ความสุขจากสิ่งที่ยื้อแย่งเขามา จะต่างอะไรกับการอยู่บน ‘วิมานเพลิง’ “เพราโพยม” จิตกรสาวมากความสามารถ เส้นทางชีวิตเต็มไปด้วยเกียรติยศและชื่อเสียง มีทุกสิ่งที่ปรารถนา ยกเว้น... ความรัก และเมื่อความรักโบยบินมาพบพาน รักของเธอก็ไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ ทว่ากลับถูกโรยด้วยความงดงามของกลีบดอกงิ้วที่ฉาบไว้ด้วยหนามแหลมคม และร้อนแรงราวอยู่ในกองไฟ “ปราณรต์” ช่างภาพหนุ่มรูปหล่อ ความรักของเขา... เหมือนสายลม ที่พร้อมจะพัดพาให้ความเย็นชื่นใจ และโหมกระหน่ำทำลายไม่หลงเหลือ ++++++++ “ผัวก็เหมือนแปรงสีฟัน ของส่วนตัว ต้องใช้คนเดียวเท่านั้น ไม่ใช่ของที่ใครจะยืมไปใช้ชั่วครั้งชั่วคราว แปรงสะอาดหายคันแล้วก็เอามาคืน” “ฉันไม่ได้ต้องการเงินของคุณ! จำเอาไว้! ไม่ต้องมาซื้อผัวฉัน!” “คุณไม่ได้อยู่บนวิมานนางฟ้า แต่คุณมันอยู่บนวิมานดอกงิ้ว! จำเอาไว้ คุณมันอยู่บนวิมานดอกงิ้ว! เมียน้อย! พวกแย่งผัวชาวบ้าน เมียน้อย!” ‘ครอบครัวแม่ไม่เคยมีใครต้องเป็นเมียน้อยเขา แค่คิดว่ามีสายเลือดเดียวกัน แม่ก็ยังอยากจะกรีดเอาเลือดพวกนั้นออกมาซะให้หมดเพราะมีไว้ก็เหมือนประจานความน่ารังเกียจของครอบครัวตัวเอง’ ‘คนที่แสนดี มีความสุขบนความทุกข์ของคนอื่น’ ‘รางวัลอันทรงเกียรติมอบไว้แด่เธอ...ไอดอลเมียน้อย’ ‘เมียน้อยก็ไม่ต่างจากหมาที่ต้องรอคอยเศษอาหารจากเจ้าของ อดบ้างอิ่มบ้าง แต่ก็ยังรอคอย’ ‘ริจะเป็นเมียน้อยมันก็ได้ขึ้นสวรรค์แค่ตอนนอนเท่านั้นแหละ เพราะทุกครั้งที่ตื่นมันก็ไม่ต่างกับอยู่ในนรก!!!’
เสียงคลื่นที่ครวญตามแรงลมสาดซัดเข้าหาชายฝั่ง สลับกับเสียงนกทะเลกู่ร้องแว่วมาให้ได้ยิน เป็นสัญญาณเตือนว่าวันใหม่กำลังจะเริ่มต้น ส่งผลให้คนซึ่งนั่งนิ่งซบใบหน้าที่เปรอะเปื้อนไปด้วยหยาดน้ำตาลงกับหัวเข่า ต้องพยายามแหงนขึ้นมองความเปลี่ยนแปลงรอบตัว
ยามเมื่อฝ่าเท้าก้าวลงจากรถ ก่อนจะเหยียบย่ำลงบนผืนทรายแห่งนี้ ความมืดดำยังคงอยู่รอบกาย แต่ว่าในขณะนี้กลับกลายเป็นว่ามีแสงสว่างจางๆ ปรากฏขึ้นอยู่ ณ เส้นขอบฟ้า ทำให้สามารถมองเห็นสิ่งต่างๆ รอบตัวได้มากขึ้น
