เหมขยับตัวเพื่อรอรับร่างแน่งน้อยที่คาดว่าจะเข้าครอบครองแกนกลางลำตัวของเขาในไม่ช้าเพราะรับรู้ถึงความชื้นสัมผัสผิวกายช่วงที่เธอนั่งทับ เมื่อเกล้าละริมฝีปากออกเขาก็ยิ้มจนตาเยิ้มแล้วช่วยยกสะโพก ทว่าเกล้ากลับก้มลงมาจูบเขาอย่างรวดเร็วอีกครั้ง “โอ๊ย!” เหมร้องลั่นเพราะเจ้าอ้วนไม่ได้จูบแต่กัดริมฝีปากบนเขาอย่างแรงจนเลือดซิบรับรู้ถึงกลิ่นคาวเลือดติดที่ปากและเห็นรอยเลือดมุมปากของเจ้าอ้วนที่สะบัดหน้าใส่แล้วลุกไปจากเตียงทิ้งให้ของแข็งของเขายังแข็งขืนยืนทื่อย่างงงงัน “เดี๋ยวๆ” พอตั้งสติได้เขาก็ดีดตัวตามไปกระชากเธอกลับมากอดรัดไว้ “ปล่อยนะ คนบ้าเจ้าชู้ไม่มีความรับผิดชอบ ลูกเมียบาดเจ็บมากขนาดไหนทำไมไม่คิดจะไปดู” “เดี๋ยวนะเจ้าอ้วน ด่าผัวรัวๆ นี่จำไม่ได้หรือว่าเรานะเมียพี่ เมียคนเดียวของพี่” “อย่ามาตู่” “ไม่ตู่ละ ที่ทำไปเมื่อกี้ไม่ใช่เรื่องของผัวเมียทำกันหรือ หรือหนูความจำสั้นทำใหม่มั้ยละ”
บทนำ
เจ้าอ้วนของลุงไหก้าวขาลงข้างเตียงเงียบๆ เท่าที่ทำได้ แล้วยืนมองคนบนเตียงด้วยสายตาทั้งรักทั้งเกลียดปนเปกันไป เขาคืออดีตคู่หมั้นที่เคยรักมากและผูกพันกันนานเพราะสองครอบครัวสนิทสนมกันดี ต่างอยากให้ลูกทั้งสองบ้านเป็นฝั่งเป็นฝาเป็นคู่ผัวตัวเมียกัน ซึ่งสำเร็จแล้วในคู่ของหาญน้องชายของลุงไหกับกันตาพี่สาวของเจ้าอ้วนหรือชื่อจริงคือเกล้า รักด้วยเกล้า ส่วนลุงไหมีชื่อจริงว่า เหม ไหเกษม แต่เพื่อนฝูงมักเรียกไอ้ไห พี่ไห และเกล้าก็เรียกเขาว่าลุงไหเพราะอายุที่ห่างกันถึงแปดปี
อาจจะผิดฝาผิดตัวไปจากเดิมที่ผู้ใหญ่คาดหวังไว้ให้พี่แต่งกับพี่และน้องแต่งกับน้อง แต่เกล้ากับหาญสนิทสนมกันมากเกินกว่าจะใช้ชีวิตเป็นคู่รักหรือแต่งงานกันได้ พ่อแม่ทั้งสองฝ่ายจึงหันมาจับคู่ให้กันตากับคู่กับหาญ แล้วพยายามชักจูงให้เกล้ารักกับเหมแต่พวกท่านคงไม่รู้ว่าไม่ต้องชักจูงเลยเพราะทั้งสองแอบมีใจกันมานานแล้วเพียงแต่แสดงออกมาตรงข้ามเท่านั้นเอง
