/0/4944/coverbig.jpg?v=886e3535c9142e97fc11313b013e3664)
เหม่อมองท้องฟ้าคืนนี้ผ่านทางดวงจันทร์ แล้วคุณอาจพบว่ามีใครบางคนทอดมองคุณผ่านทางดวงจันทราจากที่ไกลแสนไกล… นิทานจันทรา หนังสือเล่มเก่าคร่ำคร่าที่ ‘ภูวน’ หยิบยืมมาจากเพื่อนสนิท นำพาซึ่งสิ่งอัศจรรย์ ความฝันวิปริตและอาการแปลกๆ มาสู่ตัวเขา เมื่อเจ้าแห่งนครจันทรา นครซึ่งแอบซ่อนอยู่ในมิติแห่งกาลเวลา พยายามทำทุกอย่างเพื่อนำเขากลับไปเป็นชายา? ‘พิมรา’ หญิงสาวผิวคล้ำผู้เกิดวันราหู(พุธกลางคืน) ในคืนจันทรคลาส(ราหูอมจันทร์) จะยื่นมือเข้ามาขัดขวางและช่วยให้เขาหลุดพ้นจากอำนาจแห่งเจ้านครจันทราได้หรือไม่?
บทที่1
ถ้าเปรียบพระองค์เป็นดวงตะวัน ส่วนตัวข้าเป็นจันทรา
ในยามที่ทรงหลับใหล ข้ากลับต้องลืมตาตื่น
ในยามที่ทรงแสงแห่งทิวากร แสงแห่งรัตติกาลกลับปลิดปลิวจากไป
แล้วเหตุไฉนถึงเปรียบเปรยเช่นนี้
ขอทรงเป็นดวงจันทรา ข้าขอเป็นดาราพร่างพราย
ไม่ว่าคืนไหน ราตรีไม่ขาดจันทร์ ข้านั้นไม่ขาดพระองค์
บทกวีแว่วหวานดังสอดประสานเสียงหรีดหริ่งเรไร บทเพลงเห่กล่อมของมวลมนุษยชาติในยามราตรี เหมือนจะย้ำเตือนให้คนที่กำลังฝันหวาน หวานยิ่งขึ้น เมื่อถ้อยคำเหล่านี้พรั่งพรูออกมาจากปากสวยได้รูปที่ลอยอยู่เหนือเปลือกปากหยักสวยร้อนผะผ่าวของชายหนุ่ม แล้วประทับลงมาช้าๆ ละเลียดความนุ่มนวลและอ่อนโยนสลับกับการบดคลึงหนักหน่วงและผ่อนกลับมาดูดดื่มเนิ่นนาน จนเสียงครวญครางอย่างรัญจวนใจเล็ดลอดออกมาจากปากคู่สวย…
ปึก!
หนังสือเล่มหนาที่หน้าปกเขียนว่า ‘นิทานจันทรา’ ตกลงข้างเตียงส่งผลให้ภูวนลืมตาขึ้นแล้วควานมือลงไปหยิบมันขึ้นมา จากนั้นก็โยนลงบนที่นอนข้างตัวอย่างไม่สนใจไยดี ก่อนเอื้อมมือไปปิดสวิตช์ไฟหัวเตียงและหลับลงอีกครั้ง
…แก้มสากของชายหนุ่มถูกไล้อย่างแผ่วเบาไล่ขึ้นไปจนถึงคิ้วเข้ม วกลงมาที่สันจมูกโด่งสวย และหยุดวนไปเวียนมาแนบริมฝีปากที่เผยอรับ
“..อืม” เสียงครางออกมาจากปากหยักอีกครั้ง ก่อนไขว่คว้ามือซนมากระชับไว้แน่นและหลับลงอย่างง่วงงุน…
สาววัยทำงานร่างระหงในชุดลำลองสบายๆ นั่งไขว่ห้างจิบกาแฟละเลียดกลิ่นหอมกรุ่นตรงริมระเบียงห้องพักชั้นสี่สิบสอง เมื่อเป็นเช้าวันหยุดที่ไม่ต้องฝ่าการจราจรที่จอแจติดขัดไปทำงานเป็นมนุษย์เงินเดือน พิมรา เลือกที่จะนั่งรับแสงแดดอ่อนยามเช้าเพื่อเพิ่มวิตามินบำรุงผิวสีน้ำผึ้งดูสะอาดสะอ้านของตนเอง
เสียงเปิดประตูจากห้องนอนที่ระเบียงต่อกัน พร้อมเจ้าของห้องเยี่ยมหน้าคมคายมาทักทายด้วยรอยยิ้มที่เห็นจนชินตา
“สวัสดีตอนเช้าครับ คุณพิม”
