เมื่อหนึ่งสูงส่งดั่งแผ่นฟ้า... แต่อีกหนึ่งต่ำต้อยเพียงผืนดิน... เพลิงปรารถนาที่ร้อนแรงประดุจไฟกัลป์จึงลุกโชนขึ้นจนอยากจะดับได้! คริสเตรียโน เวลัสโค จอมมารผู้เหยียบโลกทั้งใบเอาไว้ได้ฝ่าเท้า เขาเป็นเจ้าของไร่กาแฟหลายหมื่นไร่ และเป็นเจ้าจ้าวชีวิตของคนงานหลายพันคน แต่นั่นหาใช่สิ่งที่เขาต้องการไม่ เพราะสิ่งที่เดียวที่เขาต้องการและอยากได้มาครอบครองเป็นที่สุดนั่นก็คือหัวใจของแม่คนงานสาวพิมดาหลายังไงล่ะ! พิมดาหลา ฟาเบียโน่ คนงานสาวผู้ต่ำต้อย หล่อนแอบหลงรักคริสเตรียโนจนหมดหัวใจ แต่ในสายตาของผู้ชายคนนี้หล่อนกลับไร้ค่ายิ่งกว่าเม็ดทรายใต้ฝ่าเท้าของเขาเสียอีก ดังนั้นหล่อนจึงเลือกที่จะเดินจากมา โดยหารู้ไม่ว่าคริสเตรียโนกำลังทำทุกวิถีทางเพื่อกระชากหล่อนกลับเข้าไปในอ้อมแขนของเขาอีกครั้ง และตลอดกาล... คริสเตรียโนที่ยิ้มกริ่มอยู่เมื่อครู่นี้เริ่มหน้าเครียดขึ้นทันทีเมื่อกระดุมเสื้อเชิ้ตสีขาวสะอาดเม็ดแรกของพิมดาหลาถูกปลดออกจากรังดุม และกำลังตามด้วยเม็ดถัดไป เขายืนนิ่งมองสิ่งที่หญิงสาวกำลังทำด้วยเนื้อตัวที่เกร็งเครียด และความหวงแหนก็ระเบิดตูมเต็มอกเมื่อหันไปเห็นสายตาแวววาวของออร์แกนที่จ้องมองเนื้อขาวๆ ของพิมดาหลาไม่วางตา “หยุด... ฉันบอกให้หยุด...!” ชายหนุ่มเค้นเสียงเดือดดาลออกมา แต่กระนั้นก็ห้ามไม่ให้กระดุมเม็ดที่สามบนเสื้อเชิ้ตของพิมดาหลาหลุดไม่ได้ มันหลุดออกจากรังดุม พร้อมๆ กับเผยเนื้อขาวละมุนที่มีบราเซียสีหวานโอบอุ้มเอาไว้แก่สายตาของเขา และแน่นอนว่าไอ้ออร์แกนที่ยืนอยู่ข้างๆ แล้วก็คนงานหนุ่มๆ ของเขาทุกคนที่อยู่ไม่ไกลออกไปก็ต้องกำลังน้ำลายหก “ฉันบอกให้หยุดไง หูแตกหรือไง!” และก็เป็นเขาเองที่ทนไม่ได้ ทนไม่ได้ที่จะให้ใครได้มองสิ่งที่เขาต้องการจะครอบครองเพียงคนเดียวอีกแล้ว ชายหนุ่มกระโจนเข้ามาหยุดตรงหน้าหญิงสาว และกระชากมือบางออกจากกระดุมเสื้อของเจ้าหล่อนทันที จากนั้นก็เป็นเขานั่นแหละที่รีบติดกระดุมทั้งสามเม็ดให้อย่างร้อนรน “คุณ... ไม่ต้องการตรวจสอบสินค้า... อีกแล้วหรือคะ...” คนถามถามทั้งที่น้ำตายังไหลพรากไม่หยุด ตอนนี้หล่อนไม่เหลือศักดิ์ศรีอะไรให้ต้องรักษาอีกแล้ว เมื่อคริสเตรียโนเลือกที่จะย่ำยีมันอย่างไร้ซึ่งความปรานี คริสเตรียโนไม่ตอบ แต่เลือกที่จะจับร่างอรชรของพิมดาหลาขึ้นบ่าแข็งแรงของตัวเองทันที จากนั้นก็หันไปสั่งออร์แกนด้วยน้ำเสียงเลือดเย็น “ลืมสิ่งที่เห็นให้หมด เพราะไม่อย่างนั้นฉันจะควักลูกตาของนายออกมา รวมไปถึงไอ้พวกคนงานพวกนู้นด้วย ไปบอกมันด้วย!”
บทที่ 1
หากเอ่ยนามของ ‘เวลัสโค’ ขึ้นมาแล้วในสหพันธ์สาธารณรัฐบราซิล (Federative Republic of Brazil) คงไม่มีใครไม่รู้จักตระกูลแสนยิ่งใหญ่ตระกูลนี้อย่างแน่นอน ในเมื่อตระกูลเวลัสโคเป็นตระกูลของผู้ดีที่สืบเชื้อสายมาจากราชวงศ์เก่าแก่ของอาณาจักรบราซิลในอดีต ต้นตระกูลเวลัสโคถูกสืบเชื้อสายมายาวนานหลายทศวรรษ จนถึงเวลานี้ เวลัสโค ถูกครอบครองด้วยเสือร้ายทั้งห้าแห่งลุ่มน้ำอะเมซอนซึ่งเป็นทายาทรุ่นที่ยี่สิบสองของตระกูลเวลัสโคต่อจากผู้เป็นบิดา-มารดาอย่าง เฮ็นริเก้ และ เจนนี่ เวลัสโคที่เสียชีวิตไปแล้วทั้งสองคน
เบอร์นัลโด เวลัสโค หรือ บิล พี่ใหญ่แห่งอาณาจักรเวลัสโค เดวิล ชายหนุ่มผู้มีเรือนร่างสมบูรณ์แบบ นัยน์ตาสีสนิมเต็มไปด้วยความเลือดเย็น ริมฝีปากที่สตรีทั่วทั้งโลกต่างยกให้เป็นเรียวปากที่สวยงามที่สุดมักจะแต้มแต่งด้วยรอยยิ้มหยันอยู่ตลอดเวลา บิลเป็นผู้ชายเลือดเย็น และจอมเผด็จการ เขาเป็นเจ้าของธุรกิจเรือบรรทุกน้ำมันที่ใหญ่ที่สุดในละตินอเมริกา และเชื่อเถอะว่าอีกเพียงไม่กี่ปีธุรกิจของบิลจะผงาดและยิ่งใหญ่ที่สุดในโลกอย่างแน่นอน
