สามปีต่อมา เจียงซิงซิงผู้สวยงามจนน่าทึ่งกลับมาอีกครั้ง ได้กลายมาเป็นศัลยแพทย์ที่ดีที่สุดและเป็นยอดฝีมือด้านเปียโน อดีตสามีรู้สึกเสียใจ และกอดเธอแน่นท่ามกลางสายฝน เสียงของเขาสั่นเครือ "ที่รัก คุณเป็นของผม..."