เมื่อรักแท้ ต้องพ่ายแพ้ให้ความดูมๆ ทำให้สาวคัพเล็ก คิดจะเสริมอึ๋ม! แต่ทว่า...ความอึ๋มที่ต้องการในครั้งนี้ อาจต้องเลือกระหว่าง ซิลิโคน หรือจากการสัมผัส! --------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------- “ผมขออนุญาตครับ” เสียงทุ้มเอ่ยบอก ก่อนจะค่อยๆ ยื่นมือมาเปิดสาบเสื้อสีชมพูตัวที่วันเมษาสวมอยู่ให้แยกห่างออกจากกันช้าๆ การกระทำของธาวินส่งผลทำให้เธอหลับตาปี๋ กำหมัดแน่น ใจเต้นโครมคราม โครมคราม นับหนึ่งให้ถึงร้อย ความใกล้ที่เกิดขึ้น ทำให้วันเมษาได้กลิ่นโคโลญจ์ลอยมาจากตัวชายหนุ่ม นั่นยิ่งทำให้เธอใจคอไม่ดีเข้าไปอีก พ่อแก้วแม่แก้ว ช่วยลูกด้วย ตอนนี้ช่องว่างของสาบเสื้อค่อยๆ แยกห่างออกจากกันมากขึ้น เผยให้เห็นเนินอกที่วันเมษาหวงแหน เธอไม่รู้ตัวเลยว่าตอนนี้สาบเสื้อได้หลุดพ้นจากหัวไหล่ไปแล้ว แม้ก่อนหน้านี้จะเกิดเหตุให้ต้องโชว์หน้าอกต่อหน้าใครๆ ซึ่งหนึ่งในนั้นคงมีธาวินรวมอยู่ด้วย แต่นั่นมันคืออุบัติเหตุ ชีวิตจริงใครจะมาเปิดอกให้คนอื่นดูอยู่แบบนี้ “เพื่อความดูมๆ อดทนไว้ยัยษา อดทนไว้ ไม่เขินๆ โอ๊ย! จะเป็นลมแล้ว” วันเมษาได้แต่เอ่ยประโยคนี้อยู่ในใจ แต่ยิ่งคิดทั้งหน้าและตัวเธอก็แดงซ่านไปหมด เธอมาอยู่ในจุดๆ นี้ได้ไง จุดที่ให้ผู้ชายมาจับหน้าอกแบบนี้ งื้อ! หมอธาวินยังคงนิ่ง ไม่ได้แสดงปฏิกิริยาใดๆ ออกมา แต่ก็ใช่ว่าใจของหมอหนุ่มจะไม่เต้นแรง เพราะปฏิกิริยาร่างกายของวันเมษากำลังตื่นตัว ผิวขาวลออตาของเธอเปลี่ยนเป็นสีชมพูระเรื่อ คงเพราะความเขินอายที่มี ซึ่งด้วยหน้าที่การงานที่ทำอยู่ทุกวันนี้ เขาน่าจะเคยชิน จนแทบไม่รู้สึกอะไรกับการสัมผัสหน้าอกของลูกค้าที่มาใช้บริการ แต่ครั้งนี้กลับต่างออกไป ทำไมมือเขาถึงได้สั่น ตาทั้งสองข้างก็แทบไม่ได้ละไปจากหน้าอกคู่สวยของวันเมษาได้เลย “หมอคะ สะ…เสร็จหรือยังคะ” น้ำเสียงตะกุกตะกักเอ่ยถาม ขณะถามนั้นเจ้าตัวก็ห่อไหล่ไปด้วย ขืนเขายังตรวจเนื้อนมเธอต่อ มีหวังเธอได้เป็นลมล้มพับไปแน่ๆ น้ำเสียงของวันเมษา ช่วยดึงสติที่เตลิดไปไกลออย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อนของหมอธาวินให้ กลับมา ชายหนุ่มสูดอากาศเข้าปอดลึกๆ ดีที่ตอนนี้วันเมษาหลับตาอยู่ ไม่อย่างนั้นเธอคงได้เห็นว่าเขามีบางอย่างที่ไม่เหมือนเดิม “ยังครับ” เพราะต้องตรวจให้ละเอียดและต้องยิ่งละเอียดเมื่อเธอคือวันเมษา --------------------------------------------------------------------------------------------------------------------- “สรุปหมอธาวินว่าไงบ้าง” นี่คือประโยคแรกที่ปลายสายเอ่ยทักเมื่อวันเมษารับสาย “ก็ไม่เห็นว่าไงนิแก” “ไม่เห็นว่าไง ยังไง ฉันงง” “ก็เมื่อวานเขาขอตรวจเนื้อนมฉันเพื่อจะได้กะเรื่องขนาดของซิลิโคลน” ได้ยินคำว่าตรวจเนื้อนม เก๋ไก๋ก็แทบไม่สนเรื่องอื่น “กรี๊ดดดด” เสียงกรี๊ดของเก๋ไก๋ทำเอาคนฟังหูอื้อขึ้นมาทันที