...เธอ...ซินนี่แม่มดสาวสุดเซ็กซี่ เธอมาพร้อมภารกิจสำคัญ นั่นก็คือการตามหาเนื้อคู่ แต่เนื้อคู่ของเธอสิ ทำไมช่างซื่อบื้อเสียจริง แต่อย่างไรเสียเธอต้องทำให้เขารักให้ได้ภายในสามเดือน ไม่งั้นจะต้องถูกสาปเป็นแมวป่าตลอดชีวิต ...เขา...เอกภาพ อธิราช ดร.หนุ่ม นักวิทยาศาสตร์ผู้ชอบศึกษาค้นคว้า ชอบวิจัยและการทดลอง ใช้ชีวิตอยู่บ้านกับหลานๆ ตัวอ้วนกลมทั้งสอง ลูกชายและลูกสาวที่พี่สาวและพี่เขยที่ได้ฝากฝังเอาไว้ก่อนตาย ...แล้วการเจอกันของทั้งคู่ก็เกิดขึ้น
“ซินนี่ถึงเวลาแล้วที่เจ้าจะต้องเดินทางไปยังโลกมนุษย์” คำพูดของผู้เป็นยายทำให้ซินนี่งุนงง ท่านพูดเหมือนกับว่าเธอจะต้องเดินทางไปทำภารกิจอันใดที่สำคัญมาก ทั้งๆ ที่ปกติเธอก็แอบหนีเที่ยวไปยังโลกมนุษย์กับอาจารย์อูลก้าอยู่เสมอๆ
“ท่านยายหมายความว่าเช่นไร ข้าไม่เข้าใจ” ซินนี่มองผู้เป็นยายกับแม่ด้วยความสงสัย
“ซินนี่หลานรัก เจ้าเข้าสู่วัยแห่งการมีคู่แล้ว โลกเวทมนตร์ของเราถือว่าเป็นสิ่งที่สำคัญยิ่ง ที่จะสืบทอดเชื้อสายแม่มดของพวกเราต่อไป เจ้าต้องลงไปตามหาเนื้อคู่ของเจ้ายังโลกมนุษย์ เนื้อคู่ของเจ้าอยู่ที่นั่น เรื่องนี้ เจ้าคงรู้ดี” นาเนียร์ทอดตามองหลานสาวคนเดียวอย่างนึกชื่นชม ซินนี่ในวัยสาว สวยสดงดงามเกินแม่มดตนใด รวมถึงเป็นที่หมายปองของเหล่าบรรดาพ่อมดทั้งหลายในโลกเวทมนตร์ แต่ไม่ใช่เนื้อคู่จึงไม่สามารถฝืนครองคู่กันได้ ทำให้พ่อมดเหล่านั้นเพียงแค่แอบชื่นชม เพราะหากพ่อมดแม่มดตนใดฝืนกฎข้อนี้แล้ว ทั้งสองจะต้องถูกสาปไปชั่วชีวิต
“โลกมนุษย์เหรอเจ้าคะท่านยาย” ซินนี่ทวนคำของผู้เป็นยาย เธอแอบหนีไปยังโลกมนุษย์กับอาจารย์อูลก้าบ่อย หากครั้งนี้ต้องไปจริงๆ ก็ใจหายมิใช่น้อย เพราะไม่ใช่เป็นการหนีเที่ยวชวนตื่นเต้นเหมือนก่อน แต่เหมือนกับต้องไปทำภารกิจสำคัญ เช่นไรเสีย เธอก็ยังชอบการอยู่โลกเวทมนตร์มากกว่าอยู่ดี
ซินนี่คิดว่าตอนนี้ถึงวัยของการมีคู่แล้วจริงๆ เนื่องจากแม่มดวัยเดียวกันต่างมีคู่กันไปเกือบหมดแล้ว เธอมัวแต่เล่นซุกซนจึงไม่เคยคิดถึงเรื่องนี้มาก่อน สงสัยว่าคราวนี้จะจวนตัวเอามากๆ ยายกับแม่จึงได้เรียกมาคุย ซึ่งเป็นที่รู้กันในโลกเวทมนตร์ว่า หากพ่อมดแม่มดตนใดเข้าสู่วัยหนุ่มสาวก็ต้องออกตามหาเนื้อคู่ของตนกันทั้งนั้น
