ภวัต สุทธนนท์ ผู้ชายปากร้าย ใจดี รักครอบครัว และรักเธอคนเดียว คนพูดขวานผ่าซากแบบเขา รักใครรักจริง ไม่เจ้าชู้และเฝ้ารอคอย ไม่เคยหวั่นไหวกับหญิงใดในโลกล้า อรนภัส สาวน้อยก้นลายที่เคยโดนเขาล้อตอนกระโดดน้ำคลอง กลายเป็นสาวสะพรั่งที่เขาจับจองตั้งแต่เด็กๆ และรอคอยเธออย่างมั่นคง พบกับความรักของคนเถื่อน และยอดดวงใจของคนเถื่อนได้ในเล่มค่ะ
สามปีก่อน...
“ดีใจที่ได้เจอนายอีกครั้ง”
กฤษณะตบไหล่เพื่อนเบาๆ ขณะพาเข้าบ้านหลังใหญ่
“ฉันก็ดีใจเช่นกัน บ้านนายร่มรื่นดีนะ”
ภวัตเอ่ยชมเมื่อมองไปรอบบ้าน
“นายเข้าไปพบพ่อแม่ฉันก่อน ท่านคงดีใจที่เจอนายอีกครั้ง”
กฤษณะเดินนำเพื่อนไปทางหลังบ้าน ซึ่งเป็นสวนดอกไม้ที่บิดามารดานั่งพักผ่อนอยู่ ภวัตเดินผ่านห้องโถงของตัวบ้าน เขาสะดุดตากับกรอบรูปถ่ายของหญิงสาวที่กำลังฉีกยิ้มกว้างขณะนั่งอยู่บนชิงช้า กฤษณะชะงักเมื่อเห็นเพื่อนหยุดเดิน ก่อนจะมองตามสายตาของภวัต
“น้องฉันเอง นายจำได้ไหม ยัยอรไง”
กฤษณะยิ้มแย้มเมื่อเอ่ยถึงน้องสาวคนรอง
“ส่วนโน่นนายกร นายจำได้หรือเปล่าไม่รู้”
กฤษณะชี้ไปยังกรอบรูปใกล้ๆ กันซึ่งเป็นรูปของปกรณ์น้องชายคนเล็ก
ภวัตเดินไปยังกรอบรูปของอรนภัสคล้ายคนละเมอ เขาหยิบขึ้นมาอย่างเผลอไผล ลูบไล้ไปตามโครงหน้าของสาวน้อยหน้าหวาน
“ทำไมจะจำไม่ได้”
ภวัตพูดกับเพื่อนแต่สายตาไม่ละจากรูปถ่ายของหญิงสาวนามว่าอรนภัส
“นี่! แก อย่าบอกนะว่า...” กฤษณะมองอาการของเพื่อนตาโต
“ฉันชอบน้องนายว่ะกฤษ ขอจองได้ไหมวะ”
“จอง!!” กฤษณะทวนคำของเพื่อน
“จองไปเป็นเมีย!!!”
