ซ่านเป็นการรวมนิยาย 12 เรื่องเข้าไว้ด้วยกัน อันได้แก่ 1. ซ๋าน 2. เพื่อนเหงาสาวข้างโต๊ะ 3. ติวสยิวรัก 4. เถื่อนทมิฬ 5. ปิ่นโตผูกรัก 6. คฤหาสน์หวาม 7. สาวน้อยข้างบ้าน 8. เมียจ๋า 9. เล่ห์สวาท 10. สยิว 11. live สด 12. ไม่หล่อแต่เร้าใจ
ซีรีส์ซ่าน
เล่ม 1. ซ่าน
รถยนต์ที่กระตุกและดับลงทำให้ธีรัชถึงกับสบถอย่างหัวเสีย
“รถเป็นอะไรคะพี่ธี”
นิตาเอ่ยถามสามี เธอกับเขามาเที่ยวด้วยกัน แต่รถดันเสียระหว่างทาง อีกทั้งข้างทางไม่มีบ้านคนเลย มีแต่ต้นไม้เต็มไปหมด
“ไม่รู้เหมือนกันตา”
เขาหันไปคุยกับภรรยาท่าทีครุ่นคิด
“เมื่อกี้จำได้ไหม เราผ่านบ้านหลังหนึ่งมา เขาน่าจะซ่อมให้เราได้ เดี๋ยวพี่เดินกลับไปขอความช่วยเหลือเขาแล้วกันนะ”
“ไปด้วยสิคะ ไม่อยากอยู่คนเดียว”
นิตารีบตามสามีลงจากรถในทันที เขาจึงล็อกรถเอาไว้ ไม่อยากทิ้งภรรยาเอาไว้คนเดียว
“มีใครอยู่บ้างครับ”
ธีรัชตะโกนเรียกไม่กี่ครั้งเจ้าของบ้านก็ออกมา
“มีอะไรครับ”
คนที่เอ่ยถามเป็นชายรูปร่างสูงใหญ่หนวดรกแต่ดูใจดีไม่น้อย
“รถผมเสียน่ะครับ”
“อ๋อ... เดี๋ยวให้ลูกน้องไปลากรถมาซ่อมให้ เข้ามาก่อนสิ”
คนที่ชวนเข้าบ้านกวักมือเรียก ฝนที่ทำท่าว่าจะตกก็โปรยเม็ดลงมาทำให้สองสามีภรรยาต้องวิ่งเข้าไปหลบฝนด้านใน
“แย่จริงฝนตกเสียแล้ว” ธีรัชบ่นอย่างเซ็งๆ
“เดี๋ยวให้ลูกน้องจัดการ พี่ชื่อกันต์เราสองคนชื่ออะไรล่ะ”
“ผมชื่อธีรัชครับ ภรรยาชื่อนิตา เรากำลังจะไปเที่ยวกัน”
ธีรัชแนะนำตัวเอง หันไปเห็นลูกน้องของกันต์อีกสามคนกำลังยุ่งกับการซ่อมเครื่องยนต์อยู่
“นั่นไอ้ไก่ ไอ้พริก ไอ้บรรณ ลูกน้องพี่เอง เดี๋ยวฝนหยุดให้มันไปลากรถมาซ่อม”
“พี่เป็นคนที่นี่เหรอครับ แถวนี้ไม่ค่อยมีบ้านคนเลย”
“อยู่ที่นี่ตั้งแต่เกิด ไม่มีบ้านคน แต่มีนักท่องเที่ยวผ่านไปผ่านมา รายได้ดีอยู่”
อีกฟากหนึ่งธีรัชเห็นร้านสะดวกซื้อ เขาเลยเข้าใจ แต่ดูท่าทางของกันต์แล้วคงไม่มีใครแหยมเพราะเขาเหลือบไปเห็นปืนที่เห็บเอวอยู่ด้วย
“กว่าฝนจะหยุด กินเหล้ากันไหมไอ้น้อง กำลังจะตั้งวงพอดี”
กันต์เอ่ยชวน เขากวักมือเรียกลูกน้องที่เก็บอุปกรณ์ไว้ในลัง ก่อนจะไปจัดการเทตักกับแกล้มใส่ชามและหยิบเหล้ามาลังหนึ่ง
“ผมกำลังเปรี้ยวปากอยู่พอดีครับ”
“แต่เมียเราจะเบื่อหรือเปล่า มานั่งกินเหล้าท่ามกลางผู้ชายแบบนี้”
“ตาเขาคอแข็งนะครับ พี่กันต์อย่าสบประมาทเมียผม” ธีรัชอวดอ้าง นิตาเพียงแค่ยิ้มรับเท่านั้น
แล้วไม่นานวงเหล้าหย่อมๆ ก็เกิดขึ้น นิตาคอแข็งจริงๆ เธอดื่มไม่แพ้ผู้ชาย กับแกล้มเป็นอาหารป่าที่ลูกน้องของกันต์ช่วยกันทำ รสชาติจัดจ้านพร้อมกับถั่วคั่วอีกจานใหญ่
“เมียนายนี่สวยนะธี อิจฉาจังมีเมียสวยแบบนี้”
“ครับ”
ธีรัชยิ้มรับ เขายังไม่เมาแต่ก็มึนๆ นิตาเธอสวมเสื้อยืดกับกางเกงยีนส์ขาสั้น โชว์เรียวขานวลเนียนกระจ่างตา กันต์และลูกน้องมองกันไม่ละสายตา ดื่มไปมองขาขาวๆ ไปได้อารมณ์สุดๆ