หญิงสาวหันไปมองเขาตั้งแต่หัวจรดเท้าก่อนสะบัดหน้าพรืด มองเมินไม่รับไมตรีทั้งวาจาและแววตา
“อ้าว งอนอะไรแต่เช้าเชียวคุณพิม” ภูวนร้องประท้วงอย่างแปลกใจในท่าทีของสาวร่วมห้อง
พิมราเหลียวสายตาและใบหน้าตูมมาทางชายหนุ่มร่างสูงเจ้าของดวงตาสีอ่อน ที่คอยส่งยิ้มให้เป็นประจำทุกวันจนเธอชินตาอีกครั้ง ก่อนชักกลับอย่างเร็วจนกลายเป็นกิริยาค้อนควักอีกรอบจนภูวนต้องยกมือเกาศีรษะที่มีทรงผมยาวระต้นคอดูรุงรังและยุ่งเหยิงมากขึ้นเมื่อตื่นมายังไม่พานพบหวี
“ถ้าไม่บอกว่าไม่พอใจผมเรื่องอะไร ผมปีนข้ามราวเหล็กนี่ไปนะ คุณพิม” เขาไม่พูดเปล่าแต่กำลังยกตัวขึ้นจากพื้นพร้อมเหวี่ยงตัวข้ามราวเหล็กที่กั้นแบ่งแยกระเบียงกว้างออกเป็นสองส่วนทันที
“ทำบ้าๆ อีกแล้วนะ นายภู-วน” เสียงแหวอย่างไม่สบอารมณ์ ก่อนจะเก็บถ้วยกาแฟเดินเข้าไปส่วนในของห้อง เมื่อรับรู้ว่าชายหนุ่มเดินตามมาติดๆ หญิงสาวชะงักเท้าหันกลับไปตวาดแว้ด
“อย่าเข้ามานะ!”
ภูวนหยุดกึกยกมือทำท่ายอมสิโรราบเพราะรู้ดีว่าก้าวข้ามธรณีประตูนี่ไปก็เข้าถึงห้องนอนหญิงสาวทีเดียว พร้อมส่งสายตาเชื่อมประกอบคำพูด
“ครับผมไม่เข้าก็ได้ แต่คุณต้องบอกก่อนว่างอนอะไรแต่เช้าเลย”
“ไม่ได้งอน” คนปากแข็งสะบัดเสียงตอบปฏิเสธแม้กิริยาท่าทางจะบ่งชัด ก่อนจะเลื่อนบานประตูกระจกเข้าชิดและล็อกแน่นหนาพร้อมรูดม่านสีฉูดฉาดบาดตาปิดบังการมองเห็นจากภายนอกของชายหนุ่มอีกชั้นหนึ่ง
“อ้าว! เปิดประตูมาคุยกันก่อนสิคุณ” ภูวนได้แต่เคาะและตะโกนโหวกเหวกอยู่หน้าบานประตูตรงระเบียงนั่นเอง แต่ไม่มีทีท่าว่าสาวเจ้าของห้องจะกลับมาเปิดรับเขาแต่อย่างใด เขาผ่อนลมหายใจยาวยืดออกจากปากและจมูกโด่งก่อนหมุนกลับไปยังห้องของตนในทางเดิมที่ก้าวข้ามมา
ห้องนอนขนาดพอดียังไม่ได้จัดเก็บ ผ้าห่มยังไม่ได้พับผ้าปูที่นอนรุ่ยร่ายยับย่นดุจผ่านสมรภูมิกรำศึกหนักมากกว่าการนอนหลับธรรมดา ภูวนเดินมาดึงผ้าห่มหมายจะพับเก็บให้เรียบร้อย พลันสะดุดตากับหนังสือเล่มหนาหน้าปกด่างดำบอกถึงความเก่าคร่ำคร่า หนังสือเล่มนี้เขาได้มาจากลังหนังสือเก่าๆ ที่เก็บไว้ในห้องเก็บของบ้านเพื่อนสนิทซึ่งเขาอ่านค้างไว้เมื่อคืน ชายหนุ่มล้มเลิกความตั้งใจที่จะพับผ้าห่มเปลี่ยนเป็นการทิ้งตัวลงนอนพิงหัวเตียงหยิบหนังสือเล่มนั้นมาเปิดอ่านอีกครั้ง
…ดวงตาสีอ่อนปิดปรือลงรอรับสัมผัสแผ่วที่เปลือกตาบาง ก่อนความรู้สึกถึงรสสัมผัสนั้นจะเลื่อนลงมาที่ปลายจมูกโด่งและหยุดนิ่งที่ริมฝีปากหยักได้รูป ประทับนิ่งนานดูดดื่มผสานปลายนิ้วที่ไล่ระไปทั่วกายหนุ่มภายใต้อาภรณ์เบาบาง จนเจ้าตัวต้องส่งเสียงครางอย่างพึงพอใจ…
ต็อด! ต็อด! ต็อด!
