อวตารของเหมราชคือเทพบุตรที่คอยเกื้อหนุนเธอเสมอ ปรนเปรอเอาใจมอบความสุขให้จนล้นสำลัก หากแต่...ตัวตนที่แท้จริงเขาคือปีศาจจากขุมอเวจี ผู้พรากเอาความดีงามทั้งชีวิตไปอย่างไม่มีวันทวงคืนกลับได้...
อวตารของเหมราชคือเทพบุตรที่คอยเกื้อหนุนเธอเสมอ ปรนเปรอเอาใจมอบความสุขให้จนล้นสำลัก หากแต่...ตัวตนที่แท้จริงเขาคือปีศาจจากขุมอเวจี ผู้พรากเอาความดีงามทั้งชีวิตไปอย่างไม่มีวันทวงคืนกลับได้...
“อ๊ะ...พอค่ะ...เจ็บ...” เสียงหวานสั่นพร่าเอ่ยวอนขอยามถูกรุกรานอย่างหนักจากคนเบื้องหลัง แต่มันก็ไม่สามารถหยุดยั้งการกระทำนั้นได้...
มือเรียวเล็กทั้งสองข้างจับขอบโต๊ะทำงานไว้เป็นที่ยึดเหนี่ยว ขณะที่ร่างกายกึ่งเปลือยช่วงบนแนบกับพื้นโต๊ะ ทรวงอกสล้างถูกทับแบนบี้จนเนื้ออวบทะลักออกมาให้เห็นข้างๆ เอวคอดกิ่วที่มีมือหนาคอยบงการจับตรึงดึงเข้าหาตัวและดันออกเป็นจังหวะ หนักหน่วงบ้าง เร็วบ้างตามกระแสอารมณ์
“อีกนิดเดียว...เจ้าขา...อาร์...” คนเบื้องหลังที่กำลังเมามันในกิเลสเพศตอบกลับด้วยน้ำเสียงสั่นระโหย สายตาคมปลาบจับจ้องตรงส่วนเชื่อมประสานระหว่างชายหญิง โดยมีแก่นกายของเขากำลังรุกล้ำเข้าออกแทรกกลีบบุปผชาติเข้าหาความหฤหรรษ์ในโพรงรักของสาวเจ้า หยาดน้ำหวานจากร่องบุปผาเกาะพราวทั่วความแข็งขึงและกลุ่มปอยไหมของทั้งคู่ ชายหนุ่มละมือจากสะเอวกิ่วมาจับแก้มสะโพกแบะออกจากกันกระหน่ำสวนดันตัวสุดแรงครั้งแล้วครั้งเล่า การกระทำของเขาช่วยเพิ่มความล้ำลึกทุกการกระโจนจ้วง คนเบื้องล่างต้องกัดริมฝีปากตัวเองจนห้อเลือด รอรับการโจมตีที่ไม่รู้ว่ามันจะสิ้นสุดลงเมื่อไหร่ ต้นขาด้านหน้าของเธอชนกับขอบโต๊ะพอดิบพอดี และจากการถูกกระแทกครั้งแล้วครั้งเล่ามันเริ่มจะเจ็บแปลบอย่างสุดบรรยาย
“คุณพอส...เจ้าขาเจ็บ...อื้อ...”
“ฉันจะส่งเธอขึ้นสวรรค์เจ้าขา...อีกนิด” ร่างกึ่งเปลือยของชายชาตรียังคงขยับโยกแทรกแกนร้อนๆ เข้าออกร่างอิสตรีอย่างไม่ยั้งแม้จะมีคำอุทธรณ์ครั้งแล้วครั้งเล่า เสื้อเชิ้ตที่ถูกปลดกระดุมตลอดแนวรวมถึงกางเกงที่กองอยู่แทบเท้าสร้างความรำคาญให้เจ้าของร่างหนาไม่ใช่น้อย แต่ด้วยสถานที่ เขาจึงไม่อยากถอดมันออกเผื่อไว้เพื่อความรวดเร็วยามสวมใส่เมื่อเสร็จกิจแล้ว มือข้างหนึ่งลดต่ำลงด้านล่างจับช่วงเอวให้ออกห่างขอบโต๊ะแล้วสอดนิ้วเข้าหากลีบสาวค่อยๆ แหวกแทรกขึ้นลงตลอดร่องหลืบแล้วกดเน้นย้ำตรงปุ่มกระสันจนสาวเจ้าร่อนส่ายสะโพกด้วยความเสียวซ่าน
“อื้อ...คุณพอส” ขาสองข้างที่พยุงตัวเริ่มหนีบเข้าหากันเมื่อการโจมตีจากเขาสร้างอารมณ์รัญจวนเพิ่มทวีมากขึ้น ผิวเนื้ออ่อนโยนที่ถูกเสียดสีด้วยแกนร้อนระอุ ตอดรับกับการเคลื่อนไหวเข้าออกอย่างต่อเนื่อง
