/0/4970/coverbig.jpg?v=a9d807326be5ecd3167489cac0b3a240)
เพราะไปเผาศาลเจ้าด้วยความโกรธ เลยต้องถูกทำโทษให้มาอยู่ในร่างของคนอื่น
เพราะไปเผาศาลเจ้าด้วยความโกรธ เลยต้องถูกทำโทษให้มาอยู่ในร่างของคนอื่น
ใบหน้าสวย ที่นัยตานั้นเต็มไปด้วยความวิตกกังวล เหม่อมองออกไปนอกหน้าต่างรถบัส ในหัวของเธอนั้นคิดเรื่องราวต่างๆ มากมายไปหมด
"จินซิน ยังคิดเรื่องลู่หานอยู่อีกเหรอ" เพื่อนสาวที่นั่งอยู่ข้างกันเอ่ยถาม เธอหันไปพยักหน้ารับ ลู่หานคือชื่อของแฟนหนุ่ม ซึ่งเป็นสาเหตุให้เธอต้องบินจากจีนแผ่นดินใหญ่ มาถึงไต้หวัน เพื่อไหว้เทพเจ้าขอพร
เธอกับลู่หานคบกันมานานถึง 7 ปี ซึ่งเพิ่งจะผ่านวันครบรอบมาได้เพียงไม่กี่วัน แต่ก่อนหน้าที่จะถึงวันครบรอบ ทั้งสองคนก็ทะเลาะกันมาอย่างหนัก จนต้องต่างฝ่ายต่างถอยหลังไปถามตัวเอง ว่าจะคบกันต่อไปหรือยุติความสัมพันธ์ลงเพียงเท่านี้
จินซินรักเขามากเกินกว่าจะทำใจยอมรับการเลิกราได้ เธอจึงทำทุกวิถีทางเพื่อให้ความรักได้ดำเนินต่อไป
"เดี๋ยวก็ถึงศาลเทพเจ้าแห่งความรักแล้ว ฉันเอาหัวเป็นประกันเลยนะ ยังไงความรักของเธอกับลู่หานก็ต้องกลับมาดีเหมือนเดิมแน่นอน" อี้ฟางเพื่อนสนิทพยายามพูดให้กำลังใจจินซินมาโดยตลอด แม้เธอนั้นจะมองออก ตั้งแต่ช่วงทีาลู่หานเปลี่ยนไปแล้ว ว่าความรักของเพื่อนครั้งนี้อย่างไรก็กลับไปหวานชื่นเหมือนเดิมไม่ได้
แต่เพราะรู้ว่าจินซินเพื่อนของตัวเองนั้นรักแฟนหนุ่มของเธอมาก เธอจึงต้องพยายามทำทุกวิถีทางเพื่อให้เพื่อนสบายใจ
ณ ศาลเทพแห่งหนึ่งในมณฑลหนานโถว,ประเทศไต้หวัน
จินซินและอี้ฟาฃเดินทางตาม GPS กระทั่งถึงศาลเจ้าที่เป็นเป้าหมายของพวกเธอ ที่นี่ถูกตกแต่งด้วยปฏิมากรรมจีนอย่างงดงาม ตั้งแต่ประตูทางเข้า ตลอดไปจนถึงวิหารซึ่งเป็นที่ประดิษฐานขอฃรูปปั้นตัวแทนองค์เทพ
ที่นี่ไม่ได้มีเพียงแค่เทพเจ้าแห่งรัก แต่ยังแบ่งเป็นโซนสำหรับไหว้ขอพรในด้านต่างๆ เช่น การงาน การเงิน ความรัก สุขภาพ ฯลฯ แล้วแต่ใครจะปรารถนาสิ่งใด
อี้ฟางพาเพื่อนรักของเธอเดินตรงไปที่โซนไหว้ขอความรักอย่างไม่รีรอ มาถึงก็จะพบกับวิธีการไหว้ในรูปแบบต่างๆ ตั้งแต่ไหว้ขอคนรักสำหรับคนโสด ไหว้เสริมความรักสำหรับคนมีแฟน หรือแม้แต่ไหว้ขอให้ทำใจได้สำหรับคนช้ำรัก
ซึ่งในส่วนของจินซินนั้น เธอมาไหว้เพื่อขอให้ความรักดีขึ้น วิธีการไหว้คือสวดบทเสริมความรัก พร้อมกับบูชาน้ำมันเติมในตะเกียงเพื่อจุดถวายแก่องค์เทพเพื่อให้รับรู้ต่อคำอธิษฐานขอของเธอ
"สบายใจขึ้นมั้ย?" หลังจากที่เดินออกมาจากศาลเทพเจ้าเสริมดวงความรัก อี้ฟางจึงได้เอ่ยถามขึ้น เธอยังคงเห็นความกังวลฉายอยู่ในแววตาของเพื่อน แม้ว่าจะทำการไหว้เทพขอพรไปแล้วก็ตาม จินซินดูพะวักพะวงอยู่ดับการก้ดูโทรศัพท์แทบจะตลอดเวลา
"สบายใจอะไรล่ะ ลู่หานบ่นเรื่องที่ฉันมาไต้หวันตั้งแต่ลงรถ จริงๆ ก็เถียงเรื่องนี้กันตั้งแต่ลงจากเครื่องแล้ว" อี้ฟางสัมผัสได้ว่า ความรักของเพื่อนนั้นน่าจะมาถึงจุดสุดท้ายแล้วจริงๆ แม้แต่เรื่องเล็กน้อยก็หยิบยกขึ้นมาเป็นประเด็นถกเถียงจนกระทั่งทะเลาะกันได้
"ถ้าอย่างนั้นเรากลับกันเลยไหมล่ะ" ทีแรกทั้งคู่ตั้งใจว่าจะเที่ยวที่ไต้หวันต่ออีกสักสองสามวันแล้วค่อยกลับ แต่ดูจากท่าทางรุุกรี้รุกรนของจินซินแล้ว
'งั้นก็เลิกกันสักทีเถอะ เธอจะได้สบายใจ'
**ไม่สามารถส่งข้อความถึงผู้ใช้รายนี้ได้**
หลังจากส่งข้อความบอกเลิกสำเร็จ ลู่หานก็กดบล็อกแฟนสาวในทันที นั่นจึงทำให้จินซินที่กำลังสับสนอยู่กับเหตุการณ์ยืนนิ่งไป มือทั้งสองข้างกำโทรศัพท์แน่น ดวงตากลมโตจ้องมองหน้าจองทีาเปลี่ยนไป ภาพโปรไฟล์ของแฟนหนุ่มพลันเปลี่ยนเป็นสีขาวว่างเปล่า ช่องส่งข้อความถูกปิดใช้งานอัตโนมัติ
"เป็นอะไรไปเหรอ?" อี้ฟางเอ่ยถามด้วยความเป็นห่วง เมื่อเห็นท่าทีแปลกๆ ของเพื่อน
"เวรจริงๆ!!! เทพพระเจ้านี่ไม่เห็นศักดิ์สิทธิ์สักนิด ฉันเพิ่งขอพรไปไม่ถึงยี่สิบนาทีเลยมั้ง เดินออกมายังไม่พ้นกำแพงของศาลเลยเนี่ย" อยู่ๆ จินซินก็โวยวายขึ้น ดวงตาทั้งสองข้างแดงก่ำ น้ำตาไหลเอ่ออาบสองแก้มนวล อี้ฟางได้แต่ช็อกกับภาพที่เห็น เธอพอจะเดาได้ว่าเกิดอะไรขึ้น แต่ก็ไม่รู้จะจัดการกับเพื่อนของตัวเองที่กำลังสติแตกอย่างไรได้
"จินซิน! เดี๋ยวสิจะไปไหนน่ะ!?" สองเท้าเล็กรีบสาวตามเพื่อนไป จินซินเดินย้อนกลับไปที่จุดไหว้ขอพรความรักอีกครั้ง เธอไม่ได้พูดอะไร เพียงแค่ยืนต้องรูปปั้นเทพเจ้าน้ำตาไหลอาบ เธอโทษว่าเป็นความผิดของเทพเจ้า ที่ทำให้เธอนั้นถูกบอกเลิก ทั้งที่พยายามประคับประคองมานานหลายเดือน
"ถ้าขอดีดีแล้วให้ไม่ได้ ก็อย่าหลอกลวงใครอีกต่อไปเลย" หญิงสาวเดินไปคว้ากระบวยตักน้ำมันจากถังสำหรับตักน้ำใันใส่ตะเกียง แล้วจัดการสาดใส่แท่นที่ตั้งรูปปั้นขององค์เทพเจ้าอย่างบ้าคลั่ง จนอี้ฟางต้องรีบเข้าไปห้าม และยังมีคนดูแลอีกสองสามคนที่ร้องตะโกนพลางเข้าไปห้ามจินซิน แต่หญิงสาวก็ดิ้นสุดแรงต่อต้านการจับกุมของทุกฝ่าย