คราบน้ำตาที่ทอดตัวลงเป็นสายขนาบสองข้างแก้ม เธอจำต้องปล่อยให้มันไหลออกมาอีกครั้ง เมื่อความทุกข์ระทมนั้นเข้าโหมกระหน่ำซัดเข้าใส่ จนไม่อาจต้านทานหยาดน้ำแห่งความเจ็บช้ำไว้ได้ไหว เพื่อช่วยชะล้างหัวใจที่กลัดทุกข์ให้ผ่อนคลายลงบ้าง หัวใจที่ครั้งหนึ่งเธอเคยคิดว่ามันแหลกสลายจนไม่มีชิ้นดี น่าแปลกที่มันก็ยังคงเต้นอยู่ทุกขณะ แม้ในขณะนี้ก็เช่นกัน
ทว่าค่ำคืนที่ผ่านมา ความทุกข์นั้นไม่เพียงยังคงอยู่ แต่มันกลับทำให้เธอยิ่งตอกย้ำถึงความผิดพลาดและความล้มเหลวในชีวิตมากขึ้น และมีบ้างบางเสี้ยวเวลาที่เธอแอบคิดว่าสิ่งที่เกิดขึ้นทั้งหมดนั้นเป็นเพียงความฝันที่พัดผ่านเข้ามา และเมื่อเธอตื่นขึ้น ‘ทุกข์’ เหล่านั้นก็จะจางหายไป แต่สัมผัสจากแรงลมทะเลที่พัดผ่านเข้าหาตัว บวกกับความชื้นฉ่ำที่รับรู้อยู่บนผืนทรายก็ทำให้เธอต้องบอกตัวเองว่านี่ไม่ใช่ความฝันอย่างที่เธออยากให้เป็น ทุกอย่างที่เกิดขึ้นเป็นความจริงที่เธอต้องยอมรับ ด้วยหัวใจที่ยังคงทิ้งรอยเจ็บ
ระยะทางกว่า 300 กิโลเมตร จากนนทบุรีมาประจวบคีรีขันธ์ไม่ได้เป็นอุปสรรคเลยสักนิด เมื่อตลอดทั้งเส้นทางนั้นเธอมีหยาดน้ำตาเป็นเพื่อนร่วมทาง ความเข้มแข็งที่เธอแสดงออกให้ใครหลายคนได้เห็นจึงพังทลายลงเมื่อต้องอยู่กับตัวเอง เพราะแท้ที่จริงแล้วหัวใจเธอนั้นบอบช้ำเสียจนเธออยากจะหันไปหาหลักยึด อยากทบทวนในสิ่งที่เกิดขึ้นกับชีวิต อยากปลอบใจตัวเองว่าสิ่งที่ทำลงไปนั้นเธอได้คิดและตัดสินใจอย่างถูกต้องแล้วที่สุด อยากปลดปล่อยหยาดน้ำตาให้เคล้าคลอไปกับเสียงทะเลและเกลียวคลื่น อยากคร่ำครวญโหยไห้ไปกับคลื่นลมให้สาสมกับโชคชะตา ที่ชักพาความรักเข้ามาทักทาย ก่อนจะฝากรอยจารึกที่ไม่มีวันลบออกไปไว้ให้เธอดูต่างหน้า และความทุกข์นั้นก็โหมซัดเสียจนดวงตาแดงก่ำบอบช้ำ จนต้องปิดเปลือกตาลงอีกครั้งเพราะไม่อาจสู้แสงที่เริ่มจะปรากฏ ณ เส้นขอบฟ้านั้นได้
แสงสว่างที่ค่อยๆ ไต่ระดับขึ้นมาบนท้องฟ้า ทำให้เปลือกตาซึ่งบวมช้ำจากการร้องไห้อย่างหนักต้องกะพริบถี่ขึ้น เพื่อปรับสายตาให้ชินกับแสงสว่างและความเจิดจ้า
