หลังยุคทุนนิยมล่มสลาย โลกเปลี่ยนแปลงไปไม่เหลือเค้าเดิม สามชนชั้นถือกำเนิดขึ้นใหม่ ‘นาย’ ‘ไท’ และ ‘ทาส’ เมื่อไม่สามารถเอาตัวรอดได้ในสังคมอันโหดร้าย ผู้คนจึงจำหน่ายตัวเองเป็นทาสเข้าสังกัดนาย ‘ทวิช’ เป็นหนึ่งในผลพวงนั้น เด็กหนุ่มถูกจำหน่ายเข้าเป็นทาสในสังกัดของ ‘เวหา จันทรานิรันดร์’ และนั่นคือการจำหน่ายครั้งสุดท้ายในความเป็นทาสเพราะทวิชหมายมั่นปั้นมือว่าเมื่ออายุครบยี่สิบ เขาจะใช้ชีวิตของเขาเพื่อไถ่ตัวเองเป็นไท ความแน่วแน่และบ้าบิ่นของเด็กหนุ่มทำให้เวหาซึ่งไม่เคยรู้ว่ามีทาสใจกล้าอยู่ในสังกัดอดไม่ได้ที่จะให้ความสนใจ ความสนุกจากการได้เห็นทวิชเล่นกับชีวิตของตนเองแปรเปลี่ยนไปเมื่อเวหาค้นพบว่าทวิชไม่เหมือนกับทาสทั่วๆ ไป รู้ตัวอีกที…ก็ตกหลุมรักทาสของตนไปแล้ว หากแต่ทวิชคือลูกนกที่สยายปีกแผ่กว้างเตรียมออกบิน ท้องฟ้าอย่างเขาจะต้องทำอย่างไรถึงจะได้หัวใจของนกตัวนั้นมาโบยบินอยู่ข้างกายเขาสิ่งของมีค่าเท่าไรถึงจะมากพอที่จะซื้ออิสระของเด็กหนุ่มได้… เป็นเรื่องที่เวหาคิดไม่ตกเสียเหลือเกิน…
หลังเศรษฐกิจยุคทุนนิยมล่มสลาย ระบบใหม่ก็เข้ามาแทนที่พร้อมกับชนชั้นทั้งสามที่ถือกำเนิด
นาย...ไท...และทาส
ระบบการปกครองที่ผู้แข็งแกร่งเท่านั้นถึงจะอยู่รอดในสังคมอันโหดร้าย
ธรรมชาติคัดสรรให้ผู้ที่แข็งแกร่งอยู่เหนือผู้ที่อ่อนแอกว่าอย่างนั้นหรือ?
คนพวกนั้นก็คือพวกชนชั้น ‘นาย’ อย่างไรล่ะ พวกที่แข็งแกร่งรองลงมา ถึงจะไม่มีอำนาจอยู่ในมือแต่สามารถดูแลจตัวเองได้ พวกนั้นจึงเป็น ‘ไท’ แต่สำหรับ ‘ทวิช’ ที่ได้รับมรดกตกทอดมาจากบิดามารดา เขาคิดว่าตัวเองเป็นผู้อ่อนแอ
ไม่สิ...ไม่ใช่แค่เขาหรอกที่คิด คนอื่นๆ เองก็คิด เพราะชนชั้นของเขาบ่งบอกความอ่อนแอและล้มเหลวของต้นตระกูลตนอย่างชัดเจน
‘ทาส’…
ทวิชผูกติดกับคำนี้มาตั้งแต่ที่เขายังไม่ออกจากครรภ์ของมารดาด้วยซ้ำ
ทาส...ไม่สามารถอยู่ด้วยตัวเองได้