ความที่เป็นพี่คนโตของสองครอบครัวเหมจึงยอมออเออไปกับผู้ใหญ่เพื่อให้พวกท่านสบายใจว่าต่างมีคนดูแลลูกสาวทั้งสองคนที่ต้องมาใช้ชีวิตในเมืองใหญ่ห่างเหินจากครอบครัว
เหมเข้ามาเรียนในกรุงเทพก่อน จากนั้นหาญก็ตามมาพร้อมกับเกล้าที่เข้ามาเรียนเตรียมอุดม จากที่คิดว่าอีกสองปีกันตาจะตามเข้ามาเรียนมาพักอยู่ด้วยกันกลับล้มเหลวผิดแผนเพราะกันตาไม่ได้เรียนมหาวิทยาลัยในกรุงเทพ ได้เรียนแค่มหาวิทยาลัยในต่างจังหวัดที่ไม่ไกลบ้านเกิดนัก เกล้าจึงกลายเป็นไข่ในหินให้พี่ชายสองคนคอยประคบประหงม และเป็นหาญที่ดูแลเกล้าอย่าดียิ่งกว่าเหมที่เป็นคู่หมาย เพราะเหมเอาแต่เที่ยวเมาหัวราน้ำตามประสาวัยรุ่นที่เรียนสายช่างไม่สนใจไยดีน้องสาวที่ต้องเรียนอย่างหนักเพื่อจะได้เข้ามหาวิทยาลัยชื่อดังชั้นนำของประเทศตามความฝันให้ได้
คืนวันหนึ่งก่อนสอบชี้ชะตาเกล้าไปติวหนังสือกับเพื่อนหลังเลิกเรียนกวดวิชาจนดึก ตามปกติหาญจะยืมรถพี่ชายที่ทำงานในบริษัทของตนเองที่หุ้นกับเพื่อนไปรับกลับบ้าน แต่วันนี้หาญติดงานของตนเองจึงไหว้วานให้เหมไปรับเกล้าแทนแต่ไม่ได้บอกเกล้าไว้ และเกล้าก็ไม่คิดว่าเหมจะมารับเพราะตอนออกจากบ้านเห็นเหมซึ่งปกติทำงานอยู่กับบ้าน บางครั้งก็จะมีเพื่อนๆ มาทำงานด้วยพาเพื่อนๆ ขึ้นรถไปด้วยกันซึ่งคงไม่เที่ยวสถานบันเทิงเช่นเคย
เกล้าลงจากรถประจำทางตรงปากซอยที่ค่อนข้างเงียบเพราะผู้พักอาศัยแถวนี้เป็นคนทำงานกลางวัน และคนวัยเกษียณต่างอยู่กันในบ้านรั้วรอบขอบชิด เวลาดึกเช่นนี้จึงต่างปิดไฟเข้านอนกันหมดแล้ว เกล้าเร่งฝีเท้ามากขึ้นเมื่อหูแว่วเสียงเครื่องยนต์อยู่ด้านหลังแต่ไม่เห็นแสงไฟสาดส่องมา ยิ่งเธอเร่งก็เหมือนเสียงเครื่องจะดังใกล้เข้ามาทุกทีจึงตัดสินใจวิ่งหนีพอดีกับแสงไฟรถที่เปิดสว่างส่องแผ่นหลังของตน เกล้าจึงสับเท้าเร็วขึ้นและรู้ว่ารถคันนั้นเร่งตามมาจนเธอหยุดหน้าบ้าน
“พี่หาญๆ พี่หาญ” เธอแกล้งเรียกเสียงดังทั้งที่รู้ว่าหาญไม่ได้อยู่ในบ้านพร้อมกับไขกุญแจมือสั่น มือใหญ่คว้าหมับมาที่มือแล้วกำไว้แน่น
“กรี๊ด” เจ้าตัวร้องเสียงหลงพร้อมหันไปชกไม่เลือกเป้า
พลั่ก!