แสงสีส้มจางที่มองเห็นได้สุดสายตาค่อยๆ เคลื่อนขยายตัวจนเป็นวงกว้างมากขึ้น แม้จะยังไม่เห็นสิ่งทรงอำนาจที่มอบความอบอุ่นให้แก่พื้นโลก แต่แค่เพียงรัศมีที่แผ่ออกมาก็ทำให้ความเย็นยะเยือกในยามค่ำคืนและความหนาวสะท้านในหัวใจค่อยๆ มลายหาย
เกาะแก่งที่เคยมืดทึบอยู่ในทะเลปรากฏออกมาเบื้องหน้าราวภาพฝัน ดวงตาที่ทอดมองไปไกลค่อยๆ กะพริบถี่ขึ้นเพราะความเจ็บช้ำที่อัดแน่นอยู่ในหัวใจนั้นคล้ายจะป่าวร้องว่า...เมื่อใดที่แสงสว่างมาเยือนจนมองเห็นสิ่งต่างๆ ในโลกใบนี้ได้ชัดเจน เมื่อนั้นก็จะมองเห็นถึงจุดด่างดำในชีวิตของใครบางคนชัดเจนขึ้นไปด้วย รวมทั้งตัวเธอ
ร่างผอมบางที่กลับมามีทรวดทรงอวบอิ่มไม่ต่างจากนางแบบซึ่งมีสรีระงดงามกอดกระชับหัวเข่าตัวเองดั่งจะเรียกร้องหาความอบอุ่น ปล่อยให้เส้นผมสีดำหยักศกได้ทิ้งตัวยาวสยายกระจายไปตามแรงลม ชุดเดรสผ้าฝ้ายสีขาวฉลุลายลูกไม้ราคาแพงลิบจากดีไซเนอร์ชื่อดังของเมืองไทยกำลังเปียกชื้นไปด้วยน้ำทะเลที่ซัดสาดเข้าใส่
เธอสั่นสะอื้นอีกครั้งราวกับจะปลดปล่อยทุกข์ทั้งหลายให้มลายไปกับแสงแรกแห่งวัน ให้ความทุกข์นั้นได้สลายไปกับระลอกคลื่นที่สาดซัดในทันทีที่กระทบเข้าหาฝั่ง
ดวงตาซึ่งเอ่อล้นไปด้วยหยาดน้ำตามองตรงไปข้างหน้าคล้ายจะดื่มด่ำกับภวังค์ความทุกข์ ที่แม้จะบอกตัวเองให้เข้มแข็งไว้ดังใจคิด และหวังว่าสักวันหนึ่งเธอจะหลงลืมความเจ็บปวดนั้นได้ แต่ยิ่งพยายามลืมเท่าไรกลับยิ่งจดจำ เมื่อฝ่ามือยังอดไม่ได้ที่จะสัมผัสไปยังหน้าท้องตัวเองไปมาด้วยความโหยหาในสิ่งนั้น...สิ่งที่เธอไม่เคยคิดว่ามี แต่แล้วก็มี และเมื่อรู้ว่าสิ่งนั้นมี ก็กลับมาจากไปอย่างที่เธอไม่สามารถจะยื้อไว้ได้ ไม่ต่างอะไรจากชื่อเสียงและเกียรติยศ
ภาพแห่งเกียรติยศและชื่อเสียงที่เคยเกิดขึ้นก่อนที่จะหลุดลอยไป ภาพแห่งความรักหวานละมุน และภาพแห่งความทุกข์มหาศาลต่างหมุนเวียนเปลี่ยนวนกันเข้ามาให้เธอหวนคะนึงหาไม่รู้จบ และตราบจนสิ้นลมหายใจนี้ เธอก็คงจะลืมไม่ลง
ฝ่ามือยังคงวางทาบไว้บริเวณหน้าท้องของตัวเอง หยาดน้ำตาไหลรินเป็นสาย พยายามคิดว่าใครบางคนนั้นเข้ามาเพียงเยี่ยมเยือนและก็จากไป ใครบางคนที่คงทำบุญร่วมกันมาไม่พอ จึงได้มาพบและจากลากันอย่างง่ายดาย และก็เป็นใครบางคนที่ทำให้เธอเลือกที่จะหักดิบหัวใจตัวเอง