คำตอบของเพื่อนทำให้กฤษณะตกใจ เงยหน้าสบตาเพื่อนนิ่ง สัมผัสได้ถึงความจริงใจและจริงจังในแววตาคู่นั้น
“เฮ้ย! แกพูดจริงเหรอ น้องฉันยังเรียนไม่จบนะ”
คนหวงน้องสาวรีบพูดกันท่าตามระเบียบ
“จริง ว่าแต่ยัยแก้มป่องยังก้นลายอยู่อีกไหม”
ภวัตตอบจริงจัง แล้วเอ่ยคำถามที่ทำให้เพื่อนหลุดหัวเราะขบขัน
“จะบ้าเหรอแก น้องฉันอายุสิบแปดแล้วนะ เริ่มเป็นสาวเต็มตัว หนุ่มๆ พากันติดตรึม และก้นก็ไม่ลายแล้วด้วย”
“หนุ่มๆ ติดตรึม” ภวัตทวนคำอย่างหวงๆ
“สีหน้าแก น้ำเสียงแก อย่าบอกนะว่าหวง”
“หวง”
ภวัตพูดเสียงขรึม ก่อนจะสะดุ้งนึกขึ้นได้แล้วเอ่ยถามออกไป “แกแอบดูก้นน้องแกเหรอไง”
“เฮ้ย!!! ไอ้บ้า ใครจะแอบดูก้นยัยอร ฉันเดาเอา พวกที่ตอนเด็กๆ มีรอยแผลเป็นตอนโตมักจะจางหายไปเองตามกาลเวลา... แกนี่ก็แปลก หวงทั้งๆ ที่ไม่เคยเห็นหน้า”
“ใครบอกว่าไม่เคยเห็น ตอนเด็กฉันเคยเห็นยัยแก้มป่อง ตอนไปหานายที่บ้านไง แถมโตขึ้นยังได้เห็นอีก”
ภวัตตอบ พร้อมกับเอามือลูบบนรูปถ่ายที่ถืออยู่เบาๆ
“เออ ลืมไปว่าบ้านเราติดกัน” กฤษณะเกาหัวไปมา
“ดูท่าทางแกจะเป็นเอามาก”
กฤษณะส่ายหน้าไปมาไม่จริงจังนักเมื่อเห็นเพื่อนจ้องรูปถ่ายของน้องสาวตาลอย
“บอกแล้วไงว่าขอจองก่อน แกช่วยดูด้วยแล้วกัน ห้ามหนุ่มๆ คนไหนเข้าใกล้ ไม่งั้นพ่อฉุด”
“เฮ้ย! ไอ้นี่” กฤษณะส่ายหน้ากับคำพูดของเพื่อนรัก
“ฉันสัญญาว่าจะให้น้องนายเรียนจบก่อน แล้วถึงจะเข้าไปทำความรู้จัก รับรองว่าตอนนี้ฉันไม่ไปกวนน้องนายให้เสียการเรียนแน่นอน” ภวัตยืนยันหนักแน่น
“ก็ได้ ถ้านายสัญญาว่าจะไม่ไปกวนใจยัยอร รอให้ยัยอรเรียนจบก่อน ฉันจะไม่ขัดขวางนายแน่นอน ถึงตอนนั้นหากนายยังไม่เปลี่ยนใจ”
ภวัตก้มมองรูปถ่ายที่อยู่ในมืออีกครั้งหนึ่ง แม้จะรู้สึกว่าสามปีมันช่างยาวนานนัก แต่เขาก็เต็มใจที่จะรอ
สามปีต่อมา...
อรนภัสชำระเงินค่าหนังสือก่อนจะรีบเดินออกจากร้าน
“อุ๊ย! ขอโทษค่ะ”
หญิงสาวรีบขอโทษเมื่อเดินชนกับร่างสูงของใครคนหนึ่ง
ภวัต สุทธนนท์ นายหัวหนุ่มวัยสามสิบหกก้มลงหยิบถุงหนังสือที่ร่วงหล่นลงพื้นส่งให้หญิงสาวตรงหน้า สายตาคมกริบกวาดตามองร่างโปร่งบางที่สวมเสื้อสีฟ้าแขนตุ๊กตากับกระโปรงสั้นแค่เข่าสีชมพูลายลูกไม้
เธอดูอ่อนหวานน่ากลืนกินไปทั้งตัว...