แม้ไม่มีแผ่นดิน หากแต่เรายังไม่สิ้นลมหายใจ ถึงสิ้นชาติหากแต่รักของเรามิได้สิ้นลง บราลี เป็นบอดี้การ์ดมือใหม่ ที่ทำงานพลาดจนถูกไล่ออกจากงาน ในวันเดียวกันนั้น บ้านของเธอก็ถูกไฟไหม้ แม่ถูกไฟคลอกบาดเจ็บ พ่อตกใจจนโรคหัวใจกำเริบ ต้องใช้เงินรักษาจำนวนมาก เมื่อเธอจะหันไปพึ่งแฟนหนุ่มที่รักกันมาหลายปี กลับพบเขากำลังคลุกวงในกับผู้ชายอีกคน!! เมื่อชีวิตมันบัดซบขนาดนี้ เธอจึงคิดฆ่าตัวตาย ... และทำจริง!! แต่ไม่ตาย มีคนมาช่วยไว้ ... พอรอดตายก็มีคนยื่นข้อเสนอแปลกประหลาด ... ให้เธอไปเป็นบอดี้การ์ดให้เจ้านาย แลกกับเงินมหาศาล และกว่าจะรู้ว่าอะไรเป็นอะไร บราลีกับเพื่อนร่วมงานอีกสองคน ก็ได้ข้ามเวลาย้อนอดีตไปซะแล้ว
เมื่อความรักที่มีมากเหลือล้น ไวกูณฐ์นั้นอยากแต่งงานเสียทันทีที่เดินทางกลับมาจากเรียนต่อ หากแต่ จิรัฐิติกาลกลับกลัวการใช้ชีวิตคู่จึงปฏิเสธไป แต่เพราะอุบัติเหตุที่บังเกิดขึ้นทำให้ไวกูณฐ์ตาบอด จิรัฐิติกาลจึงตัดสินใจแต่งงานกับเขาในทันทีเพื่อเป็นการรับผิดชอบ เพราะการแต่งงานที่ไม่พร้อมทำให้อุปสรรคแห่งรักนั้นมีมาให้พิสูจน์หัวใจกันเนืองๆ
เจ้าฟ้าหญิงจิรัฐิติกาลในคราบชายหนุ่มดูจะเกษมสำราญเป็นอันมากเมื่อได้ออกมาท่องโลกกว้าง แม้จะไม่ค่อยสบอารมณ์อยู่บ้างที่มี 'ผู้คุม' เป็นไวกูณฐ์ ชายหนุ่มอ่อนแอ เจ้าหนอนหนังสือใส่แว่นลูกชายองครักษ์คนสนิทของพระบิดา แต่ถ้าไม่ยินยอมร่วมทางไปกับเขา เจ้าพ่อก็คงไม่ปล่อยออกจากกรงทอง เธอจำใจร่วมทางและสร้างความยุ่งยากเป็นภาระใหญ่หลวงให้เขา แต่ในคราเดียวกันความใกล้ชิด ความใกล้ชิดทำให้ความรู้สึกพิเศษเกิดขึ้นในใจ แต่จะทำอย่างไร เมื่อเธอฝังใจว่าเขาไม่ใช่ "ชายจริง" นิยายภาคต่อของ ลิขิตรักบัลลังก์หัวใจ
เมื่อต้องเสียแผ่นดินจากการช่วงชิงของพระเจ้าอา ทรรศินากัลยามาส เจ้าฟ้าหญิงรัชทายาทแห่งมธุรรัฐจำต้องเสด็จหนีจากแผ่นดินเกิด แฝงกายเข้าไปในสิงขรรัฐ จากที่คิดจะปลอมตัวเป็นนางกำนัล กลับตกกระไดพลอยโจนถวายตัวเป็นสนมของเจ้าหลวงรัฐสิงห์สีหนาทในนามลูกของศัตรู!? รอจนถึงวันทวงบัลลังก์คืน กล้วยไม้ป่าแรกแย้มเพิ่งผลิรับฤดูฝน