เขาเป็นพี่หมอกรุบกริบที่น่ารักของน้องสาวนอกไส้อย่างเธอ อีโรติกคอมมาดี้... เบาสมอง
สาวน้อยวัยยี่สิบสองนามว่านรีรัตน์ ซึ่งเพิ่งผ่านพ้นรั้วมหาวิทยาลัยมาเพียงไม่กี่เดือน กำลังแง้มประตูห้องพักของคนสวนดูด้วยความตื่นเต้น หลายครั้งแล้วที่เธอมาแอบดูพี่เอกกับพี่จุ๊บแจง สองผัวเมียเล่นรักกัน ครั้งแรกเธอเห็นด้วยความบังเอิญ และครั้งต่อๆ ไป จึงไม่บังเอิญอีก เพราะเธอตั้งใจมาดูอย่างเป็นจริงเป็นจัง ก็มีหนังสดให้ดูแบบนี้ จะไม่สนองความต้องการของตัวเองได้ยังไงกัน เสียชาติเกิดน่ะสิ!
หลังจากเรียนจบเธอก็ขอบิดาและมารดาเลี้ยงมาอยู่กับพี่ชายต่างสายเลือด ซึ่งเป็นลูกติดของมารดาเลี้ยง หลังจากที่เขาเรียนจบแพทย์มาจากมหาวิทยาลัยชั้นนำของประเทศ เขาก็กลับมาทำงานที่บ้านเกิด ซึ่งมีตากับยายที่เลี้ยงเขามาจนโตรอคอยการกลับมาอย่างใจจดจ่อ
แต่หลังจากนั้นไม่กี่ปีพวกท่านก็จากไปโดยโรคชรา จึงเหลือภาคิมเพียงคนเดียว แต่ชายหนุ่มก็ไม่คิดจะทิ้งบ้านเกิดเมืองนอนไปไหน เขากลับมาพัฒนาบ้านเกิดโดยแท้จริง บิดาของเธอปลื้มเขามาก แถมยังสนับสนุนเธออย่างเต็มที่ไม่ได้หวงห้ามเรื่องความใกล้ชิดที่อาจจะเกินขอบเขตแต่อย่างใด
มือบางจิกขอบประตูแน่น ทั้งสองไม่ได้สนใจรอบกายเลยว่าจะมีอะไรเกิดขึ้น หรือจะมีใครแอบเห็น เมื่ออยู่ในอารมณ์เสน่หา ดูจะลืมเลือนทุกสิ่งทุกอย่างไปโดยสิ้นเชิง
นรีรัตน์แนบหน้าไปกับประตูมากขึ้น เพื่อจะสอดสายตาจับจองเหตุการณ์ด้านในให้ชัดเจน ตอนนี้มือหนาหยาบกร้านของนายเอกกำลังเลื้อยเข้าไปใต้กระโปรงของจุ๊บแจง อีกฝ่ายร้องซี้ดซ๊าดทันทีที่ก้านนิ้วร้ายสัมผัสกับพูเนื้ออันฉ่ำเยิ้ม ห่อหุ้มด้วยซับในเนื้อบางเบา
“ซี้ดด... พี่เอกจ๋า... จุ๊บเสียว” จุ๊บแจงร้องครางเมื่อมือหนาของเอกวัฒน์เสียดสีกับยอดเกสรดอกไม้อันฉ่ำเยิ้ม
เอกวัฒน์ได้ใจค่อยๆ ปลดกระดุมเสื้อของภรรยาออกจากรังดุม บรรยากาศแบบนี้ ปลอดคนแบบนี้ทำให้อารมณ์หนุ่มคึกคักยิ่งนัก แค่เห็นสะโพกผายของภรรยาเดินไปเดินมา เขาก็น้ำลายหยดติ๋งๆ แล้ว