“ขอบคุณค่ะ”
อรนภัสกล่าวขอบคุณด้วยน้ำเสียงอ่อนหวาน ช้อนสายตามองใบหน้าคมสันที่จ้องเธอนิ่ง หัวใจสาวสั่นไหวรุนแรงเมื่อได้สบสายตาคมกริบสีสนิมคู่นั้น
ภวัตเองแทบหยุดหายใจ เมื่อได้มองหญิงสาวตรงหน้าเต็มๆ ตาแบบนี้ ใบหน้าหวานรูปหัวใจ ดวงตากลมโตสุกใสดั่งดวงดาวบนฟากฟ้า แพขนตางอนงามเป็นธรรมชาติ เวลากะพริบตาช่างดูงดงาม คิ้วเรียวโก่งเข้ารูป จมูกเล็กโด่งงาม ริมฝีปากเต็มอิ่มสีชมพูระเรื่อ เขาเลื่อนสายตาอ้อยอิ่งมายังเนินอกอวบ ก่อนจะก้มต่ำลงยังเอวคอดและสะโพกผาย ผิวเจ้าหล่อนขาวผุดผ่องดั่งหยวกกล้วย
ตัวจริงของเธอสวยกว่าในรูปหลายเท่านัก เขารอเวลานี้มานานกี่ปีแล้วนะ ล่าสุดคงจะเป็นตอนที่เธอแตกเนื้อสาว และเมื่อได้เห็นรูปถ่ายที่บ้านของเธออีกครั้ง ทำให้หลังจากนั้นเขาก็เฝ้าติดตามมองเธออยู่ห่างๆ หากย้อนเวลากลับไปเมื่อสิบกว่าปีก่อน เธอยังเป็นเด็กตัวเล็กที่เขาไม่คิดจะใส่ใจเช่น ณ ตอนนี้
“เอ่อ... ดิฉันต้องขอตัวก่อนนะคะ”
เมื่อถูกมองมากๆ เข้า เธอก็เริ่มรู้สึกประหม่า ปกติเจอสายตาของผู้ชายที่มองเธอแบบนี้ออกบ่อยๆ แต่ชายหนุ่มนิรนามตรงหน้าทำให้เธอเขินอายอย่างบอกไม่ถูก
สายตาของเขาเหมือนใครบางคนที่เธอเคยรู้จักเมื่อนานมาแล้ว...
“เดี๋ยวสิ”
มือหนารั้งเรียวแขนบอบบางเอาไว้ ดวงตาคมมองสบกับดวงตากลมโตสวยใสของสาวน้อยวัยยี่สิบเอ็ดที่มองมาอย่างตกใจ รีบสะบัดมือออกจากชายหนุ่ม
“คุณมีอะไรหรือคะ”
อรนภัสรีบเอ่ยถาม ค่อยๆ ก้าวถอยไปด้านหลัง ทิ้งระยะห่างพอสมควร
น้ำเสียงระแวดระวังนั้นทำให้ภวัตรู้สึกเสียหน้าเล็กน้อย...
“ฉันอยากรู้จักกับเธอน่ะ”
ภวัตบอกตามตรง อรนภัสถึงกับอ้าปากค้างทำหน้าเหลอหลา ถอยห่างยิ่งขึ้น แก้มแดงปลั่งด้วยความอายในท่าทีห่ามๆ ของเขา ที่จู่ๆ มาพูดว่าอยากรู้จักเธอแบบนี้ แถมมาทำสายตาเหมือนจะกลืนกินเธอซะขนาดนั้น ใครจะอยากรู้จักเขากันล่ะ
“อ้าวทำไมล่ะ ฉันแค่อยากรู้จัก ทำไมต้องกลัวขนาดนั้นด้วย”
เขาเลิกคิ้วคมเข้มขึ้นขณะเอ่ยถาม หญิงสาวทำให้เขารู้สึกเสียความมั่นใจพอสมควร มือหนาลูบหนวดเคราของตัวเอง หรือเธอจะคิดว่าเขาหน้าเหมือนมหาโจร ภวัตควบคุมอารมณ์เต็มที่ มือข้างหนึ่งซุกในกระเป๋ากางเกงยีนส์สีซีดด้วยท่าทีสบายๆ สายตาคมมองเธอไม่วาง ใบหน้าเรียบเฉยเคร่งขรึม อีกทั้งดวงตาร้อนแรงคู่นั้นทำให้อรนภัสได้แต่หลบสายตาด้วยหัวใจสั่นสะท้าน
