เมื่อมนุษย์ท้าทายพระเจ้าด้วยการสร้างมนุษย์จากวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีโดยการเปลี่ยนแปลงรหัสพันธุกรรม โครงการ Human Trials (HT) จึงถือกำเนิดขึ้นอย่างลับๆ แต่การทดลองไม่ราบรื่นตามที่คาดหวังนักเมื่อมนุษย์ทดลองกลุ่มแรกหลุดออกจากฐานทดลอง มนุษย์ทดลองรหัส ‘V’ คือ ‘เขา’ ชายหนุ่มผู้สนิทสนมกลมเกลียวกับพืชตระกูลไม้เลื้อยอย่างเถาวัลย์ชนิดแยกกันไม่ออก หรืออาจจะเรียกว่าเป็นหนึ่งเดียวกัน ส่วน ‘เขา’ คือนักพฤกษศาสตร์ประจำองค์การสวนพฤกษศาสตร์แห่งประเทศบราซิล หนึ่งชายหนุ่มเป็นผู้ศึกษาพืชพรรณประหลาด อีกหนึ่งชายหนุ่มดันเป็นพืชพรรณประหลาดเสียเอง ภารกิจศึกษาพืชพรรณไม้จึงบังเกิด... “นี่เถาวัลย์เนื้ออ่อน มีสีเขียว เถาเล็ก ค่อนข้างจะบอบบาง ส่วนนี่เถาวัลย์เนื้อแข็ง สีค่อนข้างออกไปทางน้ำตาล ส่วนนี่...เถาวัลย์เนื้อแข็งเหมือนกัน เป็นไม้ล้มลุก ตอนนี้ล้มอยู่ แต่พอจับแล้วเดี๋ยวก็ลุก เนื้อแข็งม้ากมาก ไม่เชื่อก็ลองพิสูจน์ดูสิ” มันพูดถึงเถาวัลย์ไหนของมันอยู่วะ!?
เมื่อวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีก้าวไปข้างหน้า
การศึกษาค้นคว้าในขั้นที่สูงขึ้นไปก็ตามมามากขึ้น
องค์ความรู้เก่าๆ ถูกปรามาสว่าล้าสมัย แนวคิดใหม่ถูกดึงเข้ามาแทนที่
แนวความคิดที่ว่า ‘พันธุกรรมของมนุษย์ถูกกำหนดไว้ตายตัวแล้ว’ ถูกลบล้างอย่างสิ้นเชิง
โครงการศึกษาเกี่ยวกับพันธุกรรมมนุษย์ได้เปิดเผยข้อเท็จจริงที่น่าสนใจเกี่ยวกับยีนของมนุษย์เอาไว้
‘รหัสพันธุกรรมของมนุษย์สามารถเปลี่ยนแปลงได้’
โครงการ Human Trials (HT) จึงถือกำเนิดขึ้นอย่างลับๆ
เป็นโครงการศึกษาการเปลี่ยนแปลงรหัสพันธุกรรมของมนุษย์โดยการใส่พันธุกรรมของสิ่งมีชีวิตอื่นลงไปแทรกแซง
โครงการที่ศึกษาค้นคว้าด้วยการใช้ ‘มนุษย์’ แทนหนูทดลอง
มนุษย์ทดลองกลุ่มแรกๆ
หนึ่งในนั้น...
...รหัสทดลอง ‘V’
ชะ...ช่วยด้วย...
ใครก็ได้...ช่วยด้วย...
