/0/4970/coverbig.jpg?v=a9d807326be5ecd3167489cac0b3a240)
เพราะไปเผาศาลเจ้าด้วยความโกรธ เลยต้องถูกทำโทษให้มาอยู่ในร่างของคนอื่น
ใบหน้าสวย ที่นัยตานั้นเต็มไปด้วยความวิตกกังวล เหม่อมองออกไปนอกหน้าต่างรถบัส ในหัวของเธอนั้นคิดเรื่องราวต่างๆ มากมายไปหมด
"จินซิน ยังคิดเรื่องลู่หานอยู่อีกเหรอ" เพื่อนสาวที่นั่งอยู่ข้างกันเอ่ยถาม เธอหันไปพยักหน้ารับ ลู่หานคือชื่อของแฟนหนุ่ม ซึ่งเป็นสาเหตุให้เธอต้องบินจากจีนแผ่นดินใหญ่ มาถึงไต้หวัน เพื่อไหว้เทพเจ้าขอพร
เธอกับลู่หานคบกันมานานถึง 7 ปี ซึ่งเพิ่งจะผ่านวันครบรอบมาได้เพียงไม่กี่วัน แต่ก่อนหน้าที่จะถึงวันครบรอบ ทั้งสองคนก็ทะเลาะกันมาอย่างหนัก จนต้องต่างฝ่ายต่างถอยหลังไปถามตัวเอง ว่าจะคบกันต่อไปหรือยุติความสัมพันธ์ลงเพียงเท่านี้
จินซินรักเขามากเกินกว่าจะทำใจยอมรับการเลิกราได้ เธอจึงทำทุกวิถีทางเพื่อให้ความรักได้ดำเนินต่อไป
"เดี๋ยวก็ถึงศาลเทพเจ้าแห่งความรักแล้ว ฉันเอาหัวเป็นประกันเลยนะ ยังไงความรักของเธอกับลู่หานก็ต้องกลับมาดีเหมือนเดิมแน่นอน" อี้ฟางเพื่อนสนิทพยายามพูดให้กำลังใจจินซินมาโดยตลอด แม้เธอนั้นจะมองออก ตั้งแต่ช่วงทีาลู่หานเปลี่ยนไปแล้ว ว่าความรักของเพื่อนครั้งนี้อย่างไรก็กลับไปหวานชื่นเหมือนเดิมไม่ได้
แต่เพราะรู้ว่าจินซินเพื่อนของตัวเองนั้นรักแฟนหนุ่มของเธอมาก เธอจึงต้องพยายามทำทุกวิถีทางเพื่อให้เพื่อนสบายใจ
ณ ศาลเทพแห่งหนึ่งในมณฑลหนานโถว,ประเทศไต้หวัน
จินซินและอี้ฟาฃเดินทางตาม GPS กระทั่งถึงศาลเจ้าที่เป็นเป้าหมายของพวกเธอ ที่นี่ถูกตกแต่งด้วยปฏิมากรรมจีนอย่างงดงาม ตั้งแต่ประตูทางเข้า ตลอดไปจนถึงวิหารซึ่งเป็นที่ประดิษฐานขอฃรูปปั้นตัวแทนองค์เทพ
ที่นี่ไม่ได้มีเพียงแค่เทพเจ้าแห่งรัก แต่ยังแบ่งเป็นโซนสำหรับไหว้ขอพรในด้านต่างๆ เช่น การงาน การเงิน ความรัก สุขภาพ ฯลฯ แล้วแต่ใครจะปรารถนาสิ่งใด
อี้ฟางพาเพื่อนรักของเธอเดินตรงไปที่โซนไหว้ขอความรักอย่างไม่รีรอ มาถึงก็จะพบกับวิธีการไหว้ในรูปแบบต่างๆ ตั้งแต่ไหว้ขอคนรักสำหรับคนโสด ไหว้เสริมความรักสำหรับคนมีแฟน หรือแม้แต่ไหว้ขอให้ทำใจได้สำหรับคนช้ำรัก