“คิดถึงจุ๊บจะแย่” คนพูดซุกหน้าไม่ห่างเมียรัก แทบจะกลืนกินเดี๋ยวนี้ถ้าทำได้
“พี่เอกทำมาเป็นพูดดีไป จุ๊บแจงต้องทำงานให้เสร็จก่อน เดี๋ยวคุณหมอกลับมาจะเอ็ดเอานะจ๊ะพี่”
เพราะภาคิมเป็นคนเจ้าระเบียบติดจะเรียบร้อยตามประสาเด็กเรียน และรักความสะอาดเอามากๆ ดังนั้นเธอจึงต้องดูแลบ้านให้สะอาดทุกซอกทุกมุมและทำงานจนเสร็จเรียบร้อย ไม่มีบกพร่อง ไม่อย่างนั้นจะโดนดุเอาได้ เวลาภาคิมดุ ไม่ใช่ดุแบบด่ากราดเกรี้ยวหรือใบหน้าบึ้งตึง แต่จะพูดเสียงนิ่งๆ น่าเกรงขาม จนไม่มีใครกล้าขัดหรือไม่ทำตามได้ เรียกว่าเจ้านายเป็นคนมีจิตวิทยาสูง สามารถพูดธรรมดาๆ แต่ให้คนอื่นยอมสยบ กุลีกุจอทำตามคำสั่งได้อย่างง่ายดาย โดยไม่ต้องใช้อำนาจบาตรใหญ่ หรือข่มขู่ให้ต้องหวาดกลัวแต่อย่างใด
“ทางสะดวก วันนี้คุณหมอกลับดึกเพราะมีเคสพิเศษ ต้องผ่าตัดหรืออะไรนี่แหละ”
“พี่เอกรู้ได้ยังไงจ๊ะ”
“ระดับนี้แล้ว ไม่รู้ได้ยังไง” เอกวัฒน์กระแซะเข้าไปหาภรรยา สอดมือเข้าขยำทรวงอกอวบๆ ของอีกฝ่ายอย่างหนำใจ ภรรยาของของเขาเป็นหลานสาวแม่บ้านเก่าแก่ของที่นี่ หลังจากที่นางกลับไปอยู่กับลูกเต้าก็ให้ภรรยาและเขาซึ่งเป็นหลานเขยมาทำงานแทน ส่วนคนขับรถคือนายชดยังทำงานอยู่เหมือนเดิม ท่านไม่มีเมียมีลูกจึงไม่ได้ลาออกไปอยู่กับลูกกับหลานที่ไหน
“อื้อ... อ๊า… พี่เอกจ๋า... แรงๆ ก็ได้ฉันชอบ” จุ๊บแจงร้องครวญด้วยความเสียวซ่าน นิ้วแกร่งของอีกฝ่ายสะกิดยอดถันสีสวยแล้วก้มลงดูดเลีย หญิงสาวแอ่นอกให้เขาดูดดึงด้วยความกระหาย ไม่สนใจอะไรอีกแล้วเมื่อไฟปรารถนาคุโชน เธอกับสามีอยู่กินกันมาหลายปี แม้ไม่มีลูกเต้า แต่ไม่เคยเบื่อหน่ายรสรักที่มีต่อกัน นับวันกลับยิ่งจะหาอะไรตื่นเต้นมาทำต่อกันเพื่อกระตุ้นความต้องการของกันและกัน
“ได้สิเมียจ๋า... วันนี้เป็นวันของเรา” ดูเหมือนคำพูดและบทบาทรักที่สองหนุ่มสาวกระทำ กระตุ้นให้เด็กสาวที่แอบมองด้านนอกท้องไส้ปั่นป่วน เช็ดน้ำลายแทบไม่ทัน