ในเมื่อขยับไม่ได้คล่องแคล่วนักก็ร้องขอความช่วยเหลือ
ริมฝีปากแห้งผากพยายามขยับเพื่อเอื้อนเอ่ยประโยคนี้ หากทว่าไม่มีเสียงใดเล็ดลอดออกมาแม้แต่น้อย มีเพียงเสียงลมหายใจกระหืดหอบจากการกระเสือกกระสนหนีให้พ้นจากหายนะที่กำลังบังเกิดกับตน หัวสมองคิดทบทวนไปด้วยว่าเกิดอะไรขึ้นกับเขาเผื่อว่าตอนถูกส่งตัวไปโรงพยาบาลจะได้เล่าอาการให้แพทย์ฟังได้ หากแต่จำไม่ได้ดีนักว่าก่อนหน้านี้เกิดอะไรขึ้น เขาจำได้เพียงตัวเองกำลังเก็บข้อมูลพรรณไม้ประหลาดที่ได้รับหน้าที่มาวันนี้จนดึกดื่น หลังจากนั้นก็รู้สึกมึนเบลอคล้ายกับดื่มเหล้ามาอย่างหนักหน่วงแล้วเกิดอาการเมา ความรู้สึกถัดมาคือร่างกายไร้เรี่ยวแรง อีกทั้งยังชาดิกไปทั้งตัวราวกับโดนยาชาขนานแรง
เท่านี้...
เท่านี้เท่านั้นที่จำได้
รู้สึกตัวอีกทีก็เห็นตัวเองนอนแบ็บอยู่ที่พื้นภายในเรือนกระจกแล้ว ก่อนจะตระหนกสุดขีดเมื่อเห็นว่าบนขาทั้งสองข้างของตนถูกพันธนาการด้วยอะไรบางอย่าง...
เถาวัลย์...
ใช่! เถาวัลย์ไม่ผิดแน่ และมาจากพืชพรรณประหลาดที่เขากำลังศึกษาอยู่เสียด้วย!
ก่อนหน้าที่ภาพจะตัดไปก็คลับคล้ายคลับคลาว่าเห็นเถาวัลย์ขยับอยู่เหมือนกัน และไม่เพียงแต่ขาเท่านั้น เขาเพิ่งจะรู้สึกว่าช่วงลำตัวและแขนก็ถูกรัดแน่นไปหมด การถูกตรึงประกอบกับอาการชาหนึบทำให้เขาขยับไม่ได้เลยแม้แต่น้อย ในเมื่อขยับไม่ได้ก็ได้แต่อ้าปากร้อง แต่ก็อย่างที่บอกไปในตอนแรก ร่างกายมันชา... ชายันริมฝีปาก มีเพียงแต่เปลือกตาเท่านั้นแหละที่พอจะขยับได้อย่างอิสระโดยไม่ติดขัดอะไร
บัดซบ! นี่มันเกิดอะไรขึ้นวะ!?
ชายหนุ่มพรึงเพริด เขาไม่เคยรู้สึกกลัวสิ่งมีชีวิตจำพวกพืชขนาดนี้มาก่อนในชีวิต
หรือว่าไอ้พืชนี่มันจะเป็นตระกูลเดียวกับพวกต้นไม้กินคน?
คิดดูดีๆ นั่นมันมีแค่ในนิทานหลอกเด็ก ทว่ามันก็เป็นไปได้ว่านี่อาจจะเป็นการค้นพบครั้งใหม่
ถึงจะเป็นการค้นพบครั้งใหม่ แต่ทำไมเราจะต้องเสียสละเป็นเหยื่อให้ไอ้พืชบ้านี่ด้วย!
เขาตะเกียกตะกายสุดชีวิต หาทางเอาตัวรอดทุกวิถีทาง นึกหงุดหงิดตัวเองอยู่เหมือนกันที่บ้างาน ไม่ยอมกลับบ้านกลับช่อง อยู่เก็บข้อมูลจนดึกดื่นจนเกิดเรื่องบ้าๆ อย่างนี้
และเขาก็ต้องพรึงเพริดมากขึ้นกว่าเดิมไปอีกเมื่อขณะที่เขาพยายามเอาตัวรอด หางตาก็เหลือบเห็นเงาตะคุ่มของใครบางคนโผล่มาจากพรรณไม้นั้น
ผู้ชาย...
