“ฌาน” ชายหนุ่มเจ้าของความสูง 190 เซนติเมตร และใบหน้าคมกับดวงตาสีน้ำตาลสีเดียวกับเส้นผมที่ยาวประบ่าของเขา ดูเพียงแวบเดียวก็รู้ว่าชายหนุ่มวันสายสิบสี่คนนี้ไม่ใช่คนไทยแท้แต่สำเนียงของเขามิผิดเพี้ยนจากคนไทยเลยสักนิด ตลอด 3 ปีที่ผ่านมาเขาอยู่อย่างสงบและปิดบังฐานะที่แท้จริงของตน จนเมื่อวันหนึ่งเขาได้พบกับ “ยิหวา” อดีตนักข่าวสายบันเทิงที่ตกอับมีปากเสียงกับดาราสาวเจ้าน้ำตาคนหนึ่งจนตัวเองถูกปลดออกจากงานแบบสายฟ้าแลบ วิญาณนักข่าวของยิหว่าทำให้เขาหงุดหงิด ความลับที่พยายามเก็บซ่อนไว้เพื่อความปลอดภัยของเธอเอง แต่มันช่างแสนยากเย็นเมื่อได้ชิดใกล้ เขายิ่งปรารถนาในตัวเธอ
แสงแลบแปลบปลาบจากปลายฟ้าส่องกระทบซีกหน้าของชายหนุ่มในชุดดำ แม้จะมีเพียงแสงสลัวจากโคมไฟสีส้มบนเสาไฟฟ้า แต่กระนั้นเด็กสาววัย 19 ที่ยืนเกาะหน้าต่างห้องนอนบนชั้นสองของบ้านก็มองเห็นดวงตาเรืองแสงสีแดงวับวาว มือเรียวยกขึ้นปิดปากเพื่อกลั้นเสียงของตนเองไม่ให้หลุดรอดออกมา เท้าทั้งสองถูกตรึงด้วยภาพตรงหน้า
‘ฆาตกรรม!’
ชายหนุ่มยกมือขึ้นเสยผมหนักๆ เพราะน้ำฝนที่เทกระหนำใส่ร่างของเขา รู้สึกเจ็บๆ คันๆ ที่มุมปากจนเผลอแลบลิ้นออกมาเลียริมฝีปากของตนเองเขามองร่างชายหนุ่มวัยไล่เลี่ยกับเขาที่นอนชักกระตุกอย่างไร้ความเมตตาและใช้ปลายเท้าที่สวมรองเท้าหนังสีดำเขี่ยอีกฝ่ายอย่างไร้มารยาท สัญชาตญาณบอกว่าร่างของชายผู้นี้ชีพจรกำลังจะหยุดเต้นและเพียงไม่นานนักก็เป็นไปตามคาด ทว่าสัญชาตญาณอีกเช่นกันที่ทำให้เขาเงยหน้าขึ้นมองที่หน้าต่างห้องๆ หนึ่งบนชั้นสองของบ้านหลังนี้ เขาไม่คิดว่าเลยเที่ยงคืนที่ฝนตกกระหน่ำอย่าบ้าคลั่งจะยังมีคนตื่นอยู่ และที่สำคัญ...ท่าทางจะเห็นอะไรที่ไม่ควรเห็นเข้าเสียแล้ว
เหมือนมีรังสีความร้อนพุ่งตรงมายังหญิงสาว เธอผงะถอยห่างจากบ้านหน้าต่างเมื่อตั้งสติได้แล้วหมุนตัวรีบก้าวไปที่ประตูทันที ในขณะที่มือเรียวเล็กที่สั่นระริกกำลังปลดกลอนเธอก็รู้สึกว่ามีหยดน้ำตกใส่แก้มเนียนสัมผัสเย็นวาบซ้อนอยู่ด้านหลัง มือของเธอชะงักงันเธอกลั้นหายใจพลิกตัวกลับมาเผชิญหน้ากับความจริงแต่แล้วดวงตากลมโตก็ต้องเบิกกว้างเมื่อดวงตาสีแดงเพลิงที่เห็นไกลๆ กลับปรากฏเบื้องหน้า ร่างของชายหนุ่มคนนั้นช่างสูงใหญ่กว่าเธอนัก เพียงแค่เงาของเขาก็ทาบทับร่างเธอจนมิดมันทำให้ร่างเธอสั่นระริกอย่างหวาดผวาและไม่รู้ตัวเลยว่าไหล่สองข้างถูกจับแน่นและเขายื่นหน้ามาใกล้จนเธอรู้สึกได้ถึงกลิ่นคาวของเลือดที่ปะปนในลมหายใจที่รดอยู่ปลายจมูก
ดึกๆ ดื่นๆ ทำไมไม่นอนละหนูน้อย”
“ปะ...ปล่อย...” น้ำเสียงแสนเยียบเย็นไม่ได้ทำให้เธอรู้สึกดีขึ้นเลย แต่เธอก็ไม่รู้เสียงของตัวเองไปอยู่ไหนหมด เธออยากหวีดร้องแต่ทำไมไม่ได้! แล้ว...เขามาอยู่ตรงนี้ได้ยังไงกัน! เพียงแค่ไม่กี่วินาทีเขาเข้ามาในห้องเธอได้ยังไง!!!
“ก็เธอไม่ได้ล็อกหน้าต่างนี่” เขาหัวเราะในลำคอท่าทางหวาดกลัวของเธอทำให้เขาขำทั้งที่เธออยากจะร้องไห้ เด็กสาวเหลือบมองไปด้านหลังหน้าต่างบานนั้นเปิดอยู่จริงๆ ทั้งที่เมื่อครู่เธอปิดไว้แล้ว ลมฝนที่พัดผ่านทำเอาผ้าม่านขยับไหวและห้องของเธอกำลังชุ่มน้ำฝน แต่ที่น่ากลัวกว่าคือเขารู้ว่าเธอคิดอะไรอยู่ในใจ
“ผมจะเข้ามาไม่ได้หรอกถ้าคุณไม่อนุญาต”ชายหนุ่มหัวเราะอีก
“ฉัน...ฉัน...ไม่ได้เรียกคุณเข้ามา....ในบ้านของฉัน...”
เด็กสาวโต้กลับอย่างขลาดๆ แต่แล้วคำพุดของเธอก็ถูกดูดกลืนเมื่อริมฝีปากหยักสวยทาบทับริมฝีปากอิ่มของเด็กสาวที่เผยอขึ้นเพื่อส่งเสียง หลังของเธอถูกดันชิดบานประตูเท้าเล็กๆ ลอยขึ้นจากพื้น ความเยียบเย็นแล่นผ่านทั่วร่างจนเหมือนเลือดจะแข็งตัวแต่เมื่อปลายลิ้นของเขาเกี่ยวกระหวัดกับเด็กสาวความร้อนรุ่มก็เข้ามาแทนที เธอได้สติและดินร้นแต่ไม่อาจต้านทานเรียวแรงมหาศาลของอีกฝ่ายได้ ดวงตากลมโตเบิกกว้างจ้องมองอีกฝ่ายอย่างไม่ลดละและเขาก็จ้องเธอกลับ เธอสะดุ้งเมื่อรู้สึกถึงเขี้ยวแหลมคมที่เม้มริมฝีปากเธออยู่ เรี่ยวแรงของเธอค่อยๆ หมดลงพร้อมกับดวงตาที่หรี่และปิดลงช้าๆ และมือที่ทุบอยู่พัลวันเมื่อครู่ตกลงข้างลำตัว
ชายหนุ่มถอนจุมพิตเมื่อร่างบางกลายเป็นตุ๊กตาผ้าไร้เรี่ยวแรงจะทรงตัว เขาช้อนร่างเด็กสาวขึ้นและพาเธอลงนอนบนเตียงนุ่มของเธอเอง ปลายนิ้วเกลี่ยเส้นผมของเด็กสาวเบาๆ ดวงตาสีแดงเมื่อครู่อ่อนโยนลงอย่างประหลาด เขาเหลียวมองรอบข้างในห้องนอนของเด็กสาวแปลกหน้า รูปหมู่ของครอบครัว รูปหมู่ของเพื่อนๆ และรูปเดี่ยวของเจ้าของห้อง หนังสือเล่มหนาและโล่รางวัลต่างๆ รวมทั้งตุ๊กตาน่ารักมากมายมันทำให้เขายิ้มออกมา เป็นรอยยิ้มที่ไม่ค่อยมีใครเห็นบนใบหน้าคมเข้มนี้เท่าไหร่นัก