เมื่อหลุดจากพันธนาการเธอก็คว้าเขียนเล่มที่อยู่ใกล้มือที่สุด ซึ่งเป็นเทียนที่มีการจัดไฟสว่างไสว ก่อนจะทิ้งเทียนเล่มนั้นลงพื้นจนทำให้เกินไฟลุกขึ้นทั่วบริเวณที่ราดน้ำมัน
"เผาทิ้งซะศาลเฮงซวย!!!" เธอร้องตะโกนใส่รูปปั้น ทุกคนที่เห็นเหตุการณ์ต่างวิ่งกันวุ่นวายเพื่อหาถังมาดับเพลิง แต่ด้วยตรงจุดนั้นมีถังใส่น้ำมัน และน้ำมันที่ถูกสาดกระจายทั่วบริเวณ ทำให้เพลิงลุกลามอย่างรวดเร็ว อี้ฟางเองแม้จะอยู่ไม่ไกลจากจินซิน แต่ก็ไม่กล้าเข้าไปใกล้ เพราะไฟลุกลามแรงขึ้นเรื่อยๆ
แม้แต่จินซินเองที่เป็นคนสร้างเพลิงพงกนี้ขึ้นมาด้วยความขาดสติ ก็ยังเริ่มรู้สึกถึงเปลวความร้อนจากไฟ เธอค่อยๆ ถอยออกมาจากจุดที่เกิดเพลิงไหม้ แต่เพราะไฟมันลามไปทั่วตัวศาลแล้ว ทำให้เธอยืนอยู่กลางกองเพลิงโดยไม่รู้ตัว
"อี้ฟาง! อี้ฟางช่วยฉันด้วย!" คนที่ยืนอยู่กลางเปลวเพลิงร้องขอความช่วยเหลือ แต่เหมือนว่าความรุนแรงของเปลวไฟ ขะแรงเกินกว่าที่อี้ฟางจะลุยเข้าไป หรือแม้แต่จินซินเองก็ไม่สามารถฝ่าออกมาได้เช่นกัน ดวงตากลมมองหาสักลู่ทางที่พอจะวิ่งออกไปได้อย่างปลอดภัย และเธอมองเห็นจุดที่เปลวไฟไม่โหมมาก อยู่ห่างจากเธอไปเพียงสองสามก้าว
จินซินตัดสินใจก้าวเท้าหมายจะลุยไฟออกไป แต่ด้วยน้ำมันที่เธอราดเอาไว้ ทำให้หญิงสาวลื่นถลาแล้วล้มลงในกองเพลิง ความร้อนกระจายแผ่ทั่วทั้งร่างกายอย่างรวดเร็ว อี้ฟางทำได้เพียงร้องขอความช่วยเหลือ และมองดูเพื่อนถูกเปลวไฟเผาต่อหน้าต่อตา
ความแสบร้อนรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ ภาพของศาลเจ้าและเพื่อนสนิทที่ยืนร้องไห้สลับกับร้องขอความช่วยเหลืออยู่นอกศาลค่อยๆ เลือนลางและจางหายไปในที่สุด
'นี่ฉันเอาชีวิตมาทิ้งอย่างนั้นเหรอ บ้าจริง'
เสิ่นชิงกลายเป็นลูกสาวของชาวนาจากคุณหนูที่ร่ำรวยของตระกูลเสิ่นในชั่วข้ามคืน ลูกสาวตัวจริงใส่ร้ายเธอ คู่หมั้นของเธอทำให้เธออับอาย และพ่อแม่บุญธรรมของเธอก็ไล่เธอออกจากบ้าน... ทุกคนต่างรอที่จะหัวเราะเยาะเธอ ทว่าเธอกลับกลายเป็นทายาทของตระกูลเศรษฐีในเมืองอย่างกะทันหัน นอกจาดนี้ เธอยังมีตัวตนหลากหลาย เช่น หัวหน้าแฮ็กเกอร์ระดับนานาชาติ นักออกแบบเครื่องประดับชั้นนำ นักเขียนผู้ยิ่งใหญ่ที่ลึกลับ และอัจฉริยะด้านการแพทย์! พ่อแม่บุญธรรมเสียใจกับการตัดสินใจของตนและบังคับให้เธอแบ่งทรัพย์สินครึ่งหนึ่งให้เพราะพวกเขาเลี้ยงดูเธอมา เมื่อเสิ่นชิงหยิบกล้องออกมาแล้วบันทึกท่าทางอันน่าเกลียดของพวกเขา อดีตคู่หมั้นรู้สึกเสียใจและพยายามจะคืนดีกับเธอ เสิ่นชิงหัวเราะเยาะ "เขาคู่ควรงั้นเหรอ" จากนั้นก็ไล่เขาออกจากเมือง ในที่สุด ผู้มีอำนาจแห่งเมืองก็พูดอ้อนวอนเบาๆ "ไม่จำเป็นต้องแต่งเข้าตระกูลผม เดี๋ยวผมไปหาเอง"
หลังผ่าตัดนักพรตเฒ่าผู้หนึ่งนั้น นางวูบหมดสติและเสียชีวิตลงไป ลืมตาตื่นขึ้นมาอีกที ก็อยู่ในร่างของคุณหนูปัญญาอ่อนที่มีชื่อเดียวกันผู้นี้เสียแล้วทั้งยังจำอดีตชาติยามเป็นปรมาจารย์เต๋าได้อีกด้วย +++ 1 : ไล่ออกจากอารามไท่ผิงกวน แคว้นจิ้น ราชวงศ์เซวียน อารามไท่ผิงกวน “ไป ๆ อาจารย์ขับไล่พวกท่านออกจากอารามแล้ว อย่าได้มาเหยียบที่นี่อีก” “ศิษย์พี่รองรีบปิดประตูเร็วเข้า !” ตุบ ! ห่อผ้าสองห่อถูกโยนออกมาจากประตูอาราม ปัง ! ตามด้วยเสียงปิดประตูลงสลักอย่างหนาแน่น สตรีนางหนึ่งยืนตัวตรงเป็นสง่า เสื้อผ้ากับเส้นผมของนางปลิวไสวดั่งไผ่ลู่ลม หลินซือเยว่เงยหน้าขึ้นมองป้ายชื่ออารามไท่ผิงกวนด้วยสายตาเลื่อนลอย อาศัยอยู่ที่นี่มานานเท่าใดแล้วนะ บางครั้งนางเองก็ลืมเลือนวันเวลาไปเหมือนกัน “คุณหนูเจ้าคะ ศิษย์น้องทั้งสองของท่านทำเกินไปแล้วนะเจ้าคะ เหตุใดถึงไล่พวกเราสองคนออกจากอารามได้เล่า” เผิงฉือกระทืบเท้าเบา ๆ ตรงไปฉวยห่อผ้าทั้งสองบนพื้น ขึ้นมาคล้องแขนตัวเองไว้ “หากไม่ได้รับคำสั่งจากอาจารย์ ศิษย์น้องทั้งสองคงไม่กล้าขับไล่ข้าออกจากอารามหรอก” น้ำเสียงของนางสงบนิ่งฟังแล้วสบายหูยิ่งนัก หาได้มีความโกรธเกลียดแต่อย่างใด “นั่นรถม้า” นิ้วเรียวสวยชี้ไปยังรถม้าคันที่มีคนนั่งเฝ้าอยู่ “ป้าเผิงไปถามดูว่าใช่รถม้าของเราหรือไม่” เผิงฉือไม่รอช้ารีบตรงไปหาคนเฝ้ารถม้าที่อยู่ใต้ต้นไผ่ในทันที ไม่ช้านางก็กลับมาพร้อมกับรอยยิ้มนิด ๆ “เป็นรถม้าของเราจริง ๆ เจ้าคะคุณหนู คนขับบอกว่าเป็นคนของตระกูลหลินเจ้าค่ะ ได้รับคำสั่งจากท่านพ่อของคุณหนู ให้มารับคุณหนูกลับตระกูลหลินเพื่อไปแต่งงานเจ้าค่ะ” “กลับไปแต่งงานนี่เอง” นางเอ่ยเหมือนไม่ใช่เรื่องใหญ่ หันหลังกลับไปทางประตูอาราม ประสานมือค้อมตัวคำนับลาอาจารย์ เผิงฉือเห็นเช่นนั้นก็อดที่จะคำนับตามนางไม่ได้ ภายในอารามไท่ผิงกวน “อาจารย์เหตุใดถึงไม่บอกลากับศิษย์พี่ใหญ่ไปตรง ๆ ล่ะ ทำเช่นนี้นางไม่โกรธท่านไปจนวันตายเลยรึ” เหอกุ้ยแม้มีอายุยี่สิบแปดปีแล้ว ทว่าเขากราบเป็นศิษย์เจ้าอาวาสชุนหวังเหล่ยหลังสตรีผู้นั้น จึงได้เป็นเพียงแค่ศิษย์พี่รองเท่านั้น “นั่นสิอาจารย์ ศิษย์พี่ใหญ่นางไม่เคยออกจากอารามไปไหนไกล ท่านทำเช่นนี้ไม่ใช่ขับไล่นางไปสู่ความตายหรอกรึ” จางเจียเฟิ่งเห็นด้วยกับศิษย์พี่รองของเขา “ให้มันน้อย ๆ หน่อยเจ้าศิษย์โง่ทั้งสอง พวกเจ้าคิดว่าอารามไท่ผิงกวนแห่งนี้ สามารถอยู่รอดมาได้เพราะใครกัน หากไม่ใช่เพราะฝีมือของศิษย์พี่ใหญ่ของพวกเจ้า เห็นนางเงียบ ๆ แบบนั้น ความคิดนางกว้างไกลยิ่งนัก อาจารย์อย่างข้ายังเทียบนางไม่ติดด้วยซ้ำไป” เจ้าอาวาสชุนปีนี้อายุอานามปาเข้าไปหกสิบห้าปีแล้ว ทว่าร่างกายยังแข็งแรง อารามเต๋าแห่งนี้มีวิถีแบบไม่เคร่งครัด ใช้ชีวิตเยี่ยงฆราวาสผู้หนึ่ง สามารถแต่งงานมีครอบครัวได้ “อาจารย์นางอยู่ในอารามวาดยันต์กันภัยให้ชาวบ้านที่มากราบไหว้ ตั้งโต๊ะรักษาโรคภัยให้ผู้คนในตัวอำเภอฝู แต่หนนี้นางต้องกลับบ้านไปเพื่อแต่งงาน นางบริสุทธิ์ถึงเพียงนั้นมิถูกสามีจับกลืนกินจนไม่เหลือกระดูกหรอกรึ” เหอกุ้ยนึกภาพเทพเซียนผู้สูงส่งอย่างหลินซือเยว่ หากต้องร่วมเตียงกับบุรุษหยาบกระด้าง เพียงเท่านั้นเขาก็ทำใจไม่ได้จริง ๆ แทบอยากจะไปแย่งตัวศิษย์พี่ใหญ่ของตัวเองกลับคืนมา “เลิกคร่ำครวญได้แล้ว กลับไปกวาดลานอารามกับตรวจดูน้ำมันตะเกียงให้เรียบร้อย ศิษย์พี่ใหญ่ของพวกเจ้าไม่อยู่ เจ้าทั้งสองต้องรีบร่ำเรียนศึกษาหาความรู้ อารามไท่ผิงกวนจะได้เจริญรุ่งเรืองในภายภาคหน้าต่อไปได้” เจ้าอาวาสชุนทำเสียงดังใส่ลูกศิษย์ทั้งสอง “ไป ๆ ข้าจะสวดมนต์” โบกมือไล่ทั้งคู่ให้ออกจากห้องสวดมนต์ไป เจ้าอาวาสชุนรีบลุกไปปิดประตูลั่นกลอน ท่าทางลุกลี้ลุกลนจนผิดปกติ ย่องเบา ๆ ไปที่ใต้เตียงนอน ดึงหีบไม้เก่าเก็บออกมา ครั้นกดสลักเปิดออก ก็พบตั๋วเงินจำนวนสามพันตำลึงอยู่ในนั้น ตระกูลหลินที่ไม่ได้บริจาคน้ำมันตะเกียงมาหลายปี จู่ ๆ ก็ส่งตั๋วเงินมาให้ พร้อมกับขอรับคนกลับไปเพื่อแต่งงาน ช่วงนี้ชาวบ้านมาทำบุญที่อารามน้อยลง หลินซือเยว่ก็ไม่รู้ว่าเกิดอันใดขึ้นกับนาง ถึงไม่ยอมลงจากอารามไปรักษาผู้คน รายได้เลยหายหดแทบจ่ายอาหารการกิน(สุรานารี)ไม่พอ ตั๋วเงินสามพันตำลึงนี่มาได้ทันเวลาพอดี ! แครก ๆ ๆ ๆ เสียงกวาดลานหน้าอารามดังขึ้นพร้อมกับเสียงบ่นของเหอกุ้ย “ข้ารู้ว่านางเก่งเอาตัวรอดได้ ข้าเพียงไม่อยากให้นางไปก็เท่านั้น” “ศิษย์พี่รองท่านอย่าได้เสียใจไปเลย ไม่ใช่ว่ามีแต่นางที่ต้องแต่งงานมีครอบครัว ท่านเองก็เถอะที่บ้านส่งคนมารับทุกปีไม่ใช่รึ” จางเจียเฟิ่งรู้ดีว่าตนและเหอกุ้ย ถูกครอบครัวลงโทษด้วยการส่งมาอยู่ยังอารามแห่งนี้ ทว่าเพียงชั่วคราวเท่านั้น “ตัวข้านั้นไม่เป็นไรหรอก เจ้านั่นแหละศิษย์น้องสาม ข้าได้ยินว่าที่บ้านของเจ้า เพิ่งหาคู่หมั้นหมายคนใหม่ให้เจ้าอีกคนแล้วไม่ใช่รึ” สองศิษย์พี่น้องหยุดกวาดลานอาราม แล้วหันหน้าไปมองตากัน จากนั้นพวกเขาก็ถอนหายใจดัง ๆ พร้อมกัน ไม่มีศิษย์พี่ใหญ่อยู่ด้วย นับจากนี้ไปยามทำความผิดใครจะออกหน้าคอยช่วยเหลือ ยามเงินหมดใครจะให้หยิบยืม ยิ่งคิดพวกเขาก็ยิ่งไม่สบายใจเป็นอย่างมาก บนถนนมุ่งหน้าสู่เมืองหลวง รถม้าไม้ธรรมดาไม่เล็กไม่ใหญ่ ไร้ป้ายชื่อตระกูลบอกกล่าว คล้ายไม่อยากให้ผู้อื่นล่วงรู้ว่าคนที่นั่งอยู่ด้านในเป็นใคร เผิงฉือพยายามหลอกถามคนขับรถม้าอยู่หลายหน ถึงสถานการณ์ของตระกูลหลินในยามนี้ นางไม่เคยไปที่นั่นมาก่อนไม่รู้จักใครสักคน คนขับรถม้าตอบว่า เขามีหน้าที่มารับคุณหนูรองกลับบ้านเท่านั้น เรื่องอื่นนั้นเขาไม่รู้จริง ๆ “ได้ถามหรือไม่ ใช้เวลากี่วันในการเดินทาง” หลินซือเยว่เอ่ยเสียงเนิบ ๆ “ถามแล้วเจ้าค่ะ เขาบอกว่าราว ๆ สิบวันก็ถึงเมืองหลวงแล้ว” “สิบวันเชียวรึ” หลินซือเยว่มองห่อผ้าที่วางอยู่ด้านข้าง มีเพียงของใช้จำเป็นของนางไม่กี่ชิ้น พร้อมกับก้อนเงินจำนวนห้าสิบตำลึง “คงต้องแวะซื้อของในอำเภอฝูเสียก่อน” เผิงฉือรีบเปิดม่านบอกกับคนขับรถม้า แต่เขากลับทำเสียงฮึดฮัดคล้ายไม่พอใจ “เสียเวลาเดินทางเปล่า ๆ” น้ำเสียงเขากระด้างกระเดื่อง
เพื่อค่ารักษาของพ่อ ฟางจิ้งหร่านยอมแทนที่น้องสาว แต่งงานกับชายผู้เสื่อมเสียชื่อเสียงและหูหนวก คืนแรกของวันแต่งงาน เธอค่อยๆ ถอดชุดทีละชิ้น ด้วยความคาดหวัง... แต่กลับได้ยินเพียงคำเตือนเย็นชาจากเขา "การแต่งงานของเราเป็นแค่สัญญา" อยู่ข้างกายชายเจ้าอารมณ์คนนี้ ฟางจิ้งหร่านต้องระมัดระวังทุกเมื่อ โดยกลัวว่าจะทำเขาไม่พอใจเข้า ทุกคนรอคอยดูเธอเสียหน้า... แต่ใครจะไปคิดว่า สามีคนนี้กลับกลายเป็น"ที่พึ่งที่มั่นคงที่สุด"ของเธอ จนกระทั่งวันที่สัญญาครบกำหนด ฟางจิ้งหร่านถือกระเป๋าเตรียมตัวจะจากไป... ชายคนนั้นกลับมีดวงตาแดงก่ำ กระซิบขอร้องว่า "อย่าไป..."