นรีรัตน์ถอนใจเฮือกๆ เธอเลื่อนมือมาขยำหน้าอกของตัวเองด้วยความเสียวซ่าน มือบางแกะกระดุมชุดที่สวมใส่ออกแล้วสอดมือเข้าสะกิดยอดถันของตัวเอง เธอเม้มปากเอาไว้ไม่ให้ส่งเสียงครางออกมาให้คนทั้งสองในห้องรับรู้ มันน่าอายแต่อยากจะลอง มันเป็นความรู้สึกตามธรรมชาติที่เกิดขึ้นกับมนุษย์ทุกคน ความเสียวกระสันที่ทำให้เธออยากสัมผัส อยากรับรู้ความรู้สึกนั้นสักครั้ง แล้วเธอจะชอบแบบสองคนผัวเมียด้านในอย่างถอนตัวไม่ขึ้นหรือเปล่านะ เด็กสาวถามตัวเองด้วยความอยากรู้ แต่หาได้มีคำตอบไม่
“ซี้ด... พี่เอกจ๋า ดูดแรงๆ ก็ได้จ้ะ ฉันเสียว”
จุ๊บแจงแอ่นอกให้ชายหนุ่มร่างบึกบึนอย่างร่านร้อน เขาเร่าร้อนรุนแรงโลดโผนจนเธอติดใจ แถมยังคึกคักและทำให้เธอสุขสมครั้งแล้วครั้งเล่า บทรักก็เร่าร้อนดิบเถื่อนได้อารมณ์ แค่คิดหยาดน้ำหวานก็หยาดเยิ้มด้วยความต้องการเหลือคณานับ
เสียงซี้ดซ๊าดหวีดร้องข้างในเหมือนจะทำให้คนข้างนอกขาดใจตามไปด้วย นรีรัตน์น้ำลายหยดติ๋งๆ ด้วยความอยากรู้อยากเห็น แถมยังอยากลองตามไปด้วย แต่เธอก็ไม่กล้าลองหรอก แค่คิดเล่นๆ เท่านั้น
“จู่ๆ มีหนังสดมาให้ดู ไม่ดูก็โง่น่ะสิ” บ่นไปแอบมองลอดประตูเข้าไป ถึงจะเรียนจบมหาวิทยาลัยแล้ว แต่เธอก็ยังเป็นเด็กที่ถูกเลี้ยงดูมาอย่างดี ไม่เคยต้องเห็นจะๆ กับเรื่องอะไรแบบนี้
“จะเป็นตากุ้งยิงหรือเปล่านี่ กลางวันแสกๆ เลย” เธอบ่นเบาๆ หัวใจเต้นโครมครามแทบโลดออกมานอกอก เพราะกลัวจะมีคนมาเห็นว่าเธอแอบถ้ำมองผัวเมียเขาเล่นจ้ำจี้กันกลางวันแบบนี้
“พี่เอกจ๋า... แรงกว่านี้ก็ได้นะจ๊ะ ซี้ด... เมียมีความสุข เมียเสียวจังเลย”
“ดูพี่จุ๊บแจงสิ พูดอะไรก็ไม่รู้ บ้าๆๆ” นรีรัตน์แอบย่นจมูกให้สองผัวเมีย แต่ก็มองไม่เลิก ให้ตายเถอะ... ดูแล้วติดหนึบยิ่งกว่าซีรี่ส์เกาหลีอย่างที่ชอบเสียอีก แถมตื่นเต้นกว่าอ่านนิยายอีโรติกที่เธอชอบอีกเหมือนกัน
“เตียงจะพังหรือเปล่าไม่รู้ แต่พี่เอกขย่มแรงกว่านี้ได้ใช่ไหมจ๊ะเมียจ๋า” เอกวัฒน์รู้สึกคึกเมื่อได้ยินเสียงเตียงลั่น แม้กลัวเตียงจะพัง แต่ก็อยากโยกกายแรงๆ เต็มอารมณ์รัก ฝังกายเข้าใส่เมียสุดสวาทให้มันถึงสวรรค์กันไปข้างหนึ่ง ยิ่งอีกคนตอดรัดเขาก็ยิ่งเสียวซ่านจนแทบทำนบแตก
