ยามเกลียด...เกลียดเข้าไส้ ถึงเวลารักเมื่อใด...คำว่าหมดทั้งใจยังน้อยไป ......... “โอ๊ย!” เสียงร้องเจ็บดังขึ้น ปรียาพรถูกเหวี่ยงไปบนพื้นห้อง “เธอกล้ามากนะที่สวมเขาให้ฉัน ฉันอยากรู้เหลือเกินว่าเธอต้องการเงินอะไรหนักหนาถึงกลับไปรับงาน เงินที่เธอสูบไปจากแม่กับยายของฉันไม่พอหรือไง หรือว่าทนความร่านของตัวเองไม่ไหว ผู้หญิงอย่างเธอหิวเงินไม่พอ ยังหิวผู้ชายอีก ทุเรศที่สุด ฉันไม่น่าแต่งงานอีตัวอย่างเธอเลย” “เพี้ยะ” ความอดทนของมนุษย์มีขีดจำกัด ปรียาพรเป็นปุถุชนธรรมดาระงับความโกรธไม่ได้ ยิ่งเขามาดูถูกซ้ำๆ อย่างนี้ เธอจะไม่ทนอีกต่อไป ฟาดฝ่ามือลงบนแก้มยุรนันท์ แม้กลัวเขา แต่เธอก็ทำ “อย่ามาดูถูกกันให้มากนะ ถ้าฉันไม่ดี ฉันมันร่าน หิวผู้ชาย ไม่คู่ควรกับคุณ งั้นเราเลิกกัน พรุ่งนี้ไปหย่ากันที่อำเภอ แล้วต่างคนต่างไป จะได้ไม่ต้องทนอึดอัดกันอีก” ปรียาพรคิดว่าทางดีที่สุด ทว่ายุรนันท์ไม่คิดเช่นนั้น เขาคิดว่าเธอมีเป้าหมายใหม่ ถึงได้พูดขอหย่า กำแพงแห่งความโกรธที่ว่าสูงแล้ว ตอนนี้สูงมากขึ้นหลายเท่า ใบหน้าเขาแดงก่ำ ดวงตาลุกโชนด้วยแรงแห่งโทสะ มองปรียาพรอย่างดุดัน ก้าวเดินมาหาภรรยาด้วยท่าทางคุกคาม “เธอกับครอบครัวตั้งใจเข้ามากอบโกยเงินทองจากฉัน จัดฉากเรื่องคืนนั้น ทั้งที่เธอก็รู้เต็มอกว่าเราไม่มีอะไรกัน แต่เธอก็ไม่พูดแย้ง พ่อกับแม่เธอก็เอาแต่พูดว่าฉันต้องรับผิดชอบ ทั้งที่รู้เต็มอกว่า ผู้หญิงเน่าๆ อย่างเธอไม่จำเป็นต้องรับผิดชอบ นอนด้วยครั้งสองครั้งคงไม่สึกหรอเพราะผ่านงานมาโชกโชน ซึ่งเธอก็รู้ว่าอะไรเป็นอะไร แล้วจะมาพูดว่าฉันดูถูกเธอได้ยังไงห๊า” ยุรนันท์ตะเบ็งเสียงจนเธอตกใจ “ถ้าฉันไม่ดี เราก็เลิกกัน หย่ากันไปเลย” ปรียาพรคิดหาหนทางไม่ออกนอกจากวิธีนี้ เขาจะได้ไม่ต้องทนอยู่กับภรรยาที่คิดว่าเป็นอดีตโสเภณี เธอเองก็จะได้ไม่ต้องเจ็บปวดซ้ำซาก “หย่าเหรอ” เขาทวนคำเสียงเย็น “ฉันหย่าแน่ เรื่องอื่นฉันพอยอมรับได้ แต่เรื่องสวมเขานี่ไม่ไหว แต่ก่อนหย่าฉันอยากลองสักครั้ง อยากรู้ว่าทำไมมีแต่ผู้ชายอยากดมดอกไม้เน่าๆ กันนัก แค่ฉันเดินผ่านก็จะอ้วกแล้ว ดอกไม้ไร้กลิ่นหอมอย่างเธอคงไม่ทำให้ฉันมีความสุขหรอก