“เมียน่าเอาชะมัดเลยว่ะ”
กันต์พูดตรงๆ วงเหล้าชะงักก่อนที่ธีรัชจะหัวเราะเบาๆ
“อยากเอาเหรอครับ เวลาเธอเมาเธอร้อนแรงมากนะครับ”
“พูดแล้วเปรี้ยวปาก พูดจริงหรือเปล่าวะนี่”
กันต์ถามทีเล่นทีจริง แต่มองหญิงสาวไม่วางตา
“พี่ธีน่ะ อะไรก็ไม่รู้”
นิตาแกล้งว่า ค้อนสามีวงใหญ่
ธีรัชหัวเราะชอบใจ เขามีรสนิยมแปลก ชอบให้เมียโดนผู้ชายรุม นิตาเองก็ชอบ จึงไม่แปลกที่เขาจะรู้สึกตื่นเต้น
เขาดึงภรรยาเข้าไปกอดจูบลูบคลำก่อนจะล้วงควักเข้าไปในเสื้อยืดของหล่อน
นิตาครวญครางบิดกายไปมา ร่องรักฉ่ำเยิ้มเพราะโดนกระตุ้น
กันต์ซัดเหล้าเข้าปากก่อนจะคลานมาหาลากมือกับหว่างขาของเจ้าหล่อน เธอแยกขาออกอย่างไม่หวงแหน
ลูกน้องคนอื่นๆ ของกันต์หัวเราะชอบใจ ตวัดลิ้นเลียริมฝีปากไปมาด้วยความกระหาย
“ขอเอาก่อน เมียผมอยากน้ำเยิ้มเต็มร่องไปหมดแล้ว”
ธีรัชบอกเพื่อนใหม่ที่นั่งกินเหล้ากันอยู่ ก่อนจะถลกเสื้อยืดของเมียขึ้น
“นมสวยชะมัด”
กันต์คว้าหมับเข้า ขยำแรงๆ นิตาร้องครางไม่ได้ปัดป้อง
“อยากเอาเมียผมต้องเล่นเกมกันหน่อย แต่หลังจากนี้นะ”
ธีรัชดึงกางเกงยีนส์ขาสั้นของหล่อนลงไปค้างอยู่ที่ปลายขา ก่อนจะก้มลงเลียร่องสาวที่เปียกเยิ้มผ่านกางเกงชั้นในสีขาวสะอาดตา
กันต์พยักหน้าให้ลูกน้องไปเอาเบาะนิ่มๆ สำหรับรองนอนมาวางใกล้ๆ ธีรัชอุ้มร่างเมียไปวางอย่างรู้งาน มือหนากอบกุมทรวงอวบที่ยังอยู่ในบราเซียร์แรงๆ หน้าซุกเข้าที่ร่องเสียวของเธอไม่ยอมละห่าง
กันต์ทนไม่ไหว เขาบดจูบริมฝีปากที่เผยอยั่วหนักหน่วง เธอจูบตอบเขาอย่างรู้งาน ท่อนกายดีดผึงอยู่ในกางเกงด้วยความกระหาย
ธีรัชดึงบราเซียร์ของเมียออก เต้านมทะลักล้นดีดเด้งออกมา ชายหนุ่มอีก 4 คนกลืนน้ำลายลงคอ มองตาค้าง มันใหญ่น่าซุกดูดเหลือเกิน
ธีรัชก้มลงดูดยอดอกของหล่อน นิตาร้องครางอย่างได้อารมณ์ ยิ่งกระตุ้นให้อีก 4 หนุ่มมีอารมณ์อยากร่วมรักมากขึ้นไปอีก
ธีรัชดึงกางเกงในเนื้อนิ่มออกจากสะโพกเมียรัก ก่อนจะสอดนิ้วกลางยาวเหยียดเข้าไปในร่องฉ่ำของหล่อน
นิตาแอ่นสะโพกขึ้นรับนิ้วของสามี เขาเริ่มจ้วงนิ้วเข้าไปในร่องเป็นจังหวะ หล่อนครางสะท้านเสียงหลง ท่อนบนโดนดูดดึงไม่หยุด
“เสียวไหมตา”
“สะ... เสียวมากพี่ธี เร็วอีก แรงอีก”
เธอร่ำร้องให้เขาซอยนิ้ว ธีรัชเพิ่มเป็นสองนิ้วแล้วจ้วงเข้าหาร่องเยิ้มของเธอ ก่อนจะเพิ่มเป็นสามนิ้ว เธอบิดสะโพกรับ เขาก้มลงลามเลียดูดเม็ดติ่งเสียวของเธอไม่หยุดปาก
“อ๊ะ! อ๊า...”
เธอหลุดเสียงครางเป็นระยะ โดนจูบแรงๆ ในขณะที่ท่อนล่าง โดนแยกขาออกจากกัน
ธีรัชดึงนิ้วออกก่อนจะกดแทรกแก่นกายเข้าไปแทนที่
“ว้าย! พี่ธี”
นิตาร้องเสียงหลงเมื่อสามีอัดกายเข้ามามิดด้าม เธอจุกเสียวไปถึงมดลูก
นิตาโดนเบียดอัดท่อนกายเข้ามาจนจมฟูก เธอผวาเมื่อสามีรั้งขาอวบขึ้นไปจนถึงอกใหญ่ที่กระเพื่อมไปมาตามแรงกระแทก
กึก! กึก! กึก!