เฟอร์นัลโด เวลัสโค หรือ ฟรานซ์ คุณชายที่สองแห่งอาณาจักรเวลัสโค เดวิล ชายหนุ่มเจ้าของบริษัทผลิตเครื่องบินเจ็ทที่ใหญ่ที่สุดในทวีปอเมริกา ภายนอกหลายคนอาจจะมองว่าฟรานซ์เป็นผู้ชายเจ้าสำราญ เพลย์บอยตัวพ่อ แต่แท้จริงแล้วในสายตาของชายหนุ่มกลับไม่เคยคิดจะแยแสสัตว์โลกที่ได้ชื่อว่าสตรีมากเกินไปกว่าเครื่องบำบัดความใคร่เลยแม้แต่น้อย ชายหนุ่มเลือดเย็นไม่แพ้พี่ชายของตัวเอง และก็เผด็จการไม่แตกต่างกันเลยสักนิด
คริสเตรียโน เวลัสโค หรือ คริส คุณชายที่สามแห่งอาณาจักรเวลัสโค เดวิล ชายหนุ่มเป็นผู้ชายในฝันของผู้หญิงทุกคนทั่วโลกเขาเก่งกาจและฉลาดในทุกๆ เรื่องเสมอ และไม่ว่าจะจับธุรกิจอะไร คริสก็สามารถทำให้มันเกิดมูลค่ามหาศาลได้ในชั่วพริบตาเดียว และด้วยความสามารถล้นเหลือของชายหนุ่มทำให้ผู้เป็นบิดาตอนที่ยังมีชีวิตอยู่ให้ความไว้วางใจเป็นอย่างมากและต้องการให้คริสสืบทอดกิจการมากมายต่อจากตัวเองเหมือนๆ กับที่พี่น้องของเขารับสืบทอดต่อกันมาแต่คริสกลับปฏิเสธอย่างไร้เยื่อใย โดยให้เหตุผลว่าเขาต้องการเป็นเจ้าของไร่กาแฟหลายหมื่นไร่ของคุณตาเพียงเท่านั้น
มาร์เคโอ เวลัสโค หรือ มาร์ค คุณชายที่สี่แห่งอาณาจักรเวลัสโค เดวิล มาร์คเป็นผู้ชายที่สมบูรณ์แบบทุกกระเบียดนิ้ว และทุกสิ่งอย่างที่ผ่านมือของเขาก็ต้องสมบูรณ์แบบไม่แพ้บุคลิกของเขาเลยแม้แต่น้อยแต่ถึงแม้รูปลักษณ์ภายนอกของมาร์คจะเป็นผู้ดีทุกกระเบียดนิ้ว แต่แท้จริงแล้วชายหนุ่มนั้นเป็นผู้ชายเลือดเย็นที่สุดต่างหาก เพราะมาร์คพร้อมจะทำทุกอย่างเพื่อเอาคืนไอ้คนที่กล้ามาลองดีกับตัวเองชนิดที่ว่าซากก็ไม่ให้เหลือ ซึ่งด้วยความเด็ดขาดและอำมหิตของชายหนุ่มก็ทำให้ในวงการของธุรกิจค้าเหล็กกล้าของเขายิ่งใหญ่ที่สุดในทวีปอเมริกาใต้รวมถึงทั่วโลกด้วย
อาลันโด เวลัสโค หรือ อาลัน คุณชายที่ห้าแห่งอาณาจักรเวลัสโค เดวิล และด้วยความที่เป็นน้องชายคนสุดท้องของตระกูลทำให้อาลันพกความเอาแต่ใจมาตั้งแต่ลืมตาขึ้นดูโลกเลยก็ว่าได้ ภายนอกนั้นชายหนุ่มผู้เป็นเจ้าของอุตสาหกรรมผลิตเครื่องจักรกลรายใหญ่ของโลกอาจจะมีหน้าตาที่ถอดแบบมาจากเทพบุตรชั้นฟ้า แต่ภายในของอาลันกลับเต็มไปด้วยความเหี้ยมโหดและเลือดเย็น อาลันไม่เคยปล่อยให้คู่แข่งหรือศัตรูของตัวเองมีโอกาสหายใจในสนามแข่งขันเลยแม้แต่วินาทีเดียว เขาขยี้ด้วยฝ่ามือและเขี่ยทิ้งด้วยฝ่าเท้าอย่างไร้ซึ่งความปรานี
พวกเขา เสือร้ายทั้งห้าตอนนี้กำลังผงาดอยู่เหนือทุกสิ่งใดในประเทศบราซิล หากเอ่ยนามของพวกเขาไม่มีใครที่จะไม่รู้จัก และไม่มีใครที่คิดจะต่อกรด้วย ดังนั้นจึงพูดได้อย่างเต็มปากว่าพวกเขาทั้งห้าคือผู้ที่ทรงอิทธิพลที่สุดของประเทศบราซิลและละตินอเมริกา ณ เวลานี้
“จะเดินทางแล้วหรือคริส”
เรือนกายสูงใหญ่ในชุดแจ็คเก็ตผ้าเดนิมสีซีดชะงักเท้า ก่อนจะหันมาตอบผู้เป็นพี่ชายใหญ่ที่เดินสวนมาพอดีด้วยใบหน้าราบเรียบ ไม่แสดงความรู้สึก
“ครับพี่บิล ผมเป็นห่วงไร่กาแฟน่ะ”
ผู้เป็นพี่ชายระบายยิ้มบางๆ ขณะจ้องหน้าน้องชายคนกลางด้วยสายตาที่หรี่แคบอย่างพิจารณา
“จนถึงตอนนี้ พี่กับพี่น้องอีกสามคนก็ยังไม่เข้าใจความคิดของนายเลยนะคริส ว่าทำไมนายถึงเลือกที่จะเป็นชาวไร่ แทนที่จะเป็นนักธุรกิจมือทองแบบพวกเราชาวเวลัสโค”
คริสเตรียโนระบายยิ้ม นัยน์ตาสีสนิมซ่อนทุกความรู้สึกเอาไว้
“เหตุผลของผมก็ยังเหมือนเดิมทุกอย่างครับพี่บิล ผมอยากเป็นเจ้าของไร่กาแฟ”
“แต่พี่จำได้ว่าตอนที่นายอายุสิบสอง นายบอกกับพี่ว่าอยากเป็นเจ้าของธนาคารไม่ใช่หรือคริส”
คนถูกจ้องหน้าระบายยิ้มเช่นเดิมและไหวไหล่กว้างน้อยๆ อย่างไม่แยแสสิ่งใด