ทาส...จำต้องมีนายและเข้าสังกัดเพื่อให้ผู้ที่แข็งแกร่งกว่าปกป้อง หากไม่มีนายแล้ว ทาสก็ไม่ต่างอะไรจากเศษขยะ ถูกทำร้ายหรือตายไปสักคน ก็ไม่ได้สลักสำคัญอะไร เพราะชีวิตมีค่าน้อยยิ่งกว่าตั๋วเบี้ย1ที่ค่าต่ำที่สุดเสียอีก
เขาถูกจำหน่ายเข้าสังกัดนายหลายต่อหลายคน การพลัดพรากจากครอบครัวไม่จบไม่สิ้นทำเอาเขาลืมไปแล้วว่าพ่อแม่ของตนหน้าตาเป็นอย่างไร มีชีวิตอยู่หรือไม่ เขาไม่รู้ทั้งนั้น แต่นั่นก็ไม่สำคัญอีกต่อไปแล้วเมื่อทาสอย่างเขาต้องมีลมหายใจอยู่เพื่อภักดีกับนาย
ทว่า...มันจะไม่ใช่เมื่อเขาอายุครบยี่สิบปี
เป็นเกณฑ์อายุที่ทาสอย่างเขาจะขอนายปลดแอกจากความเป็นทาสเพื่อเป็นไทได้
หากแต่ตอนนี้ทวิชมีอายุเพียงสิบเก้า เขาต้องรออีกหนึ่งปีเพื่อให้ถึงวันนั้น
“เอ้า ว่าไงไอ้วิช มึงอยากได้อะไรเป็นของขวัญวันเกิด รีบบอกไป คุณเขาจะได้เอาไปบอกคุณท่าน”
คุณท่าน...คือสรรพนามเรียกแทนตัวผู้เป็นนายของทาสทุกชีวิตที่นั่งอยู่ตรงนี้ รวมถึงพวกไทที่มาทำงานให้ด้วย ทวิชเหลือบไปมองหน้าชายหนุ่มในชุดสูทที่ทางด้านหลัง รอให้หัวหน้าทาสจดของขวัญวันเกิดที่ทาสที่เกิดในเดือนนี้อย่างเงียบเชียบ โดยปกติแล้วไม่มีนายคนไหนหรอกที่จะมอบของขวัญวันเกิดให้ทาสอย่างนี้ พวกเขาถือคติว่าพวกทาสคือชนชั้นล่างที่ไม่ควรลงไปเกลือกกลั้วหรือใส่ใจ เว้นเสียก็แต่ทาสในสังกัด ‘จันทรานิรันดร์’ ที่มีธรรมเนียมนี้มาตั้งแต่รุ่นบรรพบุรุษ
ทาสทุกคนมีความสำคัญ เป็นแรงงาน เป็นแขนเป็นขา อีกนัยหนึ่ง การมอบของขวัญให้เช่นนี้ก็คือการซื้อใจเพื่อให้ทาสยอมภักดี ไม่อาจหาญขอปลดแอกตัวเองเป็นไท
ทวิชยังคงนึกไม่ออกว่าอยากจะได้อะไรเป็นพิเศษในวันเกิดตัวเอง นั่งนิ่ง เม้มริมฝีปากขบคิดกระทั่งหัวหน้าทาสร้องถามมาอีก
“มึงจะบอกได้หรือยัง หรือของที่มึงอยากได้มีมากจนคิดไม่ตกวะ”
เสียงหัวเราะของบรรดาทาสที่มีวันเกิดในเดือนเดียวกันดังขึ้นขรม แต่ทวิชไม่ได้อยากได้สิ่งของมีค่าใดๆ เลย จึงทำให้เขาเงียบงันอยู่อย่างนี้ เพราะของที่มีค่าสำหรับเขาตอนนี้ก็คือ...
“จะบอกไม่บอก ถ้าไม่บอก กูเอาใบรายชื่อไปให้เขาแล้วนะ”
“คือผม...”