น้ำรักฉ่ำแฉะไหลหยาดเยิ้มไปตามร่องสาว เธอจิกฟูกนอนแน่น ก่อนผวากอดร่างสามีเอาไว้เต็มอ้อมแขน เขาเบียดอัดไม่ออมแรง ทั้งเสียวทั้งกระสันจนน้ำตาแทบไหล
กันต์กับพวกมองแล้วกลืนน้ำลายเหนียวหนืดลงคอ อารมณ์อยาก... มีอย่างท่วมท้น เขารูดรัดแก่นกายไปมาเพื่อรอเสียบ ยิ่งเห็นหนังสดแบบนี้ยิ่งมีอารมณ์มากขึ้นจนต้องกระดกเหล้าเข้าปากไม่หยุดหย่อน
สายฝนด้านนอกตกไม่ลืมหูลืมตา อากาศเริ่มเย็นลงแต่ร่างที่กระแทกเอากันอยู่กลับร้อนแรงเหงื่อไหลท่วมกาย
นิตาเอื้อมมือรูดแก่นกายของหนุ่มคนอื่นๆ ที่กำลังรูดรัดไปมา เธอส่งสายตายั่วยวนก่อนจะคว้ามา ดูดอมเลียไล้
อาการดูดท่อนเนื้อจนแก้มตอบของหล่อนทำให้หนุ่มๆ ผลัดกันยื่นท่อนเอ็นยาวใหญ่สีเข้มให้เธอดูดอย่างกระสันเสียว
“โอ๊ย! เสียวมากลูกพี่”
พริกหันไปพูดกับลูกพี่ของมัน และท่าทางว่าจะเด็กสุดในบรรดาหนุ่มทั้งหมด มันครางซี๊ดซ๊าด กระแทกสะโพกหงึกๆ เข้าปากที่อ้ารับไม่หยุดหย่อน
ท่อนล่างของหล่อนฉ่ำเยิ้มไปด้วยหยาดน้ำรัก ธีรัชกระแทกไม่หยุด เธอหวีดร้องซ้ำๆ ติดกันหลายครั้ง เสร็จสมแล้วถูกกระทั้นเข้ามาใหม่
“อึดเหมือนกันนะเรา”
กันต์พูดกับธีรัช มองร่องรักที่อ้าอมดูดรัดแก่นเนื้อชายที่สอดเสียบเข้าหาไม่วางตา เขาลูบคางไปมา แตะลิ้นเลียริมฝีปาก
“พี่เอามันไหมตา”
ธีรัชถามเมียรัก เธอครางเสียงหลง หยัดสะโพกขึ้นมาบดท่อนเอ็นของสามี ซู๊ดปาดเหมือนกินพริกเผ็ดๆ เข้าไปร้อยเม็ด
“มันมากค่ะพี่ธี แรงอีก อ๊า...”
เธอกระดกสะโพกรับอย่างถึงอกถึงใจไม่มีท่าทีออมแรงเลยแม้แต่น้อย
ธีรัชกระแทกรุนแรงขึ้นก่อนจะพลิกร่างหล่อนให้คลานเข่า หวดบั้นท้ายงอนงามนั้นไม่ออมแรง
“โอ๊ย อ๊า...”
เธอร้องครางกระดกสะโพกอย่างไม่คิดชีวิต
ก่อนจะผวาแหงนหน้าขึ้นด้วยความเสียดเสียว
กันต์เดินไปหยุดหน้าหญิงสาว เสนอแก่นกายแข็งร้อนให้ เธอคว้าหมับมาดูดรวบ อ้าอมอย่างรู้งาน น้ำลายเหนียวหนืดไหลย้อนไปตามคาง มือนิ่มสาละวนกับการรูดท่อนใหญ่ ก่อนจะเลื่อนปากไปที่ลูกกระโปกสองลูกแล้วดูด
ปานวาดตื่นขึ้นมาด้วยอาการอ่อนเพลียและปวดหัวอย่างรุนแรง เธอค้นพบว่าไม่ได้นอนอยู่คนเดียว กวาดสายตามองรอบตัวก็เห็นเพียงห้องไม่คุ้นตา แต่ที่ทำให้เธอตกใจแทบช็อกก็เพราะว่าร่างเปลือยเปล่าของผู้ชายข้าง ๆ “กรี๊ด!!!” ปานวาดกรีดร้องสุดเสียง ปลุกให้เชนที่นอนอยู่ข้าง ๆ สะดุ้งตื่น เขารีบคร่อมทับร่างของเธอเอาไว้ ก่อนที่จะจัดการอุดปากของเธออย่างตกใจเช่นกัน “กรีดร้องทำไมแม่ตัวดี เดี๋ยวคนก็แห่กันมาหรอก” “อื้อ ๆ ๆ” เธอร้องประท้วง อึก ๆ อัก ๆ อยู่ใต้ร่างหนาหนัก ดวงตาเบิกกว้างอย่างตกใจ “ถ้าเธอไม่ร้องพี่จะปล่อยเธอ เข้าใจไหม” เธอรีบพยักหน้า แต่พอเชนปล่อยมือเธอก็กรีดร้องอีก “กะ.. กรี๊ด! อื้อ...” เชนอุดปากของเธอเอาไว้ กอดปล้ำกันจนเตียงสั่นไปหมด สุดท้ายเชนก็กระแทกริมฝีปากลงไปหา บดจูบเพื่อปิดเสียงร้องของเธอ แต่จูบไปจูบมาดันมามีอารมณ์ อาจเพราะเบื้องล่างไม่มีอะไรสวมใส่อยู่เลย ทำให้แก่นกายชายของเขาเสียดสีกับน้องสาวของเธอถนัดถนี่ “ไม่เงียบใช่ไหม งั้นพี่คงต้องหาอะไรอุดปากของเธอซะ”