“เอ่อ...ขอตัวก่อนนะคะ”
อรนภัสรีบบอกแล้วหันหลังวิ่งหนีเมื่อสามารถสลัดมือชายหนุ่มออกได้สำเร็จ
“เดี๋ยว”
ภวัตทำท่าจะเรียกแต่ก็ชะงัก มือหนาก้มลงเก็บกระดาษแผ่นเล็กที่ปลิวตกออกมาจากหนังสือของเธอขึ้นมาดู
‘ร้านอรเบเกอรี่’
ภวัตอ่านชื่อร้านและสถานที่ตั้ง รวมถึงเบอร์โทรศัพท์ ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองร่างโปร่งบางที่วิ่งหนีไปด้วยสายตาคมกริบ
‘ถึงไม่แกล้งทำตกเอาไว้ให้ดูต่างหน้า พี่ก็หาน้องอรเจออยู่แล้ว’
ภวัตยัดกระดาษแผ่นนั้นลงในกระเป๋ากางเกงยีนส์ตัวเก่ง ก่อนจะเดินออกจากห้างสรรพสินค้าอย่างมั่นใจ
‘ติ๊งต๊อง’
เสียงกริ่งดังหน้าร้านทำให้อรนภัสรู้ว่ามีลูกค้าเดินเข้ามา หญิงสาวยิ้มบางๆ ขณะที่มือกำลังสาละวนอยู่กับงานตรงหน้า ก่อนจะเอ่ยเสียงหวาน โดยไม่ได้เงยหน้ามอง
“สวัสดีค่ะ ยินดีต้อนรับค่ะ เชิญนั่งก่อนนะคะ คะ...คุณ”
อรนภัสถึงกับชะงักเมื่อเห็นใบหน้าหล่อเหลาคมเข้มกำลังมองเธอไม่วาง ร่างสูงใหญ่บึกบึนยืนเท่อยู่ห่างจากเธอไม่ไกลมากนัก
เอ๊ะ! เขาเป็นคนที่เดินชนเธอเมื่อครึ่งชั่วโมงที่แล้วนี่นา!!!
ภวัตใช้สายตาคมกริบกวาดมองไปรอบๆ ร้านที่เปิดขายขนมและเครื่องดื่ม ก่อนจะหันกลับมามองใบหน้าสวยหวานที่อยู่ตรงหน้า การมองของชายหนุ่มเล่นเอาอรนภัสหายใจเข้าไม่ทั่วท้อง เมื่อเธอสานสบดวงตาคู่นั้น ทำให้เธอลนลานจนทำอะไรไม่ถูก แต่ในที่สุดหญิงสาวก็พยายามรวบรวมสมาธิสูดลมหายใจเข้าปอดแรงๆ จากนั้นก็ส่งรอยยิ้มหวานๆ ไปให้ลูกค้าหนุ่มตามมารยาท
ในอดีตเขาคือพี่ชายที่แสนดี แต่ในวันนี้เขากลับหมางเมิน เย็นชา จิกกัดและปากร้าย เธอจึงอยากหลีกหนีเขาไปให้ไกล แต่ทำไมทุกอย่างกลับไม่เป็นเช่นนั้นเลย เธอต้องมาเป็นเลขาของเขา แถมยังต้องมามีความสัมพันธ์อันลึกซึ้งกับเขาอีก!
งานแต่งงานที่เกิดขึ้น เพราะผู้ใหญ่ เธอถูกสามีรังเกียจ ก็ให้มันรู้ไปว่าเขาจะเกลียดเธอไปได้สักกี่น้ำ เธอจะแกล้งเขาให้หนำใจ ทำหน้าที่เมียให้สาสมกับที่เขาเกลียด!
เธอแอบชอบเขาเพราะเขาคือพระเอกขี่ม้าขาวมาช่วยเธอเอาไว้ เธอจึงสารภาพรักกับเขาเมื่อเรียนจบและได้เข้าทำงานในบริษัทของเขา แต่เขากลับให้เธอเขียนใบลาออก เธอจึงหนีหายไปจากชีวิตของเขา ได้เจอกันอีกครั้งความจริงก็ถูกเปิดเผย!