“โอ๊ย! ไอ้อ้วน พี่เอง” คนพูดลงไปนั่งกุมปากกับพื้น นับว่าเธอหมัดหนักไม่เบาสมกับคำที่เขาชอบล้อว่าอ้วน อันที่จริงเกล้าคิดว่าตัวเองไม่ได้อ้วนสักนิด แต่ไม่ผอมเหมือนปลาแห้งอย่างที่เขาชอบก็เท่านั้น
“ขอโทษเจ็บมั้ย ใครจะรู้ว่าพี่เหมละ แล้วทำไมขับรถไม่เปิดไฟมีตาทิพย์หรือยังไง” เธอยื่นมือไปช่วยดึงเขาลุกขึ้นมาก่อนจะเบือนหน้าหนีแทบไม่ทัน
“แหวะ กลิ่นเหล้าเหม็นหึ่งเลย แล้วขับรถมาจากไหนนี่ ถ้าป้าไหมรู้มีหวังบนพี่หาญหูชาแน่” เธอว่าแล้วเปลี่ยนไปเปิดประตูใหญ่เพื่อนำรถเข้าบ้านได้
“พี่เมาแล้วแม่จะบ่นหาญมันทำไม” เขาถามพร้อมช่วยเข็นประตูรั้วเหล็กมือใหญ่กำไปบนมือเล็กเต็มๆ แต่เกล้าไม่คิดว่าจะเป็นการลวนลามแค่เขาเมาวางลงมาแบบไม่ได้มองอีกอย่างเขากับเธอก็หมั้นหมายกันก่อนจะย้ายมาอยู่กรุงเทพเสียอีก และตอนนี้เขาก็คงไม่รู้สึกอะไรเพราะออกแรงดันจนประตูเปิดกว้างพอให้รถผ่านอย่างสบายๆ ไปคนเดียวไม่รู้แม้กระทั่งเธอดึงมือออกมาแล้วยืนมองเฉยๆ
“ก็พี่ไม่เคยรับสายป้าไหมเลยนิ ถามจริงๆ เถอะจะพกโทรศัพท์แพงๆ ไว้ทำไมถ้าไม่เคยรับสายใคร”
เหมหันกลับมาค้อนจึงเห็นกล้าวิ่งไปขึ้นรถ
“ขับเป็นหรืออีหนู”
“เอ้า! เชื่อเลยว่าเมาหนัก ก็พี่สอนหนูเองไง ถอยออกไป” เกล้าตะโกนกลับมา ก่อนโบกมือไล่ก่อนจะเข้าไปนั่งในรถแล้วขับเข้าบ้านเมื่อเหมขยับออกจนพ้นทาง
“ในรถมีข้าวกล่องเอาลงมาด้วย” เขาชี้ิ้นิ้วบอกแล้วเข็นประตูปิดล็อกตามเดิมก่อนจะเดินเซๆ ไปหาเจ้าเด็กอ้วนในสายตาของเขา
“เอาไปใส่จานนะ พี่ไปอาบน้ำก่อนเดี๋ยวมากิน เมาชิบหายเลยวันนี้” เขาว่าแล้วเดินชนประตูดังปัง
“จ้า เมาชิบหายมันทุกวันนั่นแหละ ไม่ใช่แค่วันนี้หรอก” เกล้าตะโกตามด้วยเสียงหัวเราะ เหมหันขวับมาค้อนแล้วพึมพำ
“ไม่ได้เมาทุกวันว้อย แต่กึ่มๆ พอให้กินข้าวได้ พี่จะได้อ้วนเป็นเพื่อนเราไง”
“บอกว่าไม่ได้อ้วน”
“เออไม่อ้วนแค่นมใหญ่เฉยๆ”
“ไอ้พี่เหม!”
