ร่างงามระหงในชุดเจ้าสาวสีขาวดูบอบบางน่าทะนุถนอมทรุดลงแทบพื้นพลางสั่นสะอื้น เพราะเธอไร้เรี่ยวแรงใดๆ ที่จะพยุงร่างกายให้ลุกขึ้นได้อีกแล้ว ดวงตาฉ่ำชื้นไปด้วยหยาดน้ำตาได้แต่มองบรรดาญาติของฝ่ายชายและเจ้าหน้าที่ของโรงแรมที่ต่างพยายามช่วยปฐมพยาบาลเจ้าบ่าวหมาดๆ ของเธออย่างต่อเนื่อง
ความโกลาหลเกิดขึ้นรอบตัว ทว่าไม่ว่าในห้องหอรอรักที่ตกแต่งไว้อย่างสวยงามนี้จะมากมายไปด้วยผู้คนเข้าออก ทั้งญาติของเจ้าบ่าวที่เดินไปมา ทั้งเจ้าหน้าที่ของรถบริการฉุกเฉินที่รีบเร่งเข้ามาพร้อมอุปกรณ์กู้ชีพอย่างเร่งด่วน แต่เธอกลับไม่ได้ยินอะไรอีกแล้ว ในหัวสมองมีเพียงเสียงหวีดหวิวแปลกๆ ปะปนมากับเสียงกรีดร้องในโชคชะตาของใครบางคน ก่อนที่แสงไฟสว่างเจิดจ้าจะค่อยๆ หรี่แสงและมืดดับลง
แค่ไม่ถึง 24 ชั่วโมง บรรยากาศความสุขอบอวลไปด้วยความหวานของงานวิวาห์ก็กลับกลายเป็นความทุกข์ระทม ชุดเจ้าสาวสีขาวบริสุทธิ์ถูกผลัดเปลี่ยนเป็นชุดเดรสลูกไม้สีดำยาวคลุมเข่า ‘ธนิษฐา’ มองตรงไปยังโลงศพสีขาวประดับลวดลายเทพพนมและตัวหงส์สีทองขนาบซ้ายขวา อีกทั้งยังประดับประดารอบด้านด้วยดอกไม้สีขาวหลากชนิดเสมือนประหนึ่งว่าผู้ที่หลับใหลอยู่ด้านในของโลงนั้นกำลังนอนอยู่ท่ามกลางสวนดอกไม้ที่งดงามแห่งนี้
และเธอคงจะมองเห็นโลกสวยงามมากกว่านี้หากว่าคนที่นอนอยู่ด้านในนั้นจะไม่ใช่ ‘ทวิช’ เจ้าบ่าวหมาดๆ ของเธอ ที่เกิดอาการหัวใจล้มเหลวฉับพลันทั้งที่เพิ่งส่งตัวเข้าหอได้ไม่ทันถึง 5 นาทีด้วยซ้ำไป
ดวงตาสวยหวานที่ฉ่ำชื้นไปด้วยหยาดน้ำตามองเลยไปที่รูปภาพขนาดใหญ่ เขายังคงมองตรงมายังเธอด้วยรอยยิ้มเหมือนในทุกๆ ครั้งที่ได้พบ เธออาจไม่มีทางเลือกในชีวิตได้มากนัก เพราะความจำเป็นในครอบครัวและเหตุผลของบุพการีที่เธอปฏิเสธไม่ได้ ทำให้เธอแต่งงานกับใครก็ได้ที่พร้อมจะรับในเงื่อนไข แต่เธอก็ไม่เคยอยากให้ใครต้องตายจากไป เมื่อแต่งงานแล้วเธอก็อยากเป็นภรรยาที่ดีของเขาเหล่านั้น ไม่ได้อยากเป็นม่ายทั้งที่ยังไม่ข้ามวัน
“แกมาทำไม๊! อีคนกินผัว ฮือ... ลูกฉันไม่น่าซวยมาเจอแกเล๊ย! อีกากี อีผู้หญิงกินผัว อีผู้หญิง 3 ผัว ฮือ... ออกไปเลยนะ ออกไปจากงานลูกฉัน และอย่าเอาหน้าของแกมาให้พวกฉันเห็นอีก อีเสนียด อีจัญไร ไป๊! ใครมาเอาอีนี่ไปโยนทิ้งที เอาออกไป๊! ออกไป๊!”