“เธอยังเด็กอยู่มาก” เขาพึมพำขณะที่ปลายนิ้วลากจากริมฝีปากสวยลงมาที่ลำคอแล้วมือใหญ่ก็กำเข้าที่ลำคอขาวผ่อง
“จำไว้นะ...อย่าอนุญาตให้ใครเข้ามาง่ายๆ อย่างนี้อีก”
ชายหนุ่มยิ้มบางๆ แล้วก้มจุมพิตที่หน้าผากของเธออีกครั้ง ขอให้เขาเป็นเพียงฝันข้ามคืนของเธอก็พอ
นางเป็นฮูหยินที่ถูกต้อง แต่เขากลับเฉยชาใส่ มีเพียงบนเตียงเท่านั้นที่เขาเร่าร้อนจนนางแทบมอดไหม้ จ้าวจื่อรั่วอายุเพียงสิบหกปีเป็นลูกอนุของเสนาบดีสกุลจ้าว ถูกสับเปลี่ยนตัวมาเป็นเจ้าสาวมาแต่งงานกับแม่ทัพที่ชายแดนใต้ กู้ตงหยางบุรุษหนุ่มอายุยี่สิบสี่ปีฉายาแม่ทัพปีศาจที่แสนเหี้ยมโหด "เจ้าติดค้างข้า ไม่ว่าจะเล่นลิ้นอย่างไร เจ้าย่อมรู้ดีว่าสกุลจ้าวปลิ้นปล้อน เจ้าอย่าได้หวังว่าจะได้อยู่อย่างสุขสบายเลย" พูดจบชายหนุ่มก็ผุดลุกขึ้นเดินจากไปอย่างรวดเร็ว ทิ้งให้หญิงสาวได้แต่นั่งเพียงลำพัง แม้จะเตรียมใจไว้แล้ว แต่ก็อดเศร้าใจไม่ได้ ชีวิตนางจะได้พบความสุขเช่นคนอื่นบ้างไหม.
มันควรเป็นOne night stand แต่เขากลับไม่ยอมให้จบลงแค่นั้น “ก็บอกแล้วไง ถ้าอยากกัดก็กัดผมนี่ อื้ม” ไรอันพูดเสียงพร่าเร่งขยับเอวสอบถี่รัว ร่องรักคับแน่นดูดรัดลำเอ็นจนทำให้เขาอดกลั้นไม่ไหว กระแทกแก่นกายเข้าไปจนสุดปลดปล่อยน้ำรักในกายสาวพร้อมแหงนหน้าคำรามอย่างสุขสม อยากจะบ้า! ไรอันอดสถบไม่ได้ ยัยพนักงานเวอร์จิ้นทำเขาเสียผู้เสียคนจริงๆ จากที่เคยตั้งกฎให้ตัวเองจะไม่ยุ่งกับพนักงาน ไม่มีเซ็กส์ในที่ทำงาน. 4เรื่องสั้น แนวPWP > >หลงสวาท boss คลั่งรัก / คลั่งรัก น้องเมียแสนหวาน/ เมียเด็กของคุณป๋า / เล่นกับไฟ
พันดาว สตั๊นท์เกิร์ลสาววัยยี่สิบหกปี เธอเข้าวงการบันเทิงตั้งแต่อายุสิบแปดปี แต่ก่อนหน้านี้เธอใช้ชีวิตในค่ายมวยเล็กๆ เธอเป็นเด็กที่ถูกแม่เอามาทิ้งให้ลุงทองดีช่วยเลี้ยง แล้วหายไปไม่ส่งข่าว ด้วยความสงสารลุงทองดีจึงเลี้ยงเหมือนลูก แต่เนื่องจากสภาพร่างกายบอบช้ำ จึงผันตัวเองมาครูมวยแทน