เธอรู้ว่ามันเจ็บเจียนตาย แต่สุดท้ายเธอก็มั่นใจว่าเธอยังหายใจได้อยู่ เพียงแต่ต้องใช้เวลาเท่านั้น อาจจะหนึ่งเดือน สองเดือน หรืออาจยาวไปถึงหนึ่งปี สองปี หรืออาจยาวนานไปจนตลอดชีวิต แต่เธอก็เชื่อว่าสักวันหนึ่งบาดแผลที่ยังคงความสดเหล่านี้จะกลับกลายเป็นแผลเก่าและตกสะเก็ดไปได้เองตามกาลเวลา อาจจะคันปนแสบนิดๆ ซึ่งหากเธอทนไม่ได้ที่ต้องไปแกะเกาด้วยความคิดซ้ำๆ ตอกย้ำความผิดในวันวาน ทว่าในวันหนึ่งมันก็ต้องหายเจ็บอย่างแน่นอน แม้ว่าจะทิ้งร่องรอยของบาดแผลไว้ให้เห็นบ้าง แต่ก็ยังดีกว่าที่จะปล่อยให้แผลสดนั้นกลัดหนองจนอาจกลายเป็นเนื้อร้ายที่สามารถคร่าชีวิตเธอได้
“ฟ้าสวยดีนะครับ”
เสียงทุ้มดังขึ้น พร้อมกับใครคนหนึ่งนั่งลงที่ด้านข้าง ทำให้ใบหน้าฉ่ำชื้นไปด้วยวาวน้ำตาหันมองหาที่มาของเสียง หัวคิ้วเรียวสวยขมวดมุ่นครุ่นคิด ก่อนดวงตาซึ่งอ่อนล้าจะปิดลงเพราะเหน็ดเหนื่อยเหลือเกินที่จะคิดถึงสิ่งใดในยามนี้ เธอเหนื่อยล้าเหลือเกิน
หากนาไม่แล้ง ข้าวไม่แห้งตาย ‘เดช’ ก็ไม่คิดจะหอบเอา ‘ฟ้า’ เมียรักเข้ามาทำงานในเมืองกรุง แต่ความจนทำให้เลือกไม่ได้ และงานดี เงินดี เจ้านายเห็นใจ ก็เป็นเส้นทางที่ดีที่สุด ทว่า... หากรู้ว่ามาแล้วจะต้องเสียเมียให้นายฝรั่ง เดชเลือกที่จะไม่มาเสียยังดีกว่า แต่... เสียแล้วคือเสียเลย สิ่งเดียวที่จะชดเชยความแค้นก็คือ ‘เมียนาย’ คุณผู้หญิงเร่าร้อน เร่งเร้า รุนแรง และมากครั้งเท่าที่ต้องการ เดชไม่รู้แล้วว่านั่นคือการแก้แค้นหรือรางวัล +++++ ‘เดช’ พา ‘ฟ้า’ เมียรักมาทำงานที่บ้านนายฝรั่ง แต่ ‘คริส’ นายฝรั่งกินเมียเขาไปแล้ว และยังเอาดุ้นยาวใหญ่มาล่อให้ฟ้าติดใจ จนฟ้ากินไม่อิ่มไม่พอ อยากได้อะไรที่เทียบเท่า เขาก็เลยแอบกิน ‘โรส’ เมียของนายฝรั่ง แก้แค้นให้สาสม แต่แค้นช่างแสนหวานและฉ่ำชุ่ม จนเขาต้องกินซ้ำๆ ยิ่งได้กินพร้อมๆ กับพี่โชค เขาก็ยิ่งเมามัน และแน่นอนว่าโรสชอบ ในขณะที่นายฝรั่งกระหยิ่มยิ้มที่ได้กินเมียเขา เดชกลับสุขและยิ้มกว้างยิ่งกว่า เพราะเขาได้กิน ‘คุณหนูแพทตี้’ คุณหนูช่างร่านร้อนไม่ต่างจากแม่ แน่นอนว่าเขาชวนพี่โชคมากินด้วย