ชายหนุ่มจับปฏิกิริยาตอบสนองของเธอได้เป็นอย่างดี เขาโน้มตัวเข้าหาร่างที่นอนคว่ำแนบกับโต๊ะ กระโปรงที่ถูกร่นอยู่เหนือเอวกับเสื้อทำงานที่เธอสวมใส่ขวางกั้นสัมผัสที่ควรจะชิดเชื้อแบบเนื้อถึงเนื้อมากกว่านี้อย่างน่าขัดใจ แต่เมื่อสถานการณ์มันไม่เอื้ออำนวยก็คงต้องปล่อยเลยตามเลย อีกอย่าง ตอนนี้เกมรักในห้องทำงานสุดหรูก็กำลังจะสิ้นสุดเต็มทีแล้ว
“แยกขาออกอีกนิดเจ้าขา...อย่าหนีบสิ...” เสียงหอบทุ้มพร่ากระซิบใกล้หูเมื่อตัวเขานั้นคร่อมร่างเล็กของเธอเป็นที่เรียบร้อยแล้ว หญิงสาวทำตามคำสั่งอย่างว่าง่าย เมื่อสองขาแยกห่างจากกัน จุดเชื่อมต่อก็ถูกดันให้ลึกล้ำยิ่งขึ้น สองมือใหญ่สอดเข้าใต้ตัวแล้วกอบกุมทรวงอกงามไว้ในอุ้งมือ ปลายนิ้วบีบบี้ยอดถันที่แข็งรับสัมผัสจนเจ้าของพุ่มอกงามสั่นระริกกับความเสียวที่เขาหยิบป้อนให้ทุกช่องทาง
สะโพกผายเริ่มส่ายวนเข้ารับแรงกระแทกด้านหลัง ปากก็ร้องครางไม่เป็นศัพท์สร้างความพอใจให้คนด้านบนเป็นอย่างมาก เพราะยิ่งเธอทำตัวร่านราคะเท่าไหร่ ตัณหาของเขาก็ยิ่งเพิ่มพูนเท่านั้น บทรักจะยิ่งเร่าร้อนจนแทบไม่อยากถอดกายออกจากเธอเลย
“อื้อ...คุณ...พอเถอะค่ะ...”
“ใกล้แล้วใช่ไหม...เจ้าขา...แรงอีกนะ...อืม...” คนใต้ร่างโยกคลอนไปตามแรงกระหน่ำที่เพิ่มทั้งจังหวะเข้าออกและเน้นแรงขึ้น เธอครางกระเส่าอย่างไม่อาย เพราะความอัดอั้นใกล้ถึงจุดปะทุเต็มทีแล้ว
“...” ชายหนุ่มเร่งจังหวะอย่างไม่ขาดตกบกพร่อง ไม่แยแสต่อการร้องขอ อารมณ์ของเขาตอนนี้ อะไรก็มาหยุดยั้งไม่ได้ เอวสอบกระแทกกระทั้นเข้าหาโพรงสาวสุดตัวแล้วถอนออกก่อนจะดันเข้าไปอีก เป็นอย่างนั้นซ้ำๆ จนเหงื่อกาฬไหลท่วมกายคนทั้งคู่
“อื้อ!!” เสียงสวรรค์ที่แว่วหวานผ่านหูดังขึ้นพร้อมๆ กับร่างระทดระทวยฟุบลงกับโต๊ะโดยที่ยังมีมือใหญ่รองรับทรวงอกทั้งสองข้าง แต่เวลาไล่เลี่ยกันนั้นเสียงโทรศัพท์บนโต๊ะทำงานก็ดังขัดจังหวะขึ้นเช่นกัน
“รับ...รับโทรศัพท์ก่อนค่ะ...” เมื่อเห็นว่าคนที่บุกกระหน่ำร่างกายจนเธอเยือนวิมานล่วงหน้าไปแล้วยังไม่มีทีท่าจะสนใจเสียงแทรกจากเครื่องมือสื่อสาร หญิงสาวจึงรีบเตือนสติด้วยกลัวว่าคนที่โทร.มาอาจจะมีธุระสำคัญ
“บ้า...ฉิบ...” จังหวะรักต้องหยุดชั่วคราวทั้งที่ชายหนุ่มกำลังเมามันได้ที่ อารมณ์ขุ่นเคืองแทนที่เข้ามาเล็กน้อย เขาเอื้อมหยิบตัวสร้างปัญหามาแนบหูทั้งที่ยังประสานกายอยู่กับเธอ
‘คุณเหมราชครับ...คุณหฤทชนันท์กับคุณหนูมาครับ ตอนนี้กำลังขึ้นลิฟต์ไปแล้วด้วย!!’