“ใช่ เจ้ามีเวลาสามเดือน ซินนี่หลานรักของยาย หากเจ้าไม่สามารถครองใจเนื้อคู่ของเจ้าได้ เจ้าจะถูกสาปเป็นแมวป่าตลอดชีวิต นี่คือกฎของโลกเวทมนตร์ที่เจ้าก็คงรู้ดี” คำพูดของผู้เป็นยายเหมือนจะย้ำเตือนให้เธอได้คิด เธอรู้ดี แต่ไม่คิดจะทำต่างหาก
ซินนี่ถอนใจเบาๆ เพียงแค่ได้ยินว่าจะต้องถูกสาปเป็นแมวป่าตลอดชีวิตก็รู้สึกสยองอยู่พอควร แต่แม่มดอย่างซินนี่ไม่เคยกลัวอะไรอยู่แล้ว ถ้าเธอได้เจอเขาจริง แค่ร่ายเวทมนตร์ใส่ เพียงเท่านี้ เขาก็หลงเสน่ห์เธอ ยอมสารภาพรักแต่โดยดีแล้ว
“ท่านยายล้อเล่นกับข้ารึ ทำไมเหลือเวลาแค่สามเดือนเอง” ซินนี่ถามย้ำ ไม่ค่อยมั่นใจว่าทำไมถึงเหลือเวลาน้อยเช่นนี้ แม้จะรู้ว่าผู้เป็นยายหาได้เคยล้อเล่น แต่กว่าเธอจะหาเขาเจอคงนานพอสมควร โลกมนุษย์กว้างใหญ่ไพศาล ที่สำคัญ เวทมนตร์ที่ไม่ได้เรื่องของเธอคงตามหาเขาได้ยากยิ่ง คิดแล้วต้องเจ็บใจที่ไม่ได้ตั้งใจฝึกวิชา ถ้าฝึกวิชาแก่กล้ากว่านี้คงส่องหาเขาเจอโดยง่าย
“ยายเคยล้อเล่นกับเจ้ารึซินนี่ ระยะเวลาทั้งหมดที่เจ้าต้องทำให้เขาสารภาพรักกับเจ้าคือเวลาสามเดือน” นาเนียร์ย้ำด้วยน้ำเสียงมั่นคง
“ท่านยาย โลกมนุษย์ออกกว้างใหญ่ไพศาล ข้าจะไปหาเขาเจอได้ยังไงเล่า แล้วถึงเจอก็จะรู้ได้เช่นไรเล่าว่าเขาเป็นเนื้อคู่ของข้า” ซินนี่ขมวดคิ้วยุ่งกับสิ่งที่ผู้เป็นยายบอก
“หากเจ้าเจอเขาจริงๆ เขาจะมีแสงสีเงินออกจากตัว ปรากฏให้เจ้าเห็น คนนั้นคือเนื้อคู่ของเจ้า”
“แสงสีเงินเหรอคะท่านยาย”
“ใช่ ซินนี่ลูกรัก มนุษย์ที่เป็นเนื้อคู่กับแม่มด พ่อมดจะมีแสงสีเงินปรากฏให้เห็น เพื่อบอกให้รู้ว่านั่นคือเนื้อคู่” เวเนียร์บอกลูกสาวเพื่อเป็นการสำทับ
“ท่านยายกับท่านแม่จะให้ข้าออกเดินทางวันไหนเหรอคะ” ซินนี่ถามไถ่ นึกถึงโลกมนุษย์ก็ตื่นเต้นอยู่ไม่น้อย
ปกติเธอมีอาจารย์สองคนคือ คูลโซ่กับอูลก้า อาจารย์คูลโซ่ค่อนข้างจะเถรตรง เคร่งขรึมมากทีเดียว เวลาเธอเรียนเวทมนตร์กับท่านต้องสงบเสงี่ยมมาก จนแทบกระดิกตัวไปไหนไม่ได้ หากเธอทำอะไรผิดแค่นิดเดียวจะถูกลงโทษเสมอๆ จนเธอไม่กล้าทำอันใดให้อาจารย์โกรธ ดังนั้น เธอจึงต้องเอาแบบท่านคือต้องหัดสุขุมวางตัวให้เหมาะสมเอาไว้