ทวิชหมายจะบอกส่งเดชไปให้เรื่องมันจบๆ แต่ยังไม่ทันที่จะได้พูดต่อ ก็มีเสียงร้องโอดโอยดังขึ้นจากไม่ไกล เมื่อหันไปก็พบว่าเป็นเสียงจากชายหนุ่มคนหนึ่งที่ถูกพวกไทลากออกมาจากทางด้านหลังของอาคารที่เรียกว่า ‘สังเวียน’
ร่างที่โชกชุ่มไปด้วยเลือดสีแดงฉาน ใบหน้าบวมปูดและแขนขาที่บิดเบี้ยวผิดรูป ทำให้บรรดาทาสที่เห็นภาพนั้นพากันกลืนน้ำลายลงคออย่างยากลำบาก ด้วยรู้ดีว่าสิ่งที่เกิดขึ้นกับทาสคนนั้นคืออะไร
ทาสคนนั้น...ขอปลดแอกตัวเองเป็นไท
การขอปลดแอกแม้จะทำได้เมื่ออายุครบยี่สิบปี แต่ก็ใช่ว่าจะทำได้โดยง่ายเพราะพวกนายทั้งหลายถือว่าการขอปลดแอกคือการกบฏ
...กบฏย่อมต้องถูกลงโทษ
หากแต่ไม่ใช่การลงโทษด้วยการทำร้ายร่างกายอย่างทารุณ แต่เป็นการบีบบังคับให้ทาสต้องใช้ชีวิตของตัวเองแลกกับอิสระที่โหยหา ทั้งหมดนั้นก็เพื่อทำให้พวกทาสไม่กล้าที่จะคิดตีตัวจากไป ซึ่งแน่นอนว่าเหล่าทาสที่นั่งหน้าสลอนอยู่ตรงนี้ไม่มีใครสักคนที่กล้าจะเอ่ยปากขอปลดแอก มิหนำซ้ำยังพากันบริภาษทาสผู้น่าสงสารคนนั้นอย่างพร้อมเพรียงอีกด้วย
“อยู่ในสังกัดดีอยู่แล้วแท้ๆ หาเรื่องใส่ตัว คงจะไม่ไหวล่ะสิ”
“ก็แน่ล่ะ ใครมันจะไปไหว นักสู้พวกนั้นไม่ใช่ทาสเหมือนพวกเรา เป็นพวกที่ถูกฝึกมาเพื่อคุมทาส ไม่ตายก็บุญหัวแล้ว”
“แต่มันก็สมควรตาย ตายให้กับความโง่ของมันนั่นแหละ แต่คุณท่านคงไม่ปล่อยให้มันตายหรอก พามันไปรักษาอยู่ดี เนี่ย มีนายที่ไหนบ้างที่แสนดีเหมือนสังกัดนี้ อยู่ดีไม่ว่าดี เจ็บปากตายแบบนี้ก็สมน้ำหน้ามันแล้ว”
ต่างคนต่างก่นด่า ทวิชก้มหน้าลง ครุ่นคิดอะไรบางอย่างด้วยความเงียบงัน
การเป็นไทต้องแลกด้วยชีวิต...
