"ลิลลี่เป็นผู้หญิงนะคะ แล้วก็เป็นสาวแล้ว จะให้เที่ยวมานอนบ้านผู้ชายได้ยังไง" โรมต้องยิ้มบ้าง ไม่ได้เอะใจเลยว่าฝ่ายนั้นกำลังกระตุ้นเตือนตนกลายๆ ว่าให้เขามองเธอเป็นผู้ใหญ่เสียที "พี่ก็ไม่ได้ว่ายังไม่เป็นสาว" ก็เพราะว่าเธอโตเป็นสาวสวยแล้วนี่แหละ จากความเอ็นดูในหัวใจมันถึงได้กลับกลายเปลี่ยนแปลงเป็นความทรมานแทน ที่ได้แต่แอบรัก และเฝ้ามองดอกลิลลี่แสนสวยเติบโตขึ้นทุกวันๆ หลังจากเลี้ยงต้อยเธอด้วยสายตามานานปี
เขาเลี้ยงต้อยเธอด้วยสายตามานานปี
สิบปีเต็มๆ แล้วเขาจะปล่อยให้เธอจากไปง่ายๆ แบบนี้หรือ...ไม่ได้เด็ดขาด!
"โรม..โรม"
"ครับคุณอา...เมื่อกี้คุณอาเรียกผมหรือครับ"
"ก็ใช่น่ะสิ...โรมเป็นอะไรหรือเปล่า หรือว่าปวดหัว ไม่สบายหรือเปล่า"
เพราะอยู่หนุ่มรุ่นลูกก็สะบัดหัวไปมา แถมยังทำท่าครุ่นคิดอยู่ตลอดเวลาอีกต่าง
"เปล่าครับ...ผมสบายดี...เอ่อ แล้วจะเดินทางวันนี้เลยหรือครับ"
ชายหนุ่มถามให้แน่ใจ ทั้งที่ไม่รู้ว่าจะหาทางออกให้กับหัวใจยังไง
ครอบครัวของเธอกำลังจะย้ายไปอยู่ที่เมืองจีนเพราะหน้าที่การงานของคนเป็นหัวหน้าครอบครัว
"ใช่"
"เรื่องบ้าน อาฝากโรมช่วยดูให้หน่อยนะ...อ้อ! แล้วก็ฝากน้องด้วย"
"ฝากน้อง?"
"ก็ลิลลี่ไง อาไม่ได้บอกหรือว่าลิลลี่ไม่ได้ไปด้วย"
"คุณอาว่ายังไงนะครับ"
แม้จะได้ยินชัดเจน แต่พอดีใจมากๆ ก็อยากจะมั่นใจว่าที่ได้ยินนั้น เขาไม่ได้เข้าข้างหัวใจตัวเอง...เธอไม่ได้ไปด้วย...สาวน้อยของเขาไม่ได้ไปด้วย เขาได้ยินแบบนี้
"สงสัยอาจะลืมบอกจริงๆ...คืออาไปกับอาผู้หญิงสองคน ส่วนรายนั้นเขาอยากจะอยู่เรียนให้จบก่อน เพราะเรียนเทอมสุดท้ายแล้ว เขาก็เลยไม่ได้ไปด้วย...ยังไงอาฝากโรมดูน้องด้วยนะ ถึงเขาจะดูแลตัวเองได้ดีมาตลอด แต่ว่าเป็นผู้หญิงอยู่ตัวคนเดียว ยังไงอาก็อดเป็นห่วงไม่ได้"
"คุณอาไม่ต้องเป็นห่วงเลยครับ เดี๋ยวผมดูแลน้องเอง"
รชตไม่แม้แต่จะเสียเวลาคิดสำหรับคำตอบที่ให้ไป
มันยิ่งกว่ายกภูเขาออกจากอกสำหรับชายหนุ่ม เพราะที่คิด ที่กลุ้ม ที่หนักใจ กลัวจะเสียสาวน้อยของตัวเองไปตั้งแต่ยังไม่ได้บอกความในใจให้เธอทราบว่าเขาคิดยังไงกับเธอ...