สำหรับอาจารย์อูลก้าซึ่งเป็นอาจารย์อีกท่าน เขาค่อนข้างตลก เป็นกันเองแล้ว แถมยังพาเธอแอบหนีไปเที่ยวยังโลกมนุษย์เป็นประจำ ถ้าท่านรู้ว่าเธอไปโลกมนุษย์ สงสัยคงจะชวนเธอไปเที่ยวจนหนำใจ ไม่ต้องแอบหนีเหมือนเช่นที่ผ่านมา
“อีกสามวันจะเป็นคืนพระจันทร์เต็มดวงพอดี เจ้าต้องออกเดินทาง แต่มีข้อแม้ว่า...” นาเนียร์เว้นวรรคเอาไว้เพื่อให้หลานสาวสนใจไถ่ถามมากกว่านี้ เพียงแค่นางเห็นแววตาก็รู้ว่าหลานสาวแสนซนกำลังคิดอะไรพิเรนทร์ตามเคย
“ข้อแม้อันใดเล่าท่านยาย” ซินนี่หลุดจากภวังค์ความคิดเรื่องเที่ยว รีบถามเอาใจผู้เป็นยายเมื่อเห็นท่านหน้างอ
“เจ้าต้องเจอเนื้อคู่ของเจ้าภายในหนึ่งเดือน ก่อนพระจันทร์จะเต็มดวงอีกครั้ง ไม่เช่นนั้นเจ้าจะถูกสาปเป็นแมวป่า แล้วถึงตอนนั้น ยายกับแม่หรือใครๆ คงช่วยเจ้าไม่ได้”
“ท่านยาย ทำไมเร็วแบบนั้น” ซินนี่อวดครวญ แค่สามเดือนว่าเร็วแล้วที่จะให้เขาบอกรัก เธอยังไม่รู้จะหาเขาเจอหรือเปล่า แต่นี่เดือนเดียว คิดแล้วกลุ้ม แต่ยังพอใจชื้นขึ้นมาบ้าง เมื่อคิดถึงอาจารย์อูลก้า ท่านเชี่ยวชาญ มีประสบการณ์เรื่องโลกมนุษย์มากทีเดียว คงพอช่วยเหลืออะไรเธอได้บ้างแหละ
ซินนี่ค้านในใจเรื่องเนื้อคู่ว่าไม่เห็นจำเป็นสักนิด ทำไมโลกเวทมนตร์ต้องมีกฎแปลกประหลาดแบบนี้ด้วยนะ จริงแล้วๆ เธอยังไม่รักใคร ไม่อยากมีคู่ด้วยซ้ำ แม้จะมีพ่อมดมาสร้างสัมพันธ์ด้วย เธอก็ไม่เคยสนใจจะสมัครรักใคร่กับผู้ใด ทั้งอาจเป็นเพราะไม่ใช่เนื้อคู่ และอาจไม่สนใจเรื่องความรักด้วยก็เป็นได้
“เป็นกฎที่เจ้าต้องดำรงเผ่าพันธุ์ของเราต่อไป” นาเนียร์ดักคออย่างรู้ทันความคิดหลานสาว ซินนี่เลือกที่จะนั่งไม่ปริปากเอ่ยอันใด “เจ้าไปเตรียมตัวเถอะซินนี่ เดี๋ยวท่านอาจารย์ทั้งสองจะมอบของวิเศษให้เจ้า เจ้ามัวแต่เที่ยวเล่น จอร์จฝึกวิชากับอาจารย์เดียวกับเจ้า เขากลับกำลังจะสำเร็จวิชาขั้นสูง ส่วนเจ้ายังไปไม่ถึงไหน”
นาเนียร์ตำหนิหลานสาวพร้อมส่ายหน้าไปมาก่อนโบกมือให้เธอไปได้ ซินนี่อยากถามผู้เป็นยายอีกหลายเรื่อง แต่เปลี่ยนใจที่เห็นผู้เป็นยายทำหน้าเคร่งเครียด
“ค่ะ ท่านยาย”
“เดี๋ยวก่อนซินนี่” เสียงของมารดาทำให้ซินนี่หันหลับมามองด้วยความสงสัย
