เมื่อชีคเถื่อนถูกแบล็คเมลให้แต่งงานกับเมียเก็บของน้าชายผู้ล่วงลับ... หล่อนยืนอยู่ข้างกับหน้าต่าง แสงแดดยามสายส่องกระทบเข้ามาทางด้านหลังของหญิงสาว มันทำให้เขาเห็นสัดส่วนสมบูรณ์แบบได้ชัดเจนเต็มสองตา เลือดหนุ่มในกายเดือดพล่าน ความต้องการทางเพศระเบิดขึ้นภายในช่องท้องอย่างรุนแรง เขาต้องการหล่อน... ต้องการผู้หญิงที่ยืนจีบปากจีบคอโต้เถียงเขาคอเป็นเอ็นตรงหน้าแทบขาดใจ แต่หล่อนคือเมียเก็บของน้าชาย...! ผู้หญิงต้องห้ามที่เขาต้องเก็บไม้เก็บมือให้ไกลที่สุด “ฉันต้องการทำแบบนี้ตั้งแต่เห็นเธอครั้งแรกที่เมืองไทยแล้ว จัสมิน... อืมมมม” เซรีมสาธิตความต้องการของตัวเองด้วยการชำแรกแทรกลึกเข้ามาในความคับแน่นไร้ราคีของหล่อนอย่างดุดัน ใบหน้าหล่อเหลาเต็มไปด้วยความเถื่อนถ่อย เสียงคำรามด้วยความกระสันรัญจวนแผดก้องห้องบรรทม “อื้อ... ฉัน... เจ็บ...” “มันจะดีขึ้น... อืมมมมม...” มันจะดีขึ้นได้ยังไงกัน ในเมื่อเซรีมยังไม่ยอมหยุดเคลื่อนไหวเลยแม้แต่น้อย
บ้านทรงเรือนไทยหลังกะทัดรัดเบื้องหน้าคือเป้าหมายของการเดินทางมาเมืองไทยของ เซรีม บิน คาลดุน อัล อัลลาห์ เจ้าชายหนุ่มดับเครื่องยนต์และก้าวลงมาจากรถ เรือนกายสูงสง่าในชุดลำลองเรียบหรูเด่นตระหง่าน ผิวสีแทนเนียนสวยตัดกับเสื้อเชิ้ตสีขาวแขนยาวที่ปลายเสื้อถูกพับขึ้นไปอยู่เกือบถึงข้อศอก ดวงตารียาวคมกริบดุจดวงตาของพญานกอินทรี เครื่องหน้าสมบูรณ์แบบคมสัน จมูกโด่งงองุ้ม ริมฝีปากที่อยู่เหนือคางยักที่มีไรหนวดขึ้นพองามหยักสวยน่ามองยิ่งนัก
เซรีมคือเจ้าชายแห่งทะเลทราย เขาคือน้องชายของ จามีล บิน คาลดุน อัล อัลลาห์ องค์รัชทายาทที่กำลังจะขึ้นปกครองมหานครยิ่งใหญ่แห่งซาเรียในเวลาอันใกล้นี้
และที่เจ้าชายรูปงามผู้สูงศักดิ์อย่างเขาดั้นด้นเดินทางมายังสถานที่แห่งนี้ก็เพื่อทำตามวัตถุประสงค์ของผู้เป็นน้าชายที่ล่วงลับไปแล้วให้สำเร็จลุล่วงนั่นเอง
เจ้าชายคาริสคือน้องชายของพระมารดา ท่านได้พบรักกับหญิงสาวชาวไทย และได้ย้ายถิ่นฐานจากซาเรียมายังเมืองไทยได้เกือบยี่สิบปีแล้ว ข่าวคราวของท่านน้าค่อยๆ จางหายไปกับกาลเวลา เพราะท่านน้าของเขาไม่ค่อยอยากติดต่อกับคนในราชวงศ์นัก จนกระทั่งเมื่อหนึ่งเดือนก่อน เขาได้รับมอบหมายจากบิดา ให้เดินทางมายังเมืองไทย เพื่อนำพาเด็กชายซึ่งเกิดกับเจ้าชายคาริสกับหญิงสาวชาวไทยนามว่าพิกุลกลับไปยังซาเรีย
ความจริง เขาไม่ชอบยุ่งเรื่องของชาวบ้านนัก แม้ว่าชาวบ้านคนนั้นจะเป็นน้าชายของตัวเองก็ตาม แต่เพราะไม่อยากจะทะเลาะกับผู้ให้กำเนิด เขาจึงจำเป็นต้องเดินทางมายังสถานที่นี้อย่างไม่มีทางเลือก
เซรีมเดินมาหยุดตรงบันไดไม้เก่าแก่ผุพังเพราะไม่ได้รับการซ่อมแซมที่ดี แต่ยังดีหน่อยที่มันยังดูสะอาดสะอ้าน บอกให้รู้ว่าไม่ได้ถูกเจ้าของละเลยมากนัก
ดวงตาคมกริบสีทองเรืองรองช้อนขึ้นมองตัวบ้านไม้ชั้นบน และกำลังจะก้าวเท้าลงบนบันไดไม้เบื้องหน้า เสียงเรียกของสตรีดังขึ้นด้านหลัง มันเป็นสุ้มเสียงที่เต็มไปด้วยความไม่พอใจและประหลาดใจในเวลาเดียวกัน
“คุณ... เป็นใครน่ะ”
เรือนกายสูงใหญ่สง่างามชะงัก ก่อนจะค่อยๆ หมุนตัวกลับมาเผชิญหน้ากับเจ้าของเสียงขุ่นเคือง