สิ่งนั้นทำให้เขาหวาดกลัวเสียจนสั่นสะท้าน
แต่...กลิ่นของความอิสระมันช่างหอมหวนเหลือเกิน
ต่อให้ต้องหมดลมหายใจ ถึงอย่างนั้นทวิชก็ยังอยากได้มันมาอยู่ในมือ เขาคิดวกวนอยู่แต่เรื่องนี้ ก่อนที่จะได้สติอีกครั้งเมื่อถูกหัวหน้าทาสถามอีกครั้ง
“ว่าไง ตกลงคิดได้หรือยังว่ามึงอยากได้อะไรเป็นของขวัญวันเกิด”
ทวิชคิดว่าเขานึกออกแล้ว
“ผม....” พูดพลางสูดหายใจเข้าปอดลึก ก่อนจะบอกออกมาด้วยน้ำเสียงหนักแน่น “ผมอยากขอปลดแอกตัวเองจากการเป็นทาสครับ”
เมื่อมนุษย์เพศชายเกิดการวิวัฒนาการทางร่างกาย ผู้ชายกลุ่มหนึ่งจึงสามารถตั้งท้องได้ และเพราะความเมาชนิดหลุดโลกในคืนวันนั้น ‘นภัทร’ เดือนคณะสุดหล่อจึงตื่นขึ้นมาพร้อมกับความจริงว่าตัวเองจัดการรวบหัวรวบหางลากหลืบคณะอย่าง ‘สิงหา’ ไปมี one night stand เป็นที่เรียบร้อย เรื่องควรจะจบลงแค่นั้น แต่ไม่จบเมื่อชีวิตน้อยๆ ถือกำเนิดขึ้น นภัทรหายตัวไป กลับมาอีกครั้งพร้อมกับข่าวลือประหลาดๆ ก่อนสิงหาจะพบว่าต้นเหตุของข่าวลือคือเด็กหญิงตัวน้อยอย่าง ‘น้องณดา’ ที่สิงหาสงสัยเหลือเกินว่าจะเป็นลูกของเขา “ให้เรียกนายว่าพ่อไม่ได้หรอก น้องณดาไม่ได้ลูกของนาย” “งั้นเรียกป๊ะป๋าก็ได้” “ไม่ได้” “แด๊ดดี้” “นี่...พอเลย” “ดาดา” คำเรียกที่หลุดจากปากของเด็กหญิงตัวน้อยทำเอาคุณพ่อกำมะลอยิ้มหน้าบาน ปฏิบัติการทวงคืนความเป็นพ่อต้องมา ต่อให้นภัทรไม่ยอมรับ งั้นสิงหาก็ขอเข้าทางลูกสาวตัวจิ๋วก็แล้วกัน! รับผมเป็นพ่อของลูกเถอะนะครับ!
เพราะไปตีกับเกรียนคีย์บอร์ดที่บังอาจเอานิยายเธอมาวิจารณ์หยาบๆ คายๆ ว่างานเธอเชิดชูระบอบปิตาธิปไตย ตามมาด้วยการดูแคลนเหยียดหยามทางเพศสภาพอีกหลายอย่าง ทำเอา ‘อาคิรา’ นักเขียนนิยายประโลมโลกถึงกับเลือดเฟมินิสต์ในกายเดือดพล่าน กล้าดียังไงมากล่าวหาเธออย่างนี้ งานเธอถึงจะเป็นงานประโลมโลก แต่ใช่ว่าจะเชิดชูระบอบชายเป็นใหญ่สักหน่อย! ต้องตามไปตบตีจนกว่าจะชนะ เถียงแพ้รอบนั้น แต่คนไม่แพ้ ตามหาแอคเคาทน์ของคนที่ใช้นามแฝงว่า ‘เวนไตย’ ไปจนเจอเข้ากับตอจังเบ้อเร่อ โดยหารู้ไม่ว่าเวนไตยคนนี้ หาใช่ไอ้เวรตะไลที่ประนามหยามเหยียดแต่อย่างใดไม่ ทว่าเป็นบรรณาธิการหนุ่มผู้คว่ำหวอดในวงการวรรณกรรมสร้างสรรค์สังคมต่างหาก “ฉันจะทำให้ดูว่างานเขียนฉันมันไม่ได้เชิดชูระบอบชายเป็นใหญ่!” “งั้นก็ลองเขียนมาดู ผมอยากอ่านเหมือนกัน อยากรู้ว่านักเขียนอย่างคุณจะทำได้ดีสักกี่น้ำ” โดนท้าทายมาถึงกับปรี๊ด คอยดูเถอะ เธอจะเอารางวัลมาฟาดหน้าไอ้เวรตะไลนี่ให้ได้เลย!