ซึ่งในส่วนของจินซินนั้น เธอมาไหว้เพื่อขอให้ความรักดีขึ้น วิธีการไหว้คือสวดบทเสริมความรัก พร้อมกับบูชาน้ำมันเติมในตะเกียงเพื่อจุดถวายแก่องค์เทพเพื่อให้รับรู้ต่อคำอธิษฐานขอของเธอ
"สบายใจขึ้นมั้ย?" หลังจากที่เดินออกมาจากศาลเทพเจ้าเสริมดวงความรัก อี้ฟางจึงได้เอ่ยถามขึ้น เธอยังคงเห็นความกังวลฉายอยู่ในแววตาของเพื่อน แม้ว่าจะทำการไหว้เทพขอพรไปแล้วก็ตาม จินซินดูพะวักพะวงอยู่ดับการก้ดูโทรศัพท์แทบจะตลอดเวลา
"สบายใจอะไรล่ะ ลู่หานบ่นเรื่องที่ฉันมาไต้หวันตั้งแต่ลงรถ จริงๆ ก็เถียงเรื่องนี้กันตั้งแต่ลงจากเครื่องแล้ว" อี้ฟางสัมผัสได้ว่า ความรักของเพื่อนนั้นน่าจะมาถึงจุดสุดท้ายแล้วจริงๆ แม้แต่เรื่องเล็กน้อยก็หยิบยกขึ้นมาเป็นประเด็นถกเถียงจนกระทั่งทะเลาะกันได้
"ถ้าอย่างนั้นเรากลับกันเลยไหมล่ะ" ทีแรกทั้งคู่ตั้งใจว่าจะเที่ยวที่ไต้หวันต่ออีกสักสองสามวันแล้วค่อยกลับ แต่ดูจากท่าทางรุุกรี้รุกรนของจินซินแล้ว
'งั้นก็เลิกกันสักทีเถอะ เธอจะได้สบายใจ'
**ไม่สามารถส่งข้อความถึงผู้ใช้รายนี้ได้**
หลังจากส่งข้อความบอกเลิกสำเร็จ ลู่หานก็กดบล็อกแฟนสาวในทันที นั่นจึงทำให้จินซินที่กำลังสับสนอยู่กับเหตุการณ์ยืนนิ่งไป มือทั้งสองข้างกำโทรศัพท์แน่น ดวงตากลมโตจ้องมองหน้าจองทีาเปลี่ยนไป ภาพโปรไฟล์ของแฟนหนุ่มพลันเปลี่ยนเป็นสีขาวว่างเปล่า ช่องส่งข้อความถูกปิดใช้งานอัตโนมัติ
"เป็นอะไรไปเหรอ?" อี้ฟางเอ่ยถามด้วยความเป็นห่วง เมื่อเห็นท่าทีแปลกๆ ของเพื่อน
"เวรจริงๆ!!! เทพพระเจ้านี่ไม่เห็นศักดิ์สิทธิ์สักนิด ฉันเพิ่งขอพรไปไม่ถึงยี่สิบนาทีเลยมั้ง เดินออกมายังไม่พ้นกำแพงของศาลเลยเนี่ย" อยู่ๆ จินซินก็โวยวายขึ้น ดวงตาทั้งสองข้างแดงก่ำ น้ำตาไหลเอ่ออาบสองแก้มนวล อี้ฟางได้แต่ช็อกกับภาพที่เห็น เธอพอจะเดาได้ว่าเกิดอะไรขึ้น แต่ก็ไม่รู้จะจัดการกับเพื่อนของตัวเองที่กำลังสติแตกอย่างไรได้
"จินซิน! เดี๋ยวสิจะไปไหนน่ะ!?" สองเท้าเล็กรีบสาวตามเพื่อนไป จินซินเดินย้อนกลับไปที่จุดไหว้ขอพรความรักอีกครั้ง เธอไม่ได้พูดอะไร เพียงแค่ยืนต้องรูปปั้นเทพเจ้าน้ำตาไหลอาบ เธอโทษว่าเป็นความผิดของเทพเจ้า ที่ทำให้เธอนั้นถูกบอกเลิก ทั้งที่พยายามประคับประคองมานานหลายเดือน