“ได้สิจ๊ะพี่เอก เต็มที่เลย จุ๊บแจงพร้อมเสมอสำหรับพี่เอก ผัวรักสุดสวาทขาดใจของเมีย” จุ๊บแจงแยกขาออกจนกว้างให้สามีกระแทกกระทั้นเข้ามาเต็มรัก
“อี๊... พี่จุ๊บแจงกับพี่เอกทำยังกับจะฆ่ากัน เตียงจะพังก็คราวนี้แหละ น่าแช่งให้เตียงพังจริงๆ จะเมามันอะไรขนาดนั้น” สาวน้อยแอบเบ้ปาก แต่ไม่ยอมขยับไปไหน ตายังมองไม่กะพริบ กลัวพลาดช็อตเด็ดของหนังสดเรื่องนี้
“ว้าย!! พี่เอกรุนแรงไปหรือเปล่า พี่จุ๊บแจงครางยังกับจะตายคาอกพี่เอกด้วยล่ะ” นรีรัตน์ใจสั่นแปลกๆ บิดขาตัวเองไปมาหน้าแดงก่ำ อยากจะให้ซอกกายสาวเสียดสีกันมากขึ้นเพราะรู้สึกกระสันแปลกๆ พอสีไปสีมาแล้วทำให้คลายความต้องการบางอย่างไปได้บ้างบางส่วน ไม่ทรมานมากนักกับความรู้สึกที่อยากให้มีใครมาทำกับเธอแบบนี้บ้าง
“ทำไมต้องหน้าแดงด้วยน่ะ” เธอลูบแก้มตัวเอง หัวใจก็เต้นแรงผิดจังหวะ ให้มันได้อย่างนี้สิ อารมณ์มันฟินกว่าดูซี่รี่ส์และอ่านนิยายอีโรติกจริงๆ
นรีรัตน์กลืนน้ำลายเหนียวหนืดลงคอซ้ำๆ กัน คอแห้งเป็นผงอย่างปัจจุบันทันด่วน ยิ่งสองร่างนัวเนียกันเท่าไหร่ หนังสดเวอร์ชั่นนี้ก็ทำให้สาวน้อยที่ยังไม่เคยต้องมือชายถึงกับล้าไปหมด แทบลุกหนีไปไหนไม่ได้ นั่งนิ่งไม่ไหวติงหน้าประตูห้องของคนทั้งสองอยู่แบบนั้น
ในอดีตเขาคือพี่ชายที่แสนดี แต่ในวันนี้เขากลับหมางเมิน เย็นชา จิกกัดและปากร้าย เธอจึงอยากหลีกหนีเขาไปให้ไกล แต่ทำไมทุกอย่างกลับไม่เป็นเช่นนั้นเลย เธอต้องมาเป็นเลขาของเขา แถมยังต้องมามีความสัมพันธ์อันลึกซึ้งกับเขาอีก!
งานแต่งงานที่เกิดขึ้น เพราะผู้ใหญ่ เธอถูกสามีรังเกียจ ก็ให้มันรู้ไปว่าเขาจะเกลียดเธอไปได้สักกี่น้ำ เธอจะแกล้งเขาให้หนำใจ ทำหน้าที่เมียให้สาสมกับที่เขาเกลียด!
เธอแอบชอบเขาเพราะเขาคือพระเอกขี่ม้าขาวมาช่วยเธอเอาไว้ เธอจึงสารภาพรักกับเขาเมื่อเรียนจบและได้เข้าทำงานในบริษัทของเขา แต่เขากลับให้เธอเขียนใบลาออก เธอจึงหนีหายไปจากชีวิตของเขา ได้เจอกันอีกครั้งความจริงก็ถูกเปิดเผย!