โผล่มาจากไหน โผล่มาอย่างไร และโผล่มาตอนไหน เขาไม่รู้หรอก รู้อย่างเดียวว่าเป็นผู้ชาย
อีกอย่างคือ...
ไอ้บ้านี่เปลือยทั้งตัว!
ไม่เห็นเต็มตาก็พอจะเดาได้ และไม่ทันที่เขาจะได้รู้ว่าคนมาใหม่นั้นเป็นใคร แผ่นหลังก็สัมผัสได้ถึงแรงกดทับจากบางสิ่ง ความอุ่นร้อนที่ส่งผ่านมายังผิวเนื้อใต้เสื้อกาวน์บอกให้รู้ว่ามันเป็นไอความร้อนจากสิ่งมีชีวิตที่เป็นมนุษย์เหมือนกับเขา
สิ่งมีชีวิตที่ทาบทับอยู่บนตัวเขานั้นไม่ต้องเดาก็รู้เลยว่าคือผู้ชายคนนั้น เขาดิ้นรนสุดชีวิต หลบหนีเท่าที่จะทำได้หากแต่ร่างแทบไม่ขยับเลยแม้แต่น้อย ทำให้อีกฝ่ายหัวเราะในลำคอดังหึ ก่อนจะโน้มใบหน้าเข้ามาใกล้ใบหูจนสัมผัสได้ถึงลมหายใจอุ่น แล้วกระซิบแผ่วเบา
“ที่รักครับ...”
“...”
“ขอรัดหน่อย”
ระ...รัดอะไร?
“รัด...หน่อยนะครับ”
ไม่เพียงแค่ถูกทาบทับแล้ว ปลายนิ้วมือของอีกฝ่ายก็ลากไล้ไปตามแนวน่องขาทางด้านหลังก่อนมาหยุดเอาที่บั้นท้าย ชวนให้เจ้าอรุณสะดุ้งเฮือก เสียวสันหลังวาบไปทั้งตัว
ระ…รัดป้านายเถอะ! แค่นี้ยังโดนรัดไม่พออีกใช่ไหม!
ที่สำคัญ...
ไอ้หมอนี่มันเป็นใครเนี่ย!?
เมื่อมนุษย์เพศชายเกิดการวิวัฒนาการทางร่างกาย ผู้ชายกลุ่มหนึ่งจึงสามารถตั้งท้องได้ และเพราะความเมาชนิดหลุดโลกในคืนวันนั้น ‘นภัทร’ เดือนคณะสุดหล่อจึงตื่นขึ้นมาพร้อมกับความจริงว่าตัวเองจัดการรวบหัวรวบหางลากหลืบคณะอย่าง ‘สิงหา’ ไปมี one night stand เป็นที่เรียบร้อย เรื่องควรจะจบลงแค่นั้น แต่ไม่จบเมื่อชีวิตน้อยๆ ถือกำเนิดขึ้น นภัทรหายตัวไป กลับมาอีกครั้งพร้อมกับข่าวลือประหลาดๆ ก่อนสิงหาจะพบว่าต้นเหตุของข่าวลือคือเด็กหญิงตัวน้อยอย่าง ‘น้องณดา’ ที่สิงหาสงสัยเหลือเกินว่าจะเป็นลูกของเขา “ให้เรียกนายว่าพ่อไม่ได้หรอก น้องณดาไม่ได้ลูกของนาย” “งั้นเรียกป๊ะป๋าก็ได้” “ไม่ได้” “แด๊ดดี้” “นี่...พอเลย” “ดาดา” คำเรียกที่หลุดจากปากของเด็กหญิงตัวน้อยทำเอาคุณพ่อกำมะลอยิ้มหน้าบาน ปฏิบัติการทวงคืนความเป็นพ่อต้องมา ต่อให้นภัทรไม่ยอมรับ งั้นสิงหาก็ขอเข้าทางลูกสาวตัวจิ๋วก็แล้วกัน! รับผมเป็นพ่อของลูกเถอะนะครับ!