แต่ฉันก็อยากลอง” ยุรนันท์จ้องมองปรียาพรไม่วางตา นัยน์ตาเขามีพลังแห่งความโกรธมิเปลี่ยนแปลง ปรียาพรตกใจ หัวใจเธอเต้นแรงมาก คำพูดเขาไม่ต้องแปลความหมาย ยิ่งทำให้ความหวาดกลัวอาบทั่วจิตใจ อยากอธิบายให้ยุรนันท์เข้าใจ แต่ด้วยอารมณ์เขาตอนนี้พูดมากแค่ไหนก็คงไม่ฟัง ไม่เข้าไปในหู ทางเดียวคือต้องเอาตัวรอดออกจากห้องนี้ ทว่าความคิดเธอช้าไป... .... เป็นภาคต่อ ดั่งทรายต้องลมค่ะ
“ไม่!...ยังไงผมก็ไม่แต่ง หัวเด็ดตีนขาดยังไงก็ไม่แต่งครับ”
ยุรนันท์ยืนกรานเสียงหนักแน่น สีหน้าจริงจัง เมื่อได้ยินความต้องการของคุณหญิงรื่นฤดี ผู้เป็นมารดาและยังมีนวลผ่อง ยายที่เคารพรัก รวมถึงแนวร่วมอีกหนึ่งคนคือ ประภาวรรณ น้องสาว
“แกต้องแต่ง แกต้องรับผิดชอบหนูอุ้ม รับผิดชอบในเรื่องที่แกทำลงไป” คนเป็นแม่ไม่ยอมแพ้ บอกกลับไปทันที
“ผมไม่ได้ทำอะไรเลย ทำไมคุณแม่ไม่เชื่อผม ถ้าผมทำจริงๆ ต่อให้เมามากแค่ไหนก็ต้องรู้ตัวบ้าง แต่นี่ผมไม่รู้ตัวเลย ไม่รู้สึกนิดเดียว” ยุรนันท์ยืนยันความบริสุทธิ์ของตนเอง “ผมว่านะ ผมโดนอุ้มมอมเหล้าแล้วแบล็กเมล์ผมแน่ๆ คุณแม่ คุณยายไม่รู้หรอกว่า อุ้มเป็นยังไง ร้ายแค่ไหน เธอไม่มีอะไรดีด้วยซ้ำไปครับ”
“ยายไม่รู้หรอกว่าอุ้มเป็นยังไง ร้ายแค่ไหน แต่ที่รู้คือ ฉันมีหลานชั่ว นิสัยไม่ดี ไม่มีความรับผิดชอบ ไม่มีความเป็นลูกผู้ชาย ยายไม่คิดเลยว่าหลานชายที่เลี้ยงมากับมือจะเป็นอย่างนี้ ทำให้ยายเสียใจ ทำให้ยายร้องไห้ ทำให้ยายผิดหวัง ฮือ...เสียใจจริงๆ” คุณยายนวลผ่องร้องไห้เสียใจยกใหญ่
“โห...พี่ชายหยกนี่ยอดคน ยอดชายจริงๆ นอกจากจะเป็นผู้ชายที่ไม่มีความรับผิดชอบแล้ว ยังใจร้าย ใจดำทำคุณยายร้องไห้อีก พี่เฮิร์ปไม่สงสารคุณยายบ้างหรือไงคะ ทนได้เหรอที่เห็นคุณยายร้องไห้ ฮือ...หยกไม่คิดเลยว่า จะมีพี่ชายเป็นคนแบบนี้ โถ...คุณยายของหยก”
ประภาวรรณกอดคนเป็นยายแล้วร้องไห้ ยุรนันท์เห็นแล้วอยากเอาหัวโหม่งพื้น
“ฮือ...แม่ก็ไม่คิดว่าจะมีลูกชายเป็นคนแบบนี้ ที่เคยหวังไว้ไม่ได้ตามหวังเลย เสียใจจริงๆ ผิดหวังสุดๆ ฮือ...อยากจะตายตามคุณพี่ไปจริงๆ จะได้พ้นๆ ไปจากลูกชายเลวๆ ฮือ...”
