เสียงคลื่นที่ครวญตามแรงลมสาดซัดเข้าหาชายฝั่ง สลับกับเสียงนกทะเลกู่ร้องแว่วมาให้ได้ยิน เป็นสัญญาณเตือนว่าวันใหม่กำลังจะเริ่มต้น ส่งผลให้คนซึ่งนั่งนิ่งซบใบหน้าที่เปรอะเปื้อนไปด้วยหยาดน้ำตาลงกับหัวเข่า ต้องพยายามแหงนขึ้นมองความเปลี่ยนแปลงรอบตัว
ยามเมื่อฝ่าเท้าก้าวลงจากรถ ก่อนจะเหยียบย่ำลงบนผืนทรายแห่งนี้ ความมืดดำยังคงอยู่รอบกาย แต่ว่าในขณะนี้กลับกลายเป็นว่ามีแสงสว่างจางๆ ปรากฏขึ้นอยู่ ณ เส้นขอบฟ้า ทำให้สามารถมองเห็นสิ่งต่างๆ รอบตัวได้มากขึ้น
คราบน้ำตาที่ทอดตัวลงเป็นสายขนาบสองข้างแก้ม เธอจำต้องปล่อยให้มันไหลออกมาอีกครั้ง เมื่อความทุกข์ระทมนั้นเข้าโหมกระหน่ำซัดเข้าใส่ จนไม่อาจต้านทานหยาดน้ำแห่งความเจ็บช้ำไว้ได้ไหว เพื่อช่วยชะล้างหัวใจที่กลัดทุกข์ให้ผ่อนคลายลงบ้าง หัวใจที่ครั้งหนึ่งเธอเคยคิดว่ามันแหลกสลายจนไม่มีชิ้นดี น่าแปลกที่มันก็ยังคงเต้นอยู่ทุกขณะ แม้ในขณะนี้ก็เช่นกัน
ทว่าค่ำคืนที่ผ่านมา ความทุกข์นั้นไม่เพียงยังคงอยู่ แต่มันกลับทำให้เธอยิ่งตอกย้ำถึงความผิดพลาดและความล้มเหลวในชีวิตมากขึ้น และมีบ้างบางเสี้ยวเวลาที่เธอแอบคิดว่าสิ่งที่เกิดขึ้นทั้งหมดนั้นเป็นเพียงความฝันที่พัดผ่านเข้ามา และเมื่อเธอตื่นขึ้น ‘ทุกข์’ เหล่านั้นก็จะจางหายไป แต่สัมผัสจากแรงลมทะเลที่พัดผ่านเข้าหาตัว บวกกับความชื้นฉ่ำที่รับรู้อยู่บนผืนทรายก็ทำให้เธอต้องบอกตัวเองว่านี่ไม่ใช่ความฝันอย่างที่เธออยากให้เป็น ทุกอย่างที่เกิดขึ้นเป็นความจริงที่เธอต้องยอมรับ ด้วยหัวใจที่ยังคงทิ้งรอยเจ็บ
ระยะทางกว่า 300 กิโลเมตร จากนนทบุรีมาประจวบคีรีขันธ์ไม่ได้เป็นอุปสรรคเลยสักนิด เมื่อตลอดทั้งเส้นทางนั้นเธอมีหยาดน้ำตาเป็นเพื่อนร่วมทาง ความเข้มแข็งที่เธอแสดงออกให้ใครหลายคนได้เห็นจึงพังทลายลงเมื่อต้องอยู่กับตัวเอง เพราะแท้ที่จริงแล้วหัวใจเธอนั้นบอบช้ำเสียจนเธออยากจะหันไปหาหลักยึด อยากทบทวนในสิ่งที่เกิดขึ้นกับชีวิต อยากปลอบใจตัวเองว่าสิ่งที่ทำลงไปนั้นเธอได้คิดและตัดสินใจอย่างถูกต้องแล้วที่สุด อยากปลดปล่อยหยาดน้ำตาให้เคล้าคลอไปกับเสียงทะเลและเกลียวคลื่น อยากคร่ำครวญโหยไห้ไปกับคลื่นลมให้สาสมกับโชคชะตา ที่ชักพาความรักเข้ามาทักทาย ก่อนจะฝากรอยจารึกที่ไม่มีวันลบออกไปไว้ให้เธอดูต่างหน้า และความทุกข์นั้นก็โหมซัดเสียจนดวงตาแดงก่ำบอบช้ำ จนต้องปิดเปลือกตาลงอีกครั้งเพราะไม่อาจสู้แสงที่เริ่มจะปรากฏ ณ เส้นขอบฟ้านั้นได้
แสงสว่างที่ค่อยๆ ไต่ระดับขึ้นมาบนท้องฟ้า ทำให้เปลือกตาซึ่งบวมช้ำจากการร้องไห้อย่างหนักต้องกะพริบถี่ขึ้น เพื่อปรับสายตาให้ชินกับแสงสว่างและความเจิดจ้า
แสงสีส้มจางที่มองเห็นได้สุดสายตาค่อยๆ เคลื่อนขยายตัวจนเป็นวงกว้างมากขึ้น แม้จะยังไม่เห็นสิ่งทรงอำนาจที่มอบความอบอุ่นให้แก่พื้นโลก แต่แค่เพียงรัศมีที่แผ่ออกมาก็ทำให้ความเย็นยะเยือกในยามค่ำคืนและความหนาวสะท้านในหัวใจค่อยๆ มลายหาย
