“อ๊ะ… อ๊อย... ” ดวงตาของฝ้ายคำหลับพริ้ม เม้มปากแน่น เมื่อโดนสามีกดใบหน้าแนบเน้นซุกไซ้เข้าหาความเป็นสาว ฉั่วๆ ๆ ๆ ๆ ๆ เสียงลิ้นสากเฉาะรัว ลากเลียเลยขึ้นเป็นจังหวะยาวๆ ตามรูปทรงของกลีบสวาท เบียดกันแน่นเป็นพูงามอร่ามอะร้าอยู่ตรงง่ามขาของหญิงสาวที่เข่าสองข้างโดนดันแบะอ้า แอ่นร่องสวาทให้สามีเบิร์นอย่างดิบเถื่อน “อ๊า... ซี้ด... อูย... เสียวค่ะ... ฮึ่ก” ทั้งที่หล่อนพยายามกัดฟัน เม้มริมฝีปากแน่น สะกดกลั้นเสียงคราง กลัวว่าจะหลุดออกมาน่าอาย หากความเสียวซ่านก็ทำให้เสียงของคนโดนเลียร่องหอย เล็ดลอดออกมาจากริมฝีปากสั่นระริก ปลายลิ้นของอลังค์จุ่มจ้วงทะลวงเลียกลีบมาลีสีชมพูสดสวยอย่างโหยหา “อ๊า... อ๊า... อ๊า... ” หญิงสาวร้องครางตามจังหวะลิ้นปาดเลียรัวๆ สลับลากเสยขึ้นๆ ลงๆ ตามแนวความยาวของร่องสวาท เรียกน้ำเสียวของหญิงสาวให้สาดทะลักออกมาอย่างมิอาจสะกดกลั้นเอาไว้ได้ “อ๊า... ที่รักจ๋าฝ้ายเสียวเหลือเกิน... ซี้ดอูย... สะ... เสียวมาก” คนโดนจู่โจมหนอกเนินสวาท เปล่งเสียงร้องครางครวญออกมาอย่างซื่อสัตย์ต่อความรู้สึกของตัวเอง ปลายลิ้นของอลังค์เสียบรัวเข้าใส่กลีบบอบบาง โดนแบะบีบจนเบ่งบวมขึ้นมารับปลายลิ้น บดขยี้ลงบนความนุ่มอ่อน ไชชอนสำรวจซอกหลืบอย่างมีลีลา สมกับเป็นสายเบิร์นตัวจริง อลังค์ไม่ทำให้หญิงสาวผิดหวัง ทำเอาผู้หญิงสามคนที่กำลังมองดูภาพของการเล้าโลมสุดเร่าร้อนผ่านหน้าจอมอนิเตอร์จนเกิดอาการน้ำเดินไปตามๆ กัน
เขย
บำเรอกาม
พุทธศักราช 2562
คืนวันเสาร์ ตอนค่ำ ในตัวเมืองเชียงใหม่ ภายใต้ดวงไฟส่องสว่าง สาดแสงลงมาจากเสาคอนกรีตต้นสูง เรียงรายอยู่เป็นระยะตลอดสองข้างทาง
‘อลังค์’ ชายหนุ่มวัยยี่สิบห้า รูปร่างสูงใหญ่กำยำ ใบหน้าคมคร้ามหล่อเหลาสะดุดตา กำลังวิ่งออกกำลังกายอยู่ริมฟุตปาธที่อาบไปด้วยน้ำฝน โปรยปรายลงมาตั้งแต่ช่วงเย็น
และในระหว่างที่กำลังจะเดินผ่านหน้าร้านขายเครื่องประดับแห่งหนึ่ง พลันสายตาคมกริบก็เหลือบไปเห็นสตรีวัยกลางคน ผิวขาว ใบหน้าของหล่อนสะสวยสะดุดตา รูปร่างยังดูเซ็กซี่ ทรวงอกอวบใหญ่เบียดกันแน่อยู่ในชุดแซกผ้าไหมสีทอง กำลังจูงมือหญิงสาวอายุรุ่นราวคราวลูกออกมาจากร้านจิวเวลรี่เพื่อจะข้ามไปยังอีกฟากฝั่งถนน แลเห็นรถเบนซ์สีทองคันหรูจอดทิ้งเอาไว้