รื่นฤดีโศการ่วมด้วย ยุรนันท์ถึงกับถอนหายใจแรงๆ ตอนนี้ไม่ใช่แค่อยากเอาหัวโหม่งพื้น แต่อยากเอาหัวโขกพื้นหลายๆ ครั้งมากกว่า ไม่คิดว่าตนเองจะตกอยู่ในสถานการณ์เช่นนี้
‘นั่น...เอาเข้าไป แท็กทีมกันเลย’
“โอเคครับ แต่งก็แต่ง” ทันทีที่ได้ยินคำพูดยุรนันท์ คนกำลังร้องไห้ทั้งสามคนเงียบเสียง หันมองต้นเสียงเป็นตาเดียว
“จริงนะ ไม่โกหกนะ” รื่นฤดีถามลูกชาย
“จริงครับ” คนตอบมีทีท่าเหนื่อยใจอย่างเห็นได้ชัด
“คุณแม่ขา ฤดีว่าเราไปหาฤกษ์ยามกันดีกว่าค่ะ”
น้ำเสียงและสีหน้ารื่นฤดีต่างกับเมื่อครู่ชัดเจน เช่นเดียวกันกับนวลผ่องและประภาวรรณ
“ไปสิไป แม่รอวันนี้มานานแล้ว คอยดูนะจะจัดงานให้ใหญ่โตมโหฬารเลย” นวลผ่องยิ้มกว้าง ดีใจที่หลายชายจะมีครอบครัว
สองแม่ลูกยิ่งกว่ากิ่งก่าเปลี่ยนสี ปรับโหมดอารมณ์ได้เร็วมาก รวมถึงประภาวรรณด้วย
“คุณแม่ขา คุณยายขา หยกจะจองตัวช่างแต่งหน้าไว้รอเลยนะคะ คนนี้คิวแน่นมาก แต่งหน้าเลิศค่ะ”
“จองเลย เรื่องค่าจ้างไม่อั้น แม่พร้อมจ่าย”
“จัดงานใหญ่นะ โรงแรมอะไรดีนะ คิดก่อน” นวลผ่องทำท่าคิด แต่ก็ต้องถูกดักคอจากหลานชาย
“จัดเล็กๆ ก็พอมั้งครับ เวลาเลิกกันจะได้ไม่คิดเสียดายเงิน”
ยุรนันท์พูดแทรก เขาไม่คิดว่า ชีวิตคู่ระหว่างตนกับปรียาพรจะจีรังยั่งยืน แค่เดือนเดียวสำหรับเขาก็มากพอ
“ถ้าแกเลิกกับอุ้มวันไหน วันนั้นสมบัติของฉันจะเป็นของอุ้มทันที ส่วนแกจะไม่ได้อะไรจากฉันเลยสักบาท” นวลผ่องสวนหลานชาย ใบหน้าบ่งบอกถึงความจริงจัง “แต่งแล้วห้ามเลิก จำใส่หัวไว้”
ยุรนันท์ถึงกับทำหน้าเหวอ เขาอยากรู้เหลือเกินว่า ปรียาพรมีดีอะไร หรือมีเวทย์มนต์ร่ายคาถาใส่นวลผ่อง รื่นฤดีและประภาวรรณ ทำให้ทั้งสามหลงใหลเช่นนี้
เรื่องนี้ต้องขยาย...เขาต้องรู้เรื่องที่ตนสงสัยให้ได้
แล้วเจอกันปรียาพร...อยากเป็นเมียยุรนันท์นักล่ะก็
ยุรนันท์จัดให้...