โปรย คลั่งรักเมียทาส เพราะพี่สาวขโมยเงินและเครื่องเพชรหนีไป เขาจึงต้องจับเธอเอาไว้เป็นตัวประกัน เป็นทาสบำเรอรักบนเตียงกว้างอันแสนเร่าร้อน เหนือสิ่งอื่นใดยังมีบางอย่างแอบแฝงที่เธอไม่เคยรับรู้มาก่อน ว่าเขาอยากได้เธอตั้งแต่ครั้งแรกที่เห็น และคลั่งรักเธอมากเพียงใด ตัวอย่างบางช่วงบางตอน มยุรินมองเขาอย่างชื่นชม เขาหล่อ ดูดี ร่ำรวย และเซ็กซี่เหลือร้าย แต่เขาก็ร้ายกาจมากเช่นกัน ไม่น่าเชื่อว่าเธอจะหลงรักผู้ชายร้ายกาจคนนี้ได้ เด็กสาวอยากที่จะเจียมเนื้อเจียมตัว แต่ก็ทำไม่ได้เมื่อใจเจ้ากรรมดันตกหลุมคนใจร้ายอย่างเขาไปเสียแล้ว "อาบน้ำให้ฉันหน่อย" เขาเชยคางสาวให้แหงนขึ้นมาสบตา ก่อนที่ก้มลงมาบดจูบอย่างร้อนแรง "คุณชัชคะ หนูเหนื่อยจังค่ะ" เธอประท้วงน้อย ๆ ในชณะที่ชัชมองเด็กสาวด้วยสายตาร้อนแรง "เธอเป็นทาสของฉันจำไม่ได้หรือไง ถ้าเธอทำตัวดี ๆ เจอพี่สาวเธอเมื่อไหร่ฉันจะไว้ชีวิต หรือเธออยากให้พี่สาวของเธอตาย" "ไม่ค่ะ" มยุรินรีบส่ายหน้าไปมา "ก็อย่าขัดใจฉันสิ" ชัชพูดเสียงกร้าว มองเด็กสาวเหมือนจะกลืนกิน "หนูแค่เหนื่อยน่ะค่ะ" เขาตื่นมาตอนเที่ยงแล้วลากเธอขึ้นเตียงจนเกือบเย็น ก้นของเธอปวดเมื่อยระบบไปหมดแล้ว ช่องคลอดเหมือนจะฉีกขาดเสียให้ได้ ชัชกระแทกไม่ยั้งจนช่วงล่างของเธอแทบพัง เธอตกเป็นของเขาในครั้งแรกยังบริสุทธิ์ผุดผ่อง เขายิ่งรู้ก็ยิ่งเอา ไม่ได้บันยะบันยังตั้งแต่บัดนั้นเป็นต้นมา "นอนอ้าขาเฉย ๆ เหนื่อยด้วยเหรอ บอกให้ตอดก็ทำบ้างไม่ทำบ้าง" เขาสลัดผ้าห่มที่คลุมกายของเธอออก มยุรินร้องเบา ๆ เพราะตอนนี้ร่างเปลือยเปล่าเปิดเผยต่อสายตาของเขาอีกครั้ง "หนูจะขาดใจแล้วค่ะ" เธอบอกเขาเสียงสั่น กอดอกหน้าแดง แต่เขากระชากแขนที่กอดอกของเธอออก ทำให้ปทุมถันอวบเต็มเด้งไปมาจากแรงขยับ ริมฝีปากหน้าร้ายกาจก้มลงงับดูดอย่างเร่าร้อน
เธอแอบรักเขา จึงยอมเขาทุกอย่าง จนกระทั่งวันที่เธอตั้่งท้อง เธอต้องเลือกระหว่างการทนอยู่กับคนที่ไม่รัก หรือจากไปพร้อมกับลูกน้อยที่กำลังจะลืมตาดูโลก
"วันนี้เธอมาหาฉันทำไม" พายัพเอ่ยถามพลางไล่สายตามองร่างสมส่วนไม่วางตา "หนูจะมาขอผัดผ่อนหนี้สินของคุณพ่อไปก่อนจะได้ไหมคะ" เธอบอกเขาเสียงสั่น "ได้สิ มีอะไรแลกเปลี่ยนไหม" เขาแตะลิ้นเลียริมฝีปาก "ตัวหนูพอจะแลกเปลี่ยได้ไหมคะ" เธอรู้ว่าเขาอยากได้เธอ แม้จะรังเกียจเขาเพียงใด แต่เธอก็ต้องทำเพื่อครอบครัว "ก็พอได้นะ" เขายกยิ้มมุมปาก รอยยิ้มแบบนี้ทำให้เธอต้องกัดปากตัวเอง เขาชอบยิ้มแบบนี้เสมอ ผู้ชายตรงหน้าคือมาเฟียตัวร้าย เขามีเงิน มีอำนาจ ยิ่งใหญ่คับบ้านคับเมืองเสียเหลือเกิน เธอเป็นเพียงแค่เด็กสาวที่ไม่สามารถต่อกรอะไรกับเขาได้เลย "ไหนลองช่วยตัวเองให้ฉันดูหน่อยสิ" ประโยคของเขาทำให้ข้าวหอมหน้าชาด้วยความอาย ฃ เพี้ยะ!!! เธอตบหน้าเขาจนหน้าหัน ไม่รู้เหมือนกันว่ากล้าตบหน้าเขาแบบนี้ได้อย่างไรกัน ใบหน้าของพายัพกระด้าง เขาดุนดันกระพุ่งแก้มเบา ๆ คล้ายเจ็บ ๆ คัน ๆ ดวงตาคมกริบของเขามองเธอไม่วาง "ชอบตบจูบอย่างนั้นเหรอ" เขากระชากเธอเข้ามาหา ก่อนจะเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงดุดัน "ปล่อยหนูนะ" "ไม่เคยมีใครกล้าตบหน้าฉันมาก่อน" พายัพดันร่างของเด็กสาวไปจนชิดกับผนัง กวาดสายตามองเธอไม่วาง "ถ้าฉันยังไม่ได้ทดสอบสินค้าจะรู้ได้ยังไงว่ามันคุ้มกับการแลกเปลี่ยนหรือเปล่า เพราะไอ้แฟนของเธอคงไม่ปล่อยให้เธอยังเวอร์จิ้นอยู่กระมัง" ประโยคของเขาทำให้ข้าวหอมหน้าชาอีกครั้ง ทั้งอับอาย ทั้งโกรธเกลียดเขาอย่างเหลือล้น เจ้าหนี้หน้าเลือดของบิดา!!!