ประจวบกับรุ่นน้องเปิดโรงเรียนสตั๊นท์แมนให้ลุงทองดีเป็นครูสอนเทคนิกการป้องกันตัว เบื้องหน้าพันดาวจะเป็นสาวห้าญไม่มีใครกล้าเข้าใกล้ แต่เธอมีคนรักที่คบหาตั้งแต่อยู่โรงเรียนสอนสตั๊นท์แมนด้วยกัน แต่ตอนนี้เขากลายเป็นพระเอกละครสุด Hot ในวันที่ทั้งคู่เดินทางไปเข้าฉากสำคัญที่ประเทศจีน พันดาวได้เห็นภาพบาดตาที่คนรักนอกใจ และวันนั้นเกิดอุบัติเหตุไม่คาดฝัน ระเบิดทำงานผิดพลาดพาให้ดวงจิตของพันดาวทะลุมิติมายังดินแดนที่ไม่มีบันทึกไว้ในประวัติศาตร์ พันดาวฟื้นตื่นมาอยู่ในร่างเด็กสาวอายุสิบหกนามว่า เหมยซิง เมืองที่พันดาวไม่รู้จัก ทุกอย่างประหลาดไปหมด ราวกับตัวเองอยู่ในภาพยนตร์จีนกำลังภายใน พล็อตละครแนวย้อนยุคทะลุมิติเคยเห็นมาเยอะแล้ว แต่ทำไมหญิงสาวอย่างเธอต้องมาดูแลชายร่าง ‘ผัก’ อย่างเขา! รับภารกิจส่งร่างผักกลับเมืองหลวง! บุรุษคนหนึ่งแต่งงานมีภรรยาได้หลายคนเป็นที่ยอมรับได้ แต่สตรีนางหนึ่งจะรักใคร่ชายสองคนไม่ได้ คิดถึงเรื่องนี้นางก็อยากเอาหัวโขกต้นไม้ใหญ่ให้ได้สติ นางไม่ใช่หญิงมากรักสองใจนะ! นางแค่...แค่ไม่รู้ว่าตนเองคิดอย่างไรกันแน่.
หมอสาวสู้ชีวิตแต่อกหักทั้งที่ยังไม่ได้บอกรัก เผลอOne Night Standกับผู้ชายคนหนึ่ง ใครเลยจะรู้ว่าเป็นพรหมลิขิตหรือเวรกรรม ทำให้เธอมาเจอกับมาเฟียหนุ่มที่ไม่ยอมปล่อยให้เรื่องของคืนนั้นผ่านเลยไป . . . . "คุณนี่นะเอาใจผู้หญิงไม่เก่ง" เธอทำจมูกย่นใส่เขา "ผิดแล้วผมเอาใจไม่เก่งแต่เอาเก่งนะ เรื่องนี้ผมมั่นใจ" "อีริค!" เธอขึงตาใส่ด้วยใบหน้าแดงเรื่อ "ให้ตายสิ" เขาพึมพำ "ผมเองก็ไม่เคยเป็นแบบนี้มาก่อน ทำไมถึงกลายเป็นแบบนี้ไปได้นะ คุณร่ายมนตร์ใส่ผมหรือเปล่า" "คุณเชื่อเรื่องไร้สาระพวกนั้นด้วยหรือคะ?" "แต่ก่อนผมไม่เคยเชื่อเรื่องdestiny แต่การได้พบคุณมันอยู่นอกเหนือความคาดหมาย บางทีพรหมลิขิตอาจมีจริงก็ได้" หญิงสาวได้แต่อมยิ้ม นั้นสิ ผู้หญิงจืดชืดอย่างเธอได้เจอกับผู้ชายสุดเพอร์เฟกต์อย่างเขาได้ ถ้าวันนั้นก้องภพไม่ประกาศตัวคนรัก เธอคงไม่อกหักจนเสียการควบคุมแล้วได้เจอเขาที่หน้าลิฟต์พอดีอย่างนั้น แถมเจอกันด้วยความบังเอิญอีกด้วย
“เมื่อชะตากำหนดมาให้ทั้งสองครองคู่ ไม่ว่าจะพลัดหลงกันไปทางใดก็ย่อมได้กลับมาพบกันอีกครา” เรื่องราวความรักของหลัวเสี้ยวเวยและหยางเหลาหู่ คู่หมั้นคู่หมายที่มิเคยได้พบหน้า แม้เดิมทีหยางเหลาหู่คิดว่านางตายไปแล้ว แต่ไม่รู้เลยว่า ‘สาวใช้’ ที่เขารับเข้ามาทำงานนั้นจะเป็นคู่หมั้นของเขาเอง เมื่อชะตากำหนดให้ทั้งสองได้เป็นคู่ชีวิต แต่กว่าจะถึงจุดนั้นได้ต้องมาคอยลุ้นกันว่า สาวใช้ตัวจิ๋วกับคุณชายใหญ่แห่งป้อมพยัคฆ์ทมิฬจะลงเอยอย่างไร ....... “นั้นของข้ามิใช่รึ” เขาปลดสายจูงม้า เห็นนางกินพุทราเชื่อมท่าทางเอร็ดอร่อยจึงอดหยอกล้อนางไม่ได้ “แค่พุทราเชื่อม ท่านจะแย่งข้ารึ” นางทำท่าหวงขึ้นมา มันก็แค่พุทราเชื่อม แต่นางไม่ได้กินนานแล้วนี่ “แต่นั้นมันของๆ ข้า เจ้าควรให้ข้ากินก่อน” เขาไม่ชอบกินขนมของหวาน แต่เห็นนางหวงแบบนี้แล้วนึกอย่างแย่งชิง หลัวเสี้ยวเวยส่ายหน้าไปมา กลัวถูกแย่งของกินจึงอ้าปากงับพุทราเชื่อมลูกสุดท้ายไว้ในปาก เหลือเพียงไม้เสียบเปล่าๆ ในมือ คิดว่าอย่างไรของอยู่ในปากนางแล้วเขาไม่มีทางแย่งชิงเอาไปแน่ ทว่านางกลับคาดไม่ถึงว่าเขาจะยื่นมือมารั้งท้ายทอยของนางไว้ โน้มหน้าลงมาประกบปากที่เผยอขึ้นอย่าตกใจของนาง เรียวลิ้นหนาตวัดเอาพุทราเชื่อมในปากของนางมาสู่ปากของเขา 'หวานล้ำเกินคาดคิดจริงๆ'
มู่ลี่หยางใช้ชีวิตเป็นพรานป่าหาของป่าไปขายอยู่หลายปี แต่เข้าป่าครั้งนี้เขาได้พบหญิงสาวผู้หนึ่งหมดสติอยู่จึงช่วยนางไว้ ทว่าทันทีที่นางลืมตา นางกลับจำอะไรไม่ได้แม้แต่ชื่อของตัวเอง เขาจึงจำเป็นต้องดูแลนาง แต่ที่ทำให้เขาหนักใจ ก็คือนิสัยนอนละเมอของนาง เหตุใดทุกครั้งที่นางละเมอต้องมาอยู่บนเตียงเขาด้วยเล่า! “พี่ลี่หยาง!” “นอนดีๆ อย่าฟุ้งซ่าน คืนนี้เจ้าต้องพักผ่อน” “ข้ารู้ แต่ไม่ต้องมัดข้าขนาดนี้ก็ได้”" “ไม่ได้” เขาสะบัดมือเพียงคราวเดียว เปลวเทียนในห้องก็ดับลง “หากจะนอนเตียงเดียวกับข้าก็อย่าดื้อ อย่าซุกซน” “พี่ลี่หยาง” เสียงหวานเอ่ยขึ้น “นอนเสีย!” เขาตวาดทีเดียวหญิงสาวก็เงียบเสียงไป แม้ได้เห็นเพียงแผ่นหลังของเขา นางก็มีความสุข ขอเพียงได้ใช้ชีวิตร่วมกัน ไม่ว่าอย่างไร นางก็ยอมทำทุกอย่าง แม้จะถูกมัดเป็นบะจ่างก็ยอม.