ไร่พันลภ
ทุกวันอาทิตย์คือวันหยุดของคนงานในไร่ ที่ส่วนมากจะพักผ่อนอยู่ในห้องพักที่ทางเจ้าของไร่จัดเตรียมไว้ให้ บ้างก็มานั่งคุยกัน ทำอาหารง่ายๆ กินกันตรงกลางลานกว้าง แต่สำหรับปรียาพร แม้ว่าวันนี้ไม่ต้องทำงานในไร่ ทว่างานบ้านเธอต้องทำคนเดียวทั้งหมด
เริ่มจากจัดเตรียมอาหารเช้าให้ทุกคนในบ้าน เนื่องจากวันหยุดจะไม่มีการเลี้ยงอาหารคนงาน ต่อจากนั้นก็ไปซักผ้ากองโตของสมาชิกในครอบครัวด้วยมือ หลังจากใช้เวลาในการซักผ้านานร่วมสองชั่วโมง ปรียาพรมากวาดบ้านถูบ้านทั้งสองชั้นจนสะอาดเอี่ยม งานต่อไปที่ทำคือ ล้างห้องน้ำ
ขณะที่ปรียาพรเหน็ดเหนื่อยกับงานบ้าน คนในบ้านกลับนั่งๆ นอนๆ ดูทีวีและเล่นมือถืออย่างสบายใจ ไม่คิดจะช่วยเธอทำอะไรสักอย่าง ได้แต่มองและทำเป็นไม่สนใจเช่นเคย คนในบ้านที่ว่านี้คือจำเริญและสายใจบิดามารดาบุญธรรม อีกคนคือปรียารัตน์หรืออุ๋ม ลูกสาวในอุทรของจำเริญกับสายใจ
ใช่แล้ว...ปรียาพรไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใดกับครอบครัวนี้ เธอจึงถูกปฏิบัติเยี่ยงทาสมากกว่าเด็กที่รับเลี้ยงมาตั้งแต่เด็ก ความรัก ความเอ็นดูแลความเมตตาที่มีให้ปรียาพรหมดไป ตั้งแต่จำเริญกับสายใจรู้ว่า กำลังมีทายาทเป็นของตัวเอง
ไม่แปลกที่ปรียาพรจะเหมาทำงานบ้านคนเดียว โดยไม่มีใครคิดช่วย ยิ่งปรียารัตน์ยิ่งแล้วใหญ่ นอกจากไม่คิดช่วยยังทำให้เหนื่อยซ้ำสอง ประมาณคำพูดที่ว่ามือไม่พายเอาเท้าราน้ำ แกล้งทำน้ำหกบ้าง นอนขวางเพื่อไม่ให้ทำความสะอาดบ้านได้สะดวก เพราะหากบ้านไม่สะอาดถูกใจสายใจ ปรียาพรก็จะโดนดุโดนว่า คนที่นั่งยิ้มเมื่อเห็นพี่สาวนอกสายเลือดโดนตำหนิคือปรียารัตน์
เพียงแค่ได้เห็นใบหน้าสวย สรีระหน้าฟัดของ พลอยพัตรา ทำให้ เฟอเดอริค มอโร อยากจะคว้าตัวเธอมาเป็นดอกไม้บนเตียงของเขาทันที คนเจ้าเล่ห์และเจ้าบุญทุ่มอย่างเขาจึงทำทุกอย่างที่จะได้ดอกไม้ดอกนี้มาเชยชม
"ฮือๆ .. ทำไมทำอย่างนี้กับรุ้ง ทำไมต้องเป็นเดียร์ ทำไม?" ความรู้สึกเสียงใจของหทัยชนกจะน้อยกว่านี้ หากคนที่เป็นภรรยาน้อยของสามีไม่ใช่เกวลิน...เพื่อนรักของเธอ