ทว่าในทันทีที่เดินมาถึงรถ และยังไม่ทันจะเอื้อมมือไปเปิดประตู จู่ๆ ก็มีชายใบหน้าเหี้ยมวิ่งตรงเข้ามาทางด้านหลังด้วยความเร็วสูงเหมือนสัตว์ร้าย พุ่งทะยานเข้าหาสาวน้อยซึ่งเป็นเหยื่อผู้เคราะห์ร้าย
“ว้าย… ”
หญิงสาวมารู้ตัวอีกทีก็ตอนที่กระเป๋าสตางค์ของหล่อนโดนกระชากหลุดมือไปแล้ว
“ไอ้โจรระยำ”
เป็นเสียงของชายหนุ่มปริศนาที่กำลังเดินผ่านมาเห็นเหตุการณ์เข้าพอดี
“ช่วยด้วยค่ะ… คุณคะช่วยด้วย”
หญิงสาวร้องตะโกนขอความช่วยเหลือ เหลียวกลับไปตามเสียง เห็นชายหนุ่มที่ชื่ออลังค์ก้าวอาดๆ เข้าหาโจรร้ายใบหน้าเหี้ยมเกรียม
“เอากระเป๋าสตางค์คืนมา”
อลังค์กล่าวกับโจร ย่างสามขุมเข้าหาด้วยแววตาไร้ซึ่งความหวาดกลัว
“มึงอย่ายุ่ง”
โจรกราดเสียงเข้าใส่ชายหนุ่มแล้วปรี่เข้าประชิดตัว จู่โจมโดยไม่พูดพล่ามทำเพลง
ขวับๆ ๆ ๆ
มีดปลายแหลมวาววับที่ถืออยู่ในมือของโจรร้าย หวดเข้าใส่ร่างสูงใหญ่ของอลังค์ที่สามารถเอี้ยวตัวหลบหลีกได้อย่างคล่องแคล่วทันท่วงที ซ้ำยังตีศอกเข้าใส่ใบหน้าของชายผู้ประสงค์ร้ายอย่างแรงจนเลือดกระเซ็นออกมาจากหัวคิ้ว เจอไปดอกแรกร่างของโจรก็ทรุดฮวบลงไปกองกับพื้น ก่อนที่อีกคนที่กำลังซุ่มสตาร์ทมอเตอร์ไซค์รอ จะก้าวลงจากรถ ปรี่เข้าใส่อลังค์
พลั่ก...
ปลายเท้าของอลังค์เหวี่ยงเข้าใส่ก้านคอคนที่พุ่งเข้ามา มันทรุดฮวบลงไปกองกันพื้นเป็นรายที่สอง เท้าอีกข้างตวัดจระเข้ฟาดหางเข้าใส่ก้านของมันเสียงดังอั่ก ส่งผลให้ร่างเซไปติดกำแพง
“ไอ้ชั่ว… กูขอแค่กระเป๋าสตางค์คืน”
อลังค์ตามเข้าไปแทงเข่าเข้าที่ท้อง กระชากกระเป๋าสตางค์มาจากมือของมัน เอามือค้ำคอโจร ดันจนเท้าลอยขึ้นจากพื้น ก่อนจะปล่อยลงมากองกับพื้นอย่างหมดสภาพ “ว้าย… ระวัง... ”
หญิงสาวร้องเตือน โจรอีกคนปรี่เข้ามาข้างหลัง อลังค์พลิกตัวกลับมากระโดดเข่าลอยอัดกระแทกซ้ำเข้าที่ยอดอกของมันอย่างจัง ร่างล้มกลิ้งลงไปกองอยู่ในป่าละเมาะข้างทาง ก่อนจะพากันวิ่งไปยังมอเตอร์ไซค์ สตาร์ทเครื่องแล้วบิดเร่งความเร็วหนีไปในซอยด้านหลังอย่างไม่คิดชีวิต
“ยัยหนู… ผู้ชายคนนี้เก่งมาก… ย่าชอบ ย่ารู้ว่าเขามีอะไรบางอย่างที่พวกเราต้องการ… รู้นะว่าหนูต้องทำยังไงต่อจากนี้”
สตรีวัยกลางคนในชุดแซกผ้าไหมสีทองกล่าวกับหลานสาววัยยี่สิบปี กำลังมองชายหนุ่มเดินเข้ามาพร้อมกับกระเป๋าสตางค์ในมือ
“ทราบค่ะคุณย่า”
หญิงสาวหันมารับคำสตรีผู้อาวุโสกว่า ขณะชายหนุ่มกำลังเดินใกล้เข้ามา
‘โอ้ว… ’
คนที่ถูกเรียกว่าคุณย่าแอบอุทาน สายตาจับจ้องมองรูปร่างสูงใหญ่ กำยำล่ำสันไปด้วยมัดกล้าม เห็นได้ชัดเพราะว่าชายหนุ่มเปลือยอก แผงอกแน่นนูนไปด้วยมัดเนื้อ มีเส้นขนสีดำแผ่กระจายไปทั่ว ซิกแพคเป็นคลื่นลอนน่าลูบไล้ ที่ปั้นไหล่ด้านขวามีลายสักคลาสสิคเป็นเส้นสายสีดำ
สายตาของหล่อนกวาดสำรวจลงมาที่กึ่งกลางกาย เป้ากางเกงตุงแน่น พวงเพศเด่นนูนดันดุนตุงเป้า บ่งบอกความอลังการของเครื่องเพศ ต้นขาล่ำบึกยืนยันว่าชายหนุ่มคนนี้ต้องมีช่วงล่างอันทรงพลังอย่างไม่ต้องสงสัย
“นี่ครับ… กระเป๋าสตางค์ของคุณ”
หนุ่มพลเมืองดีสุดหล่อล่ำ ยื่นกระเป๋าสตางค์มาตรงหน้าหญิงสาว
“ขอบคุณค่ะ… คุณชื่ออะไรคะ”
หญิงสาวถามขณะตาจ้องมองใบหน้าพลเมืองดี สะดุดตากับใบหน้าลูกครึ่งหล่อเหลา รูปร่างของผู้ชายคนนี้สูงใหญ่และดูองอาจสมชายชาตรี
“ผมชื่อ ‘อลังค์’ ครับ”
ชายหนุ่มแนะนำตัว หญิงสาวสังเกตเห็นรอยหยักลึกระหว่างหัวคิ้วสองข้างอันเป็นลักษณะของคนฝักใฝ่กามโลกีย์ และแผงคิ้วที่เป็นเส้นตรงขนานกับดวงตา ทำให้หญิงสาวมั่นใจว่าผู้ชายคนนี้จะต้องเซ็กส์จัดมาก
“ฉันชื่อ ‘ฝ้ายคำ’… แล้วนี่คุณ ‘ตองนวล’ เป็นคุณย่าของฉันค่ะ”
ประโยคที่ได้ยินทำเอาชายหนุ่มตกใจ หัวคิ้วขมวดมุ่นเข้าหากัน เพราะว่าคนที่ถูกแนะนำว่าเป็น ‘คุณย่า’ ดู
นิยายเรื่องนี้เป็นเพียงเรื่องที่สมมติขึ้น ไม่เกี่ยวข้องกับเรื่องจริงแต่อย่างใด ชื่อบุคคล และสถานที่ที่ปรากฏในเนื้อเรื่อง ไม่มีเจตนา อ้างอิงหรือก่อให้เกิดความเสียหายใดๆ ………. นิยายเรื่องนี้… ไม่มีแก่นสารสารัตถะอะไรนักหนา ทั้งเรื่องขับเคลื่อนด้วยอารมณ์อันมืดดำของมนุษย์ ดำเนินเรื่องด้วยตัณหาราคะสุดร้อนแรง ท่านใดที่ไม่ชอบโปรดหลีกเลี่ยง *เราเตือนท่านแล้ว*
กรุงเทพฯ มหานคร ตอนเช้า ที่ห้องรับแขกของบ้านหลังใหญ่ เสียงพูดคุยทางโทรศัพท์ระหว่างลูกสะใภ้กับเพื่อนสาวของหล่อนที่อยู่ปลายสาย ทำให้ พ่อเลี้ยง ‘เพลิง’ ถึงกับชะงัก ต้องแอบฟังอย่างเสียมารยาท เพราะมันเหมือนเป็นการหยามเกียรติของลูกชายจนเขาทนไม่ได้
ทีปต์อุทานเบาๆ กับภาพที่เห็น… มาลิลล์กำลังนอนหงายอยู่บนเตียง ในสภาพเปลือยเปล่าล่อนจ้อน โดยมีหมอนสีขาวสองใบรองไว้ที่แผ่นหลัง ทำให้สองเต้าคัพเอฟอวบใหญ่มหึมา นูนเด่นอวดสายตาของทีปต์ และสิ่งที่ทำเอาเลือดกำเดาของทีปต์แทบสาดทะลักออกมา ก็คือของดีที่กำลังเปิดเปลือยอยู่ระหว่างเข่าสองข้างตั้งชัน มือข้างหนึ่งจับกล้วยหอมดุนดันเข้าออกเป็นจังหวะ “อ่า… ลุงทีปต์จ๋า กระแทกหนูเถอะค่ะ… อูย… ของลุงใหญ่เหลือเกิน… ซี้ดดดด… เห็นแล้วอยากสุดๆ” มาลิลล์หลับตาพริ้ม…