หญิงสาวผิวขาวดุจไข่ปอกในชุดมอมแมมยืนถลึงตาใส่เจ้าชายสูงศักดิ์เช่นเขาอย่างไร้ความเคารพยำเกรง เขาตวัดตากวาดมองเรือนตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้าอยู่หลายครั้ง ก่อนจะสรุปเอาเองว่าผู้หญิงตรงหน้าเป็นใคร
“ไปถามเจ้านายของเธอมาพบฉันหน่อย”
“แล้วใครล่ะคะที่คุณอยากจะพบ”
ดวงตาสีทองของเซรีมหรี่แคบจ้องหน้าแม่ผู้หญิงที่ตัวเตี้ยกว่ามากอย่างพิจารณาอีกครั้ง ก่อนจะพบว่าเจ้าหล่อนมีดวงตาที่สวยงามมากเลยทีเดียว และก็ไม่ใช่แค่ดวงตากลมโตหวานซึ้งเพียงอย่างเดียวที่งดงาม แต่ริมฝีปากอิ่มเต็มที่ดูเหมือนจะหนาเกินไปของเจ้าหล่อนก็สามารถทำให้เลือดหนุ่มในกายของเขาเดือดพล่านขึ้นมาได้อย่างน่าอัศจรรย์ใจ
ผู้หญิงคนนี้ทำให้เรือนกายของเขาปั่นป่วน ช่องท้องคล้ายกับมีคลื่นขนาดใหญ่ซัดใส่ไม่หยุด และสายตาก็ไม่อาจจะละจากใบหน้ารวมถึงเรือนร่างเล็กกะทัดรัดของหล่อนได้เลยแม้แต่วินาทีเดียว เซรีมยังคงดื่มด่ำกับความสวยงามที่ยิ่งพิศก็ยิ่งเพิ่มทวีคูณของเจ้าหล่อนไม่วางตา ลำคอของหล่อนสีอ่อนกว่าใบหน้าเล็กน้อย บอกให้รู้ว่าหล่อนทำงานกลางแจ้งมากกว่าทำงานในร่ม
ชายหนุ่มเป่าลมออกจากปากเพื่อบรรเทาอาการอึดอัด เมื่อสายตาลดต่ำลงมายังบริเวณหน้าอกของหญิงตรงหน้า เสื้อตัวใหญ่และเก่าแถมยังเปื้อนเศษใบไม้ถูกก้อนเนื้อภายในดันออกมาจนเห็นเป็นรูปรอยชัดเจน เขากะขนาดเต้านมของหล่อนได้ไม่ยาก มันต้องใหญ่ประมาณคัพซีเป็นอย่างต่ำ
โอ้ พระเจ้า...
เซรีมขยับขาของตัวเองออกห่างจากกันเล็กน้อย เมื่อร่างกายมีปฏิกิริยากับสิ่งที่สายตามองเห็นมากมายเหลือเกิน บางอย่างแข็งตัวอย่างไม่น่าเชื่อว่าจะเกิดขึ้นได้ แค่มองหล่อน... แค่เห็นรูปร่างของผู้หญิงตรงหน้าเพียงเท่านั้น
นี่มันอะไรกัน... ทำไมเขาถึงเกิดความต้องการทางเพศขึ้นมาอย่างรุนแรงแบบนี้ ความปรารถนาจะผลักให้หล่อนนอนราบลงกับพื้นและสอดใส่แรงๆ วิ่งพล่านในกระแสเลือดไม่หยุด
เขาต้องการ... จะฝากฝังความเป็นชายเข้าไปในร่างของหล่อน และจากนั้นก็โยกคลึง... โอ้ ไม่... ไม่ได้...
เซรีมกัดฟันแน่นจนเกิดเสียงดังขึ้น และก็สามารถละสายตาจากเรือนร่างที่เขาคาดเดาได้ว่าต้องสมบูรณ์แบบมากๆ ของผู้หญิงตรงหน้า ขึ้นไปสบตากับเจ้าหล่อน จากนั้นก็เค้นเสียงราบเรียบออกไป
“ฉันมาพบ มะลิ กรองอักษร”
ชื่อของหล่อนดังออกมาจากปากหยักสวยของผู้ชายตัวสูงราวกับยักษ์ตัวใหญ่ตรงหน้า
ผู้ชายคนนี้มีรูปร่างหน้าตาที่แสนวิเศษ หล่อนจำได้ว่าตัวเองตะลึงแล้วตะลึงอีก เมื่อสบประสานสายตากับดวงตาสีทองเรืองรองของเขา
เขาหล่อเหลาราวกับไม่ใช่มนุษย์ เขาเหมือนกับรูปปั้นที่จิตกรสร้างสรรค์ขึ้นมาเพื่อให้เป็นตัวแทนแห่งความสมบูรณ์แบบของบุรุษเพศในโลกหล้า
และที่สำคัญ ผู้ชายที่มีหน้าตาถอดแบบมาจากเทพบุตรจากแดนทรายคนนี้ ทำให้เลือดเนื้อของหล่อนร้อนฉ่าได้อย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อนในชีวิต
อะไรบางอย่างในช่องท้องของหล่อนวิ่งพล่าน ความร้อนรุ่มแผ่ซ่านไปทั้งเรือนกาย ราวกับหล่อนกำลังจับไข้สูง ร้อนฉ่าไปทั้งเนื้อทั้งตัวจนน่าอัศจรรย์ใจ
นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่?