แค่เธอกลับขึ้นเตียงอีกครั้งคนที่นอนอยู่ก็คว้าไปกอดไว้ทั้งตัวพร้อมพรมจูบทั่วนวลแก้มก่อนถามเสียงอู้อี้แนบแก้มนั่นเอง
“ไปไหนมาคะพี่คิดถึงหนูนะอ้วน” จากแค่จูบแก้มลามมาซุกไซร้ไปทั่วแล้วหยุดนิ่งที่ริมฝีปกอวบอิ่ม เขาจูบดูดดื่มแทบจะกลืนกินกลีบปากนุ่มนิ่มไปทั้งชิ้นทั้งยังสอดลิ้นเข้ามาดุนดันพันเกี่ยวกับลิ้นเธอจนวาบหวามไปทั้งตัว
คิดถึงเหรอ ถ้าคิดถึงจริงคงไม่ทิ้งฉันไปมั่วกับใครต่อใครตั้งนานสองนานแบบนี้หรอก ไอ้ ลุง ไห
เกล้าผลักเบาๆ ให้เขานอนลงก่อนจะขึ้นไปนอนเกยบนตัว ลูบไล้ใบหน้าคมสันที่มองมุมไหนก็หล่อเหลาไม่มีที่ติ ไล้ปลายนิ้วไปทั่วริมฝีปากช่างเจรจาที่จูบเก่งจนสาวๆ ติดงอมแงม เธอเองก็เช่นกันที่ระทวยทุกครั้งที่ได้ลิ้มรสจูบของเหม
เกล้าก้มลงเลียริมฝีปากเขาเบาๆ ก่อนประกบริมฝีปากจูบดูดดื่มแบบที่เขาทำแม้จะสู้ไม่ได้แต่ทำให้ชายหนุ่มค้อยตามจนครางต่ำๆ ในลำคอได้เช่นกัน มือเล็กของเธอเลื่อนต่ำไปหยอกแก่นกายที่แข็งขันชูชันพร้อมทำงานเต็มที่
เหมขยับตัวเพื่อรอรับร่างแน่งน้อยที่คาดว่าจะเข้าครอบครองแกนกลางลำตัวของเขาในไม่ช้าเพราะรับรู้ถึงความชื้นแฉะสัมผัสผิวกายช่วงที่เธอนั่งทับ เมื่อเกล้าละริมฝีปากออกเขาก็ยิ้มจนตาเยิ้มแล้วช่วยยกสะโพก ทว่าเกล้ากลับก้มลงมาจูบเขาอย่างรวดเร็วอีกครั้ง
“โอ๊ย!”
เหมร้องลั่นเพราะเจ้าอ้วนไม่ได้จูบแต่กัดริมฝีปากบนเขาอย่างแรงจนเลือดซิบรับรู้ถึงกลิ่นคาวเลือดติดที่ปากและเห็นรอยเลือดมุมปากของเจ้าอ้วนที่สะบัดหน้าใส่แล้วลุกไปจากเตียงทิ้งให้ของแข็งของเขายังแข็งขืนยืนทื่อย่างงงงัน
แม้ไม่มีแผ่นดิน หากแต่เรายังไม่สิ้นลมหายใจ ถึงสิ้นชาติหากแต่รักของเรามิได้สิ้นลง บราลี เป็นบอดี้การ์ดมือใหม่ ที่ทำงานพลาดจนถูกไล่ออกจากงาน ในวันเดียวกันนั้น บ้านของเธอก็ถูกไฟไหม้ แม่ถูกไฟคลอกบาดเจ็บ พ่อตกใจจนโรคหัวใจกำเริบ ต้องใช้เงินรักษาจำนวนมาก เมื่อเธอจะหันไปพึ่งแฟนหนุ่มที่รักกันมาหลายปี กลับพบเขากำลังคลุกวงในกับผู้ชายอีกคน!! เมื่อชีวิตมันบัดซบขนาดนี้ เธอจึงคิดฆ่าตัวตาย ... และทำจริง!! แต่ไม่ตาย มีคนมาช่วยไว้ ... พอรอดตายก็มีคนยื่นข้อเสนอแปลกประหลาด ... ให้เธอไปเป็นบอดี้การ์ดให้เจ้านาย แลกกับเงินมหาศาล และกว่าจะรู้ว่าอะไรเป็นอะไร บราลีกับเพื่อนร่วมงานอีกสองคน ก็ได้ข้ามเวลาย้อนอดีตไปซะแล้ว