นี่แค่ได้ยินว่าตรวจเนื้อนม ถ้ารู้ว่าธาวินทำอะไรที่มากกว่าตรวจตามแบบที่ควรจะเป็น เก๋ไก๋ไม่กรี๊ดจนได้ยินไปถึงดาวอังคารเลยหรือไง “แกจะกรี๊ดทำไม ฉันแสบหู” “ไม่ให้กรี๊ดได้ไง หมอวินตรวจเนื้อนมแก งั้นก็แสดงว่าหมอจับนมแกแล้วนะดิยัยษา” คำแซวของเก๋ไก๋ทำเอาวันเมษาที่ตอนนี้กำลังปั่นจักรยานไปด้วยคุยโทรศัพท์ไปด้วยนั้นแทบจะล้ม ก่อนจะรีบปั่นให้ถึงหน้าบ้าน ซึ่งอยู่ไม่ไกลนัก “เออ” “แล้วแกรู้สึกไงบ้าง ใจแบบว่าเต้นแรงเป็นกลองพลยามออกรบเลยม่ะ” “ก็ทำนองนั้น” ขณะตอบก็เอาเท้าสองข้างแตะพื้นหน้าบ้านไว้ เพราะดูท่าเก๋ไก๋จะยังไม่หยุดถามง่ายๆ แน่ “อายมากไหมแก” “อายสิ…แล้วนี่แกจะซักอะไรเรื่องนี้ หา” เรื่องหมอธาวินตรวจเนื้อนมว่าอายแล้ว เจอคำแซวของเก๋ไก๋เข้าไป วันเมษารู้สึกจะอายมากกว่า “ก็ฉันอยากรู้นี่ย่ะ ว่านมน้อยๆ ของแก จะตื่นมือหมอวินไหม ฮ่า ฮ่า” เก๋ไก๋หัวเราะออกมาเสียงดัง วันเมษาหมั่นไส้ ถ้าอยู่ใกล้เธอจะตีให้ตัวเขียวเชียว โทษฐานที่แซวกันอยู่ได้
ตึก ตัก
ตึกๆ ตักๆ
ตึกๆๆ ตักๆๆๆ!!!
เสียงเต้นของหัวใจที่ดังถี่กระชั้นขึ้นเรื่อยๆ ส่งผลให้เจ้าของหัวใจที่ตอนนี้อยู่ในชุดเดรสยีนส์คอปกแบบแขนกุด เพิ่มความหวานของชุดด้วยการตัดต่อผ้าชีฟองสีขาวเป็นกระโปรง มีเข็มขัดเล็กๆ คาดตรงเอวที่หัวเข็มขัดออกแบบคล้ายกับกระดุมหน้าของตัวเสื้อ ส่งให้คนสวมใส่ยิ่งดูเอวบางขึ้นไปอีก
แต่เพราะอุณหภูมิในร้านอาหารที่เย็นฉ่ำจากเครื่องปรับอากาศหรือเพราะจากชายหนุ่มที่นั่งหล่ออยู่ตรงหน้ากันแน่ ถึงทำให้เธอเริ่มจะนั่งไม่ติดที่ มือที่กุมกันอยู่ตอนนี้เย็นเฉียบ คอเริ่มแห้งแต่ก็ไม่กล้าที่จะเอื้อมมือไปหยิบแก้วน้ำขึ้นมาจิบดับกระหาย
“หนาวหรือครับน้องษา” เสียงทุ้มน่าฟังของชายที่เอ่ยเรียกชื่อเล่นของวันเมษา ดังขึ้น เจ้าของชื่อจึงเงยหน้าขึ้นจากโต๊ะที่เอาแต่มอง เพื่อสบตาเขาอย่างกล้าๆ กลัวๆ แม้จะมีแว่นสายตาของชายหนุ่มเป็นเกราะกำบังอีกชั้นก็ตามที
“นิดหน่อยน่ะค่ะ” ได้ยินเช่นนี้ ปรวีณ์ จึงลุกขึ้นจากเก้าอี้ตัวที่นั่งอยู่ ก่อนจะถอดเสื้อสูทออกมาคลุมไหล่มนของวันเมษาอย่างอ่อนโยน การกระทำของเขายิ่งทำให้หัวใจเธอเต้นไม่เป็นจังหวะมากยิ่งขึ้นไปอีก
ก่อนที่วันเมษาจะมองใบหน้าของปรวีณ์ด้วยสายตาของความชื่นชม เขาคือชายหนุ่มในอุดมคติของเธอ เป็นชายในฝัน เป็นชายในสเปคก็ว่าได้ ปรวีณ์มีโครงหน้าที่หล่อเหลา แม้เขาจะสวมแว่นก็เป็นหนุ่มแว่นที่ดูดีกว่าใคร เรื่องหุ่นก็ไม่ต้องพูดถึง เพราะเขาสูงตั้งร้อยแปดสิบ กล้ามเป็นกล้าม แถมยังเป็นรุ่นพี่ที่มหาวิทยาลัยของเธออีกด้วย ผู้ชายอะไรเพอร์เฟกต์
วันเมษายอมรับ ว่าได้ตกหลุมรักชายหนุ่มมาหลายปี กระทั่งเรียนจบก็ยื่นใบสมัครเข้าทำงานที่เดียวกับรุ่นพี่ที่แอบชอบ แทนที่จะเข้าไปช่วยพี่ชายบริหารงานของครอบครัวที่เป็นถึงเจ้าของโรงแรมใหญ่ในเชียงใหม่ วันแรกที่รู้ว่าตัวเองได้รับเลือกให้เข้าทำงาน เธอกรี๊ดบ้านแทบแตกมาแล้ว