เจ้าหลวงเอื้อมไปหมายจะเด็ด ก็ถูกพระหัตถ์เล็กๆ ตีเผียะลงบนหลังมือ "ดอกไม้จะสวยงามที่สุดเมื่ออยู่กับต้นเพคะ" ดำรัสขึงขัง "แต่พี่จะเก็บให้เธอ" รับสั่งกลับอ่อนโยน "ท่าจะเด็ดดอกไม้แรกแย้มเสียจนเคย" เจ้าฟ้าหญิงประชดตรงๆ เจ้าหลวงยกพระหัตถ์ในท่าสาบาน "สาบาน ต่อไปพี่จะไม่เด็ดดอกไม้ ไม่ว่าดอกไหน จะรอดอกฟ้าตรงหน้านี้ดอกเดียวเท่านั้น"
เมื่อซากีน่าน้องสาวอันเป็นที่รักถูกฆ่าข่มขืน หลักฐานในมือคือแผ่นเงินฉลุลวดลายสวยงาม ซาห์ราจำได้ทันทีว่าใครเป็นเจ้าของของสิ่งนี้ การตามล้างแค้นจึงเกิดขึ้น ชีคฮาซัน บินญาบิร อัล บุสตานีย์ กลายเป็นเหยื่อความแค้นที่เขาไม่ได้ก่อ ถูกหล่อนทรมานต่างๆ นานาและต้องสูญเสียเมียสาวในคืนวันแต่งงานจากน้ำมือซาห์รา แต่เมื่อความจริงปรากฏว่าใครเป็นฆาตกรที่แท้จริง ซาห์ราจะชดใช้สิ่งที่ทำลงไปให้แก่เขาด้วยชีวิต ตามกฏชีวิตแลกชีวิต แต่ชีคฮาซันกลับต้องการให้หลอนชดใช้ด้วย หัวใจ
เมื่อธิดาองค์น้อยเริ่มเติบโต ชีคกาเบรียนที่อยากให้ลูกรู้จักภาษาของแม่บังเกิดเกล้า จึงมองหาครูสอนภาษาชาวไทย แต่กลับได้ทโมนไพรไปแทน นางสาวกฤติกา หรือแม่ดาวลูกไก่ นอกจากสอนภาษาไทยให้ธิดาองค์น้อยของชีคแล้ว ยังสอนปีนต้นไม้กลายเป็นลิงเป็นค่าง จนพระนมของชีคเอือมระอา ทว่าท่าทางแก่นกะโหลกของดาวลูกไก่กลับจับใจต้องตาชีคกาเบรียนจนกลายเป็นความรัก แต่ปัญหาสงครามแบ่งแยกดินแดนในประเทศยังไม่สงบ เมื่อดาวลูกไก่ถูกจับตัวไปเพื่อต่อรอง แม้พระองค์ไม่อาจยกแผ่นดินเพื่อแลกกับผู้หญิงที่รักได้ แต่ไม่ได้นิ่งนอนใจเหมือนครั้งที่เสียสนมคนอื่นไป ทรงลอบออกจากวังเพื่อไปช่วยหญิงอันเป็นที่รักด้วยตนเอง
"นางเป็นบุตรีผู้สูงศักดิ์ของฮูหยินเอกของจวนเสนาบดี นางมีหน้าตาโดดเด่น ทั้งอ่อนโอนและมีน้ำใจไมตรีต่อผู้อื่น แต่... นางทำดีต่อป้าของนาง นางกลับฆ่าแม่ของนางตาย นางรักเอ็นดูน้องสาวของนาง แต่น้องสาวกลับแย่งสามีของนางไป นางคอยสนับสนุนและดูแลสามีของนางอย่างสุดหัวใจ แต่สามีกลับทำให้นางตายทั้งกลม...