"คนอย่างเธอความเจ็บปวดแค่นี้มันยังน้อยเกินไป เธอต้องเจ็บเหมือนกับที่มินามิเจ็บ และต้องเจ็บยิ่งกว่าหลายร้อยเท่า ฉันจะทำให้เธอตายอย่างช้าๆ แต่ทุกข์ทรมานแสนสาหัส เธอจะไม่ได้ยินหรือสัมผัสกับความอ่อนโยนเมตตาจากฉัน สิ่งที่ฉันจะมอบให้เธอมีเพียงความเกลียดชังเท่านั้น จำใส่กะโหลกไว้" เรียวเหวี่ยงร่างงามไปที่เตียงนอนอย่างแรง มือหนาจับที่ข้อเท้าของเธอไว้แน่นเมื่อรู้ว่าเธอกำลังกระเถิบตัวหนี "หนีสิ หนีเลย ถ้าเธอหนี คนที่ตายเป็นคนแรกคือแม่ของเธอ ฉันจะให้แม่เธอตายเหมือนหมูเหมือนหมาข้างถนน เหมือนกับที่เธอฆ่าแม่ของฉัน" ดวงตาเขาเปล่งแสงแรงกล้าของความอาฆาต เมื่อนึกถึงข้อนี้อยากจะฆ่าหญิงสาวตรงหน้าให้ตายตามมารดาและคนที่เขารัก แต่ความตายอาจจะไม่ทำให้เขาสะใจ นอกจากกระกระทำต่อไปนี้ที่สะใจเขามากที่สุด ทรรศิกาหยุดดิ้นรนขัดขืน เขาจึงปล่อยข้อเท้าของเธอให้เป็นอิสระ จัดการปลดเปลื้องเสื้อผ้าต่อหน้าเธอ ความกลัวเริ่มเกาะกินจิตใจของเธอมากขึ้นเรื่อยๆ อยากจะวิ่งหนีออกไปจากที่นี่ แต่เมื่อนึกถึงมารดา ทำให้เธอก้มหน้ารับชะตากรรมที่กำลังจะเกิดขึ้น เรื่องที่คุณน่าจะสน
ความอิจฉาน้องสาวต่างมารดาคือจุดเริ่มต้นของแผนการ “ชิงไอศูรย์” มาเป็นของตน เธอจึงใช้เล่ห์เหลี่ยมง่ายๆ คือวางยานอนหลับเขา พอตื่นขึ้นมาก็จะติ๋งต่างว่า เขากับเธอมีอะไรกัน ทว่าแผนเกิดผิดพลาด ยาที่ผสมในไวน์กลับเป็นยาปลุกเซ็กซ์ ผลที่ออกมาคือ ไอศูรย์มีความสัมพันธ์ทางกายกับเธอจริงๆ ในที่สุด ชเนตตีได้แต่งงานกับเขาตามตั้งใจ ทว่าผลที่ออกมา ไม่ได้เป็นไปตามที่คิดไว้ “เนยใส่อะไรในแก้วไวน์ของพี่ใช่ไหม ไม่อย่างนั้นพี่จะไม่มีวันอยู่ในสภาพแบบนี้” เขาถามอีกครั้งเมื่อเห็นอีกฝ่ายเงียบ เสียงที่ถามเข้มห้วน ใบหน้ายังคงเรียบตึง สายตาถมึงทึงใส่ร่างอวบที่ย่นคอหนีน้ำเสียงแผดกร้าว “ตอบพี่มา” “ใส่อะไร เนยไม่รู้เรื่อง…ฮือ…พี่เจย์ทำผิดแล้วอย่ามาโทษว่าเนยวางยาพี่นะ…ฮือ” เธอยังคงปากแข็งต่อไป หลบสายตาแข็งกร้าวพัลวัน
“ว้าย!!..” เธอร้องได้เพียงเท่านั้น ก่อนที่ปากของหยาดน้ำค้างจะถูกมือใหญ่ของใครบางคนปิดเอาไว้ ลำแขนอีกข้างรัดร่างน้อยไว้แน่น ก่อนจะลากไปที่พุ่มไม้รกข้างทาง “อย่าดิ้น อย่าร้อง ไม่งั้นจะจับปล้ำมันตรงนี้แหละ” เสียงที่พูดชิดเรียวหูสะอาด ทำให้เธอรู้ว่าเจ้าของเสียงนั้นคือใคร..