ผมต้องทำงานนอกเวลาทุกวันเพื่อหารายได้ประคองชีวิตและจ่ายค่าเรียนมหาวิทยาลัยด้วยตัวเอง เนื่องจากฐานะครอบครัวยากจนและไม่สามารถส่งเสียผมเข้ามหาวิทยาลัยได้ และตอนเรียนที่มหาวิทยาลัย ผมก็ได้พบกับเธอ-สาวแสนสวยที่หนุ่มๆ ทุกคนในชั้นเรียนต่างก็ใฝ่ฝันถึง ไม่เว้นแม้แต่ผมเอง แต่ผมก็รู้ตัวดีว่าตัวเองไม่คู่ควรกับเธอ ถึงอย่างนั้นก็ตาม ผมก็รวบรวมความกล้าสารภาพกับเธอจนได้ สุดท้ายผมนึกไม่ถึงว่าเธอจะยอมตกลงเป็นแฟนกับผม เธอบอกกับผมว่าอยากได้ของขวัญเป็นไอโฟนรุ่นล่าสุด ผมก็ไปรับงานซักเสื้อผ้าให้เพื่อนร่วมชั้นเรียนเพื่อพยายามเก็บเงินซื้อให้เธอจนได้ และในที่สุดหนึ่งเดือนต่อมา ผมก็ซื้อมาได้จริง ๆ แต่ขณะที่ผมกำลังห่อของขวัญเพื่อนำไปมอบให้เธอ ก็พบว่าเธอกำลังมีอะไรกับหัวหน้าทีมฟุตบอลในห้องล็อกเกอร์ เธอเหมือนเปลี่ยนเป็นอีกคนหนึ่งซึ่งผมไม่เคยรู้จักเลย เธอหัวเราะเยาะความโง่เขลาของผม เหยียดหยามศักดิ์ศรีของผม ปล่อยให้เขาซึ่งตอนนี้ได้กลายเป็นแฟนใหม่ของเธอไปแล้ว ทุบตีผม ผมนอนเจ็บอยู่บนพื้นอย่างสิ้นหวัง ต่อมา จู่ ๆ ผมก็ได้รับโทรศัพท์จากพ่อ ตั้งแต่วันนั้น ชีวิตของผมก็ได้เปลี่ยนแปลงไปอย่างกับหนัามือเป็นหลังมือ ใครจะไปรู้ว่า ผมเป็นลูกชายของมหาเศรษฐี
เซิ่งหนานหยินเกิดใหม่แล้ว ชาติที่แล้ว เธอถูกชายชั่วหักหลัง ถูกชายเสแสร้งใส่ร้าย โดนครอบครัวสามีเล่นงาน จนทำให้เธอล้มละลายและเป็นบ้าไป ในท้ายที่สุด เธอเสียชีวิตอย่างน่าสลดใจด้วยอุบัติเหตุทางรถยนต์เมื่อเธอตั้งครรภ์ได้ 9 เดือน แต่คนร้ายกลับทำเงินได้มากมาย และใช้ชีวิตทั้งครอบครัวอย่างมีความสุข เกิดใหม่ครั้งนี้ เซิ่งหนานหยินคิดตกอล้ว อะไรที่ว่าพระคุณช่วยชีวิต คนรักในใจอะไรกัน ล้วนไม่ต้องไปสน เธอจะจัดการชายชั่วหญิงร้าย สร้างชื่อเสียงให้กับตระกูลเก่าของตนเองขึ้นมาใหม่อีกครั้งและนำตระกูลเซิ่งไปสู่จุดสูงสุดของชีวิต สิ่งที่แตกต่างออกไปก็คือ คนที่หยิ่งมาตลอดในชาติที่แล้ว กลับเป็นฝ่ายริเริ่มมาหาเธอ "เซิ่งหนานหยิน การแต่งงานครั้งแรกผมไม่ทัน การแต่งงานครั้งที่สองก็ต้องถึงคิวผมแล้วสินะ"