“ใช่ครับตอนผมอายุสิบสองผมอยากเป็นเจ้าของธนาคาร แต่พอผมอายุสิบสาม ผมก็เปลี่ยนใจอยากทำไร่ครับ ซึ่งตอนนี้ผมก็ได้ทำไร่และเป็นเจ้าของไร่กาแฟที่ใหญ่ที่สุดในบราซิลได้สำเร็จ”
ความมั่นคงในดวงตาของคริสเตรียโนทำให้ผู้เป็นพี่ชายอย่างเบอร์นัลโดต้องระบายลมหายใจออกมาอย่างยอมแพ้ ตั้งแต่บิดากับมารดาของเขายังมีชีวิตอยู่ท่านทั้งสองคนก็พยายามหว่านล้อมให้คริสเตรียโนรับสืบทอดธุรกิจอย่างอื่นของตระกูลแทนที่จะเป็นเจ้าของไร่กาแฟอย่างสุดความสามารถ จนกระทั่งบัดนี้ทั้งบิดาและมารดาของเขาได้เสียชีวิตไปแล้ว แต่เจ้าคริสเตรียโนน้องชายของเขาก็ยังไม่ยอมเปลี่ยนใจเช่นเดิมจนเขาและบรรดาน้องชายอีกสามคนต่างก็อ่อนอกอ่อนใจไปตามๆ กัน
“พี่รู้ว่านายเก่ง นายฉลาด และนายก็มุ่งมั่นมากๆ แต่พี่อยากให้นายลองคิดทบทวนดูอีกครั้งนะคริส คุณพ่อกับคุณแม่ท่านหวังเอาไว้มากที่จะให้นายกลับมาสืบทอดธุรกิจวงศ์ตระกูล ซึ่งพี่คิดว่านายควรจะทำความหวังสุดท้ายของพวกท่านให้เป็นความจริง”
คริสเตรียโนมองหน้าพี่ชายด้วยสายตามั่นคง “ผมยังยืนยันคำเดิมครับพี่บิล ผมชอบทำไร่ และผมก็รักไร่กาแฟของผมมาก ดังนั้นไม่ว่าพี่กับทุกๆ คนจะโน้มน้าวผมยังไง ผลมันก็จะออกมาเป็นเช่นเดิมครับ นั่นก็คือผมจะไม่มีทางเปลี่ยนใจ”
“แล้วนายไม่สงสารเจ้ามาร์คมันบ้างหรือไง หมอนั่นต้องควบกิจการเอาไว้ถึงสองอย่างเลยนะ ทั้งบริษัทผลิตเหล็กกล้าและทั้งสถาบันการเงินที่นายเคยอยากเป็นเจ้าของ” เบอร์นัลโดพยายามหว่านล้อมทุกทาง แต่คริส เตรียโนก็ยังคงยืนยันความตั้งใจเดิม
“ผมขอโทษครับ แต่ผมไม่สามารถทำอย่างที่ทุกๆ คนต้องการได้จริงๆ ผมขอตัวนะครับ”
คริสเตรียโนเดินจากไปโดยไม่คิดจะหันหลังกลับมามองผู้เป็นพี่ชายที่ยืนมองตามไปด้วยสายตาเหนื่อยล้าแม้แต่น้อย และไม่นานชายหนุ่มผู้เป็นน้องชายก็กระโดดขึ้นรถออฟโรดขับเคลื่อนสี่ล้อของตัวเองแล้วก็ควบทะยานมันออกไปด้วยความเร็วสูง
เบอร์นัลโดถอนใจออกมาอย่างอ่อนอกอ่อนใจ “พี่พยายามโน้มน้าวนายมาสองปีเต็มๆ แล้วนะคริส แต่นายก็ใจแข็งเหลือเกิน”
“พี่บิลบ่นอะไรหรือครับ”
เสียงเรียกจากทางด้านหลังทำให้ผู้เป็นพี่ใหญ่ของคฤหาสน์หรูหมื่นล้านอย่างเวลัสโค เดวิลต้องหมุนตัวกลับไปมอง และเมื่อเห็นว่าเป็นใครชายหนุ่มจึงพูดพร้อมๆ กับถอนใจออกมาซ้ำอีกครั้ง
“เจ้าคริสมันกลับไปไร่กาแฟของมันอีกแล้วล่ะ”
อาลันโดระบายยิ้มขบขัน ก่อนจะพูดออกมา “สงสัยที่ไร่กาแฟของพี่คริสจะมีนางฟ้ามั้งครับ ถึงได้อยากไปที่นั่นนักหนา”
“ไม่มีทางเป็นแบบนั้นไปได้หรอกอาลัน พวกเราเวลัสโคไม่เคยให้ผู้หญิงมามีอิทธิพลเหนือสมองนายก็รู้ดีไม่ใช่หรือ” น้ำเสียงและท่าทางของเบอร์นัลโดช่างเหี้ยมเกรียมนักในสายตาของอาลันโด
“ครับ ผมรู้ดีครับ และก็กำลังปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัดด้วยครับ”
รอยยิ้มขบขันที่แต่งแต้มบนใบหน้าของน้องชายคนสุดท้องทำให้เบอร์นัลโดต้องกระแทกลมหายใจออกมาอย่างหงุดหงิด ก่อนจะเปลี่ยนหัวข้อการสนทนาทันที
“ว่าแต่นายกำลังจะไปทำงานหรือ”
“เปล่าครับ ผมมีนัดกับนางแบบสุดฮอตน่ะครับ”
อาลันโดระบายยิ้มพึงพอใจออกมา เมื่อนึกถึงแม่สาวสวยหุ่นเซ็กซี่ที่ตัวเองกำลังจะได้กินตับในอีกไม่กี่ชั่วโมงข้างหน้าต่อจากนี้ และถึงแม้ว่าจะเสียเงินไปจำนวนมากที่สุดเท่าที่เคยจ่ายสำหรับค่าซื้อตัวผู้หญิงมาขึ้นเตียงด้วย แต่เขาก็ยินดีจะจ่ายหากสิ่งที่ได้มานั้นมันทำให้เขาถูกใจ
“จะไปไหนก็ตามสบาย แต่อย่าให้งานการเสียหายก็แล้วกัน”
“ครับพี่ชายใหญ่ งั้นผมขอตัวก่อนนะครับ”
แล้วอาลันโดก็เดินตัวปลิวจากไป บิลมองตามไปก่อนจะกระแทกลมหายใจออกมาอย่างหงุดหงิดเป็นที่สุด
“สักวันนายจะรู้อาลัน ว่าผู้หญิงเป็นสัตว์โลกที่น่ารำคาญใจที่สุด”