ความรู้สึกเหล่านั้นมันโบยบินจากไปในพริบตา เมื่อโอกาสที่คิดว่าถูกปิดตายเปิดออกโดยไม่คาดฝัน หลังจากอยู่กับคำว่า 'แอบรัก' มาตั้งแต่อายุยี่สิบสองปี
สิบปีเลยทีเดียวที่เฝ้าเก็บงำความรู้สึกเอาไว้โดยไม่ได้บอกให้เธอทราบ ซึ่งเขาก็ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกันว่าทำไมถึงไม่กล้าเปิดปากบอกเธอออกไป
ครั้งแรกที่รู้ใจตัวเองว่าตกหลุมรักแม่ดอกลิลลี่แสนหวานบ้านติดกัน...
ตอนนั้นเธอเพิ่งจะอายุสิบสองปี มันก็พอจะมีเหตุผลว่าเธอยังเด็กเกินไปสำหรับเรื่องความรัก เขาก็เลยได้แต่เฝ้ารักและเฝ้ามองฝ่ายเดียวมาตลอด
แต่ว่าตอนนี้เธอก็อายุยี่สิบสองปีแล้ว กำลังจะเรียนจบ เป็นผู้ใหญ่แล้ว แล้วทำไมเขายังไม่ยอมเปิดปากสารภาพความในใจให้เธอรู้...
ถ้าจะบอกว่าเกรงใจพ่อแม่ของเธอ มันก็ฟังไม่ค่อยเข้าท่าสักเท่าไหร่ เพราะพ่อแม่ของเธอก็ให้ความรักและเอ็นดูกับเขามาตลอดเนื่องจากทั้งสองคนเป็นเพื่อนรุ่นน้องของบิดามารดา และเคยเช่า อพาร์ทเม้นต์อยู่ด้วยกันสมัยเรียนอยู่ที่อิตาลี พอกลับมาเมืองไทยก็ยังมาซื้อบ้านในหมู่บ้านเดียวกันและอยู่ติดกันอีก สองครอบครัวก็เลยสนิทสนมกันเป็นพิเศษ แม้ว่าตอนนี้พ่อกับแม่ของเขาจะจากไปแล้วก็ตาม
แล้วเขารออะไรล่ะ
เพราะใช่ว่าพ่อแม่ของเธอไม่อยู่แล้วเขาจะกล้ารวบหัวรวบหางเอาเธอมาเป็นของเขาซะเมื่อไหร่ หรือถ้าเขาทำแบบนั้นจริงๆ แม่ดอกลิลลี่สีขาวบริสุทธิ์ของเขาก็คงจะกลายร่างเป็นดอกอุตพิดในทันที ซึ่งชีวิตต่อจากนั้นของเขาจะเหลือความหอมหวานหรือเปล่าเขาก็ไม่แน่ใจเหมือนกัน
"โรมบอกแบบนี้อาก็ค่อยสบายใจหน่อย...ขอบใจมากนะ"
"ไม่เป็นไรครับ...เอ่อ แล้วคุณอาจะไปแอร์พอร์ตยังไงครับ...ให้ผมไปส่งไหมครับ"
"ว่าจะเรียกแท็กซี่...โรมไม่มีนัดหรือวันนี้"
"ไม่มีครับ...งั้นเดี๋ยวผมไปส่งคุณอาเองนะครับ"
"ไม่รบกวนนะ"
"ไม่รบกวนเลยครับ เพราะผมจะต้องไปบ้านยายลีอยู่แล้ว...รายนั้นเขาก็จะเดินทางคืนนี้ครับ"
น้องสาวคนเดียวของเขา แต่งงานกับแฟนหนุ่มของเธอ ที่คบหาดูใจกันมาตั้งแต่สมัยเรียนเมื่อสองปีที่แล้ว...