‘หากหัวใจปราศจากความแค้น คงไร้แล้วซึ่งลมหายใจ’ สำหรับหล่อน เขาคือชายชุดดำ บอดี้การ์ดหน้านิ่งของพ่อ เคร่งขรึม เก๊กหล่อ หมางเมินใส่ราวหล่อนไม่สำคัญ ก็แน่ล่ะ เพราะพี่สาวเขากำลังจะมาเป็นเมียใหม่ของพ่อ แต่มีเหรอที่หล่อนจะยอม นารีมีรูปเป็นทรัพย์ฉันใด หล่อนก็พร้อมจะลงทุนเพื่อสิ่งที่ได้มา ภายใต้แว่นดำนั้น หล่อนต้องรู้ให้ได้ว่า ‘หัวใจ’ หรือเปล่าที่ซุกซ่อนอยู่ แต่สำหรับเขา... หล่อนคือ เหยื่อ! ที่ความแค้นจะได้เอาคืน
ความรักหรือเพียงความปรารถนาแค่ข้ามคืน พบกับนิยายสุดเร่าร้อน 3 เรื่อง 1.คืนเคาท์ดาวน์ 2.คืนฝนฉ่ำรัก 3.คืนเหงาสาวข้างบ้าน
#มาดามทรายกับชายเลี้ยงม้า เปิดประสบการณ์รักร้อนในฟาร์มม้ากันสักครั้ง หรือจะลองกลิ่นฟางแห้งบ่มแดดอุ่นๆ ในโรงนาก็ไม่เลวนะ +++++ เคิร์กรู้ว่าฉันชอบขี่ม้า เขาจึงสอนให้ฉันขี่ม้าจริงๆ หลังจากขี่เขาจนช่ำชองมาหลายครั้ง และฉันก็หัวไวสอนง่ายซะด้วย เพราะเมื่อฝึกหัดขี่ม้าจริงตอนเย็นเสร็จ พอตกกลางคืนฉันก็ซ้อมขี่กับม้าเทียมอย่างเคิร์กอยู่ทุกวัน ไม่ได้ว่างเว้น และก็มีบ้างเป็นบางวันที่ฉันทนไม่ไหวและเคิร์กก็อดไม่ได้ เมื่อฟางใหม่หอมกลิ่นแดดเร่งเร้าความกำหนัดของเราเหลือเกิน เคิร์กก็จะพาฉันไปซ้อมขี่กันที่คอกม้าในโรงนาซะหลายครั้ง และความตื่นเต้นก็ทำให้ฉันกับเคิร์กคึกคักกันมากเป็นพิเศษ ยามที่ฉันควบขี่เคิร์กอยู่ในโรงนา กลิ่นฟางแห้งที่รองรับร่างกายยิ่งใหญ่ของเขาอยู่นั้น เร้าใจจนฉันควบขี่เขาได้ไวกว่าที่เคยทำได้ บั้นเอวและช่วงบั้นท้ายทำหน้าที่โยกตัวไปข้างหน้าและโย้มาข้างหลัง ทว่าปากก็ร่ำร้องบอกถึงความเสียวซ่านที่ดุ้นบังเหียนกระทำกับร่องลึกลับของฉันอยู่ตลอดเวลา
พี่หนึ่งจะทำยังไงถ้าต้องเจอหน้า ‘พี่ชมพู่’ อยู่ทุกวัน รุ่นพี่สาวสวยที่เขาเคยไปสารภาพรัก แต่เธอกลับปฏิเสธอย่างไม่มีเยื่อใยด้วยข้อหา ‘เด็กไป’ ครั้งนี้ พี่หนึ่งตั้งใจจะลบคำสบประมาทให้ได้ พี่ชมพู่จะได้รู้ว่า ‘รุ่นน้อง’ ก็ทำอะไรได้หลายๆ อย่างไม่แพ้รุ่นพี่ โดยเฉพาะพี่หนึ่งน่ะจบด็อกเตอร์สาขา ‘เซ็กซ์ศาสตร์’ มาซะด้วย ‘เด็กกว่าแล้วไง’ รุ่นพี่ถ้ามาเจอ ‘รุ่นน้อง... สายดาร์ก’ จะทนได้เหรอ พี่หนึ่งจะพิสูจน์เอง