เขาเป็นคุณอาของเพื่อน เย็นชา หน้านิ่ง แถมยังดุอีกด้วย ในค่ำคืนหนึ่งที่โดนเพื่อนชายวางยา เขากลับช่วยเธอเอาไว้ แล้วกลายเป็นคุณอาหนุ่มคลั่งรักที่ทำเอาเธอกลายเป็นนางฟ้าตัวน้อย ๆ ในอ้อมแขนแข็งแกร่งอบอุ่นอ่อนโยนของเขา
เธอพลาดท่าเสียทีเขาในค่ำคืนหนึ่ง เขาออกตามหาเธอจนแทบพลิกแผ่นดิน จู่ ๆ ก็มีหญิงสาวคนหนึ่งอุ้มลูกน้อยมาบอกเขาว่า เขาคือพ่อของลูก แล้วจากไป เขาได้เจอผู้หญิงอีกคน กลับตกหลุมรักเธอในทันที และความลับมากมายที่ถูกเก็บซ่อนก็เปิดเผยออกมาให้เขาได้รับรู้
หลิวฉูฉู่นางเอกดังย้อนเวลากลับเข้าไปอยู่ในซีรีส์ที่ตัวเองแสดง ทว่าเรื่องไม่ง่ายเลยสักนิด เมื่อเธอ ต้องเข้าไปอยู่ในร่างนางร้ายที่สุดท้ายต้องตายตอนจบเพราะถูกพระเอกฆ่าตาย! หลิวฉูฉู่จึงต้องทำทุกวิธีที่จะให้รอดพ้นจากความตายนี้ "ฝ่าบาท รักนะเพคะ" นิยายเรื่องนี้ เป็นแนวสุขนิยม สายคลั่งรักไม่ควรพลาด ไม่มีดราม่าค่ะ อ่านคลายเครียด นุบนิบหัวใจ ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ตลอดวัน หมายเหตุ ซื้อในเวบถูกกว่าแอปเปิ้ลนะคะ ขอบคุณมากค่ะ
หลังจากแต่งงานมาสามปี เสิ่นเนียนอันคิดว่าตนเองสามารถเอาชนะใจโฮ่วอวินโจวได้ แต่กลับพบว่าเขามีเพียงคนรักแรกอยู่ในใจ "ฉันจะปล่อยเธอไปหลังจากที่เธอคลอดลูก" ในวันที่เสิ่นเนียนอันมีปัญหาในการคลอดบุตร โฮ่วอวินโจวได้พาผู้หญิงอีกคนออกจากประเทศด้วยเครื่องบินส่วนตัว "ไม่ว่าคุณจะชอบใครก็แล้วไป สิ่งที่ฉันเป็นหนี้คุณ ฉันคืนให้หมดแล้ว" หลังจากที่เสิ่นเนียนอันจากไป โฮ่วอวินโจวก็เสียใจ "กลับมาหาฉันอีกครั้งได้ไหม"
เฉียวลู่ นักแสดงแถวหน้าของจีนมีข่าวฉาวออกมาทำให้ทางต้นสังกัดของเธอสั่งให้เธองดออกสื่อชั่วคราว จึงเป็นโอกาสที่หาได้ยากสำหรับคนงานยุ่งตลอดทั้งปีของเธอที่จะได้พักผ่อน เฉียวลู่เดินทางกลับบ้านเกิดของเธอและการกลับไปครั้งนี้ทำให้ชีวิตของเฉียวลู่เปลี่ยนไปตลอดการ ฉีหมิงเยี่ยน อนุชาองค์เล็กของฮ่องเต้แห่งแคว้นฉี ถูกลอบปลงพระชนม์ระหว่างที่เดินทางมาทำหน้าที่เจรจาสงบศึกกับเเเคว้นเซียว เพราะได้รับบาดเจ็บสาหัสทำให้ชินอ๋องความจำเสื่อมและได้รับการช่วยเหลือจากพ่อลูกตระกูลเฉียว เซียวยิ่น ฮ่องเต้แคว้นเซียวมีพระสนมมากมายเเต่กลับไม่สามารถให้กำเนิดพระโอรสได้โหรหลวงได้ทำนายเอาไว้ว่า ในอนาคตองค์รัชทายาทที่แท้จริงจะกลับมาเซียวยิ่นจึงมีรับสั่งให้ทหารออกตามหาพระโอรสและอดีตฮองเฮาของตนอย่างลับๆ ฉินอี้เหยา ได้รับบาดเจ็บสาหัสร่างลอยตามแม่น้ำมาพร้อมกับเด็กทารกในอ้อมแขนเมื่อฟื้นขึ้นมานางจึงแสร้งจำเรื่องราวในอดีตไม่ได้ เพื่อให้นางและบุตรชายมีชีวิตรอดต่อไป
เพราะคิดว่าเป็นความฝัน ฉินหร่านจึงร่วมมือบรรเลงเพลงรักอย่างไม่ได้ตั้งใจ ไฉนตื่นขึ้นมาถึงมีสามีเป็นของตัวเอง อีกทั้งสามีนางยังตาบอดอีกด้วย! แต่นั่นไม่น่าตกใจ เท่ากับที่นางมาอยู่ในร่างเด็กสาวในยุคจีนโบราณ ที่ไม่มีในประวัติศาสตร์ อีกทั้งร่างนี้ถูกขายให้มาเป็นภรรยาของชายตาบอด แต่ไหนๆ ก็มาแล้วจึงจะใช้ชีวิตให้ดี ส่วนสามีนะหรือ หล่อขนาดนั้น แซ่บขนาดนี้ เดินหน้าเกี้ยวสามีสิ จะรออะไร!