เพราะไปตีกับเกรียนคีย์บอร์ดที่บังอาจเอานิยายเธอมาวิจารณ์หยาบๆ คายๆ ว่างานเธอเชิดชูระบอบปิตาธิปไตย ตามมาด้วยการดูแคลนเหยียดหยามทางเพศสภาพอีกหลายอย่าง ทำเอา ‘อาคิรา’ นักเขียนนิยายประโลมโลกถึงกับเลือดเฟมินิสต์ในกายเดือดพล่าน กล้าดียังไงมากล่าวหาเธออย่างนี้ งานเธอถึงจะเป็นงานประโลมโลก แต่ใช่ว่าจะเชิดชูระบอบชายเป็นใหญ่สักหน่อย! ต้องตามไปตบตีจนกว่าจะชนะ เถียงแพ้รอบนั้น แต่คนไม่แพ้ ตามหาแอคเคาทน์ของคนที่ใช้นามแฝงว่า ‘เวนไตย’ ไปจนเจอเข้ากับตอจังเบ้อเร่อ โดยหารู้ไม่ว่าเวนไตยคนนี้ หาใช่ไอ้เวรตะไลที่ประนามหยามเหยียดแต่อย่างใดไม่ ทว่าเป็นบรรณาธิการหนุ่มผู้คว่ำหวอดในวงการวรรณกรรมสร้างสรรค์สังคมต่างหาก “ฉันจะทำให้ดูว่างานเขียนฉันมันไม่ได้เชิดชูระบอบชายเป็นใหญ่!” “งั้นก็ลองเขียนมาดู ผมอยากอ่านเหมือนกัน อยากรู้ว่านักเขียนอย่างคุณจะทำได้ดีสักกี่น้ำ” โดนท้าทายมาถึงกับปรี๊ด คอยดูเถอะ เธอจะเอารางวัลมาฟาดหน้าไอ้เวรตะไลนี่ให้ได้เลย!
“ฉันจะเป็นเมียของนายดินค่ะ” ไม่รู้ว่าส้มหล่นหรือโชคร้ายกันแน่ที่จู่ๆ คุณหนู ‘หยาดฟ้า’ ของตระกูลเศรษฐีเมืองกรุงก็มาถวายตัวยอมเป็นเมียของ ‘ไอ้ดิน’ อย่างไม่มีปี่มีขลุ่ยเสียอย่างนั้น ไอ้ดินค่อนข้างจะงุนงงกับสิ่งที่เกิดขึ้น ก็จะไม่ให้งงได้อย่างไร เขาไม่รู้จักมัดจี่กับเจ้าหล่อนนี่ จู่ๆ ก็มาบอกว่าจะเป็นเมียเขา เป็นใครก็งงทั้งนั้นแหละ! ก่อนที่เขาจะได้รับรู้ว่าเหตุนี้เกิดขึ้นเพราะหยาดฟ้าถูกบิดาบังคับให้แต่งงาน เธอจึงหนีมาอยู่ที่บ้านพักตากอากาศในต่างจังหวัด และได้เจอกับกุลีหนุ่มที่นี่ ประจวบเหมาะกับที่บิดาของเธอโทรมาคาดคั้นให้เธอกลับไปแต่งงานพอดี เธอถึงได้ลั่นวาจานี้ออกมาให้บิดารู้ว่าเธอมีผู้ชายคนใหม่ที่ยินยอมพร้อมใจจะเป็น ‘เมีย’ ของเขาแล้ว หาใช่ผู้ชายที่บิดาจัดเตรียมมาให้ สำหรับไอ้ดิน