ทำไมร่างกายของหล่อนถึงร้อนผะผ่าวแบบนี้ และก็ไม่อาจจะถอนสายตาจากผู้ชายที่หล่อเหลาราวกับเทพบุตรตรงหน้าได้เลยแม้แต่วินาทีเดียว
แต่หล่อนต้องหยุด... ต้องหยุดสายตาที่จ้องมองเขาราวกับจะกลืนกินเข้าไปทั้งตัวให้เร็วที่สุด ก่อนที่เขาจะมองว่าหล่อนเป็นผู้หญิงร่านร้อน ทั้งๆ ที่แท้จริงแล้ว หล่อนมันก็แค่ผู้หญิงที่ประพฤติตนไม่ต่างจากแม่ชีเลยแม้แต่นิดเดียว
ในที่สุด สายตาของมะลิก็สามารถละจากเรือนร่างของเซรีมได้สำเร็จ หล่อนเป่าลมออกจากปากอย่างโล่งอก ก่อนจะกัดฟันโต้ตอบเขาออกไป
“ฉันเองค่ะ มะลิ กรองอักษร”
ดวงตาที่เต็มไปด้วยความแคลงใจและเหลือเชื่อของเขาปะทะเข้ากับดวงตาของหล่อนโดยบังเอิญ และมันก็ทำให้หล่อนถึงกับตัวสั่นเทิ้ม ช็อกกับปฏิกิริยาทางเพศที่เขาและหล่อนมีต่อกันยิ่งนัก
“เธอเนี่ยนะ?”
น้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความเหลือเชื่อ และดูแคลนของผู้ชายตรงหน้าช่วยขจัดความวุ่นวายใจทางเพศที่เกิดขึ้นภายในกายสาวให้จางหายไปในที่สุด ความกรุ่นโกรธแทรกซึมเข้ามาแทนที่
“แล้วทำไมจะเป็นฉันไม่ได้ล่ะคะ”
หล่อนเห็นเขายิ้มเยาะที่มุมปากเล็กน้อย ตวัดตามองร่างกายของหล่อนอยู่หลายอึดใจ ก่อนที่ริมฝีปากหยักสวยที่อยู่ใต้จมูกโด่งงองุ้มจะเปล่งเสียงออกมา
“ฉันไม่คิดว่าเมียเก็บของน้าคาริสจะ... มอมแมมแบบนี้”
“เมียเก็บ?” หล่อนทวนคำพูดของเขาด้วยความตกใจ แปลกใจ และไม่พอใจ
“หรือว่าฉันเข้าใจผิดล่ะ”
มือเล็กที่กำด้ามไม้กวาดเอาไว้บีบแน่นขึ้น กลีบปากอิ่มเม้มเป็นเส้นตรง และมองเขาด้วยสายตากรุ่นโกรธ
“เห็นไหมว่าเธอปฏิเสธความจริงไม่ได้ ดังนั้นสิ่งที่ฉันเข้าใจก็คือความถูกต้อง”
เซรีมยอมรับกับตัวเองอย่างน่าสะอิดสะเอียนว่าเขาเสียดาย... ใช่ เขาเสียดายเหลือเกิน ที่ผู้หญิงหุ่นน่าฟัดตรงหน้าไม่ได้เป็นแค่สาวใช้ หรือแม่บ้านทำความสะอาดอย่างที่เขาเข้าใจตั้งแต่แรก แต่ความเป็นจริงแล้ว หล่อนคือเมียเก็บ... ใช่ เมียเก็บของน้าคาริส ผู้หญิงที่เขาต้องเก็บไม้เก็บมือให้ห่างไกลจากหล่อนที่สุด
เจ้าชายหนุ่มบิดปากเล็กน้อยด้วยความเกลียดชังตัวเอง เมื่อความจริงที่ได้รับรู้ กลับไม่ได้ทำให้ความต้องการที่มีต่อตัวของผู้หญิงตรงหน้าลดน้อยลงเลย เขายัง... ยังต้องการจะจับหล่อนขึ้นเตียง ยังต้องการจะสอดใส่เข้าไปในร่างของหล่อน ยังต้องการจะฟังเสียงครางของหล่อน ยามที่หล่อนนอนดิ้นเร่าๆ อยู่ใต้เรือนร่างเปลือยของเขา
ระยำ!
เซรีมสบถในอกด้วยความเดือดดาล เขาเกลียดที่ตัวเองคิดบ้าบอแบบนี้กับผู้หญิงไร้ราคาตรงหน้า
“ฉันคือ... เจ้าชายเซรีม บิน คาลดุน อัล อัลลาห์ แห่งราชวงศ์ซาเรีย และน้าคาริสก็เป็นน้องชายของคุณแม่ของฉันเอง”
คิ้วโก่งสวยดุจคันศรเลิกสูง ดวงตากลมโตหวานซึ้งเบิกกว้างด้วยความเหลือเชื่อ
“เจ้า... เจ้าชาย...? คุณ... คือเจ้าชายเหรอคะ”
“ใช่” เซรีมยกมือขึ้นกอดอกด้วยท่าทางยโสโอหัง “แล้วที่ฉันเดินทางมาที่นี่ ก็เพราะฉันจะมารับฮัสซันกลับนครซาเรีย”
ความรู้สึกร้อนฉ่าที่เกิดจากปฏิกิริยาทางเพศระหว่างตัวเองกับเจ้าชายทะเลทรายตรงหน้าค่อยๆ จางหายไป เมื่อความจริงจากปากของเขากำลังทำให้หล่อนตัวเย็นเฉียบ
“ฉัน... ฉันไม่เชื่อหรอกว่าคุณ... เป็นเจ้าชายจากซาเรีย”
ผู้ชายตรงหน้าของหล่อนระบายยิ้ม นัยน์ตาสีทองดุกระด้างมากจนน่าหวาดกลัว
“หน้าตาของฉันไม่เหมือนกับน้าคาริสบ้างเลยอย่างนั้นหรือ ลองมองให้ดีๆ สิ”
มะลิช้อนตาขึ้นกวาดมองผู้ชายแปลกหน้าอีกครั้ง ก่อนจะตอบตัวเองในใจว่าเขาเหมือนกับท่านคาริสผู้เป็นเจ้านายอย่างที่สุด แต่... แต่หล่อนรักฮัสซัน
