'พวงชมพู' หญิงสาวที่ซื่อสัตย์จนศิโรราบต่อความรัก ยอมพลีทุกสิ่งอย่างเพื่อให้ได้ในสิ่งที่เธอต้องการ นั่นคือ...กายและหัวใจของอาหนุ่ม ขณะที่ 'เมธาพัฒน์' อาหนุ่มทำทุกอย่างบนพื้นฐานของคุณธรรมความถูกต้องจนต้องปฏิเสธหัวใจตัวเอง 'แพรวา' กำลังจะถูกจับแต่งงานกับ 'ภคิน' ผู้ชายเจ้าเล่ห์มากตัณหาในความคิดของเด็กสาว หล่อนทำทุกวิถีทางจนกระทั่งงานแต่งงานถูกยกเลิกสมใจ เรื่องราวควรจะจบลงเพียงแค่นั้นถ้าหล่อนไม่บังเอิญไปรู้ความลับของนายภคินเข้า เรื่องราวของชายหญิงทั้งสองคู่เกิดขึ้นจากแรงเร้าแห่งรัก แต่มันจะจบลงด้วยคำว่า "รัก" หรือไม่
ลำแสงสุดท้ายของดวงอาทิตย์ยามอัสดงค่อย ๆ ลาลับโค้งขอบฟ้าลงไป ก็เหมือนกับใจของเด็กสาวแสนสวยที่กำลังห่อเหี่ยวเกินจะทานทนเข้มแข็งต่อไปได้ สาวน้อยหันไปมองรอบ ๆ บริเวณโรงเรียนที่แสนจะเงียบสงัด น้ำตาใส ๆ ไหลออกมาด้วยความเสียใจ ความน้อยใจโหมกระหน่ำเข้าใส่ราวกับคลื่นทะเลยักษ์ที่กำลังคลั่ง
ทุกคน... เพื่อน ๆ ของหล่อนทุกคนกลับบ้านกันไปหมดแล้ว ไม่มีใครต้องนั่งเศร้าเสียใจเหมือนหล่อนเลยสักคน ทุกคนมีญาติอันเป็นที่รักมารับกลับบ้านกันหมด เหลือแต่หล่อนคนเดียวเท่านั้น
ใบหน้าสวยแสนหวานแหงนเงยขึ้นมองท้องฟ้าที่เริ่มมืดครึ้มอย่างหม่นหมอง ทำไมนะ ทำไมอาต้นของหล่อนถึงไม่เคยใยดีหล่อนสักนิด แม้ว่าหล่อนจะเรียกร้องความสนใจจากเขาแค่ไหน แต่เขาก็ไม่เคยให้ความสนิทสนมกับหล่อนเลย เขาไม่รักหล่อน... เขารังเกียจหล่อน... เขาคงจะลำบากใจมากซินะ ที่ต้องมารับภาระในการส่งเสียหล่อน ความเจ็บปวดที่สาดซัดเข้าใส่ทำให้พวงชมพูอดสะอื้นไห้ออกมาอีกไม่ได้
“อาต้นใจร้าย ใจร้ายที่สุดเลย...”
พวงชมพูลุกขึ้นจากม้านั่ง ก่อนจะเงยหน้ากู่ร้องออกมาเสียงดังสนั่นเพื่อระบายอารมณ์ โดยที่ไม่รู้ตัวเลยว่ามีใครคนหนึ่งกำลังเดินเข้ามาหยุดอยู่ใกล้ๆ
“อาใจร้ายกับชมพูมากขนาดนั้นเลยหรือครับ...” เสียงเข้มคุ้นหูที่ดังขึ้นข้างหลังทำให้พวงชมพูยืนนิ่งงัน หญิงสาวไม่กล้าที่จะหันหน้าไปสบกับดวงตาที่คมประดุจใบมีดโกนของเมธาพัฒน์ ได้แต่ยืนนิ่งแล้วก็ยกสองมือขึ้นป้ายน้ำตาของตัวเองด้วยกริยาน่าเอ็นดูนัก
“อาขอโทษครับที่ตอนแรกไม่ได้มารับชมพูด้วยตัวเอง”
เมธาพัฒน์พูดขึ้นเสียงเรียบ ก่อนจะเดินอ้อมไปหยุดตรงหน้าของเด็กสาวในปกครอง ใบหน้าของเขาสุดแสนจะราบเรียบ ดวงตาคมกริบสีดำดุจนิลไม่แสดงความรู้สึกใดๆ ออกมาเลย พวงชมพูเห็นแล้วก็ยิ่งเศร้าใจหนักมากขึ้นไปอีก
“แต่ชมพูก็น่าจะกลับไปพร้อมกับคนขับรถ ไม่น่าดื้อเลย...” สาวน้อยเงยหน้าขึ้นมองคนตัวโตทั้งน้ำตา ความน้อยใจอัดแน่นเต็มดวงตาหวานฉ่ำมหาศาล ความปลื้มปิติที่ได้พบเห็นเขามีอันจางหายไปสิ้น เมื่อฟังคำพูดโหดร้ายที่เล็ดลอดออกมาจากริมฝีปากหยักสวยของเขาจบ
เมธาพัฒน์เห็นพวงชมพูร้องไห้ก็รู้สึกไม่สบายใจนัก เขากำลังจะอ้าปากอธิบาย แต่พวงชมพูไวกว่าหล่อนแทรกขึ้นด้วยความน้ำเสียงขุ่นเคืองทันควัน
“ถ้าเกลียดกันนักก็ไม่ต้องมารับหรอกค่ะ เพราะถึงแม้ไม่มีอาต้น ชมพูก็อยู่ของชมพูได้...” เรียวปากอิ่มของหล่อนเม้นเข้าหากันแน่น ความเสียใจ ความน้อยใจทะยานขึ้นแทบระเบิดออกมา
“มันไม่ใช่อย่างนั้นนะชมพู ที่อาไม่ได้มารับตั้งแต่แรกก็เพราะว่าอามีธุระสำคัญมากที่ต้องทำ อาถึงต้องให้คนอื่นมารับชมพูแทนไง...” เมธาพัฒน์คว้าแขนของพวงชมพูไว้ เมื่อเห็นหล่อนจะเดินหนีไป สาวน้อยดิ้นรนอย่างสุดแสนพยศ
“อย่ามายุ่งกับชมพูนะ!” พวงชมพูขู่ฟ่อ มองอาหนุ่มที่ตนแอบรักด้วยความขุ่นเคือง
“แต่เมื่อชมพูไม่ยอมกลับไปกับคนขับรถ อาถึงต้องทิ้งภาระทุกอย่างแล้วก็รีบแจ้นมารับชมพูด้วยตัวเองไงล่ะ แค่นี้ชมพูยังไม่พอใจอีกหรือไงครับ หรือว่าต้องให้อากลายเป็นคนไร้ความรับผิดชอบไปซะก่อนชมพูถึงจะพอใจ” เมธาพัฒน์พูดออกมาอย่างเหลืออด จ้องมองสตรีตรงหน้าด้วยสายตากระด้าง ดุดัน และนั่นก็ทำให้เด็กสาวเริ่มพยศน้อยลง
“แต่... อาต้นก็น่าจะมารับชมพู อาต้นก็รู้ว่าชมพู..”