นี่คงไม่ใช่ส้มหล่นหรอก เป็นคราวเคราะห์เสียมากกว่า เขาจึงรีบบอกปัดหัวขวิด “ไม่ล่ะครับคุณหนู ผมคงไม่อาจเอื้อมไปเด็ดดอกฟ้าหรอก ผมก็แค่กุลีใช้แรงงานไปวันๆ จะเอาเงินที่ไหนไปเลี้ยงให้คุณหนูอยู่ดีกินดีได้” “ไม่ต้องกินดีอยู่ดีก็ได้ แค่ให้ฉันอยู่ด้วยก็พอ” “ให้อยู่ด้วยก็ไม่ได้ครับ ก็คุณหนูน่ะเป็น...” “เป็นเมียนายดินไงล่ะ” เป็นที่ไหนกัน เขายังไม่ได้ซั่มเธอเลยสักกะยก! ไอ้ดินปวดขมับตุบๆ ขณะที่หยาดฟ้าเชื้อเชิญเขาเป็นการใหญ่ “แล้วนี่มัวรออะไรอยู่ รีบพาฉันเข้าบ้านสิ จะได้ทำอะไรอย่างที่ผัวเมียเขาทำกัน” เธอรู้หรือเปล่าว่าพูดถึงเรื่องอะไรอยู่น่ะ!? ไอ้ดินไม่แน่ใจนัก แต่แวบเดียวก็แน่ใจแล้ว เพราะจู่ๆ หญิงสาวก็ดึงคอเสื้อให้หน้าอกอิ่มล้นทะลักออกมา ไอ้ดินมองจ้องตาไม่กะพริบ ได้สติมาอีกครั้งก็ตอนที่สาวเจ้าเอ่ยปาก “มาสิพี่ดิน มาเอากัน ฟ้าพร้อมจะเป็นเมียพี่แล้ว” ดูพูดจาเข้า เรียกแทนตัวด้วยชื่อ แทนเขาว่าพี่ชวนให้เอ็นดูอีก! โอ๊ย! ไอ้ดินจะบ้าตาย! เห็นทีเขาคงหนีไม่พ้นการถูกยัดเยียดความเป็น ‘ผัว’ ด้วยฝีมือหยาดฟ้าแล้วล่ะ
เพราะอกหักจากคนที่แอบชอบมานาน ทำให้ ‘ภีม’ พาตัวเองไปในที่อโคจรเพื่อที่จะระบายความเศร้าเสียใจออกไปบ้าง หากทว่าในคืนนั้น เขากลับได้พบกับชายแปลกหน้าอย่าง ‘สุดเขต’ ที่บังเอิญเข้ามาพูดคุยด้วย ทั้งสองเกือบจะลงเอยกันด้วยความสัมพันธ์ข้ามคืน หรือที่เรียกกันว่า One night stand หากทว่าก็เกิดเรื่องวุ่นๆ เสียก่อน ก่อนที่ภีมจะพบว่าผู้ชายที่เขาได้เจอในคืนนั้น เป็นคนคนเดียวกับคนที่เขาแอบชอบตกหลุมรัก ให้ตาย! นี่มันเรื่องบ้าอะไรกัน! ขณะเดียวกัน ปฏิบัติการ ‘ลัก’ ความรักของภีมก็เริ่มต้นขึ้น เมื่อสุดเขตไม่สามารถลืมความน่ารักของภีมลงได้เลย เขาต้องเอามาให้ได้ ทั้งตัวภีม และความรักของภีม จะเอามาให้ได้ทั้งหมดเลยคอยดู!