เมื่อวาน ลีลาวดีโทร.มาอ้อนขอฝากลูกสาววัยหนึ่งขวบไว้กับเขา เพราะสามีจะต้องไปดูงานที่ต่างประเทศ เจ้าตัวก็เลยอยากจะตามไปด้วย และด้วยความที่เคยแต่ตามใจกันมาตลอด คำตอบรับจึงออกมาแทนการปฏิเสธ ทั้งที่ไม่แน่ใจว่าตัวเองจะมาสามารถดูแลหลานสาววัยหนึ่งขวบได้ดีหรือเปล่า ครั้นจะหวังเพิ่งยายอุ่น ซึ่งอายุปาเข้าไปเกือบเจ็ดสิบปีแล้ว ก็ไม่รู้จะเพิ่งได้สักแค่ไหน เพราะคนเก่าคนแก่ของมารดาก็มีสารพัดโรครุมเร้าทั้งเบาหวาน ความดัน
"อ้าว! เหรอ...แล้วหนูลีจะไปไหนล่ะ"
"ญี่ปุ่นครับ พอดีนทีต้องไปดูงานที่นั่นหนึ่งเดือน ลีก็เลยจะไปด้วย"
"พาลิลลี่ไปด้วยหรือ"
เพราะเอ็นดูลูกสาวของเขาเป็นพิเศษ พอมีลูกสาว ลีลาวดีก็เลยตั้งชื่อเล่นให้ลูกสาวว่าลิลลี่ตามลูกสาวของเขา ซึ่งก็คล้องจองกับชื่อของคนเป็นแม่ด้วย
"ไม่ได้เอาไปครับ เขาจะฝากผมไว้ เพราะเห็นว่าตอนนี้อุณหภูมิที่โน่นติดลบ ก็เลยไม่อยากพาไปด้วย กลัวจะไม่สบายน่ะครับ"
"แล้วโรมจะไหวเหรอ ไหนจะงานอีก...แล้วเราก็ใช่ว่าจะเคยเลี้ยงเด็ก"
ชารีดา พิมพร อิสมาอีล อาห์เม็ด อุมัร : เพื่อคุณชายวังกุหลาบขาว เธอยอมทำทุกอย่าง หม่อมราชวงศ์เตชิษฏ์ ปารเมศ : เพื่อให้ได้เธอมา มารยา เล่ห์เหลี่ยมใดในโลกหล้า เขาก็พร้อมขุดมาใช้ ---------------------- “อย่าทำแบบนี้เลยนะคะ” ชารีดาขอร้องเสียงอ่อน เมื่อเขายอมเงยหน้าขึ้นมาสบตา แล้วก็เป็นฝ่ายรั้งเขาลงมาหาเสียเอง โอบกอดเขาเอาไว้ แนบริมฝีปากกับปากหยักสวยของเขา บดเบียดเงอะงะ ขบเม้มสเปะสปะลงบนริมฝีปากบนและล่างอย่างที่เขาเคยสอนอย่างไม่ประสีประสา หากเพียงเท่านั้นก็ทำให้คนเศร้าเสียใจส่งเสียงครางฮือในลำคอได้ไม่ยากเลย โดยเฉพาะเมื่อริมฝีปากอิ่มเผยอออกต้อนรับปลายลิ้นอุ่นนุ่มที่แทรกผ่านเข้าไปในโพรงปากชุ่มชื้น ดูดซับเอาลมหายใจและความฉ่ำหวานเอาไว้เต็มๆ ปลุกอารมณ์หลากหลายในตัวให้ปั่นป่วนพลุ่งพล่านจนไม่อาจยับยั้ง กลิ่นฮอร์โมนเพศชาย กลิ่นกุหลาบขาวหอมกรุ่นจากร่างนุ่มนิ่มของคนใต้ร่าง กลิ่นความรักและความโหยหา กลิ่นตัณหาและความมึนเมาเย้ายวนอยู่รอบตัวสองหนุ่มสาว จนไม่คิดว่าจะมีอะไรมาหยุดยั้งไว้ได้แล้วในตอนนี้.... ชารีดาโน้มใบหน้าคมสันลงแนบชิดยิ่งขึ้น หลังปล่อยให้เขาเป็นฝ่ายรุกมากว่าห้านาที.... ประสบการณ์สดๆ ร้อนที่เขาเพิ่งสอนไป ถูกนำมาใช้อย่างกระตือรือร้นเมื่อได้สัมผัสและรู้จักกับรสชาติของการจูบอย่างถึงแก่น...เรียวปากอิ่มประกบติดปากได้รูปสวยของเขาอย่างไม่อาจห้ามใจเอาไว้ได้ ละเลียดชิม เลาะเลม ดูดเม้มริมฝีปากบนและล่างของเขาอย่างกระตือรือร้นปนตื่นเต้น ก่อนจะส่งลิ้นนุ่มออกมาเลียไล้แผ่วหวิวจนคนได้รับการเยียวยาครางกระหึ่มด้วยความถูกใจ พอทนไม่ไหว ก็ส่งลิ้นอุ่นนุ่มออกมาเกี่ยวกระหวัด สำรวจกันและกันอย่างไม่มีใครยอมใคร.... สัมผัสความหวานล้ำ ดื่มด่ำ หลงวนอยู่กับความฉ่ำชื้นแสนหวานปานน้ำผึ้งนานตราบเท่าที่ต้องการ จนกระทั่งร่างเล็กสั่นระริกอ่อนระทวย นอนซบร่างแกร่งหนาอย่างคนหมดแรงเมื่อเขาพลิกตัวลงรองรับ โอบกอดเอาไว้แน่นหนาราวกับกลัวว่าเธอจะหนีจาก
สำหรับทิพย์วารีแล้ว เจ้าชายทาริซ วัฟซาลัม อิสมาอีล อาห์เม็ด อุมัร เปรียบดั่งแผ่นฟ้ากว้างใหญ่ สูงไกลสุดเอื้อมถึง แต่เธอจะทำเช่นไร เมื่อฟ้าที่คิดว่าสูงสุดเอื้อม อยากหลอมรวมดวงใจให้แผ่นฟ้าจรดผืนน้ำ...ตลอดไป ------------------ “คนเราถ้าลองได้รักใครสักคน เวลามันไม่สำคัญไปกว่าเรารู้ว่าใจของเราคิดและรู้สึกอย่างไรหรอก...รักก็คือรัก แค่ได้มองสบตา เราก็รู้แล้วว่าใช่ และเราก็ไม่ควรถามหาเหตุผลกับความรักด้วย เพราะเมื่อไหร่ที่เราถามหานั่นหมายความว่าใจของเราเริ่มไม่มั่นคง และเราก็จะไม่มีทางได้คำตอบจากมัน เพราะเราจะคอยหาเหตุผลนั่นนี่มาเข้าข้างตัวเองจนลืมฟังเสียงของหัวใจ...สำหรับเราสองคน ถึงเราเพิ่งรู้จักกัน แต่ผมก็อยากให้น้ำเชื่อใจผม ว่าผมจะไม่เปลี่ยนใจไปจากน้ำแน่ เพราะผมถูกสอนมาตลอดชีวิตว่าเมื่อไหร่ที่ผมเอ่ยคำพูดใดออกไป นั่นหมายความว่ามันจะต้องเป็นไปตามนั้น เพราะฉะนั้นถ้าผมไม่มั่นใจผมจะไม่พูดเด็ดขาด....ผมบอกว่าจะรอ จะให้โอกาสน้ำก็จริง แต่ผมก็จะไม่อยู่เฉย ถ้าหากว่ามีคนอื่นเข้ามาในชีวิตของน้ำ แล้วเวลาไม่กี่วันที่น้ำว่า ผมก็ได้แสดงตัวตนที่แท้จริง และเปิดเผยทุกอย่างกับน้ำจนหมดเปลือก....ถึงตอนนี้ ก็อยู่ที่น้ำแล้ว ว่าจะกล้าวางชีวิตและหัวใจให้ผมดูแลหรือเปล่า” “...ช่วยกอดหน่อยสิคะ” “หือ?”