เธอปลอมตัวไปเป็นเลขาของเขาเพื่อจะจับผิดว่าเขานอกใจเธอหรือเปล่า เพราะแท้ที่จริงเขาคือคู่หมั้นของเธอที่เพิ่งกลับมาจากต่างประเทศ แต่ปลอมตัวอย่างไรไม่ทราบ ดันไปตกเป็นเมียของเขาเสียนี่ ตัวอย่างบางช่วงบางตอน “ต่อไปผมจะมารับคุณไปทำงานทุกวัน” “รับทำไมคะ” พิมพ์พิศาอุทานออกมา กำลังคิดอยู่เชียว เขาเหมือนรู้ว่าเธอคิดอะไรเลยพูดดักคอออกมาแบบนี้ “คุณเป็นเลขา เผื่อผมมีงานด่วนอะไรต้องเรียกใช้คุณ คุณก็ต้องพร้อมทุกสถานการณ์ คุณไปทำงานพร้อมผมน่ะดีแล้ว” “เจ้านายคนอื่นเขามารับเลขาไปทำงานด้วยกันแบบนี้ไหมคะ” เธอประชด “รับ” คำสั้น ๆ ของเขาทำให้เธอค้อนเขาเสียวงใหญ่ “เพิ่งรู้นะคะนี่” “คุณกินอาหารเช้าหรือยัง” เสียงท้องของเธอเป็นคำตอบ ทำเอาพิมพ์พิศาต้องลูบท้องตัวเองอย่างเขินอาย “ผมคงไม่ต้องถามคุณซ้ำหรอกนะว่าคุณหิวหรือไม่หิว” ระยะทางที่ขับรถมาถึงคอนโดฯ ของเขาไกลพอสมควร เธอเหลือบมองเขาพลางคิดในใจว่าเขาขับรถจากคอนโดฯ มารับเธอไกลขนาดนี้เชียวหรือ พิมพ์พิศารีบเสไปมองข้างทางเมื่อเขาหันมาสบตากับเธอเข้าพอดี เธอกำลังมองเขาเพลินเชียว เวลาอยู่กับเปรม เธอรู้สึกไม่เป็นตัวของตัวเองพอสมควร สมบูรณ์จอดรถหน้าคอนโดฯ หรูของเปรม ก่อนจะรีบลงไปเปิดประตูให้คนทั้งสอง ในขณะที่พิมพ์พิศากำลังเก้ ๆ กัง ๆ อยู่นั้น เปรมก็แตะข้อศอกของเธอเบา ๆ ทำให้หญิงสาวถึงกับสะดุ้ง “ตามผมมาสิ” เขาเอ่ยกับเธอก่อนจะเดินนำเข้าไปด้านใน พิมพ์พิศาเริ่มลังเลว่าจะตามเขาขึ้นไปดีไหม เธอเป็นผู้หญิงจะขึ้นห้องไปกับผู้ชายมันก็ดูไม่ดี “เร็วสิคุณ เดี๋ยวไปทำงานสายนะ เรามีเวลาไม่มาก” เขายกนาฬิกาข้อมือขึ้นดู เร่งเร้าให้เธอเดินตามเขาไป พิมพ์พิศาจึงต้องรีบตามเขาขึ้นไปบนห้องพัก “เชิญครับ” เขาเปิดประตูห้องให้เธอ ก่อนจะผายมือให้เธอเข้าไปด้านในก่อน เธอยืนอึ้ง ๆ ทำตัวไม่ถูกอยู่หน้าประตู แต่ก็โดนเขาดันร่างเข้ามาภายในห้องโดยไม่ทันตั้งตัว เพียงแค่ประตูปิดลง เปรมก็กดร่างของเธอไปกับผนังห้อง ก่อนที่ริมฝีปากหนาจะบดจูบเข้าหาปากของเธออย่างเร่าร้อน “อื้อ... ท่านประธานทำอะไรคะ” พิมพ์พิศาดิ้นรน แต่มือหนาของเขากดมือเธอไปกับผนังห้องไม่ยอมปล่อย “ผมหิว” “หิวอะไรคะ อื้อ... พอก่อนค่ะ” ถามอีกก็ถูกจูบอีก จูบจนปากแทบช้ำ “หิว” เขาตอบสั้นน้ำเสียงอ้อยอิ่ง มองริมฝีปากจิ้มลิ้มของเธอไม่วาง สายตาของเธอนั้นทำให้ท้องไส้ของเธอปั่นป่วนยิ่งนัก “ท่านประธาน อย่าค่ะ” เธอเบี่ยงหลบเมื่อเขาทำท่าจะประทับจุมพิตลงมาอีกครั้ง “ทำไมเรียกพี่เสียห่างเหินแบบนั้นล่ะ” “คะ” พิมพ์พิศาหลุดอุทานออกมา มองเขาตาปริบ ๆ พลางกัดปากตัวเองด้วยความรู้สึกใจสั่นสะท้าน อย่าบอกนะว่าเขารู้ความจริงหมดแล้ว “อุตส่าห์นั่งรถไปตั้งไกล เหนื่อยไหม”