ชายหนุ่มพึมพำออกมาอย่างหัวเสีย จากนั้นก็หมุนตัวเดินกลับขึ้นไปยังห้องพักของตัวเอง วันนี้เป็นวันหยุดเขาไม่จำเป็นต้องเข้าไปที่บริษัทแต่ผู้ชายที่ในสมองมีแต่เรื่องงานและก็งานอย่างเขาไม่มีทางปล่อยให้เวลามันเดินผ่านไปโดยไร้ประโยชน์อย่างแน่นอน
เมื่อ คิมหันต์ ชายหนุ่มหล่อ รวย ทายาทคนเดียวของตระกูล ถูกใจ พอฤทัย นักกายภาพบำบัดที่คุณย่าจ้างมา เขาคิดว่าหล่อนง่าย แต่หล่อนกลับไม่ได้เป็นอย่างที่เขาคิดเลย หล่อนสวย แต่ยาก และนั้นก็ยิ่งทำให้เขากระหาย ยิ่งอยากได้หล่อนจนใจจะขาด ++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++ ประตูห้องยังไม่ทันจะปิดสนิท คิมหันต์ก็ดึงคนตัวเล็กเข้ามาประกบปากจูบดูดดื่ม ราวกับว่าถ้ารออีกนิดเดียวเขาจะขาดใจตาย "คุณคิมหันต์ อย่าค่ะ...คุณปวดเอวอยู่ไม่ใช่เหรอ?" หล่อนจับมือที่บีบขยำนมออก แต่เขาก็เอาขึ้นมาบีบใหม่ ก้มหน้าลงกระซิบข้างหู "ปวดก็ต้องซ้ำครับ จะได้หายปวด" พูดจบก็อุ้มร่างบางขึ้นแนบอกทันที พอฤทัยรู้ว่าโดนหลอก ก็โมโหเอาฟันกัดที่หัวไหล่เขาไปทีหนึ่ง แล้วก็รู้ว่าตัวเองทำผิดพลาดครั้งใหญ่ เมื่อได้ยินประโยคที่เขาพูดออกมา "ที่แท้คุณก็ชอบความรุนแรงนี่เอง ได้เลยครับเมียจ๋า...เดี๋ยวผัวจัดให้" เขาเดินก้าวยาว ๆ จนมาถึงเตียง วางร่างบางบนที่นอน จากนั้นก็ถอดเหมือนกระชากชุดของหล่อนออกจากร่าง ตามด้วยเสื้อผ้าของตัวเอง แล้วทาบทับลงไป "เห็นคุณชอบความรุนแรงแบบนี้ แสดงว่าต้องชอบแบบจูบแรกของเราด้วยใช่ไหม?" เขาเคลื่อนหน้าลงมาถาม หล่อนถลึงตาใส่เขา เมื่อนึกถึงจูบรุนแรง ที่มีแต่ความเจ็บตรงหน้าห้องน้ำ "ก็ลองทำอีกสิ คราวนี้ฉันจะกัดลิ้นคุณให้ขาดเลย" เขาได้ยินก็หัวเราะเสียงร่วนออกมา ก่อนจะก้มหน้าลงไปจูบกลีบปากอิ่มอ่อนโยน และเปลี่ยนเป็นร้อนแรงขึ้นในเวลาต่อมา
นนท์ปวิธคือคุณหมอหนุ่มรูปงามและใจดี และมีเพียงแค่เธอคนเดียวเท่านั้นที่ได้เห็นมุมมืดของผู้ชายคนนี้ มุมมืด... ที่เขาสร้างเอาไว้เพื่อทำร้ายเธอเพียงคนเดียว +++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++ "นอนกับฉัน แล้วฉันจะยอมช่วยลูกสาวของเธอ" นี่คือข้อเสนอของนายแพทย์นนท์ปวิธ อริณวัฒน์ ศัลยแพทย์หัวใจชื่อดังของเมืองไทย เขาคือเทพเจ้าแห่งการผ่าตัดหัวใจ เพราะคนไข้ทุกคนที่ผ่านมีดผ่าตัดของเขาจะประสบความสำเร็จทุกราย ทุกคนต่างชื่นชมในฝีมือและความมีน้ำใจของคุณหมอหนุ่มหล่อคนนี้มาก เขาคือเทพบุตร คือเทวดาสำหรับคนไข้และญาติๆ แต่ในมุมมืดของเขามีเพียงแค่หล่อนคนเดียวที่ได้เห็น แน่ล่ะ... เขาสร้างมุมมืดเอาไว้เพื่อทำร้ายหล่อนแค่เพียงคนเดียวเท่านั้น "ตกลงค่ะ" รอยยิ้มหยันเกลื่อนใบหน้าหล่อเหลาของนายแพทย์นนท์ปวิธ ขณะที่เคลื่อนเรือนร่างสูงโปร่งหกฟุตสามนิ้วเข้ามาหยุดใกล้ๆ "งั้นก็คืนนี้เลย" "ตาว... ขอเวลา..." "ลูกสาวของเธอ มีเวลาเหลือเยอะสินะ" "เอ่อ..." "ฉันต้องการเอาเธอคืนนี้..." แล้วเท้าใหญ่ก็ขยับเข้ามาใกล้ขึ้นอีก จนตอนนี้ร่างกายอยู่ห่างกันแค่เพียงฟุตเดียวเท่านั้น กลิ่นหอมเฉพาะตัวของเขาโชยฟุ้งเข้ามาในจมูก ทำให้รจิตราตัวสั่นเทา หล่อนช้อนตาขึ้นมองคนตัวสูง ซึ่งเขาก็ลดสายตามองลงมามองพอดี ดวงตาสองดวงสบประสานกัน โลกทั้งใบหยุดหมุน ความทรงจำเมื่อห้าปีก่อนย้อนกลับเข้ามาราวกับสายน้ำไหลหลาก ความทรงจำที่หล่อนไม่เคยลืม... และใช้มันหล่อเลี้ยงหัวใจมากว่าห้าปี