ชารีฟ อิสมาอีล อาห์เม็ด อุมัร กิวาซ ถูกภรรยาขอหย่าเพราะไม่สามารถมีลูกได้ แต่เด็กผู้หญิงหน้าตาน่ารักคนหนึ่งกลับทำให้เขารู้สึกสะกิดใจเข้าอย่างจัง เขาก็เลยต้องหาทางพิสูจน์... ไม่ใช่กับใครที่ไหน แม่ของหนูน้อยแชรีที่หน้าตาถอดแบบมาจากเขาราวกับแกะนั่นแหละ! -------------- “คุณว่ามันเป็นเรื่องน่าอายไหม ที่ผู้ชายคนหนึ่งรู้ว่าตัวเองเป็นหมัน” “เป็นหมัน!” เสียงแหบแห้งเพราะโดนพิษไข้เล่นงานอุทานออกมาเสียงดังเท่าที่จะดังได้ หญิงสาวยันตัวลุกขึ้นนั่งจ้องหน้าเขาหน้าตื่น เขาแข็งแรง แข็งแกร่ง สมบูรณ์ไปหมดทุกสัดส่วน และเขาก็เป็นผู้ชายที่มีใบหน้าหล่อเหลาและรูปร่างสวยงามมาก แต่พระเจ้า! เขาบอกว่าเขาเป็นหมัน หมายความว่าจะไม่ใครสามารถสืบต่อกรรมพันธุ์แสนเพอร์เฟกต์นี้ได้อีกต่อไปแม้กระทั่งลูกของเธอ ที่เธออุตส่าห์หมายหมั้นปั้นมือ และเลือกเฟ้นมาแล้วเป็นอย่างดีว่าจะต้องเป็นเขา “อย่ามองผมแบบนี้ แล้วก็ไม่ต้องสงสารผมด้วย” ดวงตากลมโตเบิกกว้างด้วยความตกใจในยามจ้องมองทำให้ชายหนุ่มต้องเอาตัวหญิงสาวลงนอนพิงอกกว้างอีกครั้ง “ทำไมคะ” “ที่ผมเป็นหมันน่ะเหรอ” “ค่ะ” “ผมก็ไม่รู้เหมือนกัน อาจจะเป็นเพราะผมเคยประสบอุบัติเหตุก็เป็นได้” “คุณพูดเหมือนไม่มั่นใจ” หญิงสาวท้วง “แล้วใครเป็นคนบอกคุณคะ” “ผมถูกภรรยาขอหย่าเพราะว่าไม่สามารถมีลูกได้ และหมอก็ยืนยันแบบนั้น” “คุณแต่งงานแล้ว” “เคยแต่ง แต่ตอนนี้เราหย่ากันแล้ว” ชารีฟบอกไม่เดือดร้อน “เพราะว่าคุณไม่สามารถมีลูกได้แค่นั้นเองเหรอคะ” ชาลินีเหมือนจะลืมเรื่องของตัวเองไปชั่วคราว เมื่อรู้เรื่องของเขา เขาถามว่าน่าอายไหม สำหรับเธอมันไม่ใช่เรื่องน่าอายเลย แต่น่าสงสารมากกว่า ผู้ชายที่เพียบพร้อมเพอร์เฟกต์ขนาดนี้ถูกภรรยาขอหย่าเพียงเพราะว่าไม่สามารถมีลูกได้ แล้วแบบนี้จะเรียกว่าความรักและการร่วมชีวิตได้อย่างไร "เพราะแบบนี้ผมถึงบอกว่าคุณสบายใจได้ คุณไม่มีทางท้องแน่นอน” เขาย้ำถึงความเป็นจริง โดยไม่เห็นว่าหญิงสาวหน้าซีดเพียงใดเมื่อได้ยินคำยืนยันจากปากของเขา ไม่มีอะไรให้สงสัยอีกต่อไป... เธอเสียตัวฟรีแน่แล้ว!!