“ฉิบหาย!!” ข่าวด่วนถึงขั้นคอขาดบาดตายถูกสื่อสารผ่านโทรศัพท์โดยพนักงานรักษาความปลอดภัย และชื่อบุคคลที่กำลังขึ้นมาหาก็ไม่ใช่ใครอื่นที่ไหน แต่เป็นภรรยากับลูกสาวของเขานั่นเอง
“ไม่มีเวลาแล้วเจ้าขา...ฉันต้องรีบ ซองพลูกำลังมา...” เหมราชรีบวางโทรศัพท์ทันที ต่อให้ฟ้าถล่มหรือแผ่นดินทลายยังไง เขาก็ไม่ยอมทิ้งสวรรค์ไว้กลางคันแบบนี้หรอก
“อ๊ะ...เจ็บ...ค่ะ” หญิงสาวร้องครางเสียงหลงเมื่อถูกกระหน่ำอย่างไม่ทันตั้งตัวจากคนตัวใหญ่ นั่นไม่เจ็บเท่าชื่อที่ออกจากปากของเขาเมื่อสักครู่ มันเสียดแทงเข้าไปถึงหัวใจ ฐานะของเธอแจ่มแจ้งขึ้นทันตา ทั้งที่ตอนนี้เธออยู่ในอ้อมกอดของเขาแท้ๆ แต่กลายเป็นว่าอ้อมกอดนี้มีไว้แค่โอบรัดเธอไว้เพื่อสนองตัณหาเท่านั้น
ตัวจริงของเขากำลังมา คนไร้ความหมายอย่างเธอคงต้องอยู่ในที่ลับเช่นเดิม...
“อูว...เร็วเข้าช่วยฉันหน่อย...” ชายหนุ่มยันตัวยืนขึ้นอีกครั้ง รั้งเอวคอดกิ่วเข้าหาตัวและเร่งให้เธอช่วยเพิ่มแรงกระแทกเป็นการย่นระยะเวลาให้เร็วขึ้น กลีบบุปผชาติที่เข้าที่บอบช้ำจากการถูกรุกรานเผยแก่สายตาคม มันสวยงามไม่มีที่ติสำหรับเขา และอยากจะแช่ความแข็งขึงไว้ในนั้นตลอดไปด้วยซ้ำ สถานที่และสถานการณ์ช่างขัดกับความต้องการของเขาเหลือเกิน และเขาต้องรีบให้ทันเวลาซึ่งเหลืออีกแค่ไม่กี่นาทีเท่านั้น
“โอ...เจ้าขา...เธอร้ายมาก...” หญิงสาวเองก็รู้ว่าตัวเองควรทำอย่างไรให้เขาสมปรารถนาโดยเร็ว เธอเอื้อมมือผ่านช่องขาด้านหน้าไปควานคว้าจนเจอก้อนเนื้อคู่ ลูบคลำมัน กำมันไว้ในมือและบีบคลึงเบาๆ หูได้ยินเสียงครวญครางไม่ขาดระยะ พร้อมๆ กับต้องตั้งรับการจู่โจมโพรงรักที่เขาใส่มาไม่ยั้ง
เธอเจ็บ...แต่ต้องทน เธอปวดแต่ต้องรอ
“ดีมาก...สาวน้อย อืม!!” สายธารแห่งราคะถูกปลดปล่อยเข้าภายในร่างกายของเธอจนหมดสิ้น เสียงครางสุดท้ายสิ้นสุดลง และเขารีบถอนตัวออกจากเธอทันที หญิงสาวพยุงตัวยืนและหันหน้ามาทางเขาที่กำลังจัดการกับเครื่องแต่งกายอย่างรีบเร่ง “ไปอยู่ในห้องก่อนเร็วเข้า...” แพนตี้ตัวจิ๋วถูกเก็บจากพื้นและยัดใส่มือเธอ พร้อมจับเธอให้หันหลังแล้วดันไปข้างหน้า ห้องทำงานนี้มีห้องนอนสำหรับพักผ่อนของเขาอยู่ด้วย และเป็นที่ที่เขาใช้ปลดปล่อยความต้องการกับเธอ ซึ่งบางครั้ง เขาก็ไม่เลือกนักว่าจะเป็นตรงไหนในห้อง ขอแค่เขาพอใจ เธอก็ต้องยอมให้เขาทุกที่เสมอ