ในสายตาของทุกคน คชาวุฒิเก่งฉลาด สุภาพเรียบร้อย และสุดเนิร์ด คงมีเพียงแค่เธอคนเดียวเท่านั้น ที่รู้ว่าใต้แว่นตาหนาของเขาซ่อนความร้อนแรงเอาไว้มากแค่ไหน ไม่รู้จะอวยยศให้อาจารย์ฟิสิกส์คนนี้ยังไงดี แต่รับประกันว่าอาจารย์แซ่บมาก แซ่บฉ่ำแฉะ^^ +++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++ "ตรงไหนดี..." หล่อนควรต่อต้านสิ ควรผลักไส เพราะมันไม่ใช่เรื่องที่ควรเกิดขึ้นเลย แต่... แต่ร่างกายของหล่อนมันอ่อนระทวยไม่มีแรงเลย "ตรงไหนดีเด็กน้อย..." เขากระซิบถามเสียงกระเส่า "ถ้าคุณไม่ตอบ ผมจะเลือกเองนะ..." "อาจารย์... หนู... หนู..." ใบหน้านวลแดงระเรื่อ ตอนนี้สมองของหล่อนขาวโพลนไร้ความคิดชั่วคราว รอยยิ้มจากปากหยักสวยของอาจารย์ฟิสิกส์สุดหล่อช่างบาดใจเหลือเกิน เขาค่อยๆ ย่อตัวลง และคุกเข่าลงกับพื้น ขณะที่สายตาช้อนขึ้นมาสบประสานกับหล่อนตลอดเวลา ไฟร้อนๆ ในดวงตาของเขากำลังแผดเผาให้หล่อนมอดไหม้ "อา... จารย์..." นี่เขากำลังจะทำอะไรน่ะ เขาคุกเข่าทำไม
พระเอกเรื่องนี้แรกๆ จะออกแนวปากหมา ใจร้าย ชอบทำนางเอกช้ำใจ แต่หลังจากเห่าหอนเป็นแล้ว ก็จะกลายเป็นหมาโบ้คลั่งรักสุดๆ เลยค่ะ ไรต์นอนยันเลย 555+++ คำเตือน... พระเอกเรื่องนี้โบ้ซ้ำโบ้ซ้อนโบ้ไม่ปรานีใคร 55 ++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++ "คุณ... ภาม... เป็นอะไรคะ..." คำถามของหล่อนตะกุกตะกักจนแทบฟังไม่เป็นคำ "หึ... ยังจะมีหน้ามาถามอีกหรือคาลิสา!" เขายื่นมาบีบคอของหล่อน และนั่นก็ทำให้หล่อนตกใจแทบช็อก "คุณภาม... ครีม... กลัว..." ทำไมเขาทำแบบนี้ ทำไมภาวินทร์ถึงบีบคอหล่อนล่ะ แม้จะไม่ได้บีบแรงนัก แต่ก็ทำให้หล่อนกลัวจนแทบหยุดหายใจ "เธอนี่มันเลี้ยงไม่เชื่อง" "คุณภาม... พูดอะไรคะ ครีมไม่เข้าใจ... อ๊ะ..." นิ้วยาวของเขาบีบเค้นลงกับลำคอขาวผ่องของหล่อนแรงขึ้น จนหล่อนเกือบจะหายใจไม่ออก "ยังจะมีหน้ามาถามอีกเหรอ เธอไปทำอะไรเอาไว้ล่ะ" "ครีม... ครีมเปล่า..." "เลิกตอแหลเถอะ ฉันรู้เรื่องจากน้องอัญหมดแล้ว" "..." "เธอจงใจละเมิดข้อตกลงของเรา" "ครีมเปล่านะคะ คุณอัญเธอรู้อยู่แล้ว... เธอรู้จากคุณภามไม่ใช่เหรอคะ..." หล่อนพยายามจะอธิบายในมุมของตัวเอง แต่ชายหนุ่มไม่ยอมรับฟัง "เธอเดือดร้อน ฉันก็ช่วย ให้ข้าวให้น้ำ ให้เงิน เซ็กซ์ดีๆ ฉันก็ให้ งานก็มีให้ทำ แล้วเธอยังต้องการอะไรจากฉันอีก อยู่เงียบๆ อยู่ในที่ตัวเองไม่ได้หรือไง หื้อ!" "ครีม... ฮืออออ..." "แล้วเธอยังมีหน้าไปโกหกน้องอัญว่าท้องกับฉันอีกเหรอ เธอกล้าดียังไงพูดแบบนั้นออกไป คาลิสา!" หากหล่อนบอกออกไปว่าตัวเองกำลังตั้งท้องลูกของเขาจริงๆ ภาวินทร์ก็คงจะไม่เชื่อ ใช่... เขาไม่มีทางเชื่อหรอก ตอนนี้เขาเชื่อคำพูดของคู่หมั้นคนสวยของเขาคนเดียวเท่านั้น "ตอบมาสิ... เธอท้องลูกของฉันจริงหรือเปล่า" ใบหน้าที่เปียกชุ่มไปด้วยหยาดน้ำตาส่ายไปมา ก่อนจะตอบเสียงสะอื้น "ไม่... ไม่ได้ท้องค่ะ..." "หึ... นึกอยู่แล้วเชียว เธอมันก็แค่ผู้หญิงมารยา ที่ต้องการทำให้ฉันเดือดร้อนเท่านั้นเอง" เขาหยุดบีบคอของหล่อน และผลักร่างของหล่อนออกห่าง แสดงท่าทางรังเกียจออกมา "เราเลิกกันเถอะ"
เรื่องนี้พระเอกเป็นพวกชอบวิ่ง ตอนแรกวิ่งหนี ตอนหลังวิ่งชนจนมดลูกน้องแทบอักเสบ ฝากติดตามเป็นกำลังใจให้ไรต์ด้วยค่ะ เลิฟ เลิฟ ++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++ "พี่วิศ... ทำไมพี่เปลี่ยนไปแบบนี้คะ... อื้อ... อย่าทำแบบนี้สิคะ... " แม้จะพยายามขัดขืน แต่เสียงก็แผ่วเบา และอ่อนแรงเหลือเกิน "แล้วชอบพี่แบบนี้ไหมล่ะครับ... อืมม หอมจัง" ปลายจมูกของเขาซุกไซ้อยู่ที่ลำคอ ในขณะที่ฝ่ามืออบอุ่นลูบไล้ซุกซน "พี่ชอบก้นของเธอจัง นุ่มนิ่มมาก" "พี่วิศ..." "และพี่ก็ชอบเสียงครางของเธอด้วย ฟังแล้วยิ่งมีอารมณ์..." เขาเงยหน้าขึ้นจากลำคอของหล่อนที่ดูดเม้มจนแดงช้ำ ดวงตาสบประสานกัน ก่อนที่ปากหยักสวยจะแนบชิดลงมาหา เขาจูบเบาๆ หนึ่งครั้ง ก่อนจะกระซิบเสียงแปร่งพร่า "ให้พี่เอานะ... พี่หิว..."