“ฉันว่า... คุณกลับไปเถอะค่ะ เพราะฉันไม่มีวันยกฮัสซันให้กับคุณอย่างแน่นอน”
เมื่อ คิมหันต์ ชายหนุ่มหล่อ รวย ทายาทคนเดียวของตระกูล ถูกใจ พอฤทัย นักกายภาพบำบัดที่คุณย่าจ้างมา เขาคิดว่าหล่อนง่าย แต่หล่อนกลับไม่ได้เป็นอย่างที่เขาคิดเลย หล่อนสวย แต่ยาก และนั้นก็ยิ่งทำให้เขากระหาย ยิ่งอยากได้หล่อนจนใจจะขาด ++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++ ประตูห้องยังไม่ทันจะปิดสนิท คิมหันต์ก็ดึงคนตัวเล็กเข้ามาประกบปากจูบดูดดื่ม ราวกับว่าถ้ารออีกนิดเดียวเขาจะขาดใจตาย "คุณคิมหันต์ อย่าค่ะ...คุณปวดเอวอยู่ไม่ใช่เหรอ?" หล่อนจับมือที่บีบขยำนมออก แต่เขาก็เอาขึ้นมาบีบใหม่ ก้มหน้าลงกระซิบข้างหู "ปวดก็ต้องซ้ำครับ จะได้หายปวด" พูดจบก็อุ้มร่างบางขึ้นแนบอกทันที พอฤทัยรู้ว่าโดนหลอก ก็โมโหเอาฟันกัดที่หัวไหล่เขาไปทีหนึ่ง แล้วก็รู้ว่าตัวเองทำผิดพลาดครั้งใหญ่ เมื่อได้ยินประโยคที่เขาพูดออกมา "ที่แท้คุณก็ชอบความรุนแรงนี่เอง ได้เลยครับเมียจ๋า...เดี๋ยวผัวจัดให้" เขาเดินก้าวยาว ๆ จนมาถึงเตียง วางร่างบางบนที่นอน จากนั้นก็ถอดเหมือนกระชากชุดของหล่อนออกจากร่าง ตามด้วยเสื้อผ้าของตัวเอง แล้วทาบทับลงไป "เห็นคุณชอบความรุนแรงแบบนี้ แสดงว่าต้องชอบแบบจูบแรกของเราด้วยใช่ไหม?" เขาเคลื่อนหน้าลงมาถาม หล่อนถลึงตาใส่เขา เมื่อนึกถึงจูบรุนแรง ที่มีแต่ความเจ็บตรงหน้าห้องน้ำ "ก็ลองทำอีกสิ คราวนี้ฉันจะกัดลิ้นคุณให้ขาดเลย" เขาได้ยินก็หัวเราะเสียงร่วนออกมา ก่อนจะก้มหน้าลงไปจูบกลีบปากอิ่มอ่อนโยน และเปลี่ยนเป็นร้อนแรงขึ้นในเวลาต่อมา
นนท์ปวิธคือคุณหมอหนุ่มรูปงามและใจดี และมีเพียงแค่เธอคนเดียวเท่านั้นที่ได้เห็นมุมมืดของผู้ชายคนนี้ มุมมืด... ที่เขาสร้างเอาไว้เพื่อทำร้ายเธอเพียงคนเดียว +++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++ "นอนกับฉัน แล้วฉันจะยอมช่วยลูกสาวของเธอ" นี่คือข้อเสนอของนายแพทย์นนท์ปวิธ อริณวัฒน์ ศัลยแพทย์หัวใจชื่อดังของเมืองไทย เขาคือเทพเจ้าแห่งการผ่าตัดหัวใจ เพราะคนไข้ทุกคนที่ผ่านมีดผ่าตัดของเขาจะประสบความสำเร็จทุกราย ทุกคนต่างชื่นชมในฝีมือและความมีน้ำใจของคุณหมอหนุ่มหล่อคนนี้มาก เขาคือเทพบุตร คือเทวดาสำหรับคนไข้และญาติๆ แต่ในมุมมืดของเขามีเพียงแค่หล่อนคนเดียวที่ได้เห็น แน่ล่ะ... เขาสร้างมุมมืดเอาไว้เพื่อทำร้ายหล่อนแค่เพียงคนเดียวเท่านั้น "ตกลงค่ะ" รอยยิ้มหยันเกลื่อนใบหน้าหล่อเหลาของนายแพทย์นนท์ปวิธ ขณะที่เคลื่อนเรือนร่างสูงโปร่งหกฟุตสามนิ้วเข้ามาหยุดใกล้ๆ "งั้นก็คืนนี้เลย" "ตาว... ขอเวลา..." "ลูกสาวของเธอ มีเวลาเหลือเยอะสินะ" "เอ่อ..." "ฉันต้องการเอาเธอคืนนี้..." แล้วเท้าใหญ่ก็ขยับเข้ามาใกล้ขึ้นอีก จนตอนนี้ร่างกายอยู่ห่างกันแค่เพียงฟุตเดียวเท่านั้น กลิ่นหอมเฉพาะตัวของเขาโชยฟุ้งเข้ามาในจมูก ทำให้รจิตราตัวสั่นเทา หล่อนช้อนตาขึ้นมองคนตัวสูง ซึ่งเขาก็ลดสายตามองลงมามองพอดี ดวงตาสองดวงสบประสานกัน โลกทั้งใบหยุดหมุน ความทรงจำเมื่อห้าปีก่อนย้อนกลับเข้ามาราวกับสายน้ำไหลหลาก ความทรงจำที่หล่อนไม่เคยลืม... และใช้มันหล่อเลี้ยงหัวใจมากว่าห้าปี