“ถึงแม้อาจะรู้ แต่บางอย่างอาก็ทำไม่ได้หรอกนะ คราวนี้กลับบ้านกันได้หรือยัง หรือว่าต้องให้อาคุกเข่าสารภาพผิดซะก่อน ชมพูถึงจะยกโทษให้กับอา” ริมฝีปากล่างของหล่อนสั่นระริก หล่อนรักเขา หลงรักเขาเหลือเกิน ทำไมหล่อนจะให้อภัยเขาไม่ได้ หล่อนไม่ได้เกลียดเขาสักหน่อย ตรงกันข้าม กลับรักเขาจนหมดหัวใจต่างหาก
“ค่ะ ชมพูจะกลับบ้าน”
เมื่อเห็นเด็กสาวพยักหน้ารับ เมธาพัฒน์ก็ถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก ชายหนุ่มเผลอระบายยิ้มออกมาเมื่อเห็นท่าทางเช็ดน้ำตาราวกับเด็ก ๆ ของสาวน้อยตรงหน้า
“บ้านของเราครับ”
เมธาพัฒน์เดินจูงมือให้เด็กสาวในปกครองเดินไปที่รถของเขาที่จอดอยู่หน้าโรงเรียน ระหว่างทางพวงชมพูไม่พูดอะไรออกมาสักคำ ซึ่งมันผิดวิสัยของหล่อนยิ่งนัก
“ยังไม่หายโกรธอาอีกหรือครับ อาขอโทษ” เมื่อเห็นหล่อนยังไม่ตอบโต้อะไร เมธาพัฒน์จึงหยุดเดิน ก่อนจะคว้าร่างบางของหล่อนให้หันมาเผชิญหน้า
“อาให้ทำโทษ...”
ชายหนุ่มยื่นมือของตัวเองออกไปตรงหน้าสาวน้อยที่ถักผมเปียสองข้าง พวงชมพูมองอย่างแปลกใจ คิ้วโก่งสวยเป็นธรรมชาติเลิกขึ้นสูงทั้งสองข้าง
“อาต้นยื่นมือมาทำไมคะ”
เมธาพัฒน์ยิ้มออกมาอย่างอ่อนโยน ซึ่งรอยยิ้มอย่างนี้นี่เองที่ทำให้หล่อนตกหลุมรักเขาตั้งแต่แรกเจอ เขาอ่อนโยน สุภาพ เยือกเย็น แต่หล่อนรู้ดีว่า ถ้าเขาคิดจะร้อนเมื่อไหร่ ใครก็ยากจะดับได้
“ก็ให้ชมพูทำโทษอาไงครับ อ่ะ ตีได้เลย ตามใจชอบ”
คำพูดของคนตัวโตทำให้พวงชมพูเชิดหน้าขึ้นอย่างแง่งอน นี่เขาเห็นหล่อนเป็นเด็กนักหรือไง ถึงได้ใช้วิธีง้องอนแบบนี้
“ชมพูไม่ใช่เด็ก ๆ แล้วนะคะ ชมพูอายุ 19 ปีแล้ว และก็มีแฟนได้แล้วด้วย” พวงชมพูพูดออกมาเสียงขุ่น ก่อนจะเดินลิ่ว ๆ ตรงไปที่รถ โดยไม่หันกลับมามองอาหนุ่มของตัวเองอีก
เมธาพัฒน์ยืนงงเหมือนถูกไม้หน้าสามหวดเข้าที่ศีรษะ พวงชมพูมีแฟนแล้วหรือ ชายหนุ่มคิดอย่างไม่อยากจะเชื่อในสิ่งที่ตัวเองได้ยิน และเจ้าสิ่งที่ได้ยินมันก็ทำให้อารมณ์เขาขุ่นมัวสุด ๆ อีกต่างหาก
ชายหนุ่มเดินตามเด็กสาวในปกครองของตนเองไปที่รถ มือหนากระชากเปิดประตูรถให้เปิดออกก่อนจะก้าวขึ้นไปนั่งประจำที่ จากนั้นรถคันงามก็พุ่งทะยานออกไปอย่างรวดเร็ว พวงชมพูแอบมองผู้ชายหล่อระเบิดผ่านทางหางตา แล้วหล่อนก็เห็นใบหน้าหล่อลากไส้นั้นกระด้างขึ้นมาอย่างน่ากลัว
ความเงียบแผ่รัศมีปกคลุมไปทั่วตัวรถอยู่นานแสนนาน กว่าเสียงห้าวเย็นชาของเมธาพัฒน์จะทำลายความเงียบงันนั้นขึ้นมา
“อาคิดว่า ชมพูยังเด็กเกินไปกับการมีแฟนนะ”
พวงชมพูอดแปลกใจไม่ได้กับคำพูดลอย ๆ ของคนตัวโต เขาทำเหมือนหวง แต่พอหล่อนพยายามอยู่ใกล้ ๆ เขา พ่อเจ้าประคุณกลับวิ่งหนี นี่เขาจะเอายังไงกับหล่อนกันแน่นะ
“อาต้นพูดอะไรคะ ชมพูอายุ 19 แล้วนะคะ ไม่เด็กแล้วด้วย และถึงแม้อาจะมองชมพูว่าเป็นเด็ก แต่ผู้ชายคนอื่นเขาไม่ได้คิดแบบอาต้นสักหน่อย...”