“ไม่ให้เลียข้างล่าง... งั้นผมดูดข้างบนนะที่รัก” อดัมส์ยังมีอารมณ์ขี้เล่น แม้ในตอนจะร่วมรัก เขารีบผละออกมาจากง่ามขา จูบไซ้ขึ้นมาที่ท้องน้อย กระทั่งถึงเต้านมของหล่อน ครอบริมฝีปากดูดเลียอย่างโหยหาเอาเป็นเอาตาย “อุ๊ย... วันนี้คุณดำซาดิสม์จัง” อรทัยสะดุ้งเฮือก เมื่อทรวงอกอวบโดนมือใหญ่ของสามีบีบขยำอย่างแรง จากนั้นก็เกลือกใบหน้าฟอนฟัดอย่างไม่ลืมหูลืมตา อรทัยเสียวซ่านสุดๆ รีบบีบนมยัดปากเขาที่ค้อมลงมาดูดเลียหัวนมอย่างตะกละตะกลาม อดัมส์ดูดเลียสลับไปมาระหว่างยอดอกทั้งสองข้างเสียงดังซ่วดๆ เหมือนกำลังซดกลืนของอร่อย ทำเอาสาวน้อยที่แอบยืนดู เกิดอาการเสียวซ่านขึ้นมาที่ยอดอกของตัวเองอย่างควบคุมเอาไว้ไม่ได้ รู้สึกราวกับว่าตัวเองกำลังโดนพี่เขยดูดนม
แก้วตาพึมพำในใจ มองพี่เขยจัดหนักพี่สาวของหล่อน ยิ่งมอง… ก็ยิ่งตื่นเต้นมีอารมณ์ หน้าขาหนีบแน่น บิดไปบิดมาจนรู้สึกได้ว่ามีน้ำหล่อหลื่นเหนียวๆ หลั่งชุ่มออกมาแฉะแพนตี้ตัวน้อย พอเอามือเอื้อมลงมาแตะที่ง่ามขา ก็รู้ว่ามีน้ำใสๆ ไหลเยิ้มเป็นยางย้อยติดนิ้ว ‘อุ๊ย… ’ แก้วตาตกใจ หลังจากแอบดูจนน้ำเดิน ด้วยภาพที่เกิดขึ้นในห้องนอน อยู่ห่างจากสายตาของหล่อนเพียงช่วงแขนกระมัง จึงเห็นทุกอย่าง ชัดเจนเต็มสองตาทั้งภาพทั้งเสียง คมชัดปานว่ากำลังมองผ่านจอภาพระบบเอชดี “อ๊าย... ผัวจ๋า... เมียเสียว... เมียทรมาน” ใบหน้าของลีนาบิดเบะ สะบัดไปด้วยความซ่านสยิว ก้นอวบขาวดีดเด้ง แอ่นส่ายไปตามอารมณ์กระเจิดกระเจิง โดนกระแทกกระทั้นดุเดือดขนาดนี้ไม่ว่าเป็นใครก็คงเคลิบเคลิ้มไม่ต่างจากหล่อน ลีนาเปล่งเสียงร้องครางออกมาตลอดเวลาที่ท่อนเอ็นคัดแข็งเป็นลำเหมือนดุ้นมะระจีนใหญ่ๆ ของสามีกระแทกใส่จนมิดสุดโคนพวงสวรรค์ บลั่กๆ ๆ ๆ ๆ ๆ
“ไม่ไหวแล้วครับ… ผมแข็งแทบระเบิดแล้ว… ไม่เชื่อก็ลองจับ… ” บอสหื่นดึงมือข้างหนึ่งของเลขามาทางด้านหลังเธอจึงต้องไล้ลูบสัมผัสความเป็นชาย ใหญ่ยาวน่าสะพรึง ยิ่งลูบไล้ของเขา… มือเธอยิ่งสั่น ใบหน้าร้อนผะผ่าว ความเสียวซ่านแล่นวาบเข้ามาตรงกึ่งกลางกาย ใจเต้นระทึก มือยังจับท่อนเนื้อยาวใหญ่ของบอส ใหญ่มากจนมือกำไม่รอบ
เธอก็รู้อยู่เต็มอกว่าเขาไม่เคยสนใจ แต่ก็ยังดึงดันอยากจะอยู่ใกล้ ต่อให้เธอเป็นเมียแต่งเขาก็คงไม่มีวันเปลี่ยนใจ เพราะเหตุนี้เธอจึงตัดสินใจจากไปในคืนแต่งงาน "จากนี้ไปเราไม่มีอะไรติดค้างกันอีก" 🥀
กู้ชิงเฉิงเชื่อมั่นมาตลอดว่าตราบใดที่เธอประพฤติตัวดี สักวันหนึ่ง เธอก็จะสามารถชนะใจมู่ถิงเซียวให้ได้ อย่างไรก็ตาม เมื่อเสิ่นถัง รักแรกที่เขาคิดถึงมาตลอดกลับมา ทุกอย่างก็เปลี่ยนไป กู้ชิงเฉิงเป็นคนว่าง่ายสอนง่ายจริงๆ เธอจัดงานแต่งงานด้วยคนเดียว และนอนคนเดียวในห้องผ่าตัดเพื่อรับการรักษาฉุกเฉิน มีข่าวลือว่าเธอบ้าไปแล้ว อันที่จริงเธอบ้าไปแล้วจริงๆ ที่รักใครสักคนอย่างไม่ละอายขนาดนี้ ต่อมา ทุกคนลือกันว่า กู้ชิงเฉิงป่วยหนักและกำลังจะเสียชีวิต มู่ถิงเซียวถึงสูญเสียการควบคุมอย่างสิ้นเชิง "ฉันไม่ปล่อยให้เธอตาย" แต่เธอกลับยิ้มอย่างนิ่งๆ ว่า "ดีจังเลย ฉันเป็นอิสระแล้ว" ใช่แล้ว ไม่ต้องการกู้ชิงเฉิงอีกแล้ว"
หลังจากแต่งงานได้ 2 ปี ในที่สุดเจียงเนี่ยนอันก็ตั้งครรภ์สักที ความดีอกดีใจของเธอแต่กลับแลกกับคำขอหย่าของสามี หลังจากการสมคบคิด เธอนอนในกองเลือด และต้องการขอร้องเขาให้ช่วยเด็กเอาไว้ แต่กลับไม่สามารถติดต่อกับอีกฝ่ายได้ ด้วยความสิ้นหวังเธอจึงออกจากประเทศไป ต่อมาในงานแต่งงานของเจียงเหนียนอัน คุณกู้เสียการควบคุมและคุกเข่าลง ดวงตาของเขาแดงก่ำ "มีลูกของฉัน แล้วเธออยากจะแต่งงานกับใครกัน?"
หลินตงหยาง อายุ 27 ปี เติบโตมากับแม่เพียงสองคน ในวัยเด็กหลินตงหยางเคยมีพ่อผู้ให้กำเนิดแต่หลังจากที่พ่อได้งานใหม่ในเมืองหลวงพ่อที่เคยมีก็ไม่มีอีกแล้ว พ่อกลับมาหย่าขาดกับแม่ทันทีที่ไปทำงานในเมืองหลวงได้เพียง 2 เดือน ด้วยให้เหตุผลในการหย่าว่า แม่กับและเขาคือตัวถ่วงความเจริญในชีวิตพ่อ สาเหตุก็ไม่มีอะไรมากแค่พ่อหน้าตาหล่อเหลาและเป็นที่ถูกใจของลูกสาวหัวหน้างาน เพื่อตำแหน่งงานและความเป็นอยู่ที่สบายขึ้น พ่อเลือกที่จะทิ้งภรรยาคู่ทุกข์คู่ยากที่ผ่านเรื่องยากลำบากมาด้วยกัน หย่าขาดกับภรรยาเพื่อไปแต่งงานใหม่ มีชีวิตใหม่ในเมืองหลวง โดยทิ้งคนข้างหลัง ทิ้งภรรยาที่เคยสาบานว่าจะอยู่ครองคู่กันตลอดไป ในปีที่เขาเรียนจบมหาวิทยาลัย แม่ก็ล้มป่วยและจากเขาไปในที่สุด สาเหตุที่หลินตงหยางเสียชีวิต เพราะทำงานหนัก อาชีพโปรแกรมเมอร์ตัวเล็กๆ อย่างเขา