“เร็วสิ...อ้อยอิ่งอยู่ได้ เดี๋ยวก็งานเข้าหรอก” หญิงสาวถูกผลักแรงๆ อีกครั้ง คราวนี้น้ำตาที่กักเก็บไว้กลับอั้นไม่อยู่และไหลอาบแก้มขาวในที่สุด จันทิมันต์เดินรีบจ้ำอ้าวไปเปิดประตูบานนั้นแล้วแทรกกายหายลับเข้าไปในห้อง ประตูถูกปิดลงพร้อมๆ กับร่างอ่อนแรงในสภาพผมเผ้ายุ่งเหยิง เสื้อผ้ายับยู่ยี่และอยู่ไม่เป็นสัดเป็นส่วน ไม่รู้ว่าตัวเธอจะต้องมาทนรับชะตากรรมแบบนี้ไปถึงเมื่อไหร่กัน อีกนานแค่ไหน ฟ้าจะเข้าข้างบันดาลทางออกจากความอัปยศนี้ให้เธอเสียที
หากเพียงเหมราชไม่ถือความลับสำคัญบางอย่างของเธอเอาไว้ เธอก็คงไม่ต้องมาทนฝืนแบกรับความทุกข์แสนสาหัสอย่างทุกวันนี้เป็นแน่
"ไสหัวจากบ้านฉันซะ! แล้วไม่ต้องกลับมาอีกที่นี่ไม่ต้อนรับกาลกิณีที่มีเลือดชั่วๆ อย่างเธอ" "พี่อาร์ม...ปล่อยนะคะพี่อาร์มเป็นบ้าไปแล้วเหรอ นี่มันดึกแล้วจะให้จันทร์เจ้าไปไหนคะ" หล่อนรู้ดีว่าเขาพูดจริงทำจริง ใจดวงน้อยแปลบปลาบหวิวเหมือนจะหลุดลอยไปตามแรงลากดึง อุตส่าห์หลบลี้หนีหน้าไม่ออกไปให้เขาเห็นวายยังถูกตามรังควาญจนได้ และที่สำคัญเขากำลังผลักไสหล่อนออกไปทิ้งข้างถนนหน้าบ้าน "อย่ามาเรียกฉันว่าพี่...ฉันไม่เคยคิดจะนับญาตินับเชื้อกับผู้หญิงกาลกิณีอย่างเธอ อย่าคิดว่ามีคุณแม่ให้ท้ายแล้วจะตีเสมอเป็นเจ้าของบ้านคนนึงได้นะ เพราะต่อไปนี้เธอ! ไม่ต้องเข้ามาเหยียบบ้านฉันอีกแล้ว จะไปไหนก็ไป!!!" ปัง! "ว้าย! พี่อาร์ม!!" ร่างเล็กถูกเหวี่ยงจนกระเด็นติดประตูรั้วที่ยังปิดสนิท แล้วยืนเท้าสะเอวทะมึงถึงจ้องหล่อนราวเป็นสัตว์เดรัจฉานน่ารังเกียจนักหนา "ออกไปซะ...ไม่มีเธอสักคนที่นี่คงสงบสุขมากขึ้น อีกหน่อยฉันจะแต่งงานพาเมียมาอยู่ที่นี่! ฉันไม่เห็นความจำเป็นว่าจะต้องเลี้ยงลูกเมียน้อยอย่างเธอไว้เป็นหอกข้างแคร่ทำไม" พรพระจันทร์น้ำตาไหลทั้งที่ไม่ได้ตั้งใจจะร้องไห้ หัวอกของหล่อนแน่นจุกกับคำถาถางด่าทอต่างๆ นาๆ ที่เขาสรรหามาพ่นพูด ชายหนุ่มจะรู้บ้างไหมว่าหล่อนก็ไม่ได้อยากเกิดมาเป็นแบบนี้ ถ้าเลือกได้หล่อนคงไม่อยากมีชีวิตอยู่เป็นภาระ เป็นตัวปัญหาของใครหรอก....