“ฉันจะเป็นเมียของนายดินค่ะ” ไม่รู้ว่าส้มหล่นหรือโชคร้ายกันแน่ที่จู่ๆ คุณหนู ‘หยาดฟ้า’ ของตระกูลเศรษฐีเมืองกรุงก็มาถวายตัวยอมเป็นเมียของ ‘ไอ้ดิน’ อย่างไม่มีปี่มีขลุ่ยเสียอย่างนั้น ไอ้ดินค่อนข้างจะงุนงงกับสิ่งที่เกิดขึ้น ก็จะไม่ให้งงได้อย่างไร เขาไม่รู้จักมัดจี่กับเจ้าหล่อนนี่ จู่ๆ ก็มาบอกว่าจะเป็นเมียเขา เป็นใครก็งงทั้งนั้นแหละ! ก่อนที่เขาจะได้รับรู้ว่าเหตุนี้เกิดขึ้นเพราะหยาดฟ้าถูกบิดาบังคับให้แต่งงาน เธอจึงหนีมาอยู่ที่บ้านพักตากอากาศในต่างจังหวัด และได้เจอกับกุลีหนุ่มที่นี่ ประจวบเหมาะกับที่บิดาของเธอโทรมาคาดคั้นให้เธอกลับไปแต่งงานพอดี เธอถึงได้ลั่นวาจานี้ออกมาให้บิดารู้ว่าเธอมีผู้ชายคนใหม่ที่ยินยอมพร้อมใจจะเป็น ‘เมีย’ ของเขาแล้ว หาใช่ผู้ชายที่บิดาจัดเตรียมมาให้ สำหรับไอ้ดิน นี่คงไม่ใช่ส้มหล่นหรอก เป็นคราวเคราะห์เสียมากกว่า เขาจึงรีบบอกปัดหัวขวิด “ไม่ล่ะครับคุณหนู ผมคงไม่อาจเอื้อมไปเด็ดดอกฟ้าหรอก ผมก็แค่กุลีใช้แรงงานไปวันๆ จะเอาเงินที่ไหนไปเลี้ยงให้คุณหนูอยู่ดีกินดีได้” “ไม่ต้องกินดีอยู่ดีก็ได้ แค่ให้ฉันอยู่ด้วยก็พอ” “ให้อยู่ด้วยก็ไม่ได้ครับ ก็คุณหนูน่ะเป็น...” “เป็นเมียนายดินไงล่ะ” เป็นที่ไหนกัน เขายังไม่ได้ซั่มเธอเลยสักกะยก! ไอ้ดินปวดขมับตุบๆ ขณะที่หยาดฟ้าเชื้อเชิญเขาเป็นการใหญ่ “แล้วนี่มัวรออะไรอยู่ รีบพาฉันเข้าบ้านสิ จะได้ทำอะไรอย่างที่ผัวเมียเขาทำกัน” เธอรู้หรือเปล่าว่าพูดถึงเรื่องอะไรอยู่น่ะ!? ไอ้ดินไม่แน่ใจนัก แต่แวบเดียวก็แน่ใจแล้ว เพราะจู่ๆ หญิงสาวก็ดึงคอเสื้อให้หน้าอกอิ่มล้นทะลักออกมา ไอ้ดินมองจ้องตาไม่กะพริบ ได้สติมาอีกครั้งก็ตอนที่สาวเจ้าเอ่ยปาก “มาสิพี่ดิน มาเอากัน ฟ้าพร้อมจะเป็นเมียพี่แล้ว” ดูพูดจาเข้า เรียกแทนตัวด้วยชื่อ แทนเขาว่าพี่ชวนให้เอ็นดูอีก! โอ๊ย! ไอ้ดินจะบ้าตาย! เห็นทีเขาคงหนีไม่พ้นการถูกยัดเยียดความเป็น ‘ผัว’ ด้วยฝีมือหยาดฟ้าแล้วล่ะ
เพราะอกหักจากคนที่แอบชอบมานาน ทำให้ ‘ภีม’ พาตัวเองไปในที่อโคจรเพื่อที่จะระบายความเศร้าเสียใจออกไปบ้าง หากทว่าในคืนนั้น เขากลับได้พบกับชายแปลกหน้าอย่าง ‘สุดเขต’ ที่บังเอิญเข้ามาพูดคุยด้วย ทั้งสองเกือบจะลงเอยกันด้วยความสัมพันธ์ข้ามคืน หรือที่เรียกกันว่า One night stand หากทว่าก็เกิดเรื่องวุ่นๆ เสียก่อน ก่อนที่ภีมจะพบว่าผู้ชายที่เขาได้เจอในคืนนั้น เป็นคนคนเดียวกับคนที่เขาแอบชอบตกหลุมรัก ให้ตาย! นี่มันเรื่องบ้าอะไรกัน! ขณะเดียวกัน ปฏิบัติการ ‘ลัก’ ความรักของภีมก็เริ่มต้นขึ้น เมื่อสุดเขตไม่สามารถลืมความน่ารักของภีมลงได้เลย เขาต้องเอามาให้ได้ ทั้งตัวภีม และความรักของภีม จะเอามาให้ได้ทั้งหมดเลยคอยดู!