ตัวอย่างบางช่วงบางตอน “เดี๋ยวบ่าวไปเอาขมิ้นกับมะขามเปียกก่อนนะเจ้าคะ คุณบัวรออยู่ที่ท่าน้ำก่อนนะเจ้าคะ” “จ้ะพี่” กลีบบัวตอบรับ นั่งรออยู่ที่ท่าน้ำด้วยจิตใจเลื่อนลอย “พี่พุดซ้อนมาแล้วเหรอจ๊ะ อุ๊ย! พี่พฤกษ์” หล่อนร้องอุทานเมื่อหันไปก็เจอเข้ากับพฤกษ์ที่วางมือร้อนๆ อยู่ตรงไหล่บอบบางของหล่อน “จะอาบน้ำเหรอ” เขาเอ่ยถาม “ค่ะพี่พฤกษ์” คนพูดมีท่าทีเขินอาย เสียงสั่นสะท้าน ก้มงุดเพราะตัวเองอยู่ในสภาพอันล่อแหลมนัก “ตัวหอมอยู่แล้ว ไม่ต้องอาบก็ได้” เขากระซิบลงตรงริมหู ใช้ริมฝีปากดุนดันกลีบปากของหล่อนเบาๆ พอหล่อนเบี่ยงหลบเขาก็หอมแก้ม ขบเม้มติ่งหูสาวอย่างมีชั้นเชิง “อย่าเจ้าค่ะพี่พฤกษ์ เดี๋ยวบ่าวในเรือนมาเห็นเข้า” “ไม่มีใครมาเห็นหรอก ข้าสั่งไอ้เข้มเอาไว้แล้วว่าไม่ให้ใครเข้ามา” “ตรงนี้เป็นท่าน้ำนะเจ้าค่ะ มันไม่เหมาะสม” “ท่าน้ำแล้วทำไม” เขาปลดอาภรณ์ออกจากกาย ไม่ได้สนใจเสียงประท้วงของหล่อนอีก เขาอยากได้อะไรก็ต้องได้ และเวลานี้เขาต้องได้หล่อนให้สมใจอยาก
"ทำไม นอนกับผมมันแย่ขนาดนั้นเลยหรอคุณถึงได้กลัวว่าผมจะทำอะไรคุณอีก ผมรุนแรงกับคุณหรือยังไง งั้นผมคงต้องรีบทำใหม่เพื่อแก้ตัว" "คุณหมอ!" เมรีญาหันไปจ้องหน้าชายหนุ่มอย่างเอาเรื่อง พร้อมกับตำหนิเขาในใจที่กล้าพูดเรื่องแบบนั้นออกมาอย่างหน้าไม่อาย "ว่าไง ตอบมาสิว่าผมทำให้คุณไม่ประทับใจหรอถึงต้องตั้งเงื่อนไขบ้าๆ นี้ขึ้นมา" เวทัสถามด้วยค วามโมโห ถ้าเป็นสองข้อแรกเขาพอเข้าใจและรับได้ แต่สำหรับข้อสามต่อให้เขารับปากเธอตอนนี้ในอนาคตเขารู้ตัวดีว่าคนอย่างเขาต้องผิดสัญญาแน่นอน เขาไม่มีทางห้ามใจตัวเองไม่ให้ยุ่งกับเธอได้! "ทำไมคุณมันเข้าใจอะไรยากแบบนี้ ฉันบอกแล้วไงคะว่าฉันไม่อยากนึกถึงเรื่องพวกนั้นอีก" หญิงสาวพยายามอธิบายกับชายหนุ่มด้วยเหตุผล แม้จะรู้ดีว่าคนข้างๆ เริ่มไม่มีเหตุผลกับเธอแล้ว "ผมไม่สัญญา" เวทัสตอบกลับทันทีพร้อมกับสต๊าทรถออกจากโรงแรมด้วยความไม่พอใจ
คุณท่านเสียว คุณชายยอดเยี่ยมที่โด่งดังในเมือง B ได้แต่งงาน แต่มีข่าวลือว่าเจ้าสาวมีรูปร่างหน้าตาที่น่าเกลียดและมีฐานะต่ำต้อย สามปีมานี้ เขาปฏิบัติกับเธออย่างเย็นชาและทำเหมือนเป็นคนแปลกหน้า เจียงซิงซิงอดทนกับความเย็นชาอย่างเงียบ ๆ เธอยังคงรักเขาอย่างสุดหัวใจ เสียสละความนับถือตนเองและยอมละทิ้งตัวตนของเธอเอง จนกระทั่งวันหนึ่ง สุดที่รักของเขากลับประเทศ เขได้สารภาพว่าเขาแต่งงานกับเธอเพียงเพื่อช่วยชีวิตคนรักในใจของเขาเท่านั้น เจียงซิงซิงเสียใจและผิดหวังมาก เธอจึงเซ็นเอกสารหย่าและจากไปด้วยความเศร้าใจ สามปีต่อมา เจียงซิงซิงผู้สวยงามจนน่าทึ่งกลับมาอีกครั้ง ได้กลายมาเป็นศัลยแพทย์ที่ดีที่สุดและเป็นยอดฝีมือด้านเปียโน อดีตสามีรู้สึกเสียใจ และกอดเธอแน่นท่ามกลางสายฝน เสียงของเขาสั่นเครือ "ที่รัก คุณเป็นของผม..."
หลังจากดูแลสามีมาเป็นเวลาสามปี เมื่อเห็นสามีสอบติดขุนนาง เฉียวชูเยว่ก็นึกว่าชีวิตดีๆ จะมาแล้ว แต่กลับไม่รู้ว่าสามีเป็นคนโลภ และเจ้าชู้ เพื่อจัดการปัญหาให้สามี เฉียวชูเยว่เสียตัวให้กับจักรพรรดิโหดร้ายโดยไม่ได้ตั้งใจ เพื่อชีวิตและอนาคตของสามี นางได้แต่อดทนเอาไว้ จากนั้น สามีของนางก็ได้รับการยกย่องจากจักรพรรดิ และถูกเลื่อนตำแหน่งเรื่อยๆ เมื่อสามีของนางกำลังเพลิดเพลินอำนาจและสาวสวยนั้น นางกำลังรับใช้กับจักรพรรดิอย่าง้อยใจ แต่ไม่คาดคิดว่าความพยายามของนางได้แลกกับใบหย่าจากสามี ในวันแต่งงานของสามี นางถูกฆาตกรไล่ตามและตกลงไปในโคลน เมื่อนางหมดหวังนั้น จักรพรรดิก็มายืนอยู่ตรงหน้านาง "มาเป็นคนของข้าสิ และจะไม่มีใครกล้ารังแกเจ้าอีก!"