"รัก" คำที่ไร้ซึ่งตัวตนไม่สามารถจับต้องได้แต่กลับสร้างความสะท้านสะเทือนให้กับทุกคนที่หลงเข้าสู่ห้วงวังวนนั้น ไม่ได้ต่างจากเธอ หญิงสาวซึ่งถูกลวงล่อผูกมัดให้หลงอยู่กับความงดงามเพริดแพร้วหฤหรรษ์ โดยหารู้ไม่ว่าอีกด้านของมันที่มืดมิดทมิฬและเต็มไปด้วยการทำลายล้างจะเผาผลาญเธอให้เหลือเพียงเถ้าธุลีในวันหนึ่ง... เมื่อปฐมบทแห่งการล้างแค้นเปิดฉากขึ้น ความรักอันสวยหรูหวานล้ำ เสน่หาที่ตรึงใจไว้กับร่างกายซึ่งเคยหลอมรวมเป็นหนึ่งเดียวกลับกลายเป็นเพียงมายาที่ไร้ซึ่งความความจริงใจ ความเจ็บปวดรวดร้าวจึงมาเยือน "อรุโณรีย์ วรวงค์นุเดช" หญิงสาวผู้บริสุทธิ์ เพราะเธอเป็นแค่หมากตัวหนึ่งที่ถูกชายหนุ่มรูปงามนามทอเลเมียส นิโคไลคัส หลอกใช้เป็นเครื่องมือให้คอยประหัตประหารบิดาของเธอเอง ท่ามกลางความพยาบาทที่ร้อนระอุ แม้แต่เสน่หาที่เคยเพียรป้อนให้กันก็ไม่สามารถดับกระหายความแค้นที่ทับถมอยู่ในใจของชายหนุ่มให้บรรเทาเจือจาง
ผมไม่มีเหตุผลว่าทำไมถึงรักคุณ หัวใจสั่งให้รัก ผมก็รัก ...หรัญย์... ____________ ว่ากันว่า...หากหญิงสาวคนใดได้รับช่อดอกไม้เจ้าสาว หรือช่อบูเก้ในงานแต่งจะได้สละโสดเป็นคนต่อไป แต่ไม่เคยมีใครบอกหล่อนเลยว่า ผู้หญิงที่รับช่อบูเก้ของหล่อนได้ จะได้ว่าที่ผัวหล่อนไปด้วย!! ชีวิตต้องพลิกผันในชั่วข้ามคืน เมื่อเจ้าสาวหม้ายขันหมากอย่างณธิดาต้องหอบหิ้วหัวใจอันบอบช้ำอุ้มขวดเหล้าทั้งชุดเจ้าสาวซัดเซพเนจรหนีอดีตคนรักสุดโฉดที่ไม่โสดอย่างปากว่า เพราะมีทั้งเมียทั้งลูกมาเดินร่อนรื่นในงานแต่งที่หล่อนควรเด่นหรูที่สุด แต่กลับถูกแย่งซีนจนชุดแพงหมดแสงออร่า แล้วใครจะทน! ความเมาและบ้าบิ่นทำให้ณธิดาพบชายรูปงามท่ามกลางแสงดาวแสงเดือนและคลื่นทะเล หล่อนจึงบอกเขาว่าเมาจนความจำเสื่อมเพื่อให้เขาเอ็นดูอุปการะ ตั้งใจหันหลังให้รักครั้งเก่าที่น้ำเน่าจนเหม็นเขียว หลบลี้หนีหน้าผู้คนมาซบอกพ่อค้าผู้น่ากินกว่าลูกชิ้นปิ้งที่เขาขาย แต่กลายเป็นว่าหล่อนกลับถูกเขากิน! นัวๆ และตั้งชื่อใหม่ตามสินค้าหน้าร้านให้ว่า ‘ลูกชิ้น’ หรัญย์เป็นผู้ชายใจดี รักหมารักแมวและรักโลก ที่สำคัญ...เขาชอบกินลูกชิ้นเป็นชีวิตจิตใจ
เนื้อทองเป็นกำพร้าแม่ตั้งแต่ยังจำความไม่ได้ พออายุได้สามขวบพ่อก็พาเข้ามาทำงานที่ไร่ของนายจ้างเก่าซึ่งผันตัวเองจากผู้รับเหมามาทำปลูกผลไม้ปลูกพืชเกตษรส่งออก เด็กสาวถูกเลี้ยงดูโดยผู้ชายตัวโตๆ ก็คือพ่อเพียงลำพัง ได้รับความเมตตาจาก 'นายใหญ่' และ 'นายผู้หญิง' เป็นอย่างดีเพราะเป็นเด็กฉลาด ช่างพูด พออายุได้หกขวบเจ้าของไร่ก็ประสบอุบัติเหตุเสียชีวิตทั้งคู่ อัศเวทย์หรือนายแทนลูกชายคนเดียวจึงต้องกลับมาจากเมืองนอกกลางคันทั้งที่ยังเรียนไม่จบเพื่อสานต่อความตั้งใจของบิดามารดา