เมื่อความรักที่มีมากเหลือล้น ไวกูณฐ์นั้นอยากแต่งงานเสียทันทีที่เดินทางกลับมาจากเรียนต่อ หากแต่ จิรัฐิติกาลกลับกลัวการใช้ชีวิตคู่จึงปฏิเสธไป แต่เพราะอุบัติเหตุที่บังเกิดขึ้นทำให้ไวกูณฐ์ตาบอด จิรัฐิติกาลจึงตัดสินใจแต่งงานกับเขาในทันทีเพื่อเป็นการรับผิดชอบ เพราะการแต่งงานที่ไม่พร้อมทำให้อุปสรรคแห่งรักนั้นมีมาให้พิสูจน์หัวใจกันเนืองๆ
เจ้าฟ้าหญิงจิรัฐิติกาลในคราบชายหนุ่มดูจะเกษมสำราญเป็นอันมากเมื่อได้ออกมาท่องโลกกว้าง แม้จะไม่ค่อยสบอารมณ์อยู่บ้างที่มี 'ผู้คุม' เป็นไวกูณฐ์ ชายหนุ่มอ่อนแอ เจ้าหนอนหนังสือใส่แว่นลูกชายองครักษ์คนสนิทของพระบิดา แต่ถ้าไม่ยินยอมร่วมทางไปกับเขา เจ้าพ่อก็คงไม่ปล่อยออกจากกรงทอง เธอจำใจร่วมทางและสร้างความยุ่งยากเป็นภาระใหญ่หลวงให้เขา แต่ในคราเดียวกันความใกล้ชิด ความใกล้ชิดทำให้ความรู้สึกพิเศษเกิดขึ้นในใจ แต่จะทำอย่างไร เมื่อเธอฝังใจว่าเขาไม่ใช่ "ชายจริง" นิยายภาคต่อของ ลิขิตรักบัลลังก์หัวใจ
เมื่อต้องเสียแผ่นดินจากการช่วงชิงของพระเจ้าอา ทรรศินากัลยามาส เจ้าฟ้าหญิงรัชทายาทแห่งมธุรรัฐจำต้องเสด็จหนีจากแผ่นดินเกิด แฝงกายเข้าไปในสิงขรรัฐ จากที่คิดจะปลอมตัวเป็นนางกำนัล กลับตกกระไดพลอยโจนถวายตัวเป็นสนมของเจ้าหลวงรัฐสิงห์สีหนาทในนามลูกของศัตรู!? รอจนถึงวันทวงบัลลังก์คืน กล้วยไม้ป่าแรกแย้มเพิ่งผลิรับฤดูฝน เจ้าหลวงเอื้อมไปหมายจะเด็ด ก็ถูกพระหัตถ์เล็กๆ ตีเผียะลงบนหลังมือ "ดอกไม้จะสวยงามที่สุดเมื่ออยู่กับต้นเพคะ" ดำรัสขึงขัง "แต่พี่จะเก็บให้เธอ" รับสั่งกลับอ่อนโยน "ท่าจะเด็ดดอกไม้แรกแย้มเสียจนเคย" เจ้าฟ้าหญิงประชดตรงๆ เจ้าหลวงยกพระหัตถ์ในท่าสาบาน "สาบาน ต่อไปพี่จะไม่เด็ดดอกไม้ ไม่ว่าดอกไหน จะรอดอกฟ้าตรงหน้านี้ดอกเดียวเท่านั้น"
เมื่อซากีน่าน้องสาวอันเป็นที่รักถูกฆ่าข่มขืน หลักฐานในมือคือแผ่นเงินฉลุลวดลายสวยงาม ซาห์ราจำได้ทันทีว่าใครเป็นเจ้าของของสิ่งนี้ การตามล้างแค้นจึงเกิดขึ้น ชีคฮาซัน บินญาบิร อัล บุสตานีย์ กลายเป็นเหยื่อความแค้นที่เขาไม่ได้ก่อ ถูกหล่อนทรมานต่างๆ นานาและต้องสูญเสียเมียสาวในคืนวันแต่งงานจากน้ำมือซาห์รา แต่เมื่อความจริงปรากฏว่าใครเป็นฆาตกรที่แท้จริง ซาห์ราจะชดใช้สิ่งที่ทำลงไปให้แก่เขาด้วยชีวิต ตามกฏชีวิตแลกชีวิต แต่ชีคฮาซันกลับต้องการให้หลอนชดใช้ด้วย หัวใจ