เขาเป็นคุณอาของเพื่อน เย็นชา หน้านิ่ง แถมยังดุอีกด้วย ในค่ำคืนหนึ่งที่โดนเพื่อนชายวางยา เขากลับช่วยเธอเอาไว้ แล้วกลายเป็นคุณอาหนุ่มคลั่งรักที่ทำเอาเธอกลายเป็นนางฟ้าตัวน้อย ๆ ในอ้อมแขนแข็งแกร่งอบอุ่นอ่อนโยนของเขา
เธอพลาดท่าเสียทีเขาในค่ำคืนหนึ่ง เขาออกตามหาเธอจนแทบพลิกแผ่นดิน จู่ ๆ ก็มีหญิงสาวคนหนึ่งอุ้มลูกน้อยมาบอกเขาว่า เขาคือพ่อของลูก แล้วจากไป เขาได้เจอผู้หญิงอีกคน กลับตกหลุมรักเธอในทันที และความลับมากมายที่ถูกเก็บซ่อนก็เปิดเผยออกมาให้เขาได้รับรู้
องค์หญิงใหญ่รั่วเสียน ต้องปกป้องบัลลังก์ของน้องชายที่ขึ้นครองราชย์ในวัยเพียงแค่ 4 ขวบ ดังนั้นนางจึงต้องหาทางมัดใจเสนาบดีกัวผู้กุมอำนาจราชสำนักเอาไว้ให้ได้ ทว่าบุรุษผู้นี้กลับไม่ต้องการแต่งงานกับนาง เขายังทำตัวดั่งบิดาหาบุรุษไว้ให้นางอีก รั่วเสียนจึงต้องฝึกฝนการยั่วยวนเขาเพื่อหาวิธีมัดใจบุรุษผู้นี้เอาไว้ให้ได้ และนางก็ต้องตกใจเมื่อเสนาบดีกัวกลับมีถึงสองคน! +++ นิยายเรื่องนี้เป็นนิยายจีนโบราณประเภทนิยายรักสำหรับผู้ใหญ่ เป็นเรื่องแต่งขึ้นจากจินตนาการไม่ได้อ้างอิงจากประวัติศาสตร์ใด ๆ ดังนั้นภายในจะมีฉาก เนื้อหา เน้นหนักที่เรื่องเพศระหว่างชายหญิง มีการร่วมรักกันตั้งแต่ 3 คนขึ้นไป (3P) และอาจมีความไม่สมเหตุสมผลบ้าง ขอให้ผู้อ่านใช้วิจารณญาณในการอ่านนะคะ
เมื่อนางย้อนยุคกลายเป็นพระชายาคังที่ถูกขังอยู่ในโรงขังคนบ้า เพิ่งมาถึงฉินเซิงก็กำจัดคนสองคนที่ต้องการทำร้ายนาง นางบุกเข้าไปในงานแต่งงานของคู่รักชั่วชาสองคนนั้นในชุดแดง นางหยิ่งผยองและยั่วยุ ทำให้ชายชั่วโกรธจนกัดฟันแน่นแต่กลับทำอะไรไม่ได้ และหญิงร้ายนั้นก็เกลียดชังอย่างมากทว่าเอาคืนไม่ได้ ท่านอ๋องจิ้นได้เห็นสถานการณ์ทั้งหมดนี้ เขาโค้งงอริมฝีปาก สตรีนางนี้ช่างแตกต่างจากคนอื่นจริงๆ ถูกใจเหลือเกิน เขาจะเอาชนะใจนางและให้ชีวิตที่ดีแกนาง
"นางเป็นบุตรีผู้สูงศักดิ์ของฮูหยินเอกของจวนเสนาบดี นางมีหน้าตาโดดเด่น ทั้งอ่อนโอนและมีน้ำใจไมตรีต่อผู้อื่น แต่... นางทำดีต่อป้าของนาง นางกลับฆ่าแม่ของนางตาย นางรักเอ็นดูน้องสาวของนาง แต่น้องสาวกลับแย่งสามีของนางไป นางคอยสนับสนุนและดูแลสามีของนางอย่างสุดหัวใจ แต่สามีกลับทำให้นางตายทั้งกลม...ตระกูลฝ่ายมารดาของนางก็ถูกประหารชีวิตทั้งตระกูลด้วย นางตายตาไม่หลับและสาบานว่าหากมีชาติหน้า นางจะไม่เมตาตาต่อใครอีก ใครก็ตาม กล้ามาทำร้ายข้า ข้าจะล้างแค้นด้วยชีวิตทั้งตระกูลของพวกเจ้า เมื่อเกิดใหม่อีกครั้ง นางอายุได้สิบสี่ปี นางสาบานว่าจะต้องเปลี่ยนชะตากรรมและแก้แค้นชาติก่อน ป้านางใจ้ร้าย นางจะใจร้ายกลับยิ่งกว่านาง นางคิดจะได้ครองตำแหน่งฮูหยินงั้นเหรอ บอกเลยไม่มีทาง! ส่วนน้องสาวชอบผู้ชายชั่ว ๆ นักไม่ใช่หรือ ได้!ข้าจะยกให้เลย ส่วนชายชั่วนั่น ข้าจะทำให้เจ้าไม่สามารถมีทายาทได้อีกตลอดทั้งชาติ!แต่ข้าจะแก้แค้น เหตุใดเจ้าต้องมาช่วยข้าด้วย?"