ปรวีณ์เป็นช่างภาพฝีมือดีของบริษัท ลักษณะสุขุม ไม่มีข่าวคาวเรื่องชู้สาว แม้งานที่ทำนั้นจะเกี่ยวข้องกับสาวๆ มากมายก็ตาม ส่วนเธอก็เป็นแค่พนักงานฝ่ายการตลาดธรรมดาๆ คนหนึ่งเท่านั้น หน้าที่การงานว่าธรรมดาแล้ว หน้าตาเธอก็ยิ่งธรรมดา มองยังไงก็ไม่ได้สวย หุ่นก็ไม่ได้ดีเลิศแถมยังเอนเอียงไปทางเตี้ยอีกต่างหาก เพราะเธอนั้นสูงแค่ร้อยหกสิบห้าเท่านั้นเอง
แถมที่หนักใจไม่แพ้ส่วนสูงหรือความสวยที่ได้มาน้อยนิดไปหน่อย ก็คงหนีไม่พ้นเรื่องหน้าอกที่ไซส์มินิเหมือนเด็กมัธยมต้น ตั้งแต่โตเป็นสาวเธอไม่เคยเปลี่ยนไซส์ชุดชั้นในเลย คัพเอยังไงจนถึงตอนนี้อายุปาเข้าไปสามสิบกว่าก็ยังคงอยู่ที่คัพเออย่างนั้น (คนเกือบสวยเศร้าหนัก ยกหลังมือปาดน้ำตาเบาๆ)
แต่เพราะไม่อาจทนเก็บซ่อนความรู้สึกไว้ได้อีก เมื่อเดือนก่อน สาวคัพเออย่างเธอจึงรวบรวมความกล้าที่มีทั้งหมด ไล่ขึ้นมาตั้งแต่ตาตุ่มถึงศีรษะ แล้วเดินแบบมึนๆ เข้าไปสารภาพรักกับปรวีณ์ ลึกๆ ก็เผื่อใจหากตัวเธอต้องกินแห้ว เพราะรู้ว่าเธอคงไม่ใช่สเปคของชายหนุ่ม แต่…สวรรค์ก็เมตตาสงสาร
เพราะชายในฝันกลับตอบรับรักและตกลงที่จะลองคบหากับเธอดูเสียนี่ วันเมษาจำประโยคของปรวีณ์ได้อย่างแม่นยำ
‘ครับ…เราจะลองคบกันดู’ ประโยคนี้ทำเอาเธอนอนไม่หลับทั้งคืนก็ว่าได้ รู้สึกว่าตัวมันจะเบาๆ อิ่มทิพย์ไปเสียหลายวัน
เมื่อตกลงคบหากันแล้ว การเดตก็มาถึง วันเมษาดูเก้ๆ กังๆ ยามที่อยู่กับปรวีณ์ จากที่เป็นคนมั่นใจก็ดูจะเสียศูนย์ไปบ้าง ถัดจากเดตก็มาถึงการดินเนอร์ ซึ่งนี่คือครั้งแรกของเธอกับปรวีณ์
ตั้งแต่มาถึงชายหนุ่มคอยเทคแคร์เธอเป็นอย่างดี สั่งอาหารหน้าตาน่าทานที่กำลังนำมาเสิร์ฟในขณะนี้ให้
“ทานเยอะๆ นะครับ” เมื่อเห็นว่าพนักงานวางจานอาหารลงบนโต๊ะเรียบร้อยแล้ว เสียงทุ้มที่แสนจะน่าฟังสำหรับวันเมษาเอ่ยบอก แต่ภายใต้ความน่าฟังก็แฝงความอึดอัดอยู่ในที บ่อยครั้งที่ปรวีณ์ลอบมองใบหน้าของคู่เดต แต่พอเธอหันมา เขาก็เปลี่ยนไปมองมุมอื่น
เขานั้นเป็นผู้ชายประเภทที่ไม่ชอบการจีบผู้หญิงก่อนเสียด้วย หากผู้หญิงคนไหนต้องการที่จะคบเขา เธอต้องเป็นฝ่ายเดินมาสารภาพรักก่อนเท่านั้น บวกกับความเหงาที่เกาะกุมหัวใจ ในวันที่วันเมษาเดินเข้ามาสารภาพรัก ปรวีณ์จึงตอบตกลงที่จะลองคบหากับเธอดู
“ค่ะ” ส่วนคนฟังก็เอ่ยรับเพียงแค่สั้นๆ เท่านั้น อาการประหม่าทำให้เธอแทบจะทำอะไรไม่ถูกด้วยซ้ำ จากวันที่สารภาพรักไปจนถึงวันนี้ นับๆ ดูแล้วเธอก็คบหากับปรวีณ์มาได้หนึ่งเดือนพอดี วันเวลาของความสุขช่างผ่านไปรวดเร็วจนเธอใจหาย
“อาหารอร่อยไหมครับ” เมื่อทานอาหารใกล้จะอิ่ม ปรวีณ์ก็เอ่ยขึ้น
“อร่อยค่ะ” วันเมษายิ้มรับ แค่การมาดินเนอร์กับหนุ่มที่ชอบ เธอก็อิ่มจนจุก แทบไม่ต้องกินอะไรก็ยังได้ ความรักมันช่างสวยงามอะไรอย่างนี้ โลกเป็นสีชมพูจนหลายคนอิจฉา
“ดีแล้วที่ชอบ เพราะทีแรกพี่ก็คิดอยู่นานเหมือนกันว่าจะพาษาไปกินข้าวที่ไหนดี”