“ท่านแม่มีอันใดบอกให้ข้ารับรู้อีกรึ”
“เจ้าต้องทำให้เนื้อคู่ของเจ้าบอกรักก่อนสามเดือนก็จริง แต่เจ้าห้ามเสพสมร่วมรักกับเขาก่อนเขาจะสารภาพรักกับเจ้า ที่สำคัญ ห้ามใช้เวทมนตร์บังคับให้เขาสารภาพรัก มิเช่นนั้นเจ้าจะกลายเป็นแมวป่าทันที แล้วจะไม่ได้กลับมาเกิดเป็นแม่มดอีก จะต้องใช้ชีวิตเป็นแมวตลอดไปชั่วกัปชั่วกัลป์”
เวเนียร์ได้สบตากับบุตรสาวจึงรีบสำทับด้วยความเป็นห่วง นางรู้นิสัยของซินนี่ดี
“ร้ายแรงขนาดนั้นเชียว” ซินนี่ทำสีหน้าสยอง การที่ผู้เป็นยายและผู้เป็นแม่บอกว่าต้องเป็นแมวป่าตลอดไป มันไม่ใช่เรื่องเล่นๆ สำหรับเธอจริงๆ แถมยังใช้เวทมนตร์ให้มนุษย์คนนั้นบอกรักไม่ได้อีก หากเขาไม่บอกรักเธอขึ้นมา เธอจะทำอย่างไรเล่า มิถูกสาปหรือไง
“ความจริง หากเจ้าสามารถพิชิตใจเขาได้ก็ไม่มีอะไรยาก ยายกับแม่เชื่อว่าเจ้าต้องทำได้” เป็นครั้งแรกที่ยายให้กำลังใจในตัวเธอ หญิงสาวยิ้มให้ยายกับแม่เพื่อให้คำมั่นสัญญาว่าเธอจะต้องทำให้จงได้
“ค่ะท่านยาย ท่านแม่ ข้าจะจำเอาไว้ งั้นข้าขอไปพบอาจารย์ทั้งสองก่อน”
“ไปเถอะซินนี่ ขอให้เจ้าตั้งใจฟังอาจารย์ของเจ้าให้ดี เพราะเจ้าต้องเรียนรู้อีกมาก”
ซินนี่ไปหาอาจารย์คูลโซ่ก่อนตามคำสั่งของยายและแม่ ระหว่างที่เดินทาง เธอได้ยินเสียงคุ้นหูเรียกเธอมาแต่ไกล
“ซินนี่ๆ” เสียงเรียกไม่ต้องบอกก็รู้ว่าเป็นใคร เธอจำได้ดีว่าเป็นเสียงของอูลก้า อาจารย์ที่ขี้โม้เป็นที่สุด
ในอดีตเขาคือพี่ชายที่แสนดี แต่ในวันนี้เขากลับหมางเมิน เย็นชา จิกกัดและปากร้าย เธอจึงอยากหลีกหนีเขาไปให้ไกล แต่ทำไมทุกอย่างกลับไม่เป็นเช่นนั้นเลย เธอต้องมาเป็นเลขาของเขา แถมยังต้องมามีความสัมพันธ์อันลึกซึ้งกับเขาอีก!
งานแต่งงานที่เกิดขึ้น เพราะผู้ใหญ่ เธอถูกสามีรังเกียจ ก็ให้มันรู้ไปว่าเขาจะเกลียดเธอไปได้สักกี่น้ำ เธอจะแกล้งเขาให้หนำใจ ทำหน้าที่เมียให้สาสมกับที่เขาเกลียด!
เธอแอบชอบเขาเพราะเขาคือพระเอกขี่ม้าขาวมาช่วยเธอเอาไว้ เธอจึงสารภาพรักกับเขาเมื่อเรียนจบและได้เข้าทำงานในบริษัทของเขา แต่เขากลับให้เธอเขียนใบลาออก เธอจึงหนีหายไปจากชีวิตของเขา ได้เจอกันอีกครั้งความจริงก็ถูกเปิดเผย!