ในสายตาของเขา เธอเป็นคนขี้โกหก ในสายตาของเธอ เขาเป็นคนไร้หัวใจ เดิมทีถังหว่านคิดว่าเธอคือคนพิเศษหลังจากอยู่กับเสิ่นติงหลานมาสองปี แต่สุดท้ายก็พบว่าตัวเองเป็นแค่ของเล่นที่สามารถทิ้งได้อย่างตามใจเมื่อไม่มีค่าอีกต่อไป จนกระทั่งถังหว่านเห็นว่าเสิ่นติงหลานพาคนรักของเขาไปตรวจครรภ์ เธอจึงยอมแพ้แล้ว เธอหยุดติดตามเขาอีก แต่จู่ๆ เขากลับไม่ยอมปล่อยเธอไป "ถ้าคุณไม่เชื่อฉัน ทำไมคุณไม่ปล่อยฉันไปล่ะ?" ชายผู้เคยหยิ่งยะโสขนาดนั้น ตอนนี้ก้มหัวลงและขอร้องว่า "หวานหว่าน ฉันผิดไปแล้ว โปรดอย่าทิ้งฉันไป"
ว่าที่ลูกสะใภ้ไฟแรงสูงเธอต้องเข้ามาอยู่ร่วมบ้านกับว่าที่พ่อผัวหม้ายร้างเมียมานายอรมปี
หลังจากแต่งงานได้ 2 ปี ในที่สุดเจียงเนี่ยนอันก็ตั้งครรภ์สักที ความดีอกดีใจของเธอแต่กลับแลกกับคำขอหย่าของสามี หลังจากการสมคบคิด เธอนอนในกองเลือด และต้องการขอร้องเขาให้ช่วยเด็กเอาไว้ แต่กลับไม่สามารถติดต่อกับอีกฝ่ายได้ ด้วยความสิ้นหวังเธอจึงออกจากประเทศไป ต่อมาในงานแต่งงานของเจียงเหนียนอัน คุณกู้เสียการควบคุมและคุกเข่าลง ดวงตาของเขาแดงก่ำ "มีลูกของฉัน แล้วเธออยากจะแต่งงานกับใครกัน?"
กู้ชิงเฉิงเชื่อมั่นมาตลอดว่าตราบใดที่เธอประพฤติตัวดี สักวันหนึ่ง เธอก็จะสามารถชนะใจมู่ถิงเซียวให้ได้ อย่างไรก็ตาม เมื่อเสิ่นถัง รักแรกที่เขาคิดถึงมาตลอดกลับมา ทุกอย่างก็เปลี่ยนไป กู้ชิงเฉิงเป็นคนว่าง่ายสอนง่ายจริงๆ เธอจัดงานแต่งงานด้วยคนเดียว และนอนคนเดียวในห้องผ่าตัดเพื่อรับการรักษาฉุกเฉิน มีข่าวลือว่าเธอบ้าไปแล้ว อันที่จริงเธอบ้าไปแล้วจริงๆ ที่รักใครสักคนอย่างไม่ละอายขนาดนี้ ต่อมา ทุกคนลือกันว่า กู้ชิงเฉิงป่วยหนักและกำลังจะเสียชีวิต มู่ถิงเซียวถึงสูญเสียการควบคุมอย่างสิ้นเชิง "ฉันไม่ปล่อยให้เธอตาย" แต่เธอกลับยิ้มอย่างนิ่งๆ ว่า "ดีจังเลย ฉันเป็นอิสระแล้ว" ใช่แล้ว ไม่ต้องการกู้ชิงเฉิงอีกแล้ว"