เหมันต์ วิเศษเดโช เขาดันร่างเล็กให้แผ่นหลังแนบชิดกับต้นไม้ใหญ่ขนาดสี่คนโอบ ใช้ลำแขนกักร่างบางเอาไว้ “ปล่อยนะ” หญิงสาวพูดเสียงเบาทว่าหนักแน่น เธอไม่กล้าพูดเสียงดังมาก เพราะกลัวว่าคนที่เดินผ่านไปผ่านมาจะได้ยิน “ไปกล่อมพ่อหรือกล่อมลูกมาล่ะ ถึงได้อ้อยอิ่งเป็นชั่วโมงแบบนี้” น้ำเสียงของเหมันต์เขียวเหมือนกับใบหน้าที่เขียวคล้ำด้วยความโกรธ “มันเรื่องของฉัน..คุณไม่เกี่ยว..เราไม่มีอะไรต่อกันแล้ว คุณก็ได้ในสิ่งที่คุณต้องการแล้วนี่ จะมาเอาอะไรกับฉันอีก ปล่อยนะ ฉันจะกลับที่พัก” หยาดน้ำค้างพยายามดิ้นรนหนีพันธนาการที่รัดร่างอยู่ แต่ทว่าลำแขนของเขานั้นหาได้คลายออกไม่ ยิ่งรัดแน่นมากกว่าเก่า เมื่อได้ยินวลีของเธอ “ทำไมผมจะไม่เกี่ยว ในเมื่อน้ำค้างเป็นเมียของผม..เป็นเมีย หรือว่าจำไม่ได้ว่าเราสองคนมีความสุขกันมากแค่ไหน” เขาเท้าความหนหลังให้เธอได้ฟัง ฝ่ายหญิงนิ่งเงียบกับคำพูดของเขา เธอไม่เถียงว่ามีความสุขมากแค่ไหนเวลาได้อยู่ใกล้ชิดกับเรือนกายที่แสนแข็งแรงและอบอุ่น หากแต่ความทุกข์และความเสียใจที่เธอได้รับนั้นมันก็มากมายเช่นกัน ไม่ว่าจะเป็นความสุขหรือว่าความทุกข์ เธอก็ไม่มีวันลืมเช่นกัน และไม่มีทางจะกลับไปจมกับความทุกข์อีกแล้ว “ฉันไม่ใช่เมียคุณ..ถ้าคุณคิดว่าการที่เรามีอะไรกันแล้วฉันจะเป็นเมียคุณ พี่ว่านก็ต้องเป็นสามีของฉันเหมือนกัน” หยาดน้ำค้างคิดว่าวิธีนี้เป็นวิธีที่ดีที่สุด วิธีที่เขาไม่มีทางมายุ่งเกี่ยวกับเธออีก อ้อมแขนที่รัดร่างนิ่มคลายออกโดยอัตโนมัติ หัวใจของคนที่ฟังเต้นเร็ว ดวงตาคมเข้มสีดำเรืองแสงในความมืดที่โรยตัวไปทั่วบริเวณ บ่งบอกอะไรหลายอย่างในแววตา เสียใจ ไม่คาดฝัน ไม่แน่ใจ
จะกี่หมัดก็ไม่หวั่น กี่ยกก็ไม่กลัว เธอจะ Knock Out ด้วยหัวใจติดปลายนวม ภัทรียายินดีสานต่อค่ายมวยและรับผิดชอบหนี้สินรุงรังต่อจากพ่อซึ่งเสียชีวิต แต่ ณ วันนี้หนี้สินสามปีที่ผัดผ่อนมาตลอดทำให้เธอมืดแปดด้าน ไม่ว่าความหวังแสนริบหรี่แค่ไหน เธอก็คว้าไว้อย่างไม่รอช้า ไม่เว้นแม้แต่การเป็นภรรยาหลอกๆ ต่อให้ต้องโดนแม่สามีดูถูกทุกขณะ น้องสาวสามีจ้องเหยียดชาติกำเนิดทุกครั้งที่เจอหน้า ภัทรียาก็ไม่หวั่นเกรงแม้แต่น้อย เพราะเธอคือ... ‘มะปราง ลูกจ่าดาบ ศิษย์จอมทอง’ นักมวยสาวหุ่นกระชากใจหนุ่มๆ หากไม่เพราะกำลังจะถูกแม่จับคลุมถุงชน ธัชธรรมจึงต้องเลือกใช้วิธีสิ้นคิด จ้างนักมวยสาวหมัดหนักที่กำลังร้อนเงินมาเป็นภรรยากำมะลอ จดทะเบียนจริง อยู่ด้วยกันจริง...และทำท่าว่าจะต้องอยู่ด้วยกันอีกนาน รออีกอย่างเดียวเท่านั้น... รอให้สะใภ้กำมะลอยอมเป็นภรรยาตัวจริงของเศรษฐีหนุ่มหล่อ