เขาเป็นคุณอาของเพื่อน เย็นชา หน้านิ่ง แถมยังดุอีกด้วย ในค่ำคืนหนึ่งที่โดนเพื่อนชายวางยา เขากลับช่วยเธอเอาไว้ แล้วกลายเป็นคุณอาหนุ่มคลั่งรักที่ทำเอาเธอกลายเป็นนางฟ้าตัวน้อย ๆ ในอ้อมแขนแข็งแกร่งอบอุ่นอ่อนโยนของเขา
เธอพลาดท่าเสียทีเขาในค่ำคืนหนึ่ง เขาออกตามหาเธอจนแทบพลิกแผ่นดิน จู่ ๆ ก็มีหญิงสาวคนหนึ่งอุ้มลูกน้อยมาบอกเขาว่า เขาคือพ่อของลูก แล้วจากไป เขาได้เจอผู้หญิงอีกคน กลับตกหลุมรักเธอในทันที และความลับมากมายที่ถูกเก็บซ่อนก็เปิดเผยออกมาให้เขาได้รับรู้
คนเราบางครั้งก็หวนนึกขึ้นมาได้ว่าตายแล้วไปไหน ซึ่งเป็นคำถามที่ไร้คำตอบเพราะไม่มีใครสามารถมาตอบได้ว่าตายไปแล้วไปไหน หากจะรอคำตอบจากคนที่ตายไปแล้วก็ไม่เห็นมีใครมาให้คำตอบที่กระจ่างชัด ชลดา หญิงสาวที่เลยวัยสาวมามากแล้วทำงานในโรงงานทอผ้าซึ่งตอนนี้เป็นเวลาพักเบรค ชลดาและเพื่อนๆก็มานั่งเมาท์มอยซอยเก้าที่โรงอาหารอันเป็นที่ประจำสำหรับพนักงานพักผ่อน เพื่อนของชลดาที่อยู่ๆก็พูดขึ้นมาว่า "นี่พวกแกเวลาคนเราตายแล้วไปไหน" เอ๋ "ถามอะไรงี่เง่าเอ๋ ใครจะไปตอบได้วะไม่เคยตายสักหน่อย" พร "แกล่ะดารู้หรือเปล่าตายแล้วไปไหน" เอ๋ยังถามต่อ "จะไปรู้ได้ยังไง ขนาดพ่อแม่ของฉันตายไปแล้วยังไม่รู้เลยว่าพวกท่านไปอยู่ที่ไหนกัน เพราะท่านก็ไม่เคยมาบอกฉันสักคำ" "อืม เข้าใจนะแก แต่ก็อยากรู้อ่ะว่าตายแล้วคนเราจะไปไหนได้บ้าง" "อืม เอาไว้ฉันตายเมื่อไหร่ จะมาบอกนะว่าไปไหน" ชลดาตอบเพื่อนไม่จริงจังนักติดไปทางพูดเล่นเสียมากกว่า "ว๊าย ยัยดาพูดอะไร ตายเตยอะไรไม่เป็นมงคล ยัยเอ๋แกก็เลิกถามได้แล้ว บ้าไปกันใหญ่" พรหนึ่งในกลุ่มเพื่อนโวยวายขึ้นมาทันที แต่ใครจะรู้ว่าหลังจากวันนั้นที่คุยกันที่โรงอาหารจะเป็นการคุยเล่นกันวันสุดท้ายของชลดา เพราะหลังจากเลิกงานกลับมาชลดาก็เสียชีวิตระหว่างเดินทางกลับหอพักด้วยสาเหตุวัยรุ่นยกพวกตีกันและมีการยิงกันเกิดขึ้นและชลดาคือผู้โชคร้ายที่ผ่านทางมาพอดี ท่ามกลางความเสียใจของเพื่อนๆ เอ๋ได้แต่หวังว่า ชลดาคงไม่มาบอกกับเธอจริงๆหรอกใช่ไหมว่าตายแล้วไปไหน
ผู้หญิงที่ทำงานเก่งและประสบความสำเร็จทุกอย่างในชีวิต แต่กลับประสบอุบัติเหตุที่ไม่คาดคิด แล้วตื่นขึ้นมาในร่างของ “หลินจิ่วเอ๋อร์” ภรรยาคนที่สองของแม่ทัพซูเหยียนในทันทีที่นางเปิดตาขึ้นในร่างนี้...