“ขอบคุณนะคะที่พาษามาที่นี่”
“ไม่เป็นไรจ้ะ” ปรวีณ์เอ่ยรับ ก่อนที่สายตาจะมองเลยไปยังโต๊ะตรงข้าม ที่มีสาวสวย หุ่นเซ็กซี่มาก สวมชุดเดรสสั้นสีแดงแนบเนื้อ โชว์หน้าอกดูมๆ คนหนึ่งนั่งอยู่ ทั้งสองสบตากัน ก่อนที่ชายหนุ่มจะเอ่ยขึ้น
“เอ่อ…ษา”
“คะ”
“เรากลับไปเป็นพี่น้องกันเหมือนเดิมดีกว่าไหม”ประโยคที่ได้ยิน ทำเอาช้อนที่อยู่ในมือของวันเมษาแทบจะร่วงก็ว่าได้ สีหน้าเธอดูงุนงงเป็นอย่างมากที่ได้ยินแบบนี้ น้ำตาถึงกับคลอเบ้า
“เอ๊ะ! พี่วีอย่าล้อเล่นแบบนี้สิคะ ษาตกใจหมด” วันเมษาพยายามยิ้มและหัวเราะ ทั้งๆ ที่ตอนนี้สีหน้าของปรวีณ์ไม่ได้แสดงออกว่ากำลังล้อเล่นแต่อย่างใด
“พี่พูดจริงๆ พี่ว่าเราคงไปด้วยกันไม่ได้หรอก สู้กลับไปเป็นเหมือนก่อนน่าจะดีกว่า”
“ทำไมพี่วีถึงคิดแบบนั้นละคะ ทั้งๆ ที่เราพึ่งจะคบกัน ทำไมถึงคิดว่าเราจะไปกันไม่ได้”
“เพราะษาไม่ใช่สเปคพี่” คำตอบของปรวีณ์ทำเอาคนฟังแทบหงาย ก่อนจะทวนประโยคที่ได้ยินด้วยเสียงสั่นนิดๆ
“ไม่ใช่สเปค”
“ใช่…พี่ขอโทษนะ พี่คงทำให้ษาผิดหวังมาก”
“ถ้าไม่ใช่สเปค แล้ววันนั้นพี่วีณ์ตอบตกลงที่จะคบกับษาทำไมคะ” เพราะเสียใจ ผิดหวัง ทำให้น้ำเสียงของวันเมษานั้นฟังดูห้วนขึ้น สีหน้านิ่งๆ ของเธอที่มองมายังปรวีณ์ก็ทำเอาชายหนุ่มอึกอัก
“เอ่อ…คือพี่”
“ษาขอตัวเข้าห้องน้ำก่อนนะคะ” พูดจบก็ลุกพรวดออกไปทันที ก่อนจะเดินจ้ำอ้าวไปยังห้องน้ำ ปล่อยให้ปรวีณ์มองตามหลัง ก่อนจะถอนหายใจออกมาหนักๆ
“ไม่ใช่สเปค ไม่ใช่สเปค” วันเมษาเอ่ยทวนประโยคนี้ซ้ำแล้วซ้ำเล่าอยู่หน้าห้องน้ำ เธอรู้สึกเสียใจจนอยากร้องไห้ แต่น่าแปลกที่น้ำตากลับไม่มีสักหยด เสียงพึมพำของเธอทำให้ชายหนุ่มที่พึ่งจะเดินออกมาจากห้องน้ำชายต้องหันมามอง ก่อนจะอมยิ้มเมื่อได้เห็นเธอ เพราะรู้สึกชอบสไตล์การแต่งตัว
“พูดออกมาได้ยังไงว่าเราไม่ใช่สเปค หึ๋ย” คนพึ่งอกหักหมาดๆ ยืนกำหมัดแน่น ความรู้สึกตอนนี้มันโหวงๆ ในอกบอกไม่ถูก ใจมันก็หวิวๆ ชอบกล ความรู้สึกแบบนี้หรือที่เขาเรียกว่าอกหัก คิดแล้วก็คอตก
จังหวะที่จะเดินเข้าห้องน้ำก็มีคนมาขวาง เธอเบี่ยงไปทางซ้ายเขาก็ตามมา เธอเลี่ยงออกทางขวาเขาก็ยังคงตามมาอีก ความที่เธอเอาแต่ก้มหน้ามองพื้น จึงเห็นเพียงชุดที่เขาสวม อันดับแรกที่เห็นคือกางเกงยีนส์ รองเท้าหนัง ส่วนเสื้อเป็นเสื้อเชิ้ตสีขาวพับแขนระดับศอก แต่เขาคงจะตัวสูงมาก เพราะตอนนี้ใบหน้าของวันเมษาอยู่ตรงหน้าอกเขาเท่านั้นเอง
ภูตะวัน นายหัวแห่งอาณาจักรยางพาราทางปักษ์ใต้ที่จู่ๆ ก็ถูกมารดาเข้าใจผิดคิดว่าเป็นเกย์ ถึงขนาดไหว้วานลูกน้องของชายหนุ่มให้ตามสืบข่าวแต่ก็ถูกจับได้เสมอๆ เมื่อคนใกล้ตัวถูกจับได้จึงต้องส่งคนไกลตัวเข้าไปทำหน้าที่แทน นั่นจึงทำให้ภูตะวันได้พบกับสาวน้อยที่ชื่อว่านับพันดาว หญิงสาวตัวเล็กผมประบ่าแววตาซุกซนและอยากรู้อยากเห็น ที่จู่ๆ ก็ทำให้หัวใจของนายหัวหนุ่มเต้นด้วยจังหวะแปลกๆ เธอมาเพื่อจับผิดเขา แต่ไปๆ มาๆ กลับเป็นมีใจให้กันอย่างไม่รู้ตัว เพราะมีใจจึงปกป้องได้แม้กระทั่งชีวิต "จูบของนับพอจะทำให้พี่ลืมจูบคุณไมค์ได้ไหมคะ" น้ำเสียงกระเส่าเอ่ยถาม "เหมือนจะยังไม่ได้" คนเจ้าเล่ห์ยิ้มตอบแล้วจูบปากอิ่มอย่างดุดันอีกครั้ง เรียวลิ้นของทั้งคู่ตะหวัดหยอกเย้าสลับดูดเม้มอย่างเป็นจังหวะ ทุกอย่างเกิดขึ้นเนิ่นนานก่อนที่ภูตะวันจะถอนจูบออกอย่างอ้อยอิ่ง ทั้งคู่สบตากันและกันและนั่นก็คือคำตอบโดยไม่จำเป็นต้องเอ่ยอะไร "นับดีใจจังที่ได้รักพี่" นับพันดาวเอ่ยรับพร้อมกับซุกตัวเข้าหาภูตะวันมากขึ้น ชายหนุ่มปัดปอยผมที่ชื้นด้วยเหงื่อออกจากหน้าผากเธอแล้วจุมพิตหนักๆ อย่างเอาใจ แต่ดูเหมือนเขาจะไม่หยุดแค่นั้น "อย่ารุ่มร่ามนะคะ พอแล้ว" นับพันดาวตีมือที่เริ่มซุกซนของภูตะวันเบาๆ นอกจากบ้ากามแล้วเขายังบ้าพลังอีกด้วย เธอยังไม่ทันหายเหนื่อยเขาก็จะเริ่มใหม่อีกแล้ว "ยังไม่พอ" เขาว่าอย่างติดตลกพลอยทำให้คนฟังค้อน เขาสูบพลังไปจากเธอจนหมดยังจะบอกว่าไม่พออีกหรือไง สำหรับภูตะวันแล้วเซ็กซ์แต่ล่ะวันแต่ล่ะคืนไม่เคยมีคำว่าครั้งเดียว "คนบ้ากาม" คำพูดของนับพันดาวทำให้คนฟังหัวเราะออกมาอย่างชอบใจ "มีเมียน่ารักแบบนี้ใครที่ไหนจะอดใจไหว" เพราะเขินอายทำให้นับพันดาวทุบแผงอกของภูตะวันไปแรงๆ ก่อนที่เขาจะทำให้เธอครางกระเส่าออกมาอีกครั้ง ซึ่งนับพันดาวก็ไม่ได้คัดค้านแต่อย่างใด จูบที่อ่อนหวานกลายเป็นเร่าร้อนดุดันชนิดที่ไม่มีใครยอมใคร
ภูตะวัน นายหัวแห่งอาณาจักรยางพาราทางปักษ์ใต้ที่จู่ๆ ก็ถูกมารดาเข้าใจผิดคิดว่าเป็นเกย์ ถึงขนาดไหว้วานลูกน้องของชายหนุ่มให้ตามสืบข่าวแต่ก็ถูกจับได้เสมอๆ เมื่อคนใกล้ตัวถูกจับได้จึงต้องส่งคนไกลตัวเข้าไปทำหน้าที่แทน นั่นจึงทำให้ภูตะวันได้พบกับสาวน้อยที่ชื่อว่านับพันดาว หญิงสาวตัวเล็กผมประบ่าแววตาซุกซนและอยากรู้อยากเห็น ที่จู่ๆ ก็ทำให้หัวใจของนายหัวหนุ่มเต้นด้วยจังหวะแปลกๆ เธอมาเพื่อจับผิดเขา แต่ไปๆ มาๆ กลับเป็นมีใจให้กันอย่างไม่รู้ตัว เพราะมีใจจึงปกป้องได้แม้กระทั่งชีวิต "จูบของนับพอจะทำให้พี่ลืมจูบคุณไมค์ได้ไหมคะ" น้ำเสียงกระเส่าเอ่ยถาม "เหมือนจะยังไม่ได้" คนเจ้าเล่ห์ยิ้มตอบแล้วจูบปากอิ่มอย่างดุดันอีกครั้ง เรียวลิ้นของทั้งคู่ตะหวัดหยอกเย้าสลับดูดเม้มอย่างเป็นจังหวะ ทุกอย่างเกิดขึ้นเนิ่นนานก่อนที่ภูตะวันจะถอนจูบออกอย่างอ้อยอิ่ง ทั้งคู่สบตากันและกันและนั่นก็คือคำตอบโดยไม่จำเป็นต้องเอ่ยอะไร "นับดีใจจังที่ได้รักพี่" นับพันดาวเอ่ยรับพร้อมกับซุกตัวเข้าหาภูตะวันมากขึ้น ชายหนุ่มปัดปอยผมที่ชื้นด้วยเหงื่อออกจากหน้าผากเธอแล้วจุมพิตหนักๆ อย่างเอาใจ แต่ดูเหมือนเขาจะไม่หยุดแค่นั้น "อย่ารุ่มร่ามนะคะ พอแล้ว" นับพันดาวตีมือที่เริ่มซุกซนของภูตะวันเบาๆ นอกจากบ้ากามแล้วเขายังบ้าพลังอีกด้วย เธอยังไม่ทันหายเหนื่อยเขาก็จะเริ่มใหม่อีกแล้ว "ยังไม่พอ" เขาว่าอย่างติดตลกพลอยทำให้คนฟังค้อน