ในสายตาของทุกคน คชาวุฒิเก่งฉลาด สุภาพเรียบร้อย และสุดเนิร์ด คงมีเพียงแค่เธอคนเดียวเท่านั้น ที่รู้ว่าใต้แว่นตาหนาของเขาซ่อนความร้อนแรงเอาไว้มากแค่ไหน ไม่รู้จะอวยยศให้อาจารย์ฟิสิกส์คนนี้ยังไงดี แต่รับประกันว่าอาจารย์แซ่บมาก แซ่บฉ่ำแฉะ^^ +++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++ "ตรงไหนดี..." หล่อนควรต่อต้านสิ ควรผลักไส เพราะมันไม่ใช่เรื่องที่ควรเกิดขึ้นเลย แต่... แต่ร่างกายของหล่อนมันอ่อนระทวยไม่มีแรงเลย "ตรงไหนดีเด็กน้อย..." เขากระซิบถามเสียงกระเส่า "ถ้าคุณไม่ตอบ ผมจะเลือกเองนะ..." "อาจารย์... หนู... หนู..." ใบหน้านวลแดงระเรื่อ ตอนนี้สมองของหล่อนขาวโพลนไร้ความคิดชั่วคราว รอยยิ้มจากปากหยักสวยของอาจารย์ฟิสิกส์สุดหล่อช่างบาดใจเหลือเกิน เขาค่อยๆ ย่อตัวลง และคุกเข่าลงกับพื้น ขณะที่สายตาช้อนขึ้นมาสบประสานกับหล่อนตลอดเวลา ไฟร้อนๆ ในดวงตาของเขากำลังแผดเผาให้หล่อนมอดไหม้ "อา... จารย์..." นี่เขากำลังจะทำอะไรน่ะ เขาคุกเข่าทำไม
พระเอกเรื่องนี้แรกๆ จะออกแนวปากหมา ใจร้าย ชอบทำนางเอกช้ำใจ แต่หลังจากเห่าหอนเป็นแล้ว ก็จะกลายเป็นหมาโบ้คลั่งรักสุดๆ เลยค่ะ ไรต์นอนยันเลย 555+++ คำเตือน... พระเอกเรื่องนี้โบ้ซ้ำโบ้ซ้อนโบ้ไม่ปรานีใคร 55 ++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++ "คุณ... ภาม... เป็นอะไรคะ..." คำถามของหล่อนตะกุกตะกักจนแทบฟังไม่เป็นคำ "หึ... ยังจะมีหน้ามาถามอีกหรือคาลิสา!" เขายื่นมาบีบคอของหล่อน และนั่นก็ทำให้หล่อนตกใจแทบช็อก "คุณภาม... ครีม... กลัว..." ทำไมเขาทำแบบนี้ ทำไมภาวินทร์ถึงบีบคอหล่อนล่ะ แม้จะไม่ได้บีบแรงนัก แต่ก็ทำให้หล่อนกลัวจนแทบหยุดหายใจ "เธอนี่มันเลี้ยงไม่เชื่อง" "คุณภาม... พูดอะไรคะ ครีมไม่เข้าใจ... อ๊ะ..." นิ้วยาวของเขาบีบเค้นลงกับลำคอขาวผ่องของหล่อนแรงขึ้น จนหล่อนเกือบจะหายใจไม่ออก "ยังจะมีหน้ามาถามอีกเหรอ เธอไปทำอะไรเอาไว้ล่ะ" "ครีม... ครีมเปล่า..." "เลิกตอแหลเถอะ ฉันรู้เรื่องจากน้องอัญหมดแล้ว" "..." "เธอจงใจละเมิดข้อตกลงของเรา" "ครีมเปล่านะคะ คุณอัญเธอรู้อยู่แล้ว... เธอรู้จากคุณภามไม่ใช่เหรอคะ..." หล่อนพยายามจะอธิบายในมุมของตัวเอง แต่ชายหนุ่มไม่ยอมรับฟัง "เธอเดือดร้อน ฉันก็ช่วย ให้ข้าวให้น้ำ ให้เงิน เซ็กซ์ดีๆ ฉันก็ให้ งานก็มีให้ทำ แล้วเธอยังต้องการอะไรจากฉันอีก อยู่เงียบๆ อยู่ในที่ตัวเองไม่ได้หรือไง หื้อ!" "ครีม... ฮืออออ..." "แล้วเธอยังมีหน้าไปโกหกน้องอัญว่าท้องกับฉันอีกเหรอ เธอกล้าดียังไงพูดแบบนั้นออกไป คาลิสา!" หากหล่อนบอกออกไปว่าตัวเองกำลังตั้งท้องลูกของเขาจริงๆ ภาวินทร์ก็คงจะไม่เชื่อ ใช่... เขาไม่มีทางเชื่อหรอก ตอนนี้เขาเชื่อคำพูดของคู่หมั้นคนสวยของเขาคนเดียวเท่านั้น "ตอบมาสิ... เธอท้องลูกของฉันจริงหรือเปล่า" ใบหน้าที่เปียกชุ่มไปด้วยหยาดน้ำตาส่ายไปมา ก่อนจะตอบเสียงสะอื้น "ไม่... ไม่ได้ท้องค่ะ..." "หึ... นึกอยู่แล้วเชียว เธอมันก็แค่ผู้หญิงมารยา ที่ต้องการทำให้ฉันเดือดร้อนเท่านั้นเอง" เขาหยุดบีบคอของหล่อน และผลักร่างของหล่อนออกห่าง แสดงท่าทางรังเกียจออกมา "เราเลิกกันเถอะ"
เรื่องนี้พระเอกเป็นพวกชอบวิ่ง ตอนแรกวิ่งหนี ตอนหลังวิ่งชนจนมดลูกน้องแทบอักเสบ ฝากติดตามเป็นกำลังใจให้ไรต์ด้วยค่ะ เลิฟ เลิฟ ++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++ "พี่วิศ... ทำไมพี่เปลี่ยนไปแบบนี้คะ... อื้อ... อย่าทำแบบนี้สิคะ... " แม้จะพยายามขัดขืน แต่เสียงก็แผ่วเบา และอ่อนแรงเหลือเกิน "แล้วชอบพี่แบบนี้ไหมล่ะครับ... อืมม หอมจัง" ปลายจมูกของเขาซุกไซ้อยู่ที่ลำคอ ในขณะที่ฝ่ามืออบอุ่นลูบไล้ซุกซน "พี่ชอบก้นของเธอจัง นุ่มนิ่มมาก" "พี่วิศ..." "และพี่ก็ชอบเสียงครางของเธอด้วย ฟังแล้วยิ่งมีอารมณ์..." เขาเงยหน้าขึ้นจากลำคอของหล่อนที่ดูดเม้มจนแดงช้ำ ดวงตาสบประสานกัน ก่อนที่ปากหยักสวยจะแนบชิดลงมาหา เขาจูบเบาๆ หนึ่งครั้ง ก่อนจะกระซิบเสียงแปร่งพร่า "ให้พี่เอานะ... พี่หิว..."