แม้ขึ้นชื่อว่าเป็นปีศาจ ทว่าปีศาจกวางอย่าง ‘ลู่ลู่’ กลับหาได้พิสมัยการระรานมนุษย์สักเท่าไรนัก สะอาดบริสุทธิ์เสียจนแทบจะลุแก่ตบะแล้ว ทว่า... ชีวิตของเขาก็หาได้สงบสุขอีกต่อไปเมื่อนักพรตปราบปีศาจอย่าง ‘เยี่ยนเฉิน’ หนีตายจากการถูกล่าเพราะดันไปต้มตุ๋นชาวบ้านวิ่งทะเล่อทะล่ามาสลบอยู่หน้าถ้ำ ถึงจะเป็นปีศาจแต่ก็หาได้ไร้น้ำใจนัก มอบไมตรีช่วยเหลืออย่างไม่เกี่ยงงอน หากแต่เยี่ยนเฉินกลับตอบแทนบุญคุณด้วยการทำให้ชีวิตของลู่ลู่แปดเปื้อนด้วยมลทิน บีบบังคับให้ปีศาจกวางน้อยรวมหัวในแผนต้มตุ๋นชาวบ้านเพื่อเอาคืน! นักพรตจอมกะล่อนผงาด ใช้ชีวิตอย่างสำราญ ขณะที่ปีศาจน้อยถูกจิกหัวใช้ให้ไประรานชาวบ้านไม่เว้นวัน อะไรไม่ว่า เยี่ยนฉินยังขยันลูบหางเล็กๆ ของเขาเสียเหลือเกิน ไม่รู้หรือไงว่าตรงนั้นน่ะ...มะ...มัน... ...ทำให้ตัวร้อนผะผ่าวนะ! ต้องมีสักวันที่พลั้งเผลอไปมากกว่านี้แน่ สวรรค์! ลู่ลู่ผู้นี้จะหลั่งน้ำตาเป็นสายโลหิตแล้ว!
หากผู้ใดเชื่อว่าทะเลทรายผืนนี้โหดร้าย ผู้นั้นย่อมเชื่อในสิ่งที่ผิด เพราะสิ่งที่โหดร้ายกว่าผืนทะเลทรายแห้งแล้ง คือกองกำลังโจรทะเลทรายของ 'อัลมิราน' ผู้นี้ต่างหาก โหดร้าย...ชั่วช้า...เลวสามานย์ ดูเหมือนจะเป็นคำสร้อยที่พ่วงท้ายชื่อของโจรหนุ่มนามเลื่องลือไปเสียแล้ว แต่เขาจะสนใจสิ่งใดกัน ในเมื่อเขาถูกตราหน้าว่าชั่ว เขาก็จะเป็นคนชั่วให้สมดั่งที่ถูกบีบคั้น เพียงเพื่อให้ได้อัญมณีแห่งสุลต่านมาครอบครอง เขาก็ไม่เกรงกลัวสิ่งใดแล้ว หากแต่หารู้ไม่ว่าสวรรค์จะนำพาให้เขาพบกับอัญมณีมีชีวิตแห่งทะเลทราย...'จามิล' นักระบำร่อนเร่ผู้มีเสน่ห์เย้ายวน เพียงได้ชมระบำทะเลทรายของจามิลแค่ครั้งเดียวเท่านั้น หัวใจของอัลมิรานก็ถูกครอบครองไปสิ้น โดยหารู้ไม่ว่าตนกำลังก้าวเข้าสู่หุบเหวอเวจีแสนหวานที่จะฉุดคร่าชีวิตเขาไปเสียแล้ว...
เกิดใหม่ในชาตินี้ นางแค่ต้องการอยู่อย่างสงบสุขปกป้องครอบครัวจากเรื่องร้ายที่จะเกิดขึ้น นางไม่อยากตกอยู่ในบ่วงรักอันทำให้ครอบครัวต้องพบกับวิบัติอีกต่อไปแล้ว... คำเตือน นิยายเรื่องนี้เป็นนิยายรักโรแมนติก ดราม่า มีฉากความรุนแรง ฉาก NC และมีฉากเศร้าสะเทือนใจ โปรดพิจารณาก่อนดาวโหลดนะคะ กราบขอบพระคุณค่ะ
ลู่เจียหง นักวิทยาศาสตร์ชื่อดังในยุคปัจจุบัน จับผลัดจับพลูลงลิฟต์ก็โผล่ไปยังยุคโบราณ แถมยังอยู่ในชุดเจ้าสาวอีก ถ้าประหลาดแค่นั้นไม่พอคงไม่เป็นไร ถ้าไม่พบว่าตัวเองกำลังถูกตามล่าจากว่าทีสามีที่ยังไม่ทันเข้าหอ งานนี้นางถือคติไม่ยุ่งเกี่ยวต่างคนต่างอยู่ แต่ท่านอ๋องผู้นั้นก็เอาแต่วนเวียนอยู่ข้างตัวนางไม่หยุด แบบนี้นางจะหย่าสำเร็จได้ตอนไหนกัน!!