เมื่อธิดาองค์น้อยเริ่มเติบโต ชีคกาเบรียนที่อยากให้ลูกรู้จักภาษาของแม่บังเกิดเกล้า จึงมองหาครูสอนภาษาชาวไทย แต่กลับได้ทโมนไพรไปแทน นางสาวกฤติกา หรือแม่ดาวลูกไก่ นอกจากสอนภาษาไทยให้ธิดาองค์น้อยของชีคแล้ว ยังสอนปีนต้นไม้กลายเป็นลิงเป็นค่าง จนพระนมของชีคเอือมระอา ทว่าท่าทางแก่นกะโหลกของดาวลูกไก่กลับจับใจต้องตาชีคกาเบรียนจนกลายเป็นความรัก แต่ปัญหาสงครามแบ่งแยกดินแดนในประเทศยังไม่สงบ เมื่อดาวลูกไก่ถูกจับตัวไปเพื่อต่อรอง แม้พระองค์ไม่อาจยกแผ่นดินเพื่อแลกกับผู้หญิงที่รักได้ แต่ไม่ได้นิ่งนอนใจเหมือนครั้งที่เสียสนมคนอื่นไป ทรงลอบออกจากวังเพื่อไปช่วยหญิงอันเป็นที่รักด้วยตนเอง
ถึงจะโกรธ เกลียด เคียดแค้นแค่ไหน แต่หัวใจไม่อาจต้านรักได้ ----------------------------------------- ไรยาค่อยๆ คลานไป ทันทีที่เจ้าบ่าวหันหน้ามา เพื่อจะยื่นมือให้เธอจับ จะได้ไม่ล้มนั้น ยิ่งจะทำให้เธอเกือบล้มไปเพราะเขาแล้ว ในหัวสมองก็ประมวลผลออกมาได้คำตอบทันที ว่าคนที่เธอเฝ้าครุ่นคิดว่าเป็นใครมาตลอดสองอาทิตย์นั้น แท้จริงก็คือใครกันแน่ในที่สุด ‘Mr. H. Hhemmhawattana ก็คือหรัญญ์ เหมวัฒน์’ ‘หรือพี่ฮั้นท์ของสาวๆ ที่เธอมักจะได้ยินเรียกขานกันนี่เอง’ ‘เขากลายมาเป็นเจ้าบ่าวเธอได้ยังไง’ ‘เขาจะมาแต่งงานกับเธอทำไม’ เท่าที่รู้มา เขาไม่ได้ร่ำรวยระดับร้อยล้านพันล้านแน่ๆ แล้วเขาไปทำอะไรมา ถึงได้มีเงินมากมายขนาดเอามาทุ่มซื้อหุ้นบริษัทของพ่อเธอได้ ไหนจะไถ่บ้านคืนให้ และอีกหลายต่อหลายอย่างที่เขาจ่ายไป รวมทั้งแหวนเพชรน้ำงามและไม่น่าจะต่ำกว่าห้ากระรัตบนพานดอกไม้ตรงหน้าเธออีก ---------------------------------------------------------------------------------------- ฮั้นท์ (หรัญญ์ เหมวัฒน์) นักธุรกิจหนุ่ม ผู้มีชีวิตที่พลิกผันจากเลวร้ายกลับกลายเป็นดี ซึ่งเขาเองก็ตั้งตัวไม่ทัน แต่ทั้งหมดนั้น มาจากความดี ความขยันหมั่นเพียรของเขา บวกกับโชคช่วย ถึงเวลาที่เขากลับมายืนอยู่จุดเดิม ในฐานะใหม่ ที่ใครต่อใครต่างงุนงง โดยเฉพาะเพื่อนๆ หรือแม้แต่กับผู้หญิงที่เคยเมนเขามาแล้ว และเขาก็จะทำให้ผู้หญิงพวกนั้นได้รู้ ว่าไม่ควรเมินเขาจริงๆ ---------------------- ย้า (ไรยา เจริญรัตชตะ) ทายาทนักธุรกิจหลายร้อยล้าน ที่ชีวิตพลิกผัน จากดีกลายเป็นเลวร้ายในไม่กี่ปี จนเธอกับครอบครัวก็ตั้งตัวไม่ติด รับภาวะย่ำแย่แทบไม่ทัน