แม้ขึ้นชื่อว่าเป็นปีศาจ ทว่าปีศาจกวางอย่าง ‘ลู่ลู่’ กลับหาได้พิสมัยการระรานมนุษย์สักเท่าไรนัก สะอาดบริสุทธิ์เสียจนแทบจะลุแก่ตบะแล้ว ทว่า... ชีวิตของเขาก็หาได้สงบสุขอีกต่อไปเมื่อนักพรตปราบปีศาจอย่าง ‘เยี่ยนเฉิน’ หนีตายจากการถูกล่าเพราะดันไปต้มตุ๋นชาวบ้านวิ่งทะเล่อทะล่ามาสลบอยู่หน้าถ้ำ ถึงจะเป็นปีศาจแต่ก็หาได้ไร้น้ำใจนัก มอบไมตรีช่วยเหลืออย่างไม่เกี่ยงงอน หากแต่เยี่ยนเฉินกลับตอบแทนบุญคุณด้วยการทำให้ชีวิตของลู่ลู่แปดเปื้อนด้วยมลทิน บีบบังคับให้ปีศาจกวางน้อยรวมหัวในแผนต้มตุ๋นชาวบ้านเพื่อเอาคืน! นักพรตจอมกะล่อนผงาด ใช้ชีวิตอย่างสำราญ ขณะที่ปีศาจน้อยถูกจิกหัวใช้ให้ไประรานชาวบ้านไม่เว้นวัน อะไรไม่ว่า เยี่ยนฉินยังขยันลูบหางเล็กๆ ของเขาเสียเหลือเกิน ไม่รู้หรือไงว่าตรงนั้นน่ะ...มะ...มัน... ...ทำให้ตัวร้อนผะผ่าวนะ! ต้องมีสักวันที่พลั้งเผลอไปมากกว่านี้แน่ สวรรค์! ลู่ลู่ผู้นี้จะหลั่งน้ำตาเป็นสายโลหิตแล้ว!
หากผู้ใดเชื่อว่าทะเลทรายผืนนี้โหดร้าย ผู้นั้นย่อมเชื่อในสิ่งที่ผิด เพราะสิ่งที่โหดร้ายกว่าผืนทะเลทรายแห้งแล้ง คือกองกำลังโจรทะเลทรายของ 'อัลมิราน' ผู้นี้ต่างหาก โหดร้าย...ชั่วช้า...เลวสามานย์ ดูเหมือนจะเป็นคำสร้อยที่พ่วงท้ายชื่อของโจรหนุ่มนามเลื่องลือไปเสียแล้ว แต่เขาจะสนใจสิ่งใดกัน ในเมื่อเขาถูกตราหน้าว่าชั่ว เขาก็จะเป็นคนชั่วให้สมดั่งที่ถูกบีบคั้น เพียงเพื่อให้ได้อัญมณีแห่งสุลต่านมาครอบครอง เขาก็ไม่เกรงกลัวสิ่งใดแล้ว หากแต่หารู้ไม่ว่าสวรรค์จะนำพาให้เขาพบกับอัญมณีมีชีวิตแห่งทะเลทราย...'จามิล' นักระบำร่อนเร่ผู้มีเสน่ห์เย้ายวน เพียงได้ชมระบำทะเลทรายของจามิลแค่ครั้งเดียวเท่านั้น หัวใจของอัลมิรานก็ถูกครอบครองไปสิ้น โดยหารู้ไม่ว่าตนกำลังก้าวเข้าสู่หุบเหวอเวจีแสนหวานที่จะฉุดคร่าชีวิตเขาไปเสียแล้ว...