เพราะแอบรักจึงยอมทุกอย่าง ยอมแม้กระทั่งเป็นคนในความลับ อยู่เงียบๆ ในเงามืดชั่วนิรันดร์ กฎของเขาก็คือ มีอะไรกัน นอนด้วยกัน สนุกกัน แต่ห้ามบอกใคร ห้ามให้ใครรู้ว่ามีความสัมพันธ์กันแบบไหน ในที่ทำงานเขาคือท่านประธาน และเธอก็คือพนักงานคนหนึ่งในบริษัทเท่านั้น เมื่อเจอกันก็ทักทายกันบ้างแบบเจ้านายกับลูกน้อง ห้ามแสดงท่าทางหรือแสดงความเป็นเจ้าของ ห้ามโพสต์สถานะในโซเชียล แม้จะไปเที่ยวด้วยกัน ไปถึงไหนต่อไหนด้วยกันก็แล้วแต่ห้ามเปิดเผยทั้งนั้น ซึ่งด้วยความรักที่มีต่อเขา ทำให้เธอตกลงยอมเป็น คนในความลับของเขาอย่างเต็มใจ +++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++ "มามี๊ขา..." วชิรวัฒน์มองเด็กหญิงตัวน้อยที่อายุน่าจะไม่ถึงสามขวบวิ่งเข้ามาสวมกอดฟาริดาด้วยความประหลาดใจและตกใจในเวลาเดียวกัน เขามองใบหน้ากลมๆ ของเด็กหญิงคนนั้น สลับกับใบหน้าของฟาริดา ซึ่งก็พบว่าหญิงสาวกำลังหน้าซีดเผือดไร้สีเลือด "นี่มันอะไรกัน น้องฟาง... เด็กคนนี้... เป็น..." เขายังพูดไม่ทันจบ ฟาริดาก็ดันร่างของเด็กหญิงไปไว้ด้านหลัง ก่อนจะตอบเขาด้วยสุ่มเสียงดังฟังชัด "ลูกสาวของฟางเองค่ะ" วชิรวัฒน์ถึงกับอึ้ง เขาหันไปมองสบตากับอภิวัฒน์ ก็พบว่าเลขาฯ หนุ่มก็อึ้งไม่ต่างกัน หลังจากตั้งสติอยู่ชั่ววินาที เขาก็หันกลับมาจ้องหน้าฟาริดาเขม็ง "เด็กคนนี้เป็นลูกของใครครับ" เขาพยายามที่จะถามเสียงสุภาพ ทั้งๆ ที่ภายในในเต็มไปด้วยเพลิงไฟกัลป์ เพราะอย่างนี้เองเหรอ ฟาริดาถึงได้หนีจากเขาไป เพราะหล่อนท้อง... แล้วหล่อนท้องกับใครล่ะ นอกจากเขาแล้ว หล่อนยังแอบมีความสัมพันธ์กับผู้ชายคนอื่นอีกอย่างนั้นเหรอ บ้าชิบ! นี่หล่อนกำลังจะทำให้เขาโมโหจนเป็นบ้าอยู่แล้วนะ! "ลูกของใครก็ช่างเถอะค่ะ แต่ไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับพี่โรมแน่นอน"
ในสายตาของเขา เธอเป็นคนขี้โกหก ในสายตาของเธอ เขาเป็นคนไร้หัวใจ เดิมทีถังหว่านคิดว่าเธอคือคนพิเศษหลังจากอยู่กับเสิ่นติงหลานมาสองปี แต่สุดท้ายก็พบว่าตัวเองเป็นแค่ของเล่นที่สามารถทิ้งได้อย่างตามใจเมื่อไม่มีค่าอีกต่อไป จนกระทั่งถังหว่านเห็นว่าเสิ่นติงหลานพาคนรักของเขาไปตรวจครรภ์ เธอจึงยอมแพ้แล้ว เธอหยุดติดตามเขาอีก แต่จู่ๆ เขากลับไม่ยอมปล่อยเธอไป "ถ้าคุณไม่เชื่อฉัน ทำไมคุณไม่ปล่อยฉันไปล่ะ?" ชายผู้เคยหยิ่งยะโสขนาดนั้น ตอนนี้ก้มหัวลงและขอร้องว่า "หวานหว่าน ฉันผิดไปแล้ว โปรดอย่าทิ้งฉันไป"
จือหลินเธอเป็นเด็กกำพร้า ที่ถูกมารดาทอดทิ้งไว้ที่โรงพยาบาลตั้งแต่วันแรกที่ลืมตามาดูโลก ต่อมาทางโรงพยาบาลจึงส่งตัวเธอให้กับสถานสงเคราะห์ พออายุได้สามปี ก็มีองค์กรหนึ่งมารับเลี้ยงตัวเธอ แต่พวกเขาเลี้ยงเธอและเด็กคนอื่นๆ ไว้เพื่อเป็นหนูทดลองเท่านั้น ครั้งแรกที่ถูกนำตัวมา ต่างก็โดนจับฉีดยาเข้าสู่ร่างกาย เพื่อหาเด็กที่เลือดต้านเชื้อที่ฉีดเข้าไปได้เท่านั้น หากร่างกายทนรับไม่ไว้สิ่งที่ทางองค์กรมอบให้คือความตาย จือหลินอาจเป็นเพราะเลือดของเธอพิเศษกว่าเด็กคนอื่น ไม่ว่าฉีดยาตัวไหนเข้าสู่ร่างกายเธอก็ทนรับได้ทั้งนั้น นับจากนั้นมาเธอจึงถูกเลี้ยงดูจากองค์กรมาอย่างดี เรื่องการศึกษาเธอก็สามารถเรียนรู้ทุกสิ่งได้อย่างเต็มที่ แต่เพราะความฉลาดของเธอจึงถูกส่งให้เรียนวิทยาศาสตร์การแพทย์และเรียนแพทย์ควบคู่ไปด้วย เมื่อเรียนจบมาแล้ว จือหลินยังคงทำการให้องค์กรเช่นเดิม แม้จะไม่ได้เป็นนักฆ่าเช่นเพื่อนคนอื่นที่มาพร้อมกัน แต่เธอก็ต้องฝึกไม่ต่างจากพวกเขา ยิ่งเมื่อต้องนำเด็กเข้ามาเป็นหนูทดลองเช่นเดียวกับเธอในตอนเล็ก ต่อให้ไม่อยากทำก็ต้องทำ หากฝ่าฝืนไม่ทำการชิปที่ถูกฝังอยู่ในตัวจะถูกกระตุ้นให้ได้รับความทรมานทันที นานวันเข้า ความดำมืดก็ก่อเกิดในใจ ไม่ว่าจะฉีดยาให้เด็กร้ายแรงเพียงใดจือหลินก็เลิกรู้สึกผิดไปเสียแล้ว เพราะการทำงานของเธอตลอดหลายปีที่ผ่านมาทำให้ทางองค์กรยกย่องและมักจะให้สิ่งดีๆ กับเธอเสมอ เมื่อมีชิปตัวหนึ่งที่ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อฝังมิติอีกห้วงหนึ่งไว้ภายในร่างกาย