"ถ้าขอดีดีแล้วให้ไม่ได้ ก็อย่าหลอกลวงใครอีกต่อไปเลย" หญิงสาวเดินไปคว้ากระบวยตักน้ำมันจากถังสำหรับตักน้ำใันใส่ตะเกียง แล้วจัดการสาดใส่แท่นที่ตั้งรูปปั้นขององค์เทพเจ้าอย่างบ้าคลั่ง จนอี้ฟางต้องรีบเข้าไปห้าม และยังมีคนดูแลอีกสองสามคนที่ร้องตะโกนพลางเข้าไปห้ามจินซิน แต่หญิงสาวก็ดิ้นสุดแรงต่อต้านการจับกุมของทุกฝ่าย
เมื่อหลุดจากพันธนาการเธอก็คว้าเขียนเล่มที่อยู่ใกล้มือที่สุด ซึ่งเป็นเทียนที่มีการจัดไฟสว่างไสว ก่อนจะทิ้งเทียนเล่มนั้นลงพื้นจนทำให้เกินไฟลุกขึ้นทั่วบริเวณที่ราดน้ำมัน
"เผาทิ้งซะศาลเฮงซวย!!!" เธอร้องตะโกนใส่รูปปั้น ทุกคนที่เห็นเหตุการณ์ต่างวิ่งกันวุ่นวายเพื่อหาถังมาดับเพลิง แต่ด้วยตรงจุดนั้นมีถังใส่น้ำมัน และน้ำมันที่ถูกสาดกระจายทั่วบริเวณ ทำให้เพลิงลุกลามอย่างรวดเร็ว อี้ฟางเองแม้จะอยู่ไม่ไกลจากจินซิน แต่ก็ไม่กล้าเข้าไปใกล้ เพราะไฟลุกลามแรงขึ้นเรื่อยๆ
แม้แต่จินซินเองที่เป็นคนสร้างเพลิงพงกนี้ขึ้นมาด้วยความขาดสติ ก็ยังเริ่มรู้สึกถึงเปลวความร้อนจากไฟ เธอค่อยๆ ถอยออกมาจากจุดที่เกิดเพลิงไหม้ แต่เพราะไฟมันลามไปทั่วตัวศาลแล้ว ทำให้เธอยืนอยู่กลางกองเพลิงโดยไม่รู้ตัว
"อี้ฟาง! อี้ฟางช่วยฉันด้วย!" คนที่ยืนอยู่กลางเปลวเพลิงร้องขอความช่วยเหลือ แต่เหมือนว่าความรุนแรงของเปลวไฟ ขะแรงเกินกว่าที่อี้ฟางจะลุยเข้าไป หรือแม้แต่จินซินเองก็ไม่สามารถฝ่าออกมาได้เช่นกัน ดวงตากลมมองหาสักลู่ทางที่พอจะวิ่งออกไปได้อย่างปลอดภัย และเธอมองเห็นจุดที่เปลวไฟไม่โหมมาก อยู่ห่างจากเธอไปเพียงสองสามก้าว
จินซินตัดสินใจก้าวเท้าหมายจะลุยไฟออกไป แต่ด้วยน้ำมันที่เธอราดเอาไว้ ทำให้หญิงสาวลื่นถลาแล้วล้มลงในกองเพลิง ความร้อนกระจายแผ่ทั่วทั้งร่างกายอย่างรวดเร็ว อี้ฟางทำได้เพียงร้องขอความช่วยเหลือ และมองดูเพื่อนถูกเปลวไฟเผาต่อหน้าต่อตา
ความแสบร้อนรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ ภาพของศาลเจ้าและเพื่อนสนิทที่ยืนร้องไห้สลับกับร้องขอความช่วยเหลืออยู่นอกศาลค่อยๆ เลือนลางและจางหายไปในที่สุด
'นี่ฉันเอาชีวิตมาทิ้งอย่างนั้นเหรอ บ้าจริง'