เขาสูบพลังไปจากเธอจนหมดยังจะบอกว่าไม่พออีกหรือไง สำหรับภูตะวันแล้วเซ็กซ์แต่ล่ะวันแต่ล่ะคืนไม่เคยมีคำว่าครั้งเดียว "คนบ้ากาม" คำพูดของนับพันดาวทำให้คนฟังหัวเราะออกมาอย่างชอบใจ "มีเมียน่ารักแบบนี้ใครที่ไหนจะอดใจไหว" เพราะเขินอายทำให้นับพันดาวทุบแผงอกของภูตะวันไปแรงๆ ก่อนที่เขาจะทำให้เธอครางกระเส่าออกมาอีกครั้ง ซึ่งนับพันดาวก็ไม่ได้คัดค้านแต่อย่างใด จูบที่อ่อนหวานกลายเป็นเร่าร้อนดุดันชนิดที่ไม่มีใครยอมใคร
สวาทรักพ่อเลี้ยงภูเมฆ “นี่คุณจะใจดีจ่ายหนี้แทนณดลอย่างนั้นเหรอ” เพราะไม่พอใจกับการตัดสินใจของเภตราทำให้เสียงของภูเมฆนั้นห้วนไม่น่าฟัง “ฉันจ่ายเพื่อซื้ออิสรภาพของตัวเองต่างหากแล้วค่อยไปเอาคืนผู้ชายห่วยๆ นั่น คุณอยากได้เท่าไหร่ก็ว่ามา” มีหรือที่เภตราจะจ่ายหนี้ให้ณดลกลับกันเธอจะเอาคืนอีกฝ่ายให้สาสมต่างหาก “ผมไม่รับเงินสดไม่รับเช็คหรืออะไรทั้งนั้น สิ่งเดียวที่ผมอยากได้คือแรงและเวลา ถ้าคุณทำตัวดีๆ สามสี่ปีก็น่าจะใช้หนี้ผมได้หมด” “แล้วสิ่งที่คุณทำกับฉันเมื่อคืนมันมีค่าเท่าไหร่ ไม่พอใช้หนี้เลยหรือไง” เภตราเอ่ยถามเสียงสั่นพร้อมกับน้ำตาที่จู่ๆ ก็เอ่อออกมาจากดวงตาทั้งสองข้าง ภูเมฆสบตาที่แดงก่ำของเธอแล้วเอ่ยขึ้น “ไม่พอ” คำตอบของเขาช่างแสนเลือดเย็นจนทำให้เภตราจุกไปทั้งอกก่อนจะกล้ำกลืนน้ำตาลงคอ เพราะไม่อยากให้มันไหลออกมาประจานตัวเอง ในเมื่อเขาไม่เห็นค่าของมันเธอไปเก็บมาใส่ใจแล้วจะได้อะไร
งานทำบุญครบร้อยวันยังมาไม่ถึงด้วยซ้ำ แต่จู่ๆ อดีตคนรักของน้องสาวก็ประกาศจะแต่งงานกับผู้หญิงคนใหม่ แถมเธอคนนั้นยังเคยเป็นอดีตคนรักของเขาอีกด้วย นั่นทำให้คริสบินตรงกลับมาที่เมืองไทยเพื่อสะสางความแค้นให้เขาและน้องผู้จากไป +++++++++++++++++ “คุณ” ลลิตาอุทานออกมาอย่างตกใจ เพราะไม่คิดว่าคนที่ยืนกดออดอยู่หน้าบ้านเป็นคริส ชายหนุ่มรู้ได้ยังไงว่าเธออยู่ที่นี่ “ขอเข้าไปหน่อย” แขกที่ไม่ได้รับเชิญเอ่ยบอกแต่เจ้าบ้านสาวกลับไม่ยอมทำตามเช่นกัน “ฉันไม่สะดวก คุณมีอะไรก็พูดมาได้เลย” “แน่ใจหรอกว่าจะให้ผมพูดตรงนี้” “แน่ใจ” ลลิตาเชิดหน้าขึ้นสูง เธอต้องเอาชนะผู้ชายคนนี้ให้ได้ จะไม่ยอมให้เขาเห็นความอ่อนแอแน่นอน “โอเค แน่ใจก็แน่ใจ บังเอิญว่าผมยังเก็บคลิปเซ็กซ์ของเราไว้ดูต่างหน้า” “ว่าอะไรนะ!” คำพูดของคริสทำให้ลลิตารู้สึกเย็นวาบไปถึงตัว เพราะอารมณ์ในตอนนั้นมันพาไปเธอจึงยอมให้เขาถ่ายทุกอย่างเก็บไว้ ไม่คิดว่าวันนึงคลิปบ้าๆ นั่นจะตามมาหลอกหลอนเธอ “ได้ยินชัดแล้วนี่” “แต่ฉันลบมันไปแล้วกับมือ” ลลิตามั่นใจว่าเธอลบคลิปที่ว่ากับมือแล้วทำไมคริสถึงยังมีอีกหรือว่าเขาหลอกให้เธอตายใจ “ลบเสียเมื่อไหร่เพราะก่อนหน้านั้นผมสำรองไฟล์ไว้ดูหลายไฟล์ คิดถูกจริงๆ ที่ทำแบบนั้น” “สารเลว” “นอกจากมีคลิปแล้วผมยังเปิดดูมันบ่อยๆ ด้วยนะ คุณไม่อยากดูบทรักของเราหน่อยเราเหรอ” คริสเอ่ยอย่างไม่ไยดีราวกับเรื่องที่เขาทำนั้นเป็นสิ่งปกติ “คุณมาหาฉันเพื่อเอาคลิปอุบาทว์ๆ นั่นมาขู่อย่างนี้นะเหรอ” “ผมไม่ได้ขู่” “แล้วต้องการอะไร” “วันหยุดสุดสัปดาห์นี้ช่วยหาเวลาให้ผมหน่อย ขอแค่สามวันเท่านั้น” นั่นคือหนึ่งในแผนที่จะทำลายผู้หญิงตรงหน้าของคริส “ถ้าฉันปฏิเสธล่ะคะ” ลลิตาจ้องตาเขากลับมาอย่างไม่กลัวเช่นกัน “คุณก็น่าจะเดาได้ว่าจะเกิดเหตุการณ์อะไรขึ้นบ้าง คลิปในมือผมมันคงทำให้คุณดังกระฉ่อนทีเดียวล่ะ” ชายหนุ่มยิ้มมุมปากพร้อมหัวเราะออกมาเล็กน้อย คำขู่ของเขายังคงได้ผลกับลลิตาเรื่องแบบนี้คนที่เสียหายที่สุดคงเป็นผู้หญิงแบบเธอ “ถ้าคลิปนั่นหลุดขึ้นมา คุณเองก็จะดังกระฉ่อนไปด้วยไม่ใช่หรอ หน้าที่การงานที่คุณโหยหาและสร้างมันของคุณจะพังทลายไปเหมือนกัน” “มันคือเรื่องส่วนตัวฝรั่งเขาไม่แคร์เรื่องนี้หรอกอีกอย่างในคลิปนั้นก็ไม่เห็นหน้าผมด้วยสิ”
คุณแม่เลี้ยงเดี่ยวที่ยังเวอร์จิ้น! มาแก้ไขปริศนาประโยคนี้กันค๊า โดยแกนนำคือรอยส์ซีอีโอหนุ่มที่ตกหลุมรักลูกน้องคนเก่งที่มีสถานะเป็นคุณแม่เลี้ยงเดี่ยวอย่างขวัญชีวาเข้าอย่างจัง กระทั่งเธอก็มีเหตุให้ยื่นใบลาออก รอยส์จึงใช้ความเจ้าเล่ห์เข้าล่อหลอกเพื่อให้เธอตกหลุมพราง แต่ดูเหมือนเขาต่างหากที่จะตกหลุมพรางที่ตัวเองขุดไว้เสียเอง ในเมื่อต้องการเรื่องอะไรจะปล่อยเธอไป ไม่ได้ด้วยเล่ห์ก็ต้องได้ด้วยกลไม่ได้ด้วยมนต์ก็ต้องได้ด้วยคาถา โอมมมม เพี้ยงงงงง
เธอถูกคนใกล้ตัวคิดร้ายและเขาคือเจ้าชายขี่ม้าขาว รวีคือหญิงสาวที่รอดตายจากการถูกลอบฆ่า เธอดิ้นรนเอาชีวิตรอดจากก้นเหมืองและคนที่ช่วยชีวิตเธอไว้คือภีม บางคนกล่าวไว้ว่าความรักครั้งนี้ของภีมเกิดขึ้นจากความสงสาร แต่ชายหนุ่มก็พิสูจน์ให้เห็นว่าความรักที่เกิดจากความสงสารนั้นไม่ผิด เขารักเธอ รักผู้หญิงแปลกหน้าที่ใสซื่อและไร้พิษภัย เพราะรักจึงทุ่มเทและเลือกที่จะปกป้อง ใครหน้าไหนก็แตะเธอไม่ได้
"นางเป็นบุตรีผู้สูงศักดิ์ของฮูหยินเอกของจวนเสนาบดี นางมีหน้าตาโดดเด่น ทั้งอ่อนโอนและมีน้ำใจไมตรีต่อผู้อื่น แต่... นางทำดีต่อป้าของนาง นางกลับฆ่าแม่ของนางตาย นางรักเอ็นดูน้องสาวของนาง แต่น้องสาวกลับแย่งสามีของนางไป นางคอยสนับสนุนและดูแลสามีของนางอย่างสุดหัวใจ แต่สามีกลับทำให้นางตายทั้งกลม...ตระกูลฝ่ายมารดาของนางก็ถูกประหารชีวิตทั้งตระกูลด้วย นางตายตาไม่หลับและสาบานว่าหากมีชาติหน้า นางจะไม่เมตาตาต่อใครอีก ใครก็ตาม กล้ามาทำร้ายข้า ข้าจะล้างแค้นด้วยชีวิตทั้งตระกูลของพวกเจ้า เมื่อเกิดใหม่อีกครั้ง นางอายุได้สิบสี่ปี นางสาบานว่าจะต้องเปลี่ยนชะตากรรมและแก้แค้นชาติก่อน ป้านางใจ้ร้าย นางจะใจร้ายกลับยิ่งกว่านาง นางคิดจะได้ครองตำแหน่งฮูหยินงั้นเหรอ บอกเลยไม่มีทาง! ส่วนน้องสาวชอบผู้ชายชั่ว ๆ นักไม่ใช่หรือ ได้!ข้าจะยกให้เลย ส่วนชายชั่วนั่น ข้าจะทำให้เจ้าไม่สามารถมีทายาทได้อีกตลอดทั้งชาติ!แต่ข้าจะแก้แค้น เหตุใดเจ้าต้องมาช่วยข้าด้วย?"