และถึงเวลาที่เธอจะต้องเลือก ระหว่างช่วยกู้ทุกอย่างของครอบครัวคืน กับทิ้งทุกอย่างไปแบบไม่เหลียวหลัง เพื่อไปเลียแผลหัวใจจากชายที่เธอรักแทบตาย สุดท้ายเธอจะเลือกทางเดินยังไง จะไปต่อหรือพอแค่นี้ ---------------------------------------------------------------------------------------- เมียแต่งท่านประธาน Chairman's Wife ตอนแรกคิดว่าจะให้นิยายที่เรื่องนี้มีแค่ชื่อภาษาอังกฤษเท่านั้นค่ะ ที่เหลือให้รี้ดไปตีความเอาเอง ว่าควรจะใช้ภาษาไทยว่าอะไรดี ระหว่าง แรงรัก - รั้งรัก - รังรัก และใช้นามปากกาพิมรภัค แต่สุดท้ายก็คิดชื่อใหม่ได้แล้วค่ะ และตัดสินใจใช้นามปากกาหลัก นั่นคือ กันเกราค่ะ เพราะแว้ปไปเขียนอวตารหลายเรื่องแล้ว และไม่ได้ออกนามปากกานี้นานแล้ว ส่วนแนวก็จะเพิ่มดราม่าเข้าไปอีก ซึ่งจะเป็น Signature ของกันเกราอยู่แล้ว รี้ดอยากได้มาม่าเจ้มจ้นแค่ไหน บอกกันได้เด้อ ----------------------------------------------------------------------------------------
อวิ๋นเจินอาศัยอยู่ในตระกูลอวิ๋นมาเป็นเวลา 20 ปี กลับพบว่าเธอเป็นลูกสาวปลอม พ่อแม่บุญธรรมของเธอวางยาเธอเพื่ออยากจะได้เงินมาลงทุน หลังจากที่อวิ๋นเจินรู้เรื่องนี้ เธอก็ถูกไล่กลับไปที่ชนบท จากนั้นเธอก็ค้นพบว่าตัวเองคือลูกสาวแท้ๆ ของตระกูลเฉียวและมีชีวิตที่หรูหราสุด ๆ หลังจากกลับมา เธอได้รับความรักจากครอบครัวและมีชื่อเสียงโด่งดัง น้องสาวจอมปลอมใส่ร้ายอวิ๋นเจิน แต่เธอไม่คาดคิดว่าอวิ๋นเจินจะมีความสามารถต่างๆ เมื่อต้องเผชิญกับการยั่วยุ เธอได้แสดงความสามารถและทักษะต่างๆ มากมายเพื่อจัดการผู้รังแก มีข่าวลือกันว่าอวิ๋นเจินยังคงโสด และชายหนุ่มชื่อดังแห่งเมืองงก็ผลักเธอไปเข้ากำแพง "คุณนายกู้ ถึงตามราเปิดเผยตัวตนได้แล้วนะ"
เธอก็รู้อยู่เต็มอกว่าเขาไม่เคยสนใจ แต่ก็ยังดึงดันอยากจะอยู่ใกล้ ต่อให้เธอเป็นเมียแต่งเขาก็คงไม่มีวันเปลี่ยนใจ เพราะเหตุนี้เธอจึงตัดสินใจจากไปในคืนแต่งงาน "จากนี้ไปเราไม่มีอะไรติดค้างกันอีก" 🥀
ตลอดระยะเวลาสามปีของการแต่งงาน เธอรู้สึกสิ้นหวัง ที่ถูกบังคับให้เซ็นใบหย่า ทั้งๆที่เธอกำลังท้อง เธอใจสลายกับความไร้มนุษยธรรมของเขา กระทั่งเธอออกไปจากชีวิตของเขา เขาเพิ่งรู้ตัวว่าเธอคือรักแท้ของเขา ไม่มีวิธีใดที่จะเยียวยาหัวใจที่บอบช้ำของเธอให้หายขาดได้ เขาจึงมอบความรักทั้งหมดของเขาให้แก่เธอเพื่อชดเชย