ธนิษฐาสะดุ้งตกใจลุกขึ้นในทันที ขนาดว่าเธอเลือกที่จะมานั่งหลบมุมอยู่ตรงนี้เพราะไม่อยากให้ญาติทางฝ่ายเขาเห็นแต่ก็ยังหลบไม่พ้น เธอแค่อยากจะมากราบศพเขา อยากมาแสดงความเห็นใจต่อกันเป็นครั้งสุดท้าย แม้ว่าทั้งแม่และยายจะเตือนแล้วว่าอย่ามาก็ตาม เพราะคงไม่วายที่เธอจะต้องเจอสภาพแบบนี้ เพราะนี่มันครั้งที่ 3 แล้วสินะ เหตุการณ์ซ้ำๆ ที่เธอต้องผ่านไปให้ได้
“หนูขอโทษค่ะ หนูแค่อยากมากราบพี่วิชเขาเป็นครั้งสุดท้าย คุณแม่คะ หนูไม่ได้อยากให้เป็นแบบนี้”
ธนิษฐาพนมมือไหว้ขอโทษมารดาของทวิช ก่อนจะก้มหน้าซ่อนหยาดน้ำตาเพราะความแค้นเคืองจากดวงตาหญิงสูงวัยนั้น คือ เธอเป็นฆาตกรที่ฆ่าลูกชาย
“อย่ามาเรียกฉันว่าแม่ ถ้าฉันรู้มาก่อนว่าแกมันคนกินผัว ฉันจะไม่ยอมให้ตาวิชไปแต่งงานกับแกแน่ ออกไปจากงานลูกฉันเดี๋ยวนี้นะ ถ้าแกไม่ไปฉันจะเรียกตำรวจมาลากคอแก ออกไป! อีฆาตกร! แกฆ่าลูกฉัน อีกากี อีคนกินผัว ออกไป! ออกไป๊! เอิ๊ก...”
ธนิษฐาผวาจะเข้าไปประคองแม่ของทวิชที่ด่าว่าเธอจนเป็นลม แต่ก็ต้องเปลี่ยนใจพร้อมรีบออกมาโดยเร็วเพราะบรรดาพี่ป้าน้าอาของทวิชที่เข้ามาร่วมสมทบด่า ทำท่าว่าจะลงไม้ลงมือกับเธอ ถ้าเธอยังไม่ออกไปจากงานตามคำไล่
“หนูไม่ได้ตั้งใจนะคะ หนูไม่ได้อยากให้เป็นแบบนี้ หนูขอโทษ”
แม้ใบหน้าจะนองไปด้วยน้ำตาและหัวใจก็อ่อนล้าเสียจนไม่อยากจะสู้หน้าใครในขณะนี้ แต่ก็ต้องพยายามพาตัวเองเดินฝ่าฝูงชนที่มองเธอราวกับเป็นตัวประหลาด อีกทั้งเสียงด่าทอก็ยังลอยลมมาให้ได้ยินตลอดทางมาจนถึงลานจอดรถด้านนอก
ธนิษฐาก้าวขึ้นไปนั่งสงบสติอารมณ์อยู่ในรถ ดวงตาสวยหวานเอ่อช้ำไปด้วยหยาดน้ำตายังคงไหลอาบไม่ขาดสาย เธอยังคงมองตรงไปยังศาลาที่เห็นแสงไฟอยู่ไกลๆ นั่น เธอไม่โกรธแม่และญาติๆ ของเขาเลยสักนิดเพราะ ‘น้ำตา’ ของเธอไม่มีค่าอะไรเลยเมื่อเทียบกับหยาดน้ำตาของพ่อแม่และญาติพี่น้องของเขาเหล่านั้น ของผู้ชายที่เธอเคยแต่งงานด้วยทุกคน