พวงชมพูเชิดหน้าขึ้นก่อนจะพูดยียวนเขากลับไป ผลที่ได้ก็คือหัวของหล่อนแทบจะกระแทกกับกระจกหน้ารถตาย เพราะพ่อเจ้าประคุณเหยียบเบรกกะทันหัน
รถจอดสนิท... เมธาพัฒน์จ้องมองพวงชมพูนิ่ง ถ้าหล่อนมองไม่ผิด ในดวงตาคมรียาวของเขานั้นต้องเป็นกองเพลิงอย่างแน่นอน เขาโกรธ! โกรธหล่อนเรื่องอะไร
“ใจแตกแล้วหรือไง มีผู้หญิงที่ไหนเขาคิดแบบชมพูกันบ้าง อาไม่อยากให้ชมพูคิดถึงเรื่องผู้ชายจนกว่าจะจบปริญญาซะก่อน”
หล่อนเห็นเขาขบกรามจนเป็นสันนูน ใบหน้าที่เคยอ่อนโยนของเขากระด้างขึ้นน่ากลัว แต่มันก็ค่อย ๆ จางหายไป เมื่อเขาควบคุมตัวเองได้
“อาต้นอย่ามาดูถูกชมพูนะ” พวงชมพูตวาดแว๊ดกลับไปอย่างมีอารมณ์
“เราจะพูดเรื่องนี้กันอีกทีที่บ้านของเรา ตอนนี้อาจะต้องพาเธอกลับบ้านให้เร็วที่สุดซะก่อน”
เขาตัดบทเอาดื้อ ๆ สาวน้อยมองเขาอย่างแค้นเคือง เขาไม่ต้องการหล่อน แต่ดูเหมือนเขาก็ไม่ต้องการให้หล่อนใกล้ชิดผู้ชายคนไหนด้วย จะขังหล่อนไว้ทำไมกัน
รถคันหรูทะยานสู่ท้องถนนที่ทอดยาวสุดสายตา ต้นไม้ริมข้างทางช่วยทำให้จิตใจของเด็กสาวบรรเทาเบาบางจากความเศร้าใจลงได้บ้าง แต่มันไม่มีทางหมดไปอย่างแน่นอน...
และไม่นานบ้านที่หล่อนจากไป 6 ปีเต็มก็ปรากฏอยู่ตรงหน้า หล่อนคิดถึงที่นี่มาก... พวงชมพูนึกย้อนไปถึงเหตุการณ์ในอดีต วันที่หล่อนมาถึงไร่ดวงตะวันครั้งแรก ชายหนุ่มผู้มีหน้าตาหล่อเหลาปรากฏกายขึ้นตรงหน้า รอยยิ้มของเขาช่างอ่อนโยน อ้อมแขนของเขาช่างอบอุ่น และคำพูดปลอบประโลมของเขาก็ทำให้หัวใจดวงน้อยของหล่อนโบยบินไปกองอยู่แทบเท้าของเขาทันที
ตอนนั้นหล่อนรู้ตัวเองดีว่า หล่อนยังคงเด็กนักสำหรับการเป็นเจ้าสาวของเขา เพราะถึงอย่างไรอาหนุ่มของหล่อนก็ไม่มีทางมองหล่อนแบบคนรักอย่างแน่นอน ดังนั้นหล่อนจึงเฝ้ารอ รอแล้วรอเล่า รอจนกระทั่งตัวเองเป็นสาวเต็มตัว รอที่จะตอบแทนบุญคุณของเขาด้วยชีวิตทั้งหมดของหล่อน
แต่เขากลับไม่ต้องการ!