ดูแลไร่แห่งนี้ในฐานะเจ้าของไร่คนใหม่อย่างเต็มตัว เนื้อทองเติบโตมาท่ามกลางสังคมของชาวไร่ชาวสวนที่เป็นผู้ชายเสียส่วนใหญ่ หล่อนจึงไม่ใคร่เรียบร้อยนัก กะโหลกแก่นแก้ว แต่ก็มีความอดทนสูงเหมือนพ่อ หล่อนเรียนรู้ทุกอย่างมาจากผู้ให้กำเนิด จนกระทั่งเมื่ออายุได้สิบสองปี พ่อก็พาหล่อนระหกระเหินไปยังถิ่นฐานอื่นอีกครั้ง เนื้อทองไม่อยากจากไร่ ไม่อยากจากทุกคนที่หล่อนรักไปเลย แต่ก็จำใจต้องตามบิดาที่มีเหตุผลส่วนตัวในการจากไปหนนั้น แต่แล้วหกปีต่อมา 'นายแทน' ก็ตามหาตัวหล่อนและพ่อให้กลับมาทำงานในตำแหน่งหัวหน้าคนงานอีกครั้ง ...พ่อก็ยอมเพื่ออนาคตของหล่อน กลับมาคราวนี้อะไรหลายๆ อย่างเปลี่ยนไป นายแทนแต่งงานกับอดีตพยาบาลสาวสวยชื่อพี่หม่อน พี่สาวใจดีที่นิสัยต่างจากนายราวฟ้ากับเหว พี่หม่อน...คือนางฟ้าแสนดีสำหรับเนื้อทอง แต่พี่หม่อนสุขภาพไม่ค่อยดีนายจึงหวงและเป็นห่วงมาก นายรักพี่หม่อน พี่หม่อนก็รักนาย ส่วนเนื้อทอง...เป็นเด็กที่สร้างแต่ความรำคาญหูรำคาญตาให้นายอยู่เสมอจนถูกดุอยู่ร่ำไป แต่ก็ได้พี่หม่อนคอยปกป้องเสมอ การมีพี่หม่อนเป็นช่วงชีวิตที่เนื้อทองรู้สึกมีความสุขที่สุด แต่ความสุขสำหรับหล่อนมันไม่เคยยั่งยืน วันหนึ่งพี่หม่อนก็จากไป...พร้อมๆ กับความเกลียดชังของนายแทนที่มีต่อหล่อนก็ได้ก่อตัวขึ้น เขาพร้อมที่จะทำลายหล่อนเพื่อบรรเทาความคับแค้นในใจอยู่ทุกเวลา... -------------- -------------- “ท้องไส้อยู่ไม่ใช่เหรอ ทำตัวเป็นลิงเป็นค่างให้ดีเถอะ ลูกฉันเป็นอะไรขึ้นมาเธอเดือดร้อนแน่เนื้อทอง” “...” หล่อนอ้าปากค้าง ใจเต้นระส่ำกับคำพูดของแทน เมื่อคืนหล่อนไม่ได้ถามหมอพงศ์ว่ามีใครบ้างที่รู้เรื่องการตั้งครรภ์ของหล่อนบ้าง แต่ตอนนี้คงไม่ต้องหาคำตอบแล้ว เพราะนอกจากแทน...ก็ไม่มีใครน่ากังวลอีก หรือจะมีก็คงเป็นพ่อของหล่อน ซึ่งเนื้อทองยังไม่รู้เลยว่าจะทำอย่างไรดีเมื่อพ่อกลับมา “ถ้ารอดจากกระท่อมร้างท้ายสวนนั้นมาได้...ก็คงไม่เป็นไรแล้วล่ะค่ะ” แม้จะเป็นประโยคสั้นๆ แต่มันก็แฝงไว้ด้วยความขมขื่นมากมาย ตลอดสามเดือนที่หล่อนต้องอดทนอยู่ที่นั่น มันเหมือนกับโลกอีกโลกหนึ่งที่ถูกตัดขาดจากทุกสิ่งทุกอย่าง เหมือนหล่อนไม่ใช่คน... “...” แทนมองด้วยสายตาไม่พอใจนัก แต่ไม่ได้ตอบโต้อะไร “อีกอย่างนะคะนาย ลูกเป็นของเนื้อทองคนเดียวค่ะ” พูดจบหล่อนหันหลังให้เขาแล้วเดินออกจากไป แต่แทนก็คว้าต้นแขนรั้งเอาไว้เสียก่อน “ถึงจะไม่ได้นอนกับเธอแบบนับไม่ถ้วน แต่ฉันก็มั่นใจว่าที่ลูกไปอยู่ในท้องเธอได้เพราะฉันทำ และฉันไม่ใช่คนไร้ความรับผิดชอบ เพราะฉะนั้นอย่าแม้แต่คิดทำอะไรโง่ๆ เพราะฉันไม่ยอมแน่”