เซิ่งหนานหยินเกิดใหม่แล้ว ชาติที่แล้ว เธอถูกชายชั่วหักหลัง ถูกชายเสแสร้งใส่ร้าย โดนครอบครัวสามีเล่นงาน จนทำให้เธอล้มละลายและเป็นบ้าไป ในท้ายที่สุด เธอเสียชีวิตอย่างน่าสลดใจด้วยอุบัติเหตุทางรถยนต์เมื่อเธอตั้งครรภ์ได้ 9 เดือน แต่คนร้ายกลับทำเงินได้มากมาย และใช้ชีวิตทั้งครอบครัวอย่างมีความสุข เกิดใหม่ครั้งนี้ เซิ่งหนานหยินคิดตกอล้ว อะไรที่ว่าพระคุณช่วยชีวิต คนรักในใจอะไรกัน ล้วนไม่ต้องไปสน เธอจะจัดการชายชั่วหญิงร้าย สร้างชื่อเสียงให้กับตระกูลเก่าของตนเองขึ้นมาใหม่อีกครั้งและนำตระกูลเซิ่งไปสู่จุดสูงสุดของชีวิต สิ่งที่แตกต่างออกไปก็คือ คนที่หยิ่งมาตลอดในชาติที่แล้ว กลับเป็นฝ่ายริเริ่มมาหาเธอ "เซิ่งหนานหยิน การแต่งงานครั้งแรกผมไม่ทัน การแต่งงานครั้งที่สองก็ต้องถึงคิวผมแล้วสินะ"
หลินตงหยาง อายุ 27 ปี เติบโตมากับแม่เพียงสองคน ในวัยเด็กหลินตงหยางเคยมีพ่อผู้ให้กำเนิดแต่หลังจากที่พ่อได้งานใหม่ในเมืองหลวงพ่อที่เคยมีก็ไม่มีอีกแล้ว พ่อกลับมาหย่าขาดกับแม่ทันทีที่ไปทำงานในเมืองหลวงได้เพียง 2 เดือน ด้วยให้เหตุผลในการหย่าว่า แม่กับและเขาคือตัวถ่วงความเจริญในชีวิตพ่อ สาเหตุก็ไม่มีอะไรมากแค่พ่อหน้าตาหล่อเหลาและเป็นที่ถูกใจของลูกสาวหัวหน้างาน เพื่อตำแหน่งงานและความเป็นอยู่ที่สบายขึ้น พ่อเลือกที่จะทิ้งภรรยาคู่ทุกข์คู่ยากที่ผ่านเรื่องยากลำบากมาด้วยกัน หย่าขาดกับภรรยาเพื่อไปแต่งงานใหม่ มีชีวิตใหม่ในเมืองหลวง โดยทิ้งคนข้างหลัง ทิ้งภรรยาที่เคยสาบานว่าจะอยู่ครองคู่กันตลอดไป ในปีที่เขาเรียนจบมหาวิทยาลัย แม่ก็ล้มป่วยและจากเขาไปในที่สุด สาเหตุที่หลินตงหยางเสียชีวิต เพราะทำงานหนัก อาชีพโปรแกรมเมอร์ตัวเล็กๆ อย่างเขา ต้องพยายามทำงานให้ได้ตามที่หัวหน้าสั่งมา ในที่สุดเขาก็พัฒนาเกมกำลังภายในของบริษัทได้สำเร็จ หลินตงหยางนอนหลับไปด้วยความสบายใจ แต่ทว่าพอเขาลืมตาตื่นขึ้นมาอีกที นี่ไม่ใช่คอนโดหรูย่านใจกลางเมืองปักกิ่ง หลังคามุงหญ้านี่คืออะไร มันควรจะเป็นเพดานสีขาวสิ เมื่อมองไปรอบๆ ห้องนี่คืออะไร นี่มันไม่ใช่ผนังที่ทำมาจากคอนกรีต มันคือดินเหนียว หลินตงหยางคิดว่าตัวเองฝันไป