จือหลินนางก็ได้รับเลือกให้ทดลองใช้สิ่งนี้ด้วยเช่นกัน จือหลินถูกฝังชิปมิติเข้าที่แกนสมองของเธอ ความเจ็บปวดที่ได้รับทำให้เธอแทบสิ้นสติ เมื่อชิปถูกฝังลงไปแล้ว เพียงไม่นานก็มีเสียงจากระบบให้เธอยืนยันตัวตน ก่อนที่จะปรากฏภาพต่างๆ ภายในหัวของเธอ ของจากภายนอกล้วนแต่ถูกส่งเข้าไปเก็บไว้ด้านในได้ทั้งสิ้น หากเป็นเนื้อสด ผักผลไม้ ยังคงความสดอยู่เช่นเดิมแม้จะเก็บไว้นานมากเพียงใด ห้วงมิติของจือหลินเหมือนเป็นห้องสูทในคอนโดของเธอเองที่มีทุกอย่างพร้อมใช้อยู่ภายใน แม้แต่ห้องทดลอง ห้องทำงานของเธอก็ปรากฏอยู่ในนั้นเช่นกัน นับจากนั้นจือหลินจึงซื้อของเขาเก็บภายในมิติของเธอเป็นจำนวนมาก ตัวเธอเพียงผู้เดียวที่สามารถเข้าออกในห้วงมิติได้ วันเวลาผ่านไปจนจือหลินล่วงเข้าวัยสามสิบปี เธอสามารถผลิตยาที่ทำให้ทั่วโลกจับตามองออกมาได้ ยายื้อชีวิตจากความตาย แต่การทดลองของเธอที่ผ่านมาต้องใช้คนจำนวนมากในการเข้าทดลอง จือหลินสามารถยื้อชีวิตของชายชราที่กำลังจะหมดลมหายใจให้กลับมามีชีวิตปกติได้ เมื่อเธอกักตัวเขาไว้ได้หกเดือนเห็นว่าไม่มีสิ่งใดที่ผิดปกติจึงคิดจะปล่อยเขาออกไปใช้ชีวิตเช่นเดิม แต่แล้วสิ่งที่ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น เมื่อชายชราที่กำลังจะเดินออกจากห้องทดลองล้มลงต่อหน้าทุกคนที่เข้าร่วมชื่นชมผลงานของเธอ จือหลินรีบเข้าไปตรวจดูความผิดปกติทันที ก็พบว่าเขาหยุดหายใจเสียแล้ว เจ้าหน้าที่ทั้งหมดจึงต้องพาชายชราคนนั้นกลับเข้าไปในห้องทดลองเพื่อหาสาเหตุ ผ่านไปเพียงสองครึ่งชั่วโมงเขากลับลืมตาขึ้นมาอย่างไม่น่าเชื่อ แต่แววตาที่มองมาทางทุกคนได้เปลี่ยนไป ในดวงตาของชายชราผู้นั้นมีเพียงตาขาวไม่มีตาดำเช่นคนมีชีวิต “เกิดเรื่องอะไรขึ้น” ผู้อำนวยการองค์กรเดินเข้ามาหาจือหลินแล้วเอ่ยถามอย่างตื่นตระหนก เพราะนักข่าวที่ข่าวเชิญมายังอยู่ที่ด้านนอกเพื่อรอฟังคำตอบ “ขอดิฉันตรวจสอบก่อนค่ะ” จือหลินกุมหน้าผากอย่างมึนงง เธอก็ไม่เข้าใจเช่นกันว่าเป็นแบบนี้ไปได้อย่างไร คนทั้งหมดยืนมองชายชราที่เดินท่าทางประหลาดอยู่ในห้องทดลอง ในตอนนี้เขาเริ่มหยิบสิ่งของทำร้ายตัวเองอย่างบ้าคลั่ง เจ้าหน้าที่คนหนึ่งรีบวิ่งเข้าไปในห้องทดลองเพื่อห้ามไม่ให้เขาทำร้ายตัวเอง ชายชราเมื่อได้ยินเสียงคนเดินเข้ามาก็พุ่งเข้ามาหาอย่างรวดเร็ว และเริ่มกัดกินเนื้อตัวของเขาอย่างโหดร้าย คนที่เห็นเหตุการณ์ทั้งหมดต่างยกมือขึ้นปิดปากอย่างตกใจ เพราะกลัวข่าวเรื่องนี้จะรั่วไหล ผู้อำนวยการสั่งให้คนไปแจ้งนักข่าวให้กลับไปก่อน ทางองค์กรจะแถลงการณ์เรื่องนี้ในภายหลัง เจ้าหน้าที่ที่ถูกทำร้ายล้มลงเสียชีวิตไม่นานก็มีสภาพไม่ต่างจากชายชราคนนั้น เสียงวุ่นวายไม่ได้จบลงที่ห้องทดลองของจือหลินเพียงแห่งเดียว เพราะห้องทดลองอื่นก็ล้วนพบเหตุการณ์เช่นนี้ไม่ต่างกัน ผู้อำนวยการจำต้องส่งสัญญาณเคลื่อนย้ายเจ้าหน้าที่ออกจากตึกทดลองให้เร็วที่สุด จือหลินไม่รู้ว่ายาของนางจะสร้างผลเสียมากถึงเพียงนี้ เพราะเจ้าหน้าที่หลายคนล้วนจบชีวิตจนกลายเป็นซอมบี้ไปเสียแล้ว ตึกทดลองถูกปิดตาย เพื่อไม่ให้ซอมบี้ที่อยู่ด้านในออกมาสร้างความเสียหายภายนอกได้ “เรื่องนี้ดิฉันขอจัดการด้วยตนเองค่ะ” จือหลินเดินเข้าไปหาผู้อำนวยการที่ห้องทำงานของเขา เพื่อบอกสิ่งที่เธอคิดว่าอย่างดีแล้วในหลายวันที่ผ่านมา เมื่อเห็นว่าผู้อำนวยการไม่ห้ามในสิ่งที่เธอจะทำจือหลินจึงเดินไปที่หน้าตึกทดลองพร้อมระเบิดเวลาในมือ เธอคิดจะทำลายสิ่งของทุกอย่างที่เธอสร้างขึ้นมาลงด้วยมือของเธอเอง จือหลินเปิดประตูตึกทดลองแล้วรีบปิดลงทันที เธอเดินเข้าไปที่กลางตึกให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ เพราะระหว่างทางเธอต้องคอยต่อสู้กับซอมบี้ที่จะเข้ามาทำร้ายเธอไปด้วย เสียงสัญญาณระเบิดดังขึ้น จือหลินหลับตาลง พร้อมทั้งถอนหายใจให้กับเรื่องราวในชีวิตที่ผ่านมา เสียงระเบิดดังไปทั่วบริเวณพร้อมทั้งตึกทดลองที่ถล่มลงมาจนแทบไม่เหลือซาก “เจ็บชะมัด” จือหลินร้องครางออกมาเบาๆ แต่เมื่อรู้สึกตัวได้เธอก็รีบพยุงตัวขึ้นนั่งอย่างรวดเร็วพร้อมมองไปรอบๆ อย่างไม่อยากเชื่อ เธอคิดว่าตายไปแล้วเสียอีก แต่ทำไมถึงได้มีความรู้สึกเจ็บได้ “นี้มันเรื่องบ้าอะไรอีกว่ะเนี่ย” จือหลินเบิกตากว้างอย่างไม่อยากเชื่อ รอบๆ ตัวเธอในตอนนี้เป็นป่าทึบ มือของเธอก็ไม่ใช่ของเธออย่างแน่นอนเพราะมีขนาดเล็กราวกับเป็นเด็กน้อยคนหนึ่งเท่านั้น ตอนที่เธอมึนงงสับสน เรื่องราวความทรงจำของเจ้าของร่างก็ไหลเข้าสู่หัวของเธอจนต้องลงไปนอนดิ้นกับพื้น