ในชีวิตชาติที่แล้ว เพื่อช่วยรักแรกของตัวเอง คนชั่วสามคนได้ทำลายพลังการต่อสู้ของนาง ตัดแขนขาของนางออก ตัดเส้นเลือดของนางและปล่อยเลือดของนางไหลออกมาทั้งอย่างนั้น และทรมานนางจนตาย เมื่อเกิดใหม่ครั้งนี้ นางวางแผนอย่างรอบคอบ โดยสาบานว่าจะให้พวกเขาได้สัมผัสกับความทุกข์ทรมานที่นางเคยประสบมา! รักแรกที่ไร้เดียงสาอะไรกัน ที่จริงก็เป็นเพียงผู้หญิงที่ตีสองหน้าเก่ง อยากจะไต่ขึ้นไปสูงเหรอ งั้นก็จะให้เจ้าปีนขึ้นไป ยิ่งปีนขึ้นสูงมากเท่าไร ตอนตกลงมาก็จะยิ่งเจ็บมากเท่านั้น! พวกสวะสมควรได้รับบาปกรรมของพวกสวะ พวกมันทำชั่วกับนางไปชั่วชีวิตหนึ่ง นางจะทำให้พวกมันไม่ตายดี พวกคนที่เจ้าเล่ห์ ตีสองหน้าเก่ง นางจะจัดการกับทุกคน! แต่นางไม่เคยคิดเลยว่าในการแก้แค้นของนาง นางจะไปมีเรื่องกับเสด็จอาที่เป็นเจ้าแผนการเข้า ที่วัน ๆ ต้องการให้นางจูบและกอดเขาตลอดทั้งวัน ในขณะที่นางแก้แค้นคนชั่วนั้นยังสามารถสนิทสนมกับเสด็จอาด้วย ในความจริงแล้ว การที่เป็นผู้หญิงชั่วๆ ก็มีความสุขมาทีเดียวกว่าที่คิดเลย!
เมื่อเซิ่งหนิงเตรียมจะบอกฮั่วหลิ่นเกี่ยวกับการตั้งครรภ์ของเธอ ทว่ากลับพบเขาช่วยพยุงผู้หญิงอีกคนลงจากรถอย่างเอาใจใส่... เคยคิดว่าตนเองอยู่เคียงข้างฮั่วหลิ่นคอยดูแลเขามาสามปี สักวันหนึ่งเขาจะมาสามารถสร้างความประทับใจให้กับเขา แต่สุดท้ายเป็นตนเองที่คิดเองเออเองไปฝ่ายเดียว เซิ่งหนิงตายใจแล้วจากไป สามปีต่อมา ข้างกายของเธมีผู้ชายอีกคนหนึ่ง และฮั่วหลิ่นเสียใจมาก เจาพูดด้วยความโศกเศร้า "เซิ่งหนิง เรามาแต่งงานกันเถอะ" เซิ่งหนิงยิ้มอย่างเฉยเมย "ขออภัยนะคุณฮั่ว ฉันมีคู่หมั้นแล้ว"