เขาหลับตาลงอีกครั้งแล้วลืมตาขึ้น ทุกอย่างยังเหมือนเดิม มารดามันเถอะ เขามาอยู่ที่นี่ได้ยังไง หลังจากแน่ใจแล้วว่าไมไ่ด้ฝัน ตอนนั้นเองเขารู้สึกปวดหัวขึ้นมาอย่างรุนแรง และในหัวของเขามีภาพเหตุการณ์ของเด็กชายที่ชื่อเดียวกับเขา หลินตงหยาง อายุ 10 ขวบ เรื่องราวชีวิตตั้งแต่เกิดจนตายไปของเด็กชาย ทำเอาหลินตงหยางกำมือแน่น ก่อนจะสบถออกมา “พ่อสารเลว เฉินซื่อเหม่ยชัดๆ” และตามมาด้วยเสียงร้องไห้ของน้องสาว สาเหตุที่เด็กชายหลินตงหยางเสียชีวิต เพราะถูกผู้ที่ได้ขึ้นชื่อว่าเป็นย่าแย่งผักป่าและทุบตี ทั้งๆ ที่คนพวกนั้นได้ตัดขาดพับพวกเขาสามแม่ลูกแล้ว แต่ยังมิวายข่มเหงรังแก
“ท่านผู้อำนวยการคะ ทางทีมสำรวจแจ้งว่าคนไม่เพียงพอที่จะเข้าไปเก็บตัวอย่างพันธุ์พืชในป่าเมืองเหอหนานค่ะ” ซูเจิน ที่ได้ยินก็หูผึ่งทันที เธอนั่งทำการอยู่ในห้องวิจัยตั้งแต่เรียนจบ ถึงตอนนี้ก็สี่ปีได้แล้ว ผู้อำนวยที่เข้ามาตรวจงานวิจัยล่าสุด ก็มองไปรอบห้อง เพื่อดูว่ามีใครต้องการเสนอตัวไปทำงานในครั้งนี้หรือไม่ แต่หลายคนที่เขามองไป ต่างหลบสายตาของเขา จะมีใครอยากออกไปเสี่ยงอันตราย เดินป่าขึ้นเขาให้เหนื่อยสู้นั่งทำงานในห้องปรับอากาศเย็นๆ ดีกว่า เมื่อไม่มีใครคิดจะเสนอตัว เขาจึงได้สอบถามหาผู้ที่สมัครใจทันที “มีใครอยากจะอาสาไปไหม” ไว้กว่าความคิด ซูเจินยกมือขึ้น “ฉันค่ะ” เพื่อนสนิทรีบดึงเสื้อของเธอเพื่อจะห้ามปราม “จะบ้าหรอ เธอไม่เคยไปสักครั้ง ไม่รู้หรือว่างานนี้เสี่ยงแค่ไหน” เสียงกระซิบของเสี่ยวชิง เอ่ยลอดไรฟันออกมา เมื่อปีที่แล้ว ที่ทีมสำรวจเดินทางเข้าไปที่ป่าเหอหนาน พื้นป่าที่ไม่อาจสำรวจได้อย่างทั่วถึง สร้างความท้าทายให้เหล่านักพฤกษศาสตร์จากทุกองค์กร แต่ไม่ว่าจะส่งเข้าไปกี่ครั้งก็ไปไม่ถึงป่าชั้นกลางเสียที แม้จะใช้เทคโนโลยีที่ล้ำหน้าเข้าช่วยเพียงได้ ก็สำรวจได้เพียงป่าชั้นนอก แถมยังพาชีวิตคนไปทิ้งอีกนับไม่ถ้วน ปีนี้ทางองค์กรของซูเจิน หยิบโครงการสำรวจป่าเหอหนานขึ้นมาใหม่ แต่กว่าจะหาทีมสำรวจได้ครบคนก็กินเวลาไปหลายเดือน ถึงตอนนี้คนก็ยังไม่พอจนต้องมาถามหาจากทีมวิจัยให้ช่วยเหลือ “คุณอยากไปจริงหรือ” เขาเอ่ยถามเพื่อความแน่ใจอีกครั้ง “ค่ะ ฉันอยากลองทำงานนี้” ซูเจินยิ้มออกมา “ได้ อีกสองวัน คุณก็เตรียมตัวให้พร้อม” เมื่อมีคนเสนอตัวแล้ว ผู้อำนวยการก็ออกไปพบทีมสำรวจ เพื่อวางแผนการทำงาน ทั้งยังให้ซูเจินตามเขาไปเข้ารวมการประชุมในครั้งนี้ด้วย “เธอมันบ้าไปแล้ว” เพื่อร่วมงานต่างเดินเข้ามาหาซูเจิน แล้วตำหนิเธอที่กล้ายกมือเสนอตัว “เอาน่า ไว้กลับมาฉันจะเอาเรื่องสนุกมาเล่าให้พวกเธอฟัง” ซูเจินยิ้มหวานออกมา ก่อนที่จะเก็บของแล้วไปเข้าร่วมประชุมกับทีมสำรวจ สองวันต่อมาซูเจินก็แบกกระเป๋าเดินทางมาที่จุดนัดพบ เธอออกเดินทางด้วยรถตู้ขององค์กร พร้อมทีมสำรวจอีกเกือบยี่สิบชีวิต ยังดีที่เธอได้แบกกระเป๋าเพียงใบเดียว หากต้องแบกเต็นท์นอน อาหารด้วย คงได้เป็นภาระของคนอื่นอย่างแน่นอน ภายในป่าเหอหนาน น่ากลัวว่าที่ซูเจินคิดไว้เยอะ พอตะวันตกดิน หากไม่มีแสงไฟที่ทีมสำรวจนำมาด้วยคงจะมืดจนมองไม่เห็นอะไร เสียงแมลงทั้งสัตว์ป่าร้องตลอดทั้งคืน สร้างความหวาดกลัวให้กับคนที่ไม่เคยเข้าป่าสักครั้งอย่างเธอได้อย่างดี ยังดีที่เจ้าหน้าที่ผู้นำทางติดตามมาด้วยอีกหลายคน พวกเขาจึงได้อยู่ผลัดเปลี่ยนเวรยาม เพื่อป้องกันไม่ให้สัตว์ป่าเข้ามาถึงตัวพวกเขา หลายวันที่อยู่ในป่า ซูเจินเก็บตัวอย่างพันธุ์ได้หลายชนิด แต่ทั้งทีม ยังเดินไม่หลุดป่าชั้นนอกเลย ยังดีที่อาหารที่เตรียมมาเพียงพอให้พวกเขาอยู่ไปได้อีกหลายวัน “เอ๊ะ” เข้าวันที่เจ็ดของการสำรวจป่า ซูเจิน เห็นดอกไม้แปลกตา ที่ขึ้นอยู่ท่ามกลางพงหญ้ารก เธอจึงเดินห่างจากกลุ่มทีมสำรวจเข้าไปดูทันที เพราะไม่คิดว่าจะเกิดเรื่องอะไรได้ ระยะห่างที่อยู่ไกลจากพวกเขา หากร้องเรียกก็ยังได้ยินอยู่ เธอหยิบกล้องถ่ายรูปขึ้นมา พร้อมทั้งจดรายละเอียดก่อนที่จะดึงต้นไม้เก็บเข้าถุงเก็บตัวอย่างที่เตรียมมา แต่เมื่อมือของซูเจินสัมผัสไปที่ดอกไม้ เธอก็ต้องตกตะลึง เหมือนมีกระแสไฟวิ่งผ่านปลายนิ้วไปจนทั่วทั้งตัว “โอ๊ยย” เสียงร้องอย่างเจ็บปวดของซูเจิน เรียกความสนใจให้คนทั้งหมดรีบวิ่งมาทางที่เธออยู่ ซูเจินเห็นเพียงแสงสีขาวที่สว่างวาบไปทั่ว แล้วภาพตรงหน้าของเธอก็ดำมืดลง