หลี่เมิ่งเหยาย้อนเวลามาอยู่ในร่าง ของเด็กสาววัยสิบสองปี ในวันที่มารดาอนุผู้โง่เขลา ถูกขับไล่ออกจากจวน โชคยังดีที่ตอนตาย นางสวมกำไลหยกโลกันตร์เอาไว้ มันจึงติดตามนางมาที่นี่ด้วย +++ 1 : มารดาโง่ จนถูกไล่ออกจากตระกูล จวนตระกูลหลี่เจ้าเมืองถัง สตรีสองนางถูกสาวใช้จับคุกเข่าลง ตรงหน้าของหลี่หงซวนเจ้าเมืองถัง ทั้งยังเป็นพ่อสามีของทั้งคู่อีกด้วย ท่านกำลังสอบสวนเรื่องของสะใภ้ใหญ่ของบ้านสาม ถูกฮูหยินรองกับอนุรวมหัวกันลอบทำร้าย ด้วยการวางยาขับเลือดในถ้วยน้ำแกงบำรุงครรภ์ ทำให้นางต้องสูญเสียทารกในครรภ์ไป “ท่านพ่อข้าไม่รู้จริง ๆ ว่านั่นเป็นยาขับเลือด ฮูหยินรองบอกว่าเป็นน้ำแกงบำรุงครรภ์ ให้ข้าเป็นคนนำไปมอบให้ฮูหยินใหญ่ เป็นนางนั่นเอง นางหลอกข้า !” เฉาซูหลิ่งชี้นิ้วไปทางสตรีด้านข้าง ร้อนรนเอ่ยออกมาเหมือนคนไม่ได้รับความเป็นธรรม “อนุเฉาเจ้าอย่ามาใส่ร้ายข้านะ เจ้าทำคนเดียวทั้งนั้นไม่เกี่ยวกับข้าเลย” ฮูหยินรอง ถูซวงอี้ ชี้นิ้วใส่หน้าเฉาซูหลิ่งกลับคืน ต่างคนต่างโยนความผิดให้กัน ฮูหยินผู้เฒ่าหลิวเยี่ยนหนานโบกมือให้คนเข้ามา “ข้าให้โอกาสพวกเจ้าสองคนพูดความจริง แต่กลับไม่มีใครยอมรับความผิดแม้แต่คนเดียว มันน่าจับส่งทางการให้รู้แล้วรู้รอด” พ่อบ้านหลัวให้คนลากสาวใช้คนหนึ่งเข้ามา สภาพของนางถูกทรมานจนเนื้อตัวบวมช้ำไปหมด “เรียนนายท่านข้าให้คนไปค้นห้องสาวใช้ทุกคนในจวน พบเทียบยาซ่อนไว้ใต้หมอน จากห้องของสาวใช้คนนี้ขอรับ” ถูซวงอี้ถึงกับคุกเข่าต่อไปไม่ไหว ทิ้งตัวลงไปนั่งอยู่บนพื้น สาวใช้ที่ถูกทรมานจนสภาพน่าเวทนานั่น เป็นเสี่ยวอิงสาวใช้สินเดิมของนางเอง “ฮูหยินรอง ข้าขอโทษ ข้าทนต่อไปไม่ไหวจริง ๆ ข้าขอโทษ !” เสี่ยวอิงโขกศีรษะลงตรงหน้าของถูซวงอี้แรง ๆ น้ำตาไหลนองหน้าจน แทบไม่เป็นผู้เป็นคนอยู่แล้ว พ่อบ้านหลัวเอ่ย “ข้าให้คนไปถามที่หอโอสถแล้วขอรับนายท่าน เป็นเทียบยาขับเลือดจริง ๆ” หลี่หงซวนมองไปทางบุตรชายคนที่สามของตน พบว่าเขามีสีหน้ากลืนไม่เข้าคายไม่ออก สตรีที่คุกเข่าอยู่ตรงหน้าคือฮูหยินรอง กับอนุภรรยาที่เขารักใคร่ไม่ต่างกัน เหตุใดถึงได้คิดร้ายต่อฮูหยินใหญ่ของเขาได้ เป็นเหตุให้เขาต้องสูญเสียลูกที่อยู่ในท้องของนางไป เดิมทีฮูหยินใหญ่ของเขาก็ตั้งท้องยากอยู่แล้ว เขารอมาตั้งนานกว่าจะมีวันนี้ได้ ไม่คิดมาก่อนว่าจะต้องสูญเสียไปเช่นนี้ “หย่วนเจ๋อนี่เป็นเรื่องในเรือนของเจ้า เจ้าอยากตัดสินเรื่องนี้ด้วยตัวเองหรือไม่” ผู้เป็นบิดาเอ่ยถามบุตรชาย “ไม่ ข้าไม่อยากเห็นหน้าพวกนางอีกต่อไป แล้วแต่ท่านพ่อเถอะขอรับ ข้าขอตัวไปดูฮูหยินใหญ่ก่อน” หลี่หย่วนเจ๋อคำนับบิดา