ในวันครบรอบแต่งงาน เหวินซือถูกเมียน้อยของสามีวางยาและไปมีอะไรกับคนแปลกหน้า เธอสูญเสียความบริสุทธิ์ไป แต่เมียน้อยคนนั้นกลับตั้งท้องลูกของสามี ภายใต้ความกดดันต่างๆ เหวินซื่อสูญรู้สึกสิ้นหวังและตัดสินใจหย่า แต่สามีของเธอกลับไม่แยแสโดยคิดว่าเธอกำลังเล่นลูกไม้อยู่ หลังจากการหย่ากัน เหวินซือกลายเป็นจิตรกรที่มีชื่อเสียงและมีผู้ชายนับไม่ถ้วนที่ตามจีบเธอ อดีตสามีไม่ยอมและขอคืนดีไปถึงที่ จากนั้นก็ว่า เธออยู่ในอ้อมแขนของคนใหญคนโตคนหนึ่ง และชายคนนั้นก็พูดอย่างสงบว่า "ดูให้ดี นี่คือพี่สะใภ้ของนาย"
หลังจากแต่งงานได้ 2 ปี ในที่สุดเจียงเนี่ยนอันก็ตั้งครรภ์สักที ความดีอกดีใจของเธอแต่กลับแลกกับคำขอหย่าของสามี หลังจากการสมคบคิด เธอนอนในกองเลือด และต้องการขอร้องเขาให้ช่วยเด็กเอาไว้ แต่กลับไม่สามารถติดต่อกับอีกฝ่ายได้ ด้วยความสิ้นหวังเธอจึงออกจากประเทศไป ต่อมาในงานแต่งงานของเจียงเหนียนอัน คุณกู้เสียการควบคุมและคุกเข่าลง ดวงตาของเขาแดงก่ำ "มีลูกของฉัน แล้วเธออยากจะแต่งงานกับใครกัน?"
ในชีวิตชาติที่แล้ว เพื่อช่วยรักแรกของตัวเอง คนชั่วสามคนได้ทำลายพลังการต่อสู้ของนาง ตัดแขนขาของนางออก ตัดเส้นเลือดของนางและปล่อยเลือดของนางไหลออกมาทั้งอย่างนั้น และทรมานนางจนตาย เมื่อเกิดใหม่ครั้งนี้ นางวางแผนอย่างรอบคอบ โดยสาบานว่าจะให้พวกเขาได้สัมผัสกับความทุกข์ทรมานที่นางเคยประสบมา! รักแรกที่ไร้เดียงสาอะไรกัน ที่จริงก็เป็นเพียงผู้หญิงที่ตีสองหน้าเก่ง อยากจะไต่ขึ้นไปสูงเหรอ งั้นก็จะให้เจ้าปีนขึ้นไป ยิ่งปีนขึ้นสูงมากเท่าไร ตอนตกลงมาก็จะยิ่งเจ็บมากเท่านั้น! พวกสวะสมควรได้รับบาปกรรมของพวกสวะ พวกมันทำชั่วกับนางไปชั่วชีวิตหนึ่ง นางจะทำให้พวกมันไม่ตายดี พวกคนที่เจ้าเล่ห์ ตีสองหน้าเก่ง นางจะจัดการกับทุกคน! แต่นางไม่เคยคิดเลยว่าในการแก้แค้นของนาง นางจะไปมีเรื่องกับเสด็จอาที่เป็นเจ้าแผนการเข้า ที่วัน ๆ ต้องการให้นางจูบและกอดเขาตลอดทั้งวัน ในขณะที่นางแก้แค้นคนชั่วนั้นยังสามารถสนิทสนมกับเสด็จอาด้วย ในความจริงแล้ว การที่เป็นผู้หญิงชั่วๆ ก็มีความสุขมาทีเดียวกว่าที่คิดเลย!