ในชีวิตชาติที่แล้ว เพื่อช่วยรักแรกของตัวเอง คนชั่วสามคนได้ทำลายพลังการต่อสู้ของนาง ตัดแขนขาของนางออก ตัดเส้นเลือดของนางและปล่อยเลือดของนางไหลออกมาทั้งอย่างนั้น และทรมานนางจนตาย เมื่อเกิดใหม่ครั้งนี้ นางวางแผนอย่างรอบคอบ โดยสาบานว่าจะให้พวกเขาได้สัมผัสกับความทุกข์ทรมานที่นางเคยประสบมา! รักแรกที่ไร้เดียงสาอะไรกัน ที่จริงก็เป็นเพียงผู้หญิงที่ตีสองหน้าเก่ง อยากจะไต่ขึ้นไปสูงเหรอ งั้นก็จะให้เจ้าปีนขึ้นไป ยิ่งปีนขึ้นสูงมากเท่าไร ตอนตกลงมาก็จะยิ่งเจ็บมากเท่านั้น! พวกสวะสมควรได้รับบาปกรรมของพวกสวะ พวกมันทำชั่วกับนางไปชั่วชีวิตหนึ่ง นางจะทำให้พวกมันไม่ตายดี พวกคนที่เจ้าเล่ห์ ตีสองหน้าเก่ง นางจะจัดการกับทุกคน! แต่นางไม่เคยคิดเลยว่าในการแก้แค้นของนาง นางจะไปมีเรื่องกับเสด็จอาที่เป็นเจ้าแผนการเข้า ที่วัน ๆ ต้องการให้นางจูบและกอดเขาตลอดทั้งวัน ในขณะที่นางแก้แค้นคนชั่วนั้นยังสามารถสนิทสนมกับเสด็จอาด้วย ในความจริงแล้ว การที่เป็นผู้หญิงชั่วๆ ก็มีความสุขมาทีเดียวกว่าที่คิดเลย!
หลังจากแต่งงานมาสามปี เสิ่นเนียนอันคิดว่าตนเองสามารถเอาชนะใจโฮ่วอวินโจวได้ แต่กลับพบว่าเขามีเพียงคนรักแรกอยู่ในใจ "ฉันจะปล่อยเธอไปหลังจากที่เธอคลอดลูก" ในวันที่เสิ่นเนียนอันมีปัญหาในการคลอดบุตร โฮ่วอวินโจวได้พาผู้หญิงอีกคนออกจากประเทศด้วยเครื่องบินส่วนตัว "ไม่ว่าคุณจะชอบใครก็แล้วไป สิ่งที่ฉันเป็นหนี้คุณ ฉันคืนให้หมดแล้ว" หลังจากที่เสิ่นเนียนอันจากไป โฮ่วอวินโจวก็เสียใจ "กลับมาหาฉันอีกครั้งได้ไหม"
"ทำไม นอนกับผมมันแย่ขนาดนั้นเลยหรอคุณถึงได้กลัวว่าผมจะทำอะไรคุณอีก ผมรุนแรงกับคุณหรือยังไง งั้นผมคงต้องรีบทำใหม่เพื่อแก้ตัว" "คุณหมอ!" เมรีญาหันไปจ้องหน้าชายหนุ่มอย่างเอาเรื่อง พร้อมกับตำหนิเขาในใจที่กล้าพูดเรื่องแบบนั้นออกมาอย่างหน้าไม่อาย "ว่าไง ตอบมาสิว่าผมทำให้คุณไม่ประทับใจหรอถึงต้องตั้งเงื่อนไขบ้าๆ นี้ขึ้นมา" เวทัสถามด้วยค วามโมโห ถ้าเป็นสองข้อแรกเขาพอเข้าใจและรับได้ แต่สำหรับข้อสามต่อให้เขารับปากเธอตอนนี้ในอนาคตเขารู้ตัวดีว่าคนอย่างเขาต้องผิดสัญญาแน่นอน เขาไม่มีทางห้ามใจตัวเองไม่ให้ยุ่งกับเธอได้! "ทำไมคุณมันเข้าใจอะไรยากแบบนี้ ฉันบอกแล้วไงคะว่าฉันไม่อยากนึกถึงเรื่องพวกนั้นอีก" หญิงสาวพยายามอธิบายกับชายหนุ่มด้วยเหตุผล แม้จะรู้ดีว่าคนข้างๆ เริ่มไม่มีเหตุผลกับเธอแล้ว "ผมไม่สัญญา" เวทัสตอบกลับทันทีพร้อมกับสต๊าทรถออกจากโรงแรมด้วยความไม่พอใจ
เว่ยจื้อโหยวลืมตาตื่นขึ้นมาอีกครั้งพบว่าตนอยู่ในยุคสมัยที่ไม่คุ้นเคยสิ่งรอบกายดูโบราณล้าหลัง โลกโบราณที่ไม่มีในประวัติศาสตร์โลก ยังไม่ทันได้เตรียมใจก็ถูกส่งให้ไปแต่งงานกับชายยากจนที่ท้ายหมู่บ้าน สาเหตุที่เว่ยจื้อโหย่วถูกส่งมาให้แต่งงานกับชายที่ขึ้นชื่อว่ายากจนที่สุดในหมู่บ้านนั้น เพราะนางเกิดไปต้องตาต้องใจเศรษฐีผู้มักมากในกามเข้า เพื่อหาทางหลีกเลี่ยงไม่ให้ถูกบ้านใหญ่ขายไปเป็นอนุภรรยาของเศรษฐีเฒ่า พ่อแม่ของนางจึงยอมแตกหักจากบ้านใหญ่และท่านย่าที่เห็นแก่ตัวและลำเอียงเป็นที่สุด ด้วยเหตุนี้พ่อแม่ของนางจึงตัดสินใจยกนางให้กับอวิ๋นเซียว ชายหนุ่มที่แสนยากจนข้นแค้น ที่เพิ่งเสียบิดามารดาไป อีกทั้งยังทิ้งน้องชายน้องสาวเอาไว้ให้เขาเลี้ยงดู นอกจากนี้ยังมีป้าสะใภ้มหาภัยที่คอยแต่จะมารังแกเอารัดเอาเปรียบสามพี่น้อง สิ่งที่ย่ำแย่ที่สุดไม่ใช่ป้าสะใภ้มหาภัย แต่ มันคืออะไรแต่งงานนางไม่ว่ายังไม่ทันได้เข้าหอสามีหมาดๆ ก็ถูกเกณฑ์ไปเป็นทหารในสงครามระหว่างแคว้น มันไม่มีอะไรเลวร้ายไปมากว่านี้อีกแล้วสำหรับ เว่ยจื้อโหยว หากสามีทางนิตินัยของนางตายในสนามรบ ก็ไม่เท่ากับว่านางเป็นหม้ายสามีตายทั้งที่ยังบริสุทธิ์หรอกหรือ แถมยังต้องเลี้ยงดูน้องชายน้องสาวของอดีตสามีอีก สวรรค์เหตุใดถึงได้ส่งนางมาเกิดใหม่ในที่แบบนี้