"หนูดีเกลียดพี่ธิษณ์" "ไม่จริงหรอก พี่รู้ว่าในโลกใบนี้จะหาใครที่รักพี่ได้เท่าหนูดีไม่ดีอีกแล้ว" คนรู้ใจบอกอย่างรู้แจ้งเห็นจริงให้คนได้ครอบครองหัวใจพูดอะไรไม่ออก "นาทีนี้พี่ตามใจหนูดีทุกอย่างนั่นแหละ หนูดีจะว่าพี่รักพี่หลงไม่ลืมหูลืมตา หรือจะมองว่าพี่ไม่มีเหตุผล เป็นคนเห็นแก่ตัว หรือว่าเอาแต่ใจยังไงก็ได้ แต่พี่ไม่อยากอยู่คนเดียวอีกแล้ว พอกันทีกับความทรมานที่ผ่านมา" พิมดาวพูดอะไรไม่ออกอีกครั้งเมื่อคู่หมั้นจัดเต็มและจริงจังกับการเปิดเปลือยความรู้สึกมากกว่าทุกครั้งที่ผ่านมา จากที่โกรธที่ไม่พอใจก็กลายเป็นว่าต้องเก็บคำพูดของเขามาคิด แล้วเธอล่ะ ต้องการอะไร
สัญญาในวัยเด็กนำเขาและเธอกลับมาเจอกันอีกครั้ง "นี่ยายฟันกระต่าย หัดเป็นคนคิดมากตั้งแต่เมื่อไหร่หือ...ทีแต่ก่อนขี่คอผมชมสวนทุกวัน ไม่เห็นจะคิดมากเลย" เขาจงใจเท้าความหลังให้อีกฝ่ายเกิดปฏิกิริยา "...ก็ตอนนั้นยังเด็กไง" "อ้อ! ตอนนี้โตแล้ว มีตัวเลือกเยอะ ก็เลยจะถีบหัวส่งเพื่อนวัยเด็กอย่างผม" คีรินทร์จงใจใช้คำพูดยั่วยุเต็มที่ ขณะที่หัวใจก็รู้สึกสดชื่นกระชุ่มกระชวยอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน ชีวิตของเขาจากนี้คงจะหายเหงาไปเยอะเลยล่ะ หากได้ปะทะคารมกับยายฟันกระต่ายทุกวัน ซุปเปอร์สตาร์คนดังคิดอย่างครึ้มใจ
เธอคือคนที่เขาเลือกแล้วที่จะหายใจร่วมกันไปจนวันตาย "นะจ๊ะ...อย่ารออีกเลยนะ ผมบอกเรื่องของเรากับคุณพ่อคุณแม่แล้ว แล้วท่านก็อนุญาตแล้วด้วย" คำบอกเล่าของเขา ทำให้มาธวีมองใบหน้าคมด้วยความแปลกใจปนค้นคว้ากลายๆ เพราะไม่คิดว่าแม่ของเขาจะยอมรับเธอได้ง่ายๆ "ตอนนี้ก็ขึ้นอยู่ที่เมย์แล้วว่าจะเห็นผมเป็นทางผ่าน ของเล่นชั่วคราว หรือว่า...เพื่อนคลายเหงา" ถ้าตอนที่เขาพูดไม่มีรอยยิ้มติดอยู่ที่ริมฝีปาก คงไม่แค่เสียงฝ่ามือกระทบเนื้อเท่านั้น ที่จะตามมาหลังคำพูดของคนกวนประสาท "แล้วถ้าเห็นเป็นทางผ่าน" สายตาของเขาทำให้มาธวีนึกอยากเอาคืนเขาบ้าง ทั้งที่ตอนนี้เวลาล่วงเลยเที่ยงคืนมาแล้ว "ก็รักแบบผ่านๆ" พอได้คำตอบกับจุมพิตเฉียดฉิวบนริมฝีปาก คนถามก็แทบจะกลั้นยิ้มไม่อยู่ "แล้วถ้าเห็นเป็นของเล่นชั่วคราว" "ก็รักกันชั่วคราว...