หลังจากแต่งงานได้ 2 ปี ในที่สุดเจียงเนี่ยนอันก็ตั้งครรภ์สักที ความดีอกดีใจของเธอแต่กลับแลกกับคำขอหย่าของสามี หลังจากการสมคบคิด เธอนอนในกองเลือด และต้องการขอร้องเขาให้ช่วยเด็กเอาไว้ แต่กลับไม่สามารถติดต่อกับอีกฝ่ายได้ ด้วยความสิ้นหวังเธอจึงออกจากประเทศไป ต่อมาในงานแต่งงานของเจียงเหนียนอัน คุณกู้เสียการควบคุมและคุกเข่าลง ดวงตาของเขาแดงก่ำ "มีลูกของฉัน แล้วเธออยากจะแต่งงานกับใครกัน?"
เธอก็รู้อยู่เต็มอกว่าเขาไม่เคยสนใจ แต่ก็ยังดึงดันอยากจะอยู่ใกล้ ต่อให้เธอเป็นเมียแต่งเขาก็คงไม่มีวันเปลี่ยนใจ เพราะเหตุนี้เธอจึงตัดสินใจจากไปในคืนแต่งงาน "จากนี้ไปเราไม่มีอะไรติดค้างกันอีก" 🥀
ในวันครบรอบแต่งงาน เหวินซือถูกเมียน้อยของสามีวางยาและไปมีอะไรกับคนแปลกหน้า เธอสูญเสียความบริสุทธิ์ไป แต่เมียน้อยคนนั้นกลับตั้งท้องลูกของสามี ภายใต้ความกดดันต่างๆ เหวินซื่อสูญรู้สึกสิ้นหวังและตัดสินใจหย่า แต่สามีของเธอกลับไม่แยแสโดยคิดว่าเธอกำลังเล่นลูกไม้อยู่ หลังจากการหย่ากัน เหวินซือกลายเป็นจิตรกรที่มีชื่อเสียงและมีผู้ชายนับไม่ถ้วนที่ตามจีบเธอ อดีตสามีไม่ยอมและขอคืนดีไปถึงที่ จากนั้นก็ว่า เธออยู่ในอ้อมแขนของคนใหญคนโตคนหนึ่ง และชายคนนั้นก็พูดอย่างสงบว่า "ดูให้ดี นี่คือพี่สะใภ้ของนาย"
ในชีวิตชาติที่แล้ว เพื่อช่วยรักแรกของตัวเอง คนชั่วสามคนได้ทำลายพลังการต่อสู้ของนาง ตัดแขนขาของนางออก ตัดเส้นเลือดของนางและปล่อยเลือดของนางไหลออกมาทั้งอย่างนั้น และทรมานนางจนตาย เมื่อเกิดใหม่ครั้งนี้ นางวางแผนอย่างรอบคอบ โดยสาบานว่าจะให้พวกเขาได้สัมผัสกับความทุกข์ทรมานที่นางเคยประสบมา! รักแรกที่ไร้เดียงสาอะไรกัน ที่จริงก็เป็นเพียงผู้หญิงที่ตีสองหน้าเก่ง อยากจะไต่ขึ้นไปสูงเหรอ งั้นก็จะให้เจ้าปีนขึ้นไป ยิ่งปีนขึ้นสูงมากเท่าไร ตอนตกลงมาก็จะยิ่งเจ็บมากเท่านั้น! พวกสวะสมควรได้รับบาปกรรมของพวกสวะ พวกมันทำชั่วกับนางไปชั่วชีวิตหนึ่ง นางจะทำให้พวกมันไม่ตายดี พวกคนที่เจ้าเล่ห์ ตีสองหน้าเก่ง นางจะจัดการกับทุกคน! แต่นางไม่เคยคิดเลยว่าในการแก้แค้นของนาง นางจะไปมีเรื่องกับเสด็จอาที่เป็นเจ้าแผนการเข้า ที่วัน ๆ ต้องการให้นางจูบและกอดเขาตลอดทั้งวัน ในขณะที่นางแก้แค้นคนชั่วนั้นยังสามารถสนิทสนมกับเสด็จอาด้วย ในความจริงแล้ว การที่เป็นผู้หญิงชั่วๆ ก็มีความสุขมาทีเดียวกว่าที่คิดเลย!