สะบัดแขนเสื้อเดินจากไปในทันที หางตายังไม่แม้แต่จะมองสตรีทั้งสองนาง เฉาซูหลิ่งลนลานตามเขาไป “ท่านพี่ช่วยข้าด้วย ข้าไม่ผิดนะเจ้าคะ ท่านพี่ !” แต่ถูกบ่าวรับใช้ขวางทางเอาไว้ หลี่หงซวน “หยุดโวยวายได้แล้วอนุเฉา เจ้าเป็นคนถือถ้วยน้ำแกงใส่ยาขับเลือด ไปมอบให้ฮูหยินใหญ่ด้วยตัวเอง ยังคิดจะหนีความผิดนี้ไปได้อีกรึ” “ท่านพ่อขะข้าข้า...ไม่ผิด” เฉาซูหลิ่งทิ้งตัวไปด้านหลังอย่างหมดเรี่ยวแรง เดิมทีนางก็ไม่เป็นที่โปรดปรานของพ่อแม่สามีอยู่แล้ว เพราะไม่สามารถให้กำเนิดบุตรชายได้ ครั้นได้บุตรสาวก็นิสัยขี้ขลาดขี้กลัว ไหนเลยจะเชิดหน้าชูตาให้ตระกูลหลี่ได้ เฉาซูหลิ่งนั่งเหม่อลอย คล้ายคนจิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว ขณะที่หลี่หงซวนกำลังประกาศโทษทัณฑ์ของพวกนาง ถูซวงอี้กับคนของนาง ถูกขายออกจากจวน ไปอยู่หอนางโลมอย่างเงียบ ๆ ชาตินี้อย่าได้ก้าวเท้า กลับมาเหยียบที่จวนตระกูลหลี่อีก ส่วนเฉาซูหลิ่งถูกขับไล่ออกจากจวน ไปพร้อมกับบุตรสาว ให้ไปอยู่เรือนร้างของตระกูลหลี่ที่เมืองฉาง ห้ามกลับมาที่ตระกูลหลี่อีกชั่วชีวิต “ท่านพ่อท่านขับไล่ข้าไป ข้ายังพอรับได้ เหตุใดต้องขับไล่เหยาเอ๋อร์ไปด้วย นางเพิ่งจะสิบสองปีเองนะเจ้าคะ” เฉาซูหลิ่งนึกถึงบุตรสาวร่างกายผ่ายผอม นอนซมเพราะพิษไข้อยู่ เกิดนึกสงสารนางขึ้นมาจับใจ ฮูหยินผู้เฒ่าหันไปมองสามีเล็กน้อย นางเห็นเด็กสาวคนนั้นมาตั้งแต่เกิด แม้ไม่ได้เอ็นดูแต่ก็นับว่าเป็นสายเลือดเดียวกัน “ฮูหยินเรื่องนี้ข้าตัดสินใจไปแล้ว ไม่อาจคืนคำได้” คำพูดของประมุขของตระกูล มีหรือใครจะกล้าขัด เฉาซูหลิ่งปล่อยเสียงร้องไห้โฮออกมาดัง ๆ นางโง่งมจนทำให้บุตรสาว ต้องมารับเคราะห์กรรมตามไปด้วย “ลากตัวอนุเฉาออกไป หารถม้าสักคันให้คนส่งนาง ไปที่เรือนร้างเมืองฉาง” คำสั่งของหลี่หงซวนเป็นคำขาด บ่าวไพร่รีบทำตามในทันที ครั้นได้อยู่ด้วยกันเพียงลำพังกับฮูหยินผู้เฒ่า หลี่หงซวนถึงได้บอกเหตุผล ที่ต้องตัดสินใจทำเช่นนี้ นั่นเพราะตระกูลจี้ได้ยื่นคำขาดมา ให้ขับไล่พวกเขาออกไปให้หมด อย่าให้เหลืออยู่แม้แต่ตนเดียว ไม่ต้องการให้คนที่ทำร้ายบุตรสาวของพวกเขา อยู่ระคายสายตาของจี้ชิวหรงอีกต่อไป ฮูหยินผู้เฒ่าแค่นออกมาหนึ่งคำ “อ้างเหตุผลข้าง ๆ คู ๆ ความจริงแล้วต้องการกำจัดอนุในเรือนบุตรสาวทิ้งให้หมด นี่กระทั่งเด็กคนหนึ่งก็ไม่เว้น แต่ก็เอาเถอะ เหยาเอ๋อร์อยู่ที่นี่ ก็ใช่จะมีประโยชน์อันใด นางไม่ได้อยู่ในสายตาของพวกเราด้วยซ้ำ ให้นางไปกับแม่ของนางนั่นแหละดีแล้ว” หลี่หงซวนนั้นเป็นเพียงเจ้าเมืองเล็ก ๆ มีตำแหน่งเป็นขุนนางขั้นที่ห้า