ต้องพยายามทำงานให้ได้ตามที่หัวหน้าสั่งมา ในที่สุดเขาก็พัฒนาเกมกำลังภายในของบริษัทได้สำเร็จ หลินตงหยางนอนหลับไปด้วยความสบายใจ แต่ทว่าพอเขาลืมตาตื่นขึ้นมาอีกที นี่ไม่ใช่คอนโดหรูย่านใจกลางเมืองปักกิ่ง หลังคามุงหญ้านี่คืออะไร มันควรจะเป็นเพดานสีขาวสิ เมื่อมองไปรอบๆ ห้องนี่คืออะไร นี่มันไม่ใช่ผนังที่ทำมาจากคอนกรีต มันคือดินเหนียว หลินตงหยางคิดว่าตัวเองฝันไป เขาหลับตาลงอีกครั้งแล้วลืมตาขึ้น ทุกอย่างยังเหมือนเดิม มารดามันเถอะ เขามาอยู่ที่นี่ได้ยังไง หลังจากแน่ใจแล้วว่าไมไ่ด้ฝัน ตอนนั้นเองเขารู้สึกปวดหัวขึ้นมาอย่างรุนแรง และในหัวของเขามีภาพเหตุการณ์ของเด็กชายที่ชื่อเดียวกับเขา หลินตงหยาง อายุ 10 ขวบ เรื่องราวชีวิตตั้งแต่เกิดจนตายไปของเด็กชาย ทำเอาหลินตงหยางกำมือแน่น ก่อนจะสบถออกมา “พ่อสารเลว เฉินซื่อเหม่ยชัดๆ” และตามมาด้วยเสียงร้องไห้ของน้องสาว สาเหตุที่เด็กชายหลินตงหยางเสียชีวิต เพราะถูกผู้ที่ได้ขึ้นชื่อว่าเป็นย่าแย่งผักป่าและทุบตี ทั้งๆ ที่คนพวกนั้นได้ตัดขาดพับพวกเขาสามแม่ลูกแล้ว แต่ยังมิวายข่มเหงรังแก
หลังจากแต่งงานกันสามปี เจียงหยุนถังพยายามสุดความสามารถเพื่อช่วยชีวิตสามีที่ได้รับบาดเจ็บสาหัสจากอุบัติเหตุทางรถยนต์ โดยไม่คาดคิด ว่าเขาได้ละทิ้งเธอเหมือนกับขยะ รับรักแรกของเขากลับประเทศและตามใจเธอทุกอย่าง เจียงหยุนถังที่ท้อใจตัดสินใจหย่า และทุกคนต่างก็หัวเราะเยาะเธอที่กลายเป็นภรรยาที่ถูกทอดทิ้งจากตระกูลเศรษฐี อย่างไรก็ตาม เธอกลับเปลี่ยนแปลงตัวเองอย่างกะทันหันเป็นหมอเทวดาที่พบเจอยาก "Lillian"แชมป์แข่งรถที่มีฐานแฟนคลับจำนวนมาก และยังเป็นนักออกแบบสถาปัตยกรรมระดับโลกอีกด้วย ชายร้ายหญิงชั่วคู่นั้นเยาะเย้ยเธอว่า เธอจะไม่มีวันหาคู่รักได้ใ แต่ไม่คาดคิดว่าลุงของอดีตสามีของเธอ ซึ่งเป็นผู้บัญชาการทหารสูงสุดทำกแงทัพกลับมาเพียงเพื่อขอแต่งงานกับเธอ
เพราะคิดว่าเป็นความฝัน ฉินหร่านจึงร่วมมือบรรเลงเพลงรักอย่างไม่ได้ตั้งใจ ไฉนตื่นขึ้นมาถึงมีสามีเป็นของตัวเอง อีกทั้งสามีนางยังตาบอดอีกด้วย! แต่นั่นไม่น่าตกใจ เท่ากับที่นางมาอยู่ในร่างเด็กสาวในยุคจีนโบราณ ที่ไม่มีในประวัติศาสตร์ อีกทั้งร่างนี้ถูกขายให้มาเป็นภรรยาของชายตาบอด แต่ไหนๆ ก็มาแล้วจึงจะใช้ชีวิตให้ดี ส่วนสามีนะหรือ หล่อขนาดนั้น แซ่บขนาดนี้ เดินหน้าเกี้ยวสามีสิ จะรออะไร!