พวงชมพูตื่นจากความฝันในทันที เมื่อนึกถึงความใจดำของเขาที่ทำไว้กับหล่อน ในปีแรกที่หล่อนถูกส่งไปอยู่โรงเรียนประจำ อาต้นของหล่อนจะหมั่นแวะเวียนไปเยี่ยมเยียนหล่อนไม่เคยขาด ปิดเทอมก็จะรับหล่อนกลับมาเที่ยวเล่นที่บ้าน
แต่ก็แค่สองปีแรกเท่านั้นที่ผู้ปกครองของหล่อนคอยเอาใจใส่หล่อน เพราะหลังจากนั้นมาแม้แต่เงาของเขา หล่อนก็แทบจะไม่ได้เห็น วันปิดภาคเรียนเขาก็ไม่มารับกลับไปเที่ยวบ้านไร่อย่างเคย เขาให้เหตุผลว่า เขางานยุ่ง ไม่มีเวลา และเพราะอย่างนี้ไง หล่อนถึงได้ก่อเรื่องอยู่เสมอ ก็เพราะหล่อนต้องการพบหน้าเขา ต้องการให้เขามาหาหล่อนบ้าง ไม่ใช่ทอดทิ้งไม่ดูดำดูดีหล่อนอย่างนี้
“เข้าบ้านกันเถอะ อามีของขวัญจะให้ ในโอกาสที่ชมพูเรียนจบ ม.6”
เมธาพัฒน์เอื้อมมือหนาแข็งแรงมาแตะที่ต้นแขนของพวงชมพูเบา ๆ และก็สุภาพยิ่งนัก สุภาพจนหล่อนอยากจะให้เขาไปบวชเป็นพระซะเลย
“ชมพูไม่ต้องการ อย่ามาทำเป็นใจดีไปหน่อยเลย อาต้นเป็นผู้ชายใจดำที่สุดเท่าที่ชมพูเคยพบเคยเห็นมาเลย... รู้เอาไว้ด้วย!” พูดออกมาเสียงเครือก่อนจะวิ่งหายขึ้นไปชั้นบน ถึงแม้จะจากไปนาน แต่หล่อนก็ยังจำได้ดีว่าห้องนอนของตนเองอยู่ตรงไหน สาวน้อยปิดประตูเสียงดังสนั่น ก่อนจะไปล้มตัวนอนร้องไห้บนเตียงอย่างเสียใจ
เมธาพัฒน์มองตามร่างบอบบางในชุดนักเรียนของพวงชมพูไปด้วยสายตาเป็นกังวล ลมหายใจหนักหน่วงพ่นออกมาจากริมฝีปากหยักสวยแรงๆ อย่างอ่อนอกอ่อนใจ เขาจะทำยังไงดีนะ... ถึงจะทำให้พวงชมพูยอมรับความหวังดีของเขาสักที...
เมื่อ คิมหันต์ ชายหนุ่มหล่อ รวย ทายาทคนเดียวของตระกูล ถูกใจ พอฤทัย นักกายภาพบำบัดที่คุณย่าจ้างมา เขาคิดว่าหล่อนง่าย แต่หล่อนกลับไม่ได้เป็นอย่างที่เขาคิดเลย หล่อนสวย แต่ยาก และนั้นก็ยิ่งทำให้เขากระหาย ยิ่งอยากได้หล่อนจนใจจะขาด ++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++ ประตูห้องยังไม่ทันจะปิดสนิท คิมหันต์ก็ดึงคนตัวเล็กเข้ามาประกบปากจูบดูดดื่ม ราวกับว่าถ้ารออีกนิดเดียวเขาจะขาดใจตาย "คุณคิมหันต์ อย่าค่ะ...คุณปวดเอวอยู่ไม่ใช่เหรอ?" หล่อนจับมือที่บีบขยำนมออก แต่เขาก็เอาขึ้นมาบีบใหม่ ก้มหน้าลงกระซิบข้างหู "ปวดก็ต้องซ้ำครับ จะได้หายปวด" พูดจบก็อุ้มร่างบางขึ้นแนบอกทันที พอฤทัยรู้ว่าโดนหลอก ก็โมโหเอาฟันกัดที่หัวไหล่เขาไปทีหนึ่ง แล้วก็รู้ว่าตัวเองทำผิดพลาดครั้งใหญ่ เมื่อได้ยินประโยคที่เขาพูดออกมา "ที่แท้คุณก็ชอบความรุนแรงนี่เอง ได้เลยครับเมียจ๋า...เดี๋ยวผัวจัดให้" เขาเดินก้าวยาว ๆ จนมาถึงเตียง วางร่างบางบนที่นอน จากนั้นก็ถอดเหมือนกระชากชุดของหล่อนออกจากร่าง ตามด้วยเสื้อผ้าของตัวเอง แล้วทาบทับลงไป "เห็นคุณชอบความรุนแรงแบบนี้ แสดงว่าต้องชอบแบบจูบแรกของเราด้วยใช่ไหม?" เขาเคลื่อนหน้าลงมาถาม หล่อนถลึงตาใส่เขา เมื่อนึกถึงจูบรุนแรง ที่มีแต่ความเจ็บตรงหน้าห้องน้ำ "ก็ลองทำอีกสิ คราวนี้ฉันจะกัดลิ้นคุณให้ขาดเลย" เขาได้ยินก็หัวเราะเสียงร่วนออกมา ก่อนจะก้มหน้าลงไปจูบกลีบปากอิ่มอ่อนโยน และเปลี่ยนเป็นร้อนแรงขึ้นในเวลาต่อมา