หน้าตาก็หล่อเหลา เท่าที่ปั้นหยาอยู่ด้วยก็คิดว่าคงจะดูไม่ผิด ฐานะคุณไม่ใช่ธรรมดา แต่ปั้นหยาก็ยังไม่รู้หรอกนะว่าถึงขั้นไหน จะหาผู้หญิงมานอนด้วยเมื่อไหร่ก็ได้ แต่จะบอกอะไรให้นะคะคุณฮัมดีนขา...” ปัณฑารีย์เขย่งเท้าขึ้นเล็กน้อย เพื่อให้ริมฝีปากแนบชิดกับใบหูฮัมดีน “ถึงปั้นหยาจะไม่ใช่ผู้หญิงที่ดีนัก แต่ก็รักตัวเองเป็น แล้วผู้ชายอย่างคุณ ปั้นหยาไม่เลือกมาดูแลชีวิตปั้นหยาหรอกค่ะ คุณแก่และน่าเบื่อเกินไป” ปึก!! เข่าเล็กกระทุ้งขึ้นไปเตะกึ่งกลางกายใหญ่ ถึงจะไม่รุนแรงอะไรมากนัก แต่ก็ทำให้ฮัมดีนเจ็บได้ไม่น้อย “ช่วยไม่ได้นะคะคุณฮัมดีน คุณเป็นคนสอนให้ปั้นหยาทำแบบนี้เอง”
เจ้าของร่างเดิมถูกท่านย่าตัวเอง ขายให้ชายพิการด้วยเงินเพียงห้าตำลึง จึงคิดสั้นไปกระโดดน้ำฆ่าตัวตาย ทำให้วิญญาณของเซี่ยซือซือทะลุมิติมาเข้าร่างแทน ชีวิตในโลกนี้บิดามารดาล้วนตายไปแล้ว เหลือเพียงน้องสาวกับน้องชายร่างกายผอมแห้งหิวโซสองคน เธอต้องช่วยพวกเขาให้รอด ก่อนจะถูกคนชั่วพวกนี้ขายทิ้งไปแบบเธอ 1 : ทะลุมิติ แคว้นจ้าว หมู่บ้านตระกูลแซ่อวี่ ภายในบ้านสกุลเซี่ย “ท่านพี่รีบกินเร็วเข้า” เสียงเด็กเล็กดังก้องอยู่ข้างหูอย่างน่ารำคาญ ว่าแต่ฉันมีน้องชายตั้งแต่เมื่อไหร่กัน รู้สึกได้ถึงอะไรแข็ง ๆ มาแตะที่ริมฝีปาก ทว่ายังลืมตาไม่ขึ้น “ท่านพี่กินสิ ๆ” เซี่ยซือซือรู้สึกหนักอึ้งไปทั้งศีรษะ พยายามที่จะเปิดดวงตาขึ้นมอง เจ้าของเสียงเล็ก ๆ ด้านข้าง “ท่านพี่ ๆ ท่านพี่อย่าตายนะ ลืมตาสิท่านพี่” “นังตัวดีออกมาเดี๋ยวนี้นะ !” เสียงเอะอะโวยวายดังหนวกหูเซี่ยซือซือเป็นอย่างมาก ปัง ๆ เสียงเคาะประตูดังขึ้นเรื่อย ๆ เซี่ยซือซือลืมตาขึ้นจนได้ พลันสมองกลับมีเรื่องราวพรั่งพรูเข้ามาไม่ขาดสาย จนต้องกรีดร้องออกมาอย่างเจ็บปวด อ๊าก ! “พี่รอง !” เด็กน้อยเซี่ยซือหยางในวัยสามหนาวเรียกพี่สาวพร้อมเบะปากอยากร้องไห้ “ท่านพี่ !” เซี่ยซานซานทิ้งบานประตูที่ตัวเองดันไว้ หันกลับมาดูพี่สาวด้วยความตกใจ “ท่านพี่ ๆ ท่านเป็นอะไร อย่าทำให้พวกข้าตกใจสิท่านพี่ !” ผลัวะ ! มีคนถีบประตูบานเก่าผุพังเข้ามาภายในห้อง เด็กทั้งสองรีบเข้าไปขวางผู้บุกรุกไม่ให้ทำร้ายพี่สาว แม่เฒ่าเซี่ย เซี่ยจิ่วเม่ย หน้าตาแลดูดุร้าย ไม่ใช่หญิงชราใจดีแต่อย่างใด ด้านหลังของแม่เฒ่าเซี่ยยังมีลูกสะใภ้บ้านใหญ่ กับบ้านรองเดินตามมา ท่าทางดุดันเอาเรื่อง “ไอ้พวกบ้านสามตัวดี กล้าลักขโมยอาหารเอาไว้กินเอง ยังเห็นแม่เฒ่าอย่างข้าอยู่ในสายตาหรือไม่ ไอ้พวกหมาป่าตาขาว ดูซิวันนี้ข้าจะจัดการพวกเจ้าอย่างไร” “ท่านย่าพวกข้าไม่ได้ขโมยนะ นี่เป็นหมั่นโถวของท่านพี่ ท่านพี่ไม่สบายข้าแค่เก็บไว้ให้ท่านพี่เท่านั้นเอง” เซี่ยซานซานยังเป็นเด็กหญิงวัยสิบหนาว แต่นางข่มความกลัวตอบโต้ผู้ใหญ่ในบ้านออกไป “หึ กฎบ้านก็มีบอกอยู่แล้วถ้าพลาดมื้ออาหารไปก็คืออด แต่พวกเจ้ากลับแหกกฎ แอบยักยอกอาหารเก็บไว้กินเอง ยังมีหน้ามาเถียงท่านแม่อีก ท่านแม่ท่านต้องลงโทษคนบ้านสามนะเจ้าคะ ไม่เช่นนั้นข้าไม่ยอมจริง ๆ ด้วย ตอนนั้นยวี่เฟยของข้านางได้พลาดมื้อเย็นไป ท่านก็ไม่ให้นางกินนะเจ้าคะ” สะใภ้บ้านรองนามว่าจงอี้ซิน ย้อนรำลึกถึงเรื่องลูกสาววัยแปดปีของตัวเองขึ้นมา “ดูเจ้าเด็กพวกนี้สิท่านแม่ กางแขนปกป้องพี่สาวตัวเอง ช่างน่าสมเพชไม่รู้จักสำเหนียกกำลังตัวเอง ถุย !” หลินพ่านเอ๋อสะใภ้บ้านใหญ่มองดูเด็กทั้งสองพร้อมถ่มน้ำลายใส่ตรงหน้า แม่เฒ่าเซี่ยมองลูกสะใภ้ทั้งสองสลับกันไปมา