เพราะแอบรักจึงยอมทุกอย่าง ยอมแม้กระทั่งเป็นคนในความลับ อยู่เงียบๆ ในเงามืดชั่วนิรันดร์ กฎของเขาก็คือ มีอะไรกัน นอนด้วยกัน สนุกกัน แต่ห้ามบอกใคร ห้ามให้ใครรู้ว่ามีความสัมพันธ์กันแบบไหน ในที่ทำงานเขาคือท่านประธาน และเธอก็คือพนักงานคนหนึ่งในบริษัทเท่านั้น เมื่อเจอกันก็ทักทายกันบ้างแบบเจ้านายกับลูกน้อง ห้ามแสดงท่าทางหรือแสดงความเป็นเจ้าของ ห้ามโพสต์สถานะในโซเชียล แม้จะไปเที่ยวด้วยกัน ไปถึงไหนต่อไหนด้วยกันก็แล้วแต่ห้ามเปิดเผยทั้งนั้น ซึ่งด้วยความรักที่มีต่อเขา ทำให้เธอตกลงยอมเป็น คนในความลับของเขาอย่างเต็มใจ +++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++ "มามี๊ขา..." วชิรวัฒน์มองเด็กหญิงตัวน้อยที่อายุน่าจะไม่ถึงสามขวบวิ่งเข้ามาสวมกอดฟาริดาด้วยความประหลาดใจและตกใจในเวลาเดียวกัน เขามองใบหน้ากลมๆ ของเด็กหญิงคนนั้น สลับกับใบหน้าของฟาริดา ซึ่งก็พบว่าหญิงสาวกำลังหน้าซีดเผือดไร้สีเลือด "นี่มันอะไรกัน น้องฟาง... เด็กคนนี้... เป็น..." เขายังพูดไม่ทันจบ ฟาริดาก็ดันร่างของเด็กหญิงไปไว้ด้านหลัง ก่อนจะตอบเขาด้วยสุ่มเสียงดังฟังชัด "ลูกสาวของฟางเองค่ะ" วชิรวัฒน์ถึงกับอึ้ง เขาหันไปมองสบตากับอภิวัฒน์ ก็พบว่าเลขาฯ หนุ่มก็อึ้งไม่ต่างกัน หลังจากตั้งสติอยู่ชั่ววินาที เขาก็หันกลับมาจ้องหน้าฟาริดาเขม็ง "เด็กคนนี้เป็นลูกของใครครับ" เขาพยายามที่จะถามเสียงสุภาพ ทั้งๆ ที่ภายในในเต็มไปด้วยเพลิงไฟกัลป์ เพราะอย่างนี้เองเหรอ ฟาริดาถึงได้หนีจากเขาไป เพราะหล่อนท้อง... แล้วหล่อนท้องกับใครล่ะ นอกจากเขาแล้ว หล่อนยังแอบมีความสัมพันธ์กับผู้ชายคนอื่นอีกอย่างนั้นเหรอ บ้าชิบ! นี่หล่อนกำลังจะทำให้เขาโมโหจนเป็นบ้าอยู่แล้วนะ! "ลูกของใครก็ช่างเถอะค่ะ แต่ไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับพี่โรมแน่นอน"
อดีตนักฆ่าสาวอันดับหนึ่ง ผู้มีใจคอโหดเหี้ยมได้ทะลุมิติอยู่ในร่างสาวน้อยรูปโฉมอัปลักษณ์ ที่ทุกคนต่างสาปส่งและรังแกสารพัด!