เสิ่นชิงชิว หลานสาวของเศรษฐีที่รวยที่สุดในเมืองไห้ คบหาอยู่กับลู่จั๋วมาเป็นเวลาสามปีแล้ว แต่ความจริงใจของเธอกลับสูญเปล่า ลู่จั๋วปฏิบัติกับเธอเพียงในฐานะหญิงบ้านนอกคนหนึ่ง และทอดทิ้งเธอในวันแต่งงาน โดยไปหารักแรกของเขา หลังจากเลิกรากันอย่างเด็ดขาด เสิ่นชิงชิวก็กลับมามีสถานะเป็นสาวรวยอีกครั้ง ได้รับมรดกมูลค่าหลายร้อยพันล้าน และเริ่มต้นชีวิตที่รุ่งโรจน์ที่สุด แต่แล้วมักจะมีคนโผล่มาทไให้กับเธอหงุดหงิดอยู่เสมอ! ขณะที่เธอกำลังจัดการกับผู้ร้าย คุณชายฟู่ผู้มีอำนาจนั้นก็ปรบมือและโห่ร้องว่า "ที่รักของฉันสุดยอดมากจริงๆ"
เส้าหยวนหยวนแต่งงานกับแม่ทัพเทพทรงพลังที่ได้รับบาดเจ็บสาหัสจนส่งผลกระทบต่อทางจิตใจหลังจาดที่เธอย้อนเวลา เธอไม่ต้องการเข้าไปพัวพันกับการสมรู้ร่วมคิด และต้องการร่วมมือกับเขาเพื่อแสวงหาอิสรภาพ เธอก่อตั้งธุรกิจ รักษาโรคของคนไข้ และช่วยชีวิตผู้คน เป็นคนที่ยอดเยี่ยม กลายเป็นผู้ช่วยที่ดีของแม่ทัพ แต่ต่อมาแม่ทัพกลับคืนคำ ไหนตกลงไว้ว่าจะหย่าล่ะ?
หล่อนถูกส่งมาบรรณาการในฐานะทาสบำเรอความใคร่ เพื่อแลกกับหนี้สินก้อนโต นอนกับเขาจนกว่าเขาจะเบื่อ แล้วเมื่อนั้นแหละหน้าที่บำเรอบนเตียงของหล่อนจึงจะหมดไป พะแพง ถูกส่งตัวมาเป็นนางบำเรอให้กับมหาเศรษฐีเจ้าของบ่อนคาสิโนที่ใหญ่ที่สุดในลาสเวกัส หน้าที่ของหล่อนคือทำให้เดมอน ลินการ์ด มีความสุขที่สุดยามอยู่บนเตียง หล่อนก้มหน้าก้มตาทำทุกอย่างเพื่อให้เขาพึงพอใจ แต่ไม่นานเขาก็เบื่อหน่าย ขับไล่ไสส่งหล่อนออกไปจากชีวิต ข่าวงานแต่งงานของเขากับผู้หญิงคนใหม่ที่ทั้งสวยและแสนคู่ควรดังก้องคับแผ่นฟ้า ในขณะที่หล่อนต้องหลบอยู่ในซอกหลืบของความมืดมิดเพื่อซ่อนเลือดเนื้อเชื้อไขของเขาเอาไว้อย่างรวดร้าวทรมาน
© 2018-now MeghaBook
บนสุด