ก็เลิกกันไปแล้ว ไม่รักกันแล้ว ไม่มีสิทธิ์ทำตัวเป็นหมาหวงก้าง ขุนพลแฟนเก่าของนาเดียพยายามเข้าใกล้เธอเหมือนมีเจตนาแอบแฝง นาเดียไม่ไว้ใจเขาทั้งยังรู้สึกเจ็บปวดทุกครั้งที่ได้พบหน้า เธอพยายามถอยห่าง เขาพยายามรุกคืบ และการกระทำนั้นทำให้เธอเริ่มสั่นคลอนลงทุกวัน เขายังทำตัวเป็นหมาหวงก้าง และระรานคนไปทั่ว ผู้ชายเฮ็งซวยที่เลิกกันไปหลายปีแล้วกำลังทำให้เธอเจอกับเรื่องยุ่งเหยิงที่ยิ่งแก้ก็เหมือนยิ่งพันตัวเธอจนติดหนึบกับเขา คำแนะนำ นิยายเรื่องนี้เป็นเรื่องสั้นนะคะ หากชื่นชอบรบกวนผู้อ่านทุกท่านกดหัวใจเพื่อเป็นกำลังใจให้ไรต์ด้วยนะคะ และซื่อในเว็บหรือแอนดรอยจะราคาถูกกว่า แอปเปิ้ลนะคะ ขอบพระคุณมากค่ะ
เสิ่นชิงชิว หลานสาวของเศรษฐีที่รวยที่สุดในเมืองไห้ คบหาอยู่กับลู่จั๋วมาเป็นเวลาสามปีแล้ว แต่ความจริงใจของเธอกลับสูญเปล่า ลู่จั๋วปฏิบัติกับเธอเพียงในฐานะหญิงบ้านนอกคนหนึ่ง และทอดทิ้งเธอในวันแต่งงาน โดยไปหารักแรกของเขา หลังจากเลิกรากันอย่างเด็ดขาด เสิ่นชิงชิวก็กลับมามีสถานะเป็นสาวรวยอีกครั้ง ได้รับมรดกมูลค่าหลายร้อยพันล้าน และเริ่มต้นชีวิตที่รุ่งโรจน์ที่สุด แต่แล้วมักจะมีคนโผล่มาทไให้กับเธอหงุดหงิดอยู่เสมอ! ขณะที่เธอกำลังจัดการกับผู้ร้าย คุณชายฟู่ผู้มีอำนาจนั้นก็ปรบมือและโห่ร้องว่า "ที่รักของฉันสุดยอดมากจริงๆ"
ทุกคนรู้ดีว่า บุตรีคนโตที่ไม่เป็นที่โปรดปรานในจวนโหวอันติ้งแห่งเมืองหลวง ทำให้แม่แท้ๆ ของตนต้องเสียชีวิต เป็นคนที่ถูกมองว่าเป็นตัวโชคร้าย ก่อนแต่งงานก็ทำให้แม่เลี้ยงฝันร้ายอยู่หลายวัน ออกเดินทางไปทำบุญนอกเมืองก็ถูกโจรจับตัวไป แต่ใครจะคิดว่าโชคร้ายกลับกลายเป็นโชคดี นางเปลี่ยนนิสัยไปอย่างสิ้นเชิง ไม่ยอมให้ใครมารังแกอีกต่อไปที่แท้ซูชิงซวู่ ผู้สุดยอดสายลับที่ทะลุมิติมาเผชิญกับพ่อที่เย็นชา แม่เลี้ยงที่ชั่วร้าย คู่หมั้นที่นอกใจน้องสาวต่างแม่ แต่ไม่เป็นไร คอยดูว่าเธอจะจัดการพวกชั่วช้า และเอาคืนทุกอย่าง ทว่าทำไมท่านอ๋องผู้นั้นถึงมองมาที่เธอด้วยสายตาแปลกๆ นั่นล่ะเผ่ยเสวียนจู: บุญคุณที่ช่วยชีวิต ไม่มีสิ่งใดตอบแทนได้ นอกจากเอาตัวไปแลก
กลางวันอ่อนหวาน กลางคืนร้อนแรง นี่คือคำที่ลู่เยียนจือใช้เพื่อบรรยายถึงเธอ แต่หานเวยบอกว่าตัวเองมีชีวิตอยู่ไม่ถึงครึ่งปี ลู่เยียนจือกลับไม่ลังเลที่จะขอหย่ากับสือเนี่ยน “แค่ปลอบใจเธอไปก่อน ครึ่งปีข้างหน้าเราค่อยแต่งงานใหม่” เขาคิดว่าสือเนี่ยนจะรออยู่ที่เดิมตลอด แต่เธอได้ตาสว่างแล้ว น้ำตาแห้งสนิท หัวใจสือเนี่ยนก็แตกสลายไปแล้วด้วย การหย่าปลอมๆ สุดท้ายกลายเป็นจริง ทำแท้งลูก เริ่มต้นชีวิตใหม่ สือเนี่ยนจากไปโดยไม่หันกลับมาอีก แต่ลู่เยียนจือกลับเสียสติ ต่อมา ได้ยินว่าคุณชายลู่ผู้มีอิทธิพลนั้นก็อยู่นิ่งๆ ต่อไปไม่ได้ ขับรถเมอร์เซเดส-เบนซ์ไล่ตามเธออย่างบ้าคลั่ง เพียงเพื่อขอให้เธอเหลือบมองเขาอีกครั้ง...