"คุณเข้ามาในห้องของฉันทำไม" "นี่อะไร" ศิวัฒน์ชูเอกสารในมือขึ้น "คุณก็เห็นว่ามันคืออะไร" เธอตอบโดยไม่ใส่ใจมากนัก เพราะเกี่ยวกับเขาถึงยังไงเขาก็ต้องรู้ "หึ" เขาเดินเข้าไปใกล้เธอ "เธอคิดว่าเล่นขายของอยู่หรือไง ที่จะเลิกเล่นตอนไหนก็ได้" "คุณเองไม่ใช่เหรอที่อยากหย่าตั้งแต่แรก ตอนนี้ฉันก็ยอมเซ็นใบหย่าให้คุณแล้วเราไปอำเภอกันพรุ่งนี้เลยฉันเตรียมเอกสารครบแล้ว" "มันสายไปแล้ว" เขาบีบต้นแขนเธอแน่น "อยากเป็นเมียก็จะให้เป็น" "ฉันเจ็บนะคุณไตร" เธอพยายามแกะมือของเขาออก "อยากหย่ากับฉันมากละสิ เสียใจด้วยตอนนี้ฉันไม่อยากหย่าแล้ว" น้ำเสียงของเขาเหมือนคนที่กำลังโกรธ ซึ่งฉัตรนลินทร์ก็ไม่เขาใจว่าทำไมเขาถึงได้โกรธขนาดนี้ ทั้ง ๆ ที่เธอพยายามทำในสิ่งที่เขาต้องการตั้งแต่แรกแล้วแท้ ๆ "คุณจะทำอะไร" ฉัตรนลินทร์ร้องถามพลางเอามือดันอกเขาไว้ เมื่ออยู่ ๆ เขาก็พยายามกอดเธอ ความกลัวเริ่มเข้าครอบงำจิตใจของเธอ "ทำหน้าที่สามีไง จะทำทุกคืนให้คุ้มค่ากับเงินที่แม่ของฉันจ่ายให้เธอ" แม้จะเห็นใบหน้านวลตรงหน้านั้นกำลังซีดเผือดแต่เขาก็ไม่ได้สนใจ "ไม่นะ...ปล่อยฉันลงสิคุณไตร" เธอร้องสุดเสียงเมื่อโดนศิวัฒน์อุ้มขึ้นพาดบ่าแล้วพาไปที่เตียงนอน อึก!! ................................ "เธออยากหย่าขนาดนั้นเลย" "ใช่ค่ะ ไม่หย่าวันนี้วันหน้าก็ต้องหย่าอยู่ดี" ................................. "ถอยไปดิ อย่ามาขวาง" เธอไม่สนใจลูกชาย "อ้อ เอกสารของบริษัททั้งหมดอยู่ในห้องทำงานนะ ฉันยกให้แกหมดเลย" "แม่!!" "ไม่ต้องเรียก ฉันไม่มีลูกโง่อย่างแก" ................................. "เราไม่ใช่เด็ก ๆ กันแล้วนะ เรามาแก้ไขสิ่งที่ผิดพลาดกันเถอะ" เธอหันไปเผชิญหน้ากับศิวัฒน์ "ฉันขอโทษที่ไม่ยอมปฏิเสธแม่ของคุณในวันนั้น ขอโทษที่ไม่ยอมรับข้อเสนอของคุณ ถ้าย้อนเวลากลับไปได้ฉันไม่อยากให้เรารู้จักกันด้วยซ้ำ แต่เมื่อมันย้อนไม่ได้เราก็เดินไปข้างหน้าเพื่อลืมเรื่องราวของกันและกันเถอะ" ....................................
หลินตงหยาง อายุ 27 ปี เติบโตมากับแม่เพียงสองคน ในวัยเด็กหลินตงหยางเคยมีพ่อผู้ให้กำเนิดแต่หลังจากที่พ่อได้งานใหม่ในเมืองหลวงพ่อที่เคยมีก็ไม่มีอีกแล้ว พ่อกลับมาหย่าขาดกับแม่ทันทีที่ไปทำงานในเมืองหลวงได้เพียง 2 เดือน ด้วยให้เหตุผลในการหย่าว่า แม่กับและเขาคือตัวถ่วงความเจริญในชีวิตพ่อ สาเหตุก็ไม่มีอะไรมากแค่พ่อหน้าตาหล่อเหลาและเป็นที่ถูกใจของลูกสาวหัวหน้างาน เพื่อตำแหน่งงานและความเป็นอยู่ที่สบายขึ้น พ่อเลือกที่จะทิ้งภรรยาคู่ทุกข์คู่ยากที่ผ่านเรื่องยากลำบากมาด้วยกัน หย่าขาดกับภรรยาเพื่อไปแต่งงานใหม่ มีชีวิตใหม่ในเมืองหลวง โดยทิ้งคนข้างหลัง ทิ้งภรรยาที่เคยสาบานว่าจะอยู่ครองคู่กันตลอดไป ในปีที่เขาเรียนจบมหาวิทยาลัย แม่ก็ล้มป่วยและจากเขาไปในที่สุด สาเหตุที่หลินตงหยางเสียชีวิต เพราะทำงานหนัก อาชีพโปรแกรมเมอร์ตัวเล็กๆ อย่างเขา ต้องพยายามทำงานให้ได้ตามที่หัวหน้าสั่งมา ในที่สุดเขาก็พัฒนาเกมกำลังภายในของบริษัทได้สำเร็จ หลินตงหยางนอนหลับไปด้วยความสบายใจ แต่ทว่าพอเขาลืมตาตื่นขึ้นมาอีกที นี่ไม่ใช่คอนโดหรูย่านใจกลางเมืองปักกิ่ง หลังคามุงหญ้านี่คืออะไร มันควรจะเป็นเพดานสีขาวสิ เมื่อมองไปรอบๆ ห้องนี่คืออะไร นี่มันไม่ใช่ผนังที่ทำมาจากคอนกรีต มันคือดินเหนียว หลินตงหยางคิดว่าตัวเองฝันไป เขาหลับตาลงอีกครั้งแล้วลืมตาขึ้น ทุกอย่างยังเหมือนเดิม มารดามันเถอะ เขามาอยู่ที่นี่ได้ยังไง หลังจากแน่ใจแล้วว่าไมไ่ด้ฝัน ตอนนั้นเองเขารู้สึกปวดหัวขึ้นมาอย่างรุนแรง และในหัวของเขามีภาพเหตุการณ์ของเด็กชายที่ชื่อเดียวกับเขา หลินตงหยาง อายุ 10 ขวบ เรื่องราวชีวิตตั้งแต่เกิดจนตายไปของเด็กชาย ทำเอาหลินตงหยางกำมือแน่น ก่อนจะสบถออกมา “พ่อสารเลว เฉินซื่อเหม่ยชัดๆ” และตามมาด้วยเสียงร้องไห้ของน้องสาว สาเหตุที่เด็กชายหลินตงหยางเสียชีวิต เพราะถูกผู้ที่ได้ขึ้นชื่อว่าเป็นย่าแย่งผักป่าและทุบตี ทั้งๆ ที่คนพวกนั้นได้ตัดขาดพับพวกเขาสามแม่ลูกแล้ว แต่ยังมิวายข่มเหงรังแก
หลังจากแต่งงานได้ 2 ปี ในที่สุดเจียงเนี่ยนอันก็ตั้งครรภ์สักที ความดีอกดีใจของเธอแต่กลับแลกกับคำขอหย่าของสามี หลังจากการสมคบคิด เธอนอนในกองเลือด และต้องการขอร้องเขาให้ช่วยเด็กเอาไว้ แต่กลับไม่สามารถติดต่อกับอีกฝ่ายได้ ด้วยความสิ้นหวังเธอจึงออกจากประเทศไป ต่อมาในงานแต่งงานของเจียงเหนียนอัน คุณกู้เสียการควบคุมและคุกเข่าลง ดวงตาของเขาแดงก่ำ "มีลูกของฉัน แล้วเธออยากจะแต่งงานกับใครกัน?"