เมื่อตอนเด็ก หลินอวี่เคยช่วยชีวิตเหยาซีเยว่ที่กำลังจะตาย ต่อมา หลินอวี่กลายเป็นพืชหลังจากประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์ เธอแต่งงานเข้าตระกูลหลินโดยไม่ลังเลใจและใช้ทักษะทางการแพทย์ของเธอเพื่อรักษาหลินอวี่ สองปีของการแต่งงานและการดูแลอย่างสุดหัวใจของเธอเพียงเพื่อตอบแทนบุญคุณ และเพื่อที่เขาจะให้ความสำคัญกับตัวเองบ้าง แต่ความพยายามทั้งหมดของเธอกลับไร้ประโยชน์เมื่อคนในใจของหลินอวี่กลับมาประเทศ เมื่อหลินอวี่โยนข้อตกลงการหย่ามาใส่เธออย่างไร้ความปราณี เธอก็รีบเซ็นชื่อทันที ทุกคนหัวเราะเยาะเธอที่เป็นผู้หญิงที่ถูกครอบครัวใหญ่ทอดทิ้ง แต่ใครจะไปรู้ว่า เธอคือ Moon นักแข่งรถที่ไม่มีใครเทียบได้บนสนามแข่งรถ เป็นนักออกแบบแฟชั่นที่มีชื่อเสียงระดับนานาชาติ เป็นอัจฉริยะของแฮ็กเกอร์ และเธอยังเป็นหมอมหัศจรรย์ระดับโลก... อดีตสามีของเธอเสียใจมากจนคุกเข่าลงกับพื้นขอร้องให้เธอกลับมา ผู้เผด็จการคนหนึ่งอุ้มเธอไว้ในอ้อมแขนของเขาแล้วพูดว่า "ออกไป! นี่คือภรรยาของฉัน!" เหยาซีเยว่ "?"
เธอก็รู้อยู่เต็มอกว่าเขาไม่เคยสนใจ แต่ก็ยังดึงดันอยากจะอยู่ใกล้ ต่อให้เธอเป็นเมียแต่งเขาก็คงไม่มีวันเปลี่ยนใจ เพราะเหตุนี้เธอจึงตัดสินใจจากไปในคืนแต่งงาน "จากนี้ไปเราไม่มีอะไรติดค้างกันอีก" 🥀
เว่ยเว่ย นักศึกษาฝึกงานทะลุมิติ เว่ยเว่ยขับเวสป้าตกเหว แต่ดันทะลุมิติตกน้ำอยู่ตรงหน้าชายหนุ่ม ที่กำลังหาปลาอยู่ที่บึงน้ำ ลู่เหวินเยียนอาศัยกับมารดาอยู่ที่กระท่อมเชิงเขา บิดาเสียชีวิตในสนามรบ เขามักจะออกไปล่าสัตว์ป่ามาขาย วันนี้เขามาดูกับดักปลาและบังเอิญเห็นบางสิ่งตกลงมาจากฟ้าต่อหน้าต่อตาเขา คำเตือน นิยายเรื่องนี้แต่งขึ้นตามจินตนาการของผู้แต่ง บุคคล สถาน องค์กรและเนื้อเรื่องทั้งหมดในนิยายเรื่องนี้เป็นเรื่องสมมติ ผู้อ่านโปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน ผู้เขียนขอสงวนลิขสิทธิ์ทางปัญญาตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์พ.ศ.2537และเพิ่มเติมพ.ศ.2538 ห้ามทำการคัดลอก หรือดัดแปลงเนื้อหาของนิยายโดยไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าของที่เป็นผู้แต่งเป็นลายลักษณ์อักษร