เพิ่งหย่ากับอดีตสามีไปไม่นานแต่ปรากฏว่าตัวเองท้อง จะทำอย่างไรดี? หรือจะให้อดีตสามีรับผิดชอบ แต่ก็ไม่คิดว่าอดีตสามีมีคนรักใหม่ไปแล้ว ชีวิตของถังชีชีนั้นช่างสับสน ช่างน่าวิตกกังวลและไม่รู้จะอธิบายยังไงดี เธอต้องคอยระวังไม่ให้คุณเฟิงรู้เรื่องการตั้งครรภ์จนกระทั่งคลอดลูกออกมาอย่างปลอดภัย แต่ไม่คิดว่าจะถูกเขาบังคับถึงเพียงนี้ "เราหย่ากันแค่สี่เดือน แต่เธอกลับตั้งครรภ์ได้เจ็ดเดือนแล้ว บอกมาดี ๆ ว่า ลูกเป็นของใคร!"
อวิ๋นเจินอาศัยอยู่ในตระกูลอวิ๋นมาเป็นเวลา 20 ปี กลับพบว่าเธอเป็นลูกสาวปลอม พ่อแม่บุญธรรมของเธอวางยาเธอเพื่ออยากจะได้เงินมาลงทุน หลังจากที่อวิ๋นเจินรู้เรื่องนี้ เธอก็ถูกไล่กลับไปที่ชนบท จากนั้นเธอก็ค้นพบว่าตัวเองคือลูกสาวแท้ๆ ของตระกูลเฉียวและมีชีวิตที่หรูหราสุด ๆ หลังจากกลับมา เธอได้รับความรักจากครอบครัวและมีชื่อเสียงโด่งดัง น้องสาวจอมปลอมใส่ร้ายอวิ๋นเจิน แต่เธอไม่คาดคิดว่าอวิ๋นเจินจะมีความสามารถต่างๆ เมื่อต้องเผชิญกับการยั่วยุ เธอได้แสดงความสามารถและทักษะต่างๆ มากมายเพื่อจัดการผู้รังแก มีข่าวลือกันว่าอวิ๋นเจินยังคงโสด และชายหนุ่มชื่อดังแห่งเมืองงก็ผลักเธอไปเข้ากำแพง "คุณนายกู้ ถึงตามราเปิดเผยตัวตนได้แล้วนะ"
เมื่อนางย้อนยุคกลายเป็นพระชายาคังที่ถูกขังอยู่ในโรงขังคนบ้า เพิ่งมาถึงฉินเซิงก็กำจัดคนสองคนที่ต้องการทำร้ายนาง นางบุกเข้าไปในงานแต่งงานของคู่รักชั่วชาสองคนนั้นในชุดแดง นางหยิ่งผยองและยั่วยุ ทำให้ชายชั่วโกรธจนกัดฟันแน่นแต่กลับทำอะไรไม่ได้ และหญิงร้ายนั้นก็เกลียดชังอย่างมากทว่าเอาคืนไม่ได้ ท่านอ๋องจิ้นได้เห็นสถานการณ์ทั้งหมดนี้ เขาโค้งงอริมฝีปาก สตรีนางนี้ช่างแตกต่างจากคนอื่นจริงๆ ถูกใจเหลือเกิน เขาจะเอาชนะใจนางและให้ชีวิตที่ดีแกนาง
ว่าที่ลูกสะใภ้ไฟแรงสูงเธอต้องเข้ามาอยู่ร่วมบ้านกับว่าที่พ่อผัวหม้ายร้างเมียมานายอรมปี
หลังจากแต่งงานได้ 2 ปี ในที่สุดเจียงเนี่ยนอันก็ตั้งครรภ์สักที ความดีอกดีใจของเธอแต่กลับแลกกับคำขอหย่าของสามี หลังจากการสมคบคิด เธอนอนในกองเลือด และต้องการขอร้องเขาให้ช่วยเด็กเอาไว้ แต่กลับไม่สามารถติดต่อกับอีกฝ่ายได้ ด้วยความสิ้นหวังเธอจึงออกจากประเทศไป ต่อมาในงานแต่งงานของเจียงเหนียนอัน คุณกู้เสียการควบคุมและคุกเข่าลง ดวงตาของเขาแดงก่ำ "มีลูกของฉัน แล้วเธออยากจะแต่งงานกับใครกัน?"