หากความรักของเราเปรียบเหมือนแก้วใบหนึ่ง แก้วใบนี้คงร้าวจนใกล้แตกเต็มที อีกฝ่ายต้องการประคองรักนี้ไว้อย่างอดทน แต่อีกคนกลับทำลายจนหัวใจของเธอย่อยยับแหลกลาน ความอดทนของคนเรามีวันที่สิ้นสุดน่ะ “หย่า” คงเป็นทางออกที่ดีที่สุด ถ้าอย่างนั้นก็เชิญเขาไปในที่ชอบ ๆ ทางใครทางมัน แต่เมื่อเวลาพัดผ่าน ด้วยเหตุผลของกามเทพ ทั้งคู่ได้กลับมาเจอกันอีกครั้ง และเมื่อได้พบหน้าเธอ เขาขอแก้ตัว และบอกเธอว่า เขายังรักเธอ ทว่าในวันที่เธอเดินจากไป เธอมีลูกน้อยติดท้องมาด้วย และปัญหาของคนเป็นแม่ เจ้าเด็กน้อยหนูอยากจะมีพ่อครับ แล้วเธอควรทำอย่างไรต่อไป ++++++++++ คำโปรย เมื่อเข้าไปถึง และเห็นภาพตรงหน้า ปริญเขาไม่ได้อยู่คนเดียว ในอ้อมกอดและวงแขนของเขา มีร่างผู้หญิงคนหนึ่ง และสิ่งที่ทำให้หัวใจของทอดาวสลาย ทั้งสองคนกำลังจูบกัน เพล้ง... ข้าวของในมือร่วงลงไป พร้อมกับร่างของทอดาวที่แทบทรุด เธอเซไปจนปะทะกับฝาบ้าน คนสองคนที่กำลังจูบกันอยู่รีบผละออกจากกันแล้วหันมามอง ทอดาวแทบไม่อยากจะเชื่อสายตาตัวเองด้วยซ้ำไป เธอไม่เคยคิดเลยว่าปริญเขาจะทำแบบนี้กับเธอ ทำอะไรที่แสนทุเรศในบ้านที่เป็นเรือนหอของเธอกับเขา ทอดาวน้ำตาคลอ เธอพยายามประคองสติโดยใช้ฝาผนังเป็นที่พึ่ง ‘แล้วลูกของเราล่ะ และนี่คืออะไร มันหมายความว่ายังไง ทำไมเขาทำแบบนี้กับฉัน’ ความคิดอันแรก ครอบครัวของเธอต้องแตกแยกแล้ว พร้อมกับคำถามเกิดขึ้นมามากมายในหัวของทอดาว เธอหน้าถอดสีซีดจางจนไม่มีสีเลือด สิ่งที่น่าเจ็บปวด เมื่อผู้หญิงคนนั้นเห็นเธอที่เป็นภรรยาของปริญแล้วจะกระดากอายถอยห่างจากสามีของชาวบ้าน แต่ไม่เลย สองมือของหล่อนคนนั้นยังสอดรัดเอาลำตัวและหน้าอกของตัวเองเบียดไปกับผิวแขนของปริญ
"คุณต้องการเจ้าสาว ส่วนฉันก็ต้องการเจ้าบ่าว ทำไมเราไม่แต่งงานกันล่ะ?" ภายใต้เสียงเยาะเย้ยของทุกคน ถังเลี่ยน ซึ่งถูกคู่หมั้นของเธอทอดทิ้งในพิธีแต่งงาน กลับแต่งงานกับเจ้าบ่าวพิการข้างบ้านที่ถูกรังเกียจ ถังเลี่ยนคิดว่าอวิ๋นเซินเป็นชายหนุ่มที่น่าสงสาร และเธอสาบานว่าจะให้ความรักใคร่แก่เขาและตามใจเขาหลังแต่งงาน ใครจะรู้ว่าเขาแกล้งเป็นแบบนั้น... ก่อนแต่งงาน อวิ๋นเซินว่า "เธอต้องสนใจเงินของผมถึงยอมแต่งงานกับผม ผมจะหย่ากับเธอหลังจากที่ผมใช้ประโยชน์เธอเสร็จ" หลังแต่งงาน อวิ๋นเซินว่า "ภรรยาของผมต้องการหย่าทุกวัน แต่ผมไม่อยากหย่า ทำอย่างไรดีล่ะ"