ตระกูลฝ่ายมารดาของนางก็ถูกประหารชีวิตทั้งตระกูลด้วย นางตายตาไม่หลับและสาบานว่าหากมีชาติหน้า นางจะไม่เมตาตาต่อใครอีก ใครก็ตาม กล้ามาทำร้ายข้า ข้าจะล้างแค้นด้วยชีวิตทั้งตระกูลของพวกเจ้า เมื่อเกิดใหม่อีกครั้ง นางอายุได้สิบสี่ปี นางสาบานว่าจะต้องเปลี่ยนชะตากรรมและแก้แค้นชาติก่อน ป้านางใจ้ร้าย นางจะใจร้ายกลับยิ่งกว่านาง นางคิดจะได้ครองตำแหน่งฮูหยินงั้นเหรอ บอกเลยไม่มีทาง! ส่วนน้องสาวชอบผู้ชายชั่ว ๆ นักไม่ใช่หรือ ได้!ข้าจะยกให้เลย ส่วนชายชั่วนั่น ข้าจะทำให้เจ้าไม่สามารถมีทายาทได้อีกตลอดทั้งชาติ!แต่ข้าจะแก้แค้น เหตุใดเจ้าต้องมาช่วยข้าด้วย?"
ตลอดระยะเวลาสามปีของการแต่งงาน เธอรู้สึกสิ้นหวัง ที่ถูกบังคับให้เซ็นใบหย่า ทั้งๆที่เธอกำลังท้อง เธอใจสลายกับความไร้มนุษยธรรมของเขา กระทั่งเธอออกไปจากชีวิตของเขา เขาเพิ่งรู้ตัวว่าเธอคือรักแท้ของเขา ไม่มีวิธีใดที่จะเยียวยาหัวใจที่บอบช้ำของเธอให้หายขาดได้ เขาจึงมอบความรักทั้งหมดของเขาให้แก่เธอเพื่อชดเชย
ในคืนวันเกิดอายุยี่สิบสองปี ลี่เฉี่ยนโลว่ถูกแฟนหนุ่มวางยา และไปมีอะไรกันกับซือจิ้นเหิง ผู้ชายลึกลับคนหนึ่งตลอดทั้งคืน วันรุ่งขึ้นเธอพบว่าครอบครัวเธอถูกทำลายจนไม่มีอะไรเหลือ เธอแต่งงานกับจิ้นเหิง ได้รับการคุ้มครองจากเขา และใช้เขาเพื่อแก้แค้น "ฉันเป็นภรรยาที่ถูกกฎหมายของเขา" แม้ว่าแม่สามีของเธอจะไม่ยอมรับ แม้ว่าแฟนสาวที่เป็นซุปเปอร์สตาร์ของเขาจะตามมาอยู่ด้วยกัน เธอก็ยังคงยืนยันอยู่อย่างนั้น เธอแท้งโดยบังเอิญ แต่เขากลับเข้าใจผิดว่าเธอไม่อยากมีลูกกับเขา และด้วยความเข้าใจผิดต่าง ๆ อีกหลายหย่าง เธอเลือกที่จะกระโดดลงทะเลเพื่อฆ่าตัวตาย หลายปีต่อมา เมื่อเธอกลับเข้ามาในชีวิตของเขาอีกครั้ง เขาถึงกับตกตะลึง ชายคนนี้ได้สิ่งที่ต้องการจากเธอแล้ว แต่เธอไม่เข้าใจว่าทำไมเขาถึงยังรังควานและทรมานเธอต่อไป
“ท่านผู้อำนวยการคะ ทางทีมสำรวจแจ้งว่าคนไม่เพียงพอที่จะเข้าไปเก็บตัวอย่างพันธุ์พืชในป่าเมืองเหอหนานค่ะ” ซูเจิน ที่ได้ยินก็หูผึ่งทันที เธอนั่งทำการอยู่ในห้องวิจัยตั้งแต่เรียนจบ ถึงตอนนี้ก็สี่ปีได้แล้ว ผู้อำนวยที่เข้ามาตรวจงานวิจัยล่าสุด ก็มองไปรอบห้อง เพื่อดูว่ามีใครต้องการเสนอตัวไปทำงานในครั้งนี้หรือไม่ แต่หลายคนที่เขามองไป ต่างหลบสายตาของเขา จะมีใครอยากออกไปเสี่ยงอันตราย เดินป่าขึ้นเขาให้เหนื่อยสู้นั่งทำงานในห้องปรับอากาศเย็นๆ ดีกว่า เมื่อไม่มีใครคิดจะเสนอตัว เขาจึงได้สอบถามหาผู้ที่สมัครใจทันที “มีใครอยากจะอาสาไปไหม” ไว้กว่าความคิด ซูเจินยกมือขึ้น “ฉันค่ะ” เพื่อนสนิทรีบดึงเสื้อของเธอเพื่อจะห้ามปราม “จะบ้าหรอ เธอไม่เคยไปสักครั้ง ไม่รู้หรือว่างานนี้เสี่ยงแค่ไหน” เสียงกระซิบของเสี่ยวชิง เอ่ยลอดไรฟันออกมา เมื่อปีที่แล้ว ที่ทีมสำรวจเดินทางเข้าไปที่ป่าเหอหนาน พื้นป่าที่ไม่อาจสำรวจได้อย่างทั่วถึง สร้างความท้าทายให้เหล่านักพฤกษศาสตร์จากทุกองค์กร แต่ไม่ว่าจะส่งเข้าไปกี่ครั้งก็ไปไม่ถึงป่าชั้นกลางเสียที แม้จะใช้เทคโนโลยีที่ล้ำหน้าเข้าช่วยเพียงได้ ก็สำรวจได้เพียงป่าชั้นนอก แถมยังพาชีวิตคนไปทิ้งอีกนับไม่ถ้วน ปีนี้ทางองค์กรของซูเจิน หยิบโครงการสำรวจป่าเหอหนานขึ้นมาใหม่ แต่กว่าจะหาทีมสำรวจได้ครบคนก็กินเวลาไปหลายเดือน ถึงตอนนี้คนก็ยังไม่พอจนต้องมาถามหาจากทีมวิจัยให้ช่วยเหลือ “คุณอยากไปจริงหรือ” เขาเอ่ยถามเพื่อความแน่ใจอีกครั้ง “ค่ะ ฉันอยากลองทำงานนี้” ซูเจินยิ้มออกมา “ได้ อีกสองวัน คุณก็เตรียมตัวให้พร้อม” เมื่อมีคนเสนอตัวแล้ว ผู้อำนวยการก็ออกไปพบทีมสำรวจ เพื่อวางแผนการทำงาน ทั้งยังให้ซูเจินตามเขาไปเข้ารวมการประชุมในครั้งนี้ด้วย “เธอมันบ้าไปแล้ว” เพื่อร่วมงานต่างเดินเข้ามาหาซูเจิน แล้วตำหนิเธอที่กล้ายกมือเสนอตัว “เอาน่า ไว้กลับมาฉันจะเอาเรื่องสนุกมาเล่าให้พวกเธอฟัง” ซูเจินยิ้มหวานออกมา ก่อนที่จะเก็บของแล้วไปเข้าร่วมประชุมกับทีมสำรวจ สองวันต่อมาซูเจินก็แบกกระเป๋าเดินทางมาที่จุดนัดพบ เธอออกเดินทางด้วยรถตู้ขององค์กร พร้อมทีมสำรวจอีกเกือบยี่สิบชีวิต ยังดีที่เธอได้แบกกระเป๋าเพียงใบเดียว หากต้องแบกเต็นท์นอน อาหารด้วย คงได้เป็นภาระของคนอื่นอย่างแน่นอน ภายในป่าเหอหนาน น่ากลัวว่าที่ซูเจินคิดไว้เยอะ พอตะวันตกดิน หากไม่มีแสงไฟที่ทีมสำรวจนำมาด้วยคงจะมืดจนมองไม่เห็นอะไร เสียงแมลงทั้งสัตว์ป่าร้องตลอดทั้งคืน สร้างความหวาดกลัวให้กับคนที่ไม่เคยเข้าป่าสักครั้งอย่างเธอได้อย่างดี ยังดีที่เจ้าหน้าที่ผู้นำทางติดตามมาด้วยอีกหลายคน พวกเขาจึงได้อยู่ผลัดเปลี่ยนเวรยาม เพื่อป้องกันไม่ให้สัตว์ป่าเข้ามาถึงตัวพวกเขา หลายวันที่อยู่ในป่า ซูเจินเก็บตัวอย่างพันธุ์ได้หลายชนิด แต่ทั้งทีม ยังเดินไม่หลุดป่าชั้นนอกเลย ยังดีที่อาหารที่เตรียมมาเพียงพอให้พวกเขาอยู่ไปได้อีกหลายวัน “เอ๊ะ” เข้าวันที่เจ็ดของการสำรวจป่า ซูเจิน เห็นดอกไม้แปลกตา ที่ขึ้นอยู่ท่ามกลางพงหญ้ารก เธอจึงเดินห่างจากกลุ่มทีมสำรวจเข้าไปดูทันที เพราะไม่คิดว่าจะเกิดเรื่องอะไรได้ ระยะห่างที่อยู่ไกลจากพวกเขา หากร้องเรียกก็ยังได้ยินอยู่ เธอหยิบกล้องถ่ายรูปขึ้นมา พร้อมทั้งจดรายละเอียดก่อนที่จะดึงต้นไม้เก็บเข้าถุงเก็บตัวอย่างที่เตรียมมา แต่เมื่อมือของซูเจินสัมผัสไปที่ดอกไม้ เธอก็ต้องตกตะลึง เหมือนมีกระแสไฟวิ่งผ่านปลายนิ้วไปจนทั่วทั้งตัว “โอ๊ยย” เสียงร้องอย่างเจ็บปวดของซูเจิน เรียกความสนใจให้คนทั้งหมดรีบวิ่งมาทางที่เธออยู่ ซูเจินเห็นเพียงแสงสีขาวที่สว่างวาบไปทั่ว แล้วภาพตรงหน้าของเธอก็ดำมืดลง
เพลิงกัลป์ / Ryuu ริว ซาโต้อิชิบะ หัวหน้าแก๊งมาเฟียใหญ่ในคราบคุณหมอ หล่อ เลว เถื่อน ร้ายกับทุกคนไม่เว้นแม้กระทั่งกับ เธอ "กฎของการเป็นของเล่นคือห้ามรักเขา" ลูกพีช รินรดา สวย เซ็กซี่ สดใส ร่าเริง ปากร้าย กล้าได้กล้าเสีย สายอ่อยตัวแม่ "ของเล่นที่มีหัวใจของผู้ชายที่ไร้หัวใจ"
หลังจากแต่งงานกันมาสามปี เวินเหลี่ยงก็ยังไม่เคยได้ความรักจากฟู่เจิ้งแต่อย่างใดเลย เมื่อรักแรกของเขากลับมา สิ่งที่รอเธออยู่คือหนังสือการหย่า "ถ้าฉันมีลูก คุณยังเลือกหย่าไหม?" เธออยากจับโอกาสสุดท้ายนี้ไว้ แต่แล้วมีแต่คำตอบที่เย็นชาว่า "ใช่" เวินเหลี่ยงหลับตาและเลือกที่จะปล่อยมือ ...ต่อมาเธอนอนอยู่บนเตียงคนไข้ด้วยความสิ้นหวังและลงนามในข้อตกลงการหย่า "ฟู่เจิ้ง เราไม่ได้เป็นหนี้กันอีกต่อไปแล้ว..." ชายที่มีความเด็ดขาดและเย็นชามาโดยตลอดนอนอยู่ข้างเตียงขอร้องให้อีกฝ่ายกลับมาด้วยเสียงแผ่วเบา "เหลียง ได้โปรดอย่าหย่าได้ไหม?"