คุณท่านเสียว คุณชายยอดเยี่ยมที่โด่งดังในเมือง B ได้แต่งงาน แต่มีข่าวลือว่าเจ้าสาวมีรูปร่างหน้าตาที่น่าเกลียดและมีฐานะต่ำต้อย สามปีมานี้ เขาปฏิบัติกับเธออย่างเย็นชาและทำเหมือนเป็นคนแปลกหน้า เจียงซิงซิงอดทนกับความเย็นชาอย่างเงียบ ๆ เธอยังคงรักเขาอย่างสุดหัวใจ เสียสละความนับถือตนเองและยอมละทิ้งตัวตนของเธอเอง จนกระทั่งวันหนึ่ง สุดที่รักของเขากลับประเทศ เขได้สารภาพว่าเขาแต่งงานกับเธอเพียงเพื่อช่วยชีวิตคนรักในใจของเขาเท่านั้น เจียงซิงซิงเสียใจและผิดหวังมาก เธอจึงเซ็นเอกสารหย่าและจากไปด้วยความเศร้าใจ สามปีต่อมา เจียงซิงซิงผู้สวยงามจนน่าทึ่งกลับมาอีกครั้ง ได้กลายมาเป็นศัลยแพทย์ที่ดีที่สุดและเป็นยอดฝีมือด้านเปียโน อดีตสามีรู้สึกเสียใจ และกอดเธอแน่นท่ามกลางสายฝน เสียงของเขาสั่นเครือ "ที่รัก คุณเป็นของผม..."
"เราหย่ากันเถอะ"หนึ่งประโยคนี้ ทำให้ชีวิตการแต่งงานสี่ปีของฉินซูเหนียนกลายเป็นเรื่องตลก ในขณะนี้ ฉินซูเหนียนถึงตระหนักว่าสามีของเธอไม่เคยมีใจให้เธอ น้ำเสียงของเขาเย็นชา: "ตั้งแต่ต้นจนจบ ฉันมีเพียงหว่านหว่านอยู่ในใจ และคุณเป็นเพียงแผนชั่วคราวในการจัดการกับการแต่งงานในครอบครัวที่กำหนด" ด้วยความสิ้นหวัง ฉินซูเหนียนลงนามในใบหย่าอย่างไม่ลังเล ถอดผ้ากันเปื้อนของภรรยาที่ดีออก สวมมงกุฎของราชินีขึ้นมา และกลายเป็นผู้ยิ่งใหญ่ กลับมาอีกครั้ง เธอไม่ใช่คุณนายลี่ที่สวยแต่เปลือกอีกต่อไป แต่เป็นผู้หญิงที่แข็งแกร่งที่น่าทึ่งใจ เธอแสดงความสามารถต่อหน้าคนอื่นๆ และอดีตสามีที่หยิ่งก็ถามเธอว่า: "ฉินซูเหนียน นี่เป็นเคล็ดลับใหม่ของเธอในการดึงดูดฉันงั้นเหรอ" ก่อนที่เธอจะพูดอะไร ประธานลึกลับก็ดึงเธอเข้ามาในอ้อมแขนของเขาและประกาศไปว่า "ดูให้ชัดเจน นี่คือคุณนายฟู่ คนอื่นห้ามเข้าใกล้เธอ" ฉินซูเหนียนถึงกับพูดไม่ออก อดีตสามีก็ตกตะลึงไปด้วย
ทะลุมิติมาในนิยายยุค 80 ว่ายากลำบากแล้วเธอยังต้องมาเลี้ยงลูกแฝดและวางแผนหนีชะตาชีวิตที่นักเขียนระบุให้ตายอย่างทรมานภายใต้เงื้อมมือของพ่อตัวร้ายอีก สวรรค์!ยังจะมีตัวละครทะลุมิติใดบัดซบเท่าเธออีกหรือไม่