เดินตรงไปกระชากหมั่นโถวเย็นชืดแถมแข็งปานหิน ออกจากมือของเซี่ยซือหยาง “แง ๆ ๆ” เด็กน้อยถูกแย่งของกินของพี่สาวไป ถึงกับแผดเสียงร้องลั่น “เจ้าคนชั่ว ! เอามานะ ของท่านพี่ข้า” กำปั้นน้อย ๆ ทุบไปยังต้นขาของแม่เฒ่เซี่ย “เจ้าเด็กเนรคุณกล้าตีข้ารึ นี่นะ !” แม่เฒ่าเซี่ยเตะทีเดียวเซี่ยซือหยางก็กระเด็นไปติดกับผนังห้อง “น้องเล็ก !” เซี่ยซานซานรีบวิ่งไปอุ้มน้องชายขึ้นมากอดไว้ด้วยความตกใจ “ท่านย่า น้องเล็กยังเด็กไม่รู้ความ เหตุใดท่านถึงได้ใจร้ายเช่นนี้” “แง ๆ ๆ” เสียงร้องไห้ของเด็กน้อยฟังแล้วน่าสงสารจับใจ ดวงตาที่ปิดไว้ก่อนหน้าของเซี่ยซือซือ ลืมขึ้นหลังจากค้นพบว่า ตัวเองได้ทะลุมิติมายังอดีตอันไกลโพ้นแล้วจริง ๆ หลังจากหลับตาลืมตาอยู่หลายหน เรียบเรียงความคิดที่ไหลเข้ามาไม่ยอมหยุด เมื่อค่อย ๆ จัดการกับมันได้ ความเจ็บปวดที่ศีรษะก่อนหน้าจึงบางเบาลง และมองเหตุการณ์ตรงหน้าอย่างเฉยชา ครบสูตรของการทะลุมิติจริง ๆ มีท่านย่าผู้ชั่วร้าย ขนาบข้างด้วยป้าสะใภ้เลวทั้งสอง ครั้นหันไปมองน้องสาวในวัยสิบขวบของตัวเองกับน้องชายตัวน้อย ทั้งตัวดำเมี่ยมเหมือนไม่ได้อาบน้ำมาเป็นเดือน ร่างกายผอมแห้งเหลือแต่กระดูก เสื้อผ้าเก่าขาดมีรอยปะชุนเต็มไปหมด เส้นผมแห้งกรังเหมือนไม่ผ่านน้ำมานาน ยกมือของตัวเองขึ้นมาดู ไม่ได้มีสภาพต่างกันแม้แต่น้อย ครั้นเงยหน้ามองป้าสะใภ้ใหญ่ร่างกายอวบอ้วนเต็มไปด้วยก้อนไขมัน ป้าสะใภ้รองแม้ไม่ได้อ้วนแต่ก็ไม่ได้ผอม ยิ่งแม่เฒ่าเซี่ยด้วยแล้ว ร่างกายบึกบึนเหมือนคนกินดูอยู่ดีมาตลอด “ท่านแม่ดูอาซือมองท่านสิเจ้าคะ” สะใภ้ใหญ่เห็นสายตาเย็นเยียบของคนที่นอนอยู่บนเตียงก็อดแปลกใจไม่ได้ ดูเยือกเย็นจนไม่น่าไว้ใจ “เจ้าอย่าคิดว่ากระโดดน้ำตายแล้วทุกอย่างจะจบนะอาซือ ข้ารับเงินคนบ้านถานมาแล้ว ถ้าเจ้าตายข้าจะให้อาซานไปแทนเจ้า” คำพูดของแม่เฒ่าเซี่ยทำให้ดวงตาของเซี่ยซือซือเบิกกว้าง ท่านย่าของนางขายนางให้คนบ้านถานในราคาแค่ห้าตำลึง เจ้าของร่างเดิมไม่อยากไปเป็นเมียคนพิการ เลยไปกระโดดน้ำฆ่าตัวตาย ทว่าเธอที่มาจากยุคปัจจุบันกลับเข้ามาแทนที่เจ้าของร่างนี้ เจ้าของร่างเดิมว่ายน้ำไม่เป็น จึงได้ขาดอากาศตายใต้น้ำ แต่เธอที่เข้ามาสวมร่างกลับพาร่างนี้ขึ้นมาจากน้ำได้ โชคชะตาคงเล่นตลกให้เธอกับเจ้าของร่างเดิมมีชื่อเดียวกัน “ท่านย่าอาซานยังเด็กนัก ท่านอย่าได้ทำเช่นนั้นเลย” นานมากกว่าที่นางจะเอ่ยออกมา “มันอยู่ที่เจ้าอาซือ ข้าขอเตือนเอาไว้ อีกสองวันคนบ้านถานจะมารับตัวเจ้าแล้ว อย่าให้เกิดเรื่องขึ้น ไม่อย่างนั้นข้าจะส่งอาซานไปแทนเจ้า แล้วขายซือหยางทิ้งเสีย” แม่เฒ่าเซี่ยจ้องหน้าเซี่ยซือซือแบบอาฆาต เด็กนี่ก่อนหน้าดูอ่อนแอไร้ทางสู้ ทำไมวันนี้ถึงได้ดูแปลกตาไปนัก “ท่านแม่เจ้าคะ ท่านจะลงโทษคนบ้านสามเรื่องหมั่นโถวนี่อย่างไรเจ้าคะ” สะใภ้ใหญ่ยังไม่ยอมปล่อยสามพี่น้องไปง่าย ๆ “พรุ่งนี้งดอาหารบ้านสาม” แม่เฒ่าเซี่ยเอ่ยแล้วหันหลังเดินออกจากห้องของเด็กน้อยทั้งสามไป โดยมีสะใภ้ใหญ่เดินตามไปด้วย “พวกเจ้าได้ยินแล้วใช่ไหม จำใส่หัวเอาไว้ดี ๆ ด้วยล่ะ” สะใภ้รองหมุนตัวตามหลังไปติด ๆ “ท่านพี่ต่อไปท่านอย่าทำเช่นนี้อีกนะเจ้าคะ ข้ากับน้องเล็กจะทำอย่างไร ถ้าท่านไม่อยู่” เซี่ยซานซานปล่อยเสียงร้องไห้ในทันที
สำหรับเขาผู้หญิงก็เป็นได้แค่ที่ระบายความใคร่ เขาไม่เคยมีความรักไม่เคยรักใคร แต่พอได้มาเจอเธอ เพื่อนของน้องสาวเขา ใจที่ด้านชากลับเต้นแรงขึ้นมาอีกครั้ง…