เพราะเป็นคนสวน 'เมฆ' จึงต้องรดน้ำดอกไม้ของ 'คุณนายชวนชม' ทั้งวัน...ทั้งคืน ‘คุณนายครับ’ เป็นเรื่องราวความเร่าร้อนของ ‘เมฆ’ คนสวนหนุ่มรูปร่างสูงใหญ่ผิวกายดำแดง ตามแบบฉบับคนท้องไร่ท้องนาเต็มขั้น เมื่อเมฆต้องมาทำสวนที่บ้านของ ‘คุณนายชวนชม’ เมฆก็เลยต้องเป็นคนสวนที่ดีที่สุด ดังนั้นดอกไม้ในบ้านของคุณนายไม่ว่าจะมีกี่ดอก เมฆก็ต้องทำหน้าที่รดน้ำดอกไม้เหล่านั้นให้ชุ่มฉ่ำ ทั้งวันและทั้งคืน
เฉียวลู่ นักแสดงแถวหน้าของจีนมีข่าวฉาวออกมาทำให้ทางต้นสังกัดของเธอสั่งให้เธองดออกสื่อชั่วคราว จึงเป็นโอกาสที่หาได้ยากสำหรับคนงานยุ่งตลอดทั้งปีของเธอที่จะได้พักผ่อน เฉียวลู่เดินทางกลับบ้านเกิดของเธอและการกลับไปครั้งนี้ทำให้ชีวิตของเฉียวลู่เปลี่ยนไปตลอดการ ฉีหมิงเยี่ยน อนุชาองค์เล็กของฮ่องเต้แห่งแคว้นฉี ถูกลอบปลงพระชนม์ระหว่างที่เดินทางมาทำหน้าที่เจรจาสงบศึกกับเเเคว้นเซียว เพราะได้รับบาดเจ็บสาหัสทำให้ชินอ๋องความจำเสื่อมและได้รับการช่วยเหลือจากพ่อลูกตระกูลเฉียว เซียวยิ่น ฮ่องเต้แคว้นเซียวมีพระสนมมากมายเเต่กลับไม่สามารถให้กำเนิดพระโอรสได้โหรหลวงได้ทำนายเอาไว้ว่า ในอนาคตองค์รัชทายาทที่แท้จริงจะกลับมาเซียวยิ่นจึงมีรับสั่งให้ทหารออกตามหาพระโอรสและอดีตฮองเฮาของตนอย่างลับๆ ฉินอี้เหยา ได้รับบาดเจ็บสาหัสร่างลอยตามแม่น้ำมาพร้อมกับเด็กทารกในอ้อมแขนเมื่อฟื้นขึ้นมานางจึงแสร้งจำเรื่องราวในอดีตไม่ได้ เพื่อให้นางและบุตรชายมีชีวิตรอดต่อไป
เธอก็รู้อยู่เต็มอกว่าเขาไม่เคยสนใจ แต่ก็ยังดึงดันอยากจะอยู่ใกล้ ต่อให้เธอเป็นเมียแต่งเขาก็คงไม่มีวันเปลี่ยนใจ เพราะเหตุนี้เธอจึงตัดสินใจจากไปในคืนแต่งงาน "จากนี้ไปเราไม่มีอะไรติดค้างกันอีก" 🥀
ฉู่ว่านยู ผู้สืบเชื้อสายมาจากตระกูลแพทย์แผนโบราณ มีทักษะทางการแพทย์ที่ยอดเยี่ยม ยาที่เธอทำนั้นทุกคนต่างอยากได้ สามารถรักษาได้ทุกโรค แต่กลับไม่คาดคิดว่าจะย้อนยุค กลายเป็นผู้หญิงที่ขี้เหร่ที่สุดในใต้หล้า และยังเอาชนะใจท่านอ๋องด้วย การเริ่มต้นไม่ค่อยดีก็ไม่เป็นไร มาดูกันว่าเธอจะพลิกผันยังไง การแย่งการแต่งงานงั้นเหรอ? เธอทำให้น้องต้องรับบทเรียน แย่งสินเิมดลับมา