เกาะแก่งที่เคยมืดทึบอยู่ในทะเลปรากฏออกมาเบื้องหน้าราวภาพฝัน ดวงตาที่ทอดมองไปไกลค่อยๆ กะพริบถี่ขึ้นเพราะความเจ็บช้ำที่อัดแน่นอยู่ในหัวใจนั้นคล้ายจะป่าวร้องว่า...เมื่อใดที่แสงสว่างมาเยือนจนมองเห็นสิ่งต่างๆ ในโลกใบนี้ได้ชัดเจน เมื่อนั้นก็จะมองเห็นถึงจุดด่างดำในชีวิตของใครบางคนชัดเจนขึ้นไปด้วย รวมทั้งตัวเธอ
ร่างผอมบางที่กลับมามีทรวดทรงอวบอิ่มไม่ต่างจากนางแบบซึ่งมีสรีระงดงามกอดกระชับหัวเข่าตัวเองดั่งจะเรียกร้องหาความอบอุ่น ปล่อยให้เส้นผมสีดำหยักศกได้ทิ้งตัวยาวสยายกระจายไปตามแรงลม ชุดเดรสผ้าฝ้ายสีขาวฉลุลายลูกไม้ราคาแพงลิบจากดีไซเนอร์ชื่อดังของเมืองไทยกำลังเปียกชื้นไปด้วยน้ำทะเลที่ซัดสาดเข้าใส่
เธอสั่นสะอื้นอีกครั้งราวกับจะปลดปล่อยทุกข์ทั้งหลายให้มลายไปกับแสงแรกแห่งวัน ให้ความทุกข์นั้นได้สลายไปกับระลอกคลื่นที่สาดซัดในทันทีที่กระทบเข้าหาฝั่ง
ดวงตาซึ่งเอ่อล้นไปด้วยหยาดน้ำตามองตรงไปข้างหน้าคล้ายจะดื่มด่ำกับภวังค์ความทุกข์ ที่แม้จะบอกตัวเองให้เข้มแข็งไว้ดังใจคิด และหวังว่าสักวันหนึ่งเธอจะหลงลืมความเจ็บปวดนั้นได้ แต่ยิ่งพยายามลืมเท่าไรกลับยิ่งจดจำ เมื่อฝ่ามือยังอดไม่ได้ที่จะสัมผัสไปยังหน้าท้องตัวเองไปมาด้วยความโหยหาในสิ่งนั้น...สิ่งที่เธอไม่เคยคิดว่ามี แต่แล้วก็มี และเมื่อรู้ว่าสิ่งนั้นมี ก็กลับมาจากไปอย่างที่เธอไม่สามารถจะยื้อไว้ได้ ไม่ต่างอะไรจากชื่อเสียงและเกียรติยศ
ภาพแห่งเกียรติยศและชื่อเสียงที่เคยเกิดขึ้นก่อนที่จะหลุดลอยไป ภาพแห่งความรักหวานละมุน และภาพแห่งความทุกข์มหาศาลต่างหมุนเวียนเปลี่ยนวนกันเข้ามาให้เธอหวนคะนึงหาไม่รู้จบ และตราบจนสิ้นลมหายใจนี้ เธอก็คงจะลืมไม่ลง
ฝ่ามือยังคงวางทาบไว้บริเวณหน้าท้องของตัวเอง หยาดน้ำตาไหลรินเป็นสาย พยายามคิดว่าใครบางคนนั้นเข้ามาเพียงเยี่ยมเยือนและก็จากไป ใครบางคนที่คงทำบุญร่วมกันมาไม่พอ จึงได้มาพบและจากลากันอย่างง่ายดาย และก็เป็นใครบางคนที่ทำให้เธอเลือกที่จะหักดิบหัวใจตัวเอง
เธอรู้ว่ามันเจ็บเจียนตาย แต่สุดท้ายเธอก็มั่นใจว่าเธอยังหายใจได้อยู่ เพียงแต่ต้องใช้เวลาเท่านั้น อาจจะหนึ่งเดือน สองเดือน หรืออาจยาวไปถึงหนึ่งปี สองปี หรืออาจยาวนานไปจนตลอดชีวิต แต่เธอก็เชื่อว่าสักวันหนึ่งบาดแผลที่ยังคงความสดเหล่านี้จะกลับกลายเป็นแผลเก่าและตกสะเก็ดไปได้เองตามกาลเวลา อาจจะคันปนแสบนิดๆ ซึ่งหากเธอทนไม่ได้ที่ต้องไปแกะเกาด้วยความคิดซ้ำๆ ตอกย้ำความผิดในวันวาน ทว่าในวันหนึ่งมันก็ต้องหายเจ็บอย่างแน่นอน แม้ว่าจะทิ้งร่องรอยของบาดแผลไว้ให้เห็นบ้าง แต่ก็ยังดีกว่าที่จะปล่อยให้แผลสดนั้นกลัดหนองจนอาจกลายเป็นเนื้อร้ายที่สามารถคร่าชีวิตเธอได้
“ฟ้าสวยดีนะครับ”
เสียงทุ้มดังขึ้น พร้อมกับใครคนหนึ่งนั่งลงที่ด้านข้าง ทำให้ใบหน้าฉ่ำชื้นไปด้วยวาวน้ำตาหันมองหาที่มาของเสียง หัวคิ้วเรียวสวยขมวดมุ่นครุ่นคิด ก่อนดวงตาซึ่งอ่อนล้าจะปิดลงเพราะเหน็ดเหนื่อยเหลือเกินที่จะคิดถึงสิ่งใดในยามนี้ เธอเหนื่อยล้าเหลือเกิน