เสิ่นชิงชิว หลานสาวของเศรษฐีที่รวยที่สุดในเมืองไห้ คบหาอยู่กับลู่จั๋วมาเป็นเวลาสามปีแล้ว แต่ความจริงใจของเธอกลับสูญเปล่า ลู่จั๋วปฏิบัติกับเธอเพียงในฐานะหญิงบ้านนอกคนหนึ่ง และทอดทิ้งเธอในวันแต่งงาน โดยไปหารักแรกของเขา หลังจากเลิกรากันอย่างเด็ดขาด เสิ่นชิงชิวก็กลับมามีสถานะเป็นสาวรวยอีกครั้ง ได้รับมรดกมูลค่าหลายร้อยพันล้าน และเริ่มต้นชีวิตที่รุ่งโรจน์ที่สุด แต่แล้วมักจะมีคนโผล่มาทไให้กับเธอหงุดหงิดอยู่เสมอ! ขณะที่เธอกำลังจัดการกับผู้ร้าย คุณชายฟู่ผู้มีอำนาจนั้นก็ปรบมือและโห่ร้องว่า "ที่รักของฉันสุดยอดมากจริงๆ"
วิญญาณแพทย์นิติเวชที่มีชื่อเสียงในศตวรรษที่ 21 ได้เข้ามาอยู่ในร่างคุณหนูของจวนเสนาบดีอย่างบังเอิญ ผู้คนกล่าวหาว่านางไม่เชี่ยวชาญด้านการแพทย์และทำให้บุตรชายของแม่ทัพตาย ด้วยเหตุนี้ฮ่องเต้ต้องการฆ่านางเพื่อให้คำอธิบายกับแม่ทัพ! ผู้คนกล่าวหาว่านางเป็นคนหยิ่งยโสและเจ้ากี้เจ้าการ ทุกคนเกลียดนาง และครอบครัวของนางต้องการไล่นางออก! ผู้คนกล่าวหาว่านางเป็นคนเลวทรามและไร้ความปรานี วางยาน้องสาว และพ่อของนางต้องการโบยนางจนตาย! ในความเป็นจริงหากอยากจะกล่าวหาผู้ใดสักคน มันก็หาข้ออ้างได้ทั่ว แต่นางเป็นคนไม่ยอมใคร นางผอมบางนางหนึ่งปลุกปั่นโลกด้วยความสามารถอันทรงพลังตนเอง ท่านอ๋องกล่าวว่า หากได้เจ้ามาครอบครอง ข้ายอมทรยศทุกคนในโลก นางกล่าวว่า เพื่อท่าน ต่อให้ทุกคนในโลกเกลียดข้า ข้าก็ยอม
รูรักอันบริสุทธิ์เมื่อถูกปลายลิ้นร้อนของชายหนุ่มเป็นครั้งแรกดูเหมือนว่าจะตอบสนองได้เป็นอย่างดี ร่องของนางขมิบรัว สะโพกของนางยกขึ้นยังเด้งเข้าไปหาปากร้อน ฝ่าบาทเก่งกาจยังสามารถแยงลิ้นเข้าไปในรู อันซูเซี่ยถูกทาขี้ผึ้งหอมรอบปากทาง ขี้ผึ้งนี้นอกจากจะมีรสชาติดีส่งเสริมรสน้ำรักของนางแล้วยังมีคุณสมบัติอันวิเศษ แม้จะเป็นหญิงพรหมจรรย์ก็จะไม่รู้สึกเจ็บปวด และเผลอทำร้ายฝ่าบาทจนบาดเจ็บ อี้หลงดูดแบะขาของนางให้กว้างขึ้นแล้วรวบขึ้นไปให้ขาชี้ฟ้า จากนั้นมุดใบหน้าลงมาอย่างหลงใหล “หอมอร่อยเหลือเกิน รู้สึกเหมือนดื่มสุราไม่เมามาย อ้า ข้าชอบยิ่ง หอยของฮองเฮาช่างใหญ่โต ดูโคกเนื้อโยนีแทบจะล้นริมฝีปากของข้า สีแดงเช่นนี้คงไม่เคยผ่านสิ่งใดมาก่อน บริสุทธิ์ยิ่งนัก ซี้ด” นางดิ้นเร่าอยู่ในปาก ไม่รู้ว่าต้องทำอย่างไรนอกจากเชื่อฟังในคำของฝ่าบาท “อืม อร่อยยิ่งนัก อ้า ข้าไม่ไหวแล้วขอดูหน้าฮองเฮาของข้าหน่อยเถิด” ดูเหมือนว่าร่องรักของนางยังขมิบ นางไม่อยากให้เขาเงยหน้าขึ้นจากตรงนั้นด้วยซ้ำ อยากถูกปลายลิ้นเลียเช่นนั้นจนกว่านางจะได้รับการปลดปล่อย “อ้า ฝ่าบาทเพคะ อย่าหยุดเพคะ อื้อ” นิยายเรื่องนี้เป็นนิยายรักสำหรับผู้ใหญ่ มี 2 เล่มจบ เป็นนิยายแบบพล็อตอ่อน เน้นฉากรักบนเตียงของตัวละครเป็นหลัก เหมาะสำหรับผู้มีอายุ 25 ปีขึ้นไป ไม่เหมาะสำหรับสายคลีนใส ๆ นะคะ หากใครไม่ชอบอ่าน NC เยอะ ๆ กรุณาเลื่อนผ่าน เพราะเรื่องนี้เน้น NC เป็นหลักค่ะ ซีไซต์ นักเขียน
หลังจากแต่งงานมาสามปี เสิ่นเนียนอันคิดว่าตนเองสามารถเอาชนะใจโฮ่วอวินโจวได้ แต่กลับพบว่าเขามีเพียงคนรักแรกอยู่ในใจ "ฉันจะปล่อยเธอไปหลังจากที่เธอคลอดลูก" ในวันที่เสิ่นเนียนอันมีปัญหาในการคลอดบุตร โฮ่วอวินโจวได้พาผู้หญิงอีกคนออกจากประเทศด้วยเครื่องบินส่วนตัว "ไม่ว่าคุณจะชอบใครก็แล้วไป สิ่งที่ฉันเป็นหนี้คุณ ฉันคืนให้หมดแล้ว" หลังจากที่เสิ่นเนียนอันจากไป โฮ่วอวินโจวก็เสียใจ "กลับมาหาฉันอีกครั้งได้ไหม"