ให้ชายั่วหญิงร้ายคู่นี้อยู่ด้วยกันตลอดไป ขี้ขลาดเหรอ? เธอจัดการพ่อร้าย สั่งสอนผู้หญิงเสแสร้ง! ขี้เหร่เหรอ? เธอรักษาพิษในตัว และกลายเป็นคนงามอันน่าทึ่ง! ลูกสาวขี้เหร่ของจวนอัครมหาเสนาบดี กลายเป็นผู้สูงส่ง แม้แต่ผู้โหดเหี้ยมบางคนยังหวั่นไหวกับเธอ เมื่อสุดที่รักจะจัดการผู้ใด เขามักจะช่วยเสมอ... แต่น่าเสียดายสุดที่รักคนนั้นไม่มีเขาอยู่ในใจ ฉู่ว่านยู "ออกไป หย่าเลย ผู้ชายมีแต่เป็นภาระของข้าเท่านั้น" เสี่ยวลี่จิงรู้สึกน้อยใจ "ไม่ได้ ข้าให้ครั้งแรกกับเจ้าแล้ว เจ้าต้องรับผิดชอบข้า"
ตลอดระยะเวลาสามปีของการแต่งงาน เธอรู้สึกสิ้นหวัง ที่ถูกบังคับให้เซ็นใบหย่า ทั้งๆที่เธอกำลังท้อง เธอใจสลายกับความไร้มนุษยธรรมของเขา กระทั่งเธอออกไปจากชีวิตของเขา เขาเพิ่งรู้ตัวว่าเธอคือรักแท้ของเขา ไม่มีวิธีใดที่จะเยียวยาหัวใจที่บอบช้ำของเธอให้หายขาดได้ เขาจึงมอบความรักทั้งหมดของเขาให้แก่เธอเพื่อชดเชย
กู้ชิงเฉิงเชื่อมั่นมาตลอดว่าตราบใดที่เธอประพฤติตัวดี สักวันหนึ่ง เธอก็จะสามารถชนะใจมู่ถิงเซียวให้ได้ อย่างไรก็ตาม เมื่อเสิ่นถัง รักแรกที่เขาคิดถึงมาตลอดกลับมา ทุกอย่างก็เปลี่ยนไป กู้ชิงเฉิงเป็นคนว่าง่ายสอนง่ายจริงๆ เธอจัดงานแต่งงานด้วยคนเดียว และนอนคนเดียวในห้องผ่าตัดเพื่อรับการรักษาฉุกเฉิน มีข่าวลือว่าเธอบ้าไปแล้ว อันที่จริงเธอบ้าไปแล้วจริงๆ ที่รักใครสักคนอย่างไม่ละอายขนาดนี้ ต่อมา ทุกคนลือกันว่า กู้ชิงเฉิงป่วยหนักและกำลังจะเสียชีวิต มู่ถิงเซียวถึงสูญเสียการควบคุมอย่างสิ้นเชิง "ฉันไม่ปล่อยให้เธอตาย" แต่เธอกลับยิ้มอย่างนิ่งๆ ว่า "ดีจังเลย ฉันเป็นอิสระแล้ว" ใช่แล้ว ไม่ต้องการกู้ชิงเฉิงอีกแล้ว"
เพราะคิดว่าเป็นความฝัน ฉินหร่านจึงร่วมมือบรรเลงเพลงรักอย่างไม่ได้ตั้งใจ ไฉนตื่นขึ้นมาถึงมีสามีเป็นของตัวเอง อีกทั้งสามีนางยังตาบอดอีกด้วย! แต่นั่นไม่น่าตกใจ เท่ากับที่นางมาอยู่ในร่างเด็กสาวในยุคจีนโบราณ ที่ไม่มีในประวัติศาสตร์ อีกทั้งร่างนี้ถูกขายให้มาเป็นภรรยาของชายตาบอด แต่ไหนๆ ก็มาแล้วจึงจะใช้ชีวิตให้ดี ส่วนสามีนะหรือ หล่อขนาดนั้น แซ่บขนาดนี้ เดินหน้าเกี้ยวสามีสิ จะรออะไร!