จากนี้ไปถึงเช้า" ริมฝีปากสีหวานแยกยิ้ม เมื่อได้คำตอบ... ชั่วคราวของเขา หลายชั่วโมงน่าดูเลย "แล้วเพื่อนคลายเหงา" "ก็รักกันทุกครั้งที่ผมรู้สึกเหงา...แล้วผมก็สะสมความเหงาเอาไว้ตั้งแต่เราจากกัน เมย์ลองคิดดูสิว่าจะรักผมกี่ครั้ง ความเหงาถึงจะหมดไปจากใจผม...แต่ถ้ารับผมเป็นสามี เมย์ไม่ต้องรักผมเลย" "...?" "เดี๋ยวผมรักเมย์เอง"
หลังจากแต่งงานได้ 2 ปี ในที่สุดเจียงเนี่ยนอันก็ตั้งครรภ์สักที ความดีอกดีใจของเธอแต่กลับแลกกับคำขอหย่าของสามี หลังจากการสมคบคิด เธอนอนในกองเลือด และต้องการขอร้องเขาให้ช่วยเด็กเอาไว้ แต่กลับไม่สามารถติดต่อกับอีกฝ่ายได้ ด้วยความสิ้นหวังเธอจึงออกจากประเทศไป ต่อมาในงานแต่งงานของเจียงเหนียนอัน คุณกู้เสียการควบคุมและคุกเข่าลง ดวงตาของเขาแดงก่ำ "มีลูกของฉัน แล้วเธออยากจะแต่งงานกับใครกัน?"
หลังจากแต่งงานกันสามปี เจียงหยุนถังพยายามสุดความสามารถเพื่อช่วยชีวิตสามีที่ได้รับบาดเจ็บสาหัสจากอุบัติเหตุทางรถยนต์ โดยไม่คาดคิด ว่าเขาได้ละทิ้งเธอเหมือนกับขยะ รับรักแรกของเขากลับประเทศและตามใจเธอทุกอย่าง เจียงหยุนถังที่ท้อใจตัดสินใจหย่า และทุกคนต่างก็หัวเราะเยาะเธอที่กลายเป็นภรรยาที่ถูกทอดทิ้งจากตระกูลเศรษฐี อย่างไรก็ตาม เธอกลับเปลี่ยนแปลงตัวเองอย่างกะทันหันเป็นหมอเทวดาที่พบเจอยาก "Lillian"แชมป์แข่งรถที่มีฐานแฟนคลับจำนวนมาก และยังเป็นนักออกแบบสถาปัตยกรรมระดับโลกอีกด้วย ชายร้ายหญิงชั่วคู่นั้นเยาะเย้ยเธอว่า เธอจะไม่มีวันหาคู่รักได้ใ แต่ไม่คาดคิดว่าลุงของอดีตสามีของเธอ ซึ่งเป็นผู้บัญชาการทหารสูงสุดทำกแงทัพกลับมาเพียงเพื่อขอแต่งงานกับเธอ
ว่าที่ลูกสะใภ้ไฟแรงสูงเธอต้องเข้ามาอยู่ร่วมบ้านกับว่าที่พ่อผัวหม้ายร้างเมียมานายอรมปี
เมื่อนางย้อนยุคกลายเป็นพระชายาคังที่ถูกขังอยู่ในโรงขังคนบ้า เพิ่งมาถึงฉินเซิงก็กำจัดคนสองคนที่ต้องการทำร้ายนาง นางบุกเข้าไปในงานแต่งงานของคู่รักชั่วชาสองคนนั้นในชุดแดง นางหยิ่งผยองและยั่วยุ ทำให้ชายชั่วโกรธจนกัดฟันแน่นแต่กลับทำอะไรไม่ได้ และหญิงร้ายนั้นก็เกลียดชังอย่างมากทว่าเอาคืนไม่ได้ ท่านอ๋องจิ้นได้เห็นสถานการณ์ทั้งหมดนี้ เขาโค้งงอริมฝีปาก สตรีนางนี้ช่างแตกต่างจากคนอื่นจริงๆ ถูกใจเหลือเกิน เขาจะเอาชนะใจนางและให้ชีวิตที่ดีแกนาง