ฝั่งตระกูลจี้บ้านเดิมของจี้ชิวหรงนั้น อยู่ในเมืองหลวงมีตำแหน่งใหญ่โตกว่าหนึ่งขั้น เรื่องนี้เขาจึงต้องขบคิด ถึงผลได้ผลเสียในอนาคตอีกด้วย การเสียสละอนุกับหลานสาวคนหนึ่ง เพื่อชดเชยให้แก่คนตระกูลจี้ นับว่าเป็นเรื่องสมควรทำแล้ว “ข้าก็คิดเช่นฮูหยินนั่นแหละ เพียงแต่สะใภ้สามแท้งคราวนี้ ไม่รู้จะยังสามารถตั้งท้องได้อีกหรือไม่ พวกเรารอดูไปก่อนดีกว่า หากนางไม่สามารถตั้งท้องได้จริง ๆ เราค่อยหาอนุมาให้หย่วนเจ๋อภายหลังก็ยังได้ ยามนั้นคนตระกูลจี้จะเอาอะไรมาง้างกับเราได้อีก” “จริงดังท่านว่าเจ้าค่ะ” ฝ่ายเฉาซูหลิ่งที่ถูกคนใช้ ลากตัวออกมาให้เก็บของในเรือน นางส่งเสียงเอะอะโวยวายตลอดทาง พร่ำบอกต้องการพบหลี่หย่วนเจ๋อให้ได้ แต่ถูกสาวใช้ขวางไว้ไม่ให้ไป นางจำใจกลับไปยังห้องนอนของตัวเอง รีบเก็บของสำคัญใส่ห่อผ้าเพื่อออกเดินทาง
เกิดใหม่ในชาตินี้ นางแค่ต้องการอยู่อย่างสงบสุขปกป้องครอบครัวจากเรื่องร้ายที่จะเกิดขึ้น นางไม่อยากตกอยู่ในบ่วงรักอันทำให้ครอบครัวต้องพบกับวิบัติอีกต่อไปแล้ว... คำเตือน นิยายเรื่องนี้เป็นนิยายรักโรแมนติก ดราม่า มีฉากความรุนแรง ฉาก NC และมีฉากเศร้าสะเทือนใจ โปรดพิจารณาก่อนดาวโหลดนะคะ กราบขอบพระคุณค่ะ
"คุณต้องการเจ้าสาว ส่วนฉันก็ต้องการเจ้าบ่าว ทำไมเราไม่แต่งงานกันล่ะ?" ภายใต้เสียงเยาะเย้ยของทุกคน ถังเลี่ยน ซึ่งถูกคู่หมั้นของเธอทอดทิ้งในพิธีแต่งงาน กลับแต่งงานกับเจ้าบ่าวพิการข้างบ้านที่ถูกรังเกียจ ถังเลี่ยนคิดว่าอวิ๋นเซินเป็นชายหนุ่มที่น่าสงสาร และเธอสาบานว่าจะให้ความรักใคร่แก่เขาและตามใจเขาหลังแต่งงาน ใครจะรู้ว่าเขาแกล้งเป็นแบบนั้น... ก่อนแต่งงาน อวิ๋นเซินว่า "เธอต้องสนใจเงินของผมถึงยอมแต่งงานกับผม ผมจะหย่ากับเธอหลังจากที่ผมใช้ประโยชน์เธอเสร็จ" หลังแต่งงาน อวิ๋นเซินว่า "ภรรยาของผมต้องการหย่าทุกวัน แต่ผมไม่อยากหย่า ทำอย่างไรดีล่ะ"
เสิ่นซือหนิงซ่อนตัวตนไว้ยอมทำทุกอย่างให้ แต่ความจริงใจของเธอกลับถูกสามีทำลายไปหมด และสิ่งที่เธอได้รับนั้นคือข้อตกลงการหย่า ด้วยความผิดหวังเธอจึงหันหลังจากไปและกลายเป็นตัวเองที่แท้จริงอีกครั้ง หลังจากได้เห็นความใกล้ชิดของสามีกับคนรักของเขา เธอก็จากไปด้วยความผิดหวัง จากนั้นเปิดเผยตัวตนที่เป็นนักปรุงน้ำหอมอัจฉริยะระดับนานาชาติ ผู้ก่อตั้งองค์กรข่าวกรองที่มีชื่อเสียง และผู้สืบทอดในโลกแฮ็กเกอร์ อดีตสามีของเธอเลยเสียใจมาก เมื่อเมิ่งซือเฉินรู้ว่าตัวเองทำผิด เขาก็เสียใจมาก หนิง ผมผิดไปแล้ว ให้โอกาสผมอีกครั้งเถอะ ทว่าฮั่วจิ่งชวนขาพิการนั้นกลับลุกขึ้นยืนและจับมือกับเธอว่า "อยากคบกับเธอ นายยังไม่มีค่าพอ"