หลังจากแต่งงานกันมาสองปี สามีของเธอไม่เคยเหยียบเข้าไปในบ้านและมองดู 'ภรรยาขี้เหร่' ของเขาเลย แถมเขาก็มีเรื่องอื้อฉาวกับดาราหน้าใหม่หลายคนทุกวัน ซูเหว่ยทนไม่ไหวอีกต่อไป เธอตัดสินใจปล่อยเขาไป ต่อไปก็ต่างคนต่างไปเลย แต่เมื่อเธอเสนอเรื่องหย่า... ฟู่เหยียนอันพบว่านักออกแบบในบริษัทนั้นสะดุดตาเป็นพิเศษ เขาค่อยๆ ทำความรู้จักกับเธอเรื่อยๆ จนกระทั่งวันหนึ่งเขาค้นพบตัวตนที่แท้จริงของเธอเข้า เขาเสียใจแล้ว
กู้ชิงเฉิงเชื่อมั่นมาตลอดว่าตราบใดที่เธอประพฤติตัวดี สักวันหนึ่ง เธอก็จะสามารถชนะใจมู่ถิงเซียวให้ได้ อย่างไรก็ตาม เมื่อเสิ่นถัง รักแรกที่เขาคิดถึงมาตลอดกลับมา ทุกอย่างก็เปลี่ยนไป กู้ชิงเฉิงเป็นคนว่าง่ายสอนง่ายจริงๆ เธอจัดงานแต่งงานด้วยคนเดียว และนอนคนเดียวในห้องผ่าตัดเพื่อรับการรักษาฉุกเฉิน มีข่าวลือว่าเธอบ้าไปแล้ว อันที่จริงเธอบ้าไปแล้วจริงๆ ที่รักใครสักคนอย่างไม่ละอายขนาดนี้ ต่อมา ทุกคนลือกันว่า กู้ชิงเฉิงป่วยหนักและกำลังจะเสียชีวิต มู่ถิงเซียวถึงสูญเสียการควบคุมอย่างสิ้นเชิง "ฉันไม่ปล่อยให้เธอตาย" แต่เธอกลับยิ้มอย่างนิ่งๆ ว่า "ดีจังเลย ฉันเป็นอิสระแล้ว" ใช่แล้ว ไม่ต้องการกู้ชิงเฉิงอีกแล้ว"
เซิ่งหนานหยินเกิดใหม่แล้ว ชาติที่แล้ว เธอถูกชายชั่วหักหลัง ถูกชายเสแสร้งใส่ร้าย โดนครอบครัวสามีเล่นงาน จนทำให้เธอล้มละลายและเป็นบ้าไป ในท้ายที่สุด เธอเสียชีวิตอย่างน่าสลดใจด้วยอุบัติเหตุทางรถยนต์เมื่อเธอตั้งครรภ์ได้ 9 เดือน แต่คนร้ายกลับทำเงินได้มากมาย และใช้ชีวิตทั้งครอบครัวอย่างมีความสุข เกิดใหม่ครั้งนี้ เซิ่งหนานหยินคิดตกอล้ว อะไรที่ว่าพระคุณช่วยชีวิต คนรักในใจอะไรกัน ล้วนไม่ต้องไปสน เธอจะจัดการชายชั่วหญิงร้าย สร้างชื่อเสียงให้กับตระกูลเก่าของตนเองขึ้นมาใหม่อีกครั้งและนำตระกูลเซิ่งไปสู่จุดสูงสุดของชีวิต สิ่งที่แตกต่างออกไปก็คือ คนที่หยิ่งมาตลอดในชาติที่แล้ว กลับเป็นฝ่ายริเริ่มมาหาเธอ "เซิ่งหนานหยิน การแต่งงานครั้งแรกผมไม่ทัน การแต่งงานครั้งที่สองก็ต้องถึงคิวผมแล้วสินะ"