หลังจากแต่งงานกันสามปี เจียงหยุนถังพยายามสุดความสามารถเพื่อช่วยชีวิตสามีที่ได้รับบาดเจ็บสาหัสจากอุบัติเหตุทางรถยนต์ โดยไม่คาดคิด ว่าเขาได้ละทิ้งเธอเหมือนกับขยะ รับรักแรกของเขากลับประเทศและตามใจเธอทุกอย่าง เจียงหยุนถังที่ท้อใจตัดสินใจหย่า และทุกคนต่างก็หัวเราะเยาะเธอที่กลายเป็นภรรยาที่ถูกทอดทิ้งจากตระกูลเศรษฐี อย่างไรก็ตาม เธอกลับเปลี่ยนแปลงตัวเองอย่างกะทันหันเป็นหมอเทวดาที่พบเจอยาก "Lillian"แชมป์แข่งรถที่มีฐานแฟนคลับจำนวนมาก และยังเป็นนักออกแบบสถาปัตยกรรมระดับโลกอีกด้วย ชายร้ายหญิงชั่วคู่นั้นเยาะเย้ยเธอว่า เธอจะไม่มีวันหาคู่รักได้ใ แต่ไม่คาดคิดว่าลุงของอดีตสามีของเธอ ซึ่งเป็นผู้บัญชาการทหารสูงสุดทำกแงทัพกลับมาเพียงเพื่อขอแต่งงานกับเธอ
เสิ่นชิงกลายเป็นลูกสาวของชาวนาจากคุณหนูที่ร่ำรวยของตระกูลเสิ่นในชั่วข้ามคืน ลูกสาวตัวจริงใส่ร้ายเธอ คู่หมั้นของเธอทำให้เธออับอาย และพ่อแม่บุญธรรมของเธอก็ไล่เธอออกจากบ้าน... ทุกคนต่างรอที่จะหัวเราะเยาะเธอ ทว่าเธอกลับกลายเป็นทายาทของตระกูลเศรษฐีในเมืองอย่างกะทันหัน นอกจาดนี้ เธอยังมีตัวตนหลากหลาย เช่น หัวหน้าแฮ็กเกอร์ระดับนานาชาติ นักออกแบบเครื่องประดับชั้นนำ นักเขียนผู้ยิ่งใหญ่ที่ลึกลับ และอัจฉริยะด้านการแพทย์! พ่อแม่บุญธรรมเสียใจกับการตัดสินใจของตนและบังคับให้เธอแบ่งทรัพย์สินครึ่งหนึ่งให้เพราะพวกเขาเลี้ยงดูเธอมา เมื่อเสิ่นชิงหยิบกล้องออกมาแล้วบันทึกท่าทางอันน่าเกลียดของพวกเขา อดีตคู่หมั้นรู้สึกเสียใจและพยายามจะคืนดีกับเธอ เสิ่นชิงหัวเราะเยาะ "เขาคู่ควรงั้นเหรอ" จากนั้นก็ไล่เขาออกจากเมือง ในที่สุด ผู้มีอำนาจแห่งเมืองก็พูดอ้อนวอนเบาๆ "ไม่จำเป็นต้องแต่งเข้าตระกูลผม เดี๋ยวผมไปหาเอง"