"นางเป็นบุตรีผู้สูงศักดิ์ของฮูหยินเอกของจวนเสนาบดี นางมีหน้าตาโดดเด่น ทั้งอ่อนโอนและมีน้ำใจไมตรีต่อผู้อื่น แต่... นางทำดีต่อป้าของนาง นางกลับฆ่าแม่ของนางตาย นางรักเอ็นดูน้องสาวของนาง แต่น้องสาวกลับแย่งสามีของนางไป นางคอยสนับสนุนและดูแลสามีของนางอย่างสุดหัวใจ แต่สามีกลับทำให้นางตายทั้งกลม...ตระกูลฝ่ายมารดาของนางก็ถูกประหารชีวิตทั้งตระกูลด้วย นางตายตาไม่หลับและสาบานว่าหากมีชาติหน้า นางจะไม่เมตาตาต่อใครอีก ใครก็ตาม กล้ามาทำร้ายข้า ข้าจะล้างแค้นด้วยชีวิตทั้งตระกูลของพวกเจ้า เมื่อเกิดใหม่อีกครั้ง นางอายุได้สิบสี่ปี นางสาบานว่าจะต้องเปลี่ยนชะตากรรมและแก้แค้นชาติก่อน ป้านางใจ้ร้าย นางจะใจร้ายกลับยิ่งกว่านาง นางคิดจะได้ครองตำแหน่งฮูหยินงั้นเหรอ บอกเลยไม่มีทาง! ส่วนน้องสาวชอบผู้ชายชั่ว ๆ นักไม่ใช่หรือ ได้!ข้าจะยกให้เลย ส่วนชายชั่วนั่น ข้าจะทำให้เจ้าไม่สามารถมีทายาทได้อีกตลอดทั้งชาติ!แต่ข้าจะแก้แค้น เหตุใดเจ้าต้องมาช่วยข้าด้วย?"
ตลอดระยะเวลาสามปีที่หยุยเอินแต่งงานกับฝู้ถิงหย่วน เธอพยายามทำหน้าที่ภรรยาให้ดีที่สุด เธอคิดว่าความอ่อนโยนของตนจะสามารถละลายใจที่เย็นชาของฝู้ถิงหย่วนได้ แต่ต่อมาเธอก็รู้ตัวว่าไม่ว่าเธอจะพยายามแค่ไหน ผู้ชายคนนี้ก็ไม่มีวันจะตกหลุมรักเธอได้ ด้วยความสิ้นหวังของเธอ สุดท้ายเธอตัดสินใจที่จะยุติการแต่งงานครั้งนี้ ในสายตาของฝู้ถิงหย่วน หยุยเอิน ภรรยาของเขาเป็นผู้หญิงที่โง่ ไม่มีอะไรดีเลยสักอย่าง แต่เขาก็คิดไม่ถึงว่าภรรยาของเขาจะกล้าโยนใบหย่าใส่เขาต่อหน้าคนมากมายในงานเลี้ยงวันครบรอบฝู้ซื่อ กรุ๊ป หลังจากหย่าร้าง ทุกคนต่างคิดว่าพวกเขาจะไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกันอีกต่อไป แต่เรื่องราวระหว่างทั้งสองคงไม่ได้จบลงอย่างง่าย ๆ แบบนี้ หยุยเอินได้รับรางวัลบทภาพยนตร์ยอดเยี่ยม และคนที่เป็นผู้มอบถ้วยรางวัลให้กับเธอก็คือฝู้ถิงหย่วน หยุยเอินคิดไม่ถึงว่าผู้ชายที่สูงส่งและแสนเย็นชาคนนี้จะลดตัวลงอ้อนวอนเธอต่อหน้าผู้ชมทั้งหมด"หยุยเอิน ก่อนหน้านี้คือผมผิดเอง ขอโอกาสให้ผมอีกครั้งได้ไหม"หยุยเอินยิ้มด้วยความมั่นใจ"ขอโทษนะคุณฝู้ ตอนนี้ฉันสนใจแต่เรื่องงาน"ชายหนุ่มคว้ามือเธอไว้ ดวยตานั้นเต็มไปด้วยความผิดหวัง หยุยเอินสบัดมือเขาและเดินจากไปโดยปราศจากความลังเลใด ๆ