เซียวหลิ่นตาบอดจากอุบัติเหตุทางรถยนต์ ลูกสาวคนรวยทุกคนต่างหลีกเลี่ยงเขา มีแต่สวี่โยวหรานยอมแต่งงานกับเขาโดยไม่ลังเล สามปีต่อมา เซียวหลิ่นกลับมามองเห็นได้อีกครั้ง จากนั้รเขา็ยื่นข้อตกลงการหย่าเพื่อยุติการแต่งงานนี้ เขากล่าวอย่างเย็นชาว่า "ฉันพลาดกับชิงชิงมานนานมากพอแล้ว ฉันไม่อยากให้เธอต้องรอนานกว่านี้!" สวี่โยวหรานลงนามในข้อตกลงการหย่าโดยไม่ลังเล ทุกคนต่างก็หัวเราะเยาะเธอตลอด - หัวเราะเยาะว่าที่เธอแต่งเข้าตระกูลเซียวถือว่าเกาะผู้มีอิทธิพลเข้า จากนั้นก็มาหัวเราะเยาะเธอที่ถูกทอดทิ้ง เป็นหญิงที่ไร้ค่า แต่ทุกคนกลับไม่รู้ว่า เธอคือหมออัศจรรย์ที่รักษาดวงตาของเซียวหลิ่นให้หายดี เป็นผู้ออกแบบเครื่องประดับมูลค่าหลักร้อยล้าน ผู้เป็นมือหนึ่งแห่งหุ้นที่ครองตลาดหุ้น และแม้แต่แฮกเกอร์ระดับแนวหน้าและลูกสาวแท้ๆ ของผู้มีอิทธิพล อดีตสามีมาขอร้องขอคืนดี ซีอีโอผู้เผด็จการก็โยนเซียวหลิ่นออกไปนอกประตูอย่างเย็นชา "ดูดีๆ นี่ภรรยาของผม"
เขา...พ่อเลี้ยงดรัณ พัชรอมรินทร์ ผู้ชายที่เกิดมาบนกองเงินกองทองแต่มีอดีตสุดแสนจะเจ็บปวด บาดแผลที่ทิ่มแทงหัวใจมาตลอดระยะเวลาหลายปีมันกำลังจะกลัดหนอง ถ้าไม่ทำการรักษาให้หาย เธอ...พลับพลึง โรจนศุภเกียรติ สาวน้อยวัยใสผู้มีโลกส่วนตัวที่แสนจะงดงาม และหลงรักผู้ใหญ่ใจดีคนหนึ่งมาตลอด ‘ความรักคือการให้’ นี่คือนิยามความรักของเธอ เรื่องราวคงไม่วุ่นวายถ้าเธอไม่กลับมารับรู้ว่าเขาเป็น ‘หม้าย’ และเรื่องราวก็คงไม่วุ่นวายกว่า ถ้าเธอกับเขาไม่ต้องเปลี่ยนสถานะจาก ‘น้าเขยกับหลานเมีย’ มาเป็น ‘สามีกับภรรยา’ มันอาจจะเป็นความสมหวังถ้าเธอจะได้แต่งงานกับผู้ใหญ่ใจดีที่หลงรักมาตลอด แทนการแต่งงานกับผู้ใหญ่ใจร้ายที่ไม่รู้สาเหตุว่าอะไรถึงเปลี่ยนให้เขาเป็นคนละคน เถื่อนและไร้เหตุผลสิ้นดี “เมียของฉันต้องเก่งเรื่องบนเตียง ต้องทำกับข้าวอร่อย ต้องทำงานในไร่ได้ไม่ต่างจากคนงาน ที่จริงจะต้องทำงานบ้านเป็นทุกอย่าง ขยัน ไม่นิ่งดูดายปล่อยให้แม่บ้านทำเอง เธอก็ต้องเป็นแบบนั้น” “ก็ได้ พลับทำให้ได้” “เริ่มเลย” “ปล่อยสิคะ ไม่ปล่อยแล้วจะทำได้ไง” ถ้าเขายังกอดเธอแน่นแบบนี้ ยังหายใจรดใบหน้าเธอแบบนี้ แล้วจะออกไปทำทุกอย่างที่ต้องการได้ยังไง “หน้าที่แรกที่บอก จำได้ไหม”
© 2018-now MeghaBook
บนสุด
GOOGLE PLAY