นนท์ปวิธคือคุณหมอหนุ่มรูปงามและใจดี และมีเพียงแค่เธอคนเดียวเท่านั้นที่ได้เห็นมุมมืดของผู้ชายคนนี้ มุมมืด... ที่เขาสร้างเอาไว้เพื่อทำร้ายเธอเพียงคนเดียว +++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++ "นอนกับฉัน แล้วฉันจะยอมช่วยลูกสาวของเธอ" นี่คือข้อเสนอของนายแพทย์นนท์ปวิธ อริณวัฒน์ ศัลยแพทย์หัวใจชื่อดังของเมืองไทย เขาคือเทพเจ้าแห่งการผ่าตัดหัวใจ เพราะคนไข้ทุกคนที่ผ่านมีดผ่าตัดของเขาจะประสบความสำเร็จทุกราย ทุกคนต่างชื่นชมในฝีมือและความมีน้ำใจของคุณหมอหนุ่มหล่อคนนี้มาก เขาคือเทพบุตร คือเทวดาสำหรับคนไข้และญาติๆ แต่ในมุมมืดของเขามีเพียงแค่หล่อนคนเดียวที่ได้เห็น แน่ล่ะ... เขาสร้างมุมมืดเอาไว้เพื่อทำร้ายหล่อนแค่เพียงคนเดียวเท่านั้น "ตกลงค่ะ" รอยยิ้มหยันเกลื่อนใบหน้าหล่อเหลาของนายแพทย์นนท์ปวิธ ขณะที่เคลื่อนเรือนร่างสูงโปร่งหกฟุตสามนิ้วเข้ามาหยุดใกล้ๆ "งั้นก็คืนนี้เลย" "ตาว... ขอเวลา..." "ลูกสาวของเธอ มีเวลาเหลือเยอะสินะ" "เอ่อ..." "ฉันต้องการเอาเธอคืนนี้..." แล้วเท้าใหญ่ก็ขยับเข้ามาใกล้ขึ้นอีก จนตอนนี้ร่างกายอยู่ห่างกันแค่เพียงฟุตเดียวเท่านั้น กลิ่นหอมเฉพาะตัวของเขาโชยฟุ้งเข้ามาในจมูก ทำให้รจิตราตัวสั่นเทา หล่อนช้อนตาขึ้นมองคนตัวสูง ซึ่งเขาก็ลดสายตามองลงมามองพอดี ดวงตาสองดวงสบประสานกัน โลกทั้งใบหยุดหมุน ความทรงจำเมื่อห้าปีก่อนย้อนกลับเข้ามาราวกับสายน้ำไหลหลาก ความทรงจำที่หล่อนไม่เคยลืม... และใช้มันหล่อเลี้ยงหัวใจมากว่าห้าปี
ในสายตาของทุกคน คชาวุฒิเก่งฉลาด สุภาพเรียบร้อย และสุดเนิร์ด คงมีเพียงแค่เธอคนเดียวเท่านั้น ที่รู้ว่าใต้แว่นตาหนาของเขาซ่อนความร้อนแรงเอาไว้มากแค่ไหน ไม่รู้จะอวยยศให้อาจารย์ฟิสิกส์คนนี้ยังไงดี แต่รับประกันว่าอาจารย์แซ่บมาก แซ่บฉ่ำแฉะ^^ +++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++ "ตรงไหนดี..." หล่อนควรต่อต้านสิ ควรผลักไส เพราะมันไม่ใช่เรื่องที่ควรเกิดขึ้นเลย แต่... แต่ร่างกายของหล่อนมันอ่อนระทวยไม่มีแรงเลย "ตรงไหนดีเด็กน้อย..." เขากระซิบถามเสียงกระเส่า "ถ้าคุณไม่ตอบ ผมจะเลือกเองนะ..." "อาจารย์... หนู... หนู..." ใบหน้านวลแดงระเรื่อ ตอนนี้สมองของหล่อนขาวโพลนไร้ความคิดชั่วคราว รอยยิ้มจากปากหยักสวยของอาจารย์ฟิสิกส์สุดหล่อช่างบาดใจเหลือเกิน เขาค่อยๆ ย่อตัวลง และคุกเข่าลงกับพื้น ขณะที่สายตาช้อนขึ้นมาสบประสานกับหล่อนตลอดเวลา ไฟร้อนๆ ในดวงตาของเขากำลังแผดเผาให้หล่อนมอดไหม้ "อา... จารย์..." นี่เขากำลังจะทำอะไรน่ะ เขาคุกเข่าทำไม
พระเอกเรื่องนี้แรกๆ จะออกแนวปากหมา ใจร้าย ชอบทำนางเอกช้ำใจ แต่หลังจากเห่าหอนเป็นแล้ว ก็จะกลายเป็นหมาโบ้คลั่งรักสุดๆ เลยค่ะ ไรต์นอนยันเลย 555+++ คำเตือน... พระเอกเรื่องนี้โบ้ซ้ำโบ้ซ้อนโบ้ไม่ปรานีใคร 55 ++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++ "คุณ... ภาม... เป็นอะไรคะ..." คำถามของหล่อนตะกุกตะกักจนแทบฟังไม่เป็นคำ "หึ... ยังจะมีหน้ามาถามอีกหรือคาลิสา!" เขายื่นมาบีบคอของหล่อน และนั่นก็ทำให้หล่อนตกใจแทบช็อก "คุณภาม... ครีม... กลัว..." ทำไมเขาทำแบบนี้ ทำไมภาวินทร์ถึงบีบคอหล่อนล่ะ แม้จะไม่ได้บีบแรงนัก แต่ก็ทำให้หล่อนกลัวจนแทบหยุดหายใจ "เธอนี่มันเลี้ยงไม่เชื่อง" "คุณภาม... พูดอะไรคะ ครีมไม่เข้าใจ... อ๊ะ..." นิ้วยาวของเขาบีบเค้นลงกับลำคอขาวผ่องของหล่อนแรงขึ้น จนหล่อนเกือบจะหายใจไม่ออก "ยังจะมีหน้ามาถามอีกเหรอ เธอไปทำอะไรเอาไว้ล่ะ" "ครีม... ครีมเปล่า..." "เลิกตอแหลเถอะ ฉันรู้เรื่องจากน้องอัญหมดแล้ว" "..." "เธอจงใจละเมิดข้อตกลงของเรา" "ครีมเปล่านะคะ คุณอัญเธอรู้อยู่แล้ว... เธอรู้จากคุณภามไม่ใช่เหรอคะ..." หล่อนพยายามจะอธิบายในมุมของตัวเอง แต่ชายหนุ่มไม่ยอมรับฟัง "เธอเดือดร้อน ฉันก็ช่วย ให้ข้าวให้น้ำ ให้เงิน เซ็กซ์ดีๆ ฉันก็ให้ งานก็มีให้ทำ แล้วเธอยังต้องการอะไรจากฉันอีก อยู่เงียบๆ อยู่ในที่ตัวเองไม่ได้หรือไง หื้อ!" "ครีม... ฮืออออ..." "แล้วเธอยังมีหน้าไปโกหกน้องอัญว่าท้องกับฉันอีกเหรอ เธอกล้าดียังไงพูดแบบนั้นออกไป คาลิสา!" หากหล่อนบอกออกไปว่าตัวเองกำลังตั้งท้องลูกของเขาจริงๆ ภาวินทร์ก็คงจะไม่เชื่อ ใช่... เขาไม่มีทางเชื่อหรอก ตอนนี้เขาเชื่อคำพูดของคู่หมั้นคนสวยของเขาคนเดียวเท่านั้น "ตอบมาสิ... เธอท้องลูกของฉันจริงหรือเปล่า" ใบหน้าที่เปียกชุ่มไปด้วยหยาดน้ำตาส่ายไปมา ก่อนจะตอบเสียงสะอื้น "ไม่... ไม่ได้ท้องค่ะ..." "หึ... นึกอยู่แล้วเชียว เธอมันก็แค่ผู้หญิงมารยา ที่ต้องการทำให้ฉันเดือดร้อนเท่านั้นเอง" เขาหยุดบีบคอของหล่อน และผลักร่างของหล่อนออกห่าง แสดงท่าทางรังเกียจออกมา "เราเลิกกันเถอะ"
เรื่องนี้พระเอกเป็นพวกชอบวิ่ง ตอนแรกวิ่งหนี ตอนหลังวิ่งชนจนมดลูกน้องแทบอักเสบ ฝากติดตามเป็นกำลังใจให้ไรต์ด้วยค่ะ เลิฟ เลิฟ ++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++ "พี่วิศ... ทำไมพี่เปลี่ยนไปแบบนี้คะ... อื้อ... อย่าทำแบบนี้สิคะ... " แม้จะพยายามขัดขืน แต่เสียงก็แผ่วเบา และอ่อนแรงเหลือเกิน "แล้วชอบพี่แบบนี้ไหมล่ะครับ... อืมม หอมจัง" ปลายจมูกของเขาซุกไซ้อยู่ที่ลำคอ ในขณะที่ฝ่ามืออบอุ่นลูบไล้ซุกซน "พี่ชอบก้นของเธอจัง นุ่มนิ่มมาก" "พี่วิศ..." "และพี่ก็ชอบเสียงครางของเธอด้วย ฟังแล้วยิ่งมีอารมณ์..." เขาเงยหน้าขึ้นจากลำคอของหล่อนที่ดูดเม้มจนแดงช้ำ ดวงตาสบประสานกัน ก่อนที่ปากหยักสวยจะแนบชิดลงมาหา เขาจูบเบาๆ หนึ่งครั้ง ก่อนจะกระซิบเสียงแปร่งพร่า "ให้พี่เอานะ... พี่หิว..."
เพราะแอบรักจึงยอมทุกอย่าง ยอมแม้กระทั่งเป็นคนในความลับ อยู่เงียบๆ ในเงามืดชั่วนิรันดร์ กฎของเขาก็คือ มีอะไรกัน นอนด้วยกัน สนุกกัน แต่ห้ามบอกใคร ห้ามให้ใครรู้ว่ามีความสัมพันธ์กันแบบไหน ในที่ทำงานเขาคือท่านประธาน และเธอก็คือพนักงานคนหนึ่งในบริษัทเท่านั้น เมื่อเจอกันก็ทักทายกันบ้างแบบเจ้านายกับลูกน้อง ห้ามแสดงท่าทางหรือแสดงความเป็นเจ้าของ ห้ามโพสต์สถานะในโซเชียล แม้จะไปเที่ยวด้วยกัน ไปถึงไหนต่อไหนด้วยกันก็แล้วแต่ห้ามเปิดเผยทั้งนั้น ซึ่งด้วยความรักที่มีต่อเขา ทำให้เธอตกลงยอมเป็น คนในความลับของเขาอย่างเต็มใจ +++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++ "มามี๊ขา..." วชิรวัฒน์มองเด็กหญิงตัวน้อยที่อายุน่าจะไม่ถึงสามขวบวิ่งเข้ามาสวมกอดฟาริดาด้วยความประหลาดใจและตกใจในเวลาเดียวกัน เขามองใบหน้ากลมๆ ของเด็กหญิงคนนั้น สลับกับใบหน้าของฟาริดา ซึ่งก็พบว่าหญิงสาวกำลังหน้าซีดเผือดไร้สีเลือด "นี่มันอะไรกัน น้องฟาง... เด็กคนนี้... เป็น..." เขายังพูดไม่ทันจบ ฟาริดาก็ดันร่างของเด็กหญิงไปไว้ด้านหลัง ก่อนจะตอบเขาด้วยสุ่มเสียงดังฟังชัด "ลูกสาวของฟางเองค่ะ" วชิรวัฒน์ถึงกับอึ้ง เขาหันไปมองสบตากับอภิวัฒน์ ก็พบว่าเลขาฯ หนุ่มก็อึ้งไม่ต่างกัน หลังจากตั้งสติอยู่ชั่ววินาที เขาก็หันกลับมาจ้องหน้าฟาริดาเขม็ง "เด็กคนนี้เป็นลูกของใครครับ" เขาพยายามที่จะถามเสียงสุภาพ ทั้งๆ ที่ภายในในเต็มไปด้วยเพลิงไฟกัลป์ เพราะอย่างนี้เองเหรอ ฟาริดาถึงได้หนีจากเขาไป เพราะหล่อนท้อง... แล้วหล่อนท้องกับใครล่ะ นอกจากเขาแล้ว หล่อนยังแอบมีความสัมพันธ์กับผู้ชายคนอื่นอีกอย่างนั้นเหรอ บ้าชิบ! นี่หล่อนกำลังจะทำให้เขาโมโหจนเป็นบ้าอยู่แล้วนะ! "ลูกของใครก็ช่างเถอะค่ะ แต่ไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับพี่โรมแน่นอน"
เกิดใหม่ในชาตินี้ นางแค่ต้องการอยู่อย่างสงบสุขปกป้องครอบครัวจากเรื่องร้ายที่จะเกิดขึ้น นางไม่อยากตกอยู่ในบ่วงรักอันทำให้ครอบครัวต้องพบกับวิบัติอีกต่อไปแล้ว... คำเตือน นิยายเรื่องนี้เป็นนิยายรักโรแมนติก ดราม่า มีฉากความรุนแรง ฉาก NC และมีฉากเศร้าสะเทือนใจ โปรดพิจารณาก่อนดาวโหลดนะคะ กราบขอบพระคุณค่ะ
หนานอันพริตตี้สาวสู้ชีวิตอายุยี่สิบปีแอบชอบผู้ชายคนหนึ่งอย่างหนักและอยากได้เขามาเป็นแฟนใจจะขาด แต่ดูเหมือนว่าเขาจะไม่สนใจเธอ หญิงสาวได้ไปดูดวงแม่หมอคนนั้นจึงบอกให้เธอมาขอพรที่ศาลเจ้าเล็ก ๆ ในอำเภอแห่งหนึ่งที่ห่างไกลเพื่อให้เธอสมหวังและต้องไปในวันที่ฟ้ามืดที่สุดของเดือนในอีกสองวันข้างหน้าถึงจะเห็นผล หนานอันเชื่อแม่หมอเพราะอยากได้ผัว เธอจึงไม่รอช้ารีบคว้ากระเป๋าเป้เดินทางมายังศาลเจ้าทันที เมื่อหนานอันเข้าไปภายในศาลเจ้าก็พบว่า มีสตรีสูงวัยคนหนึ่งอายุราวหกสิบกว่าปีกำลังกวาดศาลเจ้าอยู่ ...... "ได้ของสิ่งนี้ไปต้องสมหวังอย่างแน่นอน" คุณยายพูดพร้อมกับรอยยิ้ม น้ำเสียงนี้ฟังดูเยือกเย็นเป็นอย่างยิ่ง หนานอันยิ้มให้คุณยายจู่ ๆ ขนแขนของเธอก็ตั้งชันขึ้นมา เธอกำลังจะลุกขึ้นในตอนนั้นก็เกิดฟ้าผ่าเปรี้ยงลงมา หนานอันหวีดร้องด้วยความตกใจทว่าเมื่อหันไปมองคุณยายเธอไม่เห็นแม้แต่เงาแล้ว หนานอันประหลาดใจมากร้องเรียกคุณยายอยู่หลายคำ แต่ว่าในตอนนี้เธอก็ไม่มีเวลาให้คิดสิ่งใดแล้วเพราะเกิดสิ่งที่ไม่คาดคิดขึ้นเมื่อฟ้าผ่าลงมาที่ศาลเจ้าเข้าอย่างจังหนานอันที่อยู่ด้านในจึงถูกฟ้าผ่าไปด้วยและสติดับวูบลงไปทันใด ไม่รู้ว่านานเท่าใดที่หนานอันตกอยู่ในความมืดมิด และเมื่อเธอตื่นขึ้นมาทุกอย่างรอบกายของเธอก็ไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป...
คุณท่านเสียว คุณชายยอดเยี่ยมที่โด่งดังในเมือง B ได้แต่งงาน แต่มีข่าวลือว่าเจ้าสาวมีรูปร่างหน้าตาที่น่าเกลียดและมีฐานะต่ำต้อย สามปีมานี้ เขาปฏิบัติกับเธออย่างเย็นชาและทำเหมือนเป็นคนแปลกหน้า เจียงซิงซิงอดทนกับความเย็นชาอย่างเงียบ ๆ เธอยังคงรักเขาอย่างสุดหัวใจ เสียสละความนับถือตนเองและยอมละทิ้งตัวตนของเธอเอง จนกระทั่งวันหนึ่ง สุดที่รักของเขากลับประเทศ เขได้สารภาพว่าเขาแต่งงานกับเธอเพียงเพื่อช่วยชีวิตคนรักในใจของเขาเท่านั้น เจียงซิงซิงเสียใจและผิดหวังมาก เธอจึงเซ็นเอกสารหย่าและจากไปด้วยความเศร้าใจ สามปีต่อมา เจียงซิงซิงผู้สวยงามจนน่าทึ่งกลับมาอีกครั้ง ได้กลายมาเป็นศัลยแพทย์ที่ดีที่สุดและเป็นยอดฝีมือด้านเปียโน อดีตสามีรู้สึกเสียใจ และกอดเธอแน่นท่ามกลางสายฝน เสียงของเขาสั่นเครือ "ที่รัก คุณเป็นของผม..."