เสิ่นชิงชิว หลานสาวของเศรษฐีที่รวยที่สุดในเมืองไห้ คบหาอยู่กับลู่จั๋วมาเป็นเวลาสามปีแล้ว แต่ความจริงใจของเธอกลับสูญเปล่า ลู่จั๋วปฏิบัติกับเธอเพียงในฐานะหญิงบ้านนอกคนหนึ่ง และทอดทิ้งเธอในวันแต่งงาน โดยไปหารักแรกของเขา หลังจากเลิกรากันอย่างเด็ดขาด เสิ่นชิงชิวก็กลับมามีสถานะเป็นสาวรวยอีกครั้ง ได้รับมรดกมูลค่าหลายร้อยพันล้าน และเริ่มต้นชีวิตที่รุ่งโรจน์ที่สุด แต่แล้วมักจะมีคนโผล่มาทไให้กับเธอหงุดหงิดอยู่เสมอ! ขณะที่เธอกำลังจัดการกับผู้ร้าย คุณชายฟู่ผู้มีอำนาจนั้นก็ปรบมือและโห่ร้องว่า "ที่รักของฉันสุดยอดมากจริงๆ"
ผมต้องทำงานนอกเวลาทุกวันเพื่อหารายได้ประคองชีวิตและจ่ายค่าเรียนมหาวิทยาลัยด้วยตัวเอง เนื่องจากฐานะครอบครัวยากจนและไม่สามารถส่งเสียผมเข้ามหาวิทยาลัยได้ และตอนเรียนที่มหาวิทยาลัย ผมก็ได้พบกับเธอ-สาวแสนสวยที่หนุ่มๆ ทุกคนในชั้นเรียนต่างก็ใฝ่ฝันถึง ไม่เว้นแม้แต่ผมเอง แต่ผมก็รู้ตัวดีว่าตัวเองไม่คู่ควรกับเธอ ถึงอย่างนั้นก็ตาม ผมก็รวบรวมความกล้าสารภาพกับเธอจนได้ สุดท้ายผมนึกไม่ถึงว่าเธอจะยอมตกลงเป็นแฟนกับผม เธอบอกกับผมว่าอยากได้ของขวัญเป็นไอโฟนรุ่นล่าสุด ผมก็ไปรับงานซักเสื้อผ้าให้เพื่อนร่วมชั้นเรียนเพื่อพยายามเก็บเงินซื้อให้เธอจนได้ และในที่สุดหนึ่งเดือนต่อมา ผมก็ซื้อมาได้จริง ๆ แต่ขณะที่ผมกำลังห่อของขวัญเพื่อนำไปมอบให้เธอ ก็พบว่าเธอกำลังมีอะไรกับหัวหน้าทีมฟุตบอลในห้องล็อกเกอร์ เธอเหมือนเปลี่ยนเป็นอีกคนหนึ่งซึ่งผมไม่เคยรู้จักเลย เธอหัวเราะเยาะความโง่เขลาของผม เหยียดหยามศักดิ์ศรีของผม ปล่อยให้เขาซึ่งตอนนี้ได้กลายเป็นแฟนใหม่ของเธอไปแล้ว ทุบตีผม ผมนอนเจ็บอยู่บนพื้นอย่างสิ้นหวัง ต่อมา จู่ ๆ ผมก็ได้รับโทรศัพท์จากพ่อ ตั้งแต่วันนั้น ชีวิตของผมก็ได้เปลี่ยนแปลงไปอย่างกับหนัามือเป็นหลังมือ ใครจะไปรู้ว่า ผมเป็นลูกชายของมหาเศรษฐี