"ฉันจะนอนกับคุณทุกที่ ทุกเวลา และทุกครั้งที่คุณต้องการ เพื่อแลกกับอิสรภาพของพ่อฉัน" "แล้วถ้าผมไม่ตกลงล่ะ" ในที่สุดเขาก็พูดออกมาจนได้ ยาหยีก้มหน้าซ่อนความเจ็บช้ำเอาไว้จนมิด ก่อนจะเงยหน้าขึ้นอีกครั้งและพูดออกไปเสียงแผ่วเบา "ฉันจะให้คุณดูสินค้าก่อนก็ได้...แล้วค่อยตัดสินใจ" เมื่อบิดาของตนเป็นโจรขโมยเพชรล้ำค่าของตระกูลมาเฟียที่ยิ่งใหญ่แห่งกรุงมอสโค ยาหยี จำต้องโยนศักดิ์ศรีของตัวเองทิ้งแล้วกลายเป็นหญิงไร้ยางอายเพื่อให้บิดารอดพ้นจากเงื้อมมือมัจจุราชอย่างเขา ทางเลือกเพียงทางเดียวที่มีคือยอมพลีกายให้ผู้ที่ขึ้นชื่อว่าหล่อเหลาในสามโลกได้เชยชม สาวพรหมจรรย์อย่างหล่อนแทบขาดใจตายเพราะบทพิศวาสเร่าร้อนรุนแรงที่ไม่เคยได้พานพบ ความวาบหวามครั้งแล้วครั้งเล่าที่เขามอบให้ทำให้ยาหยีคลั่งไคล้ในรสสิเน่หา กายสาวร่ำร้องโหยหาแต่เขาเพียงผู้เดียว หากภายในใจก็ต้องคอยย้ำเตือนตนเองไว้ว่า หล่อนก็เป็นได้แค่ของเล่นชั่วคราว สักวันพอเขาเบื่อ ก็จะถูกเขี่ยทิ้งอย่างไร้ความปรานี!! จากที่คิดจะตามไล่ล่าเด็ดหัวคนทรยศให้แดดิ้นไปต่อหน้า คอร์เนล ซีร์ยานอฟ เจ้าพ่อยักษ์ใหญ่แห่งวงการโทรคมนาคมในประเทศรัสเซีย ก็เปลี่ยนเป้าหมายทันทีเมื่อได้เจอสาวน้อยนัยน์ตากลมหวานซึ้ง ใบหน้าหวานๆ ส่งผลให้เขาต้องการอยากครอบครองหล่อนแทบคลั่ง คอร์เนลมั่นใจว่ามันจะมีผลกับร่างแกร่งได้ไม่นานหรอก เพราะสำหรับเขา ผู้หญิงคือวัตถุทางเพศเคลื่อนที่ได้เท่านั้น เพียงได้ลิ้มลองแค่ครั้งเดียว เขาก็ไม่เคยหันกลับไปกินของเก่าอีก แต่ทฤษฎีนี้กลับใช้ไม่ได้ผลกับหล่อน ให้ตายสิ! เขาไม่เคยรู้สึกติดใจผู้หญิงรุนแรงขนาดนี้มาก่อน คอร์เนลหลงใหลเนื้อนุ่มจนกลายเป็นเสพติด ทั้งที่ความยโสโอหังของบุรุษเลือดเย็นเยี่ยงเขาพยายามบอกกับตนเองว่า เขายังเชยชมร่างงามไม่คุ้มค่ากับสิ่งที่สูญเสียไป แต่ภายในใจลึกๆ กลับตะโกนก้องสวนทางออกมาว่า เขาขาดเธอไม่ได้แม้แต่วินาทีเดียว!!
หลังจากถูกแฟนหนุ่มและเพื่อนสนิทของเธอจัดฉาก เฉี่ยนซีก็จบลงด้วยการใช้เวลาทั้งคืนกับชายแปลกหน้าลึกลับคนนั้น เธอมีความสุขมาก แต่พอเธอตื่นขึ้นมาในเช้าวันรุ่งขึ้น เธอก็รู้สึกแย่กับสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อคืน อย่างไรก็ตาม ความรู้สึกผิดทั้งหมดของเธอถูกชะล้างออกไป เมื่อเธอเห็นใบหน้าของชายที่นอนอยู่ข้างเธอ เธอจึงเอ่ยด้วยเสียงเบา ๆ ที่ว่า "ผู้ชายอะไร ทำไมหล่อจัง" และเธอก็ต้องตกใจกับสิ่งที่เห็น ความผิดของเธอกลายเป็นความละอายใจโดยทันที และมันทำให้เธอตัดสินใจทิ้งเงินจำนวนหนึ่งไว้ให้ชายผู้นั้นก่อนที่เธอจะจากไป "เจ๋อข่าย" รู้สึกประหลาดใจเมื่อเห็นเงินดังกล่าว พร้อมกับคิดว่า 'ผู้หญิงคนนั้นพยายามจะจ่ายเงินให้ฉัน ราวกับว่า ฉันเป็นผู้ชายขายบริการอย่างนั้นหรอ? ' เขารู้สึกโกรธ จึงต้องการดูภาพจากกล้องวงจรปิดของโรงแรม เขาสั่งผู้ช่วยของเขาด้วยใบหน้าที่จริงจังพร้อมขมวดคิ้ว "ผมอยากรู้ว่า ใครอยู่ในห้องของผมเมื่อคืนนี้" 'อย่าให้เจอนะ ถ้าเจอเมื่อไหร่จะสั่งสอนให้เข็ดเลย! ' เรื่องราวของพวกเขาจะเป็นอย่างไรต่อไปนะ
“ผู้หญิงคนนี้เป็นของมาร์โก ใครก็ห้ามมายุ่งอีกเด็ดขาด” เขาประกาศให้รับรู้ทั่วกัน แต่ถามว่าผู้หญิงของเขาตอนนี้มีสีหน้ายังไง ถามได้! เธอยังช็อกไม่หายปล่อยให้เขาจับจูงเข้าไปในห้องจนเหตุการณ์สงบแล้วเธอก็ยังไม่รู้ตัวเหมือนเดิม! พระเจ้านี่มันเรื่องบ้าอะไร! เธอกลายเป็นผู้หญิงของมาเฟียได้ยังไง เรื่องชักจะวุ่นวายเกินไปแล้ว เธอตามไม่ทันจริง... ตั้งสติไว้ยัยแอน เธอต้องตั้งสติ ตั้งสติบ้าอะไร เขาก็ประกาศอยู่ว่าเธอเป็นของเขา ไม่ ๆ ไม่ใช่ พวกเราแค่นอนด้วยกันคืนเดียว ยังไงก็แค่เรื่องเข้าใจผิด ยังไงเขาก็คงคิดจะขู่เล่น ๆ โธ่เอ้ยยัยโง่ เขาประกาศขนาดนั้น ลองไปสิเธอได้ถูกผูกติดกับเตียงแน่ ชาตินี้อย่าหวังจะไปไหนได้เลย เธอลืมไปแล้วหรือไงว่าคนนั้นคือมาเฟียมาร์โก มาเฟียที่มีอิทธิพลสุดในเมืองนี้! เธอจะบ้าตายเพราะเถียงกับตัวเองนี่แหละ แถมยังต้องมานั่งเสียใจที่มาเจอคนที่น่ากลัวที่สุดในเมือง พระเจ้าแกล้งเธอเกินไปแล้ว แบบนี้เธอจะทำยังไงดี!!